✿ Application ✿
"ปากหวานจังนะคะ แต่ไม่ต้องชมหรอกค่ะ..
พอดีรู้ตัวดีค่ะ..ว่าสวย J"
คู่ :: ฮิมุโระ ทัตสึยะ
ชื่อ :: คาซุมิ โฮตารุ [Kazumi Hotaru]
ชื่อเล่น :: โฮระ [Hora] *ชื่อสำหรับคนสำคัญเช่น เพื่อนสนิท ครอบครัว และคนรักเท่านั้นค่ะ (คนรักในที่นี้ไม่รวมหนุ่มๆ ในสต๊อกของนางนะคะ ฮาา)* ll โดยปกติคนส่วนมากจะชอบเรียกเธอว่า คาซุซัง กันซะส่วนมากค่ะ ส่วนที่มาของชื่อนี้นั้น ต้องบอกว่าอยู่ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีสาเหตุ ผนวกกับเจ้าตัวชอบชื่อนี้อยู่ด้วย คนอื่นเลยพากันเรียกเเบบนี้ไปหมดเลยนั่นเองค่ะ---
ความหมายของชื่อ :: คาซุมิ สามารถเเปลออกมาได้ว่า ความสวยงาม ส่วนโฮตารุ นั้นแปลว่า หิ่งห้อย ค่ะ! หากนำความหมายมารวมกันก็จะได้ความหมายว่า 'หิ่งห้อยที่มีความสวยงาม' นั่นเองค่ะ
(สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ นั่นเพราะโฮตารุมีความงดงามที่ดูน่าหลงใหลอย่างมากมาแต่เกิดค่ะ โดยคนตั้งนั้นคือแม่ของโฮตารุเอง หญิงสาวนั้นคิดว่า หิ่งห้อย นั้น ถึงมันจะเป็นเล็กจ้อยแต่ก็งดงามมากเมื่อโบยบินยามราตรี ท่ามกลางความมืดเหล่านั้น เเสงของหิ่งห้อยนั้นล่อลวงให้ผู้คนรู้สึกหลงใหลและอยากครอบครองมัน บวกกับเธอชอบบรรยากาศตอนกลางคืนที่มีหิ่งห้อยรายล้อมอย่างมาก ทำให้เลือกจะตั้งชื่อนี้ให้กับโฮตารุนั่นเองค่ะ ll ชื่อนี้ได้รับมาก่อนที่ผู้เป็นมารดาจะหนีไปค่ะ เพราะงั้นตัวโฮตารุเลยไม่รู้สึกชอบใจในชื่อนี้นัก จึงนิยมให้คนส่วนมากเรียกเธอว่า คาซุมิ หรือ คาซุซัง เสียมากกว่า)
อายุ :: 25 ปี
ลักษณะรูปร่างหน้าตา :: คาซุมิ โฮตารุ หญิงสาวลูกครึ่งเจ้าของเสน่ห์เรือนกายเเละใบหน้าอันมากล้นเกินจะต้านทาน ผิวขาวเผือกผ่องพรรณงามตาน่าลิ้มลองสร้างร่องรอย ทั้งยังนุ่มนิ่มเนียนสวยไร้รอยตำหนิใดๆ ให้มากลบความงามเปล่งปลั่งของตัวเธอ ใบหน้าละอ่อนวัยราวสาวมหาลัยวัยยี่สิบเศษชวนให้เข้าใจผิด นัยน์ตาสีน้ำเงินฟ้าประหนึ่งไพลินราคาเเพงที่เเม้จะดูนิ่งสงบ ทว่ากลับแฝงด้วยเสน่ห์ดึงดูดน่าลุ่มหลงจนไม่สามารถละสายตาออกไปได้ยามเมื่อได้จดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เเพขนตาเเสนหนางอนยาวขับเน้นนัยน์ตาสีดำขลับโดยไม่ต้องพึ่งการเเต่งเติมสำอางค์ใด จมูกโด่งโค้งสวยเป็นธรรมชาติเข้ากับเรียวคิ้วโก่งโค้งสีเดียวกับเรือนผมยาวสวยละกลางหลังสีควันบุหรี่ ความนุ่มนิ่มลื่นมือนั้นราวกับว่าเป็นแพรไหมชั้นเลิศราคาดีอย่างไรอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังเข้ากับหญิงสาวได้อย่างดีราวกับว่ามันเป็นสีที่เกิดมาเพื่อเธอ ไม่ว่าจะจับทำเเต่งทรงใดๆ ล้วนแต่งามล้ำน่าลุ่มหลงทั้งสิ้น ทั้งเสน่ห์มากมายเหลือคณานั้นจะเพิ่มพูนมากขึ้น เมื่อกลีบปากสีชมพูอ่อนเคลือบลิปสีอ่อนคลี่ยิ้มเย้ายวนประดับใบหน้า เรือนร่างสะโอดสะองค์ชวนให้สัมผัสเเละลูบไล้ สัดส่วนเค้าโว้งเด่นชัดชวนน้ำลายสอในชุดรัดรูปเผยผิวกายวับเเวบ ส่วนสูงไม่สูงมากทว่าไม่ได้เตี้ยจนเกินงามอย่าง 165 ซม. เข้าคู่ไปกับน้ำหนัก 55 กก. ได้อย่างลงตัวพอดิบพอดียิ่งนัก
ลักษณะคำพูด :: คาซุมิ โฮตารุ สาวลูกครึ่งผู้ที่สำเนียงอังกฤษชัดเป๊ะปานเกิดเเละโตที่นั้น ทว่าสำเนียงบ้านเกิดกลับฟังดูไม่ค่อยคล่องเเคล่วเสียเท่าไหร่ เหตุเกิดจากงานที่ทำประจำนั้นแทบจะไม่ได้ใช้ภาษาบ้านจนสมองแทบจะลืม---โฮตารุเป็นผู้หญิงที่มีน้ำเสียงเรียกได้ว่านุ่มลึกและมีเสน่ห์อย่างเเท้จริง ความหวานระรื่นหูเช่นหญิงสาวเชิญชวนให้หลับตาพริ้มฟังเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ หญิงสาวนั้นชอบหัวเราะกลั้วเบาๆ ในลำคอประกอบประโยคคำพูดของเธอเสมออย่างเคยชิน มักแทนตนว่า ฉัน และเรียกคนอื่นว่า นาย หรือ เธอ เสมอ เป็นคนที่ทำงานด้านบริการทำให้คุ้นชินกับคำสุภาพเป็นอย่างดี เเต่เรื่องน่าเวียนเศียรคือ แม่คุณดันนำคำสุภาพไปประยุกต์ใช้กับคำด่าได้อย่างน่านวดขมับอย่างมาก ดังนั้นเวลาด่าชาวบ้านเขาบางที เลยอารมณ์สุภาพจัดไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ..ด้วยฝีปากแซ่บสะเด็ดที่ได้ทั้งยั่ว (?) ทั้งด่าของโฮตารุ แม้จะสุภาพยังไงก็ยังคง เจ็บจี๊ด อยู่ดี แต่ยามใดที่ร่ำไห้หรือทุกโศก โฮตารุจะมีน้ำเสียงที่สั่นเครือเเละเศร้าโศกเป็นอย่างมาก จนใจคนฟังต้องบีบร้าวไปหมดสิ้น เธอมักจะปากไม่ตรงกับใจเสมอเวลาร้องไห้และเศร้าโศก นั่นเพราะเธอไม่ต้องการเเสดงความอ่อนแอของตนเองออกไปยังไงล่ะ..
}}ตัวอย่างประโยคสนทนา{{
"รองเท้าเเบรนด์นี้ดีไซน์ออกมาสวยจริงๆ นะคะเนี่ย อืมม..งั้นฉันขอสามคู่นี้แล้วกันนะคะ" ตัดสินใจอยู่หน้าแผงรองเท้าในร้านเเบรนด์โปรดของห้างดัง ก่อนจะชี้ฉึบ ฉึบ ฉึบเเบบฉับไว
"ถ้ามีเวลามานินทาฉัน เอาไปเกลี่ยร่องรองพื้นบนหน้าให้มันเนียนก่อนดีไหมคะ? แหม่.." เหยียดหางตามองเเล้วกระตุกมุมปากยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงหวานเจี๊ยบแต่ความเย็นลบสิบ
"อะไรกันคะ..ผู้ชายพวกนั้นเขามาหาฉันกันเองนะ ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อยนี่" ว่าด้วยสีหน้าหมองหม่นแบบเสเเสร้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปลูบหน้าและมองหนุ่มในสต๊อกข้างตัวด้วยสายหวานเชื่อม เป็นการเย้ยคนที่เข้ามาด่าว่าเธอ "เนอะ..โคตาชิคุง" (ชื่อเด็กในสังกัดนางค่ะ---ฮา)
"โง่" คำเดียวสั้นๆ พร้อมสายตาเหยียดสุดกำลัง ในตอนที่ด่าใส่หน้าใครสักคนเวลาโกรธ
"ตายจริง ฉันเพิ่งรู้นะคะ..ว่าสายตาคุณมองเห็นฉันด้วย" ว่าด้วยสีหน้าตกใจน้อยๆ พร้อมยกมือทาบอก นัยน์ตาปรากฏเเววท้าทายและโกรธเบาๆ ยามที่บิดาเอ่ยบอกอะไรสักอย่าง
"ไงคะ ได้ข่าวว่าแฟนทิ้งนี่คะ? อุ๊บส์--ขอโทษค่ะ ลืมไปว่าไม่ควรพูด" ยกมือปิดปากเบาๆ ทำตาโตสีหน้าละห้อยนิดๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเบ้ปากเย้ยหยันใส่ด้วยรักเเละหมั่นไส้ (?)
ส่วนสูง :: 175 ซม.
น้ำหนัก :: 57 กก.
อาชีพ :: รับสอนพิเศษภาษาต่างประเทศ
{คือสอนพิเศษภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน) ให้เด็กม.ปลาย-มหาลัยอยู่ค่ะ ll ได้เงินดีมากในระดับหนึ่ง เนื่องด้วยมีวุฒิการศึกษาสูง และเป็นที่รู้จักในวงกว้างค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าตัวมักโผล่ไปเป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาลัยชื่อดังอยู่บ่อยๆ เป็นการยืนยันความสามารถในอีกทางล่ะนะคะ---}
{เคยทำอาชีพเเอร์โฮสเตสมาก่อนค่ะ แต่เพราะอายุอยู่ในช่วงรอยต่อเเล้วเลยลาออกมาสอนพิเศษเด็กแทน อันหนึ่งอันใด ตอนทำแอร์โฮสเตสเธอได้เงินเดือนที่สูงในระดับหนึ่ง ตอนนี้เลยมีเงินถุงเงินถังให้ผลาญเล่นอยู่ในบัญชีนั่นเอง---ซึ่งในความจริงเจ้าตัวมีความรู้หลายภาษามากพอสมควร แต่ที่ได้เด่นๆ ก็คือ อังกฤษ (สำเนียงอเมริกา) ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่นค่ะ}
วันเกิด :: 20 พฤษภาคม
กรุ๊ปเลือด :: AB
ลักษณะนิสัย ::
คาซุมิ โฮตารุ หญิงสาวแสนงามผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันมากล้น และเเรงดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างเต็มเปี่ยมเต็มแม็กซ์ มาพร้อมกับบุคลิกท่าทางดูสง่าเฉิดฉายสะกดสายตา ทุกการกระทำของเธอนั้นจะต้องโดดเด่นและดึงดูดสายตาของผู้คน ไม่ว่าโฮตารุจะเดินซ้าย เดินขวา หรือจะเเค่นั่งเฉยๆ มันก็ทำให้ชาวบ้านเขามองตามตาไม่กระพริบ และเอี้ยวสายตามองตามจนคอหันได้เเล้ว เธอเป็นคนมีออร่าจับราวกับนางเเบบระดับโลก มีรัศมีเเพรวพราวโดดเด่นออกมาจากชาวบ้าน ถึงจะสวมชุดธรรมดาเชยๆ ก็สามารถดูเเพงมีราคาแบรนแนมได้เมื่ออยู่บนตัวเธอ แม้กระทั่งสวมเเว่นปิดใบหน้ามิดชิดก็ยังเด่นสะดุดตาอยู่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเกิดจากท่วงท่าดูสง่าแบบนางแบบรันเวย์ระดับโลกของเธอที่ติดเป็นนิสัย และใบหน้ารูปร่างอันสวยสดงดงามสะกดตาของโฮตารุยังไงล่ะ ยิ่งพูดถึงสีผมยิ่งเเล้วใหญ่ เด่นสุดๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ล่ะนะว่าผมสีนั้นมันเข้ากับโฮตารุเเบบสุดๆ ไปเลยน่ะ
โฮตารุเป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าสวยมาก..มากระดับที่ว่าแค่กระตุกยิ้มมุมปากกับส่งสายตานิดหน่อย ก็มัดใจชายได้อย่างง่ายดายปานปอกกล้วยเข้าปาก เป็นคนจำพวกฟีโรโมนเเรง มักดึงดูดสายตาของเหล่าผู้คนโดยรอบให้เข้าหาเสมอ เป็นเหตุให้ตัวเธอมีผู้ชายรายล้อมรอบตัวมากมายนับไม่ถ้วนเลยล่ะ ด้วยความสวยระดับนี้เเล้ว ผู้ชายทั้งหลายท่านย่อมอยากควงเธอกันอยู่เเล้วล่ะ แน่นอน..โฮตารุไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอกนะ เขาอยากควง เธอก็โอเค ดีลๆ กันไป เพียงแค่ว่าคนที่เลือกคือเธอ และเธอไม่ได้ควงคนเดียวไง : ) กล่าวเเล้วก็คือผู้หญิงเพลย์เกิร์ลเจ้าชู้เจ้าเสน่ห์ยังไงล่ะ เธอน่ะเปลี่ยนคู่ควงบ่อยยิ่งกว่าอะไรดี วันนี้ควงคนนี้ พรุ่งนี้อาจกำลังควงอีกคนอยู่ก็ได้ บางทีนางควงพร้อมกันถึงสองคนด้วยซ้ำ..เอ หรือว่าสามนะ? ไม่รู้สิ ก็แล้วแต่ใจว่าตอนนั้นอยากควงใคร เเละเบื่อใครตอนไหนอ่ะนะ
โฮตารุเป็นผู้หญิงรักสนุก เธอชอบเที่ยว เธอชอบเเด๊นซ์ เธอชอบช็อป และการควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าสำหรับเธอมันสนุก (มากด้วย--) การเที่ยวราตรีถือเป็นงานอดิเรกยามว่างอย่างหนึ่งของเธอ เธอทำมันจนเหมือนจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วเสียด้วยซ้ำไป โดยส่วนตัวเเล้วโฮตารุเป็นคนที่รักสนุกและไม่ชอบให้มีอะไรมาขัดขวางความสนุกสนานของเธอ คำพูดคำบ่นคล้ายลมผ่านหู เข้าหูซ้ายก็ทะลุออกหูขวา หรือจะคำติฉินนินทาอะไรพวกนั้นก็ว่าไป ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกผิดเจี่ยมเจี๋ยมอยากทำตัวดีด้วยการคบผู้ชายเพียงคนเดียว หรือหยุดเที่ยวกลางคืนขึ้นมาได้หรอกนะ
มั่นหน้ามั่นโหก ก็แล้วไงอ่ะ คนมันมีดีให้มั่นไง โฮตารุมีนิสัยที่มั่นอกมั่นใจในตัวเองสูง เชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำในสิ่งนี้สิ่งนั้นได้เสมอๆ และคิดด้วยว่าเสน่ห์ของเธอมันมากพอจะทำให้ชาวบ้านเขามารักมาชอบได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก หรือต่อให้ออกแรงมาก ก็จะต้องเกี่ยวเบ็ดแอ๊วเขามาเป็นเด็กในสังกัดให้จงได้! (?) ในเรื่องหน้าที่การงานอื่นๆ เจ้าตัวก็มีความมั่นใจในการสอนการเถียงเช่นกัน อันเนื่องด้วยว่าตัวโฮตารุ นอกจากสวยเเล้ว แม่นางยังมีความสามารถที่เเพรวพราวน่าจับตามองและรวยพอสมควรอีกด้วย และความรวยของเธอไม่ใช่ความรวยจากต้นตระกูลบรรพบุรุษแต่อย่างใด ทว่าเป็นเงินที่ตนเก็บหอมรอมริบสร้างมันขึ้นด้วยน้ำมือของตนเองต่างหากล่ะ โฮตารุเป็นผู้หญิงที่เก่งและสตรองมาก เธอสามารถอยู่คนเดียวและจัดการปัญหาชีวิตต่างๆ ได้อย่างสบาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งความสามารถสุภาพบุรุษหรือเงินบิดามารดาเลยแม้แต่น้อย เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมพึ่งมากกว่าล่ะนะ..เพราะถึงจะลำบากยังไง เธอก็จะพยายามทำมันด้วยตัวเองให้สำเร็จให้ได้ ไม่ชอบให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่จำเป็น พอมีคนพยายามช่วยก็หงุดหงิดอีกต่างหากล่ะนั่น หัวดื้อสุดๆ ไปเลยล่ะ
บุคคลผู้มีความฉลาดในกระเเสเลือดทางด้านภาษาสูงมาก วิชาการอื่นๆ นั้นไปรอดเเละไม่แย่ ทั้งนี้ยังมีความเป็นผู้นำในตัวสูง ปกครองผู้อื่นได้ดีด้วยการชักจูงเเละเล่ห์เหลี่ยมวาจาที่เอาไว้ใช้ในการวิวาทะนั่นเอง ต้องบอกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เข้าข่ายคำว่าเพอร์เฟค แต่นิสัยไม่ดีไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง (นิดหน่อย..?) นั่นเเหละ ความสามารถของเธอมันเป็นของจริงไม่ได้เฟค เพราะงั้นเวลาทำงานร่วมกับผู้อื่น แม้อาจจะมีบ้างบางคนที่ไม่ถูกโฉลกกับนิสัยของเธอ แต่ด้วยความสามารถและความเป็นผู้นำในตัว ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าโฮตารุเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำจริงๆ หรืออย่างน้อย ก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยชั้นยอดที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้คนหนึ่งล่ะนะ
ใจเย็นและความอดทนสูงพอสมควร มีสติเสมอเเม้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน โฮตารุจะไม่ตบะเเตกหรือหลุดโกรธได้ง่ายๆ นอกจากว่าเธอจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เท่านั้น เป็นคนมีบุคลิกภายนอกดูนิ่งๆ ยิ้มๆ สตรองและไม่หวั่นเเม้จะโดนล้อมเตรียมตบหรือจิกด่า เรียกได้ว่าคีฟลุคสาวสง่ามีราศีไว้ทุกท่วงท่า เวลาจะต้องมีเรื่องกับใคร ก็ทำใจเย็นเอาน้ำเข้าลูบ ยิ้มบางๆ เข้าไว้ให้เขารู้ว่าเราไม่โกรธ อนึ่งมีความนัยเเฝงจางๆ ว่า ฉันไม่ลดตัวลงไปโกรธไปวีนกับพวกปากหอยปากปูเเบบคุณหรอกค่ะ (?) ประมาณนั้น แต่จุดประสงค์หลักของโฮตารุคือ สโลแกนของเธอที่ว่าด้วย ฉันต้องสวยทุกจังหวะการหายใจและการขยับเท้า อะไรแบบนั้นต่างหากล่ะ จะให้มาวี๊ดๆ เป็นยัยบ้าน่ะเหรอ ไม่เอาหรอกย่ะ! ดังนั้นการจัดการกับเหล่าบุคคลไม่ประสงค์ดีที่เข้ามาหาเรื่องของเธอ ก็จะเป็นการใช้ฝีปากหรือสถาการณ์ในตอนนั้นชักจูงให้อีกฝ่ายยอมรามือไปเอง รวมถึงใช้สายตากดดันกับท่าทางต่างๆ ด้วย โฮตารุค่อนข้างมี Body language ที่ดีพอสมควร จะเอาไปใช้เเสดงข่มคนเขาหรือเอามาเดาใจชาวบ้านก็ได้ล่ะนะ นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบจากการที่เธอเก่งทักษะการเเสดงนั่นเอง
โฮตารุควบคุมอารมณ์และสีหน้าของตนเองได้ดีมากในระดับหนึ่ง ใบหน้าของเธอมักฉาบไว้ด้วยยิ้มบางๆ ดูราบเรียบไม่มีอะไร แม้ว่าอารมณ์ในตอนนั้นมันจะโคตรเบื่อหรือโคตรหงุดหงิดก็ตามที ค่อนข้างห่วงภาพลักษณ์ของตนเองในระดับหนึ่ง เลยไม่ชอบเเสดงความโกรธของตนเองออกไปง่ายๆ เป็นผู้หญิงที่เก่งการแหล---แค่ก เก่งเเสดงละครตบตาชาวบ้านเป็นอย่างมาก จะให้เเกล้งทำเป็นเจ็บแล้วเข้าไปซบหนุ่มๆ หรือแกล้งทำเป็นเศร้าเสียใจสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะชั่วร้ายสะใจเป็นที่สุด เธอก็มักทำมันออกมาได้เนียนมากจนทำให้คนอื่นที่ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอจริงๆ ไขว่เขว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ยังมีฝีปากที่ดีมาก มีสกิลแถลื่นไหลเเบบเต็มร้อยก็ต้องให้นางไปสักล้าน พลิกขาวเป็นดำ กลับผิดเป็นถูกประจำ ชอบยกเอาเหตุผลนู่นนี่มาอ้างสารพัดสารเพ พอพูดไปล้านเเปดเหตุผลแล้วยังไม่ได้สักที ก็ใช้หน้าตาเข้าช่วยด้วยการช้อนตามองอย่างน่าสงสาร เอ่ยเบาๆ ว่า 'คุณไม่เชื่อฉันจริงๆ เหรอคะ?..' ทีนี้หัวใจหนุ่มๆ ก็อ่อนยวบเเละยอมทำตามที่เธอบอกเเล้ว--เห็นไหมล่ะ ยัยนี่น่ะมันร้าย!--
นอกจากทักษะการโน้มน้าวด้วยฝีปากแล้ว ตัวเธอยังใช้ฝีปากอันฉะฉานนี้ไปยั่วโมโหคนได้เก่งมากระดับปรมาจารย์ (?) เลยก็ว่าได้ เวลาเธอหมั่นไส้หรืออยากจะเเกล้งใครสักคนเล่น ความดัดจริตในตัวมันจะพุ่งพล่านไปส่งมอบไปให้คนรอบตัวแบบอ่อนๆ ยกตัวอย่างก็..เวลาด่าคนอื่นแบบ 'หน้าด้านจังเธอ' พอด่าเสร็จ แม่นางก็จะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้เเล้วร้อง 'อุ๊บส์'..ซึ่งไอ้อุ๊บส์ของคุณเธอนี่ ทั้งน้ำเสียงเเละท่าทางนี่ต้องบอกเลยว่ายั่วเท้ามากสุดอะไรสุด--หรือบางทีก็แกล้งทำเป็นมือไม้อ่อน เอาน้ำราดชาวบ้านเขาได้หน้าตาเฉย จากนั้นก็เข้าไปเอาทิชชู่ซับให้เบาๆ ปานว่าเธอไม่ใช่คนทำ แล้วเอ่ยเสียงหวานว่า 'ขอโทษนะคะ เเบบว่า..มือลื่นอ่ะ' พร้อมส่งสายตาท้าทายสุดฤทธิ์ไปให้..ก็ นั่นแหละ โฮตารุเป็นพวกนิสัยไม่ดี ขี้แกล้ง หยอกแรง และมีความดัดจริตของสาวๆ อยู่อย่างเต็มเปี่ยมจนแทบจะพูดว่าเยอะเกิน แค่เก็บไว้ภายในเเละเลือกเอาออกมาใช้ได้ผิดเวลาผิดสถานการณ์สุดๆ เพราะช่วงจำเป็นต้องดัดจริตเพื่อรอดนางไม่ทำ เเต่กลับเอาความดัดจริตที่ว่านี่มาแกล้งชาวบ้านเขาเเทนไง เพราะงั้นเเล้ว พวกผู้หญิงด้วยกันเลยไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่น่ะนะ
บางครั้งโฮตารุก็เป็นคนมีความคิดพิลึกพิลั่นนิดหน่อย โฮตารุนั้นรู้ตัวดีว่าตัวเองสวย และพร้อมป่าวประกาศให้โลกรู้ด้วยว่าเธอสวย ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินเฉิดฉายโชว์ความงามนอกบ้านอยู่เป็นนิจ หรือการถ่ายรูปลงโซเชี่ยล แค่ว่าอย่างหลังจะไม่ค่อยทำเพราะขี้เกียจ (?) เท่านั้นเเหละ โฮตารุไม่กระดากปากเลยสักนิด ในตอนที่ต้องบอกกับคนอื่นว่า ฉันสวย--อย่างที่บอกว่า หล่อนมั่นหน้ามั่นโหนกมาก ดังนั้นเลยเพิ่มเติมอาการหลงตัวเองอ่อนๆ เข้าไปด้วยอีกหนึ่งอย่าง บางทีเจ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมมีคนมาหงุดหงิดตัวเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร ก็ทึกทักไปเองประมาณว่า ฉันสวยเกินไปจนเขาไม่มีที่ยืน เขาเลยมาโกรธฉันสินะคะ? นั่นเเหละ..อนึ่ง นี่ไม่ได้กวนประสาท..นางคิดเเบบนั้นจริงๆ นะ ไม่รู้เหมือนกันว่านี่จะถือเป็นมุมน่ารักหรือน่าตบของเธอ ที่เป็นอะไรก็ชอบโทษความสวยตัวเองไว้ก่อนอ่ะ เเบบ มีคนเดินมาเหยียบเท้า ก็ เขาหมั่นไส้ที่ฉันสวยกว่าเลยหาเรื่องแกล้งแน่ๆ ค่ะ ไม่ก็ เวลาโดนคนจ้อง ก็ มองอะไรคะ ฉันสวยโดดเด่นจนมันสะกดสายตามากเกินไปเหรอไงคะ ว่าแล้วก็สะบัดผมเบาๆ พอเป็นพิธีไปหนึ่งรอบถ้วน
นิสัยหลงตัวเองกับท่าทีสะดิ้งบอกว่าฉันสวย (?) นี้ไม่ได้มาจากความดัดจริตแต่อย่างใด มันเป็นธรรมชาติแต่เด็กของโฮตารุอยู่แล้ว (และคาดว่าผ่านไปอีกสักกี่สิบปีนิสัยส่วนนี้ก็คงแก้ไม่หาย) มันจึงมีความน่ารักน่าหน่ายแบบกรุบๆ แฝงเข้าไปด้วย ประมาณว่าเพลียกับความหลงตัวเองของนางแต่ก็ตลกเหมือนกันอะไรแบบนั้น ถ้าไม่อคติจริงๆ ก็คงไม่รู้สึกหมั่นไส้จริงจังกับท่าทีแบบนี้ของโฮตารุจนเกิดรู้สึกเกลียดขึ้นมาได้หรอก
เห็นสวยลุคคีฟเพอร์เฟคแบบนี้แต่มีมุมโก๊ะๆ กับเขาเหมือนกันนะ โดยส่วนตัวเเล้วเป็นสาวที่มีนิสัยขี้ลืมพอสมควร โฮตารุจำไม่ค่อยจะได้ว่าอยากพูดอะไรหรือเอาของไปวางไว้ไหน วันๆ หนึ่งเธอทำของหายเป็นว่าเล่น ถ้าวันไหนของไม่หายแม้จะเเค่ดินสอหรือกระเป๋าเงิน นั่นถือว่าเป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก (?) บางทีเสียบปากกาไว้กับมวยผม เธอยังเดินหาเป็นชาติเเล้วเที่ยวถามชาวบ้านไปทั่วว่าเห็นปากกานางไหม ทั้งที่มันเสียบประจานอยู่บนหัวเลยด้วยซ้ำ สำหรบการที่จำไม่ได้ว่าอยากพูดอะไร อันนี้ค่อนข้างส่งผลต่อชีวิตโฮตารุมากพอตัวเลยทีเดียวล่ะ..เพราะพอเธอสนทนาไปเรื่อยๆ มันจะมีช่วงที่แบบ เกิดลืมขึ้นมาว่าสรุปแล้วฉันอยากจะพูดอะไร แล้วก่อนหน้านี้ฉันพูดอะไรไปบ้างนะ? ขึ้นมา เลยทำให้เกิดปัญหาเวลาประชุมสนทนาบ่อยๆ ดังนั้นเเล้วเจ้าตัวเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการจดบันทึกระหว่างสนทนา และพูดให้สั้นกระชับเข้าไว้ ปิดบทสนทนาให้ไวเข้าหน่อย แต่พอผนวกกับการที่เจ้าตัวมีความปากร้ายปากดีในตัวอยู่เเล้ว เลยดูเป็นคำพูดคำจาที่ห้วนไปบ้างล่ะ เเรงไปบ้างล่ะ หรือไม่ก็กวนประสาทไปบ้างล่ะซะเฉยชิบ คนส่วนมากเลยมักกลัวเวลาต้องคุยเรื่องงานกับเธอไง ถึงหน้าจะกระตุกยิ้มบางๆ แต่เสียงนี่เย็นเยียบเเถมวาจายังเจ็บสั้นกระชับสุดๆ ไม่ให้กลัวได้ไงเล่า..
โฮตารุเป็นมนุษย์บุคลิกและคำพูดจำพวกล่อมือเท้ามากคนหนึ่ง บอกเลยว่าหน้าเเบบโฮตารุนี่โดนดักตบมาไม่น้อยกว่าสิบค่ะ--ดังนั้นจึงมีศิลปะการป้องกันตัวติดตัวเอาไว้บ้างล่ะนะ ไม่งั้นล่ะวันดีคืนดีโดนล้อมตบนี่ได้หน้าแหกเข้าโรงพยาบาลไปนอนหยอดน้ำเกลือกันพอดี..แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความกลัวว่ากล้ามจะขึ้น (?) และกลัวเล็บพัง โฮตารุเลยไม่ได้ฝึกศิลปะอะไรพวกนี้มากนัก เลยไม่ถือว่าเซียน อย่างมากแค่ทำให้ชาวบ้านชะงักกันหรืองุนงงนิดหน่อย เเล้วลอบหนีออกมาในจังหวะนั้นเท่านั้นเเหละ ถึงเธอจะเเรงเยอะฟาดคนหน้าแหกได้ เเต่ถ้าไม่จำเป็นล่ะอย่าเลย เธอไม่ชอบการลงไปตบตีกับชาวบ้านเขา ไม่ใช่ว่ากลัวคนบาดเจ็บนะ..แค่ว่ามันอาจจะทำอันตรายต่อร่างสวยๆ ของเธอได้อย่างอาจทำผิวถลอก เล็บฉีก ผมเผ้าพันกันอะไรแบบนั้น บอกเลยนะว่า ไม่วิไลมากค่ะ!
ซีเรียสกับความสวยความงามและความเป๊ะของเบ้าหน้าเป็นอย่างมาก ก่อนออกจากบ้านเป็นอันต้องทาปากแต่งตาให้พอเป็นพิธีเสมอ กระนั้นกระนี้หาใช่คนเเต่งหน้าจัดคัดเบ้าปากนู้ดเเต่อย่างใด แค่ว่าต้องการสีสันบนใบหน้าแบบพอประมาณ ไม่เอาหน้าจืด ไม่เอาหน้าซีด แค่ลิปกลอสอมชมพูก็ได้อ่ะ แต่ต้องมีไง! จะมาหน้าสดเดินหิ้วกระเป๋าจ่ายตลาดเป็นคุณแม่ลูกสามไม่ได้ค่ะ! กระเป๋าของเธอพกเครื่องสำอางค์เบื้องต้นไว้เต็มที่ พร้อมด้วยกระดาษซับมันเเละผ้าเช็ดหน้ากับโฟม เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ให้มั่นใจว่าจะไม่หน้าเยิ้มหน้าพังตอนอยู่นอกบ้านเเน่ๆ ดังนั้นเวลานางป่วย หน้าโทรมจากการทำงาน หรือสิวขึ้น ใดๆ ก็ตามแต่ที่ทำให้หน้าไม่เป๊ะปัง นางจะไม่ยอมออกจากบ้านเด็ดขาดด้วยประการฉะนี้..เวลาป่วยเลยมักทำชาวบ้านเขาตกใจและแอบกังวลในกรณีที่ไม่ได้สนิทกันดี นั่นเพราะทั้งที่เเค่ป่วยไข้ขึ้นเเล้วปากซีดหน้าซีดนิดหน่อย โฮตารุกลับขังตัวเองไว้ในห้อง เรียกให้ออกก็ไม่ออก ไล่กลับเสียงผวา (?) ลูกเดียว ทำเอาตกใจกันหมดว่านางเป็นอะไร ลื่มล้มหัวฟาดเหรอ หรือป่วยเป็นโรคติดต่อ--คือโฮตารุมันเป็นพวกโอเวอร์แอคติ้งกับความสวยงาม อย่าตกใจเลยถ้าท่าทีตอนป่วยคุณเธอมันจะดูล้ำหน้าอาการจริงๆ ไปจนชาวบ้านเขาคิดว่าโรคไข้หวัดมันเป็นโรคไข้เลือดออกได้น่ะ..
ทั้งนี้ไม่เข้าใจหรอกว่าคนอื่นเขาไม่ได้ทำตัวเวอร์แบบนี้ ดังนั้นเวลาพอหน้าออกไปแล้วชาวบ้านเห็นสภาพยังดีอยู่เลยโกรธใส่โทษฐานทำหัวใจจะวาย เธอก็ยังมีหน้าไปทำงง ผิดอะไรทำไมต้องโกรธกันคะ? ใส่อีกต่างหากเล่า กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าตัวโฮตารุยังมีมุมน่ารักอยู่บ้าง แม้ส่วนมากจะน่าตบก็ตามที--ทั้งนี้ทั้งนั้นคนนอกไม่เคยรู้หรอกว่ามันมีนิสัยส่วนนี้ในตัวของโฮตารุ และเจ้าตัวก็ไม่คิดเผยให้รู้ด้วย หากไม่ได้สนิทกันหรือใกล้ชิดกันมาสักพักล่ะก็ คงไม่รู้จักด้านอื่นของเธอนอกจากด้านที่ดูราชินี เริดเเละเชิด ดัดจริตเเละเจ้าชู้หรอก เขาเลยบอกไงว่า อย่ามองคนแค่ภายนอก (?)
ในเรื่องของความรัก..โฮตารุเป็นคนจำพวกไม่ชอบการผูกมัดอย่างมาก เธอไม่ยึดติดกับใครแค่คนเดียว ไม่สัญญาว่าจะคบกับใครเพียงหนึ่ง และเธอไม่เคยคิดจะรักใครแบบจริงจัง ทุกคนที่เธอควงด้วย มันก็แค่ว่าถูกสเป็กหรือปลื้มนิดหน่อยเท่านั้นเเหละ ไม่ได้ชอบหรือรักใคร่อะไรจริงจังหรอกนะ..โฮตารุเป็นคนที่ถือได้ว่าเห็นแก่ตัวมากคนหนึ่ง สนความสุขของตัวเองมากกว่าความสุขของคนอื่นเสมอ เพราะงั้นเลยไม่ได้สนเลยว่าเวลาคนอื่นเขาโดนเธอเท พวกเขาจะรู้สึกยังไง เธอสนแค่ว่าเธอเบื่อแล้ว เราจบกัน มันก็แค่นั้น การที่เพิ่งเลิกกับอีกคนได้ไม่เท่าไหร่ก็ไปคบคนใหม่สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด แต่เป็นเรื่องปกติ..ตัวโฮตารุ เป็นคนที่ขาดความรักไม่ได้หรอกนะ..เธอชอบและมีความสุขเมื่อถูกรักเเละได้รับการเอาใจใส่จากคนรอบตัว เวลาที่พวกเขาคอยทำนู่นทำนี่ให้เธอ พูดจาหวานๆ เเละเข้าข้างเธอเพื่อเอาใจ มันเหมือนกับว่าเธอเป็นราชินีของโลก..ถ้าเจอแบบเธอกับตัวเอง เดี๋ยวก็จะรู้เองแหละว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีขนาดไหนน่ะ
ความรักและการเอาใจใส่ นั่นเเหละที่เธอต้องการล่ะ ยินดีมากกับการรับความรักมาจากคนรอบข้าง โฮตารุชอบที่ได้รับรักพวกนั้น เเต่ไม่ชอบเลยหากว่าเธอจะต้องเผื่อแผ่ความรักของเธอให้ใคร หรือว่าต้องให้มันตอบกลับไปแก่ใคร สายตาของเธอ เธอมองว่าการให้มันทุกข์มากกว่าการรับเอามา และบางครั้งให้ไปก้ใช่ว่าจะได้รับมันกลับมานี่ จริงไหม?..และพอเป็นเเบบนั้นมันก็จะเจ็บ โฮตารุไม่ชอบความเจ็บปวดทางจิตใจ มันทำให้เธอเครียดเเละทรมาน ไม่เหมือนกับทางกายที่แค่นอนพักก็หาย มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เเละเพราะมันเจ็บมาก..เธอถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงมันเท่าที่จะทำได้ยังไงล่ะ..ตัวของโฮตารุ มันเหมือนกับพวกเด็กมีปัญหา แม้ว่าความสามารถเธอจะเเพรวพราว แต่ก็มีปัญหาในเรื่องจิตใจและทัศนคติที่เห็นแก่ตัวเเละกลัวว่าจะต้องเจ็บ เพราะขาดรักในวัยเยาว์ เมื่อได้รับมันมาจึงรู้สึกดียิ่งกว่าใครๆ รักมันก็เหมือนยากเสพติด ยิ่งได้ก็ยิ่งปรารถนามากขึ้นไปอีก..
โฮตารุน่ะชอบที่พวกเขามอบรักให้เธอมากเลยนะ เพียงแค่ว่า..ความรักของคนคนเดียวมันไม่พอสำหรับเธอ ก็แค่นั้นเอง แต่ว่านะ จะมาโทษเธอน่ะไม่ได้หรอก..ก็ที่พวกเขาต้องเจ็บปวด มันก็เป็นเพราะพวกเขามาตกหลุมรักเธอเองนี่นา คนที่คบกับเธอทุกคนน่ะรู้ดีว่าโฮตารุไม่เคยจริงใจกับพวกเขา และไม่คิดจะจริงใจด้วย การคิดว่าจะกุมใจเธอได้เเละทำให้เธอรักเขาเเค่คนเดียวมันเหมือนเรื่องงี่เง่าอย่างหนึ่ง ความสัมพันธ์ของพวกเธอเลยไม่ได้ถลำลึกอะไรเพราะรู้ว่าต่างฝ่ายก็รู้กันดีว่ามันเป็นอะไรไปมากกว่าคู่ควงไม่ได้ เห็นไหมล่ะ ว่าเธอน่ะ มันนิสัยไม่ดีขนาดไหน..? แต่ถึงอย่างนั้นโฮตารุไม่ใช่ผู้หญิงที่มั่วหรอกนะ ถึงจะควงหลายคนใช่ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับพวกเขาไปเสียหมด ตรงกันข้าม ต้องบอกว่าจะได้แอ้มเธอน่ะยากในระดับหนึ่ง ส่วนมากก็มักได้หยุดอยู่เเค่จูบกับสัมผัสเบาๆ เท่านั้นเอง เรื่องทางกายน่ะมันนานทีมีหน และโฮตารุก็มักเลือกแต่คนที่เธอถูกใจมากที่สุดเเละคบกันได้นานมากๆ เท่านั้นเเหละ หือ? อะไร? ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เคยนี่ แหม..โทษนะ แต่โฮตารุไม่ได้ใสซื่ออะไรขนาดนั้นหรอก อายุก็ปูนนี้ ถ้ายังซิงก็เกินไปหน่อยล่ะมั้งพ่อคุณแม่คุณ
โฮตารุเห็นแบบนี้แต่เป็นคนใฝ่รู้นะ เธอชื่นชอบในสิ่งที่ตนไม่เคยพบเจอและเรื่องราวใหม่ๆ เวลาเจอก็มักทำสีหน้าสนอกสนใจอย่างไม่ปิดบัง ติดนิสัยชอบขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวจากการอ่านเเละการดู รวมทั้งการออกปฏิบัติภาคสนามก็เช่นกัน มันน่าสนใจไปหมดจนเกินความรู้สึกอีกส่วนที่บอกว่า ไม่เคยทำเลยนะ จะทำได้เเน่เหรอ? เอาจริงๆ นะ โฮตารุไม่สนหรอกว่าจะเคยทำไหมหรือต้องทำออกมาได้ดีหรือเปล่า เธอแค่สนใจเลยลองดูเท่านั้นเเหละ ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเธอค่อนข้างมั่นใจพอสมควรด้วยว่าจะทำมันออกมาได้ดี ก็บอกเเล้วไงว่าเก่งน่ะ--โฮตารุเป็นผู้หญิงที่กล้าเเสดงออกมากในระดับหนึ่ง เธอไม่เขินอายหรือประหม่าเก้อเขินหากต้องยืนเอ่ยคำปราศัยใดๆ ต่อหน้าสาธารณะชนหมู่มาก เป็นคนปรับตัวได้เก่งมาก ไหลลื่นไปกับสถานการณ์และสภาพเเวดล้อมรอบด้านได้ดี รู้จักผูกมิตรเเละทำความเข้าใจกับสถานที่อุปกรณ์เพื่อความได้เปรียบในการทำอะไรสักอย่าง หรือแม้จะอยู่ในสถานการณ์ไม่คุ้ยชินหรือเป็นช่วงฉุกเฉิน และตัวเธอเกิดอาการตื่นตระหนกใจขึ้นมา ไม่นานโฮตารุก็จะสามารถกลับมาคุมสติได้อีกครั้งได้ไม่ยาก ไม่มีปัญหากับสถานการณ์ไม่คาดฝันเท่าไหร่นัก เพราะมีสติเเละรู้จักคิดอย่างรอบคอบว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อจากนี้ สำคัญสุดคือความปลอดภัยของชีวิต โฮตารุไม่คิดจะเอาชนะหรือเข้าไปเสี่ยงหากมันอันตรายถึงชีวิตหรอกนะ ความปลอดภัยน่ะต้องมาก่อน ทั้งของตัวเธอและของผู้อื่นเลยด้วย
พูดถึงหนุ่มๆ ในสต๊อก (?) ของเธอสักหน่อย..ถึงจะบอกว่าโฮตารุควงไม่ซ้ำหน้าเเละเปลี่ยนคู่ควงบ่อยมาก แต่เห็นแบบนี้ก็เลือกนะคะ แหม..เจ้าตัวมีกฎสโลแกนสำหรับคุณผู้ชายที่จะมาควงกับตนอยู่ด้วยล่ะนะ ไม่หล่อไม่โดนจริงไม่ได้เเอ้มหรอก เเละอย่าคิดเอาเงินมาล่อ เงินเนี่ยมีเเล้วค่ะ ไม่ต้องการ เพราะงั้นอย่าคิดจะได้แอ้มแค่กับเเค่ปึกเงินเลย แต่ถ้าพูดถึงสเป็กจริงๆ เเล้วล่ะก็ โฮตารุบอกได้ว่าเธอชอบผู้ที่เทคเเคร์ดีและอบอุ่นล่ะนะ ถ้ามีความเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนนี่จะดีมาก เพราะเธอขี้เกียจทำเอง--ทั้งนี้ทั้งนั้นโฮตารุเป็นผู้หญิงที่ขี้รำคาญมากๆ เธอไม่ชอบคนที่ขี้ตื้อช่างตอแย..สายตาเธอมันน่ารำคาญ มากๆ เลยด้วย คนที่มีนิสัยแบบนั้นมันน่ารำคาญและโคตรจะไม่น่าสนใจมากรองเป็นอันดับสองจากคำพูดของพ่อเลยล่ะ ถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ อย่ามาเซ้าซี้ตอแย ไม่ชอบ โอเคป่ะ? ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง เธอถึงไม่คิดจะควงกับผู้ชายที่ดูเยอะเเละมั่นหน้าในระดับหนึ่ง นั่นเพราะเวลาเลิกกันมันยุ่งยากน่ารำคาญ ยิ่งเป็นพวกผู้ชายมั่นหน้าที่จะต้องหน้าเเตกเพล้งเพราะโดนเธอบอกเลิกนี่ยิ่งเเล้วใหญ่เลย ทำประสาทจะกินสุดๆ สำคัญคือโฮตารุไม่ชอบให้คนที่ควงกันอยู่เอาไปเที่ยวบอกประกาศว่า ได้ควงกับเธอ เพราะอะไร? ก็เพราะว่ามันน่ารำคาญไง! ไร้สาระอ่ะ เเค่นี้ต้องอวดเหรอ? ประสาทป่ะ
อนึ่ง เเม้จะเป็นมนุษย์หลงตัวเอง แต่ก็เกลียดคนหลงตัวเองและมั่นหน้าเกินความจำเป็นเช่นกัน ยกเว้นว่าอีกฝ่ายที่มั่นมันจะมีอะไรให้มั่นได้จริงๆ แบบเธอ (?) ถ้าเกิดว่าหน้าตาพื้นเพไม่ได้มีอะไรดีเเล้วมาทำมั่นนี่ มีเบ้ปากมองบนเเล้วตบเรียกสติแน่นอนย่ะ--และถ้าใครมาทำนิสัยแบบนั้นกับเธอ รับรองว่าโฮตารุจะเมินแบบไม่คิดเเลอีกเป็นครั้งที่สองเลยล่ะ..
เจ้าตัวเป็นคนที่มีอารมณ์คงที่ แต่ใช่ว่าจะโกรธหรือเศร้าไม่เป็นหรอกนะ กรณีทำให้หงุดหงิดนั้นทำได้ง่ายเพียงแค่ทำตัวน่ารำคาญ ตอแยมากๆ หรือทำตัวน่าหมั่นไส้ เเม่นางก็หงุดหงิดได้เเล้ว แต่หากเป็นโกรธจะค่อนข้างหายากมากในระดับหนึ่ง เพราะโฮตารุมีเหตุผลไม่มากนักที่จะทำให้โกรธ อย่างแรกคือมาว่าแม่นมเธอเสียๆ หายๆ ซึ่งก็หายากพอสมควร เพราะงั้นสาเหตุจึงเป็นอย่างที่สอง นั่นคือการที่คนอื่นมายุ่งกับของหรือคนของเธอโดยไม่รับอนุญาต เธออาจจะควงหลายคน แต่เธอจะไม่ยอมใช้ของร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด คบกับเธอก็ต้องคบกับเธอแค่คนเดียว ห้ามเเอ๊วสาวอื่น และห้ามคบซ้อน เธอน่ะควงหลายคนได้แต่คนอื่นทำไม่ได้ ไม่งั้นก็ไปคบกับคนอื่นซะ เเค่นั้นเเหละ จบ! เพิ่มเติมคือ โฮตารุจะไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของนะ เพราะเคยมีประสบการณ์ตามจีบคนมีแฟนเเล้วนก แม่นางเลยจำขึ้นใจว่าอย่าไปยุ่งกับคนมีเเฟนมีศรีภรรยาเเล้ว ด้วยประการฉะนี้นั่นเเหละ--กรณีสิ่งของ เวลาของของเธอโดนคนอื่นขโมยไปหรือหายไป โฮตารุจะมีอาการอยู่ไม่สุขเเละหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม เพราะงั้นพอทำของหายทีไร แม่คุณเลยหาแบบแทบจะพลิกแผ่นดินหา จะเป็นจะตายทุกทีเลยไง
โฮตารุไม่มีความสำนึกบุญคุณต่อบิดา จะบอกว่าเป็นลูกอกตัญญูก็ถูก ไม่เถียงหรอก เธอไม่เคยถามเขาว่าเขาเหนื่อยไหม ไม่เคยโค้งตัวสวัสดี และถึงเธอจะพูดสุภาพเเต่ก็จิกกัดเเละมีท่าทีห่างเหินอย่างมาก แม้ว่าจะเกี่ยวพันกันด้วยคำว่าพ่อลูก แต่มันก็แค่ในนามสำหรับเธอเเละเขาเท่านั้น หากมองไปยังช่องว่างของเธอกับพ่อ ต้องบอกว่ามันมากมายเสียจนกลบไม่มิด..และคงไม่มีวัน มันเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ของสิ่งที่เรียกว่าความรัก เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยให้เธอ และเธอเองก็ไม่เคยคิดจะมอบกลับคืนไปให้เขาเช่นกัน..ครอบครัวไม่ใช่จุดอ่อนสำหรับเธอ หากขู่ว่าเธอจะทำร้ายพวกเขา เธอคงหัวเราะเเละสนับสนุนด้วยซ้ำไป..เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ครอบครัวมาตั้งเเต่เริ่มอยู่เเล้วนี่ จริงไหมล่ะ?
โฮตารุเป็นคนเข้มเเข็งนะ เธออยู่คนเดียวมาตลอดเเละเธอก็ทนต่อแรงกดดันกับความเจ็บปวดได้ดีด้วย ดังนั้นเธอจึงร้องไห้ได้ยาก..แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะร้องไม่เป็นหรอกนะ หากทนได้ก็จะกลั้นไว้และเผยยิ้มอย่างภาคถุมิ แต่หากไม่ไหว น้ำตาก็จะไหลออกมาไม่หยุดเช่นกัน โฮตารุไม่ชอบการร้องไห้เลย มันดูสำออยและอ่อนแอ เธอไม่ชอบมันเลยสักนิด มิหนำซ้ำตอนที่เธอร้องไห้ ก็ไม่เคยมีใครสงสารหรือปลอบเธอนอกจากแม่นมของเธอเลยสักคนเดียว..พวกเขามีเเต่รอจะซ้ำเติมเท่านั้นเอง เพราะเเบบนั้นถึงได้เกลียดการร้องไห้ไงล่ะ..เวลาที่ร้องไห้ โฮตารุจะพูดไปสะอึกสะอื้นไป บ่นกับตัวเองให้หยุดร้องและพยายามปาดน้ำตาออกจากใบหน้า รวมถึงหลบซ่อนมันไว้จากสายตาของผู้คนเท่าที่จะทำได้ด้วยเช่นกัน..
ประวัติส่วนตัว ::
ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์..คาซุมิ โฮตารุ ใครๆ ก็รู้จักเธอทั้งนั้น..
รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์บนใบหน้าที่สวยงามหยาดฟ้า มันคือเอกลักษณ์ของตัวเธอ
และนิสัยที่แสนย่ำแย่ นั่นก็ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเธอเหมือนกันนะ
เธอเติบเเละโตในครอบครัวที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง บ้านหลังใหญ่ คนใช้มากมาย และเงินทองล้นเหลือ มองไปทางไหนก็บอกได้ว่ามันสุขสบาย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันไม่ดีอะไรขนาดนั้น..หรืออย่างน้อย ในสายตาของโฮตารุ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนรกบนดินที่เต็มไปด้วยความอึดอัดเท่าไหร่นัก..
ไม่ว่าจะที่แห่งไหนในบ้านหลังนั้น มันก็ไม่เคยอบอุ่นเลย..
สถานที่แห่งนั้นมันไม่ใช่ที่ของเธอ
เเละคงไม่มีวันที่จะเป็นได้...
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}ความผิดที่ไม่ได้ก่อ ทว่าจำต้องแบกรับ{{
ในค่ำคืนหนึ่งที่เหล่าผู้คนหลับใหล บ้านเรือนปิดไฟเงียบสงบ นั่นคือคืนที่เรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้น..ภายในบ้านของชายหนุ่มฐานะมั่งคั่งคนหนึ่ง เสียงตวาดของเขาดังคลอไปกับเสียงข้าวของที่แตกหัก มันเป็นวันที่ครอบครัวของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวอีกต่อไป
หากถามหาเรื่องที่น่าขายหน้าที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนนี้ มันคงเป็นเรื่องที่ภรรยาของเขา หอบข้าวหอบของหนีไปพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ของเขา และทิ้งกาฝากไว้ให้เขาแบบนี้..
ร่างน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้กระจองอแงในอ้อมอกของหญิงรับใช้คนหนึ่ง เด็กทารกไร้เดียงสาไม่ได้รู้ความอะไรเลยสักนิด ทว่าเพียงเพราะเเค่มารดานั้นไร้ความอดทนเกินกว่าจะอยู่กินกับสามีที่เจ้าชู้และโมโหร้ายต่อได้อีก รวมถึงไม่มีความรับผิดชอบมากพอจะดูเเลชีวิตน้อยๆ ที่ตนได้ให้กำเนิดมา จึงหนีไปเเละเลือกทิ้งตนไว้..
ดังนั้นเเล้วเด็กน้อยที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย จึงต้องถูกบิดาแท้ๆ จ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง
"แม่ของเเกมันนังเเพศยา..ลูกมันก็คงไม่ต่างอะไรกัน!" คำด่าร้ายกาจไม่ได้เข้าไปในสมองของเด็กทารกตัวน้อยๆ นี้เลย เด็กน้อยไม่ได้รู้ว่ามันเป็นคำด่า แต่ด้วยน้ำเสียงอันดุดัน จึงหลุดเสียงร้องไห้ออกมาดังมากกว่าเดิมเสียอีกเท่าตัวเลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมองเด็กน้อยด้วยสายตารำคาญ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ร่างนั้นอยู่ในอ้อมแขนของหญิงรับใช้โดยไม่ไยดี ว่าเด็กน้อยจะร้องไห้ดังปานใดเลยด้วยซ้ำ..หญิงสาวผู้โอบอุ้มร่างนั้นกอดเด็กน้อยแน่นและลูบเพื่อปลอบประโลม เพื่อให้เสียงร้องไห้นั้นบรรเทาลงด้วยความสงสารที่ท่วมถ้นใจ
เด็กไม่ได้ผิดอะไรเลย..ถึงอย่างนั้นกลับต้องเป็นผู้รับผิด
โชคของเด็กคนนี้คงไม่ดีจริงๆ ที่ทำให้มีพ่อแม่นิสัยเช่นนี้ได้..
น่าสงสาร...น่าสงสารจริง ๆ..
หลายวันผ่านไป เกิดการถกเถียงกันในหมู่เครือญาติของชายหนุ่มเกี่ยวกับเด็กน้อยที่ถูกทิ้งไว้ หลายคนพากันบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายที่จะเลี้ยงลูกของผู้หญิงคนนั้นไว้ เเม้แต่ตัวของชายหนุ่มผู้เป็นพ่อยังเห็นด้วย เสียงสมานฉันท์ให้ผลักภาระนี้ออกไปเสีย
และเด็กน้อยคงต้องพบเจอชะตากรรมอันโหดร้ายกับโลกใบนี้เข้าจริงๆ หากว่าคนเป็นปู่ไม่ได้เอ่ยห้ามไว้เสียก่อน
"ฉันจะเลี้ยงเด็กคนนี้"
เสียงทกเถียงมากมาย คัดค้านกันจนดังเซ็งแซ่ราวตลาดสด ทว่ากลับต้องยุติด้วยประโยคเดียวของท่านผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลคาซุมิคนนี้
"เด็กนี่เป็นหลานฉัน ทำไมฉันจะเลี้ยงไม่ได้ พวกผู้ใหญ่ไร้ความผิดชอบน่ะหุบปากไปให้หมด"
ยังไม่ถือว่าเด็กคนนี้ไร้โชคไปเสียหมด..เพราะเเม้ว่าคนเป็นพ่อแม้แท้ๆ หรือญาติๆ ทั้งหลายจะไม่รักเธอเลยเเม้แต่น้อย
แต่ท้ายสุดเเล้ว เธอก็มีคุณปู่ที่เเสนใจดี และหญิงสาวรับใช้ที่ได้ศักดิ์เป็นแม่นมคนนั้นคอยเลี้ยงดูและอยู่เคียงข้างเธอ
เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกอันโหดร้ายใบนี้..นี่คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้เลยกระมัง..?
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}หลุมบ่อของความรักที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม{{
ถึงเเม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากปู่..แต่โชคร้ายของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังมีมากกว่าโชคดีอยู่ดี
เพราะเมื่อเวลาล่วงเลยไปจนอายุของเด็กน้อยเหยียบเข้าเลข7 สภาพร่างกายของคุณปู่ก็เข้าสู่ความชราภาพมากเกินกว่าจะสามารถเลี้ยงเด็กที่ยังไม่สามารถดูเเลตัวเองได้ในหลายๆ เรื่องได้อีกต่อไป และด้วยคำแนะนำของคุณหมอผู้ดูเเลสุขภาพของคุณปู่นั้น ท่านเเนะนำว่าคุณปู่ควรจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อสภาพเเวดล้อมที่ดีกว่าตอนนี้ อันเนื่องจากโรคหอบหืดที่ท่านเป็นอยู่นั้นเสี่ยงจะกำเริบ หากว่ายังอยู่ในเมืองที่มากฝุ่นควันเช่นนี้
โฮตารุไม่มีทางเลือก แม้มันจะทำใจลำบากที่ต้องจากกับคนที่เลี้ยงดูตนมาตั้งเเต่ตีนเท่าฝาหอยแบบนี้ แต่เธอก็ฉลาดพอจะเข้าใจว่าอะไรที่ควรจะงอแงอยากได้ และอะไรที่มันไม่มีวันให้ได้
เด็กหญิงกับเเม่นมจำต้องย้ายออกจากบ้านของคุณปู่ เเละไปอาศัยอยู่กับบิดา..บิดาที่ไม่เคยนับว่าเธอเป็นลูก และเกลียดชังเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคนนั้น
นั่นไม่ค่อยต่างอะไรจากจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเท่าไหร่นัก..
โฮตารุย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่สำหรับตน ที่นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่ที่พอให้คนสิบคนอยู่ได้สบายๆ มีห้องหับครบครัน เครื่องดนตรี หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และคนรับใช้ มีพร้อมทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งเงินทองที่หยิบมาใช้สอยได้ตามใจด้วยคำสั่งของคุณปู่ที่ได้มอบไว้แก่บิดาของเธอ แต่สิ่งที่ไม่เคยมีเลยในสถานที่แห่งนี้นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ความรักและความอบอุ่น ใช่..มันเป็นบ้านที่เหมือนไม่ใช่บ้าน ทั้งอึดอัดเเละว่างเปล่า ราวกับว่าเธอและเเม่นม เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขาที่แค่ผ่านมาขอพักหลบทางเท่านั้น..
การปฏิบัติที่ควรจะได้รับอย่างดีถูกหมางเมิน อาหารทุกมื้อจำต้องทำเอง ห้องหับเองก็คับเเคบเเละไม่ได้อยู่สบายอะไร ทั้งยังถูกจำกัดพื้นที่ในการอยู่อาศัยอีกต่างหาก แม้จะมีเงินทองให้ใช้สอยแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก จากคนที่ไม่เคยได้ทำอะไรเองลยเเบบโฮตารุ ก็ต้องลุกมาเรียนรู้เเละฝึกลองทำสิ่งต่างๆ ยังเคราะห์ดีที่เธอมีแม่นมอยู่ด้วย จึงไม่ได้ลำบากยากเข็ญรุนเเรงอะไรนัก
แต่นั่นทำให้บิดาและเเม่เลี้ยงที่ไม่ปรารถนาในการคงอยู่ในบ้านของเธอ กลับยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นมันคือการกลั่นเเกล้ง..หรืออย่างน้อย โฮตารุก็คิดว่าเเบบนั้น
เเม่เลี้ยงเริ่มที่จะเข้ามาจิกกัดเธอและพยายามแกล้งเธออย่างที่ไม่ควรทำ ในตอนเด็กๆ โฮตารุก็ไม่ได้ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมต้องแกล้งเธอ มีหลายครั้งที่ได้แผลเเละเกิดร้องไห้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นสายตาสมเพชของแม่เลี้ยง เสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อ กลับสายตาห่างเหินของเหล่าคนใช้คนอื่น..อ้อมกอดเดียวที่ปลอบประโลมนั้นคืออ้อมกอดของเเม่นม มีแค่หล่อนเท่านั้นที่กอดปลอบเธอ และร้องไห้เสียใจไปด้วยเมื่อเห็นเธอต้องเจ็บและเจอกับเรื่องที่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่ควรจะเจอ
อ้อมกอดนั้นมันอบอุ่นจนน้ำตาถึงกับหยุดไหล..แต่ในทางเดียวมันก็ได้กระตุ้นความรู้สึกในหัวของโฮตารุ ความรู้สึกอับอายเเละโกรธเคือง..เด็กหญิงได้รับรู้ว่าหากร้องไห้ จะมีสองคนบนโลกใบนี้ที่เห็นใจ..นั่นคือตัวเธอเองเเละเเม่นมของเธอ นอกนั้นมันคือสายตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยทั้งสิ้น โฮตารุเกลียดมัน..เธอไม่ชอบการต้องถูกเยาะเย้ย เพราะงั้นถึงได้พยายามกลั้นน้ำตา และพยายามที่จะเข้มเเข็งมากขึ้นยิ่งกว่านี้
วันเวลาหมุนผ่านไปกับความอดทนที่ดูจะหมดลงไปทุกที ปีหนึ่ง สองปี สามปี หมุนไปเรื่อยๆไม่มีหยุด ต่างฝ่ายต่างโตขึ้นจากแต่ก่อนในวันวาน..แต่ทว่าความคิดของบิดาและเเม่เลี้ยงกลับไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ชอบหน้าเธออย่างไร..ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนเเปลง
ทว่าสำหรับโฮตารุมันเปลี่ยนเเปลง..ทว่าเป็นในทางที่เลวร้ายมากขึ้น
เธอเริ่มมองพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชามากกว่าเก่า เริ่มจะตอบโต้เเละทำตัวท้าทายมากกว่าเดิม จากแรกเริ่มที่ยังพอมีความเคารพเพราะเห็นแก่ที่มีบุญคุณช่วยให้เธอเกิดมา ทว่าเมื่อได้มาเจอสายตาที่สื่อชัดเจนว่าไม่รัก เเละการกระทำที่หยาบโล้นเหล่านั้น ความเคารพอันน้อยนิดพวกนั้นจึงหมดลงเเละจางหายไปโดยสิ้นเชิง
วันนี้ มันหลงเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น..
ช่องว่างของพวกเธอนั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก..มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นไปอีกจนไม่สามารถทับถมได้อีกต่อไป..
เพราะว่าช่องว่างนั้น มันทั้งกว้างใหญ่เเละยากเกินกว่าจะหาสิ่งที่ควรอยู่มาใส่ให้มันเต็มได้
นั่นเพราะสิ่งสิ่งนั้น..มันคือสิ่งที่เรียกว่ารัก..สิ่งที่ทั้งตัวของโฮตารุเองเเละบิดา ไม่เคยคิดจะมอบมันให้แก่อีกฝ่ายเลยเเม้แต่น้อยเลยอย่างไรล่ะ..
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}การจากลาและการพบเจอใหม่{{
เวลาผ่านไปจนถึง 9ปี..นั่นเป็นวันแรกที่โฮตารุขึ้นม.ปลาย
เธอได้รับจดหมายจากคุณปู่ที่อยู่ต่างประเทศ เขาส่งจดหมายนั้นมาเพื่อขอโทษเธอ..ขอโทษที่ทำให้ต้องเจอประสบการณ์เเย่ๆ แบบนั้นในชีวิต เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเพิ่งรู้เมื่อปีสองปีมานี้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา โฮตารุถูกปฏิบัติตอบเช่นไรในบ้านหลังนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะจะให้ไปฝากกับญาติคนอื่น มันก็คงไม่ต่างกันนัก หรือจะให้ไปอยู่กับเขาที่ต่างประเทศ นั่นก็ยิ่งดูเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
สุดท้ายที่ทำได้จึงมีแต่รอ..รอให้เวลาผ่านไปจนอายุของเธอมากพอจะดูเเลตัวเองได้ นั่นคือช่วงวัยที่เธอขึ้นม.ปลายนั่นเอง..ท่านส่งจดหมายมาบอกว่า ท่านได้ซื้อบ้านหลังหนึ่งเเละทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้เธอเพื่อตั้งตัว และจะคอยส่งเงินให้ทุกๆ หกเดือน หากว่าโฮตารุอยากย้ายออกจากบ้านพ่อก็สามารถทำได้ เเต่จะต้องบริหารเงินที่ได้รับไปให้อยู่ได้ภายในเวลาหกเดือน ไม่ก็หาเงินเพิ่มเติมเอาเองเท่านั้น หรือไม่ หากไม่มั่นใจว่าสามารถอยู่ได้ ก็ให้ทิ้งบ้านหลังนั้นไว้เช่นนั้น ไว้พร้อมเมื่อไหร่..จะย้ายออกไปก็ยังไม่สาย
แน่นอนว่าอย่างโฮตารุเเล้ว เธอย่อมเลือกย้ายออกโดยไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มอีกให้หนักหัว
แต่เรื่องแย่คือ แม่นมของเธอไม่ยอมย้ายไปอยู่กับเธอ..ท่านให้เหตุผลว่าอยากให้โฮตารุยืนด้วยลำเเข้งตัวเอง และจำต้องลาออกจากงานกลับไปบ้านตนได้เเล้วด้วยอายุที่เริ่มชรา
มันถือเป็นการจากลาอีกครั้งที่ยากลำบากสำหรับโฮตารุนะ เพราะแม่นมอยู่กับเธอมาตั้งเเต่เธอเกิด เวลาเจอเรื่องทุกข์เรื่องโศกก็มีท่านเนี่ยแหละที่คอยปลอบคอยดูเเล เปรียบราวกับเป็นแม่คนที่สองของเธอเลยด้วยซ้ำ..โฮตารุรักแม่นมมากจริงๆ นะ เพราะงั้นวันที่ต้องลาเลยรู้สึกเสียใจมากจริงๆ แต่เพราะเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่การลาถาวร ยังไงก็ต้องได้เจอกันอีกในสักวันหนึ่ง โฮตารุจึงไม่ร้องไห้ เธอเลือกจะยิ้มให้ท่าน เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอจะอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ อ้อมกอดในวันนั้นก็อบอุ่นเหมือนกับทุกๆ วันล่ะนะ..
ส่วนพ่อของเธอกับเเม่เลี้ยงงี่เง่านั่น..ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ล่ะนะ ว่าดีใจกันขนาดไหนที่ตัวน่ารำคาญในสายตาไปให้พ้นๆ หน้าได้เสียที..อืม ช่างเขาเถอะ เธอก็ดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนกันเเหละตอนได้รู้ว่าไม่ต้องทนเห็นหน้าสองคนนั่นเเล้ว
บ้านใหม่ของเธอเป็นบ้านขนาดกลางๆ แต่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว มันค่อนข้างเหงา..แต่ ทำเลดีเเละอยู่ใกล้สวนสาธารณะกับโรงเรียนของเธอ อากาศก็ดี ข้อเสียมีเพียงอย่างเดียวคือเธอมีเพื่อนบ้านเเค่ห้าหลังเท่านั้น แต่เอาเถอะ จะได้ไม่ต้องมีเสียงดังอะไรมารบกวนกัน..โฮตารุจึงไม่รู้สึกเเย่อะไรนักกับบ้านใหม่หลังนี้ และข้าวของเธอเองก็ไม่ได้มากมายก่ายกองอะไร มิหนำซ้ำเฟอร์นิเจอร์ยังพร้อมเสร็จ แค่สามวันโฮตารุก็สามารถจัดระเบียบทุกอย่างในบ้านได้ครบครันในที่สุด
มันเหมือนสวรรค์เลยนะตอนเห็นบ้านสะอาดเรียบร้อยดีเเล้ว..แน่ล่ะ เธอทำทั้งวันจนแทบไม่ได้พักเลยนะ ต้องทำใจกล้าขนาดไหนกันถึงจะปัดฝุ่นได้โดยไม่สวมหมวกกันละอองน่ะ! (เฮ้ อย่ามองแบบนั้นสิ..โฮตารุเเค่ไม่อยากสิวขึ้นหน้าเธอเท่านั้นเองนะ..) เอาเป็นว่านั่นเป็นเรื่องลำบากมาก พอทำเสร็จเธอเลยรู้สึกโล่งสุดๆ เเละการไปนอนตากลมพักตรงสวนหน้าบ้านก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายเลยสักนิด
มิหนำซ้ำมันยังทำให้เธอได้พบกับใครบางคนอีกต่างหาก..
"ว๊ากกกก!"
"ว้ายยย!?"
ข้างบ้านเธอเป็นบ้านหลังกลางสีนวลตาทางด้านซ้าย ต้นมะม่วงต้นใหญ่ที่ปลูกไว้ในรั้วข้างบ้าน กิ่งก้านของมันเเผ่ยาวออกมาจนเกยเข้ามาในเขตบ้านของเธอ เเต่เพราะร่มเหงานั่นจึงทำให้เธอพักผ่อนได้สบายในวันนี้ ในขณะเดียวกัน มันก็ส่งใครบางคนมาให้เธอด้วยเหมือนกัน..
มีคนคนหนึ่งหล่นลงมาจากกิ่งต้นไม้..กระแทกลงบนตัวเธอที่นอนเหยียดอยู่บนเก้าอี้พักอย่างแรงจนจุกไปหมด..
"อ--อะไรเนี่ย!?" โฮตารุอุทานพลางผลักใครสักคนลงไปจากตัว น้ำหนักอีกฝ่ายไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ..เธอจุกจนไม่รู้จะจุกยังไงเเล้ว! ดวงตากลมตวัดมองอย่างหาเรื่อง ก่อนจะชะงักไปด้วยความงุนงงเมื่อพบผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับต้น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ที่เธอสนใจน่ะ มันคือชุดเครื่องแบบนั่นต่างหาก
มันเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนโฮตารุ..แต่เดี๋ยวสิ โรงเรียนยังไม่เปิด เเล้วหมอนี่จะใส่ชุดเครื่องแบบเพื่ออะไร ที่สำคัญ..เข้ามาทำอะไรในบ้านเธอเนี่ย เเถมยังหล่นมาจากต้นมะม่วงอีก!
"โทษที เอ๊ะ--ใครเนี่ย!?"
"ฉันสิต้องถาม! นายเป็นใครมาทำบ้าอะไรในบ้านคนอื่นเขายะ!"
มันเหมือนเรื่องบ้าบอที่ไม่ควรเป็นไปได้..ที่จะมีการพบเจออันพิสดารโลกแตก อย่างการที่ใครสักคนตกมาจากต้นมะม่วงมาทับอีกคนแบบนี้..
แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ต้องการให้มีการพบเจอนี้หรอกนะ
ไม่สิ..อย่างน้อยก็แค่ตอนนั้น..
เพราะหากเป็นเธอในตอนนี้..เธอจะขอให้ไม่ต้องกับเขาอย่างเด็ดขาด..
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}ความรู้สึก{{
"ขอโทษหนูด้วยนะจ๊ะ ที่ลูกชายป้าทำตัวเเย่ๆ ใส่ ยังไงก็กินได้เต็มที่เลยนะ"
นั่นคือคำพูดของผู้หญิงเจ้าของบ้านข้างๆ เธอ ขณะที่จับลูกชายกดหัวโค้งให้เธอจนแทบจะจุ่มจานซุปตรงหน้าอีกฝ่าย พลางพยักเพยิดบอกให้เธอทานอาหารชุดตรงหน้าที่จัดไว้ให้สุดกำลังความสามารถ
ก็..ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่ แต่ถ้าให้พูดคร่าวๆ ก็คือ หลังจากเถียงกันไปมาด้วยเสียงดังลั่นปานเเม่ค้าตลาดสดโต้วาทีกัน เเม่ของอีกฝ่ายก็เอะใจเเล้วเข้ามาห้ามทัพ (แต่เดี๋ยว..ทำไมใครๆ ก็เข้าบ้านเธอโดยไม่ขออนุญาตกันเลยเนี่ย!) พอทราบสาเหตุ ก็ลากโฮตารุมาบ้านตัวเอง เสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำเเล้วบังคับให้ลูกชายตัวเองขอโทษเธอแบบนี้มากว่าสิบนาทีเเล้ว
โฮตารุก็งงนะ เเต่เห็นหมอนั่นโดนจับกดหัวเเบนั้นเเล้วก็สะใจดี (?) เลยยิ้มรับสวยๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไร ทำเเค่คีบข้าวคีบปลาเข้าปาก คุณแม่ท่านก็เลยไม่รู้ว่าเธอโอเคเเล้วหรือยัง เลยกดหัวลูกตัวเองต่อไปแบบนั้นนั่นเเหละ
กว่าจะเข้าใจได้ว่าไม่ถือโทษโกรธอะไรเเล้ว ก็เล่นเอาซุปเย็น และมีคนคอเคล็ดไปหนึ่งคนตามระเบียบ..
"ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ นั่งมาตั้งนานฉันยังไม่รู้เลยนะ" โฮตารุไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคนตรงหน้ามันมีเชื้อกิ้งก่าหรือเปล่า..ปรับอารมณ์ไวเป็นบ้า..
"คาซุมิ โฮตารุ" แต่แน่นอนว่าเธอมีมารยาทพอจะตอบล่ะนะ
เสียงหัวเราะดังจากริมฝีปากนั้นทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรเลย มือที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้ชะงักเเละฉงนใจถึงความนัย ครั้นได้ยินเสียงนั้นเอ่ยพร้อมข้อมือที่ถูกโฉยจับไปกอบกุมไว้ รอยยิ้มของอีกฝ่ายส่งมอบให้มา..ช่างดูเหมือนกับเเสงอาทิตย์อันอบอุ่นเหลือเกิน..
"ฉันคาราตะ โทสึล่ะ! เรียกโทสึไปก็ได้นะ ว่าแต่หิ้งห้อยเหรอ ชื่อเธอนี่น่ารักไม่เหมาะกับปากเลยน้า..ฮะฮะ" เขาหัวเราะพร้อมแขวะเบาๆ แต่ไม่รู้ทำไม..มันถึงได้รู้สึกขบขันเเละรู้สึกดีมากกว่าจะโกรธ..
"...ปากนายดีตายเเหละ"
แต่ก็ใช่ว่าจะยอมนะ..
"เอ้า ยัยนี่ หาเรื่องเรอะ!"
"โทสึ มารยาท!!"
นั่นคือ..การพบเจอของเพื่อนใหม่ในชีวิตม.ปลายคนแรกของเธอ
และเป็นคนแรกในชีวิต..ที่ทำให้หัวใจเต้นระรัวอย่างน่าประหลาดขึ้นมาได้เช่นนี้..
หลังจากวันนั้น โทสึก็มักจะเเวะเวียนมาบ้านของเธอบ่อยครั้งผ่านทางต้นมะม่วง (ซึ่งก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมไม่เข้าทางประตูหน้า..) เพื่อมาหาอะไรทำเล่นบ่อยๆ ที่บ้านเธอ และทุกครั้งที่มา เขาก็จะบ่นเธอตลอดว่าบ้านนี้มันไม่มีอะไรจรรโลงใจบ้างเลยเหรอไง นั่นเพราะมันมีแต่หนังสือ หนังสือ หนังสือ และหนังสือกองรวมกับพวกครีมบำรุงผิวเท่านั้น แน่นอนว่าโฮตารุย่อมไม่ยอม ออกปากไล่ว่าถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาไปด้วยประการฉะนี้
แต่จริงๆ แล้วดีใจนะที่หมอนี่มาน่ะ..
เเละเพราะเจอกันบ่อยเเล้วจึงรู้ดี ว่าถึงปากจะบ่นยังไง โทสึก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรบ้านของเธอขนาดนั้นหรอก..เช่นเดียวกันกับที่โฮตารุรู้ว่า แม้เธอจะเอ่ยปากไล่ให้ตายยังไง เขาก็จะไม่ไปไหน..
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ กับกิจวัตรประจำวันสองหนุ่มสาวอย่างการไปมาหาสู่กันระหว่างสองบ้าน ราวกับต้นมะม่วงต้นนั้นและเก้าอี้นอนตรงสวนของโฮตารุกลายเป็นทำเลพบปะ พวกเขามีเวลานัดเจอที่แน่นอน และบางทีโทสึก็มักโผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าว เช่นเดียวกับที่สามารถเห็นโฮตารุไปนั่งกินข้าวที่บ้านนั้นโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าในตอนเช้าได้เช่นกัน ตอนแรกก็พากันตกอกตกใจ สักพักกลับกลายเป็นชินชา และเฝ้ารอลุ้นระทึกไปเสียเเทนว่าวันนี้จะมาไหมนะ?..แม้กระทั่งเปิดเทอมเเล้ว มันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ดี
ตอนเช้าเดินไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านก็กลับด้วยกัน ทานข้าวเย็นด้วยกัน วันหยุดมานั่งคุยเล่นด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกันราวกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันยังไงยังนั้น..
โฮตารุไม่รู้หรอกว่าการกระทำแบบนี้มันควรหรือไม่ควรยังไง..เธอรู้เเค่ว่าเธอชอบมัน..หัวใจแห้งผากที่ไม่เคยได้รับความรักจากคนรอบข้างเริ่มพองฟูมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับต้นไม้เหี่ยวใกล้ตาย เมื่อได้รับน้ำ มันยิ่งเปล่งบานเเละเติบโตมากขึ้น..
การกระทำของโทสึมักทำให้หัวใจของเธอเต้นเเรงเสมอ..เขาดูเเลเธอดีราวกับเจ้าหญิง เเม้จะมีปากเสียงจิกกัดกันบ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็สนิทและไม่เคยทิ้งกันเลย
หัวใจเริ่มเต้นเเรงมากขึ้นเรื่อยๆ ..เช่นเดียวกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปทีละนิด..ทีละนิด..
จากแรกเริ่มที่มองเพียงเเค่ผู้ชายบ้าๆ คนหนึ่ง กลายเป็นเพื่อนคนสำคัญ และค่อยๆ เเปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เรียกกันว่า..ชอบ
ถึงที่ผ่านมาจะสับสนก็เถอะ..แต่เพราะได้ใช้เวลาด้วยกันมาหนึ่งปีเเล้ว พอมานั่งคิดทบทวนดีๆ มันถึงได้ทำให้เธอรู้ได้สักที..
เธอน่ะ..ชอบโทสึจริงๆ นั่นเเหละ..
"โทสึ.."
"..หือ..?"
"ชอบฉันไหม?"
"...ไม่รู้สิ.."
"เหรอ..แต่ฉัน..ชอบนะ"
บทสนทนางี่เง่าในสายตาเธอที่ต่างฝ่ายต่างไปไม่ถูกกับคำพูดของตัวเอง..โฮตารุจำได้ดีว่าตอนนั้นตัวเองพูดอะไรออกไป มันเขินเเละอายจนแทบบ้า หน้าร้อนเห่อจนเเทบระเบิดออกมา หัวใจเต้นเเรงยิ่งกว่ากลองเสียอีก..
ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น..ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ มองฟ้ามองดาวไปเรื่อยๆ บนระเบียงบ้านที่มีกันเเค่สองคน สายลมเย็นพัดมาชวนให้หนาว..แต่โฮตารุกลับไม่รู้สึกหนาวเเล้ว มันเป็นความรู้สึกที่อุ่นวาบและร้อนวูบไปหมด..
มือของเขากุมมือเธอไว้..ปลายนิ้วเย็นเฉียบร้อนระอุขึ้นมาจนชื้นเหงื่อ
ขณะที่ดวงตาคู่นั้นเหลือบมามอง หัวใจเต้นโครมครามปานเจ้าเข้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นคลี่ออกมาช่างดูซุกซนต่อหัวใจเสียเหลือเกิน โฮตารุเหมือนตัวเองหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อถูกรุกล้ำโดยไม่ทันตั้งตัว สัมผัสอุ่นวาบกลางหน้าผาก หนึ่งครั้งเบาๆ เเละเสียงกระซิบที่ทำให้อายม้วนจนแทบจะพลิกเเผ่นดินหนี
"สารภาพรักเขาทำกันเเบบนี้เหรอ? ยัยตัวเเสบ.."
หลังจากวันนั้น อะไรๆ ก็ดูหวานชื่นยิ่งกว่าเดิม ราวกับโลกทั้งโลกเป็นสีชมพู ยิ้มจนปวดเเก้มเเละเหมือนจะลอยได้เสียเเทบทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มเเละได้สัมผัสอีกฝ่าย เพียงเเค่กอดอบอุ่น หรือแค่กุมมือกันไว้เท่านั้นก็ทำให้หัวเต้นระรัวมากเสียเธอกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายได้เเล้ว
ยิ่งกว่าน้ำผึ้งเกรดดี หรือน้ำตาลทรายหกรด บรรยากาศรอบตัวพวกเธอหวานเเหววยิ่งกว่าอะไรดี
พวกเพื่อนๆ ก็พากันเเซวนู่นเเซวนี่ แม้กระทั่งเเม่ของโทสึเองก็เปรยบ่อยๆ ว่า ดีใจจริงๆ ที่โทสึหาสะใภ้ให้บ้านได้สักที
เล่นเอาอายม้วนจนเลิกอายไปเลยทีเดียว..
มันเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ กับคืนวันที่หวานช่ำ เต็มไปด้วยรอยยิ้มของกันเเละกันเเละสัมผัสที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดของโทสึน่ะอบอุ่นไม่แพ้กับกอดของเเม่นมเลยล่ะ เธอรัก..รักอ้อมกอดนี้ รักมากจนไม่อยากจะปล่อยให้มันเป็นของใครเลยจริงๆ
ทุกอย่างช่างวิเศษ..มันเป็นความฝันที่แสนดี..
แต่ขึ้นชื่อว่าฝัน..สุดท้ายเเล้วอย่างไรก็ต้องตื่น
โฮตารุหลงระเริงไปกับความสุขนั้นจนลืมไปเสียสนิทใจ..ถึงสถานะจริงๆ ในตอนนี้
เธอลืมไปสนิทใจ..ว่าการกระทำของโทสึนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากแต่เเรกเสียเท่าไหร่หรอก..
มิหนำซ้ำ..เขายังไม่เคยบอกเลยสักครั้ง ว่าเขารักเธอ..
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}แตกหัก{{
หลายเดือนผ่านไป มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะต้องตื่นจากความฝัน
สายฝนเทสาดลงมาราวกับอยากจะปิดบังเรื่องตรงหน้า สาดลงกระทบจนร่างกายเย็นเยียบไปถึงขั้วหายใจ แต่แม้ทัศนวิสัยรอบด้านมันพร่าเบลอขนาดไหน ทำไมเธอจะไม่เห็น..ทำไมจะไม่เห็นล่ะว่าร่างสองร่างในร้านนั้นหวานเเหววกันขนาดไหน..
ผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้า กับคนที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นคนรักของตัวเอง..
ก๊อก ก๊อก..
มือเคาะกระจกร้านสีใสเบาๆ เเต่ดังมากพอจะเรียกความสนใจจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี โฮตารุจ้องมองทั้งสองด้วยร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยสายฝน ฝ่ายหญิงตกใจกับสภาพของเธอ เเต่ไม่มากเท่าสีเผือดบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกันที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทว่านั่นกลับตรงข้ามกับฝ่ายชายโดยสิ้นเชิง..
ตอนแรกเขาตกใจ แต่สักพักกลับนิ่งสงบ ลมหายใจถอนออกมา สายตาที่เปี่ยมด้วยความเสียใจเเละยุ่งยากใจนั่นสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
"มาทำอะไรตรงนี้"
โฮตารุมองคนที่ออกมานอกร้านนิ่งโดยไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเขาด้วยซ้ำ ท่าทีนิ่งเงียบจนน่ากลัวนั่นอาจจะไปกระตุ้นความรู้สึกผิดในใจของโทสึล่ะมั้ง? เขาถึงได้ถอดเสื้อเเจ็กแก็ตออกมาคลุมกันฝนให้เธอ โอบไหล่เล็กๆ นี้ แล้วพาเดินหลบไปให้ไกลจากร้านคาเฟ่หรูหรานั่น เเอบฝนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น..
ทั้งที่จะคุยต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นก็ได้แท้ๆ ไม่เข้าใจสักนิดว่าจะพามาทำอะไรถึงนี่..
"นายหลอกฉัน.."
นั่นคือคำแรกที่หลุดออกมาจากปากของเธอ เสียงของโฮตารุสั่นเครือราวกับกำลังสื่อความรู้สึกที่ราวกับเป็นแก้วใสใกล้จะเเตกหัก เธอมองใบหน้าของอีกฝ่าย ความรู้สึกในอกมันปวดร้าวจนแทบบ้าตาย ยิ่งเขาไม่คิดจะแก้ตัวอะไรมันยิ่งทำให้เธอเจ็บจนเเทบบ้า..
มันเหมือนเธอเป็นคนโง่..ที่หลงคิดไปคนเดียว ว่าที่ผ่านมามันคือสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่รักกัน
และยิ่งโง่เข้าไปใหญ่ ที่มาหลงรักคนไร้หัวใจพรรค์นี้
"ฉันไม่เคยบอกสักคำว่าเราเป็นอะไรมากกว่าเพื่อนกัน"
มันเหมือนมีเสียงอืออึ้งบางอย่างดังอยู่ในหัว ใบหน้าชายิ่งกว่าถูกตบเสียอีก..โฮตารุไม่ได้ยินเสียงหัวใจหรือแม้แต่เสียงหายใจของตัวเองด้วยซ้ำ มันมีแค่เสียงของคนตรงหน้าที่กำลังดังก้องไปมา ซ้ำเติมความโง่เขลาของเธอให้เธอได้รู้มากขึ้นไปอีก
"ก็แค่เห็นว่าเธอจะชอบฉันมาก เเล้วเราก็เป็นเพื่อนกัน เลยช่วยสงเคราะห์"
"แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมเธอต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย"
"ทั้งที่ฉันก็ไม่เคยบอกสักคำแท้ๆ ว่ารักเธอน่ะ"
เสียงพูดจากริมฝีปากนั้นยังคงดังอยู่เรื่อยๆ ไม่มีหยุด เเละยังคงดังอยู่ต่อไปไม่จบสิ้น ปากของเธอสั่น สมองสั่งให้บอกให้อีกฝ่ายหยุดพูดได้เเล้ว แต่ริมฝีปากกลับไม่ยอมทำตาม มันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอจนพูดไม่ออก..
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตา..เพียงแค่หยดเดียวเท่านั้น
โฮตารุก้มหน้า ก่อนจะค่อยๆ ตัดสินใจก้าวเท้าหลบออกมาทั้งที่โทสึยังคงพูดอยู่ เธอไม่อยากฟังอะไรไปมากกว่านี้ สมองรู้เรื่องเพียงเเค่อยากจะออกไปให้พ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่ทว่ากล่าวเท้าไปได้ไม่เท่าไหร่ กลับต้องหยุดลงเพราะถูกรั้งไว้ด้วยมือของอีกฝ่าย
แวบหนึ่งหัวใจคล้ายตกลงไปอยู่ตาตุ่ม ความกลัวเเละผิดหวังตีตื้นริ้วขึ้นมาจนถึงสมอง
"จะไปไหนน่ะโฮตารุ ฝนยังต---!!?"
เพี๊ยะ!
"อย่ามาเเตะ!!" โฮตารุโพล่งออกไปเสียงดังลั่นอย่างที่ไม่เคยจะทำมาก่อน เธอสะบัดมือตัวเองออกอย่างเเรงจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเด่นชัด ปลายนิ้วของเธอสั่น ความรู้สึกผิดหวังและความกลัวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พอๆ กับน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลออกมาเรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่กะจะไม่ร้องเเล้วเเท้ ๆ..
แต่พอเเค่ถูกสัมผัส..แค่ถูกพูดเเละมองด้วยสายตาห่วงใยแบบเมื่อก่อน..
ความอดทนทุกอย่างกลับพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี..
"..เราอย่าเจอกันอีกดีกว่า.."
มันต้องพยายามเเค่ไหนกันนะ..ถึงจะต้องพูดประโยคนี้ออกมาได้ ทั้งที่ใจเจ็บขนาดนี้
"..นะ"
โฮตารุเดินตากฝนไปเรื่อยๆ เธอเดินไปตามทาง รับความเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำเเข็งจากสายฝนรอบด้านเข้ามาเรื่อยๆ เม็ดใหญ่เสียจนรู้สึกเจ็บราวกับกำลังถูกเข็มทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างนั้นกลับไม่อาจสู้หัวใจที่เจ็บร้าวแทบระเบิดในตอนนี้ได้เลยสักนิด
เเค่พูดไปเท่านั้น ก็ปล่อยเธอไปอย่างง่ายดาย..ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกผิดในสายตาคู่นั้นด้วยซ้ำ..
"..อึก..บ้าเอ๊ย..อย่าร้องนะยัยโง่" พยายามจะปลอบใจตัวเอง ปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไป ย้ำซ้ำๆ ว่าอย่าทำตัวอ่อนแอ ทว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ยังไม่สามารถห้ามน้ำตาที่กำลังไหอาบหน้านี่ได้เลยสักนิด
สุดท้ายเเม้กระทั่งขาทั้งสองก็หมดเเรงจะก้าวต่อ จำต้องทรุดตัวลงนั่งอยู่บนชานบันไดหน้าประตูในตรอกแคบๆ ที่เดินเข้ามาหลบสายฝนจากฟากฟ้า ถึงอย่างนั้นก็ยังหนาวยะเยือก ร่างสั่นสะท้านไปหมด..ไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่เย็นจนสั่น หรือเป็นเพราะความอ้างว่างเเละโหวงเหวงในหัวใจตอนนี้กันแน่
ทำไม..ทำไม..ทำไม..มีเพียงเเค่คำๆ นี้เท่านั้นที่วิ่งวนไปเรื่อยๆ ในสมองของเธอ..
ทำไมถึงต้องทำกันเเบบนี้ด้วย..?
แอ๊ดดดด..
"เดี๋ยวพี่มาน--อ๊ะ?" เสียงของใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก โฮตารุสะดุ้ง เผลอเงยหน้ามอง ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยนั่น เช่นเดียวกับอีกฝ่าย ดวงตาคมเบิกกว้างเเทบถลน
"คุณ..ฮามิยะคุง ที่เป็นหัวหน้าห้อง..ใช่ไหมคะ?"
"ค--คาซุซังจริงๆ ด้วย!!" อีกฝ่ายอุทานลั่น ก่อนจะค่อยๆ เข้ามาช่วยพยุงเธอลุกขึ้น พลางพาเดินเข้าไปหลังร้านนั่น "ทำไมตัวเปียกเเบบนี้เนี่ย! เข้ามาหลบฝนก่อนเร็ว เดี๋ยวผมหาผ้าเช็ดผมกับนมอุ่นให้ดื่ม"
โฮตารุนิ่งเงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดบ่นตามใจตนเองไปพลาง พาเธอไปนั่งเเละหาข้าวของที่ว่านั่นไปพลาง ครั้นกวาดตามองรอบๆ ที่นี่เป็นร้านถ่ายรูป มองจากป้ายหน้าร้านเเล้วคงเป็นกิจการครอบครัวของหัวหน้าห้อง พอน้องสาวของหมอนั่นมาเห็นสภาพเธอก็ตกอกตกใจไปอีกราย รีบเร่งหาชุดมาให้เธอผลัดเปลี่ยนเเละให้ยืมผ้าเช็ดตัวเป็นการใหญ่
ไม่ค่อยเข้าใจ..แต่เพราะเห็นสายขอร้องปนบังคับนั่น ถึงได้ยอมฝืนสังขารเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย..
พอออกมา ก็เห็นหัวหน้าห้องนั่งอยู่บนโซฟาตัวเอง กับนมอุ่นๆ "คาซุซังมานั่งก่อนสิ แล้วก็ดื่มนมด้วยนะ ร่างกายจะได้ไม่เย็นเกินไป"
สัมผัสถึงความนุ่มของโซฟาและความอุ่นจากแก้วกระเบื้องขุ่นบรรจุของเหลวสีขาวอุ่นเอาไว้ ครั้นพอกลืนลงคอ ก็รู้สึกผ่อนคลายเเละโล่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นกอง โฮตารุนั่งนิ่งๆ ให้น้องสาวของอีกฝ่ายเช็ดปรอยผมเปียกปอนไป และนั่งฟังคำบ่นคำห่วงใยจากหัวหน้าห้องไปเรื่อยๆ โดยไม่โต้แย้งอะไรเลยเเม้แต่น้อย
ผ่านไปเรื่อยๆ จนผมแห้งสนิท น้องสาวคนนั้นขอตัวกลับขึ้นห้องไปก่อน เหลือเพียงเเค่เธอเเละหัวหน้าห้องเท่านั้น บรรยากาศเงียบสงัดจนรู้สึกอึดอัด แต่ก่อนที่มันจะเเย่ไปมากกว่านี้ ปลายนิ้วของอีกฝ่ายก็สัมผัสเข้ากับไหล่ของเธอเสียก่อน
"ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ บอกผมได้นะ.."
แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ เพียงเเค่ประโยคเดียวเท่านั้นเอง..
นานเป็นชั่วโมงกว่าโฮตารุจะหยุดร้องไห้ เธอปรับอารมณ์ตัวเองอยู่นาน กว่าจะสามารถหายใจหายคอได้คล่อง และพูดโดยไม่สะอื้นได้
"ฮามิยะคุงคิดว่าคนที่คบหลายคน หรือทำตัวเหมือนคบกันคนนี้อยู่ทั้งที่จริงๆ คบกับคนอื่นอยู่ เป็นยังไงเหรอคะ?"
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจหรอก ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น..
"เอ่อ ผมว่านิสัยไม่ดีเท่าไหร่น่ะนะ.."
..........
บรรยากาศเงียบสะงัดอีกครั้ง โฮตารุช้อนตามองคล้ายจะเอ่ยขอบคุณ แต่กลับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดเเผ่วเบาจากปากของอีกฝ่ายที่ไม่เคยคิดจะได้ยิน
"แต่ถ้าเป็นคาซุซัง..ผมก็โอเคนะ"
หัวใจกระตุกเเละปวดหนึบขึ้นมาพร้อมๆ กับคำถามที่แล่นเข้ามาในหัว คิดเเบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ?..
"แม้จะต้องเจ็บเหรอคะที่ไม่ได้ครอบครองเขาแค่คนเดียว"
"ไม่รู้สิ..แต่ผมคิดว่า ถึงเจ็บก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็เป็นคนเลือกเองนี่นา"
เลือกเองนี่นา..งั้นเหรอ?
คำๆ นั้นสะท้อนอยู่ในหัว โฮตารุนิ่งเงียบไปก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่ามันไม่ใช่การหัวเราะเพราะตลกขบขัน ทว่าเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝือนเเละเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ล้นออกมาจากหัวใจของเธอในตอนนี้
เลือกเองนี่นา..นั่นสิ เธอน่ะเป็นคนเลือกเองนี่
ถ้าได้รับความรักมา มันก็คงไม่เป็นไรงั้นสินะ..
แต่ว่า..เจ็บจังเเฮะ ไม่ชอบเลย ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้งและไร้ทางเลือกเเบบนี้น่ะ..
ถ้างั้นเเล้ว..แค่เป็นคนที่ได้เลือกว่าจะทิ้งหรืออยู่ ก็พอแล้วล่ะมั้ง?
"ถ้างั้น ฮามิยะคุงลองมาคบกันฉันดูไหมล่ะ?"
งานอดิเรก ::
>>แต่งสวยเเต่งโฉม บำรุงผิวพรรณด้วยครีมสารพัดอย่าง [ผู้หญิงอย่าหยุดสวย โอเคนะ? //แค่ก// โฮตารุไม่ชอบตอนที่ผิวแห้งหรือมีริ้วรอยน่ะค่ะ เลยดูเเลประจำ----(ปกติแล้วมักทาพวกครีมเวลาช่วงเช้ากับก่อนนอนค่ะ)]
>>เดินช้อปซื้อคอเลคชั่นใหม่ของเเบรนด์รองเท้าและกระเป๋าที่โปรดปราน [นักสะสมรองเท้าและกระเป๋าแบรนด์ดังของแท้เลยค่ะ เจ้าตัวชอบกระเป๋าแบรนด์ Prada และรองเท้าแบรนด์ Manolo Blahnik มากค่ะ เรียกได้ว่าตามเก็บมันทุกซีซั่นเลยทีเดียว]
>>ฝึกทำขนม [คิดว่าตัวเองควรมีสกิลเเม่บ้านแม่เรือนติดตัวเลยฝึกเป็นประจำทุกวันเสาร์เวลาบ่ายโมงจนกว่าจะเบื่อค่ะ อาจารย์จำเป็นคือ..คนในยูทูปค่ะ--(นางอยากจ้างคนมาสอนนะคะ แต่เคยจ้างเเล้วรำคาญมาก เลยดูจากยูทูปเอาแทนเลย..) ปัจจุบันฝีมือยังห่วยแตกไม่กระเตื้องไปไหนเหมือนเดิม ฮาา]
>>ศึกษาภาษาต่างประเทศ [เป็นสิ่งที่ควรทำเมื่อก่อน ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางไปหลายประเทศ โฮตารุจำเป็นต้องเก่งภาษาต่างประเทศและศึกษาไว้มากๆ และปัจจุบันนี้มันก็กลายเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย ดังนั้นห้องนอนของเธอจึงมีหนังสือเกี่ยวกับภาษากองล้นพอๆ กับเครื่องสำอางค์เลยค่ะ]
>>ไปเเอ๊วหนุ่มเล่นกับเพื่อนสาว [ความสุขส่วนตัว จบข่าว---]
>>ออกไปเดทกับผู้ชายในสต๊อก ทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่าได้เรื่อยๆ [ก็ความสุขส่วนตัวอีกนั่นเเหละ..และเพราะงานอดิเรกนี้ โฮตารุจึงถูกคนรู้จักหลายๆ คนเรียกว่า เพลย์เกิร์ล ไปนั่นเองค่ะ.]
ชอบ ::
>>เครื่องสำอางค์ [สวยดี..เเต่เจ้าตัวมักสนใจเฉพาะ รองพื้น มาสคาร่า อายไลเนอร์ กับทินท์ไม่ก็ลิปสติก และแป้งพับเท่านั้นค่ะ อย่างอื่นไม่ค่อยอยากจะได้เท่าไหร่]
>>รองเท้ากระเป๋าแบรนด์ที่ปลาบปลื้ม [โฮตารุมองสองสิ่งนี้เป็นของสวยงามที่ควรค่าเเก่การสะสมมากค่ะ ชอบขนาดตามเก็บทุกซีซั่น เเละมีห้องเก็บรองเท้าและกระเป๋าแยกเลยทีเดียวค่ะ---]
>>สลัดผัก สลัดผลไม้ [ดีต่อสุขภาพ กินเเล้วไม่อ้วนและไม่มีไขมันมากเกินไป เพิ่มเติมคืออร่อยดี โฮตารุช๊อบชอบ]
>>ผู้ชาย (?) [หล่อ แซ่บ ที่ฮีลใจเวลาเครียดหรือเซ็งๆ แต่ถ้าจะให้ดี ขอหลายๆ คนจะดีต่อใจโฮตารุมากค่ะ //แค่ก]
>>ภาพวาดสีน้ำ [เป็นศิลปะชนิดเดียวที่ชอบ..เจ้าตัวบอกว่ามันอาร์ตดี]
>>แม่นมสุดที่รัก [คนนี้เขาเลี้ยงเธอมาตั้งเเต่เกิด คอยสอนนู่นสอนนี่ประจำ แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันเเต่โฮตารุก็ยังรักและคิดถึงเสมอ เพราะงั้นเลยมักส่งของไปให้ที่บ้านของแม่นมบ่อย ๆ]
ไม่ชอบ ::
>>รสจัดจ้าน [มันค่อนข้างจะทรมานปากเอาเรื่องนะ ไม่ค่อยดีกับร่างกายด้วย..เพราะงั้นอาหารส่วนมากของโฮตารุเลยเป็นอาหารรสกลมกล่อมไม่ก็จืด อย่างพวก ต้มจืด ข้าวต้ม สลัด ไข่ดาว (?) อะไรแบบนี้น่ะค่ะ]
>>เครื่องประดับแวววาว [เธอไม่ชอบตอนที่อัญมณีพวกนั้นกระทบแสงตะวันจันทร์เสี้ยวแล้วเปล่งประกาย..รำคาญสายตา]
>>ผู้ชายมั่นหน้า ขี้ตื้อ [ควงไม่ซ้ำหน้าเเต่ใช่ว่าจะเอาใครก็ได้นะ..คนจำพวกที่เธอไม่แลแน่ๆ ก็คือพวกมั่นหน้าขี้ตื้อเนี่ยแหละ ทั้งน่ารำคาญและน่าหงุดหงิด อย่างกับเเมลงหวี่แมลงวันยังไงยังนั้น]
>>บิดา [จะว่าอกัตตัญญูก็ว่ากันไป..แต่พ่อที่ไม่แม้แต่จะเเลลูก ปล่อยปะละเลย สนใจแต่หน้าตาเเละตนเองเเบบนั้นน่ะ โฮตารุไม่สนใจหรอก..]
แพ้ ::
>>รสเผ็ด [อีกสาเหตุที่ทำให้ไม่อยากกินของรสจัดจ้าน..เวลากินของเผ็ด ไม่ว่าจะมากน้อย จะหน้าแดงแปร๊ดและมีไข้ขึ้น ปากบวมอีกต่างหากนั่น..]
{วิธีแก้ - ไม่ต้องอะไรมาก แค่ให้อาบน้ำกินยาแล้วนอนพัก กับคอยเช็ดตัวเรื่อยๆ คล้ายดูเเลคนป่วยไปจนกว่าจะหายไข้ก็พอค่ะ}
>>น้ำอัดลม [ท้องไส้ไม่ค่อยดี..อารมณ์เด็กน้อยมากค่ะ รสจัดก็ไม่ได้ น้ำอัดลมก็เช่นกัน กินเเล้วจะเเสบท้องมากปานตอนเมนส์มาแล้วปวดจัดเลยค่ะ---]
{วิธีแก้ - ประคบถุงร้อนแล้วนอนพัก ถ้าสักพักเเล้วยังไม่หายก็หิ้วไปหาหมอได้เลยค่ะ}
เพิ่มเติม :: หากองค์รวมไม่โอเค เเลดูเป็นเด็กมีปัญหามากไปบอกได้เลยนะคะ พร้อมแก้ทุกเมื่อค่ะ! //ตะเบะ---// จะบอกว่าเก็บกดกับงานเลยได้ลูกสาวแบบนี้มาน่ะค่ะ.....(..)
เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร
-ไม่เคยออกจากบ้านโดยไม่ทาครีมกันแดดและแต่งหน้า
-มิได้คลั่งการเเต่งหน้าเเบบที่คัดเบ้าจัดหนักอะไรหรอก..แค่ทาบางๆ เน้นริมฝีปากกับดวงตาและทารองพื้นกับแป้ง ให้มันโดดเด่นเเค่นั้นเเหละ..ถามว่าทำไมโฮตารุแต่งแค่นั้น ตอบง่ายๆ เลยค่ะ 'สวยอยู่เเล้ว ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางค์มาก'----//แค่ก---
-เป็นคนจำพวกที่เข้ากับสำนวน เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้..
-พูดได้หลายภาษามากๆ แต่ที่รู้เรื่องและเข้าใจมากจริงๆ จะมีดังนี้ค่ะ {อังกฤษ(นางพูดสำเนียงอเมริกาค่ะ) ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน}
-ห้องนอนในคอนโดของโฮตารุติดผ้าม่านสีทึบไว้ค่ะ ทึบเเบบที่ถ้าปิดเเล้วไม่เปิดไฟนี่มืดตึ้บ----(นางเอาไว้กันเเสง)
-ตู้เย็นที่คอนโดนางใหญ่มาก..อันหนึ่งอันใด แม่นางเอาไว้ใส่ผักผลไม้ค่ะ แทบจะขนไปทั้งฟาร์ม..
-กระนั้นก่อนผักจะเน่าเสีย โฮตารุก็กินได้หมดทันก่อนอยู่ดีค่ะ จะว่ากระเพาะหลุมดำกับผักผลไม้ก็ได้ ไม่ผิด
-แต่หากเป็นของอย่างอื่นก็จะกินแต่น้อยค่ะ
-คนที่สอนภาษาต่างประเทศเธอคือคุณปู่ค่ะ (บวกกับท่านส่งเสริมให้เรียนพิเศษด้วยค่ะ โฮตารุเลยเก่งภาษาเอาเรื่อง)
-จริงๆ เเล้วเป็นคนพูดญี่ปุ่นคล่องมาก แต่พอไปอยู่บ้านเมืองนู้นคือโฮตารุไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ เวลาคุยกับเพื่อนกับปู่กับพูดภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ พอกลับมาเหยียบประเทศบ้านเกิดตัวเองอีกทีนี่คือพูดไม่ชัด เอ๋อๆ ลืมๆ จำศัพท์ยากไม่ค่อยได้จนเข้าเค้าสาวต่างชาติไปเรียบร้อย---
-ผมแม่นางนั่นย้อมเอาค่ะ แต่สีตานั้นเป็นธรรมชาติ. ll สีผลดั้งเดิมของโฮตารุคือสีน้ำตาล (อารมณ์ภาพล่างเลยค่--)
-หนุ่มในสต๊อกเยอะ เเต่นางจำหน้าจำชื่อหนุ่มๆ ทั้งหลายของนางได้เเม่นนะคะ เวลาเจอท่านเขาไปควงสาวอื่นจะได้ตบถูก (..) ll คติ ฉันควงเยอะได้ เเต่คนอื่นทำไม่ได้ เเละ เป็นเด็กฉันห้ามแอ๊วสาวอื่น นั่นเองค่ะ---
เพิ่มเติมเนื้อหาตัวละคร
[กลัว]
>>ปู [พูดจริงไม่ได้ล้อเล่นนะ..โฮตารุเคยโดนปูหนีบ เลยกลัวฝังเข้าหัวมาจนถึงบัดนี้นั่นเอง]
{ปฏิกิริยา - เวลาเจอบนจานอาหารจะเเอบทำหน้าเเหยนิดหน่อย และไม่คิดแม้แต่จะเเลอาหารจานนั้น เเต่ถ้าเจอตัวเป็นๆ เเบบไม่ทันตั้งตัวจะเผลอหลุดสะดุ้งเบาๆ เเล้วถอยห่างค่ะ}
>>ผีสาง และฉากสยองขวัญ [โฮตารุเคยถูกเพื่อนพาลากเข้าโรงหนังที่ฉายหนังผีกับหนังฆาตกรรม และหนังสงครามต่อกันสามโรงติดค่ะ (..) เจ้าตัวเลยจำฝังหัวเเละกลัวเกลียดเข้าไส้ตั้งเเต่นั้นมาเลยค่ะ---llอนึ่ง..โฮตารุกลัวความหลอนของหนังผี และกลัวหน้าโล้นๆ ขาวๆ นั่น กับหนังฆาตกรรมสงครามนี่จะกลัวพวกเเผลกับฉากหั่นศพ (?) ค่ะ เลือดไม่กลัวนะ---]
{ปฏิกิริยา - กรี๊ดบ้านเเตกค่ะ...}
>>ผู้ชายที่กล้ามใหญ่จนเกินไป แบบนักเพาะกล้าม (..) [กลัวปากจะพาซวยเเล้วโดนต่อยหน้าแหก..(..)]
{ปฏิกิริยา - กลืนน้ำลายเบาๆ ยิ้มฝืดๆ และเลี่ยงได้เท่าที่จะทำได้สถานเดียว..}
[เกลียด]
>>บ้านของตนเอง [อึดอัด...ไม่อยากจะกลับไปเหยียบแม้แต่นิดเดียว]
>>ผักชี [ไม่อร่อย..]
>>แสงจ้าๆ ตอนเช้า [โฮตารุเป็นพวกไม่ปลื้มการโดนปลุก ยิ่งตอนเช้าๆ ยิ่งไม่ปลื้ม เพราะงั้นเวลาเจอเเสงจ้าตอนเช้าสาดใส่ตาเชิงปลุกไล่นี่จะรำคาญมากค่ะ]
>>เสียงนาฬิกาปลุก [อารมณ์เดียวกับเเสงจ้าเลยค่ะ--คือเกลียดการโดนปลุกนั่นเอง]
>>การโดนปลุก [โฮตารุคือคนที่ถ้านอนไม่เต็มอิ่มเเล้วโดนปลุก นางจะหัวร้อนมากค่ะ หน้ายับ เหวี่ยงวีน พาลไปทั่ว และจะขี้รำคาญสุดๆ ต้องปรับสถาพอารมณ์นานมากกว่าจะหายหัวร้อนได้ เเต่ถ้าตื่นเองแม้ยังนอนไม่มากจะไม่มีปัญหานะคะ อารมณ์คล้ายๆ รำคาญไอ้ที่มาปลุกมากกว่าการต้องตื่นทั้งที่นอนไม่เต็มอิ่ม (?)]
[ครอบครัว - จัดได้ว่าแตกแยกเอามากๆ ตั้งแต่เด็ก พ่อของโฮตารุไม่ได้ใส่ใจเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะว่าหน้าของเธอดันเหมือนกับผู้เป็นแม่มากเกินไป ผู้เป็นพ่อที่เกลียดชังเเม่ผู้หนีไปกับรักใหม่จึงไม่รู้สึกรักใคร่เธอเลยเเม้แต่น้อย ส่วนแม่เลี้ยง..อ่า อย่าพูดถึงเลย ผู้หญิงคนนั้นคงภาวนาให้เธอหายๆ ไปเสีย จะได้ฮุบสมบัติพ่อเธอคนเดียวอยู่ล่ะมั้ง? เอาเป็นว่าอย่านับญาติกับยัยป้านั่นเลยเเล้วกัน.. (โฮตารุไม่ได้นับถือเเม่เลี้ยงเป็นแม้แต่ญาติเลยค่ะ---) ความจริงถ้าคุณปู่ไม่ขอไว้ เธออาจจะไม่ได้โตมาในบ้านหลังนั้นก็ได้ล่ะมั้ง..(ซึ่งมันคงจะดีมาก..) และเพราะไม่ได้รับความใส่ใจมาแต่วัยเยาว์ โฮตารุเลยไม่มีความผูกพันธ์อะไรกับพ่อแม่เลย มารดาผู้ให้กำเนิดหรือก็ไม่ใช่ พ่อก็เกลียดชัง ท้ายสุดเเล้ว เธอก็ไม่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำจริง ๆ..ว่าพวกเขาคือครอบครัวของเธอ..]
**หากว่าสามารถนับคนนอกเป็นครอบครัวได้เเล้วล่ะก็ แม่นมจะเปรียบเป็นคุณแม่คนสำคัญของเธอ จะถามว่าชีวิตนี้สำหรับโฮตารุอะไรล่ะที่ดีที่สุด? แน่นอน ย่อมเป็นแม่นมที่เธอรักใคร่อยู่เเล้ว**
{ญาติ ๆ - ตระกูลคาซุมิน่ะมีอยู่มากมายเต็มไปหมด คนโด่งคนดังบ้าง ลูกนอกสมรสบ้าง (บอกแล้วว่าบ้านนี้มันเจ้าชู้ทางสายเลือดชัด ๆ--) มากมายจนโฮตารุนับญาติไม่ไหว..แต่ถ้าให้บอกคนที่นับถือหรือรู้จักจริงๆ ก็ต้องเป็นคุณปู่ล่ะนะ แม้จะไม่เจอหน้ากันมาก แต่โฮตารุก็นับถือท่านมากพอตัวเลยทีเดียว เพราะนอกจากแม่นมแล้วก็มีคุณปู่เนี่ยแหละที่ใจดีกับเธอ}
[การศึกษา - มีทักษะด้านวิชาการที่เรียกได้ว่าดี แต่ไม่ได้ดีมาก โฮตารุเก่งภาษาแต่พวกวิชาคิดคำนวนนั้นเรียกได้ว่ากลางๆ ไม่โดดเด่น วิทยาศาสตร์ก็เก่งนะ แต่ไม่ได้ถนัดหรือชอบอะไร ไม่ใช่เด็กอัจฉริยะไอคิว200อะไร แต่ขวนขวายหาอ่าน หาทำเอา เพราะตอนเด็กคิดว่าถ้าเรียนดีพ่อแม่อาจจะสนใจ แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากความรู้อยู่ดี โฮตารุเลยปลง กลอกตาสามรอบเเล้วเรียนให้จบ เรียนให้ดีให้แม่นมกับปู่ภูมิใจ แต่อันไหนไม่ไหวก็ปล่อยตามเลยไปเลยนั่นเองค่ะ---]
[มิตรสหาย - แก๊งค์สาวสามแซ่บ ครบเครื่องดีกรีความ รวย สวย เริด เชิด และฮอต แน่นอนว่าโฮตารุย่อมคบคนประเภทเดียวกันเพื่อความสบายใจ (แต่ถ้าเเย่งผู้ชาย เป็นเพื่อนแม่ก็ตบนะคะบิ*ท์---) ซึ่งเเก๊งค์นี้คบกันมาตั้งเเต่มหาลัยจนวัยทำงานเลยค่ะ เป็นสาวแซ่บสุดสวยที่ทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองได้สบายๆ เอาเงินมาผลาญกับรองเท้ากระเป๋าได้แบบไม่ต้องแคร์สายตาใคร เพราะเงินเรา (?) ค่ะ--{แนบโปรไฟล์สาวๆ ไว้ด้านล่างนะก๊ะ--}]
[ความรัก - ระดับนี้เเล้ว..ก็ระดับนี้เเหละค่ะ (?) ยังไงก็เคยนกอยู่ดี โฮตารุเคยนกมาทั้งหมดสองรอบด้วยกันค่ะ นกครั้งเเรกคือรักจริงๆ จังๆ วัยยังใสที่โดนหักอกดังเปร๊าะได้หน้าตาเฉย ด้วยคำว่า เพื่อน ของผู้หนุ่มคนงามอย่างโทสึคุง (จำฝังใจเเละยังโกรธเกรี้ยวมาจนถึงทุกวันนี้.) ส่วนครั้งที่สองนั้นคือตอนม.ปลายค่ะ โฮตารุชอบผู้ชายคนหนึ่งมากๆ แต่พอไปสารภาพรักกับโดนคำว่า มีแฟนเเล้ว เสยกลับเต็มหน้า เเน่นอนว่าไม่ยอม พยายามจีบนิดหน่อยเเม้รู้ว่าเขามีแแฟน สรุปคือ..ก็นกค่ะ จิตใจมั่นคงดั่งเหล็กกล้ามาก อ่อยยังไงก็ไม่ชอบสักที แถมโดยเกลียดขี้หน้าอีก..โอเค ต่อแต่นี้โฮตารุขอจำว่าอย่ายุ่งกับคนมีแฟน อย่ากระเเซะกับคนมีภรรยาสามี (?) ทั้งหลาย จะได้ไม่เสี่ยงโดนเเฟนเขาดักตบ และเสี่ยงต่อการนก---]
[ประวัติกิจกรรม - มีโดดเด่นเเค่การชิงทุนไปเรียนต่างประเทศช่วงมัธยมปลายปีที่สองเท่านั้นค่ะ ที่เหลือคือสารพัดกิจกรรมประกวดการพูดต่อหน้าชุมชน และโต้วาที กับการแข่งขันภาษาอังกฤษ]
[การกีฬา - .......ก็..เล่นเเบทมินตันกับวอลเล่ย์ได้สองอย่าง..ส่วนแรง อืม..เวลาตบหน้าคนนี่ก็สะบัดเลือดกลบได้น่ะค่ะ เเค่นั้นเอง J (?)]
[ที่อยู่อาศัย - โฮตารุย้ายออกมาจากบ้านที่คุณปู่ซื้อให้ในตอนขึ้นมหาลัยค่ะ เธอขายต่อบ้านหลังนั้นทิ้งไป (ซึ่งถามคุณปู่เเล้ว ว่าถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ควรทำยังไง ท่านก็แนะว่าขายทิ้งเอาเงินไปตั้งตัวใหม่เลย---(?)) ช่วงมหาลัยเธออยู่หอพักค่ะ พอจบเเล้วก็ซื้อคอนโดอยู่ คอนโดของโฮตารุเป็นคอนโดหรูหราปานโรงเเรมเลยล่ะค่ะ มีสองห้องนอนในตัว (ซึ่งห้องหนึ่งเจ้าตัวเอาไปทำห้องเก็บรองเท้ากับกระเป๋า(..)) ห้องนั่งเล่น ห้องครัวในตัว ห้องน้ำในตัวห้องนอน แยกกับด้านนอก และยังมีสระว่ายน้ำที่ดาดฟ้าคอนโดด้วย ทำเลนั้นตั้งอยู่ในเมืองค่ะ ราคามหาโหดเเต่อยู่สบายสุด ๆ--]
RULE FOR MY MAN :)
<โสด หล่อ แซ่บ ไม่ผูกมัด และไม่ลำไย..โอเคนะคะ?>
Profile her friend
"ถ้าไม่รีบแอ๊ว เขาก็กินกันเองหมดสิจ๊ะพ่อคุณแม่คู้ณ"
เรซิส อองตวน {Rezis Antoine}
Age : 26 ปี
Status : Alive / เภสัชกรที่เปิดร้านขายยาธรรมดาๆ (แต่มีหลายสาขา---)
}อดีตนักเรียนแลกเปลี่ยนมัธยมปลายจากฝรั่งเศส ปัจจุบันผันตัวมาอยู่ประเทศแดนอาทิตย์อุทัยแบบเต็มตัว หนึ่งปีจะกลับบ้านสักหนแล้วแต่ฟิลนาง แต่โทรหาพ่อหาแม่เป็นปกติทุกอาทิตย์ สถานะตอนนี้ไม่โสด และมักโดนแฟนมองแรงโทษฐานหันไปแอ๊วหนุ่มเล่นบ่อย ๆ{
"คนน่ารักไม่ผิดค่ะ คิก"
โอวาริ มิคัง {Owari Mikan}
Age : 26 ปี
Status : Alive / ปาร์ติชิเย่ในภัตราคารหรูแห่งหนึ่ง
}อายุ26แต่เบ้าหน้าประมาณ18 หน้าตาเเละนิสัยออกอารมณ์น่ารักง้องแง้ง เห็นผ่านๆ ให้อารมณ์ตุ๊กตาบาร์บี้สุดๆ แต่เอาจริงเเล้วนิสัยจริงๆ เเม่นางนี่แสบสันเป็นที่สุดเชียว (เพิ่มเติมคือชีหลงตัวเองหนักมาก--){
Profile her Old Boyfriend (?)
"จะให้ชดใช้ยังไงล่ะ สุดท้ายมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดีนี่?"
คาราตะ โทสึ {Karata Tozu}
Age : 26 ปี
Status : Alive / วิศกร
}ผู้ชายนิสัยเสียต้นเหตุหนึ่งของความเจ้าชู้ในปัจจุบันของโฮตารุ{
"สุดท้ายเเล้วมันก็ผิดกันทั้งคู่อยู่ดีนั่นแหละ"
ฮามิยะ โซเคย์ {Hamiya Zokei}
Age : 26 ปี
Status : Alive / เจ้าของร้านถ่ายรูปขนาดกลางๆ ในมุมหนึ่งของเมืองหลวง
}เขาคือผู้ชายที่เก่ง ฉลาด และมีความสามารถ เเม้ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ก็มีหญิงสาวมากมายมารุมล้อม แต่มันคงเป็นตลกร้ายล่ะมั้ง? ที่สำหรับเขาเเล้ว ในบางครั้งก็สามารถทนทรมานได้ทุกอย่างเพียงเพื่อบางสิ่งที่ต้องการเท่านั้นเอง..{
*ปัจจุบันยังคงติดต่อกับโฮตารุอยู่บ้างประปราย และหากถามว่ารู้สึกยังไงที่ต้นเองก็ถือเป็นต้นเหตุที่ทำให้โฮตารุดูมีนิสัยเช่นนี้? คำตอบสำหรับเขาคือ ไม่รู้สึกอะไรเลย*
*ในความรู้สึกที่มีต่อโฮตารุตอนนี้นั้น..บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างสับสนนิดหน่อย และปัจจุบันนี้ นางโสด (?)*
Talk To Me
✿ สวัสดีค่ะ..เราไดอาน่าเองง จะเรียกไดอาก็ได้นะ! แล้วผปค.ชื่ออะไรเอ่ย?
::ฮายยยยย รันเองค่าาาส์ คิดถึงเราไหมคะ!
✿ ใบสมัครกับคำถามเราอาจจะเยอะไป(ไม่)หน่อย ขออภัยด้วยนะคะ! *กราบงามๆ*
::ไม่ค่าาา ไม่เยอะหรอก เอาจริงถึงเยอะรันก็กรอกไหวนะ อืม..ว่าไงดี..เทียบกับการพิมพ์รายงานส่งครู หรือเขียนคำตอบคณิตศาสตร์กับภาษาไทยในกระดาษข้อสอบเเล้ว จิ๊บจ๋อยมากค่ะ! #ไม่เกี่ยว..
✿ ทำไมถึงเลือกคู่กับคนนี้คะ?
::เพราะรักค่ะ!! เขาเป็นโอก้าซังสุดที่รัก เป็นเมนที่เรียกได้เมนเหนือเมน และเป็นเมนที่รันรักมากพอๆ กับตายักษ์แดงเลยค่ะ!! เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากได้เขาเป็นเขยบ้านนี้ค่ะ!! #ตบโต๊ะพูดด้วยสีหน้าจริงจังสุดฤทธิ์ (?)
✿ ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ค---แค่ก
::เพราะท่านไดคือที่รักของรันค่ะ!!----#โดนตบหน้าแหก
✿ เรื่องนี้อาจจะมีการดองหรือลงช้าเป็นบ้างครั้งนะคะ รอได้รึเปล่าเอ่ย?
::รอได้เเน่นอนค่าาาา รันมีสกิลพิเศษ อ่านบทก่อนซ้ำๆ หลายรอบได้โดยไม่วาร์ปข้ามแก้เบื่อรอบทใหม่ เพราะงั้นไม่มีปัญหา สตรองค่ะสตรอง! (?)
✿ ถ้าไม่ติด..เราขอโทษนะคะ ,_, ))
::ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่เสียใจนิดหน่อยเพราะตั้งใจปั่นเอง ก็ลูกสาวเรานี่เนอะ 55555 แต่ยังไงก็เคารพการตัดสินใจของไรท์เตอร์นะคะ
✿ สุดท้ายนี้ มีอะไรจะบอกเรามั้ยคะ? รักนะ ❤ 。◕‿◕
::ขอหอมทีค่ะ! ม๊วฟฟ! #โดนตบอเกนล์
I'm just one girl . but I'm one girl is more beautiful than anyone. OK?
-By Hotaru-
ความคิดเห็น