ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Revenge Evil [เซรเกรย์ เอ็นดิอุส]
Application
"ตุ๊กตาเนี่ย..มันพังง่ายจังนะ"
บทที่ต้องการ :: คนในบริษัท Revenge Evil คนที่7
ชื่อ-นามสกุล :: เซรเกรย์ เอ็นดิอุส
ชื่อเล่น :: เซรเกรย์ [Sergay]
อาชีพ :: ว่างงาน
บริษัท :: Revenge Evil
เพศ :: ชาย
อายุ :: 22
รูปร่างหน้าตา :: เซรเกรย์คือชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสมส่วนราวกับงานปั้นของจิตรกรชั้นเลิศ เขามีผิวกายที่ขาวราวกับน้ำนม ตัดกับเส้นผมสีแดงหยักศกตัดสั้นปรกใบหน้าแสนหล่อเหลาของเขา ชายหนุ่มมีดวงหน้าคมสันเช่นบุรุษเพศทั่วไป ใบหน้าของเขานั้นราบเรียบไร้ตำหนิ เครื่องหน้าหล่อเหลาราวสวรรค์เสก ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลงดงามไร้อารมณ์แฝงด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา รับกับคิ้วโก่งดังคันศรสีเดียวกับเส้นผม จมูกโด่งรั้นเป็นสันไร้การเสริมแต่งใดๆ ริมฝีปากหยักได้รูปสีซีดที่เรียบเป็นเส้นตรงอยู่ตลอดเวลา และมีไว้เพื่อมอบรอยยิ้มวิปลาสให้แก่เหล่าตุ๊กตาทั้งหลายของเขา เซรเกรย์เป็นคนที่ภายนอกดูไม่มีอะไร ทว่าความจริงแล้วร่างกายนั้นแฝงไว้ด้วยมัดกล้ามอย่างพอเหมาะ เพียงแต่ถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้าของเจ้าตัวก็เท่านั้น ยิ่งประกอบกับลายสักแปลกตาที่ไหล่ขวานั่นเเล้ว มันจึงทำให้เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างมากคนหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากท่าทางเบื่อหน่ายตลอดเวลานั่นแล้ว รังสีที่ฉายออกมาจากตัวเซรเกรย์ก็พอจะทำให้คนอื่นรู้ได้ว่าเขาน่ะ จิตไม่ปกติ
ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 186 / 66
ลักษณะการแต่งกาย :: -Click-
หน้ากากที่สวม :: -Click-
ป.ล.คุณพี่ใช้หน้ากากแบบที่ผู้หนุ่มไม้เบสบอล (?) ใช้เลยค่ะ
ลักษณะนิสัย ::
เซรเกรย์ เอ็นดิอุส ชายหนุ่มผู้มีอาการผิดปกติต่างจากคนธรรมดาๆ ทั่วไป เขาเป็นคนที่เบื่อหน่ายต่อทุกสิ่ง สายตาที่ใช้มอบรอบด้านนั้นราบเรียบไร้อารมณ์สิ้นดี ตัวเขาไม่มีสิ่งใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ไม่สิ ความจริงต้องบอกว่าของรอบกายเขามันไม่โดนใจจนทำให้เซรเกรย์รู้สึกชอบต่างหาก สำหรับเขา แม้แต่ศิลปะอังงดงามก็เป็นของไร้ค่า หรือกระทั้งอัญมณีแวววาวล้ำค่าเองก็ไม่มีคุณค่าใดๆ ต่อเซรเกรย์เช่นกัน เขาเป็นบุรุษผู้มีรสนิยมสูงลิบเเละแตกต่างกับคนทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะงั้นเวลาที่คนอื่นสนุกสนานกับกิจกรรมคลายเครียด เซรเกรย์จะหาวหวอดง่วงหงาวหาวนอนสุดๆ เอาง่ายๆ คือกิจกรรมสันทนาการสำหรับเขามันน่าเบื่อ อะไรๆ มันก็น่าเบื่อ ไม่น่าสน ไม่น่าใส่ใจ มองแล้วรกหูรกตาเป็นที่สุดนั่นเอง
เซรเกรย์นอกจากจะขี้เบื่อแล้ว พ่อคุณยังขี้รำคาญอย่างมากอีกด้วย เห็นหน้าตายไร้อารมณ์ขนาดนี้กลับความอดทนต่ำกว่าที่คิด เขาเข้ากับสังคมปกติไม่ได้ เซรเกรย์มีความเป็นมิตรและมนุษย์สัมพันธ์เท่ากับศูนย์ เขาไม่ชอบการผูกมิตรเพราะมันน่ารำคาญ เเละการอยู่ในสังคมใหญ่มันจะทำให้เขาเจอกับคนหลายประเภท ซึ่งแน่นอนว่าน่ารำคาญและน่าเบื่ออีกแล้ว ดังนั้นอย่าแปลกใจเลยหากคุณไม่เห็นเขาอยู่รวมกับใครที่ไหน เพราะเซรเกรย์รักสันโดษมาก มากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ งานเลี้ยงงานรื่นเริงอย่ามาพูด ถึงจำเป็นเซรเกรย์ก็ไม่ไปอยู่ดีนั่นแหละ เขารักจะอยู่คนเดียวในที่เงียบๆ ไม่มีเสียงอะไร แล้วหลับอุตุสบายใจเฉิบแก้เบื่อ ไม่ก็หาอะไรทำเล่นกับน้องชายตัวเองแค่สองคนเท่านั้นนั่นแหละ
เซรเกรย์ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว คนที่สนิทด้วยเห็นจะมีแต่น้องชายฝาแฝดผู้มีนิสัยตรงข้ามกับเขาราวฟ้ากับเหวเพียงคนเดียวนั่นแหละ..แต่ถามว่าเซรเกรย์ใส่ใจมันไหม? แน่นอนว่าไม่ ตัวเขาเป็นมนุษย์ด้อนแคร์ ฉันไม่สน ฉันไม่ทำ ข่าวการจากลาสำหรับเซรเกรย์ก็เหมือนคำบอกกล่าวว่า วันนี้อากาศเเจ่มใสดี หากไม่ใช่เรื่องของเขาเเล้วล่ะก็ เซรเกรย์จะไม่สนไม่แคร์อะไรเลยสักอย่าง เวลาทำงานเขาชอบจะที่ทำคนเดียว การทำอะไรคนเดียวสำหรับเซรเกรย์มันสะดวกเเละดีกว่าการทำงานเป็นทีมเป็นไหนๆ เพราะเขาชอบลุยเดี่ยว ทั้งยังทำอะไรตามใจตนเองไม่ฟังคำสั่งชาวบ้านเขาสักเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นคนที่เคารพจริงๆ (ซึ่งหายาก..มาก) อีกต่างหาก เป็นเหตุให้เขาไม่เหมาะกับการทำงานเป็นทีมเลยเเม้แต่น้อยนิดนั่นเอง
เซรเกรย์ถึงจะไม่สนรอบข้างแต่ไม่ได้โลวเทคหลังเขาแต่อย่างใด เขาเป็นคนมีหูตามาก เอาง่ายๆ คือพวกเส้นสายเยอะ แถมยังมีกลุ่มคนคอยให้ข่าวสารต่างๆ แก่ตัวเขามากมายอีกต่างหาก เอาตามควาจริงไม่นับว่าเป็นกลุ่มคนที่สนิทจนถึงขั้นยอมช่วยเหลือกันตลอดอะไรแบบนั้นหรอก..แค่คนพวกนั้นรู้ตัวดีว่าไม่ควรขัดใจเซรเกรย์นัก พวกเขาเลยพยายามให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้นั่นเอง เซรเกรย์เป็นคนบุคลิกภาพนิ่งๆ พอมารวมกับรังศีทะมึนเบี้ยวๆ แบบแปลกๆ รอบตัวเขาเเล้วมันเลยดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่มีคนกล้าเข้าใกล้เซรเกรย์เท่าไหร่นัก แน่นอนว่าถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
เซรเกรย์ไม่ใช่คนมีคุณธรรมดีงาม ตรงกันข้าม สำหรับเขาศีลธรรมและความดีงามทั้งหลายมันเป็นเรื่องน่ารำคาญ เซรเกรย์ไม่ได้เห็นค่าความสำคัญของชีวิตชาวบ้านนัก เขามองเพื่อนร่วมโลกเปรียบเหมือนกับ ตุ๊กตา ที่มีไว้แก้เบื่อมอบความสำราญแก่ตนเอง และเมื่อพังแล้วก็ต้องโยนทิ้ง สาเหตุของความคิดบิดเบี้ยวเช่นนี้เกิดจากจิตใจที่ไม่ปกติของเซรเกรย์ อย่างที่บอกว่าเขาเป็นพวกรสนิยมแบบแปลก ๆ..เซรเกรย์ไม่ชอบของสวยงาม แต่สิ่งที่เขาชอบมันคือ ความเจ็บปวด และ ความตาย กล่าวคือเซรเกรย์เป็นพวกซาดิสม์ เขารักจะทอดมองใบหน้าบิดเบี้ยวและการดิ้นรนทุรนทุรายของเหยื่อที่เป็นดั่งตุ๊กตาสำหรับเขา เสียงกรีดร้องพวกนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเพลงสากลสุดเพราะสำหรับเขานักหรอก
เซรเกรย์ชอบคนมีความพยายาม..เพราะเห็นเเล้วมันน่าขำให้ท้องแตกตาย เซรเกรย์ไม่ได้เป็นคนอารมณ์ขันอะไร ตรงกันข้าม ต้องบอกว่าเเม้แต่จะยิ้มพ่อคุณยังไม่ทำเลย แต่เมื่อเป็นเรื่องของรสนิยมและงานอดิเรกสุดพิสดารของเขาเเล้ว เขากลับแสดงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะวิปลาสได้ออกมาอย่างเต็มที่เสียอย่างนั้น เซรเกรย์ชอบที่จะเห็นเหยื่อของเขาดิ้นรน เพราะเขาคิดว่า คนที่พยายามจะหนีให้พ้นจากความตายแม้ว่าความหวังมันจะริบหรี่หรือไม่มีอยู่เลยน่ะ งดงามที่สุด เป็นความงามที่แตกต่างจากศิลปะไร้ค่าพวกนั้น..ความงาม..ที่มีแต่คนแบบเดียวกับเขาเท่านั้นที่จะเข้าใจ
เซรเกรย์ไม่ใช่คนที่จัดการอะไรในทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วแอบขี้เล่นไม่น้อยเลยทีเดียว เขาชอบจะเล่นสนุกกับการสังหารเหยื่อ อย่างการเสียบร่างนั้นไว้ด้วยดาบของเขา หรือแล่เนื้อแดงนั่นออกมาทีละส่วนก็ดี แต่เขาก็ชอบจะเห็นพวกนั้นวิ่งเต้นเป็นหนูติดจั่นเพื่อเอาตัวรอด แล้วสุดท้ายก็ตายเพราะมือเขาเหมือนกันนะ ถึงอย่างนั้นใช่ว่าเซรเกรย์จะทำแบบนี้กับใครไปทั่ว เพราะคนที่คู่ควรจะได้มาเล่นสนุกกับเขามีอยู่แค่สองจำพวกเท่านั้น หนึ่งคือพวกที่มีความพยายามมากพอ อย่างที่บอก..เขาชอบไงล่ะ ออกจะสนุกและตื่นเต้นดีนะว่าไหม? ส่วนคนจำพวกที่สอง..เรียกว่าคู่ควรไม่ได้หรอก ต้องกล่าวว่าเหมาะสมล่ะนะ ซึ่งคนจำพวกนั้นก็คือพวกที่กระทำผิดและไม่ยอมรับผิดล่ะนะ..สำหรับเซรเกรย์ การกระทำแบบนี้มันต่ำตมสิ้นดี เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่พวกที่สังหารชาวบ้านเขาเเล้วมาตอแหลว่าไม่ได้ทำแบบนั้นยังไงล่ะ ดังนั้นเเล้วเวลาที่ชำแหละร่างกายของคนพวกนี้ เขาจึงเล่นด้วยนานเป็นพิเศษ และพยายามทำให้พวกมันเจ็บปวดและทรมานมากที่สุดอีกด้วย และหากไม่ใช่คนทั้งสองจำพวกที่ว่ามานี้ เขาจะเด็ดหัวมันทิ้งในดาบแรก นอกจากว่าจะเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาดื้อๆ น่ะนะ..
เซรเกรย์มีงานอดิเรกแบบแปลกๆ บางครั้งเขาจะเจอกับคนที่มีทั้งเส้นผม สีตา บรรยากาศที่เหมือนกับ มารดา ของเขา นั่นจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสนใจและอยากจะได้มาเป็นตุ๊กตาตัวโปรดเป็นอย่างมาก การเล่นสนุกของเขาจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่กับคนจำพวกนี้ เพราะเขาอยากจะครอบครองตุ๊กตาตัวโปรดเเสนรักไปนานๆ ชายหนุ่มจึงพยายามถนอมมันไว้ในขณะเดียวกันนั่นเอง หากกล่าวถามว่าโลกนี้เขาเจอคนแบบนี้มากี่คน คงตอบว่าแค่คนเดียวเท่านั้น..นั่นคือน้องชายของเขานั่นเอง ดังนั้นเเล้วเซรเกรย์จึงทั้งรัก ทั้งหวงอีกฝ่ายเป็นอย่างมากยังไงล่ะ
เซรเกรย์โดยปกติแล้วเป็นพวกไม่แคร์ชาวบ้าน ทำให้ไม่มีความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ยกเว้นก็แต่กับน้องชายเขา..ปฏิกริยาต่างๆ จะแตกต่างจากชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด แน่ๆ คือ หากน้องชายมาพูดคุยกับตน เซรเกรย์จะไม่เมินแต่ถ้าพูดไม่หยุด เขาจะเดินหนีแทนการต่อยให้หน้าคว่ำ (?) นอกจากนี้เขายังแสดงความห่วงใยอีกฝ่ายออกมาจากการกระทำอีกด้วย ในด้านของคำพูด..คงเส้นคงวา เซรเกรย์เป็นพวกขี้เกียจพูดนะ สำหรับเขาการสื่ออารมณ์มันใช้คำพูดไม่ได้หรอก ต้องการกระทำเท่านั้นนั่นแหละ เพราะงั้นถ้าน้องป่วย คุณพี่จะหาข้าวมาให้น้องแล้วยัดยาใส่ปาก ก่อนจะอุ้มไปจับทุ่มใส่เตียง เฝ้านางจนกว่าจะหลับ แต่ถ้าไม่ยอมหลับ..คุณพี่จะเอาหมอนฟาดให้หลับ (?) สรุปคือทำยังไงก็ให้คุณน้องยอมพักนั่นเอง เป็นต้น---อนึ่ง เป็นพวกยกหางน้อง น้องผมทำอะไรไม่ผิด ใครมาว่าไม่ได้ทั้งนั้น จะลงโทษก็ไม่ให้ เพราะคนที่ทำแบบนั้นได้น่ะ มันมีแค่เขาเท่านั้นแหละ แต่..ถึงแม้จะรักมากขนาดไหน สิ่งที่ถูกเปรียบเทียบกับตัวน้องชายก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนอื่น แค่สำคัญกว่าหลายเท่าเพียงเพราะว่า ตอนนี้เขาเป็นตุ๊กตาตัวโปรดเพียงหนึ่งของเซรเกรย์เท่านั้นนั่นแหละ..
เซรเกรย์เป็นบุคคลผู้ว่างจัดเลยมักหาหนังสือมาอ่านแก้เบื่อ..ถือเป็นกิจกรรมน้อยอย่างที่ทำแล้วไม่เบื่อ และเนื่องด้วยเขาเป็นพวกเข้าใจง่าย และยังความจำดี เซรเกรย์จึงเป็นบุคคลที่ฉลาดอย่างมากคนหนึ่งนั่นเอง ตัวเขาเเม้จะดูไร้อารมณ์ แต่กลับมองอารมณ์ชาวบ้านเขาออกจากการกระทำ คำพูด ดวงตา และอื่นๆ เป็นพวกรู้ทันคน อ่านอารมณ์คนอื่นได้นั่นเอง แต่โดยปกติแล้วถ้าไม่เกี่ยวกับตัวเองจะปล่อยผ่านไป (เหตุผลง่ายๆ แค่สองคำ..รำคาญ..) แต่ถ้ามองแล้วมันจะก่อความวุ่นวายให้แก่เขาและคุณน้องในอนาคตล่ะก็ เขาจะจัดการมันทันที..และแน่นอนว่าแบบเด็ดขาด เอาให้ไม่กล้าคิดอะไรที่มันจะทำให้ชาวบ้านเขาซวยไปอีกยาวๆ เลย
เซรเกรย์เป็นสัตว์เลือดเย็---แค่ก (ผิด) เขาเป็นพวกเลือดเย็นที่ไร้ซึ่งความปราณีในหัว เซรเกรย์ไม่ใช่พวกแพ้น้ำตาหรือสงสารชาวบ้านเขา เอาจริงๆ คือ แค่ทำให้เขารู้สึกว่าคนๆ นั้นไม่น่าเบื่อได้นี่ก็บุญมากเเล้ว เพราะงั้นอย่าได้ขอความเห็นใจกับเซรเกรย์ เขาไม่ชอบมันเท่าไหร่นะเอาจริง ๆ..ดังนั้นเวลาเห็น ได้ยิน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่พยายามวิงวอนเขา เซรเกรย์จะเมินเฉยต่อมันอย่างไม่ไยดี หากเหยื่อพยายามอ้อนวอนขอให้ปล่อย..รับรองได้ว่าละเลงเลือดมากกว่าเดิมและเจ็บถึงเส้นประสาทกว่าเดิมหลายเท่าแน่ๆ ดังนั้นหากทุกท่านอยากจะให้เขาทำอะไร หากเซรเกรย์ไม่ยอมล่ะก็ (ซึ่งร้อยละ98คือไม่ยอม..) กรุณาใช้กำลังไม่ก็อำนาจบังคับข่มขู่เอาสถานเดียวเท่านั้น ไม่งั้นก็อย่าหวังอะไรเลย...
เซรเกรย์ชอบคนพยายาม แต่เกลียดคนช่างท้าทาย บางครั้งคราวมีเหตุจำเป็นจำต้องปล่อยเหยื่อไป เซรเกรย์จะหงุดหงิดพอตัว แล้วถ้าไอ้เหยื่อที่ว่านี่ไม่รักชีวิต ท้าทายเขาเเม้จะแค่คำพูดเหยียดนิดหน่อย จำปงจำเป็นอะไรก็ช่างมันเเล้วสำหรับเซรเกรย์ ไม่มีคำว่าอ่อนข้อกับพวกนี้ ไม้แข็งสถานเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าไม้แข็งที่ว่านี่คือชำแหละอย่างทารุณและตั้งอกตั้งใจ (?) สุดๆ จากเซรเกรย์นั่นเอง
เซรเกรย์เกลียดพวกไม่รักดี นกสองหัว อสรพิษร้ายเจ้าเล่ห์ ถึงจะมนุษย์สัมพันธ์ติดลบ แต่หากต้องร่วมงานกันจริง แสดงว่าตัวเซรเกรย์วางใจไว้กับกลุ่มงานของเขามากจริงๆ นั่นทำให้ยามที่เขาโดนทรยศหรือหักล้าง มันจึงเหมือนการโดนตบหน้าด้วยรองเท้า เเล้วถีบลงเหวพร้อมหัวเราะเยาะซ้ำ เอาง่ายๆ คือมันหยามเกียรติเขามาก..เซรเกรย์เป็นพวกแอบทิฐิ เพราะงั้นจึงรับไม่ได้มากๆ เมื่อโดนหยามเกียรติ ผลรับของการกระทำก็ง่ายๆ ชำแหละทิ้งแบบล้างโคตร ไปเลยยังไงล่ะ..กล่าวต่อคือ เซรเกรย์ทิฐิสูง ดังนั้นเเล้วหากทำผิด พ่อคุณจะไม่ยอมขอโทษ รู้ตัวว่าทำผิดก็ยอมรับนะ แต่ไม่ยอมขอโทษอยู่ดีนั่นแหละ ถึงขอโทษจริงๆ ก็ไม่เต็มใจอยู่ดี ปล่อยเขาไปแบบนั้นเเล้วไปนั่งเผาเกลือเเช่งทีหลัง ยังดีกว่าการบังคับให้เซรเกรย์ขอโทษคุณเลยด้วยซ้ำ
เซรเกรย์แรงเยอะมาก นั่นมาจากการออกกำลังกายบ่อยๆ เสริมกล้ามเนื้อให้ตัวเองของเขานั่นแหละ เพราะเวลาจับเหยื่อแล้วมันดิ้น มันจะได้ไม่หลุดมือเขาไปได้ง่ายๆ ไง ปากว่ามือถึงอีกต่างหาก นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปะการต่อสู้อีกต่างหาก เซรเกรย์ถนัดทั้งการต่อสู้มือเปล่า หรือการใช้อาวุธ แต่โดยรวมแล้วงานจะดีจริงๆ แค่ระยะประชิดเท่านั้น เซรเกรย์หากใช้ของจำพวกปืนหรือธนูอะไรแบบนี้ จะมีความแม่นยำเท่ากับศูนย์ หากแต่เรื่องปาดาบนี่ขอบอกว่าแม่นมาก คงเป็นเพราะความเคยชินล่ะมั้งที่ทำให้เป็นแบบนี้ ถามว่าใส่ใจไหมบอกเลยว่าไม่ ยังไงเซรเกรย์ก็ไม่คิดจะใช้อาวุธอย่างอื่นนอกจากดาบอยู่แล้ว เพราะงั้นเวลาจำเป็นต้องใช้ของอย่างอื่น เซรเกรย์จะซวยไปโดยอัตโนมัติ เพราะจะใช้ได้แค่มือเปล่าด้วยสาเหตุที่ว่า อันอื่นใช้ไม่เป็น..
เซรเกรย์เป็นคนขี้หวงราวกับเด็กน้อยหวงของเล่น เขาไม่ชอบให้ใครมาแตะมาสัมผัส หรือยุ่งเกี่ยวกับข้าวของของเขาพร่ำเพื่อ และแน่นอนว่าน้องชายถือว่าจัดอยู่ในหมวดของหวงของรักของเซรเกรย์เช่นกัน เวลามีคนมาทำสนิทจิ๊จ๊ะกับน้องต่อหน้าพี่ เซรเกรย์จะหงุดหงิดหน้าบูดสุดๆ และหากทำมากเกินไป บางทีมือเท้าเขาอาจกระตุก ฟาดทั้งคนจิ๊จ๊ะทั้งน้องตัวเองเลยด้วยซ้ำไป และหากใครมาทำให้ของของเขาพังหรือเสียหาย อีกฝ่ายก็ต้องชดใช้ด้วยการหาของใหม่ที่เหมือนเดิมมาแทนที่ แต่ถ้าหามาไม่ได้ ก็ต้องจ่ายสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดในกับเซรเกรย์ ซึ่งหากเป็นกรณีของน้องชาย..ก็คงเป็นชีวิตของมันนั่นแหละนะ
เซรเกรย์เกลียดคนไร้มารยาท แต่ตัวเองดั๊นไร้มารยาทไม่ต่างกัน (..) ถึงเซรเกรย์จะพูดสุภาพมีคำลงท้ายแต่มารยาทการพูด การเข้าสังคม บนโต๊ะอาหาร และอื่นๆ ถือว่าติดลบต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แต่แน่นอนว่าเซรเกรย์ไม่แคร์ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะใช้มารยาทพวกนั้นกับใครหน้าไหนอยู่แล้ว หากโดนตอกประมาณว่า ตัวเองไม่มี แล้วคิดว่าคนอื่นจะมีมารยาทให้ด้วยรึไง เซรเกรย์จะย้อนกลับไปประมาณว่า ผมสนไหมล่ะครับ? ก็คนไม่ชอบ แล้วมีปัญหารึไง? นั่นแหละ..ถือเป็นด้านกวนประสาทเงียบๆ น้อยนิดในตัวเขาเลยก็ว่าได้มั้ง?
เซรเกรย์ไม่ชอบใช้คำพูดในการสั่งสอน นิยมสั่งสอนแบบถึงเนื้อถึงตัวเป็นพิเศษ เน้นความรุนเเรงเป็นหลัก เขาไม่ชอบอะไรที่เป็นแบบแผนมากนัก เพราะมันน่ารำคาญนั่นแหละ เซรเกรย์นิยมลุยตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมมากกว่า เพราะงั้นเขาถึงไม่เหมาะกับการทำงานเป็นทีมไง แต่เพราะไม่ใช่คนโง่ บางครั้งคราวจึงรู้ว่าการลุยตรงๆ ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการฆ่าตัวตาย เขาเลยมีสกิลเจ้าเล่ห์นักวางแผนอยู่ในตัวนิดหน่อย แน่นอนว่านานๆ ทีจะพ่อคุณจะขุดเอามาใช้สักทีนั่นแหละ เข้าใจอารมณ์คนฉลาดแต่ขี้เกียจคิดไหมล่ะ? อนึ่ง เซรเกรย์ชอบใช้ความฉลาดกับการบลั๊ฟคนเล่นมากกว่า ถามหาสาเหตุ บอกตรงๆ ว่าแก้เบื่อ..แค่นั้นแหละ เซรเกรย์เป็นบุคคลหน้าตาย ดังนั้นจึงโกหกและเก็บความรู้สึกได้เก่ง เพราะนอกจากหงุดหงิด เขาแทบจะไม่ได้เเสดงอารมณ์อย่างอื่นออกมาเลยด้วยซ้ำไป
สุดท้ายนี้ หากกล่าวว่าเวลาปกติเขาน่ากลัวแล้ว ขอให้รับรู้ไว้ว่าเวลาเซรเกรย์โกรธ..มันน่ากลัวกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะเขาจะไม่ยั้งมือใดๆ และทำตามใจอารมณ์ตัวเองอย่างถึงขีดสุด จุดนั้นไม่ว่าใครมันก็หยุดไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ..
ลักษณะการพูดจา :: เซรเกรย์รักจะแทนตัวว่า ผม เรียกคนอื่นว่า คุณ และลงท้าย ครับ อยู่เสมอเพื่อแสดงถึงความไม่คิดสนิทสนม และไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยแต่อย่างใด น้ำเสียงราบเรียบแอบแฝงด้วยความเบื่อหน่าย นานๆ ทีจะเห็นเขาหัวเราะกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับรสนิยมของตัวเอง แต่ถ้าพูดกับน้องชาย..เสียงก็ยังคงราบเรียบอยู่ดี แค่ไม่มีความเบื่อหน่ายแฝงอยู่ในนั้น และจะเปลี่ยนไปแทนตัวว่า พี่ และเรียกอีกฝ่ายว่า น้องชาย แทน
ประวัติ :: เซรเกรย์ เอ็นดิอุส ในวัยเยาว์ตัวเขานั้นอาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่เขาเพียงแค่สองคนเท่านั้น โดยผู้เป็นพ่อของเซรเกรย์นั้นได้หย่าร้างกับแม่ของเขา และแยกตัวออกไปพร้อมกับน้องชายฝาแฝด..ใช่ ความจริงแล้วเซรเกรย์ยังมีพี่น้องอยู่อีกคนหนึ่ง แต่นั่นมันก็ตั้งแต่ตอนที่เขาอายุแค่2ขวบ ความทรงจำในหัวนั้นเลือนลางจนจำไม่ได้เสียแล้ว แน่นอนว่าเซรเกรย์ไม่สนใจ เพราะยังไงเขาและน้องชายที่โดนแยกออกจากกันก็คงไม่มีทางเวียนมาเจอกันได้อยู่เเล้ว..
ชีวิตเซรเกรย์ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือแตกต่างจากเด็กคนอื่นมากนัก แต่เรื่องที่แตกต่างนั้นเองก็มีอยู่ถึงสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือการที่ผู้เป็นแม่ของเขานั้นป่วยเป็นโรคร้ายทำให้ต้องอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเวลา ยังดีที่พวกเขามีญาติคอยให้ความช่วยเหลืออยู่เนือยๆ แต่ตัวเขาเองก็ต้องเรียนไปหางานทำไปทั้งที่ยังเด็ก เพราะเงินส่วนที่ญาติๆ คอยส่งมาให้นั้นไม่ได้มากพอจะประทังชีวิตอยู่ได้ในแต่ละเดือน หากจะเขาทิ้งชีวิตที่ไร้ค่าแบบนี้ไป เซรเกรย์ก็ทำได้ แต่เพราะบนโลกนี้มันยังมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวตัวเขาเอาไว้..เพราะบนโลกนี้ ยังมีสิ่งที่งดงามอย่าง แม่ ของเขาอยู่บนโลกนี้ เขาจึงยังคงอยู่บนโลกนี้ต่อไป..
เซรเกรย์เป็นเด็กที่มีอาการผิดปกติทางจิต..เพราะต้องโตมากับการเลี้ยงดูแบบขอไปที ทั้งยังขาดซึ่งความรักและความอบอุ่นและการอบรมที่ดี เขาเลยมีมุมมองความคิดที่เเตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง เซรเกรย์มองว่าทุกอย่างมันช่างน่าเบื่อ เขามองทุกๆ คน ทุกๆ สิ่งเป็นของน่าเบื่อหน่าย แม้แต่งานศิลปะที่งามล้ำยังเป็นได้แค่ของไร้ค่าและจืดชืดในสายตาของเซรเกรย์ เขาเหมือนเด็กเอื่อยเชื่อยที่ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายและมีแต่ความว่างเปล่า แต่เรื่องน่าหนักใจน่ะ..มันไม่ใช่เพราะอะไรแบบนั้นหรอก แต่มันเป็นรสนิยมของเซรเกรย์ต่างหากล่ะ..แม้ยามเด็กมันจะไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อโตขึ้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามันเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เซรเกรย์ชอบที่จะเห็นผู้อื่นเจ็บปวด แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นใครก็ได้ เพราะคนที่เซรเกรย์คิดว่ามีค่ามากพอจะมาเเต่งเเต้มสีสันในชีวิตจืดชืดของเขาได้
แม่..ผู้งดงาม และเป็นดั่ง ตุ๊กตาตัวโปรด ของเซรเกรย์..
"แม่ครับ..ทำไมต้องพยายามในสิ่งที่ไร้ค่าแบบนี้ด้วยล่ะ?" ครั้งหนึ่งเขาเคยถามเเม่ของเขาออกไปแบบนั้น ตัวเขาในวัย10ปีไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเเม่ของเขาถึงต้องพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทำไมถึงต้องทนกับโรคร้ายและความเจ็บปวดเหล่านั้น ทั้งๆ ที่ยอมรับมันเเล้วจากไปอย่างสงบเสียตั้งเเต่แรก ท่านคงไม่ต้องทรมานแบบนี้แท้ๆ
แม่ของเขายิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เซรเกรย์ใจเต้นอย่างแปลกประหลาด ก่อนมันจะเต้นหนักมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเมื่อท่านเอ่ยตอบเขาเบาๆ ว่า "เพราะว่าแม่มีลูกอยู่ไงเซรเกรย์..เพราะงั้นเเม่ถึงได้พยายาม และถ้าเกิดเราไม่พยายาม มันคงไร้ค่าน่าดูจริงไหม?"
เเม่ของเขาแตกต่าง..ท่านแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง ความพยายามที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนั่นมันช่างงดงาม แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าที่แสนเจ็บปวดนั่น ถึงจะทรมานขนาดไหนแต่ก็ยังพยายาม..ช่างต่างจากพวกน่าเบื่อ ที่ยอมรับชะตากรรมของตนเพียงเเค่คิดว่าไม่มีความหวังพวกนั้นสิ้นดี..เพราะแบบนั้นการเฝ้ามองแม่ของเขาในแต่ละวัน มันจึงไม่น่าเบื่อและเต็มไปด้วยความสุขยังไงล่ะ เซรเกรย์หลงใหลในใบหน้าเเสนบิดเบี้ยวนั่น ยิ่งได้ยิ่งเสียงกรีดร้องของแม่ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคร้ายเขายิ่งมีความสุข เซรเกรย์รู้ตัวว่าอาการที่เขาเป็นอยู่มันเป็นอาการผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง แต่แล้วไงล่ะ? ในเมื่อชีวิตนี้มันน่าเบื่อนัก การที่เขาเป็นบ้ามันคงแต่งแต้มสีสันให้เขาขึ้นมาไม่มากก็น้อยนั่นแหละ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไร้ค่าและไม่มีความหมาย สิ่งเดียวที่ทำให้เซรเกรย์คงอยู่บนโลกนี้ต่อไปคือแม่ของเขา แต่ว่านะ..เวลาแห่งความสุขสรรค์น่ะ มันกำลังหมดลงเเล้วล่ะ..
"อยู่ๆ คนไข้อาการก็ทรุดหนักลงมากครับ หมอแนะนำให้คุณเข้าไปดูใจท่านเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ"
เซรเกรย์ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขามีปฏิกริยาตอบสนองอย่างไรกับคำพูดนั้น รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ข้างเตียงของเเม่เเล้วสิ..รอยยิ้มอันแสนงดงามนั่นเลือนหายไปเสียแล้ว..แม้แต่หายใจด้วยตัวเองท่านยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำในตอนนี้ ตัวเขาในวัย19ยืนมองภาพนั้นด้วยสายตาราบเรียบ มือหยาบจากการเรียนและทำงานสัมผัสใบหน้างดงามนั้นอย่างแผ่วเบา
"นี่..แม่ครับ..ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ?" เสียงของเขามันราบเรียบเหลือเกิน..เซรเกรย์รู้สึกว่าหัวของเขามันว่างเปล่า ไม่ใช่ทั้งความโศกเศร้าเสียใจหรือทุกข์ตรม มีเพียงแค่ ความว่างเปล่า เท่านั้นที่กำลังเกาะกุมไปทั่วหัวใจของเขา..
แม่พยายามจะยิ้ม ท่านพยายามจะยกมือลูบหัวเขา แต่สุดท้ายมือนั้นก็ได้แต่ขยับอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเตียงนอนนั่น เซรเกรย์มองแม่ของตนนิ่งๆ ภาพตรงหน้าคล้ายคล่อยๆ ถูกกลืนด้วยสีดำช้าๆ ร่างกายนั้นคล้ายกำลังปริแตกไปทั่วในสายตาของเขา เซรเกรย์มองภาพตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย..ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าคือคุณแม่ที่เขาแสนรักแท้ๆ แต่ตัวเขากลับไม่มีเลยซึ่งความเสียใจ ทำไมกันนะ..ทำไมหัวใจมันถึงได้รู้สึกเบื่อหน่ายขนาดนี้กัน
ฝ่ามือสัมผัสลงบนใบหน้า เซรเกรย์โน้มหน้าลงจนใบหน้าเขาชิดติดกับมารดา ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมของคนเป็นแม่ให้เขาที่ สบกับนัยน์ตาที่เคยงดงาม แต่บัดนี้มันกลับอ่อนล้าและเลื่อนลอยเสียเหลือเกิน..และอีกไม่นานตุ๊กตาแสนรักตัวนี้คงพังทลายลงไปอย่างง่ายดายเป็นแน่แท้..
"ทำไมคุณถึงไม่ดิ้นรนให้มากกว่านี้ล่ะครับ..นี่..เร็วเข้าสิครับ ดิ้นรนให้มันมากกว่านี้ทีจะได้ไหม..ช่วยทำให้ผมเห็นทีสิครับแม่ ว่าคุณน่ะ ไม่ได้น่าเบื่อและไร้ค่าเหมือนพวกขยะนั่นน่ะ.."
เซรเกรย์เอ่ยออกไปคล้ายกับคนเลื่อนลอย เขาแนบหน้าผากของตนกับใบหน้าของแม่เขา ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะขยับตัว เขาทำเพียงแค่พึมพำซ้ำไปวนมาราวกับคนบ้า ดวงตาคู่นั้นมันช่างไร้อารมณ์ แต่สุดท้าย..ไม่ว่าเขาจะพยายามกล่าวว่ายังไง สุดท้าย ตุ๊กตาแสนรักของเขามันก็พังทลายลงจนได้
ทำไมกันนะ..
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์คิดว่าแตกต่างและงดงามมากกว่าพวกขยะล้ำค่านั่นขนาดนี้เเล้วแท้ ๆ..
แต่ทำไมกันนะ..
ทำไมถึงได้ อ่อนแอ ถึงขนาดนี้กัน..?
.
.
.
ติ้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
สัญญาณแห่งชีวิตดับลงไปเสียแล้ว..เซรเกรย์ค่อยๆ ยันตัวกลับมาเหยียดตัวยืนเหมือนเดิม น่าแปลกที่ใบหน้าของเขาไม่มีเลยแม้กระทั่งน้ำตาหยดเดียว สิ่งเดียวที่ปรากฏคือความราบเรียบแฝงด้วยความรู้สึกเสียดายจางๆ บนใบหน้า เซรเกรย์หรี่ตามองใบหน้าขาวเผือดนั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาพร้อมพึมพำขึ้นมาว่า
"พังซะแล้วสิ.."
อ่า..เอายังไงต่อดีนะ?
ตุ๊กตาแสนสำคัญเพียงตัวเดียวนั่นก็พังไปซะแล้ว..
น่าเบื่อ..อะไรๆ ในตอนนี้ ทำไมมันถึงได้น่าเบื่อถึงขนาดนี้กัน..?
เขาพาร่างของตนเดินออกไปตามทางอย่างไร้ซึ่งจุดหมายและปลายทาง สิ่งเดียวที่เขาทำมีแค่ก้าวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายภายในโรงพยาบาลแสนว่างเปล่ายามค่ำคืนนี้ แต่ทว่ารู้ตัวอีกครั้ง ปลายเท้าก็หยุดลงด้วยเสียงหนึ่งเสียก่อน
"หนูรู้! แต่จะให้หนูทำยังไง!? หนูทำคนตายนะเเม่ ได้ยินไหม? หนูทำคนตาย!!"
เสียงของนางพยาบาลดังขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ เซรเกรย์หยุดเดินทอดสายผ่านช่องว่างประตูเข้าไป ใบหน้าคุ้นเคยที่เขาจำได้ว่าหล่อนเป็นพยาบาลฝึกหัดที่เข้ามาดูแลแม่ของเขาฉายชัดเข้ามาในหัว ก่อนร่างทั้งร่างของเขามันจะเเข็งค้างไปขณะหนึ่งกับคำพูดของผู้หญิงคนนั้น..
"หนูไม่ได้ตั้งใจนะแม่ ใครจะคิดว่าแค่จ่ายยาผิด ยัยบ้านั่นจะตายเลยเล่า!"
ยิ่งได้ยิน หัวใจของเขายิ่งเย็นเยียบ ดวงตามองร่างนั้นอย่างว่างเปล่า ทุกอย่างไหลซึมเข้าไปในหัว เซรเกรย์เป็นคนฉลาด..ไม่ต้องบอกอะไรมาก เขาก็ประติประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้..
ผู้หญิงคนนี้..จ่ายยาให้แม่ผิด
ผู้หญิงคนนี้..ทำให้แม่อาการทรุดหนัก
และเธอ..เป็นคนที่ทำให้เเม่ตาย..
เพราะเเบบนั้น..ตุ๊กตาที่แสนล้ำค่าของเขาเลยพังไป..
"นี่คุณ.."
ใบหน้านั้นเเสดงความตกใจออกมา เมื่อเซรเกรย์ผลักประตูเข้าไปภายในห้อง เขาก้าวเท้าเข้าไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า ผู้หญิงคนนั้นเก็บมือถือไปให้พ้นสายตาเขา เธอถามว่าเซรเกรย์มีธุระอะไร แต่เขาไม่ตอบ ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหาทีละก้าว ทีละก้าว จนสุดท้าย เขาก็ประชิดตัวเธอจนได้
สีหน้าหวาดกลัวฉายชัดออกมาเมื่อได้สบกับดวงตาที่ว่างเปล่าของเขา นางพยาบาลคนนั้นพยายามเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะได้ไปไหนไกล มือหนาของเซรเกรย์กลับรั้งเเขนเธอเอาไว้ แล้วเหวี่ยงร่างนั้นไปกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง
หล่อนร้องลั่นและตะโกนออกมา แต่เสียงร้องนั้นก็หายไปเมื่อใบหน้านั้นถูกฝ่าเท้าของเขาบดเบียดเข้าอย่างแรง เซรเกรย์จดจ้องหล่อนนิ่งๆ เอ่ยออกไปด้วยเสียงที่เเผ่วเบาว่า
"คนที่ทำให้ตุ๊กตาของผมพังน่ะ คือคุณใช่ไหม"
ดวงตาคู่นั้นเบิกมองเขาอย่างตกใจ พยาบาลสาวรู้ตัวว่าเซรเกรย์ได้ยินที่เธอพูด แต่หล่อนกลับพยายามปฏิเสธ เสียงอื้ออึงบอกปัดป่ายไม่ได้สร้างปฏิกริยาอะไรมากไปกว่า การที่เซรเกรย์บดเบียดฝ่าเท้าของเขาลงไปแรงมากขึ้นหลายเท่า
"บ้านของคุณอาจจะไม่เคยสอนมารยาทเรื่องนี้..แต่ถ้าคุณทำของของใครพัง คุณจะต้องเอ่ยคำขอโทษรู้ไหม?"
ปลายเท้ายกขึ้นจากใบหน้านั้นชั่วขณะ ก่อนมันจะหวดเตะเข้าเต็มแรงอีกครั้งที่ท้องแบนราบนั่น ร่างของพยาบาลสาวกลิ้งกระแทกผนังห้องอย่างแรงอีกครั้ง
เซรเกรย์สาวเท้าเข้าไปไกลๆ หล่อน พลันมือขวาสัมผัสได้ถึงความเย็นประหลาด ยามเหลือบตามองประกายคมของดาบสั้นเรียวสวยในมือพลันสะท้อนเข้ามา เขาชะงักไปนิดหน่อย แต่เซรเกรย์กลับเมินเฉย กระชับมันให้มั่นแล้ว..
ฉึก!!
"กรี๊ดดดดดดดด!!!"
ปลายแหลมแทงทะลุไหล่ขวา..ตรึงร่างนั้นเอาไว้กับพื้น สีแดงฉานของเลือดค่อยๆ ไหลนองไปตามพื้น กระตุ้นให้ใบหน้าเเสนราบเรียบนั้นกระตุกรอยยิ้มวิปลาสประดับใบหน้าของเขา เซเกรย์ย่อตัวลงจนใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับหล่อน ดาบไร้ที่มาปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เสียบลึกเข้าไปในไหล่อีกข้าง
และก่อนที่หล่อนจะได้กรีดร้องส่งเสียงอะไรออกมาอีก ดาบสั้นในมือก็ตวัดตัดลิ้นนั่นทิ้งไปเสียแล้ว..
มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เริ่มแต่งแต้มด้วยความสำราญ ร่างที่พยายามดิ้นทุรนทุราย แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะถูกตรึงไว้ดาบที่เสียบปักที่ไหล่ทั้งสอง ซึ่งตอนนี้กำลังอาบย้อมไปด้วยสีแดงมันช่างงดงามจริง ๆ..เซรเกรย์ผิวปากกับผลงานของตนเเล้วหัวเราะเบาๆ ดาบมากมายปรากฏรอบกายของเขาทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอยู่ เขาเอียงคอมองพวกมัน ปลายนิ้ไล่ไปตามดาบแต่ละชนิดนั่น ก่อนเขาจะหยิบเอาดาบสั้นบางเรียวขึ้นมาถือ
"ไม่คิดจะขอโทษผมหน่อยเหรอ?" ชายหนุ่มหันกลับไปถามอีกฝ่าย เขามองออกว่าดวงตานั่นพยายามอ้อนวอนและดูหวาดกลัวเขาขนาดไหน แต่เขากลับทำเมินสายตาเหล่านั้นไป แล้วเอ่ยต่อ "แย่จริงนะคุณน่ะ ทำของของผมพังแท้ ๆ.."
คมแหลมของดาบสั้นค่อยๆ บาดไปตามใบหน้าตกกระนั่น สีแดงอาบย้อมมือเรื่อยๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจัวหวะ เขาคร่อมร่างนั้นเอาไว้ ใช้มือข้างที่ว่างอยู่จิกเส้นผมแล้วกระชากขึ้นมา เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระซิบเอ่ยเบาๆ ว่า
"ในเมื่อคุณทำของๆ ผม"
ปลายดาบจ่อลงบนดวงตาซ้ายที่เบิกกว้าง น้ำตาไหลอาบย้อมดวงหน้างาม แต่เซรเกรย์กลับกระตุกยิ้มมุมปากบางๆ เอ่ยต่อว่า
"คุณก็ต้องมาเป็นตุ๊กตาตัวใหม่ให้ผม..โอเคนะครับ?"
ฉึก!!
.
.
.
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เเล้วกันนะ..?
กลิ่นเหม็นคาวพวกนี้ทำให้รู้สึกอยากจะอ้วกจริง ๆ..
ยิ่งมองเศษชิ้นเนื้อที่เคยเป็นเรือนกายสวยงามเหล่านี้ยิ่งแขยง..
ดวงตากวาดมองไปรอบๆ อ่า..สีแดงฉาน
สีแดง..สีแดง..สีแดง..อาบย้อมทั่วเรือนกาย
มองไปทางไหนสิ่งที่พบเจอล้วนมีแต่สีแดง..
ราวกับว่าโลกทั้งโลก มันกำลังโดนย้อมด้วยโลหิตเเดงฉานน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้
เซรเกรย์ยัดกายยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาทิ้งดาบในมือลงไปจนมันกระแทกกับพื้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง ทอดสายตามองชิ้นเนื้อสีแดงมากมายบนพื้นด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะเดินเหยียบย่ำมันออกมาแหลกเหลวคาเท้า เขาเปิดประตูออกไปข้างนอก เลือดสีแดงฉานไหลจากปลายนิ้วกระทบพื้นกระเบื้องเงาวาวเป็นคราบด่างดวง เขามองมันเเล้วเหลือบสายตากลับไปมองเศษเนื้อภายในห้อง พึมพำขณะยกมือปาดคราบเลือดที่กระเซ็นเปื้อนหน้า
"ทำไมตุ๊กตาพวกนี้ถึงได้พังง่ายจังนะ..น่าเบื่อเสียจริง"
"ก็เล่นชำแหละซะเละขนาดนั้น จะพังก็ไม่แปลกอะไรหรอกมั้งครับ?"
เสียงดังขึ้นจากข้างกายอย่างไม่ทันรู้สึกตัว เซรเกรย์หันไปมองเจ้าของเสียงนั้นก่อนดวงตาจะเบิกขึ้นเล็กน้อย ราวกับตัวเขายืนส่องกระจกอยู่ นั่นเพราะภาพลักษณ์ของเจ้าของเสียงตตรงหน้า ชายหนุ่มเส้นผมสีแดงเพลิงผู้ที่มีใบหน้าดูคล้ายกับเขา..ไม่สิ ต้องบอกว่า เหมือน กับเขาราวกับฝาแฝด...
ฝาแฝด..?
"แหม เบ้าหน้าพิมพ์เดียวกันแบบนี้ ยังจะคิดอะไรให้หนักหัวอีกครับคุณพี่"
ชายหนุ่มหน้าตาเช่นเดียวกับเขา แต่หากมีดวงตาสีทองผิดกับตัวเขา และสีหน้ายียวนกวนประสาทกว่าหลายเท่าตัวว่า เซรเกรย์เงียบไม่ตอบโต้อะไร เขารู้สึกสับสนไปขณะหนึ่ง แต่แล้วมันกลับถูกเเทนที่ด้วยความคุ้นเคยน่าประหลาดใจ เมื่ออีกฝ่ายค่อยๆ สวมกอดเขาอย่างแนบแน่น แล้วเอ่ยออกมาอย่างเเผ่วเบาว่า..
"หาตัวเจอสักทีนะครับ..คุณพี่"
หัวของเขามันว่างเปล่าไปขณะหนึ่ง ถึงอย่างนั้นสองมือกลับยกกอดตอบร่างที่สวมกอดตนอยู่ ซบหน้าลงกับไหล่หนานั่น ปล่อยตัวเองให้จมดิ่งไปกับความรู้สึกคิดถึงที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน เอ่ยขานตอบด้วยเสียงแหบแห้งว่า
"อื้อ.."
ทำไมกันนะ..ทั้งๆ ที่ไม่มีหมอนี่อยู่ในความทรงจำแท้ๆ
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่กลับรู้สึกคิดถึงเหลือเกิน..
ไม่อยากปล่อยมือเลย..ทำไมกันนะ..?
ยามเมื่อผละออกจากกัน ดวงตาสีทองนั้นสบลึกเข้ามา ราวกับว่าภาพของสตรีที่เขาเคยรักและหลงใหลมากที่สุดทาบทับลงไป เซรเกรย์หรี่ตานึกคิดอยู่กับตัวเอง ทอดมองอีกฝ่ายผู้ที่เเม้จะเหมือนกับเขา กระนั้นกลับให้บรรยายอากาศเหมือนกับมารดาที่พึ่งจากลาไปราวกับคนๆ เดียวกัน พลันหัวใจที่เงียบงันกลับพองฟูขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ดวงตาเเต่งแต้มด้วยประกายระริกผิดก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
อยู่ๆ ก็เกิดดีใจขึ้นมา..อะไรของเขากัน
อาจเพราะใบหน้านี้ กลิ่นนี้ สัมผัสนี้ก็เป็นได้ล่ะนะ..
คิดแล้วโอบกอดร่างนั้นอีกครั้ง กอดให้แน่นกว่าเดิมหลายเท่า ลอบยิ้มอยู่กับตัวเอง ก่อนเซรเกรย์จะหลับตาลงกอดรัดตุ๊กตาตัวใหม่ของตนด้วยความรักใคร่..
ราวกับเด็กน้อยผู้หลงในของเล่นใหม่ เซรเกรย์โอบกอดร่างนั้นเเน่น เฝ้าเอ่ยกับตัวเองในใจว่าครั้งนี้เขาจะถนอมตุ๊กตาตัวใหม่ของเขาให้ดีที่สุด..จะดูแลอย่างดีไม่ให้ใครหน้าไหนมันกล้าแตะต้อง และทำให้มันต้องบุบสลายแตกหักลงไปอีกครั้ง..
[เพราะคนที่มีสิทธิ์ทำให้ของของเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดได้น่ะ..มันมีแค่เขาเท่านั้น]
อาวุธ :: เนื่องด้วยพลังของเซรเกรย์คือการสร้างอาวุธ อาวุธของเขาย่อมเป็น ดาบผลึกใส ที่เกิดจากการพลังของเขาแน่นอนอยู่เเล้ว
พลังพิเศษ ::
พลังสร้างอาวุธ [ดาบทุกชนิด] : เซรเกรย์สามารถสร้างดาบขึ้นมาได้ทุกประเภท แต่ลักษณะเด่นของดาบเหล่านั้นคือมันจะมีลักษณ์เป็นผลึกใสไร้เเวว ทำให้ยากต่อการสังเกต ซึ่งดาบแต่ละชนิดที่เขาสร้างขึ้นมานั้น และเซรเกรย์ก็สามารถประยุกต์มาเป็นอุปกรณ์ทรมานตุ๊กตาของเขาได้อย่างสร้างสรรค์ แต่ชนิดที่เขาชอบใช้ที่สุด นั่นก็คือดาบสั้นขนาดเหมาะมือ ซึ่งเขาใช้ในการเฉือนและเเล่เนื้อตุ๊กตาของเขา และอีกชนิดก็ดาบเรเปียร์ ไม่ใช่เพราะมันสวยงามอะไรหรอก..เซรเกรย์ก็แค่เอามันมาใช้ตอกตรึงร่างของตุ๊กตาของเขาให้อยู่นิ่งๆ ราวกับตะปูที่ตอกไว้เพื่อตรึงร่างของอีกฝ่ายยังไงล่ะ
ความสามารถพิเศษ ::
-ความรู้เรื่องเส้นประสาทต่างๆ จุดอ่อนไหว จุดตาย ของร่างกายมนุษย์ [เซรเกรย์ต้องการจะรู้ว่า ตรงไหนขยี้เเล้วมันเจ็บ มันทรมานมากที่สุด และต้องไหนที่เป็นจุดต้องห้ามที่ห้ามแตะ ไม่งั้นตุ๊กตาของเขาก็อาจจะพัง (ตาย) ไปก่อนที่เขาจะหมดความสนุก..เอาง่ายๆ ทั้งหมดนี้ก็แค่เพื่อที่จะทรมานตุ๊กตาของเขาได้อย่างเต็มที่เท่านั้นแหละ]
-ความสงบนิ่งเยือกเย็น [เอาจริงๆ เรียกว่าเบื่อหน่ายตลอดเวลาก็ได้..แต่เพราะแบบนั้น มันจึงทำให้เซรเกรย์สามารถตั้งสติได้ตลอดเวลาไม่เเว้จะเป็นช่วงสถานการณ์แบบไหนก็ตาม ยกเว้นก็แต่..ตอนที่มีใครคิดจะทำให้ตุ๊กตาของเขาเป็นรอยขีดข่วนน่ะนะ]
-ความรู้เรื่องประเภทของดาบ วิธีการใช้ ความเหมาะสม และอื่นๆ [เพราะวันว่างๆ เซรเกรย์ชอบเอาดาบของเขาออกมาใช้ทำนู่นทำนี่ (?) แต่บางอันก็ใช้ไม่เป็น เลยศึกษาไว้ก่อน]
-ความฉลาด [เซรเกรย์เป็นพวกเข้าใจอะไรได้ง่ายและจดจำได้ดี เลยเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่า ฉลาด พอตัวท่านหนึ่ง]
งานอดิเรก ::
-เล่นSMกับคุณน้องชาย (?) [จริงจังนะไม่ได้หลอก---]
-นอน [ระดับความเบื่อหน่ายของคุณพี่สูงมาก ทำให้วันๆ พ่อคุณไม่รู้สึกอยากทำอะไรเท่าไหร่ ดังนั้นเขาเลยนอนมันซะเลย]
-อ่านหนังสือ [กิจกรรมคลายเบื่อน้อยชนิดที่เซรเกรย์โอเคด้วย]
ชอบ ::
-น้องชาย [เรียกว่ารักไปเลยก็ได้นะ..ไม่ผิด]
-การเล่นสนุกกับตุ๊กตาของเขา [กล่าวได้ว่าคือรสนิยมส่วนตัวล้วน ๆ]
ไม่ชอบ ::
-การจดจ้องมองอะไรนานๆ [เพราะมันน่าเบื่อและจืดชืด..เซรเกรย์เลยไม่อยากจะมอง]
-พวกที่มายุ่งกับของของเขา [เซรเกรย์เป็นคนขี้หวงเหมือนเด็กๆ เพราะงั้นจึงไม่ชอบเวลามีคนมาแตะของของเขายังไงล่ะ]
-คนน่ารำคาญ [ทั้งพวกจู้จี้ เซ้าซี้ ขี้แย เอาแต่ใจ ทุกๆ อย่างที่สรุปออกมาได้ว่าน่ารำคาญนั่นแหละ]
แพ้/กลัว ::
[แพ้] - กระเทียม {กินแล้วจะไอไม่หยุด ผื่นเเดงขึ้นตามตัว]
[กลัว] - การเสียน้องชาย {เพราะเป็นตุ๊กตาตัวโปรด จึงไม่อยากที่จะสูญเสียมันไป}
เพิ่มเติม :: เซรเกรย์รักน้องชายนะคะ แต่ก็มองนางเป็นแค่ตุ๊กตาเหมือนที่มองแม่ตัวเองอยู่ดี แค่หวงมากรักมาก เลยเอาใจใส่เป็นพิเศษ---
-----------------------------------------------------------------
สัมภาษณ์ผู้ปกครอง
สวัสดีค่ะ เราชื่อแผ่นกระดาษนะคะ ส่วนอีกทางชื่อว่า จัสบลัด ไม่ทราบว่าผปค.ชื่ออะไรคะ?
-ผปค.ชื่อว่ารันรันนะคะ! เรียกว่า รันรัน หรือ รัน ก็ได้ค่ะ! แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะท่านจัสบลัด ส่วนท่านแผ่นกระดาษก็สวัสดี ยินที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะ!
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ว่าแต่ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ?
-แท็กทีมมาปั่นแฝดกับอีกคนน่ะค่----//แค่ก//
เรื่องนี้มีคนแต่งสองคนค่ะ ไม่ทราบว่าโอเคกันไหม?
-ถ้าภาษาดี เนื้อเรื่องสนุก ไรท์เตอร์น่ารัก รันก็โอเคกับทุกคนนะคะ (?)
ใบสมัครยาวไปไหมเอ่ย?
-เทียบกับที่เคยเจอยังโอเคค่---//ปาดน้ำตา// อีกอย่าง คาดว่าฝ่ายที่ทำให้ยาวน่าจะเป็นทางนี้มากกว่าด้วยค่ะ..
ช่วงแรกกับกลางเรื่องยังไม่มีออริตายค่ะ แต่ว่าถ้าลูกๆ ตายตอนท้ายเรื่องจะทำใจได้ไหมคะ?
-ทำใจได้อยู่เเล้วค่ะ รันเป็นสายดราม่า ลูกตายก็ไม่หวั่น แต่ให้ดีอยากให้ตายสวย ๆ----
ไม่ทราบว่าถ้าลูกมีคู่ต้องการให้คู่หญิงหรือชายคะ?
-ชายค่ะ--อนึ่งอยากให้เขากินแฝดตัวเอง (?)
สุดท้ายมีอะไรจะบอกแผ่นกระดาษกับจัสบลัดเพิ่มเติมไหมคะ?
-อยากบอกว่า ถ้าเรทหรือจิตยันเกินไปบอกได้นะคะ เดี๋ยวปรับให้ซอฟท์ลงมาหน่อย-----
ขอบคุณที่มาสมัครค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น