คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : dark paradise
ll every time I close my eyes, it's like a dark paradise. ll
____________________________________________________
◣Application
◣Profile◥
"รักฉันได้ไหม..ให้มากเท่ากับที่ฉันรักเธอเลยได้รึเปล่า?"
บทบาท : [6] ผู้วิเศษคนที่หก
ชื่อ/นามสกุล : โจลี่ จิอันน่า l Jolie Gianna
ชื่อเล่น : โจ l Jo
ความหมายของชื่อ : โจลี่ - ความน่ารัก ร่าเริงสดใส l จิอันน่า - สง่างาม มีมารยาท ll โจลี่ จิอันน่า - { ความน่ารักอันร่าเริงและสดใส ส่องประกายด้วยมากมารยาทและงามสง่า }
สัญชาติ : American
เชื้อชาติ : American
เพศ : Female
ลักษณะภายนอก : สิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน นั่นคือ โจลี่ จิอันน่า นั้นคือคำจำกัดความของประโยคที่ว่า สวยเสียของ เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง หากเพราะบุคลิกภาพกับการกระทำแปลกประหลาด จึงทำให้มีบรรยากาศน่าขนลุกลอยขมุกขมัวรอบตัวตลอดเวลา ผิวขาวที่ซีดจัดตัดกับเส้นผมสีดำขลับยาวประกลางหลัง และมันดูประหลาดมากที่เธอเลือกจะตัดผมด้านขวาของเธอจนแหว่งไปช่อ โจลี่ไว้หน้าม้ายาวปรกหน้า คอยหลบซ่อนดวงตาสีทมิฬเอาไว้เบื้องหลัง แต่ก็ดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น เพราะคงไม่มีใครหรอกที่อยากจะสบตากับความหม่นแสงที่เหมือนกับหลุมดำมืดลึกนั่น..ร่างกายของเธอมีรอยแผลอยู่ประปราย โดยเฉพาะฝ่ามือและหัวเข่าทั้งสองข้าง โจลี่ชอบใส่ชุดกระโปรงระบายลูกไม้มากที่สุด แต่เพราะเธอป่วย..เครื่องแต่งกายเดียวที่ได้รับอนุมัติ จึงมีแค่ชุดสีขาวจืดชืดของโรงพยาบาลเท่านั้น (161ซม. l 42กก.)
จุดที่มีตราผู้วิเศษปรากฏ : สะบักบ่าข้างขวา
ปีศาจที่หวาดกลัวมากที่สุด : อัสโมเดียส ปีศาจแห่งราคะ l สิ่งที่ส่งผลกระทบกับโจลี่มากที่สุด นั่นคือความลุ่มหลงต่อพี่ชายที่มากจนเกินไปและข้ามเส้นขอบของคำว่าสมควร นอกจากนี้ เธอยังหึงหวงเขาคนนั้นยิ่งกว่าอะไรดี ไม่อยากให้ใครสัมผัสมาแตะต้อง ไม่อยากให้เขาเอ่ยเรียกชื่อของใครและไปมองผู้ใดนอกจากตัวเธอ..ความรู้สึกพวกนั้น มันไม่ต่างอะไรจากสัตว์อัปลักษณ์วิปริตที่ตะเกียกตะกายอยู่กลางอก และมันก็มากซะจนเธอแทบกักเก็บมันไว้ไม่ได้เลยล่ะ..
อายุ : 21-year-old
อุปนิสัย :
• T H E W I T C H
หญิงสาวผู้เปรียบดั่งแม่มด หากไม่ใช่ความร้ายกาจ ทว่ากลับเป็นความมัวหมองขมุกขมัวดั่งว่าเป็นผู้ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว โจลี่ จิอันน่า หญิงสาวผู้นี้กล่าวแล้วคือผู้ที่มีบรรยากาศอึมครึ้มรายล้อมรอบกายอยู่เสมอ ใบหน้าของเธอมักนิ่งสนิท แฝงไว้ด้วยแววเหม่อลอยตลอด ดวงตาสอดส่ายไม่จับโฟกัสกับสิ่งใดนานจนเกินไป และมันยากที่จะอ่านออกว่าเธอกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ เพราะถ้าไม่ใช่ยามปกติที่มีสีหน้าด้าน ๆ เหมือนกับตุ๊กตาไร้ชีวิต มันก็คงเป็นสีหน้าที่ผิดแปลกไปจากปกติเสียจนยากจะเข้าใจได้ ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เธอสงสัย โจลี่จะติดนิสัยจ้องเขม็งไปที่คู่สนทนา และเอียงคอมองน้อย ๆ ซึ่งผู้คนก็มักบอกว่านั่นน่ะ โคตรจะน่ากลัวเลย แต่ถามว่าเธอสนรึเปล่า? แน่นอนล่ะว่าไม่
ผู้คนมักไม่ชอบเข้าหาเธอนักด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้น นอกจากนี้ยังรวมถึงลักษณะการกระทำของเธอด้วย โจลี่ไม่ใช่คนที่มีบุคลิกภาพดีสักเท่าไหร่ บางครั้งเธอจะชอบพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ด้วยโทนเสียงแบบนั้น กับสีหน้าท่าทางของเธอ มันเลยให้อารมณ์คล้ายกับแม่มดเวลาสวดคำสาปส่งขึ้นมาในทันที และแน่นอนว่ามันทำให้คนอื่นเขาปวดประสาทมาก..
แล้วจำได้รึเปล่า? ที่เราเคยบอกไปบอกว่าเธอมักจะเหม่อลอยตลอด ในที่นี้หมายถึงเรากำลังหมายถึงคำว่า ตลอด เลยจริง ๆ ทั้งตอนกิน ตอนนอน ตอนนั่ง หรือกระทั่งตอนที่คุยกับใคร เธอเป็นคนที่ไม่ชอบจับโฟกัส แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอขี้เบื่อหรอก ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ..แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมักจะวางสายตาไปรอบ ๆ ตัวเรื่อย ๆ เช่นบางครั้ง เธออาจจะกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ดวงตาคู่นั้นกลับสอดส่ายไปมา มองนกบ้าง มองไม้บ้าง หลายคนบอกว่าที่โจลี่เป็นแบบนั้นเพราะเธอสมาธิสั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
• F O C U S
ไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้ และโจลี่เองก็ไม่คิดจะบอกใครเว้นแต่พวกเขาจะสังเกตเห็นมันเอง เหมือนกับที่เธอสังเกตเห็นทุกอย่าง..เราเคยพูดถึงเรื่องความสมาธิสั้นไปแล้ว และเราจะบอกคุณให้ว่า ความจริงแล้วโจลี่น่ะเป็นคนที่มีสมาธิดีมาก ๆ เลยต่างหาก เธอสามารถจดจ่อกับบางสิ่งได้เรื่อย ๆ นานหลายชั่วโมง เพื่อเก็บรายละเอียดและพิจารณามัน และในขณะเดียวกัน เธอก็สามารถแบ่งความสนใจไปที่สิ่งอื่นได้ด้วย มันเหมือนกับว่าเธอจัดการระบบประสาทของเธอได้ดีกว่าคนปกติประมาณสักสามเท่า เหตุผลเพราะว่าโดยเวลาปกติ เธอมักจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างอย่างถี่ถ้วนอยู่เสมอในขณะที่นั่งกร่อยไม่มีอะไรทำบนวีลแชร์โง่ ๆ นั่น มันจึงทำให้เธอได้รับทักษะพิเศษนี้มา
ถึงจะบอกว่าเธอสามารถให้ความสนใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้หลายอย่าง แต่โจลี่ก็ยังสามารถเลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เช่นกัน มันเหมือนการแบ่งการใช้งานสมอง สมมติว่ามีงานสองอย่าง คุณแบ่งความสนใจให้มันอย่างละครึ่ง ประสิทธิภาพก็จะถูกหารสอง แต่เมื่อโฟกัสเฉพาะแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันก็จะยิ่งทำให้ผลประสิทธิภาพดีขึ้นอีกเป็นเท่าตัว โดยโจลี่จะใช้การจดจ่อแบบนี้กับเรื่องสำคัญเป็นหลัก เพราะตอนนั้นเธอจะตัดโลกภายนอกออกไปเลย ไม่สนใจ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เหมือนดับหูปิดตาไปแล้วอะไรแบบนั้น มันถึงต้องมีคนคอยดูห่าง ๆ ไม่ให้วีลแชร์เธอไหลตกข้างทางไปซะก่อนไงล่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โจลี่ก็มักจะปิดปากเงียบเสมอเกี่ยวกับสกิลพิเศษตรงนี้ของเธอ ผู้คนมักบอกว่า เธอน่ะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก คนพิการทางสมองจะไปคิดตามทันได้ยังไง---โอเค ประโยคหลังนั่นประสบการณ์ส่วนตัวเฉย ๆ บางทีโจลี่ก็หมั่นไส้นะ ไอ้พวกคนที่มาล้อเลียนความพิการของเธอเนี่ย..ทั้งที่บางที สกิลการสังเกตและการพิจารณาของเธออาจจะดีกว่าคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องยอมรับอีกว่า การมีทักษะพิเศษนี้แลกกับการทำงานในสมองอีกหลายอย่างที่ดรอปลงไปมาก ยกตัวอย่างก็เช่น, การสนทนา?
• S L O W
คุณเคยเห็นผู้สูงวัยพูดคุยกับใครรึเปล่า? บางครั้งพวกเขาก็มักมีอาการติดอ่าง พูดช้า หรือเสียงสั่นและนึกคำไม่ออกร่วมด้วย โจลี่เองก็ไม่ต่างกัน โดยปกติเธอมีเสียงที่เบาและมีโทนเสียงราบเรียบเป็นโทนเดียว เหมือนกับเครื่องดนตรีที่คีย์พังเหลืออยู่เสียงเดียวไม่มีผิด ว่าไงดี เสียงของเธอก็เพราะนะ แต่ถ้าพูดถึงทักษะอื่นในการพูดแล้ว เธอติดลบแบบเข้าขั้นห่วยแตกสุด ๆ เลยล่ะ
โจลี่มักจะดีเลย์เสมอเมื่อต้องตอบกลับการสนทนากับผู้คน บางทีอาจจะแค่สิบหรือสิบห้าวินาที แต่ชอบปล่อยให้มันลากยาวยันหนึ่งนาทีเสียมากกว่า เพราะนอกจากสมองของเธอจะค่อย ๆ ประมวลผลแล้ว โจลี่ยังขี้เกียจตอบด้วย เธอไม่เก่งเรื่องการสนทนาสักเท่าไหร่ การต้องมานั่งคิดคำตอบจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าปวดหัวสำหรับเธอ เธอเลยค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ตอบ ค่อย ๆ ไปแบบนั้นจนบางทีก็ค่อยเกินไปหน่อย ถึงขนาดที่ว่าคู่สนทนาแทบจะหมดความอดทน แล้วเดินหนีไปเองเลยก็มี
การพูดคุยของโจลี่มีอยู่สองแบบ หนึ่งคืออยากคุย สองคือไม่อยาก ถ้าเป็นแบบแรก คุณก็แค่ต้องใจเย็นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวเธอก็จะตอบคุณเอง แต่ถ้าเป็นแบบที่สอง คุณจะต้องยิ่งใจเย็นมาก ๆ เพราะโจลี่จะตอบคุณช้าขั้นสุด ถึงขนาดที่ว่าถามไปแล้วสามคำถามในห้านาที เธอเพิ่งจะหันกลับมาตอบคำถามแรกให้คุณฟังตอนที่คุณถามคำถามที่สามจบไปแล้วเกือบหนึ่งนาที แล้วเราก็ต้องวนลูปคุยกันใหม่อีกรอบ นั่นเพราะโจลี่ไม่ได้ให้ความสนใจกับบทสนทนาเท่าที่ควร เธอเอาแต่คิดเรื่องที่อยู่ในหัวแล้วรับฟังคุณแบบผ่าน ๆ รอจนสามารถไขข้อข้องใจเรื่องที่ติดค้างในหัวได้แล้ว จึงค่อยหันมาตอบสิ่งที่คุณต้องการรู้ให้ฟังในภายหลัง
• L O N E L Y
เห็นเธอเอาแต่ทำตัวแบบนี้ มันไม่ได้หมายความว่าโจลี่ปลาบปลื้มการอยู่คนเดียว จิตใจของเธอรู้สึกหว้าเหว่เสมอ ตอนที่อยู่ภายในโรงพยาบาล ต่อให้ไม่มีใครกล้ามาคุยด้วย เธอก็จะขอให้นางพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ สักคน ให้พออุ่นใจว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว โจลี่ไม่ได้จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ แต่ถ้ามีได้มันก็ดี แค่ว่าคนส่วนมากไม่ต้องการเช่นนั้น เพราะเธอแปลก ประหลาด ไม่น่าสนใจ และเต็มไปด้วยเรื่องน่าเหนื่อยใจ นั่นแหละคือสิ่งที่คนเขาบอกมา
การปฏิสัมพันธ์ของโจลี่เป็นไปในเชิงเดียวมากกว่า เธอไม่ใช่ผู้พูดที่ดี แต่เธอเป็นผู้ฟังที่ดีให้คุณได้ ตัดเรื่องการชอบเหม่อมองซ้ายขวาเก็บรายละเอียดเธอไปสักหน่อย คุณจะรู้ว่าเธอมักใส่ใจและรับฟังสิ่งที่ผู้คนพูดหรือต้องการจะสื่อสารบอกเธออยู่เสมอ โจลี่จะเก็บทุกรายละเอียดที่คุณพูดมาคิด และบางครั้งเธอก็มักจับใจความที่เผลอหลุดออกมาในคำพูดเหล่านั้นได้ด้วย บางคนตั้งใจเล่าเรื่องโกหก แต่กลับทำได้ไม่แนบเนียน และถูกจับได้แค่เพราะเธอตั้งใจฟังมากไปหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงหรอก..ถ้ามันไม่เกี่ยวกับตัวเธอ โจลี่ก็ไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่หรอก เธอแค่รับฟังคุณ ไม่ได้มานั่งจับผิดคุณสักหน่อยนี่นา
ผู้คนมักคิดเสมอว่ามีเส้นแบ่งบางอย่างกั้นระหว่างเธอกับคนอื่นเอาไว้ แต่โจลี่ก็เหมือนเด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบ..เธอต้องการเพื่อน อยากมีคนอยู่ด้วย จะแค่มานั่งด้วยกันเฉย ๆ หรือใจดีช่วยคุยกับเธอบ้างก็ได้ ทุกอย่างล้วนโอเคเสมอ น่าเสียดายที่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้น และพวกเขาก็มักจะวิ่งหนีเธอเสมอเลยด้วยสิ..แต่เอาเถอะ เธอก็ไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้นหรอก อยู่คนเดียวจนชินแล้ว แค่บางทีก็แอบน้อยใจบ้างแค่นั้นเอง เวลามีคนมาคุยด้วยก็แอบตื่นเต้นหน่อย ๆ แค่ไม่ได้แสดงออกคนเลยไม่รู้แค่นั้นแหละ
• T H I N K I N G
ถ้าเกี่ยวกับเรื่องสมอง แน่นอนว่ามันไม่เคยมีคำว่าปกติสำหรับโจลี่ และสาเหตุหลัก ๆ มันเกิดจากการที่เธอป่วยเป็นโรคสมองพิการ โลกของโจลี่คับแคบเพียงแค่บ้านหลังเล็กไม่กี่ตารางวา เธอเรียนถึงแค่ม.หนึ่ง แล้วจากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านตลอดและไม่เคยออกไปในอีก ก่อนจะมาจบที่ห้องสีขาวในโรงพยาบาลที่ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย นั่นหมายความว่า เธอไม่ได้รับประสบการณ์ปกติเหมือนกับคนอื่น รวมถึงไม่ได้รับการปลูกฝังหรือสั่งสอนทั่วไปอย่างที่ควรจะเป็นด้วย นั่นจึงเป็นเหตุให้กระบวนการคิดของเธอแปลกประหลาด
โจลี่เป็นคนอีคิวต่ำกว่าปกติ ถ้าให้พูดแบบหยาบคายสักหน่อย นั่นคือเธอไม่มีสำนึกของมนุษย์ในตัวนัก คนอื่นอาจเห็นภาพคนตายแล้วรู้สึกสะเทือนใจ แต่เธอกลับยืนมองมันหน้าตาเฉย อาจมีบ้างที่รู้สึกว่ามันไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดแยแสอยู่ดี..โจลี่จะใส่ใจเมื่อมันเป็นเรื่องของตัวเอง หรือเกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง เธอโฟกัสที่ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม และถ้าจะเรียกมันว่าความเห็นแก่ตัว นั่นก็ออกจะไม่ถูกสักเท่าไหร่ เพราะโจลี่ก็เพียงแต่ไม่เข้าใจความรู้สึกสงสารหรือความเห็นอกเห็นใจที่คนอื่นเขามีกัน แต่ก็เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายนั่นแหละ มันถึงได้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไง
ถึงอย่างนั้น ถ้าคุณไปบอกเธอว่า เธอควรที่จะทำแบบนั้นนะ โจลี่ก็จะพยักหน้าแล้วปฏิบัติตาม ไม่ใช่ว่าเห็นด้วย แต่ก็แค่ทำไปอย่างนั้น ชีวิตในปัจจุบันเธอไม่มีเป้าหมายเป็นหลักแหล่งสักเท่าไหร่ เธอจึงเลือกทำตามคำแนะนำของคนอื่นไปเรื่อย ๆ ความสงสัยข้องใจว่า แล้วทำไมต้องเป็นแบบนั้นล่ะ? ก็ยังมีอยู่เต็มอก แค่ว่าเธอเลือกจะเมินมันไป จนกว่าจะถึงขั้นที่ทนสงสัยจนไม่ไหวจริง ๆ นั่นแหละ ถึงจะรั้นไม่ทำแล้วหาคำตอบมาให้ได้เสียก่อน
• S M I L E
โจลี่เป็นมนุษย์ที่ไม่ยิ้มเลย ในความที่ไม่ยิ้มจริง ๆ อารมณ์เหมือนพวกสารฮอร์โมนจำพวกอะดรีนาลีนหรือเอนโดฟิลล์นี่หายไปหมดแล้วไม่มีผิด โจลี่ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ และไม่ร้องไห้ด้วย อารมณ์คล้าย ๆ กับหุ่นกระป๋องนั่นแหละ..เธอไม่อินกับเรื่องอารมณ์มนุษย์ ดังนั้นเธอจึงไม่สนุกไปกับมุกตลก หรือมีอาการยิ้มกว้างด้วยความยินดี ความจริงเมื่อก่อนเธอเคยยิ้ม แต่มันก็เป็นยิ้มที่มีให้แค่เขาเท่านั้น..หลังจากไม่มีเขา เธอก็ไม่ยิ้มอย่างคนปกติอีกเลย
ความจริงแล้ว ผู้คนมักจะพูดกันอยู่ตลอด ว่ารอยยิ้มของโจลี่มันก็เหมือนคำสาปหรือคำทำนายของปีศาจนั่นแหละ เพราะเธอมักยิ้มในเรื่องที่ไม่สมควรยิ้ม และหัวเราะออกมาในเวลาที่ไม่สมควรจะหัวเราะ บางคนถ้าโกรธ พวกเขาจะตวาด และด่าทอ แต่โจลี่..เธอกลับหัวเราะ ยิ้มและขบขันกับเรื่องพวกนั้นโดยไม่มีความเยาะเย้ยอะไรเลยด้วย การจะทำให้โจลี่โกรธ ก็มีแค่ไม่กี่อย่างที่ทำได้ ไม่สิ..มีแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ นั่นคือการที่คุณไปกล่าวว่าแตะต้องพี่ชายของเธอ..ถ้าทำไปล่ะก็ เธอจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่ ๆ
อ้อ ใช่, มีคำกล่าวไว้ด้วยนะ ว่ารอยยิ้มของโจลี่มันอ่อนหวาน นุ่มนวล และงดงามมาก เมื่อกอปรความกับความงามบนหน้า แม้จะถูกรูปลักษณ์แปลกประหลาดคอยกลบตา ก็จะเผลอเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ แต่ว่าไม่ได้หรอกนะ..เพราะว่าถ้าคุณได้รับรอยยิ้มจากเธอ คุณจะโดนสาปเอาน่ะสิ
• A B N O R M A L
พลันวิปริตดั่งว่ามันมิใช่คน, นั่นคือกล่าวที่เคยถูกพูดถึงตัวเธอเอาไว้ หากแต่ยังไม่มีใครจะมายืนยันในสิ่งนั้น เพราะผู้คนที่ได้เห็นความวิปริตที่หลบซ่อนไว้ในจิตใจของโจลี่ ล้วนแต่เจอกับชะตากรรมที่ไม่น่ารับชมเลยแม้แต่น้อย โจลี่ไม่ใช่เด็กปกติ..หรือต่อให้เธอไม่ได้ป่วยเป็นโรคสมองพิการ จิตใจของเธอก็ยังไม่ปกติอยู่ดี ตรรกะของเธอใช้กับคนธรรมดาไม่ได้ สิ่งที่เห็นพ้องว่าดีหรือเลวมักไม่ค่อยตรงกันนักกับคนรอบตัว นั่นจึงเป็นปัญหาใหญ่ระดับพระกาฬเลยล่ะ
โจลี่ไม่ใช่คนฉลาดหัวดีไอคิว160 นอกจากนี้อีคิวเธอยังต่ำอีกต่างหาก..แต่เชื่อเถอะ ว่าถ้าให้เธอขบคิดเรื่องที่เหลือเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ นั่นน่ะ คืองานถนัดของเธอเลย เธอมีประวัติในมุมมืดที่ผู้คนคอยซุบซิบกันในทางไม่ดีเท่าไหร่ ว่าถึงการกระทำที่บ้าหลุดขอบโลก และเกินกว่าคนธรรมดาจะรับได้ บาดแผลบางส่วนบนร่างกายเธอ มันเกิดขึ้นจากมือเธอ..โจลี่น่ะเคยพยายามใช้มีดทำครัวกรีดมือตัวเอง ทำให้มันเป็นเหมือนอุบัติเหตุ เพียงเพราะอยากให้พี่ชายสนใจเธอเยอะ ๆ ด้วย แถมไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเป็นเรื่องแบบนี้เธอถึงได้รอบคอบและฉลาดนัก ผนวกกับใบหน้าที่อ่านไม่ออก จึงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าบาดแผลพวกนั้นมันไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจากความวิปริตของเธอเองทั้งสิ้น
โจลี่เคยมีเป้าหมาย และเวลาที่มีเป้าหมาย เธอทำมันได้ทุกอย่าง, ไม่ว่าสิ่ง ๆ นั้นจะถูกผู้คนกล่าวขานว่า 'ไม่ปกติ' แค่ไหน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเหนือกว่าขอบความคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย
• O B S E S S E D
ความรักและความลุ่มหลงที่รุนแรงมากจนน่ากลัว โจลี่ไม่ได้มีของที่ชอบเยอะแยะมากมาย แต่เมื่อชอบแล้ว กลับรู้สึกผูกพัน ลุ่มหลง และปรารถนาเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ บนโลก ความรักของเธอนั้นบิดเบี้ยว หัวใจอันไม่สมประกอบต้องการให้มีใครสักคนมาเติมเต็ม และมันจะต้องเป็นคน ๆ นั้นเท่านั้น..มันเหมือนกับการได้ลองกัดผลไม้ต้องห้าม เมื่อได้ลิ้มรสแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะต้องการมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเธอก็สามารถทำได้ทุกอย่างอีกเช่นกัน เพื่อให้ได้รับผลไม้ต้องห้ามนั้นมาลิ้มลองรสชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีจบสิ้น
เมื่อครอบครองแล้ว ก็ไม่ต้องการให้ใครอื่นมาสัมผัสอีก โจลี่เป็นคนที่หวงของของเธอมาก หากว่ามีความรัก ก็อยากให้เขามองแค่เธอ เรียกแค่ชื่อของเธอ และยิ้มให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอไม่ชอบเวลาที่คนของเธอไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น และไม่ชอบด้วยที่มีใครมาวุ่นวายกับของ ๆ เธอ มันเป็นนิสัยเสียขั้นเลวร้ายที่แก้ไม่หาย และเมื่อหึงหวง ก็สามารถเกิดเรื่องเลวร้ายอื่น ๆ ตามมาได้อีกมากมาย นั่นก็เพราะว่า..เธอคือ โจลี่ จิอันน่า นี่นา
และแน่นอนว่าลักษณะนิสัยนี้สมควรได้รับการบำบัด รัฐบาลเองก็รู้ พวกเขาพยายามทำให้ความหึงหวงและความหมกมุ่นของเธอลดทอนลง ในปัจจุบัน มันก็พอเบาลงมาบ้างจนสามารถเก็บอาการได้แล้ว แต่นั่นก็ยังมากเกินกว่าคนธรรมดาอยู่ดี..ถ้าหากเธอแก้มันไม่ได้ล่ะก็ โจลี่คงไม่มีสิทธิได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเป็นแน่
• C H I L D
ประวัติ :
ลักษณะการพูด : ใครต่อใครเขาก็บอก ว่าการสนทนากับโจลี่น่ะน่าปวดประสาทเป็นที่สุด เพราะนอกจากเธอจะพูดด้วยโทนเสียงเรียบ ๆ ทื่อ ๆ เหมือนหุ่นกระป๋องแล้ว เธอยังมีความดีเลย์ในตัวสูงมาก โจลี่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะในการตอบกลับคุณ แล้วเธอก็ชอบพึมพำคนเดียวมากกว่าตอบกลับชาวบ้านด้วย โจลี่ติดนิสัยชอบย้ำคำ เหมือนกับต้องการทวนคำในหัวอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ..ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนสุภาพอะไร แต่ก็ไม่หยาบคาย แทนตัวว่า ฉัน เรียกคนอื่นว่า เธอ หรือ นาย บางครั้งก็หลุดคำสรรพนามหยาบคายบ้างถ้าเกิดไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายขึ้นมา โจลี่ติดนิสัยชอบพึมพำและพูดคนเดียว น้ำเสียงยานคางเล็กน้อย และด้วยทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไปนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากคุยกับเธอเลยอย่างไรล่ะ
}} ตัวอย่างประโยคสนทนา {{
• first situation
โจลี่นั่งอยู่ตรงนี้มากว่าสิบนาทีแล้ว..
หญิงสาวท่าทางน่ากลัว ร่างเหยียดเอนอยู่บนวีลแชร์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ภายในสวนดอกไม้ที่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มโพล้เพล้ใกล้ตกดิน เธอยังคงจรดสายตาไปยังส่วนของเส้นขอบฟ้า ซึมซับภาพความสวยงามอยู่ในใจเงียบ ๆ เพียงลำพัง ทั้งที่ความจริงมันควรเป็นเวลาที่เธอจะกลับห้องพักได้แล้ว
เรื่องน่าตลกก็คือ คุณพยาบาลสองคนนั้นที่ต้องคอยดูแลเธอ ดันพากันยืนถกเถียงกันไปมา เดี๋ยวผลักไหล่เพื่อน เดี๋ยวดันหลังกัน แถมมิวายเหลือบมองเธออย่างหนักใจ คล้ายกำลังจะสื่อกันทางสายตาระยะไกลว่าเธอนี่มันตัวปัญหาจริง ๆ อะไรแบนั้น
"หล่อนคงไม่ยอมกลับห้องง่าย ๆ แน่" เสียงใครสักคนลอยมากระทบหูตอนที่นั่งเหม่อลอยไปมา..ว่าแต่นั่นน่ะ พูดถึงใครกันนะ?
โจลี่กะพริบตาเบา ๆ เธอค่อย ๆ ละสายตาออกจากเส้นขอบฟ้า ก้มลงมองมือสองข้างของตนแบบคนไม่มีอะไรทำ แล้วอดคิดขึ้นมาซะไม่ได้ว่า
'เมื่อไหร่จะมาพากลับห้องนะ..'
• second situation
"สวัสดีจ้ะ โจ" คุณหมอสาวคนสวยนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของเธอ จ้องมองด้วยรอยยิ้มหวานหยดเหมือนเคย ส่วนในมือก็มีกระดานบางอย่างที่โจลี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเอาไว้ทำอะไร "วันนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?"
"...." เงียบ, หญิงสาวไม่ตอบอะไรเลย เอาแต่จ้องดอกกุหลาบในแจกันตาไม่กะพริบซะอย่างนั้น
"กินข้าวหมดรึเปล่า? มื้อกลางวันถูกปากไหม?"
"...."
"อ่า จริงสิ, ได้ยินว่าเธออยากได้หนังสือเพิ่มใช่ไหมจ๊ะ?"
"...."
บรรยากาศเงียบสงัดโปรยปรายลงมารอบตัวเรา พร้อมกับความอึดอัดบางอย่างที่โจลี่ไม่แม้แต่จะรู้สึกถึง เธอจ้องและจ้อง มองไปที่กุหลาบสีแดงที่กลีบของมันใกล้จะหลุดออกมาเต็มทน ขบคิดในใจว่ามันจะร่วงลงมารึเปล่านะ? จนกระทั่งอีกสองนาทีต่อมา เธอก็เห็นกลีบกุหลาบนั่นตกลงกระทบกับโต๊ะ ดวงตาสีดำทมิฬกะพริบเบา ๆ จากนั้นจึงหันไปหาคุณหมอสาวที่ยิ้มละเหี่ยใจรออย่างรู้กัน
"น่าเบื่อ" นั่นล่ะคือคำตอบสำหรับคำถามแรกที่เธอถามเอาไว้ก่อนหน้านี้
..เหมือนว่าเราจะต้องเริ่มถามกันใหม่อีกรอบสินะ?
• third situation
"ฉันชอบเล่นหมากรุกมากเลย" ผู้ป่วยห้องพักห้องถัดจากเธอเอ่ยปากขึ้นมาในตอนที่เราถูกพามานั่งเล่นกันอยู่ในสวน ตามคำเชิญชวนแกมบังคับของคุณพยาบาลผู้ดูแล "เธอล่ะ มีอะไรที่ชอบบ้างไหม"
โจลี่ที่กำลังเหม่อสายตามองผีเสื้อและดอกไม้อยู่ ค่อย ๆ หันไปทางอีกฝ่ายเพราะสัมผัสได้ถึงแรงดึงตรงช่วงไหล่ ประจวบเหมาะกับว่าตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัวเลย หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย ครือเสียงในลำคอ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
"เย็บตุ๊กตา"
"ว้าว" เขาทำนัยน์ตาเป็นประกาย แต่ก็พอมองออกแหละว่าทำไปอย่างนั้นเอง "ตุ๊กตาแบบไหนล่ะ ขอฉันดูบ้างสิ"
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเริ่มถูกซักไซ้ถึงงานอดิเรกส่วนตัวของเธอ โจลี่เงียบปาก แต่สิ่งที่แปลกนั่นคือดวงตาของเธอกำลังจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย..จ้องและจ้องอยู่แบบนั้น มากซะจนทำให้ชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก เขาแสดงทีท่าอึกอัก ก่อนจะหัวเราะแหะ ๆ พึมพำประมาณว่า "จะว่าไปฉันก็หิวขึ้นมาแล้วสิ.." จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น เดินหนีหายไปเลยในวินาทีถัดมา
ดวงตาสีดำทมิฬมองตามไล่หลังไป มือเล็ก ๆ ยกค้างอยู่กลางอากาศ ริมฝีปากที่เพิ่งอ้าออกจำต้องหุบลง เหมือนกับมือที่ตกลงข้างตัว
แค่สงสัยเฉย ๆ เองว่าอยากดูตัวไหน..ทำไมต้องหนีเธอด้วยนะ
•fourth situation
ค่ำคืนนี้เป็นคืนสยอง
ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียงนอน เขาดูมีสีหน้าและท่าทีทรมาน เหงื่อผลุดพรายล้อมรอบกรอบหน้าเต็มไปหมด ในขณะที่พยายามข่มตาหลับท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด เขาก็ได้ยินเสียงพึมพำอะไรบางอย่างดังลอยมากระทบหูตลอดเวลา
"ระบาย..ระบายลูกไม้ ไม่ ไม่เอา..แบบนั้นไม่สวย อ่า..อะไรนะ ไม่ ไม่ ไม่ได้ ต้องทำแบบนี้ อ่า? ไม่ใช่นี่..ไม่ใช่.."
เชื่อไหมว่าผู้หญิงห้องพักข้าง ๆ เขาพึมพำอยู่แต่แบบนี้วนไปวนมาจะสองชั่วโมงแล้ว..ถามจริงนะ? หล่อนไม่เจ็บคอบ้างเลยเหรอ?
ว่าแต่ทำไมผนังห้องโรงพยาบาลมันบางขนาดนี้ฟะ!!?
•fifth situation
เสียงหัวเราะอันหายากยิ่งเสียยิ่งกว่าอะไรดีดังเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากซีดเผือด ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่มีอะไรน่าขำเลยแม้แต่น้อย..เพราะหญิงสาวคนนี้กำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม และไม่ใช่แค่ตัวเธอ มันยังรวมถึงพี่ชายของเธออีกด้วย
โจลี่ จิอันน่า ไม่เคยหัวเราะ..อันที่จริงเธอไม่เคยแม้แต่จะยิ้มด้วยซ้ำ
แต่มาวันนี้ นาทีนี้ เธอกำลังหัวเราะ, แผ่วเบาและดังขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะกลายเป็นการเปล่งเสียงหัวเราะจนสุดเสียง ลำตัวงอจากอาการจุกเสียดที่ท้องเพราะหัวเราะมากเกินไป น้ำตารื้นขอบดวงตาสวย ที่กำลังช้อนขึ้นมาสบสายตากับคนตรงหน้าที่เอ่ยวาจาหยาบโล้นก่อนหน้านออกมาช้า ๆ
"นี่..เป็นบ้าอะไรเหรอ?" เสียงยานคางเอ่ยถาม คิ้วเรียวเลิกสูงขึ้น โจลี่เอียงคอมองคู่กรณีของเธอ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป กลับไม่มีแม้แต่คำตอบโต้สักคำเล็ดรอดกลับมาให้กับคำถามของเธอ รอยยิ้มก็พลันเป็นอันมอดดับลง
แล้วเสียงร้องก็ดังลั่น เมื่อหญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ากระชากคออีกฝ่ายลงมาเต็มร่างจนใบหน้าอยู่แนบแทบประชิด โจลี่สบลึกเข้าไปในดวงตาที่กำลังสั่นคลอนเหมือนระลอกคลื่น ความหวาดกลัวที่เห็น ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสงบลงเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีดำทมิฬวาวโรจน์ โชนแสงสื่อถึงสิ่งที่เรียกว่า วิปริต อย่างแท้จริงออกมาให้ผู้คนนั้นได้ยลโฉมในที่สุด
"ฉันถามว่าแกเป็นบ้าอะไร?"
พลังพิเศษ :
• The puppet [ มีลวดใยชนิดหนึ่งที่เชื่อมต่อกับปลายนิ้วทั้งสิบของโจลี่ มันมีความเหนียวมากจนยากจะตัด ทั้งยังใสและไร้กลิ่นจนแทบไม่รู้ว่ามีอยู่ ตัวเส้นใยจะทำหน้าที่เชื่อมเข้ากับร่างหุ่น ทำให้โจลี่สามารถควบคุมลักษณะการกระทำของอีกฝ่ายได้ แต่ยิ่งอยู่ไกล ความสามารถในควบคุมก็ยิ่งต่ำลง เช่นเดียวกับการที่ว่าถ้าอยู่ใกล้มากเท่าไหร่..เธอก็ควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน l *คุณสามารถตัดลวดใยของโจลี่ได้จากการสัมผัสด้วย เซนส์ แน่นอน..ถ้าคุณนิ่งพอจะสัมผัสจิตเธอได้ มันก็ไม่ยากหรอกที่จะหาเจอ ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าจะตัดมันได้รึเปล่าเท่านั้นเอง.. ]
• Deep Sleep [ เป็นไปในเชิงของการทำให้ หลับใหล เงื่อนไขในการใช้งานพลังนั่นคือการสบตา หากโจลี่สบตากับใคร แม้จะเเค่วินาทีเดียว เธอก็สามารถบังคับให้อีกฝ่ายหมดสติลงไปได้ โดยระยะเวลาของผลลัพธ์นั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่แค่หนึ่งนาทีหรือยาวนานจนเป็นนิรันดร์..มันขึ้นอยู่กับความต้องการของเธอ ถ้าโจลี่ไม่เอ่ยปากให้คุณ ตื่นได้แล้ว คุณก็จะหลับไปเช่นนั้น เป็นเหมือนดั่งเจ้าชายนิทราไปตราบเท่าชีวิตจะยืนยาวเลยล่ะ l *สิ่งที่คนปกติไม่รู้ก็คือ ความจริงแล้วเทคนิคสกิลนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยสองวิธี 1.เลือด คุณสมบัติเลือดของโจลี่จะช่วยล้างพลังที่เข้าไปกดจิตของคุณลงได้ ซึ่งปริมาณที่ต้องรับเข้าไปเพื่อแก้สกิลนั้น แค่เพียงหยดสองหยดก็สามารถคลายพลังได้แล้ว และวิธีที่2.การกระตุ้นหัวใจ หรือคือการใช้ไฟฟ้าช็อตหัวใจด้วยอัตราที่ค่อนข้างมาก แต่สำหรับวิธีที่สอง มันก็ไม่รับประกันหรอกนะว่าคุณจะไม่ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้ารึเปล่า..แถมโจลี่เองก็ไม่เคยบอกใครเรื่องวิธีแก้พวกนี้เลยซะด้วยสิ ]
ความสามารถพิเศษ :
• เย็บปัก [ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกชุดกระโปรงระบายลูกไม้หรือตุ๊กตา ]
• เกมชักใย [ สมัยเด็กเธอเล่นตุ๊กตาชักใยอยู่ตลอดเวลา..คงไม่แปลกหรอกถ้าจะทำได้ดีมากขนาดนั้น ]
• สายตาดีมาก ๆ [ เธอมองเห็นได้ไกลและชัดเจน แยกโสตประสาทได้ดี สามารถสังเกตเห็นจุดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ]
• สมาธิ [ เป็นคนที่ถ้าจดจ่อก็จะมีสมาธิดีมาก ต่อให้อยู่ท่ามกลางคนเป็นร้อย เธอก็ยังอ่านหนังสือในได้โดยไม่มีอาการรำคาญแต่อย่างใด ]
สิ่งที่ชอบ :
• อคูลัส จิอันน่า [ ก็เขาคือโลกทั้งใบของเธอนี่นา..หากให้ใช้คำว่ารักแทนยังได้เลยด้วยซ้ำกระมัง ]
• ผ้าห่มหนา ๆ [ โจลี่เกลียดอากาศหนาวและสัมผัสหิมะไม่ได้ เธอจึงชอบที่จะซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่หนา ๆ และหลับไปทั้งแบบนั้น ]
• พระจันทร์ [ เธอชอบเฝ้ามองการกลายเป็นคืนเดือนดับของมันทีสุดเลยล่ะ ]
• เค้กสตอร์เบอร์รี่ [ รสหวานอมเปรี้ยวหน่อย ๆ อร่อยจะตายไป ]
• กาแฟ [ เพราะไม่ชอบฝัน จึงไม่อยากนอน เครื่องดื่มคู่ใจจึงกลายเป็นกาแฟรสเข้มไป ]
• ชุดกระโปรงระบายลูกไม้ [ เธอชอบเครื่องแต่งกายที่เหมือนกับเสื้อผ้าของเจ้าหญิงพวกนั้นมาก ๆ โจลี่บอกว่าสิ่งเหล่านี้คือศิลปะสำหรับเธอ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่ลงบนร่าง หรือการตัดเย็บขึ้นมาเอง เธอล้วนแต่นิยมชมชอบทั้งสิ้น ]
• ท้องฟ้า [ ความฝันของโจลี่คือการลอยอยู่บนท้องฟ้าและร่วงลงไปเรื่อย ๆ ล่ะ ]
• สุนัข [ เป็นสัตว์ขนปุยที่เธอปลื้มมาก ๆ โดยเฉพาะสุนัขตัวโต โจลี่จะชอบไปกอดมันแล้วก็ลูบขนเบา ๆ แต่ว่าเล่นด้วยมากไม่ได้หรอกนะ ]
สิ่งที่ไม่ชอบ :
• ของเปรี้ยว [ แสลงปาก..กินแล้วหน้าตาบู้บี้ซะยังกับเทลับทับบี้โดนหินทับอย่างไรอย่างนั้น ]
• เนื้อสัตว์ [ มันเหม็นคาวเลือด ต่อให้ปรุงสุกแล้วโจลี่ก็ยังเสมือนว่าได้กลิ่นของมันตลอดเวลา เธอจึงตัดปัญหาด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์แทน ]
• กระหล่ำปลี [ ก็..แค่ไม่ชอบกินเฉย ๆ.. ]
• หนังสยองขวัญ [ ไม่สนุก ไม่ได้กลัว ไม่อินด้วย โจลี่แทบจะนั่งหลับโชว์ได้ด้วยซ้ำ ]
สิ่งที่เกลียด :
• คนที่พูดจากล่าวว่าพี่ชาย [ ใครจะตายเธอไม่เคยสน แต่กับพี่ชายของเธอ เขาเหมือนกับเทพบุตรในโลกเซ็งเคร็งนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามว่าเขาทั้งนั้น ]
• แดดร้อน [ โจลี่เคยชินกับการหลบแสงอยู่ในบ้าน เธอจึงเกลียดแสงแดดที่ร้อนจัดเป็นที่สุด ]
สิ่งที่แพ้ :
• หิมะที่สกปรก [ หรืออีกนัยก็คือหิมะในเมือง เพราะหิมะจำพวกนี้จะมีการผสมกับสสารสกปรกจากอากาศในเมือง ผนวกกับผิวของโจลี่ที่ค่อนข้างบางและแพ้ง่าย มันเลยทำร้ายผิวของเธอได้อย่างเจ็บแสบสุด ๆ ขอแค่สัมผัสโดนเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้แสบร้อน ผิวแดงเถือก คันคะเยอไปหมดเเล้ว ]
{ วิธีรักษา - ทายาที่ได้รับมาจากแพทย์ โจลี่พกมันติดตัวเสมอ เป็นยาชนิดเจลเย็น }
สิ่งที่กลัว :
• งู [ โจลี่แขยงเกล็ดและลำตัวอ่อนไร้กระดูกนั่น เธอกลัวคมเขี้ยวและดวงตาสีทองวาววับ แค่คิดภาพหรือพูดถึง ก็รู้สึกคลื่นไส้ไปหมดแล้ว ]
• การสูญเสียความทรงจำ [ เพราะโลกใบนี้ไม่มีเขาอยู่ข้างกายเธออีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่จึงมีแค่ความทรงจำนี้เท่านั้นเอง โจลี่จะรักษามันไว้ให้ดีที่สุด..หรือถ้าต้องเสียไป เธอก็ขอยอมตายซะยังจะดีกว่า ]
เพิ่มเติม :
• จะสังเกตได้ว่ามือทั้งสองข้างและเข่าของเธอมีรอยถลอกอย่างน่ากลัวปรากฏอยู่แทบตลอดเวลา นั่นเพราะโจลี่มักพยายามเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ทั้งการพยายามลุกเดิน หรือใช้มือเข็นล้อวีลเเชร์ ทำให้เกิดการผลัดตกหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เยอะมากกับตัวเธอ
• ไม่เหลือครอบครัวอยู่อีกแล้วบนโลกใบนี้ และเธอก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก ยกเว้น เดอร์แลนด์ ไบรอัส ผู้ชายที่พักอยู่ห้องข้าง ๆ เธอในโรงพยาบาล เขาเคยหลงผิดมาทักเธอครั้งหนึ่งตอนย้ายเข้ามาใหม่ หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นว่าโดนโจลี่มองตามบ่อย ๆ จนต้องยอมมาคุยด้วยตลอดอย่างช่วยไม่ได้ไปซะแทน
• เธอเคยนึกอยากจะฆ่าตัวตาย แต่กลับกลัวว่าตนจะต้องลืมเรื่องของพี่ชาย..ก็เลยไม่เหลือความกล้าพอที่จะทำแบบนั้น
• ผู้คนในโรงพยาบาลชอบเรียกเธอกันลับหลังว่า ตุ๊กตาผีสิง
• งานอดิเรกของโจลี่คือการนั่งเย็บตุ๊กตา มันออกมาดูดีนะ น่ารักมากด้วยล่ะ
• มีสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า เดฟ ที่โรงพยาบาลเลี้ยงเอาไว้ในสวน เธอชอบมันมาก โจลี่จะไปเล่นกับมันทุกเย็นช่วงเวลาสี่โมง
• โจลี่อายุห่างจากอคูดัส6ปี และความจริงแล้ว อคูดัสยังคงมีชีวิตอยู่ เขาถูกรัฐบาลแยกตัวออกไปรักษาที่อื่น พวกเขาหลอกโจลี่ว่าพี่ชายของเธอนั้นตายแล้ว เพื่อตัดปัญหาที่อาจมารบกวนจิตใจของเธอและอาจทำให้เกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นมาได้ แต่ถึงจะยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้..จนกว่าพลังของโจลี่จะเสื่อมลง ซึ่งนั่นก็ไม่มีใครรู้เลย ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่กันแน่
• ความจริงแล้ว โจลี่มีอาการผิดปกติทางจิตมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยสภาพแวดล้อม ความพิการทางร่างกาย และผู้คน ทุกอย่างล่อหลอมให้เธอเติบโตขึ้นมาเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย..บางทีถ้าอดูลัสรู้ตัวเร็วกว่านี้สักหน่อย น้องสาวของเขาก็อาจจะสามารถมีชีวิตเช่นคนปกติธรรมดาได้ก็ได้
• โจลี่ออกจากโรงเรียนตอนอายุ13 พ่อของเธอตายตอนอายุ14 และเธอทำให้พี่ชายกลายเป็นเจ้าชายนิทราในตอนที่เธออายุ15 (หนึ่งปีหลังจากพ่อเสียชีวิต) หลังจากเหตุการณ์นั้น รัฐบาลได้เข้ามาจัดการดูแลชีวิตของเธอให้ เธอจึงกลายเป็นผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลมายาวนานจนถึงตอนอายุ21ปีในปัจจุบัน
【Interview】
"สวัสดีครับ ก่อนอื่นก็คงต้องทำความรู้จักกันก่อน...คุณชื่ออะไรเหรอ?"
ดวงตามืดแสงปรือลงจนแทบปิด คราแรก โจลี่ไม่ได้ใส่ใจผู้เอ่ยปากถามไถ่คำถามแก่เธอ สีหน้ามืดมนเหม่อลอยตลอดเวลา แต่ก็ดูไร้สติ ท่าทีประหลาดซะจนน่ากังวลใจ หากแต่ตอนที่ผู้เอ่ยถามกำลังจะถามซ้ำอีกครั้ง ริมฝีปากสีซีดกลับขยับเอ่ยออกมาเสียก่อนว่า "โจลี่" ดวงตาหลังม่านผมเส้นหนายังคงจดจ้องออกไป เหม่อมองก้อนเมฆสีมัวด้านหลังบานกระจก ทำราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในโลกที่ไม่มีใครเว้นแต่ตัวเธอจะเข้าใจได้
"เป็นชื่อที่ดีนะครับ แล้ว...คุณรู้สึกยังไงบ้างที่พบว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ?"
ครานี้หางตาของเธอตกลงน้อย ๆ เป็นการตอบสนองอย่างแรก แต่มันก็น้อยนิดซะจนหากไม่สังเกต คงคิดว่าเธอไม่ได้ยินคำถามไปแล้ว..โจลี่ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เธอนั่งนิ่ง เงียบอยู่แบบนั้นเกือบห้านาที แล้วจึงค่อย ๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน "คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่.." หญิงสาวพึมพำออกมา นึกถึงภาพความทรงจำในหัว ความรู้สึกเจ็บแปลบย้อนกลับเข้ามาเมื่อเผลอคิดถึงตอนที่พลังของเธอตื่นขึ้นมา "มันเจ็บนี่นา" แล้วเธอก็พูดต่อ ไม่ได้สนด้วยว่าจะทำให้ใครสับสนกับความไม่ปะติปะต่อนี้รึเปล่า..ที่สำคัญ คำว่า 'เจ็บ' นั่นน่ะ เธอไม่ได้กำลังพูดถึงตัวเองซะด้วยสิ
"งั้นเหรอครับ แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากแค่ไหนกัน?"
สิ้นคำถาม ดวงตาสีดำสนิทก็ตวัดขวับมาถลึงมองใส่ทันที ท่าทางดูน่ากลัวชวนให้ตกใจสะดุ้ง แต่โจลี่ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่ายมากไปกว่าการจ้องสายตาเขม็งใส่แบบนั้น "ถามอะไรแปลกจัง" หญิงสาวเอียงคอลงมาเล็กน้อย เส้นผมปรกใบหน้า ท่าทีฝืดเคลือนเหมือนตุ๊กตาไขลานสนิมเกาะไม่มีผิด ใบหน้าแต้มไว้ด้วยความสงสัยเสี้ยวหนึ่ง "ฉันจะมีประโยชน์หรือไม่มี สุดท้ายแล้วมันจะทำไม?"
"โอ้... แล้วคุณคิดยังไงกับพวกปีศาจล่ะ?"
"ปีศาจ..ปีศาจ" หญิงสาวทวนนามนั้นซ้ำ ๆ กับตัวเองพลางกลอกตาเป็นวงกลมหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะหยุดลงในท้ายสุด ปลายคิ้วขยับขมวดเข้ามาหากันมากกว่าเดิม โจลี่จำไม่ได้ว่าตนเคยเจอกับสิ่งที่เรียกว่าปีศาจไหม แล้วถ้าไม่ รูปลักษณ์ของมันจะเป็นอย่างไร? จะมีจิตใจแบบไหน? แล้วจะเลวทรามได้เท่าคนเรารึเปล่า? อ่า..มีแต่คำถามมากมายเพิ่มขึ้นมา, น่าปวดหัวเป็นบ้า..สุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่เงียบไปทั้งแบบนั้น เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีกเลย
"ฮะๆ โอเคครับ สำหรับคำถามในวันนี้ก็หมดลงเพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีครับ :)"
"จะไปแล้ว?" โจลี่เอ่ยปากถาม ดวงตาเบิกกว้างขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกสนุกสนานหรือชอบพออะไรนัก แต่ก็นานมากแล้วที่ไม่มีคนมาคุยด้วย พออีกฝ่ายทำทีจะละจาก สีหน้าก็ดูมืดครึ้ม กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร ครือครางรับในลำคอในท้ายสุด "โอเค..โอเค" เธอพึมพำบอกกับตัวเอง งอไหล่ลงแล้วก้มมองมือสองข้างที่ขยับกุมเข้าหากัน "อยู่คนเดียวก็ได้" ดูท่าว่าจะเศร้านิดหน่อย
【Talk with parents】
∆ แฮะะ นานๆทีจะหาเรื่องคุย//เขินตัวบิด—เอาเป็นว่าสวัสดีค่ะ ทางนี้ชื่อสโนว์หรือโนนะคะ ทางนู้นชื่ออะไรเอ่ยย
: สวัสดีค่าคุณโน รันรันเองงง เจอกันอีกแล้วนะคะ! ♥
∆ อาจจะเวิ่นเว้อพล่ามเยอะเรื่องพล็อตไปหน่อย... แต่คิดยังไงถึงมาเรื่องนี้คะ ;;w;;
: เอาตรง ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเลยค่ะ---มองแค่ชื่อคนเขียน อ่านพล็อต แล้วก็กดดราฟข้อมูลเลย 555555
∆ โนไม่ใช่คนขยันหรือเก่งอะไรนะคะ อาจมีการเงียบหายไปบ้างไม่ว่ากันนะคะ จะไม่เรียกว่าดองให้ใจเสียหรอกค่ะ พยายามจะไม่ทำแบบนั้น5555 (ไม่นานนู๋จิกลับมา—)
: ไม่มีปัญหาเลยค่ะคุณโน ยังไงก็พยายามเข้า สู้ ๆ นะคะ
∆ โนไม่ค่อยถนัดฉากหวานๆเท่าไหร่ และเนื้อเรื่องอาจไม่ได้เน้นความรักอย่างเดียว มันอาจมีอะไรดาร์คๆมานิดนึง ซึ่งอาจลามไปถึงตัวละครด้วยที่อาจจะโดนย่ำยี(?) และถูกโนกระทำชำเรา(?)บ้างนะคะ อาจมีตายด้วย ไม่ว่ากันนะคะ แจ้งไว้ก่อนเนอะ ;;w;;
: เกราะรันเเกร่งมากค่ะบอกเลย ยิงมาแบบติดคริติคอลก็บ่มีหวั่นค่ะ อุวะฮ่าฮ่า---/โดนเตะคว่ำ.
∆ ถ้าหากว่าตัวละครนี้ไม่ติดตามบทบาทที่ต้องการ จะอนุญาตให้เปลี่ยนบทบาทหรือรับกลับคะ
: รับกลับค่า
∆ มีอะไรจะบอกโนไหมคะ อย่างเช่นอยากให้โนข่มขืนตัวละค—แค่ก เช่น อยากได้ฉากไหนเป็นพิเศษไหมอ่ะค่ะ ถ้าทำได้จะจัดให้เน้อ! =w=
: อืม..แอบอยากเห็นภาพน้องมีโลกสว่าง ๆ ใบใหม่นะคะ แบบคนอื่นที่มาเป็นแสงสว่างของน้องแทนรักแรกที่บิดเบี้ยวในตอนนั้น ทั้งนี้ไม่ต้องเป็นเชิงรักใคร่ก็ได้ค่ะ อาจจะเป็นเพื่อน คนที่เหมือนครอบครัว อะไรแบบนั้นก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ตามที่คุณโนปรารถนาเลยค่ะ เราไม่เกี่ยงอยู่แล้ว <3
ขอบคุณที่สมัครนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ!//เตรียมของเซ่นไหว้ให้(?)
ความคิดเห็น