ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Inazuma Eleven & Go :: Just Tear [มัสเทรล เบรซ]
Application
"ถ้าฉันคิดจะ เหยียบ พวกมันให้จมดินมากกว่าเดิม แล้วมันมีปัญหาอะไรรึไง?..ช่วยไม่ได้ อยากสะเออะล้มลงไปเองนี่"
ชื่อ - นามสกุล :: มัสเทรล เบรซ [Mustearl Barz]
ชื่อเล่น :: มัสเทรล [Mustearl]
อายุ :: 27 ปี
ลักษณะรูปร่าง หน้าตา :: มัสเทรลคือชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีขาวสะอาดแปลกตาดูยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับไม่เคยสัมผัสหวี ดวงหนา้หล่อเหลาแอบติดหวานเล็กน้อย ผิวขาวสะอาดราวหิมะ รับกับดวงงตาสีทองอมเงินซีดจางจนแทบกลายเป็นสีขาว ร่างกายติดกำยำเล็กน้อยดูสุขภาพดี เครื่องหน้าคมสันเเบบบุรุษ มัสเทรลนั้นมีส่วนสูง189ซม. มาพร้อมกับน้ำหนัก74กก.
ลักษณะนิสัยตัวละคร :: มัสเทรล เบรซ ชายหนุ่มผู้มีนิสัยเสียโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยคอนเซปต์ เห็นคนล้ม แล้วต้องเหยียบซ้ำ ง่ายๆ คือเป็นพวกชอบซ้ำเติมคนอื่น มัสเทรลนั้นเป็นคนปากร้ายและไร้สามัญสำนึก เขาไม่มีไอ้สิ่งที่เรียกว่า คุณธรรม อยู่ในหัวสักเลยสักนิดสิ่งรอบด้านสำหรัลมัสเทรลนั้นเหมือนซากขยะไร้ค่าเหม็นเน่า น่าสะอิดสะเอียน มัสเทรลมองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา เขาไม่เคยนึกถึงด้านที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสว่างของโลก ตรงกันข้าม เขากลับมองทุกอย่างเป็น สีดำ เสมอ มัสเทรลเป็นพวกหมาป่าเดียวดาย การที่เขามองโลกเป็นสีดำ ทำให้เขามักมองคนที่เข้าหาว่าไม่จริงใจเสมอ ชายหนุ่มไม่ชอบการคบค้าสมาคมกับชาวบ้าน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ มัสเทรลจะไม่ทำงานกับคนอื่นอย่างเด็ดขาด เป็นคนขี้อิจฉาอย่างมาก สาเหตุเพราะตัวเขาเคยสูญเสียสิ่งมากมายในชีวิตเสียจนมากกว่าคำว่าสูญเสีย จนไม่เหลืออะไร เขามักมองคนรอบข้างที่มีทุกอย่างที่เขาไม่มีด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความอิจฉา เขาเป็นคนคิดมากและขี้น้อยใจ มัสเทรลมักเฝ้าถามเสมอว่าทำไมเขาถึงต้องเจอเรื่องแย่ๆ เพียงคนเดียว เพราะเเบบนั้นเขาจึงอยากให้คนอื่นได้รับความรู้สึกของเขาบ้าง ใครก็ตามที่มันพลาดพลั้งล้มลงมา..เขาจะเหยียบมันให้จมดิน จนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้อีกเลย
มัสเทรลเป็นคนฉลาด เขามีไหวพริบที่ค่อนข้างดี และสัญชาตญาณลางสังหรณ์อันแม่นยำกว่าคนวัยเดียวกัน เก่งเรื่องการจิกกัดและจิตวิทยาพอควร มัสเทรลเรียนรู้ว่าทำอย่างไรมนุษย์เราถึงจะสิ้นหวังได้ และการตอกย้ำข้อผิดพลาดของอีกฝ่ายคือสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด แต่แค่นั้นสำหรับมัสเทรลมันน้อยเกินไป..ชายหนุ่มเป็นพวกที่มีความสุข เมื่อได้เห็นคนอื่นได้รับความทุกข์แบบที่ตนเคยได้รับ เขามีความสุขเมื่อได้ด่าทอผู้อื่น และมีความสุขมากเมื่อได้ขยี้จุดอ่อนของพวกนั้นจนพวกมันค่อยๆ พังทลาย มัสเทรลเป็นพวกตะล่อมคนเก่ง เมื่อได้ร่วงล่นลงมาแล้ว เขาจะทำตัวเหมือนช่วยปลอบประโลมอีกฝ่าย เเละดึงขึ้นมาจากความเศร้าหมองนั้น ก่อนจะผลักมันตกลงไปอีกครั้ง แล้วกลบหลุมฝังมันซะ..มัสเทรลรู้จักการใช้คำพูดและจิตวิทยาให้เป็นประโยชน์ คำพูดคำจาแสนโหดร้ายของเขาจะเป็นตัวทำลายคนอื่นอย่างช้าๆ หรือไม่ก็ค่อยๆ กลอกหูคนอื่นไปเรื่อยๆ ย้อมโลกของมันให้เป็นสีดำช้าๆ กัดกินจิตใจด้วยคำพูด และบดขยี้ด้วยจุดอ่อน ให้มันตายสนิท นั่นแหละ คือวิธีของผู้ชายที่ชื่อ มัสเทรล เบรซ
มัสเทรลนั้น อย่างที่บอกไปว่าเขาเป็นพวกไร้คุณธรรม ไร้ซึ่งความศรัทธา ความยุติธรรม ความหวัง ความเมตตา ความมัธยัสถ์ ความพอดี สำหรับเขามันช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระ..มนุษย์เราไม่มีของแบบนั้นหรอก และถึงจะมีจริงๆ มันก็แค่ ฉากหน้า เท่านั้นแหละ..มัสเทรลไม่เคยเชื่อในศาสนา เขาไม่เชื่อในบาปกรรม สำหรับเขา สิ่งที่ต้องการ แม้จะต้องกดผู้อื่นให้จมลงไปหรือเหยียบย่ำใครสักเท่าไหร่ มัสเทรลก็ไม่สน..สิ่งที่เขาสนน่ะ มีเพียงแค่ความปารถนาของตัวเองเท่านั้น ความสุขของเขาต้องมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเเบบนี้นั่นก็เพราะมัสเทรลมีแนวคิดที่ว่า หากปารถนาสิ่งใด ก็ควรรีบไขว่คว้ามันมาไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป มัสเทรลเกลียดการเสียเวลาเป็นอย่างมาก เวลาทุกวินาทีมีค่าสำหรับเขาเสมอ เขาเกลียดการรอคอย หากใครที่ทำให้มัสเทรลเสียเวลาโดยไม่จำเป็น มัสเทรลจะเกลียดอีกฝ่ายไปแบบไม่มีข้อโต้เเย้งใดๆ ทั้งสิ้น และคนที่ถูกมัสเทรลเกลียด จะต้องถูกเขาตามจองล้างจองผลาญไปหลายปีจนกว่ามัสเทรลจะพอใจเลยล่ะ และหากจะกล่าวว่าเขานั้นเป็นคนจิตใจทราม มัสเทรลก็ไม่ขอปฏิเสธอะไรหรอก ก็เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่นา จะปฏิเสธไปทำไมกัน? เป็นพวกยอมรับความจริงเก่งมาก พูดตรงๆ คือปรับตัวเก่ง เขาสามารถตั้งตัวได้แม้กับสถานการณ์คับขัน มัสเทรลเป็นคนที่มีสติอยู่ตลอดเวลา เขาเก่งเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอย่างมาก เเต่สุดท้าย มัสเทรลก็แค่เอาตัวรอด เเล้วทิ้งคนอื่นไว้เบื้องหลังเหมือนกับทุกทีนั่นแหละ
มัสเทรลเป็นคนที่เก่งเรื่องงานคอมมาก หากให้เปรียบ เขาก็เหมือนโปรแกรมเมอร์ชั้นเลิศคนหนึ่งนั่นแหละ ชายหนุ่มนั้นถนัดทุกโปรแกรม ตั้งแต่ยิบย่อยยันงานใหญ่ แต่สิ่งที่เขาถนัดที่สุดนั่นคือการแฮกข้อมูล เรื่องอะไรที่เขาอยากจะรู้ มัสเทรลก็ต้องรู้ให้ได้ ความสามารถด้านนี้จึงเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมหาศาล เพราะนอกจากจะได้ข้อมูลที่ต้องการมาจำนวนมาก เขายังได้รู้ความลับมากมายของคนอื่นๆ อีกด้วย ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนปิดความลับกับมัสเทรลได้นัก เพราะแม้ว่าหากเขาค้นไม่เจอ เขาก็จะเค้นถามกับคุณโดยตรงเอง การทรมานคนอื่นด้วยคำพูดมันคืองานถนัดของเขา เขามักใช้สิ่งรอบตัวให้เป็นประโยชน์ถึงขีดสุด ความลับเล็กน้อยสามารถกลายเป็นเรื่องร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย หากมันหลุดออกมาจากปากของมัสเทรล มัสเทรลมีความสามารถในการต้อนคนคนหนึ่งให้จนมุมได้อย่างง่ายดาย การเสียดสีผู้อื่นด้วยคำพูดคล้ายจะเป็นงานอดิเรกของเขา และมันจะยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกเมื่อนำมาใช้ร่วมกับหลักจิตวิทยาของมัสเทรล เขาสามารถทำให้คนรู้สึกเศร้าจนแทบอยากฆ่าตัวตายได้เลยเสียด้วยซ้ำ แต่เอาจริงๆ แล้วก็ใช่ว่ามันจะใช้ได้กับทุกคน โดยเฉพาะกับพวกจิตแข็งพวกนั้น..มัสเทรลชอบเล่นกับความรู้สึกของคนที่อ่อนแอเป็นพิเศษ นั่นเพราะจิตใจของพวกนั้นมันแปรปรวนได้ง่าย ทำให้เขาสามารถมองหาจุดอ่อนได้ง่ายๆ เห็นแบบนี้แล้วมัสเทรลเป็นคนมีความอดทนสูงมากหากไม่ใช่เรื่องของการรอคอย มัสเทรลมีร่างกายที่ทนต่อความเจ็บปวดได้ดีเยี่ยม ทั้งยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งอีกด้วย ทั้งหมดนี้คือปราการใหญ่ที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับการโต้กลับนั่นเอง มัสเทรลไม่เคยเชื่อว่าคนเราจะชนะไปได้ตลอด เพราะแบบนั้นเขาจึงมักเตรียมตัวพร้อมรับความพ่ายแพ้เสมอ เช่นเดียวกับการที่เขาเตรียมพร้อมเฉลิมฉลองเเก่ชัยชนะของเขาตลอดเวลานั่นแหละ
มัสเทรลไม่เชื่อในคำสัญญา สำหรับเขาเเล้วมันก็แค่ลมปากของมนุษย์นั่นแหละ พวกที่หลงเชื่อไปกับคำสัญญาน่ะมีแต่พวกหน้าโง่เท่านั้นแหละ มัสเทรลทำงานเป็นทีมไม่เป็น เขาไม่สามารถร่วมมือกับใครดีๆ ได้โดยไม่ทะเลาะเบาะเเว้งกันเลย นั่นเพราะมัสเทรลเป็นพวกที่มีรอยยิ้มเหยียดหยามผู้อื่นประดับใบหน้าอยู่ตลอดเวลา เขาไม่เคยพูดจาดีๆ ให้เข้าหูชาวบ้านได้เลยสักรอบ เป็นคนที่มองยังไงๆ ก็ไม่สมควรแก่การเป็นสัตว์สังคมแบบพวกมนุษย์ทั่วไปเลยเเม้เเต่น้อย เอาตรงๆ คือเข้ากับคนอื่นไม่ได้นั่นแหละ สิ่งที่คนภายนอกมักเห็นจากมัสเทรลคือ เขาเป็นคนที่ชอบทำหน้าเยาะเย้ยชาวบ้าน ปากพาตาย และมีออร่าไม่น่าเข้าใกล้รายล้อมรอบตัวตลอดเวลา กระนั้นกลับดูโดดเด่นอยู่ตลอดเวลา เเละมักสะดุดตาใครหลายๆ คนอย่างน่าประหลาด เป็นที่น่ารำคาญใจสำหรับมัสเทรลไม่น้อย เพราะตัวเขานั้นต้องการความสันโดษ เเต่เพราะความโดดเด่นสะดุดตาของเขานั้นมันกลับทำให้มีคนพยายามข้องแวะกับเขานับไม่ถ้วน แม้ส่วนมากจะแค่พยายามทีเดียวแล้วจบ เพราะทนนิสัยทรามๆ (?) ของมัสเทรลไม่ไหวก็เถอะ แต่คนที่เข้ามาข้องแวะนี่สิน่าหนักใจ..มัสเทรลเหมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูด พวกเดียวกัน ให้เข้าใกล้เสมอ หรือก็คือเขามักสะดุดตาพวกที่มีนิสัยแย่ๆ และแปลกประหลาดแบบเขา หรือไม่ก็ต่ำพอกันเสมอนั่นแหละ
มัสเทรลมีความพยายามสูงส่งจนน่านับถือ เพราะชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้ต้องทำในทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อชีวิตในวันข้างหน้า ดังนั้นเเล้วไม่ว่าจะงานเบางานหนัก ขอแค่ทำคนเดียวเเละผลตอบแทนดี มัสเทรลก็พร้อมทำเสมอ แต่หากถามจริงๆ เเล้ว มัสเทรลอยากที่จะทำแบบนี้ไหม? เขาคงตอบทันทีว่า ไม่ มัสเทรลเกลียดความพยายามอย่างไร้เหตุผลใดๆ ยึดหลัก สิ่งจูงใจเดียวที่มีอยู่และยังคงทำให้เขาพยายามมาได้ถึงขนาดนี้นั้น มีเพียงแค่ ชีวิต ที่คงอยู่เท่านั้นแหละ มัสเทรลรักชีวิตของตนมาก หากว่าไม่พยายามแล้วไม่ตาย เขาก็คงทำไปแล้ว แต่นี่เพราะเขายังต้องกินต้องใช้ และเพราะชายหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์ที่เปี่ยมด้วยกิเลสทั้งหลาย เขาจึงจำเป็นต้องพยายามเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คาดหวังมา แม้ว่ามันจะยากเย็นเพียงใด แต่หากเขาอยากจะได้ มัสเทรลก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อแย่งชิงมัน และครอบครองมันให้ได้ ยกเว้นก็แต่เขาต้องเอาชีวิตเขาไปเสี่ยง ไม่ว่าอะไร ชีวิตย่อมมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาสามารถทอดทิ้งทุกอย่างได้เพื่อให้รอดชีวิต มัสเทรลไม่เคยคาดหวังต่อสิ่งใด อย่างที่บอก..ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นได้เพียงเพราะเขามี ความปารถนา เท่านั้นแหละ..
มัสเทรลชอบความเร่งรีบ เขาเป็นพวกที่ไม่อยากจะหยุดอยู่เฉยๆ เปรียบเเล้วเหมือนพวกบ้างานยังไงยังงั้น..หากมือว่างงาน มัสเทรลจะรู้สึกหงุดหงิดใจเสมอ เพราะเเบบนั้นเลยมักเห็นชายหนุ่มวุ่นตัวเป็นเกรียวอยู่เสมอ สาเหตุมาจากงานที่เขาวิ่งรับหามากองๆ กันไว้เเล้วเคลียร์ไปพร้อมๆ กันจนหัวหมุนนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเจอเรื่องลำบากมาเยอะจนมันซึมซับเขากระดูกไปหรือยังไง มัสเทรลถึงได้ชื่นชอบความลำบากยังกับอะไรดี ในสายตาของเขา ยิ่งลำบาก ยิ่งยากเย็ญ แค่ไหน ยิ่งวิเศษ ราวกับพวกชอบทรมานตัวเองเล่นๆ โดยปกติเเล้วคนทั่วไป หากเจองานหนักขนาดมัสเทรลคงเครียดจนเส้นสมองระเบิดตายไปหมดแล้ว แต่กับเขา..จะบอกว่ามัสเทรลไม่เคยเครียดเลยก็ว่าได้ เพราะความเครียดนั้นเมื่อก่อเกิดขึ้น มันก็จะกลายเป็นความรู้สึกสนุกไปเสียก่อนที่มัสเทรลจะได้เครียดเสียอีก เป็นคนที่รสนิยมเเปลกมากถึงมากที่สุด มัสเทรล..มองๆ แล้วก็เหมือนพวกที่ทั้ง S และ M อยู่เหมือนกันล่ะนะ?
มัสเทรลนั้นแทบจะไม่มีข้อดีอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย หากให้กล่าวถึงคงจะมีแค่สองอย่าง..อย่างแรกคือข้อดีจริงๆ (?) ของเขา นั่นคือการที่เขารักสัตว์มาก รักทุกชนิด และทุกสายพันธ์ ยกเว้นเพียงแต่สารพัดเเมลงทั้งหกขา แปดขา ร้อยขา และไม่มีขา ที่มัสเทรลขยะเเขยงจนเข้าขั้นรังเกลียด มุมรักสัตว์ของมัสเทรลแตกต่างจากมุมนิสัยพื้นฐานของเขาโดยสิ้นเชิง เขาชอบสัตว์ขนปุยตัวใหญ่ ชอบมากที่สุดคือ หมาพันธุ์ไฮบีเรียน ฮัสกี้ มัสเทรลชอบนอนกอดขนนุ่มๆ ของมัน เขาไม่กลัวตัวเองจะเป็นภูมิแพ้หรือปอด ทุกคืนเขามักนอนกอดสัตว์ตัวใหญ่นั่น โดยมัสเทรลได้เลี้ยงหมาคู่ใจไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งมันเป็นตัวที่สี่แล้ว..ตั้งแต่เด็กมัสเทรลจะมีหมาคู่ใจติดตัวตลอดเวลา แต่น่าเสียดายที่พวกมันมักอยู่กับเขาได้ไม่นาน และเมื่อมันตาย มัสเทรลก็จะหาตัวใหม่มาเเทนที่อย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งความเสียใจและความอาลัยแก่คู่หูที่จากไป ไม่ยอมเสียเวลามานั่งเศร้าตรมเลยเเม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเป็นแค่ของเล่น ที่พังก็ทิ้ง จะหามาแทนกี่ตัวกี่ตัวก็ได้เสมอ โดยทัศนคติไม่ได้ใช้กับแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้น ข้าวของ เครื่องใช้ ทุกๆ อย่างไม่เว้นแม่แต่มนุษย์ด้วยกันเอง ทุกอย่างล้วนแต่สามารถแทนที่ด้วยของของใหม่ได้เสมอ หากพังหรือล้มเหลว ก็แค่ทิ้ง เท่านั้นแหละ..มัสเทรลนั้นเป็นพวกที่ไม่มอบความซื่อสัตย์ให้แก่ใครทั้งนั้น แต่กลับปารถนาจะได้รับความซื่อสัตย์คืนมา แต่ไม่ต้องห่วงหรอก มัสเทรลเก่งเรื่องการฝึกสัตว์น่ะนะ เขาก็แค่มอบอาหารหรือข้าวของให้มัน ทำให้มันรักเขามากๆ รักมากจนไม่อาจขาดได้ รักมากเสียจนไม่กล้าทรยศ และสอนให้รู้ถึงบทลงโทษที่มันได้รับหากมันไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา แค่นี้ก็ทำให้ของเล่นพวกนั้นยอมฟังเขาเเละซื่อสัตย์ต่อเขาเเล้วใช่ไหมล่ะ? แต่..หากว่าของเล่นนั้นไม่ซื่อสัตย์แล้ว มัสเทรลก็จะไม่เก็บมันไว้อีก โอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากได้สูญเสียโอกาสนั้นไปล่ะก็..นรกมาเยือนแน่
มัสเทรลมีเส้นเสียงที่ทรงพลัง เสียงของเขามันทุ้มนุ่มเเละน่าฟัง และตัวเขาเองก็ชอบการร้องเพลงมากๆ เสียงของเขานั้นเทียบได้กับนักโอเปร่าชายเลยล่ะ เพราะเเบบนั้นเขาจึง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้าหรือแอกอลฮอล์ทุกชนิด ไม่กินของขบเคี้ยว ไม่กินของรสจัด ดื่มเพียงแค่น้ำเปล่าอุ่นๆ เท่านั้น เขานั้นพยายามอย่างมากในการรักษาเสียงของเขาให้ดีอยู่เสมอ แต่เเม้จะมีเสียงที่ไพเราะขนาดไหน มัสเทรลกลับเลือกเปล่งเสียงนั้นออกมาเฉพาะเวลาที่อยู่ตัวคนเดียวเท่านั้น หากอยู่กับคนอื่น เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างมากเสียจนน่าใจหาย แถมยังเย็นยะเยือกหนาวไปถึงขั้วหัวใจอีกด้วย..
มัสเทรลร้องไห้ยาก นั่นเพราะจิตใจของเขาแข็งแกร่งดุจผาเหล็ก ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรมากระทบความรู้สึกของเขาให้เศร้าหมองได้จนถึงขั้นต้องหลั่งน้ำตา ชายหนุ่มจำไม่ได้เสียแล้วด้วยซ้ำว่าร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บางที..น้ำตาพวกนั้นมันอาจจะเหือดเเห้งหายไปจนหมดเเล้วก็ได้กระมั้ง? แต่ไม่ว่าจะอะไร สำหรับมัสเทรลเขาคิดว่านั่นน่ะดีซะอีก เพราะน้ำตานั้นเปรียบเหมือนความ อ่อนแอ คนที่ร้องไห้นั้นช่างปวกเปียกและอ่อนแอเสียเหลือเกิน มัสเทรลคิดเสมอว่า ถ้าจะนั่งร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้น เอาเวลาไปใช้ทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือไง? แต่กระนั้นเขากลับชอบเห็นน้ำตาของผู้อื่นเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่การร้องไห้อย่างยินดี หรือการร้องไห้ทั่วไป แต่เป็นการร้องไห้ออกมาเพราะไม่อาจทนต่อความทุกข์ระทมรอบตัวได้เเล้วต่างหากล่ะ แบบนั้นน่ะ วิเศษกว่ากันเป็นไหนๆ เลยล่ะ หึ..แต่เห็นแบบนี้เเล้ว มัสเทรลก็มีสิ่งที่กลัวเหมือนกัน เขากลัวการ สูญเสีย..เพราะมัสเทรลเป็นพวกรักและหวงของของที่ตัวเองรักและผูกพันธ์มาก รวมทั้งเขายังมีอดีตที่เคยสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไป มันเลยเป็นสิ่งที่ฝังใจเขาอย่างมาก ดังคำที่มีคนเคยกล่าวว่า ยิ่งรักยิ่งผูกพันธ์ เพราะแบบนั้นแล้ว เมื่อเวลาที่ต้องสูญเสียจึงเจ็บปวดมากเป็นพันเท่าจากความผูกพันธ์นั้น ดังนั้นเเล้วมัสเทรลเลยพยายามรักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารักเอาไว้ไม่ให้สูญหายไปไหนอย่างเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่..การพยายามรักษาทุกอย่างเอาไว้ทำให้ตัวมัสเทรลต้องแบกรับอะไรมากมาย เพราะแบบนั้นเเล้วมัสเทรลเลยเป็นคนที่ไม่เคยหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างบริสุทธิ์ได้เลยนั่นเอง
ลักษณะคำพูด :: น้ำเสียงเเข็งกระด้างตลอดเวลา เเทนตัวว่าฉัน เรียกคนอื่นว่านายหรือเธอ กับบางคนถ้าไม่ชอบหน้าก็จะเรียกว่าแก ไม่มีหางเสียง
ความสามารถพิเศษ ::
จิตวิทยาชั้นเลิศ
ทักษะงานคอมขั้นสูง
เสียงร้องแบบนักร้องโอเปร่า
ความเเข็งแกร่งด้านร่างกายและจิตใจที่สูงมาก
การตั้งสติได้เเม้ในสถานการณ์คับขัน และการแก้ไขสถานการณ์ที่ดีเยี่ยม
เพิ่มเติม :: ผปค.กำลังหาความดีของน้องอยู่ค่----//ล้อเล่นค่ะ ความจริงไม่มีอะไรหรอก 55555 #โดนตบ---
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น