คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : [19] I'm a (non)perfect man - Cakhanant Phonlapat
[ I'm a (non-)perfect man ]
คคนานต์ พลลภัตม์ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ตอนที่เกิดมาก็ไม่ร้องสักแอะจนคุณหมอใจหายแวบไปแล้วหนึ่งยกถ้วน
แค่พูดถึงฉากเริ่มต้น ใครเขาก็รู้กันถ้วนหน้าว่าไอ้เด็กจิ๋วหน้านิ่งที่วัน ๆ เอาแต่นอนเขย่าขวดนมเล่นนี่มันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ..ลูกชายคนโตของบ้านพลลภัตม์คนนี้ เขาได้ชื่อเล่นมาว่า คราม สมัยเด็ก ๆ น่ะใครเขาก็บอกกันว่าครามมันเเสบสันไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่เรื่องของความซนอะไรหรอก แต่จะเป็นเรื่องของความปากร้ายและสมองอันชาญฉลาดที่สืบทอดมาจากคนพ่อเต็ม ๆ นั่นต่างหากที่ทำญาติทั้งหลายพากันขยาดที่จะมาเยี่ยมกันไปเลย
ถึงอย่างนั้นครามก็เหมือนจะเป็นที่ชอบใจของคุณปู่ไม่น้อยเลยเชียว ตอนเขาอายุสี่ขวบ ท่านบอกกับเขาว่า "เอ็งน่ะเหมือนกับพ่อตัวเองไม่มีผิด ไอ้ลูกคนนั้นมันทำงานเป็นพ่อค้าขายอาหารตามสั่งอันเป็นธุรกิจสืบทอดจากปู่ของปู่ของปู่อีกที ฝีมือดีเกินจะบรรยาย ใครหน้าไหนละแวกนี้ไม่เคยได้กินรสมือพ่อเอ็งนี่คงพูดได้ว่าเสียทีที่บ้านมาตั้งละแวกนี้จริง ๆ แต่เสียอย่างเดียวนี่สิ คือมันดันชอบไปลับฝีปากกับลูกค้าประจำ วางมวยกันก็บ่อย เห็นลูกค้าวิ่งหนีกระทะบินได้อยู่ทุกวัน ถ้าไม่มีเเม่เอ็งนะคราม ร้านคงเจ๊งกะบ้งเพราะไม่มีคนมากินไปแล้ว"
และนั่นคือวีกรรมอย่างหนึ่งที่ครามนั่งรับฟังเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ตลอดวันนั้นเขานั่งฟังปู่โม้เรื่องพ่อกับร้านอาหารรสเด็ดที่ครอบครัวเราประกอบธุรกิจอยู่จนเเทบหลับในทั้งที่ยังลืมตา จนกระทั่งฟังมายันเย็นย่ำ ได้ยินเสียงพ่อตะโกนมาว่ากลับมาบ้านเเล้ว เขาก็ดันนึกอะไรขึ้นมาได้
"แล้วเเม่ล่ะครับ"
เสียงเล่าลือนั้นเงียบหายไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่ดวงตากลมโตของครามที่จ้องไปยังผู้เป็นปู่ พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันน้อย ๆ เชิงสงสัย
"ตอนนี้แม่หายไปไหนเหรอครับ"
ครามเป็นลูกคนโตของบ้าน มีน้องชายอยู่หนึ่งคนชื่อว่าคลื่น เป็นคนสัญชาติไทย มีเชื้อจีนอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครดูออกสักคนเพราะหน้าเป็นไทยแท้สุด ๆ บ้านเราฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับยากจนไม่มีกิน ที่นี่เราประกอบธุรกิจค้าขายอาหารตามสั่ง เป็นอาหารตามสั่งที่ต่อให้จะสั่งเมนูไทย จีน ฝรั่ง หรือเมนูเชงเม้ง พ่อเขาก็ทำให้ได้หมด เว้นอย่างเดียวคืออาจโดนตะหลิวปาหน้าด้วยถ้าเดินดุ่มเข้ามาสั่งพิซซ่าฮาวาเอี้ยนแบบลูกค้าคนก่อน
เป็นบ้านที่มีกันสี่คน..ปู่ เขา คลื่น และพ่อ
ที่บ้านหลังนี้ไม่มีแม่
มีก็แต่เรื่องเล่าที่คุณปู่คอยพูดถึงหลานสะใภ้คนสวยในทุกครั้งที่พ่อไม่อยู่ก็เท่านั้นเอง
แม่ของครามตายไปตอนที่คลอดคลื่นออกมา, นั่นเป็นเรื่องที่ปู่ยอมเล่าให้เขาฟังในที่สุด ปู่บอกว่าแม่นั้นร่างกายอ่อนแอมาก ป่วยกระเซาะกระแซะมาแต่ไหนแต่ไร ตอนที่คลอดเขาออกมาครั้งแรกก็เกือบจะไม่รอดแล้ว พอมาครรภ์สองความเสี่ยงก็ยิ่งสูง..แล้วผลลัพธ์ก็กลายเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ไปในที่สุด
ตอนนั้นครามอายุเจ็ดขวบ โตมาจากเดิมก็มากเเล้ว แต่ไม่ได้โตพอจะทำใจรับได้มากขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดมาบ้านของเราดูคึกครื้น ต่อให้เขาจะเป็นคนเดียวในบ้านที่หน้านิ่งเป็นกระบอกไม้ไผ่ ทุกคนก็ยังดูอารมณ์ดี แถมทุกครั้งที่ปู่พูดถึงแม่ ก็มักชมอย่างโน้นอย่างนี้ว่าเป็นคนสวย เก่ง ฉลาด แถมยังใจดี ดีใจที่ได้มาเป็นสะใภ้ แต่ก็สงสารยัยหนูแกที่ต้องมาแต่งกับไอ้คนอย่างลูกชายตัวดี ซึ่งเเน่นอนล่ะว่ามันเป็นการนินทาพ่อเขาทางอ้อม
ครามเคยคิดว่าเพราะทุกครั้งที่พูดถึงแม่ ปู่ก็มักจะบ่นพ่อไปพร้อม ๆ กันว่าเป็นผู้ชายห่วยแตก มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ปู่ไม่พูดถึงแม่ต่อหน้าพ่อเลย..เขาไม่ได้คิดหรอกว่าความจริงแล้วชายชราก็เพียงแต่ตั้งใจจะรักษาหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของลูกชายเท่านั้นเอง
พ่อเขารักแม่มาก รักมากที่สุดในโลกแล้ว
เพราะอย่างนั้นตอนที่แม่ตาย พ่อถึงได้เสียใจมากจนแทบจะตายตามกันไปได้เลยด้วยซ้ำ
"ถ้าอย่างนั้น..ทำไมพ่อถึงยอมให้แม่มีพวกผมล่ะครับ" ครามถามด้วยความไม่เข้าใจ ต่อให้จะฉลาดแค่ไหน..ไม่สิ, ต้องพูดว่าเพราะเขาเป็นเด็กฉลาดนั่นแหละ ถึงจะอายุเเค่เจ็ดขวบ ครามก็เข้าใจได้ในทันทีว่าร่างกายของแม่นั้นไม่เหมาะจะมีลูกเลยสักนิด
"แม่เอ็งเขาอยากมีลูกมาก ๆ..อยากเป็นแม่ที่ดีไม่ให้เหมือนยายเอ็งที่ใจร้ายกับแม่เอ็งมาตลอด" ลมหายใจพ่นออกมาอย่างฉุนเฉียว ปู่มีสีหน้าไม่ชอบใจนักตอนที่พูดถึงคุณยายซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ "ตอนแรกพ่อกับแม่เอ็งวางแผนไว้ว่าจะมีแกแค่คนเดียว แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าคลื่นถึงติดมาด้วยอีกคน"
ครามพยักหน้าอย่างเข้าใจ รับฟังคำพูดของปู่เงียบ ๆ เช่นเดียวกับฝ่ามือที่ลูบลงมาบนกลุ่มผมตน
"อย่าไปพูดถึงแม่ให้พ่อเอ็งได้ยินเชียวนะเจ้าคราม" ปู่กำชับหนักแน่น ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับอย่างว่างายเช่นกัน "แล้วกับเจ้าคลื่นน่ะ ก็ดี ๆ กับมันหน่อย มีกันสองพี่น้องก็รักกันไว้ให้มาก เห็นเอ็งไล่เตะน้องกี่ทีปู่หัวใจจะวายตลอด คลื่นมันก็ตัวแค่นั้นเองนะ"
คิ้วบนใบหน้าครามถึงกับเลิกขึ้นมาทันที "ตัวแค่นั้นเหรอครับ" เขาทวนคำพูดของปู่อีกรอบ และได้รับการกระแอมกลับมาเบา ๆ ใครเขาก็รู้ว่าคลื่นมันสูงปรี๊ดออกนอกหน้านอกตาคนในบ้านขนาดไหน แถมนิสัยยังวอนเท้าตั้งแต่เด็ก หกขวบนี่ก็ซ่าไม่หยุด ถึงขนาดว่าครามต้องคอยวิ่งไปบิดหูลากมันกลับบ้านทุกวันก่อนได้ฤกษ์ไปตีกับลูกชายป้าซอยข้าง ๆ ประจำเลยเชียว
แต่เอาเถอะ..เห็นแก่ที่เป็นน้อง เขาจะใจดีด้วยหน่อยก็เเล้วกัน
คลื่นกับครามนั้นอายุห่างกันอยู่หนึ่งปี เป็นสองพี่น้องที่นอกหน้าตาจะไม่เหมือนกันเเล้ว นิสัยยังต่างกันคนละขั้วอีกด้วย
ทว่าไม่รู้ด้วยคำสั่งของปู่ที่เคยบอกกับครามไว้หรือสายเลือดในตัวมันสัมพันธ์ดีรึยังไง ถึงทำให้สองพี่น้องคู่นี้ยังรักกันดีได้ตลอด เเม้ว่าทุกคนจะได้เห็นฉากพี่ชายแบบครามปรี๊ดแตก ไล่ฟาดน้องชายแบบคลื่นอยู่ประจำเลยก็เถอะ
"ก็ครามชอบเอาแต่นั่งทำหน้านิ่งเป็นผีดิบ คลื่นเลยอยากช่วยให้ครามได้บริหารกล้ามเนื้อบ้างแค่นั้นเอง"
นั่นคือคำแก้ตัวที่คลื่นบอกกับเขาหลังจากพากันวิ่งไปทั่วจนเหงื่ออาบท่วม สภาพมอมแมมเสียยิ่งกว่าหมาเสียอีก แต่สาเหตุจริง ๆ นั้นก็คือการที่คลื่นเอาแต่ไปเล่นซนจนเผลอเหยียบหางหมาเข้า เลยกลายเป็นสองพี่น้องต้องสับตีนแตกวิ่งพล่านกันไปทั่วหมู่บ้านเลยทีเดียว
ไม่รู้จะด่าหรือจะด่า (?) มันก่อนเลยทีเดียว..
"อยากบริหารกล้ามเนื้อใช่ไหม?"
"ห๊ะ"
น้องชายตัวดีมีสีหน้ามึนงง คล้ายจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูด กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็โดนครามลากมาจนถึงหน้าค่ายมวยเเห่งหนึ่งเข้าซะแล้ว สีหน้าน้องชายตัวดีนั้นถึงกับซีดเผือด เป็นอันรู้กันดีทั่วบ้านทั่วเมืองว่าไอ้เด็กแสบนี่มันดีแต่กวนโอ๊ยคนไปทั่ว แต่พอจะให้ไปจับตัว มันก็กรี๊ดแตกวิ่งหนีก่อนใครเพื่อนตลอด
"มาสมัครเรียนมวยครับ"
"คร๊ามมมมมมมมม!!!"
อันที่จริงแล้วนอกจากจุดประสงค์ที่อยากเเกล้งน้องชาย ครามก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้คลื่นเรียนมวยไว้จะได้ดูแลตัวเองได้ด้วยนั่นแหละ..ก็ใครใช้ไอ้เด็กบ้านี่มันเปรี้ยวแต่ปาก แต่สู้ใครเขาไม่ได้เลยล่ะ ถึงอย่างนั้นจะให้คลื่นเรียนคนเดียวเขาก็รู้ว่าเจ้าน้องชายมันคงไม่ยอมแน่ ๆ เลยตัดสินใจขอพ่อมาเรียนด้วยซะเลย ปู่กับพ่อก็เห็นดีเห็นงามอยากให้ลูกให้หลานมีวิชาป้องกันตัว
แต่ไม่รู้ทำไมเรียนไปเรียนมา มันดันเหลือครามเรียนอยู่คนเดียวซะนี่สิ..เฮ้อ
ชีวิตของครามเป็นชีวิตที่ปกติสุขดี เว้นแต่เรื่องที่ยิ่งโต เขาก็ดูเหมือนจะยิ่งเก่งไปหมดซะทุกอย่าง
ครามเป็นเด็กอัจฉริยะ นั่นคือเรื่องที่ทั้งพ่อ ทั้งปู่ หรือกระทั่งญาติ ๆ ที่เข็ดหลาบกับฟันคมของหลานรักพากันบอกเป็นเสียงเดียวกัน พวกอาจารย์เองก็ด้วย ทุกคนชมครามเหมือนกันหมดว่าเขาเรียนรู้ได้ไว เผลอแค่แป๊ปเดียว จากเด็กหน้าตายเหมือนหุ่นกระบอกคนนั้น ก็โตขึ้นมากลายเป็นคนที่ภาพลักษณ์หนักแน่นน่าไว้วางใจไปแทนแล้วซะอย่างนั้น
ไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเดิม..เว้นแค่เรื่องเดียวเท่านั้น..
"ไม่รู้ว่าจะเรียนต่ออะไรเหรอ?"
วันหนึ่งตอนที่กำลังช่วยพ่อเก็บร้านนั้น เขาก็ตัดสินใจไปคุยปัญหาสำคัญที่สุดกับพ่อของเขา แน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องไหนไปได้เลยที่เด็กอายุสิบห้าจะกังวลได้..ขนาดพ่อเขาเองก็ดูจะไม่ค่อยแปลกใจนักกับปัญหานี้ กับเรื่องที่ว่าครามนั้นไม่รู้ว่าเขาเรียนต่อสายไหน เพราะเขาไม่มีความฝันที่อยากจะเป็นอะไรเลย
ครามเป็นเด็กเรียนดี..เขาไม่มีวิชาที่ห่วยเลย ทุกอย่างนั้นถึงจะไม่ได้ง่ายไปซะหมด แต่เขาก็มักทำมันออกมาได้ดี อีกทั้งตัวครามเองก็ไม่มีความชอบในเชิงวิชาการอาชีพใด ๆ เป็นพิเศษ มันถึงเป็นเรื่องยากมากที่จะตัดสินใจให้ได้ว่าในอนาคตนั้นเขาอยากจะเรียนอะไร และต้องการเรียนต่อสาขาในม.ปลายต่อจากนี้
"อืม..อันที่จริงถ้าครามไม่รู้ว่าโตไปอยากเป็นอะไร ก็มาทำร้านอาหารต่อจากพ่อก็ได้นะ"
"จะให้ผมทำอาหารขายเหรอครับ?"
"ไม่ ๆๆ พ่อไม่ได้หมายถึงอันนั้น" ขืนให้ครามมารับผิดชอบตำแหน่งพ่อครัวต่อ มีหวังร้านได้โดนฟ้องโทษฐานวางยาพิษกับก่อเหตุเพลิงไหม้แน่.. "แต่ว่าถ้าขยายร้านก็ต้องมีนักบัญชีไม่ก็พวกนักบริหารใช่ไหมล่ะ เป็นไง สนใจรึเปล่า"
ครามยืนเงียบไป มือเขาขยับล้างถ้วยชามไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ลองนึกตามที่พ่อพูด ถึงอย่างนั้นมันก็..
"..ยังไงก็ได้ล่ะมั้งครับ"
กลายเป็นอิหรอบนี้เหมือนอย่างเคย
สีหน้ายุ่งยากปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพ่อ ชายวัยกลางก็ดูคิดหนักเหมือนกันเพราะสมัยเขา เขาไม่เคยต้องมานั่งคิดเรื่องพวกนี้ แค่ปู่บอกว่าต้องสืบทอดธุรกิจนะ บวกกับฝีมือกระทะทองคำอย่างนี้ ก็เลยเรียนอาชีวะเเล้วจบมาทำร้านอาหารต่อจากปู่เลย แต่ครามนี่สิ..เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่นเท่าไหร่ หรืออย่างเจ้าคลื่นก็มีแววทั้งเรื่องทำอาหารกับพวกงานฝีมือทางศิลปะอยู่ เจ้าตัวเองก็ดูชอบด้วย ผิดกับครามที่เฉยไปซะกับทุกอย่างเลย
พอคิดไปคิดมา ชายวัยกลางเองก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันจริง ๆ ว่าลูกของเขาไม่เคยทำหน้ายินดีเลยสักครั้งตอนที่ชนะรางวัลเเข่งขันต่าง ๆ มา..ครามเอาแต่ทำหน้าเฉยชาตลอด ไม่ดีใจหรือกระตือรือร้นกับอะไร ที่ทำให้ตื่นเต้นได้ก็มีแค่ทาโกะยากิไส้หมึกแค่นั้นเอง
"งั้นเดี๋ยวพ่อพาไปหอสมุดนะ ไปใช้เน็ตที่โน่นค้นว่ามันมีอาชีพอะไรบ้าง เผื่อมีอะไรน่าสนใจ ดีไหม"
"อ่า โอเคครับ"
ครามรับคำอย่างว่าง่าย ถึงเขาจะแอบตอบในใจว่า 'เรื่องนั้นน่ะไปนั่งค้นมาตั้งหลายรอบแล้วล่ะ' ก็เถอะ..
"มาเรียนศิลปะกับคลื่นไหมล่ะ"
ครามเงยหน้าจากหนังสือประวัติศาสตร์ในมือ เขาหันไปหาน้องชายที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงข้าง ๆ กัน ไถโทรศัพท์มือถือไม่หยุดเหมือนกับว่างนักหนาทั้งที่การบ้านกองท่วม..แถมไม่วายแบกมาให้เขาช่วยสอนอีกต่างหากนั่น
"อยากให้เรียนด้วยเหรอ"
ครามถามกลับ พลิกหนังสือไปหน้าต่อ แต่แล้วก็ต้องรีบยกหนังสือหนีเป็นการณ์ใหญ่เมื่อคลื่นดันกลิ้งมานอนทับตักเขาเข้าให้ซะได้ น้องชายตัวดีมีสีหน้ายุ่งยากใจไม่น้อย ใช้ปลายนิ้วจิ้มจึกลงมาที่ระหว่างคิ้วเขาเบา ๆ ซึ่งตอนนี้มันผูกกันเป็นปมไปเป็นที่เรียบร้อย
"ล้อเล่นต่างหากล่ะ ล้อเล่น" เด็กหนุ่มวับสิบสี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ๆ "มันต้องมีสักอย่างที่ครามชอบที่สุดสิ อย่างต่อยมวยนั่นไง ก็เห็นไปออกจะบ่อยไม่ใช่เหรอ"
"ครามไปเพราะเสียดายเงินต่างหาก"
"โห ถ้างั้นเเล้วจะเรียนไปแต่แรกทำไมล่ะนั่น"
มือเรียวปึกหนังสือดังปึกก่อนจะเอามันไปเคาะกะโหลกน้องชายตัวดีเบา ๆ จนได้ยินเสียงร้องโอ๊ย!ดังตามมาติด ๆ ครามส่งสายตาเชิงจะบอกว่าความจริงที่ครามต้องไปเรียนต่อยมวยก็เพราะคลื่นนั่นแหละ แน่นอนว่าคลื่นไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ หลังจากอ้อนออเซาะคุณปู่จนท่านยอมให้คลื่นเลิกเรียนได้ เจ้าน้องชายตัวดีมันก็ทิ้งเขาไว้คนเดียวในยิมทั้งแบบนั้นเลยนั่นแหละ
คลื่นขยับตัวลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงแทนการนอนหนุนตักพี่ชาย (เพราะกลัวว่าจะโดนเคาะหัวอีก) ปิดโทรศัพท์แล้วจ้องหน้าเขานิ่ง ๆ นั่นทำให้ครามรู้สึกประหลาดนิดหน่อยจนอดจะขมวดคิ้วซะไม่ได้
"มองอะไรเนี่ย"
"มองคนหล่อ"
"...." อะไรของมันวะ
เหมือนว่าหน้าตาเขาจะประหลาดไม่น้อย คลื่นถึงได้หลุดหัวเราะพรืดออกมาเลย น้องชายตัวดีกลิ้งตัวลงจากเตียงไปอย่างไวก่อนที่จะโดนพี่ชายฟาดป้าปเข้าให้ฐานหัวเราะเสียงดังซะจนเเสบหูรบกวนเจ้าของห้องเขา
"อย่าคิดมากนะคราม" ก่อนจะหนีออกจากห้องไป คลื่นก็หันมาพูดกับเขาพร้อมกับยิ้มกว้าง "คิดไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็คิดออก ครามน่ะทำได้ทุกอย่างอยู่เเล้ว แล้วคลื่นก็สนับสนุนครามทุกอย่างด้วย แต่ต้องอย่าลืมนะว่าจะต้องเลือกอันที่ครามชอบที่สุดน่ะ"
"อือ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างมึนงง อดสงสัยขึ้นมาในใจไม่ได้ว่าวันนี้คลื่นมันกินยาลืมเขย่ารึเปล่า ทำไมถึงพูดจามีสาระขึ้นมาซะได้นะ.. "จะว่าไป คลื่นไม่ได้จะให้ครามสอนการบ้านเหรอ?"
คลื่นโคลงศีรษะไปมา ทำสายตาประมาณว่า 'ไม่รู้สิ' ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที ทิ้งให้ครามนั่งเคว้งอยู่คนเดียวบนเตียงนอน เด็กหนุ่มเกาหัวมึนงง ปิดหนังสือตั้งใจว่าเข้านอนเลยเพราะยิ่งอยู่ดึกก็ยิ่งดูเหมือนจะฟุ้งซ่าน แต่ก่อนจะได้เข้านอน เขากลับพบว่าคลื่นลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องของเขา ครามหยิบมันขึ้นมาหมายจะเดินเอาไปคืนให้ แต่สายตากลับสังเกตเห็นอะไรเข้าซะก่อนนี่สิ..
บนหน้าจอมือถือนั้นปรากฏหน้าเว็บโรงเรียนเอกชนเเห่งหนึ่งเอาไว้ ซึ่งมันเป็นเว็บที่เพื่อนของคลื่นส่งมาให้คลื่นดูว่าพี่ชายเขานั้นจะย้ายเข้าไปเรียนที่นั่นตอนม.ปลาย ตอนแรกครามเกือบจะปิดหน้าจอไปแล้ว เพราะเขารู้ดีเลยล่ะว่าบ้านของเขาไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ทว่าปลายนิ้วเขากลับปัดเข้าไปโดนหัวข้อ 'Scholarship' ที่อยู่ตรงฝั่งเมนูซ้ายมือเข้าซะก่อนนี่สิ เขาอ่านข้อความนั้นเงียบ ๆ อยู่ในใจ
'ทุนการศึกษา 100% สำหรับนักเรียนหัวกะทิ ครอบคลุมค่าเทอมและอุปกรณ์การเรียนตลอดระยะเวลาสามปีการศึกษา'
ทุนร้อยเปอร์เซนต์..?
ครามเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขารีบกดอ่านข้อมูลนั้นโดยละเอียด และใช้โทรศัพท์มือถือค้นรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียน ณบลูวิทยา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และทันทีที่เขาเห็นว่ามันเป็นโรงเรียนมัธยมระดับต้น ๆ ของประเทศ อีกทั้งตนยังมีสิทธิ์ครบถ้วนในการยื่นขอทุนการศึกษา เขาก็รีบส่งเว็บไซต์นั้นเข้าแชทตัวเอง เเล้วรีบเข้าไปที่หน้าประวัติการค้นหาทันที
'เลือกอันที่ครามชอบนะ'
เสียงของคลื่นดังกลับเข้ามาในหัว แต่ปลายนิ้วเขาก็ยังตัดสินใจกดเคลียร์ประวัติค้นหาสองอันล่าสุดไปในทันที เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่คลื่นโผล่กลับเข้ามาในห้องเพื่อถามหามือถือของตนพอดี
เขาเก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับจากทุกคนในบ้าน ทั้งปู่ พ่อ และคลื่นเอง..ว่าตอนนั้นที่ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ณวิบูลวิทยา ครามไม่ได้เลือกมันเพราะเขาอยากจะเรียน..แต่เขาเลือกที่นั่นเพราะต้องการจะประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็แถวนั้น
ครามรู้ตัวว่าเขาคงโดนทุกคนในบ้านบ่นตายแน่ ที่เขาเอาแต่นึกถึงเรื่องปัญหาการเงินของบ้าน แทนที่จะนึกถึงความชอบของตนเป็นหลัก
แต่ไม่เป็นไรหรอก..มันยังมีเวลาอีกตั้งสามปีเลยนี่นา..
ถึงตอนนั้นเขาก็คงรู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร อยากที่จะโตขึ้นเป็นอะไรกันแน่
แต่ถึงต่อให้ไม่รู้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาหนักหนาถึงขนาดนั้นหรอก
ก็เขาน่ะเก่งมันไปซะหมดทุกอย่างเลยนี่นา
__TBC?__
ความคิดเห็น