ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☼ il était une fois ☼

    ลำดับตอนที่ #2 : il était une fois - sand and frog , loving in the gravity.

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 62



    ยินดีต้อนรับทุกๆ ท่านสู่วงล้อมนิทานของผม
    วันนี้ผมอยากจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้คุณฟังคลายเหนื่อยก่อนนอนสักหน่อย
    เรื่องราวของเจ้ากบน้อย..กับกลิ่นอายของเม็ดทรายที่ดูจะร้อนแรงเสียเหลือเกิน

    [ ก า ล ค รั้ ง ห นึ่ ง 
    เ จ้ า ก บ น้ อ ย ผ ลุ บ ขึ้ น ม า จ า ก เ ม็ ด ท ร า ย ]

          


    ✿ Application 

    [ 2nd ] 
    the tale told about her story - The girl who have a sweet taste , fun life and happy smile.

    "Hum..? I think it doesn't quite make sense.."

    - (หืม..? ฉันว่านั่นมันค่อนข้างจะไม่เมคเซนส์สักเท่าไหร่อ่ะนะ..) -

    ______________________________

    S W E E T  ll  F U N  ll  H A P P I N E S S
     


    'sweet sand, funny frog, the gravity of happiness'

    Couple ::  Kuroko Tetsuya ll Purple Rose

    ชื่อ :: 
               ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมน ll Fiona Eve Carmen
               ชิโอริ นานะ ll Shiori Nana
               [*ชื่อ-สกุลอังกฤษของเธอคือชื่อสมัยที่ยังอยู่อเมริกา ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่นและนามสกุลของบิดาเมื่อมารดาเสียชีวิต และได้ย้ายมาอาศัยกับครอบครัวฝั่งพ่อในวัยสิบห้า*]

     
    ชื่อเล่น :: 
               อีฟ ll Eve *เธอมักบอกให้คนอื่นเรียกเธอด้วยชื่อนี้อยู่ตลอด
               ฟีน่า ll Fina *บางทีเพื่อนๆ ในสมัยอยู่อเมริกาก็ชอบเรียกเธอด้วยชื่อนี้เหมือนกัน
               นานะ ll Nana *เป็นชื่อที่ครอบครัวฝั่งพ่อใช้เรียกเธอ เรื่องน่าปวดสมองคืออีฟมักไม่เห็นตอนเรียกเธอด้วยชื่อนี้ พอจะให้พวกเขาเรียกเธอว่าอีฟ ลิ้นคนญี่ปุ่นก็ออกเสียงไม่ค่อยจะถูกใจหญิงสาวสักเท่าไหร่นี่สิ..
               Mr.frog *สมญานามที่เกิดขึ้นจากความกวนประสาทของสหายทั้งสองสมัยอยู่อเมริกา..

     
    ความหมายของชื่อ :: 
               ฟิโอน่า - สีขาว ll อีฟ - ผู้ให้ชีวิต ll คาร์เมน - สวนผลไม้ , เสียงเพลง ll ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมน - { บทบรรเลงสีขาวผู้มอบชีวิต }
               ชิโอริ - บทกลอน ll นานะ - เจ็ด ll ชิโอริ นานะ -  { บทกลอนทั้งเจ็ด }
     

    อายุ :: 20ปี
     

    ลักษณะรูปร่างหน้าตา ::

    "คุณเคยได้ยินเรื่องเจ้าชายกบที่ถูกสาปไหม? จะบอกว่าที่นี่ไม่มีกบสุดอลังการแบบนั้นอยู่หรอกนะ"
     
               หลายคนเมื่อนึกไปถึงตัวเอกหญิงในนิทานสักเรื่องแล้ว พวกเขามักนึกไปถึงภาพลักษณ์สุดตราตรึงกับความงามที่ทำให้ตะลึงงัน และ ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะนิทานเรื่องนี้ไม่ได้มีเจ้าหญิงแสนสวย หรือราชินีผู้ทรงสง่า หากแต่เป็นแค่เจ้ากบที่อยู่กับเม็ดทรายอย่างฟีโอน่า อีฟ คาร์เมนเท่านั้นเอง
               ถ้าให้พูดถึงเธอคนนี้แล้วล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดแต่ก็ทำให้เธอดูสังเกตยากเช่นกันนั่นคือส่วนสูงสุดกะทัดรัดของเธอ..อีฟสูงไม่มากนัก หากให้เปรียบแล้วถือว่าเตี้ยซะยิ่งกว่าเด็กม.ต้น ส่วนสูงของเธอมันตายไปนานแล้ว ต่อให้อัดแคลเซียมเข้าไปจนกระดูกอีโวโลชั่นเป็นเบรเรเนียม แม่เด็กคนนี้ก็ไม่มีทางสูงไปกว่านี้อีกแล้วอย่างแน่นอน ต้องขอบคุณกรรมพันธุ์ของเธอที่ทำให้อีฟเป็นคนมีโครงหน้าเล็ก คางมน และมีแก้มยุ้ย ดวงตากลมๆ สีม่วงที่เข้ากันได้ดีกับเส้นผมสีลาเวนเดอร์ยาวประกลางหลังทำให้เธอดูมีลุคสาวน้อยแมทช์กับขนาดตัวไซส์หมากระเป๋าได้อยู่บ้าง ผมหน้าม้าที่ตัดมาเฉพาะเพื่อการนี้ ดูไปด้วยกันได้สวยกับคิ้วที่เขียนขึ้นให้โก่งโค้งขึ้นมา จมูกรั้นเชิดปลายบ่งบอกความรั้นน้อยๆ ในตัว กับริมฝีปากบางกระจับที่มักจะฉีกยิ้มร่าออกมาเสมอ เครื่องหน้าของเธอไม่จัดว่าเพอร์เฟค แต่ก็ถือว่าเป็นคนน่ารัก พอตบแต่งเสริมเติมสักหน่อยแล้วก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
               ผิวของอีฟค่อนข้างขาวแม้ว่าเธอจะชอบวิ่งพล่านอยู่กลางแดดร้อนระอุ บางทีคงเพราะเชื้อชาติอเมริกันอีกครึ่งในตัวก็เป็นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากผิวขาวอมชมพูเเล้วอีฟก็ไม่ได้รับกรรมพันธุ์อะไรมาจากแม่ที่เป็นเชื้อชาติตะวันตกอีกเลย เธอไปด้วยกันกับพวกกางเกงเดฟเอวลอยไม่ค่อยรอดสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นคุณจึงมักเห็นเด็กคนนี้สวมเอี๊ยมขาสั้นกับเสื้อเชิตหลากสีสันเดินไปเดินมาอยู่ตลอดศก สุดท้ายนี้ อีฟชอบใช้เช็ตบำรุงผิวพรรณและเส้นผมที่มีกลิ่นไปในโทนเดียวกัน ดังนั้นเมื่อคุณเข้ามาใกล้เธอสักหน่อย มันมักจะทำให้คุณได้กลิ่นเหมือนกับกลิ่นส้มอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูกอยู่เสมอ

    ถ้าให้เปรียบเปรยแล้ว เธอก็แค่สาวสามัญชนที่เหมาะกับบทตัวประกอบ
    แต่เชื่อเถอะว่ารอยยิ้มกับความสดใสระดับหัวไหม้ของเธอมันวิเศษกว่านั้นเยอะ
    - ขอแค่คุณได้ลองรู้จักกับเธอดีๆ แล้ว รับรองเลยว่าคุณจะตกหลุมรักรอยยิ้มนั้นอย่างแน่นอน -


    ลักษณะคำพูด ::

    "ถ้าคุณไม่อยากปวดหู คุณก็ไม่ควรอยู่ใกล้เธอเกินไป"

               มนุษย์บนโลกนี้มีระดับเสียงสูงสุดหยุดอยู่ที่กี่เดซิเบล? อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เผลอเอาหูเข้าใกล้จนเกินไป ผมรู้สึกเหมือนเสียงของเธอจะทำประสาทหูผมพังซะทุกที..ระดับเสียงของเธอดังขนาดที่ว่าต่อให้อยู่กันคนละฟากสนามกีฬาแห่งชาติ เธอก็สามารถตะโกนให้คุณได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำอยู่ดี มันเต็มไปเอเนจี ความสดใส กะตือรือร้น และกระแสความร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ที่ฟังแล้วต้องรู้ได้เลยว่าเจ้าของเสียงนี่จะต้องเป็นคนจำพวกพุ่งใส่ทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้แน่ๆ และในข้อเสียที่ทำให้อาจหูอื้อหากฟังติดต่อกันนานเกินไป คือพลังที่อัดแน่นที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกกะตือรือร้นไปด้วย อีฟค่อนข้างจะมีโทนเสียงที่เหวี่ยงไปมาตลอดเวลาตามอารมณ์อันสุดสวิงของเธอ แต่สิ่งที่เป็นปัญหานั่นคือการพูดจาที่ดูจะเสียดแทงจิตใจผู้ฟังได้เก่งอย่างเป็นธรรมชาติเหลือเกินนั่นต่างหากล่ะ
               ปัญหาของเธอไม่ใช่การพูดคำหยาบ อีฟแทนตัวว่าฉัน เรียกผู้อื่นว่าเธอหรือนาย บางครั้งก็เรียกเขาคุณตลอดสำหรับคนที่ไม่รู้จัก ถึงจะไม่มีหางเสียงก็เถอะ แน่นอนว่า ตามรูปประโยคของเธอยังฟังดูแล้วสุภาพอยู่บ้างในน้ำเสียง อย่างไรก็ตามผมว่าพ้อยท์หลักมันคือความปากแรงช่างจี้จุดของเธอมากกว่า..มันมีหลายครั้งมากเลยล่ะ ที่จะได้เห็นใครหลายคนหน้าเสียหรือโวยวายใส่เพราะปากสุดหฤหรรษ์แสนบันเทิงของเธอคนนี้

    }}ตัวอย่างประโยคสนทนา{{

    "hello, good moring teacher---เช้าๆ แบบนี้ก็ต้องถ่ายรูปกันสักหน่อย!" สำเนียงอเมริกันคล่องปรื๋อที่มาพร้อมกับน้ำเสียงดังสนั่นลั่นโลก ช่างเป็นการทักทายที่เป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน

    "ถ้าอีฟมันเรียกยากก็เรียกฟีน่าแล้วกัน ห๊ะ? อะไร? นั่นก็ยากอีกเหรอ!" ดวงตาโตเบิกกว้าง ก่อนทำสีหน้ายุ่งยากใจเป็นที่สุด "งั้นเธอเรียกฉันว่าคาร์เมนก็ได้!" แล้วก็ต้องถึงกับยกมือทิ้งหัว เมื่ออีกฝ่ายยังคงออกเสียงชื่อของเธอไม่ได้สักที..ผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นะว่าทำไมเธอไม่แนะนำชื่อญี่ปุ่นเธอไปให้มันจบๆ ไป..

    "นายคิดว่ามันเมคเซนส์แล้ว? เอาจริงดิ? เนี่ยอ่ะนะที่เรียกว่าโอเค" ทำหน้าสงสัยปนไม่เข้าใจสุดๆ สายตาจ้องมองงานที่เธอมอบหมายให้เพื่อนในกลุ่มไปรับผิดชอบ แน่นอนว่าคำวิจารณ์แบบนั้นมันค่อนข้างจะ..อ่า..เจ็บปวดนัก..

    "ไม่อ่ะ ฉันเกลียดของเย็น" ปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยเป็นที่สุดเมื่อถูกชวนให้ทานหรือทำอะไรสักอย่างที่เธอไม่ชอบ อีฟน่ะตรงไปตรงมากับความรู้สึกจะตายไป

    "อะแฮ่ม.." กระแอมเบาๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเหมือนจะโป๊ะกลาย ๆ.. "เอิ่ม..อ่า..เอาเป็นว่าก็ไปกินข้าวกันก่อน..ใช่! กินข้าว! เที่ยงแล้วนี่หว่า ไปกินข้าวกันดีกว่า!" ว่าเสร็จก็หอบข้าวของวิ่งไปเลย แต่เธอไม่ได้แค่เปลี่ยนเรื่องนะ..พอพูดถึงเรื่องของกินขึ้นมา อีฟก็ลืมเรื่องอื่นไปหมดแล้วล่ะ..

    "oh man, นายทำฉันใจเต้นรัวไปหมดแล้ว!" กล่าวพลางหัวเราะ แล้วตบไหล่เพื่อนของเธอป้าปๆ บริบทนี้ผมว่าอีฟหมายถึงว่าเธอชอบการกระทำของเขามากจนใจเต้นรัวเพราะความตื่นเต้น มากกว่าความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ นะ
     

    ส่วนสูง :: 150 ซม. 
     

    น้ำหนัก :: 37 กก.
     

    อาชีพ :: นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา ปี2
     

    วันเกิด :: 28 July
     

    ราศี :: กรกฎ
     

    กรุ๊ปเลือด :: B
     

    ลักษณะนิสัย ::
    " เจ้าชายกบ ผมเชื่อว่าหลายคนจะต้องเคยได้ยินชื่อนี้
    วันนี้ผมอยากเล่าถึงเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ เธอไม่ใช่กบที่สามารถกลับกลายเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงได้
    ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงเป็นเธอที่ราวกับจะสร้างโลกนี้ให้สว่างไสวด้วยความสุขไม่มีเปลี่ยน "

    ...............................................................

    " เธอเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงโตบนท้องฟ้า"

               สิ่งที่สามารถนิยามความหมายของหญิงสาวตัวเล็กคนนี้ได้ ผมคิดว่ามันคงไม่พ้นกับดวงอาทิตย์ดวงโต ศูนย์กลางแห่งจักรวาลที่แสนจะสำคัญ แต่บางที่ก็ดูจะสำคัญตัวผิดมากไปหน่อยเลยแผ่ความร้อนออกมามากเกินซะจนอยากขนคำด่าทั้งโคตรมาให้ นั่นแหละ อีฟเป็นผู้หญิงแบบนั้น เธอเหมือนกับดวงอาทิตย์ในเรื่องความสดใสแอฟทีฟ ความอารมณ์ดีที่ประดับใบหน้าไว้ด้วยรอยยิ้มกว้างยิงฟันตลอดเวลา ดวงตาซุกซนเหมือนกับเด็กน้อย เสียงใสๆ ที่ฟังแล้วก็บอกได้เลยว่าเจ้าของเสียงจะต้องเป็นคนที่มีความเริงร่าสดใสเป็นอย่างมาก หรือถ้าฟังบ่อยๆ ก็อาจจะเริ่มคิดไปว่าบางทีเจ้าของเสียงท่านนี้อาจจะเป็นไฮเปอร์ อีฟสดใส และ เธอร้อนแรงมาก แต่อย่างที่ผมบอก บางทีดวงอาทิตย์ดวงโตของเราก็ดูจะร้อนแรงเกินไป หลายๆ คนเลยนึกปวดประสาทกับเธอไม่น้อยเลยน่ะสิ..

    " เสียงที่ดังจนเหมือนโทรโข่งแตก "

               หลายๆ คนบอกว่า อีฟมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ทั้งระดับเดซิเบลที่สูงปรี๊ดจนบางทีก็อยากบอกให้เธอลดวอลลุ่มลงสักนิด หรือจะเป็นเรื่องของโทนเสียงที่ใครฟังแล้วก็รู้สึกกะตือรือร้นตามกันไปนั่นอีก เด็กคนนี้เหมือนกับเป็นแหล่งรวมทั้งข้อเสียและข้อดีเอาไว้ในตัวเธอได้อย่างน่าประหลาด เช่นเดัยวกับเรื่องเสียงที่ดังปรอทแตกของเธอ คุณอาจจะคิดว่ามันออกจะน่ารำคาญปวดแก้วหูไปบ้าง กับการที่เธอมักพูดเสียงดังๆ แล้วเน้นคำตลอดเวลา บวกกับการผสมผสานการพูดสำเนียงอเมริกันในรูปประโยคนั่นด้วย แต่เรื่องดีคือมันมาพร้อมกับพลังงานด้านบวกที่เปรียบเป็นแบตสำรองของใครหลายๆ คน แค่ฟังเสียงของอีฟ คุณก็จะรู้สึกเหมือนถูกปลุกไฟในตัวให้จุดขึ้นมาได้อีกครั้ง ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องของโทนเสียง แต่ยังหมายถึงวาทศิลป์และจังหวะในการพูด เห็นแบบนี้แล้วอีฟเป็นนักเจรจาที่ดีพอๆ กับการเป็นผู้นำที่ดีนั่นแหละ รูปร่างเธออาจจะไซส์หมากระเป๋า แต่เรื่องทักษะการชักนำและชักจูงผู้คนนี่บอกเลยว่าไททาเนียยังต้องร้องขอชีวิต!

    " เรื่องเล่นๆ ก็คือเรื่องเล่นๆ เรื่องจริงจังก็คืออะไรที่ต้องซีเรียส"

               ระดับความเป็นผู้นำในตัวที่สูงลิบแตะขอบฟ้า นำมาพร้อมความรับผิดชอบที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน รวมไปถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำอีกหลายอย่างที่ขนมารวมกันไว้ในตัวเธอแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ รักษาคำพูด ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือความซีเรียสที่สุดแสนจะจริงจังจนหนาวสันหลังวาบๆ ไปพร้อมกันในเวลาทำงาน! อีฟในร่าง ยายกบตัวแสบ กับ ท่านผู้นำกบสูงสุด ถือว่าแตกต่างกันประหนึ่งว่าเป็นคนละคน! เข้ากับประโยคที่ว่า แยกแยะเรื่องเล่นและเรื่องงานได้อย่างดีเยี่ยม เป็นที่สุด อีฟมักเป็นคนที่ติดเล่นติดสนุกอยู่เสมอ เธอมีความแก่นเซี้ยวที่พร้อมสนุกสนานไปกับทุกสถานการณ์ แต่พอถึงเวลางานแล้วกลับดึงสติตั้งมั่น ไม่มีล่อกแล่กทำทีเล่นทีจริงให้ใครเขาต้องหวั่นๆ ว่า โอ๊ย งานฉันจะล่มไหมต้องมาทำกับคนแบบนี้ อย่างแน่นอน รังสีความน่าเชื่อถือที่แผ่ออกมาจากสีหน้าจริงจังนั่นก็พอการันตีได้อีกอย่างว่าอีฟจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ถึงอย่างนั้นอีฟก็ยังเป็นอีฟนั่นแหละ เธอไม่ได้ซีเรียสหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลาอะไรหรอก บทจะยิงมุกตบมุกหยอกกันเล่นในกลุ่มให้มันมีสีสันในที่ทำงาน เธอก็ทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

    " อย่าคิดประชันฝีปากกับเธอคนนี้ "

               เขาว่าคนเป็นผู้นำต้องเด็ดขาดและกล้าพูด แต่น่าปวดหัวที่กบน้อยของเราดูจะล้ำหน้ากว่าคำว่ากล้าพูดไปนิดหน่อย..อาจจะแอบแตะคำว่าพูดไม่คิดนิดๆ อีกด้วย..แต่ความจริงแล้ว อีฟก็แค่พูดมันทุกอย่างในสิ่งที่คิดออกมาแบบไม่คิดถนอมน้ำใจชาวบ้านเขาก็แค่นั้น ผู้หญิงคนนี้โตมาในสังคมอเมริกัน นั่นทำให้เธอออกจะมีลักษณะการพูดจาที่เรียกได้ว่าตรงไปตรงมา แทงใจดำและจี้จุดสุดๆ อีฟไม่ค่อยชอบอ้อมค้อมหรือชักแม่น้ำทั้งห้าอะไร เธอรักจะยิงคำถาม หรือ พุ่งตรงเข้าหาประเด็นที่ต้องการเลยซะมากกว่า ซึ่งฝีปากของเธอคนนี้แสนจะเจ็บแสบดุเดือดเลือดพล่าน มิหนำซ้ำยังฟาดเปรี้ยงๆ กันระดับที่ว่าถ้านี่คือกระทะก็คงจะโดนทุบดั้งหักไปแล้ว นิสัยส่วนนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปเพราะมันติดตัวระดับที่เรียกได้ว่าแทบกลายเป็นกมลสันดานยากจะแก้ แต่คุณจะได้รับความสเปเชี่ยลนี้ในเวลาที่ได้ร่วมงานกับเธอเป็นพิเศษ อีฟมีสายตาที่เฉียบแหลม เธอเห็นจุดผิดพลาดกับสังเกตการณ์อะไรต่างๆ ได้ดีมาก พอเจอเข้าหน่อยก็ถามโต้งๆ กันเลยแบบไม่คิดเอาไปพูดแค่สองคนให้อีกฝ่ายหน้าม่านน้อยสุด หรือถ้าอีกฝ่ายเถียง เธอก็จะโต้กลับไป ประมาณว่าแบบ มั่นใจนะว่ามันใช่แบบที่นายพูดอ่ะ? จริงดิ? เอาอะไรมาตัดสิน ไหนเอกสารประกอบ ไหนใครสักคนที่นายบอกว่ามันจะเวิร์ค , Hey guys! it does not make sense!!

    " มาคุยกันก่อน "

               จัดได้ว่าเป็นมนุยค์ยุค4.0นิยมเจรจาทางฝีปากมากกว่าจะใช้กำลังบวกกันซึ่งหน้า ส่วนซึ่งหลังไว้ว่ากัน ทนไม่ไหวนับ1 2 3 แล้วเดินไปบวกก็ยังไม่สาย---ไม่ ไม่สิ ผมว่าเราไม่ควรนอกเรื่องกันไปไกล กลับมาที่ประเด็นความเป็นสาวนักเจรจาของอีฟสุดสวยของเราก่อน แม่สาวคนนี้ติดจะมีนิสัยที่ชอบการพูดคุยซึ่งหน้าเพื่อเคลียร์และปรึกษาพอสมควร เวลาที่เห็นใครทำท่าทีมีปัญหา หรือเกิดประเด็นต่อกัน เธอก็มักเดินเข้าไปคุยตรงๆ เลย อย่างที่บอกว่า อีฟไม่ถนัดอ้อมค้อม บางทีท่าทีของเธอก็เลยแอบดูหาเรื่องไปบ้าง แต่ด้วยไซส์หมากระเป๋า ก็เลยไม่ได้น่ากลัวไปกว่าชิวาว่ากระโดดเห่าเจ้าของเหย๋งๆ สักเท่าไหร่ แต่สีหน้าที่ค่อนข้างเอาเรื่องบวกกับฝีปากก็ถือว่าสร้างศัตรูได้ดีในแรกพบสบตา แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าลองคุยกันนานๆ หน่อย แล้วจับใจความให้ดี คุณจะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย เธอก็แค่อยากเคลียร์ๆ กันไป ให้ไม่ต้องมามีปัญหาค้างคาใจต่อกันเท่านั้นเอง อีฟค่อนข้างเซนซิทีฟกับสายตาคนอื่นนะ พอโดนมองเหมือนไม่ชอบก็แอบคิดหน้าเครียดเหมือนกันว่าแบบ เอ๊ะ ฉันไปทำอะไรไม่ดีไว้เหรอ?..สรุปได้อีกข้อว่า หล่อนไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าอะไรในตัวที่ทำให้คนอื่นเขาไม่ชอบ โดยเฉพาะเรื่องฝีปากอันร้ายกาจนี่ อีฟคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไป ผมถึงได้บอกไงว่ามันยากมากถ้าคุณคิดอยากจะแก้นิสัยใจคออะไรเธอน่ะ

    " ไวรัสความสุขที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ "

               ถึงจะปากร้ายยังไง ภาพลักษณ์ของเธอก็ยังเต็มไปด้วยความสดใสสนุกสนานอยู่ดี เคยมีคนบอกเอาไว้ อีฟมักมาพร้อมกับความสนุกสนานเสมอ เพราะเธอนั้นเเสนจะเบื่อหน่ายกับบรรยากาศอึมซือ ไม่กะตือรือร้น ฉะนั้นแล้วหญิงสาวถึงได้ชอบวิ่งแจ้นไปป่วนคนนู้นทีคนนี้ทีอยู่ตลอด ตอนแรกก็โดนด่าโดนว้ากกลับมาอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ ก็พากันหัวเราะตามท่าทีโอเวอร์แอคติ้งพวกนั้นไปซะได้ ผมว่าเธอเหมือนกับไวรัสนะ ไปที่ไหนก็ทำให้ที่นั่นมีเสียงหัวเราะขึ้นมาได้ตลอด อีฟมีเซ้นส์ในการสร้างบรรยากาศ เธอรู้จังหวะดีเลยทีเดียว ที่สำคัญ เธอยังเก่งเรื่องตบมุกยิงมุกสุดๆ ทุกคนมักจะหัวเราะไปกับมุกตลกของเธอ หรือบางที ท่าทีโดยธรรมชาติของเธอก็ช่างจะดูแสนน่าตลกจนต้องหัวเราะ แม้ว่าข้อหลังจะทำให้อีฟนึกโวยหน่อยๆ ว่าหัวเราะอะไรกัน แต่ทุกคนก็จะยิ่งหัวเราะกันหนักกว่าเดิมในท่าชิวาว่าแยกเขี้ยวของเธอ พอเห็นท่าทีมีความสุขกันแบบนั้น อีฟเลยได้แต่ถอนหายใจ เอาเป็นว่าเธอจะยอมเป็นตัวโจ๊กให้สัก (หลาย) วันก็เเล้วกัน

    " บางทีคนเราก็ต้องเนียนๆ ไหลๆ ไปบ้าง "

               คนเรารู้จักสำเร็จแค่ไหนก็รู้จักพลาดเท่านั้น ความพลาดที่อีฟไม่อยากจะให้อภัยตัวเองก็คือ บางครั้งเธอก็มักโป๊ะ เด๋อด๋าไปกับอะไรที่ไม่ควรจะเด๋อ จนได้รับสมญานามคนเด๋อแห่งชาติมาครองแบบสวยๆ ให้น้ำตาซึมท่วมอก แน่นอนว่ามันยังคงเป็นฉายาที่เจ้าตัวไม่ยอมรับ ปฏิเสธอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และตั้งท่าจะกินหัวคนที่มาว่าเธอเด๋อตลอดศก ซึ่งทุกคนจะมักพยายามบอกว่าอย่าปฏิเสธเลย ยังไงคนเด๋อมันก็เด๋อวันยันค่ำแหละน่า! ทว่าด้วยสกิลเนียนไหลลื่นที่บางทีก็โจ่งแจ้งจนชวนให้กลอกตามองบนของอีฟ ทำให้ไม่สามารถทำให้เธอจำยอมต่อหลักฐานได้สักที อีฟมักเปลี่ยนเรื่องไปมา ทำทีเหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้หลุดโป๊ะแตกออกมา แต่ทักษะด้านนี้ของเธอไม่ได้ดีนัก มันยังคงดูเก้กังและไม่เป็นธรรมชาติแบบขั้นสุด แต่ด้วยความหน้าด้าน (?) ของหล่อนเเล้ว ผมเชื่อว่ามันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยกับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมองรันไปหาเรื่องที่ชอบแล้วล่ะก็ รับรองว่าจากเปลี่ยนเรื่องเฉยๆ ก็จะทุ่มความสนใจให้เรื่องที่ชอบจนลืมใส่ใจความโป๊ะก่อนหน้านั้นไปเลยล่ะ

    " มีจุดยืนที่ชัดเจนยิ่งกว่าอะไร "

               คำว่าโลเลไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของ ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมน เธอคือผู้หญิงที่รู้ความชอบความต้องการของตัวเองดี และซื่อสัตย์ต่อมันยิ่งกว่าอะไร อีฟคนที่ผมรู้จักนั้น ไม่เคยยอมทำอะไรในสิ่งที่เธอไม่ชอบหรือไม่อยากจะทำเลย เธอเป็นคนหัวดื้อ และจะดื้อมากเมื่อมันเป็นอะไรที่ขั้นกว่าของคำว่าเฉยๆ หรือหมายความว่าเธอไม่ชอบมัน การฝืนทำอะไรสักอย่างสำหรับอีฟนั้น ค่อนข้างทำร้ายจิตใจสาวน้อยบอบบาง (เหรอ---) อย่างมากเลยทีเดียว เธอปฏิเสธหัวค้านชนฝาเสมอตอนที่ถูกใครสักคนบังคับให้ทำเรื่องที่ไม่ชอบ นับเป็นข้อเสียใหญ่ๆ ที่แก้ไม่หายสักที โชคยังดีอยู่บ้างที่ความไม่ชอบของเธอไม่ได้ครอบโลกเป็นสาวเอาแต่ใจอะไร อีฟก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับให้เธอกินของที่ไม่ชอบ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับให้เธอปั้นหน้ายิ้มทำเหมือนจะดีกับคนอื่น ทั้งที่ในใจโคตรเกลียด แล้วก็ไม่ชอบเวลาที่ถูกสั่งให้ขอโทษทั้งที่ไม่อยากขอโทษก็แค่นั้น อีฟค่อนข้างถือในศักดิ์ศรีมาก ผมเห็นเธอขอโทษแค่เฉพาะเวลาที่เธอทำผิดจริงๆ ขนาดเรื่องคำพูดของเธอ ถ้าเกิดเห็นว่ามันบานปลายเพราะเธอจริงๆ อีฟก็ขอโทษได้ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นกรณีที่เธอเถียงเพื่อปกป้องตัวเองแล้วดันโดนบอกว่าผิด นี่ล่ะที่อีฟจะไม่มีวันขอโทษอย่างแน่นอน

    " ของกินคืออะไร ของกินคือยาใจ เงินทองคืออะไร เงินทองคือชีวิต"

               ซื่อตรงต่อความต้องการของตนเอง นั่นรวมไปถึงความต้องการต่ออาหารและเงินทอง อีฟเป็นผู้หญิงที่กล้าจะปืนขึ้นไปอยู่บนเวที แล้วตะโกนดังๆ ว่า ฉันชอบเงินและรักจะทานข้าวห้ามื้อต่อวันที่สุดในโลกเลยค่ะ! ได้อย่างไม่คิดอายอะไรทั้งสิ้น อีฟเป็นผู้หญิงที่กินจุมาก เธอสามารถซัดข้าวเข้าปากได้ถึงห้ามื้อต่อวัน และมันไม่ใช่แค่มื้อเรียกน้ำย่อย แต่พร้อมสรรพด้วยเมนูหนักและเครื่องดื่มอย่างครบครัน และไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ขอเพียงแค่ได้อะไรมาซัดเข้าท้อง เธอก็เหมือนได้รับการฮีลลิ่งแบบพรวดพราดขึ้นมาทันที ทั้งนี้ของกินยังทำให้อีฟความจำเลอะๆ เลือนๆ ได้อีกต่างหาก เธอสามารถลืมงานสำคัญได้อย่างง่ายดายหากเจอของกินอร่อยๆ หรือหากตั้งมั่นไว้ว่าจะไม่ยอม แต่ถ้าโดนเอาของกินมาล่อ ไม่ช้าก็เร็วแม่คุณก็คงพลาดท่าตกหลงกลไปเป็นแน่..และผมว่าอาจเพราะสมัยเด็กเธอโตมากับเงินค่าจ้างของมารดาแบบเดือนชนเดือน เลยติดนิสัยขี้เหนียวขี้หนืด เห็นเงินไม่ได้ ตางี้เป็นประกายระยับ แถมยังมีทักษะการคำนวณที่เลิศเลอเพอร์เฟคเป็นอย่างมาก เพราะว่าเธอไม่ยอมให้คุณหรือใครก็ตามมาโกงเงินเด็ดขาด จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง เจ้าหนี้สายทวง ที่จิกเสียยิ่งกว่าไก่ แล้วถ้าคุณไม่อยากโดนชิวาว่ากระโดดเตะล่ะก็ กรุณาอย่าได้ไปทำเฉไฉไม่คิดยอมคืนเงิน หรือทำผลัดวันประกันพรุ่งกับเธอเชียว

    " นอกจากเรื่องเงินแล้วก็ผ่อนผันได้ไม่ว่าอะไร "

               ความซีเรียสในเรื่องคำสัญญาอะไรพวกนี้ อีฟไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่ เธอไม่ได้สนหรอกว่าคนมาสายชั่วโมงครึ่งเขาจะคิดอะไร หรือใครที่เบี้ยวนัดมันทุกรอบจะทำบ้าอะไรอยู่กันแน่ อีฟค่อนข้างปล่อยวางง่ายนะเมื่อเป็นเรื่องของคนอื่น คุณเคยคนจำพวกที่แบบ อ้าว แผนนี้ไม่ได้เหรอ โอเค ไปแผนใหม่กัน อะไรแบบนี้ไหม? อีฟเป็นแบบนั้นเลยล่ะ นอกจากเรื่องงานกับเรื่องเงิน เธอก็ดูจะชิวๆ ได้กับทุกอย่างบนโลก ระบบความคิดของอีฟมักคิดไปว่า ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้ก็ทำอย่างอื่นไปก่อนก็ได้ เพราะเป็นคนขี้เบื่อ อีฟเลยชอบสรรหาอะไรมาทำตลอดเวลา วันๆ หนึ่งของเธอจะต้องไม่จบกับการนั่งจมง่าวอยู่หน้าคอมพ์ หรือนอนเอนเขนกเหยียดแข้งขาไม่ทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยที่สุดมันก็ต้องมีเรื่องอะไรให้เอาไปเขียนไดอารี่บ้างล่ะนะ แต่คุณรู้อะไรไหม? ความชิวของอีฟมันเป็นอะไรที่สุดโต้งเอาเรื่องเลยล่ะ เพราะนอกจากจะชิวกับตัวเอง เธอยังคิดว่าคนอื่นก็ชิวพอกันอีกต่างหาก หรือ ถ้าให้อธิบาย มันก็หมายความว่าเธอสามารถช่างมันได้เมื่อคุณมาตามนัดไม่ได้แล้ว แต่ในทางเดียวกัน ถ้าคุณสายจนเกินไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เมื่ออีฟเห็นว่านานเกินจะมานั่งเสียเวลารอแล้ว เธอก็จะกลับบ้านหรือไปหาอย่างอื่นทำทันทีโดยไม่คิดสำนึกผิดแต่อย่างใด หรือบางทีเธอก็อาจไปหาอะไรทำแก้เบื่อก่อนระหว่างนั้น เป็นเหตุให้ชอบพลัดหลงกับคนที่นัดไว้ด้วยอยู่บ่อย ๆ..เอาเป็นว่าผมขอสรุปให้เลยแล้วกัน ถ้าไม่อยากปวดประสาทกับการวาร์ปไปวาร์ปมา และสีหน้าไม่สนโลกของอีฟ คุณนัดอะไรเธอไว้ก็ควรจะตรงตามเวลาและไปตามนัดเสมอนะ

    " คนจริงไม่มีกั๊ก "

               พูดจริงและทำจริง อุปนิสัยที่นานทีจะได้เห็นเพราะส่วนมากอีฟก็ไม่ได้จริงจังซีเรียสอะไรกับชีวิตตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ต้องรับรู้ไว้ก่อนว่าเธอค่อนข้างหนักแน่นต่อคำพูดของเธอมาก อย่าง ถ้าเธอบอกว่าจะเอาเกรดA+ให้ได้หมดทุกวิชา อีฟก็สรรหาวิธีการพาตัวเองไปถึงในจุดนั้นให้ได้ หรือตัวอย่างอื่นก็คือ ถ้าคุณไม่คืนเงินเธอ เธอจะไปทวงยันบ้านยันพ่อแม่ครอบครัว หลายคนชอบคิดว่าเธอพูดเล่น แต่ขอโทษด้วยที่รัก หล่อนเอาจริงสุดๆ บางทีเย็นวันนั้นคุณอาจเจอเธอนั่งทานข้าวกับพ่อแม่คุณอยู่ในบ้าน หันมายิ้มหวานแล้วโบกเงินสวยๆ อยู่ในมือ พร้อมกับนั่งฟังคุณโดนสวดอย่างสบายใจเฉิบเลยก็ได้..อย่าไปลองดีท้าทายอะไรกับเธอมากนักเลย ผู้หญิงคนนี้มันตำรา พริกขี้หนู จิ๋วแต่แจ๋ว สุดๆ เลยล่ะ อีกอย่าง อีฟค่อนข้างจะมีนิสัยที่อยากเอาชนะอยู่ตลอดเลยด้วย เธอไม่ชอบโดนข่ม และเธอก็ไม่ชอบให้ใครมาทำทีเป็นผู้ชนะต่อหน้าเธอ เห็นแล้วล่ะคันปากยุบยิบตลอดศก และหนทางเดียวที่เธอเคยบอกหลายๆ คนไว้ว่าจะแก้ปัญหาในจุดนั้นได้ง่ายที่สุด (ในสายตาเธอ) ก็คือการเป็นผู้ชนะซะเอง นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่เธอมักประสบความสำเร็จอยู่ตลอดยังไงล่ะ

    " เสียงโครมครามอึกกะทึกนั่นไม่ใช่เสียงอุกบาตตกแต่อย่างใด "

               มีทักษะความสามารถพิเศษอยู่หนึ่งอย่างนั่นคือ ไม่ว่าจะที่ไหน เธอก็สามารถสะดุดล้มทิ่มหน้าคว่ำ หรือซุ่มซ่ามพาลพาของตกแตกแหกพังได้ตลอดศก (..) ไม่ทราบว่าด้วยความเร่งรีบตลอดเวลาของอีฟ หรือเป็นแค่เธอเองที่ดวงซวยแต่กำเนิด (และผมขอโหวตขอสอง เพราะถ้าคุณได้ฟังเรื่องราวของเธอ คุณจะต้องอุทานออกมาว่า หล่อนนี่มันซวยชะมัดเลยที่รัก แน่ ๆ) อีฟติดนิสัยซุ่มซ่ามโดยธรรมชาติ มันทำให้เธอมักเกิดการขัดข้องทางการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่ขยับเขยื้อนร่างกาย อย่างตอนหมุนตัว หรือ ออกวิ่ง คุณก็อาจได้ยินเสียงโครมจากการล้ม มิหนำซ้ำข้อพิเศษคือความซวยระคนซุ่มซ่ามของอีฟคือระบบลูกโซ่ นอกจากตัวเองจะล้ม มือที่แสนไวยังอาจคว้าเกี่ยวชาวบ้านเขาให้ล้มตามกันมาทั้งแถบ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นไวรัสความสุขแล้ว ยังเป็นไวรัสความซวยอีกด้วย อนึ่ง อีฟถือคติชีพวาย งานต้องรอด ต่อให้ตัวเองต้องเอาในหน้าทิ่มพื้นแบบมุมหกสิบองศาทะยานไปร้อยแปดสิบ อีฟก็ขอสาบานว่าชิ้นงานบริเวณนั้นหรือในมือเธอจะต้องรอดปลอดภัยส่งถึงมืออาจารย์ให้จงได้----

    " บางทีก็ทำให้คนอื่นปวดประสาทได้เก่งเหลือเกิน "

               ไม่นับนิสัยพื้นฐานที่คนฟังกึ่งอยากยกมือลูบหน้ากึ่งอยากหัวเราะด้วยความเอ็นดูเเล้ว อีฟยังเป็นมนุษย์มนาที่ค่อนข้างล่อลวงอวัยวะส่วนล่างได้เก่งมาก ความแก่นเซี้ยวของเธอเเสดงออกได้จากการที่ชอบวิ่งไปป่วนชาวบ้านเขาที หยอกคนนี้ที สื่อถึงนิสัยแบบเด็กๆ ที่ยังไม่หายไปไหนแม้อายุจะเริ่มเข้าเลขสองแล้ว อีฟชอบแกล้งคน และผมกล้าบอกเลยว่ามันเป็นการแกล้งที่เรียกได้ว่าบรรเจิดจนอยากจะสบถเลยล่ะ บวกกับโอเวอร์แอคติ้ง แล้วก็เสียงหัวเราะอันกึกก้องที่ปิดท้าย ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ คนถึงอยากจะเอารองเท้าปาไล่แม่สาวไซส์หมากระเป๋าคนนี้ พอๆ กับที่นึกเอ็นดูอยากโอ๋เธอเหมือนกับน้องสาว แต่อีฟก็ยังรู้จักขอบเขตอยู่บ้าง ผมดีใจที่เธอไม่แสบจนถึงขั้นกลายเป็นเด็ก (ผู้ใหญ่) เกรียนนะ..แล้วก็ นอกจากจะเป็นสายแกล้งเเล้ว เธอยังเป็นคนที่แกล้งได้สนุกสุดๆ อีกด้วย เพราะตอนเด็กคนนี้ทำหน้าบึ้งตึงหรือน้ำตาซึม มันเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกบันเทิงจิตมากเลยล่ะ

    " คุณเคยเห็นคนที่หัวเราะเพราะเห็นแมวเดินผ่านรึเปล่า? "

               มนุษย์เส้นพิลึก (?) แห่งปีก็คือเธอคนนี้ ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมนผู้หัวเราะได้แม้กระทั่งตอนเห็นแมวเดินผ่าน อีฟเป็นคนที่เดี๋ยวก็เส้นตื้นเดี๋ยวก็เส้นลึก---เอ่อ ผมหมายถึง..ประมาณว่าเป็นคนที่บางทีก็หัวเราะกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนดูเหมือนคนบ้า แต่บางทีก็ไม่เก็ทมุกแถมยังขมวดคิ้วทำสายตาประมาณอยากจะถามว่า จริงจังป่ะ? ใส่คนเล่น..อะไรแบบนั้น..นั่นแหละ อีฟคือคนแบบนั้น หลายครั้งที่ผมได้ยินคนบ่นกับรสนิยมในความตลกที่เข้าใจไม่ได้เลยของอีฟจากเพื่อนฝูงของเธอ อีฟชอบหัวเราะกับอะไรที่คนอื่นเขาไม่หัวเราะ อย่างเห็นแมวเดินผ่าน หรือ ใบไม้ร่วง เธอก็ดันหัวเราะออกมาซะดื้อๆ จนบางทีผมเองยังอยากถามว่า ไหวไหม? กับเธออยู่เหมือนกัน..แต่เมื่อลองถามดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วแค่ระบบความคิดของอีฟค่อนข้างมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วไปสักหน่อย ตอนที่เห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น สมองเธอมักจินตนาการอะไรที่ตลกโปกฮาแล้วขำพรวดออกมาซะดื้อๆ เช่นเดียวกับตอนที่นั่งคิดอะไรสักอย่าง บางทีมุกตลกก็ชอบแทรกเข้ามาในหัว แล้วเธอก็ขำพรวดออกมาเลยทั้งที่บางทีสถานการณ์เขาโคตรจะซีเรียส..อ่า..ชักเริ่มสงสัยเเล้วล่ะสิว่าเด็กคนนี้เอาชีวิตรอดมาได้ยังไงตั้งยี่สิบปี..

    " ภาพลักษณ์ไม่ใช่ทุกอย่างหรอก แต่ทุกคนก็มองหน้าตาก่อนจะฟังเสียงเธอตลอดเลยนี่ "

               เคยมีคนสักคนบอกว่าอีฟนั้นคือกบ---ใช่ กบตัวสีเขียว หน้าตาน่าเกลียดที่ไม่ได้ดูวิเศษวิโสอะไรนั่น (แต่ในความหมายของคนพูดก็แค่จะสื่อว่าไม่ได้สวย แต่เป็นกบตัวสีเขียวที่น่ารักของพวกเขา) เหตุเพราะมาจากหน้าตาของเธอที่ค่อนข้างไปทางธรรมดา ทำให้เกิดสมญานามนี้ขึ้นในกลุ่มเพื่อน แน่นอนว่าคนพูดก็แค่พูดไปอย่างนั้น ล้อเล่นนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แต่คนฟังนี่สิมันฝังใจ อีฟกลายเป็นคนคิดมากเรื่องหน้าตาไปเลยช่วงนั้น ผมอยากจะบอกเธอนะว่า หน้าตามันไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะยายหนูน้อย..แต่น่าเศร้า ผู้คนสมัยนี้ไม่ค่อยอยากจะสนับสนุนคำพูดของผมเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้งต่อสายผมเองและสายตาของอีฟ ผู้คนก็มักจะเลือกตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอกก่อนเสมอ หลายรอบผมได้ยินคำสวยหรูว่า เปล่านะ ฉันมองเขาจากจิตใจต่างหาก แต่ขอโทษเถอะครับ กล้าสาบานไหมล่ะว่าถ้าคุณเจอขอทานสกปรกตัวเหม็น แวบหนึ่งในใจคุณจะไม่คิดชะงักแล้วอยากสาวเท้าหลบให้ไกลน่ะ? มันก็แบบนี้แหละสังคมคนเรา ระบบความเชื่อของอีฟก็ไม่ต่างกันนัก มันเป็นอะไรที่ฝังหัว ดังนั้นเธอจึงจริงจังกับการแต่งหน้า ทำผม เลือกเสื้อผ้า พยายามให้ตัวเองดูดีเข้าไว้ และมักกรีดร้องลั่นโลกตลอดเมื่อเจอถูกคนอื่นพบเจอในสภาพที่เรียกว่าโคตรจะบัดซบประหนึ่งซอมบี้ก็ไม่ปาน

    " หน้าสด ผมไม่รีด ผ้าไม่เปลี่ยนออกจากบ้าน = ประหาร "

               สิ่งที่เกลียดที่สุดในสามโลกก็คือการที่คนรู้จักมาเจอกับเธอในภาพลักษณ์สุดย่ำแย่ อีฟคิดว่าตัวเองนั้นแต่เดิมก็ไม่สวยอยู่เเล้ว พอยิ่งอยู่ในสภาพป่วยๆ เธอเลยยิ่งกังวลหนักขึ้นไปอีก เด็กคนนี้ไม่มีความมั่นใจในภาพลักษณ์แบบฉบับออริจินัลของตัวเองเลย เธอชอบที่จะแต่งเติมขีดเขียนเพื่อเสริมความมั่นใจด้วยเครื่องสำอางค์ ซึ่งนั่นมันไม่ผิด และผมคิดว่าใครเขาก็เป็นกันทั้งนั้นนั่นแหละ..ปัญหามันอยู่ที่ว่าอีฟจริงจังกับมันเกินไป ถึงขนาดที่ว่าถ้าช่วงไหนโหมปั่นงานแบบโต้รุ่งข้ามวันข้ามคืน เธอจะไม่ยอมออกจากห้องเด็ดขาด หรืออย่างน้อย ถ้าจะออกไปก็ขอปาดทินท์ตบแป้งให้มันดูเป็นคนขึ้นมาซะหน่อยก่อนเถอะ เรื่องนี้ส่งผลกระทบไปยันในช่วงเวลาที่เธอป่วย อีฟมักไม่บอกใครเวลาตัวเองมีไข้หรือรู้สึกแย่ สิ่งที่เธอทำมักเป็นการขอตัวออกไปพักเงียบๆ แล้วกลับมาอีกครั้งในสภาพสมบูรณ์พร้อมซะมากกว่า เพราะเธอเกลียดหน้าตาขาวซีดปากแห้งแตกตอนป่วยมากๆ และเธอก็ไม่อยากจะให้ใครเห็นมันด้วย พูดมาจนถึงขนาดนี้ ผมก็คิดว่าคุณคงเข้าใจเเล้วว่าเด็กคนนี้ฝังใจกับเรื่องหน้าตาขนาดไหน..

    " บางสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้ "

               อีฟคือมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่มีความอิจฉาอยู่ในตัวพอกันกับความสุขสรรค์ แต่มันไม่ใช่ความอิจฉาที่รุนแรงอะไรเลยหากมันไม่ใช่เรื่องของ ความสูง นอกจากจะไม่มั่นใจในหน้าตาตัวเองแล้ว อีฟยังเกลียดชังส่วนสูงอันม่อต้อเป็นหลักกิโลของเธอเป็นอย่างมาก เธอมักกระดกนมเป็นลิตรอยู่ทุกวันเพราะหวังว่าตัวเองจะสูงขึ้นบ้าง แต่..น่าสงสาร ส่วนสูงเธอมันตายไปตั้งแต่ตอนที่เธออายุสิบสามแล้ว จริงๆ แล้วก็เพราะกรรมพันธุ์ที่ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างเป็นคนตัวเล็กด้วย ลูกสาวก็เลยออกมาเป็นไซส์หมากระเป๋าแบบนี้ แต่ให้ตายยังไง เธอก็ยังไม่อยากจะยอมรับอยู่ดีว่าตัวเองจะไม่สูงขึ้นอีกแล้ว อีฟพยายามป่าวประกาศเสมอว่า ฉันจะสูง พอๆ กับที่สะบัดผมแล้วบอกว่า ฉันสวย ในทุกวัน (ที่ได้แต่งหน้า) นั่นแหละ เธอหลอกตัวเองเก่งนะ มันเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องเสียๆ คนเราก็ควรยอมรับข้อด้อยตัวเองแต่บางทีการหลอกตัวเองก็ดูจะทำให้ชีวิตแฮปปี้มากซะกว่า แถมกรณีของอีฟมันยังเหมือนเป็นpositive thinkingซะมากกว่าด้วย อย่างน้อยที่สุด มันก็ทำให้อีฟมีความสุขไปกับจินตนาการในส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบของเธอได้บ้างนั่นแหละ แต่รู้อะไรไหม..จินตนาการจะพังถ้ามันถูกความจริงตีแสกหน้า ดังนั้นแล้วการต้องไปยืนใกล้ๆ คนตัวสูง หรือเห็นใครที่สูงกว่า170ซม.ขึ้นไปไม่ว่าจะทั้งชายและหญิง อีฟจะกรีดร้อง (ในใจ) แล้วสาบานกับตนทันทีว่าจะไม่ขอเข้าใกล้อีกคนๆ นั้นให้มันช้ำตรมในอกเล่นอย่างแน่นอน

    " ชีวิตของเธอไม่ได้ล่องลอยเหมือนปุยนุ่น "

               มีผู้คนมากมายในวัยเดียวกันกับเธอที่ชอบคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรไป เพราะเรายังมีเวลาอีกเยอะในชีวิต แต่มันไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้ การที่ได้เฝ้าดูเธอ ทำให้ผมได้รู้ว่าการที่อีฟแอฟทีคตัวเองและพยายามกะตือรือร้น ขวนขวายจะทำสิ่งต่างๆ ตลอดเวลามันไม่ใช่ว่าเพราะเธออยู่สุขไม่ได้ หรือเกลียดความน่าเบื่อเท่านั้น แต่มันหมายถึงการพยายามวางรากฐานอนาคตให้ตัวเองอีกด้วย คุณเชื่อไหมว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่มองการณ์ไกลขนาดไหน? ในตอนที่ไม่รู้ว่าชอบอะไร อีฟก็พยายามทำหลายๆ อย่างเพื่อตามหาทางในฝันของเธอ และเมื่อเจอมันเเล้ว หญิงสาวก็พยายามไล่ตามและพาตัวเองไปหาจุดสูงสุดในเส้นทางนั้นอย่างสุดความสามารถ เธอไม่ได้มีความคิดแค่ว่า เรียนเพื่อให้จบ สอบเพื่อให้ผ่าน หรือทำงานเพื่อให้ได้เงิน อีฟสร้างเป้าหมายให้แก่ตัวเอง และบางทีมันก็ดูเป็นอะไรที่ใหญ่เกินตัวไปซะหน่อย..แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยที่สุดอีฟก็มีความพยายามและความอดทนที่สูงมากอย่างน่าชื่นชม การไต่ขั้นบันไดไปทีละขั้น เก็บกวาดประสบการณ์ และเสาะหาเส้นทางที่ดียิ่งขึ้นไปอีกทีละนิด ทีละนิดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย ไฟในตัวของเด็กคนนี้มันลุกโชนเจิดจรัสยิ่งกว่าใครๆ และถ้าคุณคิดว่าจะดับมันลงได้ ผมก็คงต้องขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วยอย่างสุดซึ้งจริง ๆ 

    ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมน คือกบที่ไม่สามารถกลับกลายเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงได้
    - แต่ด้วยเธอที่เป็นเธอ มันจะทำให้เจ้ากบน้อยเจิดจรัสยิ่งกว่าเจ้าหญิงองค์ไหนซะอีก - 


    ประวัติส่วนตัว ::

    " ก่อนที่นิทานเรื่องนี้จะเริ่มขึ้น ผมอยากจะบอกอะไรคุณสักหน่อย
    ที่นี่ไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาว เราไม่มีเด็กสาวพรหมจรรย์บนหอคอยงาช้าง
    เพราะเด็กสาวคนนี้ ก็เป็นเพียงกบน้อยธรรมดาที่เติบโตมากับเม็ดทราย - "

    [ chapter 1 - ฉันถูกพ่อมดร้ายร่ายคำสาปให้กลายเป็นกบ ]

               ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่ทุกคนมักจะมองมาที่ ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมน ด้วยสายตาแปลก ๆ
               เพราะพวกเขาบอกว่าเธอคือกบที่ถูกสาบ


               วันนั้นเป็นที่ฝนตก
               มีกลิ่นชื้นอ่อนๆ ลอยมากับสายลม บรรยากาศเย็นสบายและน่านอน ทุกอย่างเพอร์เฟค สมบูรณ์พร้อมด้วยองค์ประกอบแห่งการงีบหลับช่วงคาบพักกลางวัน
               ยกเว้นก็แต่ไอ้บ้าบางตัว..
               "Hey, Mr.frog! Don't eat luch?"
               เสียงทักทายที่ฟังดูอารมณ์ดีดังมาจากเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เจ้าของเส้นผมสีม่วงลาเวนเดอร์ เด็กหญิงตัวน้อยไซส์หมากระเป๋าถึงกับงัดหัวขึ้นมาจากโต๊ะ หยิบกระเป๋าดินสอลายมูมินสุดที่รักปาใส่แล้วเสียงว้ากลั่นอย่างไว
               "ใครเป็นกบไม่ทราบ! อีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงย่ะ ไอ้บ้า!!"
               น่าเสียดายที่กระเป๋ามูมินของเธอดันถูกอีกฝ่ายรับได้อย่างสวยงามเสีย..
               แถมเสียงหัวเราะร่าแบบนั้น ก็โคตรจะปั่นประสาทเลย ให้ตายเถอะ


               ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมนเป็นเด็กสาวร่างเล็กหน้าตาออกโทนน่ารักแบบบ้านๆ รูปร่างของเธอนั้น หากได้ลองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนผู้ชายในห้องสักคนแล้ว ก็ไม่ค่อยต่างอะไรจากเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลสักเท่าไหร่
               นั่นจึงทำให้เธอมักตกเป็นทาร์เก็ตของเหล่านักเรียนชายผู้แสบสันเสมอ

               "Mr.frog ไปเล่นกันเถอะะ"
              "ขาใหญ่หมดเเล้วMr.frog ออกไปวิ่งกับพวกเราเร็ว"
              "หน้าก็ไม่สวยเเล้ว ถ้าเอาแต่นอนหุ่นจะไม่ดีด้วยนา"

              ก็แบบเนี้ย
              เอาแต่พูดกันเเบบเนี้ย
              แล้วไอ้ง่าวตัวไหนมันจะอยากเล่นกับพวกแกไม่ทราบห๊ะ!?
              สิ่งที่หงุดหงิดที่สุดของเด็กผู้หญิงวัยสิบสามจะเป็นอะไรได้บ้าง? บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องไม่ได้ใส่ชุดนอนสวยๆ ไม่ได้เกาะกลุ่มเล่นกับเพื่อน หรืออาจจะเพราะรักแรกวัยแก่แดดนั้นทำเธออกหักดังเป๊าะ
              อย่างไรก็ตาม ถ้าถามอีฟแล้วล่ะก็ เธอกล้าตอบเลยว่าไอ้พวกบ้านี่นี่แหละที่น่าหงุดหงิดที่สุด..

              อีฟย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อตอนสามขวบ..เพราะอะไร? เรื่องนั้นเธอไม่รู้หรอก
              แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เด็กหญิงก็อยากวิ่งไปขอให้แม่พาเธอกลับญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน

              "Mr.forgggg"
              "ว้อยย!! ก็บอกว่าไม่ใช่กบ! แล้วก็ไม่ใช่ผู้ชายด้วย!!"

              อย่างน้อยชีวิตคงไม่ต้องเผชิญมารผจญแบบไอ้บ้าพวกนี้..ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้น อีฟมั่นใจว่าตัวเองจะมีความสุขมากกว่านี้แน่นอน มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหลุดพ้นจากมารร้ายสองตัวนี้แล้วล่ะ!!


              "Hey honey, what's wrong?"
              เสียงหวานๆ ดังรับทันทีตั้งแต่เปิดประตูบ้านเข้ามา อีฟเงยหน้ามองหญิงสาวร่างเล็ก หน้าตาสะสวยกับเรือนผมสีทองสว่างและดวงตาสีฟ้าซีด เธอฉีกยิ้มกว้างก่อนสวมกอดอีกฝ่ายแน่น
              "nothing ,mon"
              ใช่ ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเธอเอง..
              เป็นผู้หญิงที่ทั้งเข้มแข็ง น่ารัก และใจดีที่สุดเท่าที่บนโลกนี้จะมีได้
              หญิงสาวเป็นคนเชื้อชาติอเมริกา หล่อนแต่งงานกับสามีและหย่าร้างกันไปในตอนที่ตั้งท้องอีฟได้เจ็ดเดือน แต่อีฟไม่เคยกล่าวโทษว่าเป็นเพราะหล่อนที่ทำให้เด็กสาวไม่มีพ่อ
              ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานพวกนั้น ทุกเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอีกต่อไป
              อีฟไม่สนว่าทำไมแม่ถึงเลือกแบบนั้น อีฟไม่สนว่าพ่อของเธอจะเป็นใคร
              อย่างเดียวที่อีฟอยากจะแคร์ก็มีแค่ว่าวันนี้แม่ของเธอมีความสุขรึเปล่า จะได้ทานข้าวเย็น กอดกันให้ชื่นใจ แล้วหลับไปบนเตียงนอนนุ่มๆ เหมือนกับทุกวันใช่รึเปล่า

              เรย์ล่า คาร์เมนทั้งสวยแล้วก็เก่ง
              เธอเหมือนกับมีเวทย์มนตร์ เพราะเธอสามารถบันดาลเนรมิตรอาหารแสนอร่อย กับบ้านแสนสวยขนาดพอเหมาะสำหรับสองแม่ลูกขึ้นมาได้ ด้วยของราคาประหยัดที่เข้ากับฐานะบ้านเรา
              และที่สำคัญ เวทย์มนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอก็คือการที่เธอสามารถสร้างรอยยิ้มให้คนๆ หนึ่งได้เสมอ

              "พวกบ้านั่นบอกว่าหนูเป็นกบอีกแล้ว"
              วันหนึ่งอีฟเอ่ยขึ้น นอนหนุนอยู่บนตักของมารดา
              "เขาอาจจะหมายถึงเจ้าชายกบก็ได้" ผู้เป็นแม่กล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ "เจ้าชายที่แสนเก่งกาจ ร่ำรวย และหล่อเหลา แต่เขาโชคร้ายถูกพ่อมดสาปให้กลายเป็นกบ ถึงอย่างนั้นในตอนจบ เขาก็ได้พบกับรักแท้และได้กลับมาใช้ชีวิตสามัญเช่นเดิมกับคนรัก"
              "แต่หนูเป็นผู้หญิง.."
              แล้วแม่ก็หัวเราะ ส่ายหัวอย่างเอ็นดูกับคำตอบของเธอ ก่อนจะกดจูบลงบนขมับ พาเธอขึ้นนอนแล้วปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เด็กหญิงเบิกตามองเพดานในความมืดต่อไปตามลำพัง

              เธอคือกบ
              แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่เจ้าชาย
              เพราะเธอไม่สวย เพราะเธอไม่ได้ตัวสูงเหมือนคนอื่น
              สิ่งที่ฟิโอน่า อีฟ คาร์เมนเป็นได้ก็มีแค่กบหน้าโง่ ที่ถูกคนอื่นเขาล้อใส่ก็เท่านั้น

              ดวงตากลมโตชื้นซึมด้วยหยาดน้ำสีใส อีฟห่อตัวเข้าไปในผ้าห่ม เอ่ยพึมพำถึงสองแสบที่แสนจะน่ารำคาญ
              "ไอ้พวกบ้านิสัยไม่ดี.."
              สักวันเธอจะต้องเอากระทะไปฟาดหน้าพวกมันให้ได้เลย..

    [ chapter 2 - จุมพิตของฉันไม่สามารถปลุกใครให้ตื่นขึ้นได้ ]

              ในเช้าที่ควรจะสดใสเหมือนกับทุกที อีฟตื่นขึ้นมารับกับรุ่งอรุณ ตอนนั้นเมฆปิดครึ้ม มองแทบไม่เห็นแสงอาทิตย์แต่สายลมกลับนิ่งสงบ มันทำให้เธอนึกลัว
              แต่สิ่งที่กลัวยิ่งกว่าก็คือความเงียบที่กลืนไปทั่วทั้งบ้าน..
              ปกติแล้วเรย์ล่ามักตื่นขึ้นมาก่อนเธอ ส่งเสียงกุกกักอยู่ในครัว และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารเช้าลอยมายั่วน้ำลายสอตลอด แต่วันนี้ มันกลับไม่มีอะไรแบบนั้น
              แม่ไม่ได้อยู่ในครัว
              ไม่ใช่ในสวน ไม่ใช่ในห้องน้ำ และก็ไม่ใช่ในห้องนอนของเธอ
              "mom?"
              เด็กสาวส่งเสียงเรียก ย่ำเดินไปตามทางด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
              มีบางอย่างแปลก ๆ..


              ก๊อก ๆๆๆ
              "อีธาน! เปิดประตูหน่อย!"
              มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่อีฟตัดสินใจเคาะบ้านศัตรูตัวร้ายของเธอก่อน
              เขาเปิดประตูออกมาหลังจากนั้นไปอีกไม่กี่นาที สภาพหัวยุ่งฟู หน้าตางัวเงียแบบคนเพิ่งตื่น แล้วก็ได้ตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอีฟยืนสะอื้นอยู่หน้าบ้านตอนหกโมงกว่าแบบนี้
              "Wow wow..Mr.frog clam down pls. what's going on?"
              อีฟพยายามปาดน้ำตาออกจากหน้า ควบคุมเสียงของเธอไม่ให้สั่น "ฉันหาแม่ไม่เจอ" เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้
              "ไปทำงานรึเปล่า"
              "วันนี้แม่บอกว่าแม่หยุด..มันเป็นวันเกิดฉัน"
              โอลิเวอร์นิ่งไป เขาบอกให้เธอรอยู่หน้าบ้าน วิ่งหายขึ้นไปก่อนกับมาพร้อมเสียงโครมครามเเละชุดใหม่กับสภาพหัวที่เซ็ตเสร็จไปแค่ครึ่งเดียว
              "ไป ฉันพร้อมแล้ว"
              เด็กสาวทำหน้างง "ไปไหน"
              "ถามอะไรโง่ๆ อีกแล้ว ก็ต้องไปหาแม่เธออยู่แล้วสิ "
              อีฟอยากจะด่าเขาว่านี่มันไม่ใช่เวลามาเล่น แต่สายตาของโอลิเวอร์ก็บอกได้ว่าเขาไม่ได้เล่น
              ทั้งคู่ออกจากบ้านไปในตอนหกโมงครึ่ง ลากสเวนลงมาจากเตียง แล้วเริ่มออกไปตามหาเรย์ล่าที่หายไป ทว่า..แม้ว่าตะวันจะเคลื่อนใกล้ลับดินแล้ว อีฟก็ยังไม่พบกับแม่ของเธอ..

              "บางทีคุณน้าอาจจะไปทำธุระอยู่ก็ได้"
              สเวนพยายามพูดปลอบใจ เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่พอเห็นอีฟเอาแต่นั่งร้องไห้มาสักพัก เขาก็ทนนั่งเงียบใบ้กินต่อไม่ได้ ในขณะที่อีธานไม่อยู่ เด็กหนุ่มออกไปลองตามหาเรย์ล่าอีกรอบตามโบสถ์กับร้านค้า รายนั้นคงหนักกว่าเขา เพราะทนน้ำตาเด็กผู้หญิงไม่ได้สักเท่าไหร่..
              "แต่นี่มันจะมืดแล้ว.." อีฟเอ่ยเสียงเครือ เธอจะไม่เป็นแบบนี้เลยถ้าเธอไม่ได้รู้จักแม่ของเธอ
              ท่านเป็นคนรักษาสัญญามาก
              ไม่มีทางเลยที่ท่านจะหายหน้าหายตาไปโดยไม่บอกกล่าวในวันเกิดเธอแบบนี้
              "อีฟ!!"
              เสียงตะโกนลั่น ดึงสติทุกคนให้โจนขึ้นสูง ทั้งเธอทั้งสเวนพากันสะดุ้งเลิ่กลั่กกับเสียงคุ้นๆ แต่คำเรียกกลับต่างออกไป อีธานกลับมาแล้ว เขามาพร้อมเหงื่อที่โชกหน้าและเเววตาตื่นตระหนก
              วินาทีนั้นหัวใจของอีฟเต้นช้าลง
              "คุณน้าอยู่โรงพยาบาล รีบไปเร็วเข้า!"
              และมันก็เหมือนจะหยุดเต้นไปจริงๆ ตอนที่ได้ยินเสียงนั้นเอ่ยต่อ..

              คุณว่าคนเราเมื่อสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปจะเป็นอย่างไร?

              อีฟเองก็ตอบไม่ได้..จนกระทั่งวันที่เธอลองสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง..

              ติ๊ดดดดดดดดดดดด...
              เสียงสัญชาญชีพจรที่จมดับหายไปต่อหน้าต่อหน้า
              ผ้าคลุมสีขาวทาบทับลงบนดวงหน้า ดวงวิญญาณของหญิงสาวได้จากโลกนี้ไปโดยที่อีฟยังไม่แม้แต่จะได้เอ่ยคำลาสุดท้ายแก่มารดาผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าใครคนใดบนโลกใบนี้..
              เธอมาไม่ทัน..
              อีฟมาช้าเกินไป..

              ในตอนนั้นเธอทำได้แค่ยืนนิ่ง จ้องมองเตียงผู้ป่วยถูกเข็นผ่านหน้าไป
              ชั่วขณะหนึ่งฝ่ามือของมารดาร่วงหล่นลงจากเตียงนอน มันแกว่งไกวไปมา ห้อยต่องแต่งบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของร่างไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว
              ไร้ซึ่งหยาดน้ำตาแม้นเพียงหยดเดียว กระทั่งตอนที่หมอบอกว่าแม่ของเธอเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง


              อีฟกลับมายังบ้านของเธอ
              นั่งนิ่งๆ อยู่ในสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เธอกับแม่ปลูกขึ้นมาด้วยกัน
              ในตอนนั้น เด็กสาวสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ป่วย..
              ทุกๆ วันของเราเต็มไปด้วยรอยยิ้ม..แม่ของเธอ..ท่านเป็นคนที่เข้มแข็งและเก่งกาจ รอยยิ้มแบบางกับดวงตาที่สุกสกาว อีฟมองไม่ออกเลยว่านั่นคือการกลบซ่อนความเจ็บปวดทรมานเอาไว้
              มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอเป็นลูกที่แย่ที่สุดในโลก ที่ไม่เคยใส่ใจแม่ของตัวเองเลย..
              "อีฟ.."
              เสียงเรียกแผ่วเบา แต่ดังชัดเจนในสวนที่เงียบสงบ
              เด็กสาวปิดเปลือกตาลง รู้ทันทีว่าผู้มาใหม่คือใคร "นายรู้เรื่องนี้รึเปล่า"
              "..ไม่ คุณน้าไม่ได้บอก..แต่ฉันพอเดาออกว่าเธอป่วย"
              "นายด้วยเหรอสเวน"
              "อืม.."
              แล้วทุกอย่างก็ตกลงไปสู่ความเงียบ..

              จนกระทั่งเสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังเล็ดรอดออกมาเรียวปากอิ่ม

              "ฉันเป็นลูกที่แย่มากใช่ไหม?"
              ไม่เคยรู้ว่าแม่ป่วย         
              ไม่เคยรู้ว่าแม่ต้องทรมาน
              ไม่เคยรู้สักนิดว่าทุกวันนี้แม่เหนื่อยขนาดไหน

              และบางทีก็คงเป็นเพราะเธอที่ทำให้แม่ต้องโหมงานหนักจนล้มป่วย..
              
              "Mr.frog.."
              "ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นกับพวกนายนะ---เฮ้! ทำอะไรเนี่ย!?"
              เด็กสาวร้องลั่น ดวงตาเธอเบิกกว้างเมื่อร่างกายถูกคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอดเอาไว้แน่น
              อีฟตะโกน ทั้งทุบแล้วก็ตี เธอด่าเขาสารพัด ถึงอย่างนั้นอีธานก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เขากอดเธอ ลูบศีรษะเธอเบาๆ เหมือนอย่างที่แม่ทำ กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
              "ไม่ใช่เพราะเธอหรอก.."
              และเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เธอถึงกับหยุดชะงัก
              เพียงแค่นั้นเท่านั้นจริงๆ ที่เหมือนกับหัวใจได้รับหยาดน้ำมาล่อเลี้ยงชะโลมความแห้งผากนี้..
              หยดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมามากกว่าเดิม ก่อนมันจะไหลอาบหน้า อีฟร้องไห้ออกมาจนสุดเสียง โอบกอดอีกฝ่ายกลับไปแล้วฝังหน้าลงบนไหล่นั้น ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลชุ่มจนเสื้อของเขาชื้นแฉะ

              บางคนโลกนี้มันก็แปลก
              คนที่ร้ายกาจกับเรามาตลอด..คุณเคยคิดบ้างไหมว่าสักวันเขาจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดให้เราได้?

              อ้อมกอดของอีธานอุ่น หรือกระทั่งเสียงปลอบประโลมของผู้ชายที่พูดไม่เก่งเอาซะเลยอย่างสเวน มันทำให้เด็กสาวได้แต่สะอึกสะอื้น
              ในท้ายสุดแล้ว แม้ว่าเธอจะเสียมารดาที่รักยิ่งไป
              อีฟก็ยังคงมีคนที่คอยปลอบประโลมเธอให้หายจากความเศร้าหมองอยู่ข้างๆ เสมอ

              หรือบางที นั่นคงเป็นเหตุผล
              ว่าทำไมในช่วงเวลาที่ชีวิตของเรย์ล่า คาร์เมนกำลังดับลง ริมฝีปากซีดเซียวถึงได้แย้มยิ้มอย่างงดงามออกมาได้เช่นนั้น..


    [ chapter 3 - ฉันชอบผืนป่ามากกว่าปราสาทหลังงาม ]

              หลังจากแม่ของเธอตาย บางสิ่งก็ทำให้เธอได้ระลึกว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพ่อ
              "ต่อจากนี้หนูจะมาอยู่กับพ่อนะ"
              นั่นคือคำแรกที่เขาบอกกับเธอเมื่อเราเจอหน้ากัน..
              เท่านั้นจริง ๆ..


              "จะไปจริงๆ เหรอ?"
              เสียงถามดังจากเพื่อนสนิทที่ทั้งรักทั้งชัง อีธานขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ต่างจากสเวนที่หน้าบึ้งตึงกว่าเดิมเป็นสิบเท่าอยู่ไม่ห่างกันสักเท่าไหร่
              "ฉันเถียงอะไรได้ที่ไหน ก็คงต้องไปนั่นแหละ" เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ
              เหลือบสายตามองทั้งสองคนที่ทำหน้าตึง ดูไม่ชอบใจกับการตัดสินใจของเธอเอาซะเลยในตอนนี้
              ไม่รู้สิ..บางทีอาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมานานเกินไปล่ะมั้ง..พอบทจะจาก เลยทำเอาอึมๆ ซึมๆ แบบนี้
              "พ่อของเธอ..ทำไมเขาเพิ่งมาดูดำดูดีตอนนี้"
              แล้วเด็กสาวก็ชะงัก นิ่งงันไปกับคำถามของสเวนที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
              อีฟตอบไม่ได้..เพราะแม้แต่ตัวเธอเองยังสงสัยเหมือนกันว่าทำไม..

              เธออาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สามขวบ..
              สิบกว่าปีแล้วที่ชีวิตของเธอมีแค่แม่ และเพื่อนสนิททั้งสองคนนี้
              ทว่าในวันหนึ่งกลับมีผู้ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมา เขามองเธอด้วยสายตาราบเรียบ ไม่มีทั้งความรักหรือความยินดี กล่าวเอ่ยบอกว่าเป็นพ่อและกำลังพาเธอไปจากบ้านที่อยู่กินมาเกือบทั้งชีวิต
              คุณคิดว่าเด็กคนนี้ควรจะรู้สึกอย่างไรดีล่ะ?

              
              เวลามักผ่านไปเร็วจนน่าใจหายเมื่อเราปรารถนาจะให้มันเดินช้า ๆ..
              เสียงของเครื่องบินและเสียงจ้อกแจ้กในกลุ่มคน มันดังอัดอยู่ในหูของเด็กสาววัยสิบห้า ดวงตากลมโตกวาดมองรอบด้าน จรดสายตาไปยังบิดาที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนสนิททั้งสองอีกครั้ง
              "จะไปจริงๆ เหรอ" เขาถามเธอแบบนี้อีกเเล้ว..
              ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน อีฟอยากตอบอีธานว่า ไม่---เธอไม่อยากไปเลยสักนิด. แต่เธอทำไม่ได้ เธอไม่สามารถคัดค้านการตัดสินใจของพวกผู้ใหญ่ได้ เพราะอีฟเป็นแค่เด็กสาววัยสิบห้าเท่านั้นเอง
              "Mr.frog"
              เรื่องที่น่าหงุดหงิดคือแม้แต่วันสุดท้ายแบบนี้ สเวนก็ยังเรียกเธอด้วยชื่อประหลาดๆ นั่น..
              "อีเมลล์"
              "อะไร?"
              "ส่งอีเมลล์มาหาด้วย"
              อีฟเบิกตาขึ้น นิ่งค้างไปด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะสเวนเป็นคนที่ต่อต้านการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอมากที่สุด แต่ตอนนี้มันดันเป็นเขาเอง ที่ยอมรับในการตัดสินใจของเธอมากกว่าใคร ๆ อันที่จริงแค่เขายอมมาส่งเธอที่สนามบิน อีฟก็ซึ้งใจมากเเล้ว
              ฝ่ามือหนาวางลงบนกลุ่มผมสีม่วงลาเวนเดอร์ ออกแรงขยี้เบาๆ แล้วเอ่ยบอก
              "ถ้าไม่ส่งมา ฉันจะไปตามเธอถึงญี่ปุ่น"
              แต่คำพูดของเขามันช่างไม่เข้ากับการกระทำแบบนั้นเอาซะเลย ให้ตาย..
              "ไอ้บ้านี่.." เด็กสาวอยากด่า แต่เธอดันหัวเราะออกมาซะแทน "สาบานเลยว่าจะส่งมาไม่ให้ขาดทุกอาทิตย์ ถ้าหายหน้าไปล่ะก็ บินตามฉันมาได้เลย"
              "ไม่ ต้องส่งทุกวันสิ"
              "ห๊ะ? นายจะบ้าเหรอสเวน คิดว่าบ้านฉันรวยพอส่งเมลล์ข้ามทวีปได้ทุกวันรึไง!"
              "ไม่ส่งก็ไม่ต้องไป เอาไง"
              โอ๊ย ไอ้บ้านี่..
              รู้สึกเครียดถึงขนาดต้องยกมือกุมขมับ ในขณะที่อีธานหัวเราะลั่น เขาตบไหล่เธอป้าปๆ เป็นการบอกทางอ้อมว่าสู้ๆ ทั้งสองซึ้งดีแก่ใจเลยว่าถ้าอีฟไม่ยอมรับปากกับสเวนล่ะก็ เขาไม่ให้เธอไปญี่ปุ่นจริงๆ แน่
              หรือจะทำเป็นไม่รับปากแล้วให้สเวนหาวิธีรั้งเธอไว้ดี..?

              "นานะ เราต้องรีบเเล้ว"
              แล้วความคิดทุกอย่างก็พังครืน เพราะเสียงเรียกจากบิดาที่เดินเข้ามาในที่สุด
              เด็กสาวนิ่งไปนิดหน่อย ทบทวนในหัวว่านานะนี่มันใคร? ก่อนจะร้องอ้อออกมาเบา ๆ..อีฟลืมไปซะแล้วว่าพ่อของเธอไม่อยากออกเสียงเรียกชื่อภาษาอังกฤษของอีฟ เขาถึงได้เรียกเธอด้วยชื่อใหม่แบบนั้น
              บอกตรงตาม..อีฟไม่ชอบชื่อนั้นเลย
              "เซ้นส์พ่อเธอนี่โคตรห่วย" อีธานกระซิบเบาๆ
              "เงียบน่า เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก"
              อีฟแยกเขี้ยวขู่เพื่อนชายตัวดี ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาแล้วถอนหายใจ เด็กสาวกอดอำลาคนทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้าย พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนหันหลังเดินตามผู้เป็นพ่อไป

              ในตอนที่เครื่องบินแล่นขึ้นสูง ดวงตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง
              บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้หดเล็กลงจนแทบมองไม่เห็น..
              อีฟปิดตาลง ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเพียงเท่านั้น


    [ chapter 4 - บางทีฉันก็อยากเป็นกบไปตลอดชีวิต ]

              พระเจ้ามักไม่ให้ในสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด
              หรือบางทีท่านก็ไม่ให้อะไรเลยที่เราอยากจะได้

              บ้านของพ่อใหญ่โตกว่าบ้านของแม่มากกว่าหลายเท่า..
              มันเป็นบ้านแฝดสองชั้น มีสวนสีเขียวขจีกับน้ำตกกระบอกไม้ไผ่อันเล็ก บ่อปลาคาร์ฟมีปลาสีสวยว่ายวนเวียนอยู่ด้านใน และที่นั่น มันไม่ได้มีแค่พ่อของเธอเท่านั้นที่อาศัยอยู่

              "นี่เมงุมิ ต่อไปนี้เขาจะเป็นแม่คนใหม่ของหนู"

              สาบานเลยว่าทั้งชีวิตอีฟไม่เคยคิดอยากด่าพ่อตัวเองมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
              สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้มาจากมารดา นั่นคือพ่อของเธอไม่ได้ดีต่อเราสักเท่าไหร่..อีฟเป็นเด็กช่างสังเกต เธอคาดเดาได้ว่าตอนจบของทั้งคู่คงไม่สวยงามนัก แต่เด็กสาวไม่เคยคิดว่ามันจะบ้าบอถึงขนาดนี้
              ด้านหน้าของเธอมีหญิงสาวคนหนึ่ง เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนกับดวงตาสีเดียวกัน ใบหน้าอ่อนหวาน ท่าทางใจดี ใครจะคิดล่ะว่าครั้งหนึ่งจะได้ชื่อว่าเป็นบ้านน้อยของคนอื่น
              ถามว่าทำไมถึงรู้..? ก็บอกแล้วไงว่าอีฟเป็นเด็กช่างสังเกต..
              บ้านหลังนี้มีรูปติดอยู่หลายใบ หนึ่งในสี่คือรูปของพ่อกับแม่ อีฟไม่เข้าใจ แต่เหมือนว่าความรักระหว่างพ่อกับแม่จะยังหอมหวานแม้มีฉากจบที่ไม่สวยงามก็ตามที เรื่องประหลาดคือหลายๆ เฟรมมักมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถ่ายด้วย ทั้งสามดูสนิทสนมกลมเกลียวกันดี
              กระทั่งเดินผ่านไปเรื่อยๆ ภาพพวกนั้นก็เปลี่ยนไป..หญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าแม่ไม่ได้อยู่ร่วมเฟรมเดียวกันกับทั้งสองอีกแล้ว เหลือเพียงแต่คู่ชายหญิงที่ยืนกุมมือมองกันด้วยสายตาหวานซึ้ง
              โอ้พระเจ้า..อีฟคิดว่าตัวเองกำลังจะอ้วก

              ในบ้านหลังนั้น อีฟรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน
              บนโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยม เด็กสาวนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเพียงคนเดียว

              "ไม่นั่งกับยูยะล่ะนานะ"
              เสียงหวานๆ ของแม่เลี้ยงเอ่ยถาม เรียกให้เด็กสาวหันไปมองเจ้าของชื่อดังกล่าว
              ดวงตาสีชมพูเทายอ่อนจ้องเธอตอบ เขาเลิกคิ้วขึ้น ทำสีหน้าท้าทายประหนึ่งกำลังประกาศศึกและบอกกันทางอ้อมว่า ถ้ากล้าสะเหล่อมานั่ง เขาก็กล้าทำให้มื้อเย็นของเธอวินาศเช่นกัน
              พ้นจากเพื่อนเวรก็มาเจอเด็กเปรตต่อ..ขอบคุณจริงๆ สวรรค์
              "ไม่เป็นไรค่ะ" เด็กสาวตอบ ยิ้มหวานหยดกลบความไม่พอใจเอาไว้ "อีกอย่าง หนูชื่อฟิโอน่า อีฟ..ถ้ายาวนักก็เรียกแค่อีฟ ไม่ก็ฟีน่าก็ได้ค่ะ"
              อย่ามาเรียกเธอด้วยชื่อบ้าๆ แบบนั้นนะ..

              อีฟเข้ากันไม่ได้เลยกับครอบครัวใหม่ของเธอ
              ทั้งพ่อ ทั้งแม่เลี้ยง หรือจะเป็นน้องชายที่น่ารำคาญนั่นก็ตาม
              เธอเหมือนเป็นกบที่แบกย่ามปะรอยขาดด้วยเศษผ้าเดินเข้าไปในเมืองกรุงแสนศิวิไล
              "ฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย..?"
              เด็กสาวเอ่ยถามตัวเอง ปิดหน้าแล้วส่งเสียงอู้อี้ออกมา อีฟครวญคราง อยากกลับไปอเมริกาใจแทบขาด
              สายลมเย็นๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่าง เรียกให้คนที่นอนร้องงอแงอยู่บนเตียงหยัดตัวลุกขึ้น อีฟหันไปมองท้องฟ้าด้านนอก พระจันทร์ดวงโตส่องสกาวอยู่บนฟากฟ้ากว้าง
              แวบหนึ่งเธอนึกถึงแม่..แม่ที่เคยเอ่ยบอกอะไรบางอย่างไว้กับเธอ

              'ต่อให้ลำบากแค่ไหน..ก็ต้องเข้มแข็งเข้าไว้..'
              'เพราะถึงวันนี้เราจะยิ้มไม่ออก แต่สักวัน มันจะต้องมีตอนที่เราได้หัวเราะอย่างภาคภูมิแน่ ๆ'

              เธอรักในคำสอนของเเม่
              และเธอก็รักแม่เกินกว่าจะอยากทำตัวให้ท่านนึกห่วงทั้งที่จากไปแล้ว

              "แม่..หนูจะทำได้รึเปล่านะ?"
              อีฟเอ่ยถาม เสียงเบาราวกระซิบ หากแต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลย
              เด็กสาวยืนอยู่แบบนั้น จ้องมองพระจันทร์ดวงโตอีกสักพัก ก่อนจะยกยิ้มออกมาแล้วหัวเราะเพื่อหวังว่าเสียงหัวเราะเหล่านั้นจะคลายความรู้สึกเหนื่อยล้าลงได้บ้าง
              เพราะรอยยิ้มคือยารักษา เพราะเสียงหัวเราะคือยาวิเศษ
              ไม่เป็นไรอีฟ..เธอจะต้องผ่านมันไปได้..

              "หัวเราะบ้าอะไรอยู่คนเดียวยายเพี้ยน"

              ........
              ดวงตาสองคู่สบกัน หนึ่งคือสีม่วงที่แข็งค้างไปพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า ส่วนอีกหนึ่งคือสีชมพูเพทายอ่อนที่กำลังหรี่มองเหมือนเห็นอะไรระคายต่อสายตาซะเหลือเกิน
              ยูยะบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง ส่ายหัวแล้วถอนหายใจเฮือก ก่อนจะปิดหน้าต่างห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องและมีเพียงแค่สวนกั้นกลางเอาไว้
              
              "..ไอ้เด็กเวร.."
              เปลี่ยนจากหน้าแป้นๆ ของไอ้บ้าอีธานกับไอ้งี่เง่าสเวน กระทะเหล็กที่รักของเธอ สาบานเลยว่าสักวันมันจะต้องได้ฟาดหน้าไอ้เด็กกวนประสาทยูยะนี่สักเปรี้ยงแน่ ๆ..



              " ฉันคือกบที่ถูกพ่อมดร้ายร่ายคำสาปร้ายใส่
              แต่ฉันไม่ใช่เจ้าชาย และไม่ใช่เจ้าหญิงที่รอรับจุมพิตจากใคร
              เป็นเพียงแค่กบธรรมดา ที่มีรอยยิ้มแย้มกว้างยิ่งกว่าใคร ๆ
              เอาเถอะ..ถึงจะเป็นกบฉันก็แฮปปี้กับชีวิตของตัวเองดีนั่นแหละ "


    - เจ้ากบน้อยแสนเริงร่า เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความสุข
    ทุกวันนี้ก็ยังหัวเราะ สนุกสนานไปกับวันๆ ของเธอพร้อมบอกกับทุกคนว่า
    " ฉั น จ ะ เ ป็ น ก บ ที่ เ ข้ ม แ ข็ ง ยิ่ ง ก ว่ า ใ ค ร "

    เพราะเธอเติบโตขึ้นด้วยความพยายาม และจะเป็นดั่งแรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดความสุขไว้กับตนเองเสมอ


    _____________ { To be continue. } _____________

    งานอดิเรก :: 
               ถ่ายภาพ ll ผมมักเห็นอีฟพกกล้องถ่ายรูปดิจิตอลตัวหนึ่งติดตัวตลอดเวลา และก็เป็นตัวเดิมมาตลอดสามปีตั้งแต่เธอเริ่มถ่ายรูป เดาไม่ออกเหมือนกันแฮะว่าระหว่างการถ่ายรูปกับกล้องตัวนั้น เธอชอบอะไรมากกว่ากัน
               วิ่งไปป่วนคนนู้นคนนี้ ll พลังงานเธอคงจะเยอะเกินไปถึงอยู่สุขไม่ได้น่ะนะ
               พิจารณางานโฆษณาเพื่อศึกษา ll ถึงจะเป็นสายป่วน แต่เรื่องเรียนกับอาชีพในฝันเธอก็ตั้งใจเต็มที่เสมอ
               ทดลองทำอาหารสูตรใหม่ ๆ ll เพราะเป็นคนขี้เบื่อ เลยอยากกินอะไรใหม่ๆ จะให้ไปกินร้านอาหารก็เปลืองเงิน อีฟเลยชอบเอาเวลาว่างมาลองทำอาหารให้ตัวเองกินบ่อย ๆ ซึ่งผมว่าหลายเมนูมันอร่อยเอาเรื่องเลยล่ะ
               วางแผนอนาคต ll ฟังดูคิดเยอะเกินไปรึเปล่า? อีฟซีเรียสกับชีวิตของเธอนะเห็นแบบนั้น ตอนนี้อย่างน้อยก็วางเป้าหมายจนเรียนจบไว้พอสมควรแล้วล่ะ
               เล่นเกมพัสเซิลต่างๆ ll ลับสมองยามว่างไง
               ร้องเพลง ll ถึงเสียงจะห่วยแตกก็ยังร้องต่อไป สู้เขาแม่กบน้อยเสียงเพี้ยน!
     

    ชอบ ::
               ถ่ายภาพ , ภาพถ่าย ll เพราะอีฟเชื่อเสมอว่ามันคือสิ่งเดียวที่สามารถหยุดกาลเวลาลงได้
               ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ll หน้าตายิ้มๆ ของเธอเหมือนจะสื่อออกมาเลยล่ะว่า I'm so happy!
               ช็อกโกแลต ll ต้องเป็นช็อกโกแลตแท้ที่แฝงความขมไว้ในความหวานได้อย่างลงตัวด้วยล่ะ
               ร้องเพลง ll เธอมั่นใจในเสียงของเธอ เพราะฉะนั้นเธอจะร้องต่อไปเท่าที่เธออยากจะร้องเลย
               ของอร่อย ๆ ll ใช้พลังงานมาเหนื่อยๆ ถ้าได้กินของอร่อยสิจะเพอร์เฟค
               โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ll พอห่างไกลเพื่อนเก่าเข้าหน่อย ก็เลยติดมือถือแชทแจทั้งวัน ไปๆ มาๆ ดันกลายเป็นฝังตัวไปกับทุกฟังก์ชั่นจนเอาห่างตัวไปไม่ได้ซะอย่างนั้น
               ของนุ่มนิ่มขนาดใหญ่ ll อีฟชอบเอามาหนุนต่างหมอนหรือกอดแก้เหงา เธอว่ามันหลับสบายดี
               พริกไทย ll ถ้าซื้อพริกไทยแถมน้ำซุปได้ ผมว่าเธอจะทำแบบไม่ลังเลแน่ ๆ..
               เวลาพักผ่อน ll แอกทีฟขนาดไหนก็ต้องการเวลานอนนะครับ..
               เงิน ll อย่ามองเธอแบบนั้น..เด็กคนนี้แค่คิดเผื่ออนาคตไกลไปหน่อยเท่านั้นเองแหละน่า ไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีหรอกนะถึงได้พูดแบบชัดถ้อยชัดคำระดับที่ว่า ถ้าให้เลือกเงินกับเธอ ฉันจะเลือกเงิน น่ะ (ล้อเล่นนะ ถึงบางทีอีฟจะแอบคิดจริงเหมือนกัน แต่เสียงว๊ากแตกของเพื่อนก็จะดึงสติเธอกลับมาได้ทันทุกรอบนั่นแหละ..)
     

    ไม่ชอบ ::
               คนตัวสูงตั้งแต่170ขึ้นไป ll อีฟบอกว่าปวดคอ!..แต่ความจริงแล้วผมว่าเธอแค่อิจฉาในส่วนสูงที่แม่คุณไม่มีวันได้สัมผัสซะมากกว่าล่ะมั้ง
               ถูกบังคับให้ทำหรือกินอะไรในสิ่งที่ไม่ชอบ ll ทุกคนต้องเก็ทพ้อยท์กับเธอก่อนว่า ไม่ชอบคือไม่ชอบ ไม่ชอบมันฝืนกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนที่โดนบังคับ สีหน้าของอีฟจึงเหมือนกับอยากจะกัดลิ้นตายแบบสุดๆ เลยล่ะ
               อาหารเย็น ll หมายถึงอาหารที่มีอุณหภูมิเย็นนะ..อีฟไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกสั่น
               บุหรี่ ll มันเหม็นมากสำหรับเธอ ซึ่งผมก็สนับสนุนนะที่เธอจะไม่ชอบ แต่การไปหรี่ตามองคนสูบด้วยสายตาเซ็งจิตแบบนั้นมันก็..นะ
               การเจ็บป่วย ll เพราะคนป่วยนั้นสุดแสนจะหน้าโทรม และสังขารพัง แถมยังต้องนอนเป็นผักเพื่อพักอีกต่างหาก..มนุษย์แอฟทีคแบบอีฟน่ะทนไม่ได้หรอก
               การออกกำลังกาย ll ทำอยู่ทุกวันแต่ก็ชอบไม่ลงสักที..ใครพูดทฤษฎี21วันขึ้นมา ผมแนะนำว่าเดินผ่านหน้าเธอก็ระวังหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวอีฟจะได้กระโดดเกาะหลังเขย่าคอเอา----
     

    แพ้ ::
               ขนแมว ll เธอแพ้มาตั้งแต่เด็กแล้ว อยู่ใกล้ทีไรก็จามจนจมูกแสบร้อนผ่าวไปหมดทุกที อีฟแพ้ขนแมวค่อนข้างหนักเลยล่ะ แค่นิดหน่อยเธอก็จามน้ำตาไหลแล้ว ถ้าเกิดมาใกล้ระดับนั่งตักล่ะก็..สภาพเธอนี่จะดูไม่ได้เลยเชียว แถมหายใจไม่ออกอีกต่างหาก..
               ของเผ็ด ll เหมือนต่อมรับความเจ็บปวดตรงนี้จะดีเป็นพิเศษ..กินแล้วแดงเถือกไปทั้งตัว แถมปากเจ่อระดับชนิดที่ว่าพูดไม่ได้ น้ำตาซึมไปทั้งวันเลยทีเดียว
     

    Character Voice :: C.
     

    เพิ่มเติม ::
    -สามารถอ่านข้อมูลของฟิโอน่า อีฟ คาร์เมนฉบับรวบรัดได้ที่นี่ ll Click! ll
    -ความจริงแล้วอีฟทานข้าวห้ามื้อต่อวัน (เช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น) และก็เป็นข้าวทั้งจานด้วยไม่ใช่แค่ขนมกรุบกรอบ..เป็นเหตุให้ต้องออกกำลังหนักหน่วงอยู่ทุกวัน แม้ว่าจะเกลียดก็ตามทีเถอะ
    -ดูเหมือนว่าอีฟจะเชื่อมั่นมากๆ ว่าเธอร้องเพลงเพราะ (..)
    -แต่เสียงเพี้ยนของเธอมันบัดซบมากจริงๆ นะ..เคยมีคนทนฟังไม่ได้ถึงขนาดวิ่งหนีออกไปเลยด้วย
    -เคยมีคนมาขอซื้อสูตรอาหารไปขาย แน่นอนว่าขายให้แบบไม่ลังเลเลยด้วย (โอเค ดูเหมือนเธอจะชอบเงินมากกว่าอาหารแล้วล่ะนาทีนี้)
    -ถึงจะชอบถ่ายภาพขนาดไหน ฝีมือของเธอก็มือสมัครเล่นตลอดกาลตลอดไปอยู่ดี
    -อยากสวยไม่นิ่งดูดาย แต่ทั้งทาทั้งขัดเเล้วมันจะยังเบ้านี้อยู่ อีฟเลยเลือกจะเมกโอเวอร์หน้าตัวเองซะมากกว่า
    -เธอน่ะเซียนแต่งหน้าชั้นเอกที่ใครๆ เขาก็อยากได้ตัวเลยนะ! (อาทิเช่น เพื่อนๆ คณะนิเทศฯ สาขาการแสดง---)
    -มักกลายเป็นสาวฮอตแบบงงๆ เวลาต้องทำงานเป็นกลุ่ม
    -เพราะอยู่หอก็เลยกลับบ้านน้อยมาก ระดับที่ว่าสองเดือนจะกลับสักที ซึ่งที่บ้านก็บอกว่าดีแล้ว บอกหล่อนไปตามแต่ใจจะชอบนั่นแหละ (ผมว่าพวกเขาคงท้อจะมาเถียงกับอีฟเรื่องชื่อของเธอแน่ ๆ)
    -ปัจจุบันก็ยังเข้ากับน้องชายต่างแม่ไม่ได้อยู่ดี

    การออกจากบ้านด้วยหน้าสด = ประหาร

    เพิ่มเติมเนื้อหาตัวละคร
     
    ครอบครัว - ฐานะทางบ้าน (ฝั่งพ่อ) จัดว่ากลางๆ ค่อนไปทางมีอันจะกิน อย่างน้อยก็มีเงินมากพอจะให้ลูกสองคนเอาไปใช้จ่ายได้ตามใจชอบ แต่ไม่ถึงขนาดรูดปรี๊ดได้ปั๊ปอะไรแบบนั้นหรอกนะ..แม่ของอีฟเป็นชาวอเมริกัน ท่านหย่ากับพ่อของเธอหลังจากท้องอีฟได้เจ็ดเดือน เหตุผลเพราะว่าพ่อของเธอดันไปมีบ้านน้อย ก่อนที่ท่านจะพาเธอเหาะข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่อเมริกาในตอนวัยสามขวบ แต่หลังจากผู้เป็นแม่เสียชีวิตไปตอนวัยสิบห้า อีฟก็กลับมาอาศัยกับพ่อที่ญี่ปุ่น พร้อมความจริงสุดตะลึงที่ว่าต้องเรียกผู้หญิงคนอื่นว่าแม่ และดันมีน้องชายสุดกวนโอ๊ยที่เธอสาบานไว้ในใจว่าจะต้องจับมันมัดปากไปทิ้งน้ำให้ได้สักวันหนึ่งเพิ่มขึ้นมาซะอย่างนั้น ]
                  { ญาติ ๆ - เหมือนจะมีญาติฝั่งพ่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรเท่าไหร่เพราะอยู่กับเเบบครอบครัวเล็ก ส่วนญาติฝั่งแม่เลี้ยงนั้นก็อย่าไปพูดถึงมาก คล้ายจะไม่ปลื้มที่คนในครอบครัวมาเป็นบ้านน้อยชาวบ้านเขา เลยตัดกันไปนานนมถมเถแล้ว และแม่ของเธอ อีฟไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวฝั่งนั้นมาสักพักแล้ว แต่เพื่อนๆ ก็บอกว่ามีคุณยายท่าทางใจดีย้ายมาอยู่ที่บ้านเก่าของเธอ และให้เหตุผลว่าคิดถึงลูกกับหลาน เท่านั้น }

     
    การศึกษา - อีฟเรียนจบเกรด10ที่อเมริกา ก่อนจะกลับมาศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น เกรดตอนที่อยู่อเมริกาจัดได้ว่าสวยงามน่ารัก แต่เทอมแรกกับการเรียนในญี่ปุ่นนั้นถือว่าไม่น่าพิสมัยสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากโรมันจิกับฮิระงะนะและคาตะกะนะแบบงูปลา อีฟก็ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นอะไรอีกเลย ใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะสามารถเขียนได้คล่อง อ่านได้ดี ฟังได้ถูก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังชอบจะพูดคำอังกฤษแซมในรูปประโยคสนทนาของเธออยู่ดี ทั้งนี้อีฟศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา ]

     
    มิตรสหาย - มีเดอะแก๊งค์ที่สนิทอยู่ได้สองกลุ่ม กลุ่มแรกคือเพื่อนๆ จากอเมริกา ประกอบไปด้วยสองซี้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนเวรอย่าง อีธาน แกสทอน กับ สเวน ทาดิโอ้ แต่เหมือนได้ยินแว่วๆ มาว่าพวกเขากำลังพากันแท็คทีมย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นในอีกไม่นานมานี้ ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ? ไม่รู้สิ..ปริศนาธรรมอยู่เหมือนกันนะ---ในด้านเพื่อนๆ ที่ญี่ปุ่น อีฟค่อนข้างจะสนิทกับรูมเมทของเธอสมัยมหาลัยอย่าง รูริกะ สึราระ มากเลยล่ะ ไปไหนไปกันสุดๆ เลยด้วย ]

     
    ความรัก - เคยมีแฟนสมัยอยู่อเมริกาหนึ่งคน แต่ก็เลิกกันไปเพราะฝ่ายนู้นไม่นิยมรักทางไกล ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกันแล้ว และเหมือนว่าอีฟจะจำหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยได้แล้วซะด้วย ]

     
     [ ประวัติกิจกรรม - เคยได้รับรางวัลแข่งขันโฆษณาน้ำอัดลมที่ทำส่งตอนอยู่ปีสองกับเพื่อนๆ ในคณะและรุ่นพี่ในสาขาอีกสองท่าน นอกจากนั้นสมัยไฮสคูลก็เคยเป็นนักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนอีกด้วย ]

     
    การกีฬา - อีฟเคยเป็นนักเทนนิสโรงเรียน แต่ก็เลิกไปเพราะได้รับบาดเจ็บตอนแข่งขัน เพื่อเซฟมือตัวเอง เธอเลือกจะเดินสายโฆษณาเต็มตัว แล้วทิ้งเรื่องกีฬาไว้ด้านหลังแบบนั้น ]

     
    ที่อยู่อาศัย - อีฟอาศัยอยู่หอนอกที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ไม่มากนัก โดยเธอเช่าห้องหารอยู่กับรูริกะ ถือเป็นห้องเช่าขนาดกลาง ติดแอร์ มีทีวีตู้เย็น พร้อมสรรพด้วยโซนครัวสำหรับทำอาหาร ก็บอกได้ว่าราคาแพงแต่ถือว่าคุ้ม เพราะเพื่อนสาวอย่างรูริกะกลับบ้านอยู่แทบจะทุกอาทิตย์ จะบอกว่าอีฟแทบกลายเป็นเจ้าของห้องแบบเต็มรูปแบบเเล้ว ผมก็ว่าไม่ผิดสักเท่าไหร่ ]
     

    T a l k  T o  M e

     
    ✿ สวัสดีค่ะ..เราไดอาน่าเองง จะเรียกไดอาก็ได้นะ! แล้วผปค.ชื่ออะไรเอ่ย?
    :: รันรันเอ๊งงงงงง ส่งทันไหมคะเนี่ย ออมอ---/
     
    ✿ ใบสมัครกับคำถามเราอาจจะเยอะไป(ไม่)หน่อย ขออภัยด้วยนะคะ! *กราบงามๆ*
    :: โนพรอมเบิ้ลค่ะ!
     
    ✿ ทำไมถึงเลือกคู่กับคนนี้คะ?
    :: เหนือเมนตลอดกาลของนุ!
     
    ✿ ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ค---แค่ก
    :: ย้อนความหลังค่าาา
     
    ✿ เรื่องนี้อาจจะมีการดองหรือลงช้าเป็นบ้างครั้งนะคะ รอได้รึเปล่าเอ่ย?
    :: โอเค๊ (?)
     
    ✿ ถ้าไม่ติด..เราขอโทษนะคะ ,_, ))
    :: เข้าใจคร้าบ ไม่ต้องคิดมากน้า
     
    ✿ สุดท้ายนี้ มีอะไรจะบอกเรามั้ยคะ? รักนะ ❤ 。◕‿◕
    :: I love you so bad มากเลยค่ะ #ยิงมินิฮาร์ททึรัว ๆ (?) 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×