ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦

    ลำดับตอนที่ #15 : [AU KHR | Reborn] Crime Scene [โอลีเวีย ครูส]

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 60


    CR.SHL
    {♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦ }
     
     


     


    สเก็ดดาราดวงที่สิบเอ็ด

    สตรีโฉมงามผู้เพียบพร้อม ด้วยทรัพย์สิน หน้าตา และปัญญา

    นางผู้เก่งกาจ ทุกสิ่งอย่างในสายตาจำต้องได้ดั่งใจไม่ผิดเพี้ยนเเม้เพียงปลายเล็บ

    มากด้วยเอกลักษณ์ของผู้นำที่ดี ทว่าก็มากด้วยความลึกลับเกินจะไขได้เช่นกัน

     

     


     


     

    {The Lady of Mysterious

    Olivia Cruz} 

     


     

     

    S E C R E T 


    ? ? ?



     

           

     

     



     

    P E R F E C T Girl


    Olivia Cruz


     



    APPLICATION




    สิ่งที่อยู่ในหัวของฉันน่ะ มันเอาจเป็นอะไรที่คุณคาดไม่ถึงเลยก็ได้นะคะ..

    และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันคิดอะไร..คุณก็ลองหาคำตอบดูเอาเองสิคะ : )”



    PART 1


    ชื่อ-นามสกุล :: โอลีเวีย ครูส | Olivia Cruz



    ชื่อเล่น :: อาเลีย l Alea


    ความหมาย :: โอลีเวีย {สัญลักษณ์แห่งความสงบสุข} ll ครูส {ไม้กางเขน} ll โอลีเวีย ครูส {ไม้กางเขนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสุข}



    สัญชาติ :: อังกฤษ



    อายุ :: 28ปี



    PART 2


    รูปร่างลักษณะ :: โอลีเวีย ครูส สตรีผู้งดงามเสียจนเหล่ามวลบุปผายังโค้งน้อมให้ยามเดินผ่าน ความงามล้ำมากเหลือคณาสะกดสายตามวลหมู่ผู้คนให้ชายตาตามอย่างมิอาจละออกได้ ผิวพรรณนวลเนียนเปล่งปลั่งราวกับมุกดาใต้ผืนสมุทรราคาเเพงหายาก นวลเนียนละเอียดสวยใสเปรียบผิวเด็กสื่อถึงการเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี โครงหน้าเรียวสวยได้รูปไข่เข้ากันได้ดีกับทุกทรงผม สีเทาอมม่วงประกายน้ำตาลนั้นส่งเสริมความงามให้เธอมากขึ้นไปอีก และเเม้จะแปลกตาทว่ากลับดูสวยงามมีราคาไม่ได้พิลึกลั่นเเต่อย่างใด เครื่องหน้าประดับดูลงตัวไม่ขาดไม่เกินน่าหลงใหล ทั้งจมูกโด่งธรรมชาติและริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อน่าจุมพิต เฉกเช่นพวงแก้มยุ้ยเนียนปรากฏเลือดฝาดพอเหมาะพอควร คิ้วโก่งโค้งสีเดียวกับเกศาได้ทรงรับกับดวงตากลมมีเสน่ห์ อเมทิสต์ล้ำค่าราคาเเพงพราวประกายทรงอำนาจใต้เเพขนตาหนางอนเรียงตัวสวย ไร้จุดด่างพร้อยใดๆ ในทุกส่วนของใบหน้าและเรือนกายทรงนาฬิกาทรายลลสัดส่วนสูง 173 ซม. และน้ำหนัก 54 กก. นี้โดยสิ้นเชิง เอกลักษณ์ประจำกายนี้คือกลิ่นหอมลึกซึ้งมีเสน่ห์แบบหญิงสาวที่ดูลึกลับน่าหลงใหล ส่งเสริมรอยยิ้มเเละดวงตาของเธอ ที่เเม้ผิวเผินจะดูราบเรียบ แต่กลับซ่อนอะไรบางอย่างไว้มากมายเกินกว่าใครจะรู้ได้เสียอีก



    ลักษณะนิสัย ::

    โอลีเวีย ครูส หากเอ่ยถามว่าเจ้าของนามนี้นั้นเป็นเช่นไร สิ่งเเรกที่ได้ยินนั้นอาจเป็นคำกล่าวว่า เธอนั้นเป็นสตรีที่งดงามเป็นอย่างมาก ทั้งใบหน้าเเละเรือนกาย ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์เป็นที่จับตามองยิ่ง โอลีเวียคือผู้หญิงที่มักดึงดูดสายตาผู้อื่นได้อยู่เสมอ ทั้งด้วยความสวยงามนั้น ทั้งด้วยรอยยิ้มเเละเเววตาของเธอเอง โอลีเวียเป็นคนที่ลึกลับ สายตากับรอยยิ้มนั่นลึกลับทั้งยังน่าค้นหา บรรยากาศรอบตัวของเธอนั้นเป็นบรรยากาศที่ลึกลับมีเสน่ห์น่าค้นหาแบบผู้ใหญ่ ยิ่งเเต่เดิมเเล้วเป็นสตรีที่สวยมากขนาดคนมองยังเกือบหยุดหายใจ มันจึงเปรียบเป็นดั่งเกสรหอมหวานรสดีที่ล่อลวงเหล่าแมลงและผีเสื้อทั้งหลาย ให้เข้าหาเธอมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว กล่าวเเล้ว ตัวโอลีเวียก็เป็นสาวเจ้าเสน่ห์คนหนึ่ง ที่แม้ใบหน้านั้นมักจะราบเรียบเเละเเววตาอ่านไม่ออก คุณผู้ชายหลายๆ ท่านก็ยังอยากจะได้เธอมาเป็นคู่ครองด้วยอยู่ดี

    กระนั้นโอลีเวียรู้ดีที่ว่ามันเป็นเพราะพวกเขามองเธอแต่เพียงผิวเผิน เขาสนใจเพียงรูปลักษณ์และความน่าค้นหาของเธอ สนเพียงเเต่ยศศักดิ์และเงินทองที่มีอยู่ ร้อยทั้งร้อยเชื่อเธอสิว่าคนพวกนั้นเข้าหาเธอเพราะเรื่องพวกนี้ทั้งนั้น ถ้าลองให้เขาเข้ามาทำความรู้จักกับเธอมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ รับรองว่าได้แผ่นแน่บหนีกันแทบไม่ทันเป็นแน่แท้ ด้วยนิสัยโดยส่วนตัวก็ใช่ว่าจะเป็นสตรีที่สนิทสนมด้วยง่ายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ความเป็นมิตรของโอลีเวียน่ะมันน้ำเสียจนเเทบจะถึงศูนย์ได้อยู่เเล้ว มิหนำซ้ำ โอลีเวียยังไม่สนใจเรื่องรักใคร่อะไรอีกด้วย เธอไม่เคยยีหระต่อสุภาพบุรุษกระเป๋าหนักทั้งหลายที่เข้ามาหว่านเสน่ห์ใส่ และไม่เคยคิดจะตอบรับความรู้สึกพวกนั้นด้วย เเม้จะเเค่เล่นๆ ก็ตามทีเถอะ

    โอลีเวียเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันมากเกินไปจนดูน่ารำคาญและวุ่นวาย หากว่าทักทายเเละอยากสนิทสนมด้วยเเต่พอเหมาะมันก็ไม่อะไรมากนักหรอก เธอแค่ทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ เวลาเขาทัก เเละตอบคำถามเเบบถามคำตอบคำไปให้ สื่อกลายๆ ว่า ไม่อยากสนิทค่ะ ไม่ต้องชวนคุย ไปให้ แต่หากว่าเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตเธอมากไป ตื้อจนน่าหงุดหงิด โอลีเวียก็ใช้วิธีขับไล่ไปอย่างสุภาพชน (?) แทน เอ่ยติงเตือนสติกันเเบบเบาๆ ให้เขาได้รู้ว่า การกระทำตอนนี้มันหยาบคายเเละน่าหงุดหงิดในสายตาเธอขนาดไหน ผนวกกับสายตาราบเรียบเเต่จะเเฝงเเววความเย็นยะเยือกเอาไว้เวลาหงุดหงิดของโอลีเวีย มันก็พอจะเอามาใช้กดดันให้อีกฝ่ายล่าถอยไปได้เช่นกันล่ะนะ..

    ในขณะที่ความลับของเธอมันน่าค้นหายั่วยวนใจ ขณะเดียวกันก็น่ากลัวด้วยเช่นกัน..ดั่งคำกล่าวที่ว่า มนุษย์มักจะกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ และนั่นเเหละที่ทำให้โอลีเวียสามารถใช้ประโยชน์กับความลึกลับของตนเองได้อย่างดี อย่างที่บอกว่าโอลีเวียเป็นผู้หญิงลึกลับ แท้จริงแล้วเธอนิสัยใจคออย่างไร ทัศนคติเช่นไร หรือรู้สึกสิ่งใดอยู่ในหัว พวกเขาไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ สิ่งที่เห็นจากโอลีเวียในตอนนี้ มันอาจจะเป็นแค่การตบตาของเธอก็ได้ เบื้องหน้าเธอราบเรียบ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจริงๆ หัวใจดวงนั้นกำลังรู้สึกเช่นไรอยู่กันแน่ เเละด้วยเหตุที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมด มันจึงทำให้การรับมือกับโอลีเวียเป็นเรื่องลำบาก กล่าวเเล้ว คนส่วนมากน่ะไม่อยากเป็นศัตรูกับเธอแบบเป็นทางการหรอก..คิดจะเล่นสงครามจิตวิทยากับคนที่ไม่แสดงออกด้านอารมณ์แบบเธอ? คิดใหม่ได้นะ

    การแสดงออกทางใบหน้าของโอลีเวียที่ดูจำกัดเพียงแค่ ราบเรียบ บึ้งตึง หรือ ยิ้มเล็กน้อย ทำให้มันยากต่อการคาดเดาความคิด โอลีเวียเก็บสีหน้าเเละความรู้สึกบนใบหน้ากับเเววตาได้ดีมาก เธอมักเเสดงออกเพียงแค่เล็กน้อย แล้วเก็บซ่อนความจริงไว้ให้ลึกที่สุดเสมอ เพื่อไม่ให้ใครสามารถมาเล่นงานเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของเธอได้ เรื่องจิตใจมันเป็นอะไรที่ซับซ้อน เพราะงั้นโอลีเวียจึงระเเวดระวังในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ปกติเเล้วใบหน้าของโอลีเวียแทบจะราบเรียบอยู่ตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำไป ยิ่งตัวเธอนั้นมีภาพลักษณ์ด้านบุคลิกที่ให้ความรู้สง่างามน่าเกรงขาม มันจึงทำให้เธอดูเป็นคนขรึมเข้าหายากพอสมควร ถือเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอค่อนข้างจะไร้เพื่อนขาดมิตรสหายเช่นนี้ และในขณะเดียวกัน คนอื่นพากันไม่กล้าไม่อยากจะเข้าใกล้เธอ โอลีเวียเองก็ไม่มีความคิดจะไปผูกมิตรกระชับสัมพันธ์กับใครเขาด้วยเช่นกัน

    โอลีเวียมีเส้นกั้นเเบ่งตนเองกับผู้อื่นไว้อย่างชัดเจน เรื่องส่วนตัวถือเป็นเรื่องส่วนตัว คนที่ไม่ใช่ครอบครัวไม่ควรจะมาสอดรู้โดยไม่จำเป็น สิ่งที่จำไว้ให้มากที่สุดคือ โอลีเวียไม่ชอบให้ใครมาซักไซ้เรื่องส่วนตัวของตนเอง มันถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่ควรรู้เเละสำคัญมากที่ต้องปฏิบัติตาม หากเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องแบบ ไปไหนมา หรือตารางเวลาชีวิต มักจะมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ที่ส่งมอบคืนไปโดยไร้คำตอบใดๆ หรือไม่หากซักมากเกินไปจนเข้าข่ายไปถึงเรื่องภายในครอบครัว อาจโดนโอลีเวียด่ากลับเข้าได้เลยทีเดียว หล่อนไม่ชอบนักหรอกที่จะให้คนมาถามนู่นถามนี่ตลอดเวลา มันน่ารำคาญ เข้าใจไหม? เเละด้วยเหตุประการฉะนี้ โอลีเวียจึงไม่ถูกโลกกับนักข่าว เป็นไปได้ก็อย่ามาสัมภาษณ์เธอเลย นอกจากจะไม่ได้ข้อมูลเท่าไหร่ยังจะโดนด่าอีก..

    องค์ประกอบหลายๆ อย่างทำให้โอลีเวียดูเป็นผู้หญิงไม่น่าคบหาด้วยอย่างมากในสายตาของผู้อื่น แต่หากถามถึงความรู้สึกต่อหญิงสาวคนนี้จากพวกที่คุ้นหาคุ้นตากันในระดับหนึ่ง อย่างพวกที่ทำงานร่วมกันมานานหรือคนใหญ่คนโตที่เคยได้สนทนากับโอลีเวียมากบ่อยครั้ง สิ่งหนึ่งที่มีต่อเธอนอกจากความมิชอบใจสำหรับบางคนเเล้ว มันจะเป็นเคารพเเละความนับถือ นั่นเพราะเเม้ว่าจะเข้าหาได้ยาก หรือมีท่าทีไม่น่าคบขนาดไหน แต่ก็เป็นคนมีความสามารถ เชื่อถือได้และน่าเกรงขามคนหนึ่งอย่างไรล่ะ

    โอลีเวียเป็นคนที่มีบุคลิกท่าทางที่ดูสง่า น่าเชื่อถือ หนักแน่น บ่งบอกได้ว่าได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี ดูจากภายนอกเเล้วให้ความรู้สึกเเบบผู้ดีมีชาติตระกูล หลังของเธอตั้งตรง ไหล่ผายออกน้อยๆ ยืนเหยียดอย่างสง่าผ่าเผยโดยทิ้งน้ำหนักไปยังขาทั้งสองอย่างเท่าเทียม ไม่นั่งหลังค้อมหรือยืนห่อไหล่ให้เสียบุคลิก ใบหน้าก็เชิดขึ้นเล็กน้อยพอประมาณ สายตาแน่วแน่มั่นคงมองตรงไปไม่มีหวั่นไหว ทุกอย่างก้าวหนักแน่นเสมอ นั่นเเหละ คือผู้หญิงที่ชื่อโอลีเวียครูส ความสง่างามภายในการกระทำต่างๆ นั้นเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องฝืนเกร็งเเสร้งทำก็สามารถดูสง่างามได้ ท่วงท่าของโอลีเวียนั้นเปี่ยมมารยาทแต่ใช่ว่าจะอ่อนช้อยนุ่มนวลดั่งดอกผกา เฉกเช่นคุณหนูคุณนายแต่อย่างใด ทว่าให้ความรู้สึกน่ายำเกรงเชื่อถือได้เสียเเเทน เหมือนการจะสื่อกลายๆ ว่า การเชื่อมั่นเเละไว้ใจให้เธอเป็นผู้นำ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ๆ

    โอลีเวียมีรัศมีของคนเป็นนำที่ทรงความรู้ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ทั้งยังมีความสามารถที่เเพรวพราวรอบด้านพอสมควรจนเเทบจะเรียกได้ว่าเพอร์เฟค ในเรื่องของพละกำลัง โอลีเวียอาจจะอ่อนด้อยไปบ้างพอควร แต่มันก็พอทดแทนด้วยมันสมองของเธอได้เช่นกัน โอลีเวียอาจไม่ถือเป็นอัจฉริยะ แต่ก็เป็นคนฉลาดมากพอสมควรคนหนึ่ง เธอเก่งในเรื่องการวิเคราะห์ โอลีเวียมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีมาก ความสามารถในการมองการณ์ไกลก็มีอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อมีสองอย่างนี้เเล้วนำไปบวกกับนิสัยรอบคอบในตัวเเล้ว ทางเลือกร้อยละเเปดสิบของโอลีเวียจึงมักเป็นเส้นทางที่ถูกต้องอยู่เป็นนิจ

    ตัวโอลีเวียนั้น ก่อนจะกล่าวพูดหรือตัดสินใจอะไรเเล้ว มักขบคิดทบทวนหลายๆ ครั้งเพื่อให้มั่นใจว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ เหรอเสมอ เธอคิดก่อนทำ คิดก่อนพูด นั่นเพราะเธอไม่ชอบการกระทำที่เปล่าประโยชน์เสียเวลา จะมาลองผิดลองถูกมันไม่ใช่วิสัยของเธอหรอกนะ สำหรับโอลีเวีย ทุกอย่างต้องเซฟและลงตัว ความผิดพลาดคือสิ่งที่ไม่ควรเกิดเเละจะต้องไม่มี เเม้จะแค่เล็กน้อยก็ตามที คติใจอันดับหนึ่งของเธอนั่นคือ แผนการที่ดีคือแผนการที่ไม่ผิดพลาดเเละได้ผลลัพธ์ร้อยเปอร์เซนต์ อย่างไรล่ะ นั่นเพราะหากผิดพลาดแม้จะเเค่นิดหน่อย เปอร์เซนต์สำเร็จมันต้องลดลงใช่ไหมล่ะ? และหากทำไม่สำเร็จเราก็จะเสียโอกาสนั้นไป และจำต้องรอโอกาสใหม่ ซึ่งในสายตาของโอลีเวีย โอกาสมันไม่ใช่สิ่งที่จะมาหาเราง่ายๆ หากผิดพลาดไปแล้ว มันไม่อะไรมารับประกันเลยว่าเราจะได้รับมันมาอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้นเมื่อเราได้รับโอกาสในการลงมืออะไรสักอย่างเเล้ว จึงจะต้องลงมือทำมันอย่างสุดความสามารถเเละทุ่มสุดตัวเสมอยังไงล่ะ

    โอลีเวียชอบในความสมบูรณ์แบบ เพราะงั้นถึงได้เกลียดคำว่าผิดพลาดยิ่งกว่าอะไรดี โอลีเวียหงุดหงิดเสมอ เมื่อสิ่งที่วางไว้ มันไม่ได้เป็นไปตามดั่งใจที่เธอนึกเอาไว้ ความหงุดหงิดทำให้เธอหลุดมาดได้ง่าย ใบหน้าที่มักราบเรียบจึงเริ่มปรากฏรอบขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด เรียวคิ้วขมวดแน่น สายตาดุดันมากกว่าปกติมากโข ท่าทีที่ดูขรึมอยู่เเล้วมันเลยยิ่งขรึมเข้าไปใหญ่ เวลาเธอหงุดหงิดทีไร ไม่มีกล้าเข้าไปยุ่งด้วยเลยสักราย ได้แต่ปล่อยให้นั่งเฉยๆ รออารมณ์เย็นลงเท่านั้นเเหละ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอดูน่ากลัวมากขึ้น ก็เพราะเวลาหงุดหงิด ความกดดันจะเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับความดุเเละเข้มงวดในกระเเสเลือด ใครทำอะไรขัดหูขัดตาเป็นไม่ได้ เปิดปากเอ่ยดุติติงไปเสียหมดทุกเม็ดทุกราย กระทั่งทรงผมหลุดหลุ่ยนิดหน่อยดูไม่ระเบียบยังไม่เว้นเลยด้วยซ้ำไป ยิ่งวาจายามหงุดหงิดนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยทีเดียว..ปานศรปักอก มีดแทงใจ เจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บเลยล่ะจะบอกให้..เพียงเเค่ความหงุดหงิด มันก็สามารถเปลี่ยนสาวลึกลับให้กลายเป็นนางพญามาร (?) ได้อย่างง่ายดาย ฉะนี้เเล้วใครมันจะกล้าทำให้เธอหงุดหงิดเล่า..

    ความน่ากลัวของโอลีเวียเด่นชัดมากเป็นพิเศษตอนเธอโกรธเเละหงุดหงิด ลูกน้องทั้งหลายในหน่วยจึงมีความคิดที่พ้องสรรพกันหมดว่า ต้องตั้งใจเเละทุ่มเทความพยายามให้งานที่รับผิดชอบแบบสุดกำลัง เพื่อให้ผลลัพธ์มันออกมาดีเเละเฟอร์เฟคที่สุดเท่าที่จะทำได้ โอลีเวียสั่งอะไรเอาไว้ ก็จะทำตามและปฏิบัติตามเสมอ เนื่องด้วยว่าท่านๆ ทั้งหลายเขากลัวเเม่นางมาเห็นจะเกิดพิโรธขึ้นมานั่นเอง..และหากถามว่าทั้งที่เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งขนาดนี้ ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าโกรธล่ะ? เรื่องนั้นต้องบอกได้ว่าค่อนข้างง่าย..อย่างที่เคยบอกไปว่าเวลาหงุดหงิดโกรธเนี่ย โอลีเวียจะค่อนข้างหลุดมากพอควร เธอเเสดงอารมณ์ด้านนี้ออกมาชัดเจนกว่าด้านอื่นๆ เสมอ เธอจะเงียบขรึมกว่าปกติมาก ทั้งยังขมวดคิ้วเเน่น นี่แหละคือสัญญาณเลยล่ะว่ากำลังโกรธ

    โอลีเวียมีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่ง..คือเธอเป็นคนมักจะชอบบังคับคนอื่นแบบเงียบๆ เป็นประจำ การโดนขัดใจเป็นอะไรที่เธอไม่ชอบ หากว่ามีคนทำสิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่เธอต้องการ มันอาจจะไปกระทบการแผนการของเธอเเละทำให้อะไรหลายๆ อย่างผิดเพี้ยนไปได้ ดังนั้นเเล้ว หากจะทำงานร่วมกับเธอ ก็ควรจะต้องฟังเธอและทำตามเธอ ถ้าอยากให้เเผนมันสำเร็จนั่นเอง โอลิเวียติดนิสัยนี้มาก็เพราะอยากให้แผนการของเธออกมาเพอร์เฟคล่ะนะ แต่ว่าโอลีเวียไม่ได้มาชี้นิ้วสั่งเเล้วด่าด่าด่าหรือวี้ดว้ายให้ชาวบ้านเขาทำตามเธอแบบคุณหนูหลายๆ คนหรอกนะ เธอชอบจะใช้สายตาเเละท่าทางของเธอกดดันให้คนอื่นตกลงทำตามเสียมากกว่า..โอลีเวียไม่ได้เอายศศักดิ์มากล่าวอ้าง เธอไม่ชอบการพูดลากยาวไร้เเก่นสารเพื่อชักจูงใจ ระดับเธอทั้งที..แค่คำสองคำมันก็มากพอแล้วล่ะ : )

    โดยปกติเเล้ว รอยยิ้มเเละสายตาของเธอมันเป็นอะไรที่ดูเเล้ว แม้แต่เด็กเล็กยังบอกได้เลยว่ามัน อันตราย เเม้มันจะราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวระดับหนึ่งเช่นกัน บางครั้งถ้าเกิดมีคนเเข็งข้อกับเธอมากๆ เข้า เธออาจจะยิ้มน้อยๆ ส่งไปให้เขาราวกับบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงเเล้วมันไม่ใช่ เพราะเเม้จะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นมันไม่ได้ลามไปถึงดวงตาหรอกนะ..โอลีเวียอาจเสริมด้วยคำพูดนิดหน่อยประมาณว่า 'คุณจะทำมันเเน่นอนค่ะ เชื่อสิคะ..' อาจด้วยเพราะสายตาที่ดูเย็นเยียบเเละบรรยากาศกดดันรอบตัวในตอนนั้น พอยิ่งกระตุ้นด้วยคำพูดเข้าไป มันเลยกลายเป็นสมการสมบูรณ์ที่สามารถทำให้คำตอบนั้นกลายเป็น ตกลง หรือ ได้ค่ะ/ครับ ไปในที่สุดล่ะนะ

    โอลีเวียมักใช้วิธีนี้กับคนใต้บังคับบัญชาที่ดื้อด้านอยู่บ่อครั้ง แต่ไม่ใช่แค่คนใต้บังคับบัญชาของเธอหรอกนะ มันรวมถึงผู้ร่วมงานกับเธอด้วย จะเป็นคนจากหน่วยอื่นหรือเป็นใครมาจากไหน โอลีเวียไม่สน เธอสนเพียงเเค่อีกฝ่ายจะต้องทำการเเผนการของเธอ หรือไม่ก็ไม่ทำแผนเธอล่ม เท่านั้นแหละ..และด้วยนิสัยส่วนนี้เอง ที่ทำให้หลายๆ คนพากันรู้สึกเกลียดเธอกันถ้วนหน้าถ้วนตา แต่ว่านั่นไม่ได้นับรวมเหล่าลูกน้องในหน่วยของเธอที่ทำงานด้วยกันมานานหรอกนะ เอาจริง ไม่ใช่ว่าโอลีเวียไม่เข้มงวดหรือบังคับพวกเขาหรอกนะ ตรงกันข้าม หนักกว่าที่ทำกับพวกข้างนอกด้วยซ้ำไป แต่ที่หลายๆ คนยังเคารพเเละไม่พยายามเผ่นหนีไปเสียก่อน มันก็เพราะพวกเขาเอาข้อดีของโอลีเวียไปทบกับส่วนเสียๆ พวกนั้น จนสามารถทำความเข้าใจตัวเธอและเปิดใจมองด้านอื่นของโอลีเวียให้มากขึ้นได้ไงเล่า

    สิ่งที่คนนอกไม่รู้ นั่นคือหากสนิทสนมเเละคุ้นหน้าคุ้นตากันในระดับหนึ่งกับสาวสวยคนนี้ จะได้รู้ว่าโอลีเวียไม่ได้มีนิสัยเเค่เพียงที่แสดงออกไปเท่านั้น เอาจริงเเล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะเเยะเลยล่ะนะ และเธอก็มักเลือกเเสดงท่าทีพวกนั้นกับพวกลูกน้องในหน่วยของเธอเสียด้วยสิ ถึงเเม้ปกติเเล้ว โอลีเวียจะมีลุคขรึมดูไม่พูดจา แต่กับลูกน้องคนในหมู่งานกลุ่มตนเเล้ว ก็มักจะอ่อนความขรึมนั้นลงมามากกว่าเวลาปกติประจำ พวกเขามักได้เห็นรอยยิ้มของโอลีเวียมากกว่าคนทั่วไปเสมอ ทั้งรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ จากความรู้สึกสนอกสนใจ หรือที่สื่อถึงความสนุกก็ตามที ไม่ก็อีปิคที่สุด นั่นคือการที่เธอยิ้มออกมาเต็มริมฝีปาก แล้วพูดจาติดขำๆ หยอกเล่นเล็กน้อยกับพวกลูกน้อง..แต่อันนี้ ค่อนข้างทำให้คนในหน่วยช็อกมากกว่ายิ้มตามอยู่เอาการล่ะนะ..

    เหตุเกิดเพราะปกติโอลีเวียจะเป็นคนจริงจังเข้มงวดกับหน้าที่การงานเสมอ จึงไม่ค่อยมีคนเห็นเธอพูดเล่นขำขันกันยังไงล่ะ ดังนั้นปฏิกิริยานั้นจึงเป็นอะไรที่แบบ นานทีปีหน (?) อะไรแบบนั้น--กล่าวเเล้ว ต้องเป็นเฉพาะช่วงที่รู้สึกมีความสุขมากๆ ก็ว่าได้เลยล่ะ พูดไปพูดมา จะบอกได้ว่ารอยยิ้มเต็มริมฝีปากของโอลีเวียน่ะ เป็นรองแรร์ไปเท็มก็ว่าได้เลยล่ะ หญิงสาวไม่ชอบการยิ้มเต็มริมฝีปากเท่าไหร่หรอก มันดูเปิดเผยมากเกินไปจนเกินงาม..มิหนำซ้ำเธอยังติดปัญหาตรงที่ว่า พอยิ้มเต็มที่ทีไร พวกผู้ชายที่เห็นก็มักชอบทำตาค้าง เเล้วมาตามตื้อจีบกันตลอด..อืม เป็นปัญหาหนึ่งของคนหน้าตาดีน่ะ (..) แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบการถูกตามจีบเเบบเธอ ย่อมตัดปัญหาด้วยการ ไม่ยิ้มมันซะเลย--จบ.

    มีอยู่หนึ่งยิ้มที่โอลีเวียมักจะคลี่ออกมาให้ผู้อื่นยลโฉมบ่อยๆ นั่นคือรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเป็นที่สุด เเละประสานไว้ด้วยความท้าทายอย่างเต็มเปี่ยม เห็นนางนิ่งๆ แบบนี้ แต่โอลีเวียน่ะเป็นคนช่างท้าทาย มั่นอกมั่นใจ และไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ นะจะบอกให้ เรียกได้ว่าถ้าเกิดกล้าท้าชนมา เธอก็กล้าชนกลับเช่นกลับ และตัวเธอมันไม่ใช่คนใจดีศรีสังคมอะไรขนาดนั้นซะด้วย..คำว่าออมมือน่ะมันไม่มีอยู่ในสารานุกรมของโอลีเวียหรอกนะ หากเอาจริง โอลีเวียจะทุ่มสุดเเรงและโต้คืนกลับทุกการท้ายทายอย่างสมน้ำสมเนื้อเสมอ บวกกับด้วยมันสมองระดับนี้เเล้ว บอกเลยว่าพอเอาจริงขึ้นมา โอลีเวียน่ะน่ากลัวเป็นที่สุดเลยล่ะ

    โอลีเวียมักถูกคนรอบตัวเกลียดเเละซุบซิบนินทาอยู่เสมอๆ แต่เธอกลับไม่คิดสนใจคำนินทา ข่าวลือ หรือคำครหาอะไรเลย สำหรับตัวเธอเเล้ว เธอคิดว่าใครอยากจะมองเธออย่างไรก็ให้เขามองไปเถอะ อยากจะว่าเธออย่างไรก็ว่าไป มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจเเละควรเเก่การเอามาคิดให้หนักหัวเลยสักนิด โอลีเวียไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจกับคำเเขวะด่าพวกนั้น เฉยชาต่อมันราวกับว่าเป็นเพียงเสียงลมผ่านหู ทั้งยังไม่คิดจะเเก้ต่างความเข้าใจผิดของผู้อื่นที่มีต่อเธอเลยสักนิดเลยด้วย ขนาดบ้างครั้งคำพูดจานั้นว่าร้ายจัดเสีจนลูกน้องยังเดือดแทน เธอยิ่งเฉยต่อมันได้อย่างหน้าตาเฉย โอลีเวียจะเพียงเเค่ส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยเพียงเเค่ว่า 'เราไม่ใช่อย่างที่เขาว่า เเล้วจะใส่ใจไปทำไมเล่าคะ' อีกต่างหาก..ถือเป็นผู้หญิงที่ใจเย็นเเละสุขุมมากในระดับหนึ่ง เเต่เอาจริงเลยนะ..ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรมาแต่แรกหรอก เพียงเเค่ได้รับเสียงนินทากับสายตาเกลียดชังจากคนรอบด้านมามากมายเสียจนมันชินชาไปแล้วเท่านั้นเอง

    หากถามถึงหัวใจในอกซ้าย..คงบอกได้ว่ามันเเทบจะด้านชาไปแล้วล่ะ..คำด่าทอนั้นช่างไร้ค่า เมื่อหัวใจที่ได้รับนั้นด้านชาจนไม่สะทกสะท้นอันใดเลยต่อมัน โอลีเวียน่ะเคยร้องไห้ให้กับคำพูดโหดร้ายพวกนั้น เเต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า..สุดท้ายจากความเจ็บปวด ก็กลายเป็นความชินชาไม่แยแส โอลีเวียเลือกจะหลับหูหลับตาไม่สนใจ ดีกว่าเก็บมาใส่ใจให้รกสมองตัวเองเล่น นั่นเพราะเธอถือคติ เขาจะว่าอย่างไรก็ว่ากันไป เพียงเราไม่เป็นแบบที่เขาว่ามานั่นก็มากพอเเล้วที่จะนิ่งเฉย เธอไม่จำเป็นต้องร้อนตัวทุรนทุรายเเก้ต่างหรอกนะ ในเมื่อมันไม่จริงนี่นา..

    โอลีเวียเป็นคนเข้มเเข็งและปากหนักมากๆ คนหนึ่ง เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจของเธอมันไม่เคยหลุดออกมาจากปาก โอลีเวียชอบจะเก็บความปวดหัวหนักใจต่างๆ นานาเอาไว้คนเดียว โดยไม่ยอมปริปากไปปรึกษาหารืออะไรกับใครเลย เธอคิดเสมอว่าปัญหาของเธอ เธอจะต้องเเก้มันด้วยตัวเองให้ได้ จะไปลากให้คนอื่นเข้ามาเครียดหรือซวยไปกับเธอเพื่ออะไรเล่า ถึงสองหัวมันจะดีกว่าหัวเดียว แต่คนรับผิดมีน้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้นเช่นกัน เพราะงั้นไม่ว่าจะเจอเรื่องยากขนาดไหน เธอก็จะไม่ยอมเอาไปพูดคนอื่นอย่างเด็ดขาด..ถึงจะเศร้าขนาดไหนก็จะเก็บไว้ในใจ คอยปลอบประโลมคนเดียวไปเงียบๆ เท่านั้น เเค่เจ็บนิดหน่อยมันไม่เป็นไรหรอก หลับตานอนพักสักวันสองวันก็หายเเล้วล่ะ..เธอคิดเเบบนั้น คิดมาตลอดทั้งที่รู้อย่างเต็มอกว่ามันไม่เคยหาย เพียงเเค่ทับถมลงไปในซอกลึกสุดของหัวใจและถูกกลบซ่อนเอาไว้เท่านั้นเอง..ความเจ็บทางใจน่ะมันไม่ได้หายง่ายเพียงนอนพักอย่างความเจ็บปวดทางกายภาพหรอกนะ..

    สิ่งที่โอลีเวียมักเก็บซ่อนเอาไว้เสมอ นั่นคือความเจ็บปวดเเละปัญหาหนักใจของเธอ กับความลับของตนเอง โอลีเวียเป็นผู้หญิงลึกลับหูตากว้างไกล เธอรู้ในหลายเรื่องที่คนอื่นไม่รู้ เเละตัวเธอเองก็มีความลับมากมายอยู่กับตัวเต็มไปหมด ครั้นจะให้บอกคนอื่นน่ะเหรอ? แน่นอน..ไม่มีทางหรอก โอลีเวียชอบทำให้ทุกอย่างดูเป็นความลับไปเสียหมด ชอบทำตัวอมพะนำ พูดนิดพูดหน่อย แล้วเก็บเงียบใจความเอาไว้ให้คนอื่นรู้สึกดิ้นอยากจะรู้จนต้องเข้ามาค้นหาเสียเเทน ก็ความลับน่ะ มันน่าพิศวงจนชวนให้หลงใหลจะตายไปนี่นา อีกอย่าง ถ้ารู้ได้ง่ายๆ มันก็ไม่สนุกสิ..

    เรื่องส่วนตัวที่รู้กันเพียงในครอบครัว หรือเเม้กระทั่งเรื่องที่มีเเค่เธอเท่านั้นที่รู้ สิ่งพวกนี้คือสิ่งคนนอกจะไม่มีวันได้รู้ น้อยคนนักจริงๆ ที่จะมีคนรู้เรื่องส่วนตัวของโอลีเวียอย่างพวกเรื่องในครอบครัวอะไรแบบนั้น เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวเธอที่ลึกลับ แต่รวมไปถึงตระกูลและคนในตระกูลครูสด้วยเช่นกัน เรื่องภายในนั้นส่วนมากเเล้วจะไม่มีการบอกคนนอกตระกูลหรอกนะ ตัวของโอลีเวียเองก็ไม่คิดจะเอาไปบอกใครมั่วซั่วหรอก เรื่องแบบนั้นน่ะ หรือไม่ หากเธอบอกความลับหรือเรื่องส่วนตัวกับใครเเล้ว แสดงว่าคนคนนั้นย่อมเป็นคนที่ถึงขนาดว่าสาบานกับเธอด้วยสัตย์จริงได้ว่า จะไม่มีวันขายเธอหรือเอาเรื่องนี้ไปโพทนาโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด ง่ายๆ คือต้องสนิทกันปานจะตายแทนกันได้นั่นเเหละ ซึ่งในปัจจุบัน โอลีเวียยังไม่เห็นมีสักคนที่สามารถสนิทใจกับเธอได้มากขนาดนั้น ดังนั้นเเล้วความลับที่มีอยู่กับเธอ จึงเหมือนเป็นความลับที่ไม่มีวันไขได้ยังไงล่ะ องค์ประกอบหลายๆ อย่างมันทำให้ตัวตนของเธอดูลึกลับ..และน่าค้นหา ครั้งหนึ่งเคยมีคนถามเธอว่า ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงอยู่กันแน่? สิ่งที่ได้รับกลับไปนั้น มันคือเสียงหัวเราะสลัวเเผ่วเบาและคำพูดประโยคหนึ่งที่แผ่วเบาราวกระซิบจากริมฝีปากนั้นว่า 'ถ้าอยากรู้..ก็ลองหาคำตอบดูเอาเองสิ : )'



    ชีวประวัติ ::


    โอลิเวีย ครูส กล่าวขานถึงสตรีนางนั้น ใครต่อใครล้วนแต่พากันส่ายหน้า

    สิ่งที่พวกเขารู้นั้น มีเพียงเเค่ว่าเธอมาจากตระกูลเก่าแก่มากชื่อเสียงเท่านั้น


    นอกเหนือจากนั้น เเทบทุกสิ่ง..คือความลับที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้


    เบื้องหน้าคือท่าทางทรงภูมิสง่างามน่าเกรงขาม รอยยิ้มน้อยๆ บริเวณมุมปากเเละนัยน์ตา ราบเรียบทว่ากลับแอบแฝงด้วยหลายสิ่งอย่างมากมายเกินกว่าใครจะคาดรู้ สตรีผู้มีฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานสูงลิบคู่ควรกับความสามารถ เเต่เคราะห์กรรมซัดถม ไม่รู้ว่าเหตุใดกัน ผู้คนจึงเลือกมองข้ามความสามารถเหล่านั้นเเละเอ่ยกล่าวว่าเธอนั้นหาได้สุจริต ยิ่งเกิดเเละเติบโตในครอบครัวใหญ่มีคนสนับสนุน ยิ่งถูกครหาว่าได้รับเส้นสายช่วยผลักดันเข้ามาในหน้าที่โดยมิได้ใช่ฝีมือจริงๆ ไม่..

    แต่ใครจะไปรู้เล่า ว่าในความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยเเม้แต่น้อย..

    ถึงอย่างนั้นส่วนมากมันก็เพราะโอลิเวียไม่เคยปริปากพูด เเละไม่คิดจะเปิดปากพูดต่างหากล่ะ


    แต่ว่า..ครั้งนี้น่ะ จะเล่าให้ฟังเป็นพิเศษนะ..ถ้ารู้เเล้ว อย่าลืมปิดเงียบไว้ด้วยล่ะ : )



    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}ความหลงใหลอันแปลกประหลาด{{
     
    หากกล่าวถึง ตระกูลครูส เสียงจะผสานบอกกล่าวขานเป็นอย่างเดียวกัน ว่าถึงความยิ่งใหญ่ร่ำรวยเเละทรงอำนาจของตระกูล ตระกูลครูสมีมานานกว่าร้อยปีแล้ว ทั้งคนในตระกูลยังมีมาก รวมถึงยังครอบครองตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่ๆ หลายๆ ด้านเอาไว้มากมาย เป็นที่เกรงใจโดยทั่วกันของเหล่าคนใหญ่โตทั้งหลาย นั่นจึงทำให้ลูกหลานของคนตระกูลนี้มักจะได้รับการเปิดทางไปสู่อาชีพที่ใฝ่ฝันหรือสาขาการเรียนที่ต้องการได้ง่ายดายกว่าคนอื่นอย่างมากนั่นเอง
    และตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ก็คือนามสกุลที่ต่อท้ายชื่อของเธอเองเเหละ
    โอลีเวีย ครูส เด็กสาวหน้าตาสวยสดงดงามหยาดเยิ้มราวโฉมสะคราญล่มเมือง ที่มาพร้อมกับมันสมองอันชาญฉลาดเหมาะสมแก่การเป็นผู้มีสายเลือดตระกูลครูส เธอเป็นบุตรีของชายผู้เพียบพร้อมด้วยความสามารถสารพัดที่ตอนนั้นเป็นผู้นำตระกูลครูส มีแม่แสนสวยและสง่างามพร้อมสรรพด้วยคุณสมบัติผู้ดีนานาประการ มีเงินทองให้ใช้สอยได้ไม่จำกัด ชีวิตเเลดูสุขสบายเเละน่าอิจฉาจนตาแทบร้อนระอุเป็นเพลิงไฟ แต่ความจริงก็..
    ไม่ได้ดีเด่อะไรสักเท่าไหร่..
    เคยได้ยินไหม? ที่เขาว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของเรามันจะมีมากขึ้น เมื่อเราเกิดขึ้นมาในฐานะที่สูงกว่าคนอื่นน่ะ โอลีเวียก็ไม่ได้พ้นคำกล่าวนั้นหรอก ด้วยเพราะบ้านของเธอเป็นตระกูลใหญ่ การมีบุตรธิดาไม่ได้ความจึงถือเป็นความน่าอับอายอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่เเตกต่างคือพวกเขาไม่ได้ผลักดันและบังคับให้ผู้สืบสายเลือดร่ำเรียนให้เก่งกาจ เพียงเเค่ยื่นคำขาดเท่านั้น ว่าหากไร้สามารถ ก็ให้ไสหัวออกไปจากตระกูล
    แค่นั้นเหล่าเด็กๆ ที่กลัวถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ก็ตาหลีตาเหลือก ก้มอ่านหนังสือหมั่นทบทวนความรู้ ขัดเกลาความสามารถกันแทบไม่ทันเเล้ว หรือไม่สำหรับพวกที่โตเเล้วหน่อย ด้วยเพราะไม่ต้องการจะเสียชีวิตเเสนสบายนี้ไป จึงตั้งใจทำงานสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ความดีเด่นคือสิ่งที่คนในตระกูลครูสต้องการ พวกเขาจะต้องเฉิดชายเเละเก่งกาจมากพอจะสะกดสายตาของผู้อื่น เเละทำให้หมู่คนจดจำชื่อของพวกเขาได้
    ตระกูลครูสเป็นตระกูลใหญ่ ดังนั้นโอลีเวียจึงมีญาติมากมายเต็มไปหมด เเละก็มีเด็กจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยที่มีชะตากรรมไม่ต่างจากตัวเธอและน้องชายร่วมสายเลือดอีกหนึ่ง
    ต่างกันเเค่ว่า สำหรับพวกญาติๆ อย่างน้อยพ่อแม่ก็ยังรักลูกและพยายามผลักดันลูกตัวเองอยู่ห่างๆ (ถึงบางทีจะปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นมันกดดันเด็กล่ะนะ..) พร่ำบอกว่าถ้าไม่เก่ง ก็จะไม่มีใครรักนะ อย่างนู้นอย่างนี้ สารพัดอย่างในการไซโคให้ลูกขยัน จากนั้นพอดีเด่นเเล้วก็เอาผลงานของลูกๆ มาข่มกันไปข่มกันมา งานถนัดญาติๆ เธอเลยเชียว..และนี่ คือกรณีปกติทั่วไปสำหรับเด็กๆ ที่สืบสายเลือดตระกูลครูส
    ส่วนเธอกับน้องชาย..ค่อนข้างเเตกต่างจากนั้นอยู่หน่อย..ตรงที่ว่า พ่อและแม่..ไม่ได้รักพวกเธอ..
    โอลีเวียกับน้องเป็นเด็กที่เกิดมาจากความต้องการของผู้ใหญ่มากกว่าความรักของคนสองคน เอาง่ายๆ พ่อและเเม่ของเธอไม่ได้เเต่งงานกันด้วยความรัก แต่แต่งกันเพียงเพราะเเค่ว่าผู้ใหญ่เห็นชอบเท่านั้นเอง..ตั้งเเต่เกิดมา มันน้อยครั้งมากจริงๆ ที่เธอจะได้เห็นพ่อกับเเม่อยู่ด้วยกัน เพราะนอกจากพ่อจะงานยุ่งจนไม่สามารถหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ ท่านเองยังไม่คิดอยากจะมาเยี่ยมเยียนภรรยาและลูกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนทางมารดาเองนั้นไม่ได้เเตกต่างอะไรมากนัก แต่ค่อนข้างจะรุนเเรงกว่าสักเล็กน้อย..เพราะเเม่ของเธอไม่ได้พักในคฤหาสน์ใหญ่ เธอย้ายมาอยู่ในบ้านพักตากอากาศของตระกูลครูส โดยหอบหิ้วลูกทั้งสองของตนไปด้วย ปานว่ากำลังบอกสามีของตนกลายๆ ว่า ฉันไม่ต้องการอยู่กับคุณ อย่างไรอย่างนั้น
    แม่ของเธอไม่ได้รักเด็กที่ตนคลอดมาเองกับมือทั้งสองสักเท่าไหร่ อย่างมากก็มองเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้นเเหละ เเต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะเกลียดชังอะไร..ต้องบอกว่า เฉยๆ และพยายามไม่ใส่ใจ มากกว่าล่ะมั้ง? ส่วนมากเเล้วโอลีเวียจะใช้เวลาอยู่กับน้องและแม่นมของพวกเธอ ส่วนมารดาก็มักเก็บตัวอยู่ภายในห้อง อ่านหนังสือจิบชาของท่านไปตามอารมณ์ จะทำอะไรก็ได้ในบ้านหลังใหญ่นี้ วิ่งเล่นหรืออ่านหนังสือก็เเล้วแต่ใจ อยากจะอยู่ในตระกูลต่อหรือโดนเฉดหัวออกไปก็แล้วแต่ตามที่ต้องการ ขอเพียงเเค่ไม่ไปรบกวนท่านเป็นพอเท่านั้น
    และ ในขนาดที่แม่ๆ ท่านอื่นบอกลูกว่า "ลูกต้องพยายามนะ ไม่อย่างงั้นลูกจะเสียทุกสิ่งไปนะ" หรือ "พยายามมากกว่านี้สิ ถ้าไม่เก่งล่ะก็ เดี๋ยวก็ได้ไปนอนข้างถนนหรอก" บลา บลา บลา แม่ของเธอกลับทำเพียงเเค่พูดสั้นๆ เป็นการสรุปทุกสิ่งทุกอย่างที่ขัดกับชาวบ้านเขาอย่างสิ้นเชิงว่า
    "ฉันไม่สนว่าแกจะทำอะไร อย่าทำให้ฉันขายหน้าเท่านั้นเป็นพอ"
    อืม..ช่างเป็นการผลักดันที่ได้ผลดีจริง ๆ..โอลีเวียล่ะอยากถอนหายใจออกมาเป็นควันภูเขาไฟ..
    แต่นั่นมันก็เหมือนตัวกระตุ้นบางอย่างสำหรับเธอนะ..อย่างที่เคยบอกว่าเเม่ของเธอไม่ได้เกลียดพวกเธอ เช่นกัน โอลีเวียเองก็ไม่ได้เกลียดหล่อน ออกจะชื่นชมและแอบยึดเป็นแบบอย่างอยู่ห่างๆ เหมือนกันนะ เธอชอบใบหน้าที่นิ่งสงบแต่สง่างามเเละน่าเกรงขามนั่น เธอชอบบรรยากาศเงียบๆ ลึกลับมองไม่ออกนั่น เเละยิ่งดวงตาคู่นั้น เธอยิ่งชอบ..เเม่ของเธอคือผู้หญิงในอุดมคติที่โอลีเวียกล้าบอกว่าเธอหลงใหล อาจเป็นเพราะนิสัยเเปลกๆ ที่หลงใหลในความลึกลับของโอลีเวียที่มีมาเเต่เด็กเเล้วด้วยกระมัง มันจึงทำให้เธอปลาบปลื้มผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก
    โอลีเวียอยากจะเป็นให้ได้แบบเเม่ของเธอ..เธออยากจะเป็นหญิงสาวที่ดูลึกลับเเละสง่างามชวนให้ค้นหาเช่นเดียวกับมารดา เเต่เพราะเเบบนั้น สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือต้องขัดเกลาตนเองเสียก่อน..
    มารดาของเธอคือหญิงสาวที่พูดได้ว่าเกือบจะเพอร์เฟค หากไม่นับนิสัยที่ดูเย็นชามากไปบ้างจนดูไม่น่าคบเเล้ว หล่อนก็เป็นสตรีที่ดีพร้อมไปหมด ทั้งเรื่องมารยาท ความรู้ ความสามารถรอบด้าน เเละฐานะ ดังนั้นเเล้ว..ถ้าอยากจะเป็นให้ได้เเบบเเม่ของตัวเอง โอลีเวียจึงคิดว่าตัวเองต้องดูเพอร์เฟคเหมือนกับเเม่ของเธอเช่นกัน
    เธอพยายามอ่าน พยายามท่อง พยายามเรียนและฝึกฝน ทำทุกวิธีทางให้ตนเองฉลาดเเละเก่งกาจขึ้นมา แม้ในเรื่องของพละกำลังจะไม่กระเตื้อง แต่ในเรื่องของมันสมองนั้นกลับพัฒนาไปได้ไกลอย่างก้าวกระโดด จากความสามารถที่มีอยู่แล้ว พอผนวกกับความขยันใฝ่รู้จริงจังนั่น มันยิ่งส่งเสริมกันมากเข้าไปใหญ่
    โอลีเวียพยายามทำให้ทุกอย่างมันออกมาเพอร์เฟค..ควบคุมและบังคับให้เป็นไปตามที่คิด ทำทุกอย่างให้สำเร็จตามแผนร้อยเปอร์เซนต์ จากแรกเริ่มยังมีผ่อนปรน แต่ยิ่งโตขึ้น ความผ่อนปรนนั้นยิ่งจางหายไปเรื่อยๆ จนท้ายสุดเเล้วมันก็กลายเป็นว่า เธอเสพย์ติดคำที่เรียกว่าเพอร์เฟคไปเสียเเล้ว
    ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งเเต่เมื่อไหร่..แต่ครั้นจะให้แก้มันตอนนี้ ก็คงไม่ทันหรอก..
    และนี่ก็คือสาเหตุหลักๆ ของนิสัยที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปได้ดั่งใจ และบรรยากาศลึกลับรอบตัวที่ถูกโอลีเวียสร้างขึ้นเพียงเพราะเเค่มีมารดาเป็นแบบอย่างเท่านั้นเอง
    แต่โอลีเวียคงไม่รู้หรอก..ว่าความลึกลับของเธอมันเกินมารดาไปไกลโข..จนน่ากลัวเลยทีเดียว..


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่ถูกเข้าใจผิดเพี้ยนไป{{
     
    "พวกเด็กเส้นเเบบหล่อนน่ะอยู่ได้ไม่นานหรอก"
    เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกันที่เจอคนมาพูดตรอกใส่หน้าเเบบนี้..
    วันเวลาหมุนผ่านไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ จากเด็กสาวตัวน้อยๆ เติบโตเป็นหญิงสาวโฉมงามสะคราญลั่นเมือง โอลีเวียเรียนจบปริญาตรีในคณะกฎหมายเเละคดีความ..จนตอนนี้ก็ได้เริ่มศึกษางานในด้านนี้และเพิ่งเข้ารับงานในหน้าที่การงานที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงพอสมควร มันค่อนข้างเเปลกที่เด็กจบใหม่ได้เเค่ครึ่งปีแบบเธอจะมีตำแหน่งสูงๆ กับเขา สายตาของเพื่อนร่วมงาน จึงเป็นสายอิจฉาปนสงสัย พร้อมคำครหาที่มาพร้อมข่าวลือที่ว่า
    'โอลีเวีย ครูส เป็นพวกเด็กเส้น'
    ไม่ใช่แค่ในหน้าที่การงานในตอนนี้ มันยังลามไปถึงเรื่องในอดีตอย่างการเรียนของเธอ หลายๆ คนเริ่มสงสัยว่าโอลีเวียอาจใช้เส้นสายของญาติๆ ในตระกูลในการเข้าเรียนเเละทำงาน เพราะคณะที่เธอเรียนมันเรียกได้ว่ายากเเถมมหาลัยนั้นยังเข้ายากสุดๆ อีกต่างหาก ต้องบอกว่าเปอร์เซนต์คนที่คะเเนนผ่านเกณฑ์ต่อปีมันมีน้อยมาก..มากแบบที่ว่าถ้าเห็นเด็กเรียนกันอยู่เเค่นิดเดียว จะไม่มีใครเเปลกใจอะไรเลย
    คนส่วนมากไม่สามารถสอบเข้าที่นี่ได้ตั้งเเต่ครั้งเเรก แต่โอลีเวียทำได้
    ซึ่งแน่นอนว่านั่นเพราะเธอเตรียมตัวก่อนสอบ รู้ไหมว่านี่ต้องอดตาหลับ ขับตานอนนั่งหลังคดเเข็งอ่านหนังสือเป็นตั้งๆ อยู่นานแค่ไหน? หนึ่งปีเต็ม! โอลีเวียเตรียมสอบเข้ามหาลัยมหาโหดนั่นอยู่ปีหนึ่งเต็มๆ เลยนะ เเล้วดูเถอะ..แค่ดันเกิดมาเป็นคนมีอันจะกินกับมีญาติมีชื่อเสียงเยอะ พร้อมจะผลักดันให้ไปได้ไกลในหน้าที่การงานทุกๆ อย่างแค่นี้ ดันกลายเป็นพวกไม่เอาอ่าวใช้เส้นเข้าเรียนเข้าทำงานซะงั้น..ดี ดีจริงๆ
    ความพยายามมาตลอดหลายสิบปีเพื่อความสามารถที่มีอยู่ในตอนนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ..
    รู้สึกเหนื่อยเเละท้อขึ้นมาขณะหนึ่ง ก่อนคำว่า ช่างมันเถอะ จะลอยขึ้นมาในหัว โอลีเวียไม่ได้สนใจมันต่อ เพียงเเค่ปัดมันให้ตกประเด็นจากความคิดในสมอง แล้วเลิกใส่ใจเพียงเท่านั้น
    ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ นี่ จะสนทำอะไรล่ะ..


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}เพียงเธอเท่านั้น{{
     
    โอลีเวียมีความลับที่ไม่เคยบอกใครและไม่สามารถบอกใครได้อยู่หนึ่งอย่าง..
    เริ่มแรก..ต้องเกริ่นก่อนว่าเธอมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง เขาชื่อว่า ลูเซียน ครูส เป็นน้องชายที่อายุห่างจากเธอแค่หนึ่งปีเท่านัั้น..และหากถามว่าบนโลกนี้ใครรู้โอลีเวียมากสุด คงไม่พ้นน้องชายของเธอคนนี้
    เขารู้เสมอว่าเธอคิดอะไร และเขาเป็นคนเดียวสามารถก้าวผ่านบรรยากาศอันลึกลับของโอลีเวีย เข้าไปล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจเธอได้เสมอ บางที อาจเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งเเต่เด็กๆ แล้วก็ได้ล่ะมั้ง..?
    แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน..นั่นคือความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา
    โอลีเวียหลงรักน้องชายตัวเอง..และนั่นเเหละความลับอันดับหนึ่งของเธอ

    "ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธตรงๆ ไปเลยล่ะ ว่าไม่ได้ทำ" มันเป็นครั้งที่ร้อยแล้วได้กระมัง ที่โอลีเวียโดนน้องชายบ่นใส่หน้าแบบนี้ ในตอนที่ไปเล่าว่าวันนี้เจออะไรมาบ้าง
    ใบหน้าหงุดหงิดเเละน้ำเสียงห้วนๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างแรงที่มีคนมากล่าวหาพี่สาวของเขาเสียๆ หายๆ แบบนั้น แต่ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เมื่อคนโดนด่าดันไม่สนใจอะไร เพียงเเค่กระตุกมุมปากยิ้มรับน้อยๆ แล้วทำสายตาอ่านไม่ออกส่งคืนมา
    "ไม่จำเป็นนี่คะ" ทั้งคำตอบยังเหมือนเดิมตลอดศก ปานว่าสมองเป็นจักรกล แล้วถูกป้อนข้อมูลให้พูดตอบคำถามข้อนี้ได้เเค่คำตอบนี้เท่านั้นอย่างไรอย่างนั้น
    "ถึงอย่างนั้นนี่ก็เกินไป พวกนั้นว่าพี่ใช้เส้นไม่พอ ยังว่าพี่เอาเส้นไปเบียดพวกนั้นจนตำแหน่งร่วงอีกนะ"
    "ก็พี่ไม่ได้ทำ เเล้วพี่จะเดือดเนื้อร้อนใจไปทำไมล่ะคะ?"
    กลอกตาเสียสักสามร้อยล้านรอบ พี่สาวของเขาเป็นแบบนี้เสมอ ใครว่าอะไรมาไม่เคยจะเดือดเนื้อร้อนใจ ทำหน้าเรียบเฉยแถมยังไม่ยอมแก้ต่างให้ตัวเอง ปล่อยให้คนพวกนั้นเข้าใจผิดๆ กันไปเองอีกต่างหากล่ะนั่น สาบานเลยนะ ว่าลูเซียนไม่เคยรู้สึกว่านิสัยส่วนไหนของพี่เขามันน่าหนักใจได้เท่าตรงนี้เลย
    เขากังวลว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป ภาพลักษณ์ของโอลีเวียจะยิ่งเลวร้ายลง..ความห่วงใยมันฉายชัดออกมาจากดวงตา ส่งผ่านไปยังหัวใจในอกซ้ายให้อุ่นวาบ ในขนาดที่ทำหน้าลอยชายไปมา หัวใจตอนนี้มันกำลังพองฟูอย่างไม่อาจห้ามได้ เหมือนกับทุกครั้งที่ได้รับความห่วงใยจากคนตรงหน้า
    โอลีเวียเเละลูเซียนมีอายุที่ห่างกันเพียงเเค่หนึ่งปีเท่านั้น พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เล่น กิน นอน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและตัวติดกันปานฝาแฝด ไปไหนไปกันตลอดศก แต่พอโตขึ้น จิตสำนึกของพวกเขามันก็บอกว่าจะมาตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ยิ่งต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบไม่ต่างกัน พวกเขาจึงยิ่งต้องห่างกันมากขึ้นไปอีก แต่ถึงจะห่างกันขนาดไหน น้องชายของเธอ..ลูเซียน เขายังคงห่วงใยและคอยช่วยดูเเลและให้กำลังใจเธอเสมอ ทั้งในเวลาที่รู้สึกท้อและในเวลาปกติก็ตามที
    เขาเป็นเหมือนกับเเสงสว่าง อบอุ่นเเละเยียวยาหัวใจให้หายเจ็บ เหมือนกับชื่อของเขาไม่มีผิด..
    การกระทำอันอ่อนโยน ความห่วงใย ความสนิทสนม ทุกอย่างที่ได้รับจากลูเซียนคือสิ่งที่โอลีเวียไม่เคยได้รับจากคนรอบข้าง เพราะงั้นมันจึงทำให้เธอมีความสุข ชีวิตของเธอถูกเกลียดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะกับใครก็ตามที..มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเเละทำใจลำบากที่จะต้องยอมรับมัน ว่าตนถูกคนนอกเกลียดชังมากมายเพียงไหน
    แต่ทุกสิ่งก็ง่ายดายเมื่อมีเขาอยู่ข้าง ๆ..ราวกับโลกหม่นๆ ของเธอมันส่องสว่างขึ้นมา ความอุ่นของมือคู่นั้นเหมือนกับสายลมเย็น ที่พัดพาความทุกข์ใจทุกอย่างให้หายไปได้อย่างง่ายดาย
    ความรู้สึกที่เธอมีให้เขา มันเป็นอะไรที่พิเศษ มันแตกต่างจากความหลงใหลที่มีให้แม่ ทว่าเป็นความรู้สึกที่ยินดีเมื่อเขาอยู่ใกล้ และกระวนกระวายเมื่อเขาหายไป มันเหมือนกับว่าเธอจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา
    โอลีเวียรักลูเซียนในแบบความรักของชายหญิง เธอยอมรับมัน ไม่คิดจะปฏิเสธ..แม้ว่ามันจะเป็นความรักที่ผิดบาป ไม่สมควรจะเกิดขึ้นมาก็ตามทีเถอะ
    "แต่ผมพูดจริงๆ นะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่มีใครเชื่อพี่แน่ ๆ"
    ถ้อยคำของลูเซียนดึงสติของเธอให้กลับเข้ามาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง ใบหน้าจริงจังจนเกิดเหตุทำให้อดส่ายศีรษะเบาๆ ไม่ได้ โอลีเวียยกมือลูบกลุ่มผมนุ่ม ก้มลงสัมผัสปลายจมูกลงบนหน้าผากกว้างนั้นเเบบที่ชอบทำอยู่เสมอ ทั้งในตอนเด็กและเเม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม
    "อย่ากังวลเลยนะคะ คนเก่ง" โอลีเวียกล่าวเสียงเรียบ "พี่มั่นใจว่าความสามารถของพี่จะทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดได้อีกแน่นอน ว่าพี่เป็นพวกเด็กเส้น เพราะงั้น เชื่อใจพี่นะคะ? ลูเซียน"
    เหมือนเด็กที่โดนล่อลวงให้ทานยาขมเพื่อแลกกับขนมหวานในตอนท้าย ลูเซียนทำหน้ายุ่งยากเเละส่งสายตาประมาณว่า จริงนะ? มาให้ เขาครุ่นคิดอยู่นานมาก นั่นเพราะว่าถึงตัวเขาจะมั่นใจว่าพี่สาวเขาทำแบบที่ว่าได้จริงๆ แน่นอน แต่เขาเองก็กังวลเหมือนกัน ว่าก่อนจะถึงวันนั้น มันจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมากับพี่สาวของเขาหรือเปล่านะ..? แต่ว่า เพียงเเค่โอลีเวียส่งสายตาไปให้ลูเซียน เขาก็ถอนหายใจเเละเออออรับไปในที่สุด
    "ก็ได้ๆ ไม่เห็นต้องจ้องกันขนาดนั้นเลยนี่นา"
    โอลีเวียกระตุกยิ้มมุมปาก ลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ "เด็กดี.."
    "ผมไม่ใช่เด็กเเล้วนะพี่!" ก่อนจะโดนประท้วงด้วยใบหน้าแอบเปื้อนสีแดงและงอง้ำน้อยๆ ของลูเซียน ตอนนี้อายุอานามเขาก็ล่อไป24เเล้วนะ ทำเขาเป็นเด็กน้อยไปได้ "แต่ว่าพี่ช่วยจัดการไปแก้ต่างกับยัยพวกนั้นก่อนได้ไหม พอไปหาเเล้วเห็นซุบซิบนินทาพี่กัน มันทำผมหงุดหงิดทุกที"
    "ไม่เอาค่ะ"
    "โธ่พี่!--"
    "ลูเซียน..อย่าโวยวายสิคะ น้องน่าจะรู้นี่ว่าพี่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาพวกนั้นอยู่เเล้ว พวกเขาจะเชื่อพี่หรือว่าไม่เชื่อพี่ พี่ก็ไม่สนใจหรอกนะคะ ยังไงเสียมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง อีกอย่างพวกเขาเองก็มีสิทธิจะเลือกและตัดสินความคิดของตัวเองอยู่เเล้วด้วย"
    "........."
    "แล้วก็.." ริมฝีปากหยุดคำพูดลง ราวกับว่าช่างใจว่าควรพูดออกไปไหม แต่สุดท้าย โอลีเวียก็ตัดสินใจเอ่ยออกไปด้วยคำพูดเบาหวิวว่า "พี่ไม่ได้ถูกคนทั้งโลกเกลียดและไม่เชื่อใจสักหน่อย..อย่างน้อยน้องก็เชื่อพี่ ใช่ไหมคะ?"
    เพียงเท่านั้น ใบหน้ายับยู่ก็คลายลงในทันที เสียงถอนหายใจดังจากลูเซียน เขาเกาศีรษะแกร่กๆ เเละเสตาหลบสายตาของพี่สาวตนไป เอ่ยอย่างจนปัญญาในที่สุดว่า
    "เล่นเอาเรื่องจริงมาอ้างแบบนี้ แล้วผมจะเถียงต่อยังไงเล่า"
    รอยยิ้มคลี่อยู่ภายในใจ..คำตอบยืนยันความคิดของเธอว่ามันถูกต้อง หัวใจเต้นเเรงขึ้นมาอีกหน่อย..
    คนอื่น..จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ช่างเขาเถอะ..
    ขอแค่เธอเท่านั้น ขอเพียงเเค่เธอเท่านั้นที่ยังเชื่อพี่..
    ขอแค่เธอเพียงคนเดียว..ต่อให้คนทั้งโลกรุมเกลียดพี่..ก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}ความลับไม่เคยมีบนโลก{{
     
    โอลีเวียเป็นผู้หญิงที่ช่างท้าทาย..แม้บุคลิกภายนอกจะดูราบเรียบสุขุมก็ตามที
    เธอไม่กลัวต่ออุปสรรคหรือเรื่องน่าหวาดหวั่นไม่คาดฝัน เธอพร้อมรับมือกับทุกอย่าง และพร้อมจะจัดการเเก้ไขมันให้ผลลัพธ์นั้นออกมาเป็นคำว่า เพอร์เฟค เสมอเช่นกัน
    ไม่ว่าจะเรื่องอะไร..เธอไม่กลัวที่จะต้องพบเจอเลย
    แต่มีเพียงเเค่เรื่องนี้เท่านั้น เพียงเเค่เรื่องเรื่องนี้..ที่เธอไม่ปรารถนาเหลือเกินที่ต้องเจอมัน..
    "พี่ชอบผม?"

    มันเหมือนค้อนหนักๆ ทุบลงมาบนหัวจนรู้สึกอื้ออึงไปหมด ทัศนวิสัยพร่ามัวพอๆ กับสมองที่ดูตัดสินใจอะไรได้ยากมากขึ้นไปอีก โอลีเวียยืนนิ่งไปหลายนาทีหลังจากได้ยินคำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของน้องชาย หัวใจตอนนี้เองก็รู้สึกเหมือนว่ามันหยุดเต้นไปเสียอย่างนั้น..
    มือของเธอเย็นเฉียบ มันชื้นไปด้วยเหงื่อ ยิ่งถูกจ้องด้วยสายตาสับสนแบบนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกสั่น..
    สายตาจดจ้องไปยังสมุดเล่มเล็กๆ บนโต๊ะที่ถูกนำออกมาวาง เม้มปากเเน่นเมื่อระลึกได้ว่านั่นคือสมุดที่เธอเขียนความลับของตนเองเอาไว้ มันยืนยันได้ว่าสิ่งที่ลูเซียนถามออกมามันไม่ใช่มุขตลก หรือการกะจะเซอร์ไพรส์อะไรสักอย่างแบบที่เจ้าตัวชอบทำอยู่เสมอ ทว่านั่นคือความจริง
    หัวใจเริ่มขยับเต้นจนได้ยินเสียงอีกครั้ง โอลีเวียสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังตระหนก ตั้งสติหาทางออกที่ดีที่สุด ทั้งข้ออ้าง คำเลี่ยงหรือคำเเย้ง..แต่ทุกสิ่งที่ว่านั่นกลับแตกหักลงจนเหลือคำตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงนั้นเอ่ยออกมา
    "อย่าโกหก..ผมขอร้อง"
    คำตอบสุดท้าย..คือการยอมรับ โอลีเวียนิ่งเงียบเเละข่มตาลงอย่างอดกลั้น มันเป็นเหมือนคำตอบกลายๆ ว่า 'ใช่'
    มันเหมือนว่าวินาทีนั้นมันเป็นวินาทีเป็นตาย ที่คมมีดกิโยตินกำลังร่วงลงมาประหารตัดศรีษะเธอให้ขาดออกดับวิญญาณเธอเสีย โอลีเวียหลุบตาต่ำคาดหวังในปาฏิหาริย์..ว่าน้องชายของเธอจะรับมันได้ ลูเซียนเข้าใจโอลีเวียดีฉันท์ใด โอลีเวียเองก็เข้าใจตัวเขาดีฉันท์นั้น เพราะงั้นเธอจึงรู้ว่าลูเซียนไม่เคยโอเคกับเรื่องของความรักที่ผิดบาป ทั้งรวมเพศหรือแม้แต่ระหว่างพี่น้องด้วยกันเช่นกรณีนี้
    เพราะเเบบนั้น โอลีเวียจึงคิดจะเก็บงำความลับนี้ไว้กับตัวเอง..เก็บมันเอาไว้เเม้กระทั่งวันที่น้องชายของเธอได้มีคนรักเป็นของตัวเอง หรือวันที่ตัวเธออาจได้พบรักของตัวเอง..เก็บมันเอาไว้..จนวันตาย
    แต่ตอนนี้ ความลับนั่นไม่มีอีกเเล้ว..ทุกอย่างมันถูกเปิดเผยไปหมดเเล้ว
    เธอคาดหวังว่าเขาจะยอมรับได้..แต่มากกว่าครึ่งในหัวใจ ก็รู้อยู่เเล้วว่าไม่มีวัน
    "นี่มันบ้าชัด ๆ.."
    คล้ายได้เสียงอะไรสักอย่างขาดในห้วงความคิด โอลีเวียช้อนตาขึ้นก่อนจะเสหลบออกมาในเวลาถัดมาเเทบจะในทันที มันเหมือนกับที่เธอคาดเดาเอาไว้ สายตาของลูเซียนมันแฝงด้วยความรู้สึกที่รับไม่ได้และสับสนอย่างมาก สายตานั้นมันไม่ได้ต่างอะไรจากคมมีดที่กำลังกรีดลงบนหัวใจเธอช้าๆ ทีละนิด..ทีละนิด..
    โอลีเวียทนได้ทุกอย่าง ทั้งคำด่า ข่าวลือไร้มูลเท็จ สายตาเกลียดชัง เธอทนได้หมด แต่สิ่งเดียวที่เธอไม่มีวันจะทนรับมันได้ไหว..นั่นคือการถูกคนที่รักมองด้วยสายตาเช่นนี้..
    "ลูเซียน..คือพี่.." เธอพยายามจะเอื้อมมือไปแตะตัวอีกฝ่าย แต่สุดท้ายกลับถูกปัดทิ้งออกมาอย่างเเรง ดวงตากลมเบิกกว้าง เเละยิ่งเบิกกว้างมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดจากอีกฝ่าย
    "อย่า.." น้ำเสียงที่แหบเเห้งเเละสั่นตรงปลายเสียง..โอลีเวียไม่รู้ว่าลูเซียนทำหน้าเเบบไหนอยู่ในตอนนี้ เขาหลุบใบหน้าต่ำจนผมบดบังใบหน้าจนมิด มีเพียงน้ำเสียงของเขาที่สื่ออารมณ์ทุกอย่างออกมาให้เธอได้รับรู้.. "ผมน่ะ..ไม่อยากจะมองพี่ในทางที่เลวร้ายไปกว่านี้เเล้วนะ.."
    ถ้อยคำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเท่าไหร่ เเต่เปรียบราวกับคมมีดเเหลมกรีดลึกลงไปในหัวใจ ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาจนปวดหนึบไปหมด ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปหมดกับคำพูดนั้น โอลีเวียทิ้งแขนลงข้างตัว ไม่สามารถพูดหรือขยับอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกเเล้ว
    สิ่งที่ทำได้ มีเพียงแค่จดจ้องสายตามองตามร่างที่เดินหนีออกไปเพียงเท่านั้น..
    ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จนหายลับไป..น้ำตาหยดหนึ่งจึงหลั่งรินออกมาดวงตา..
    ริมฝีปากเม้มเเน่นก่อนขยับเขยื้อนเป็นคำพูดที่ไร้เสียง ความรู้สึกที่มักเก็บกักเอาไว้ตลอดเวลาเผยออกมาสั้นๆ เพียงว่า
    'ถึงอย่างนั้น..พี่ก็รักน้องที่สุดอยู่ดีนะคะ..'


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}โอกาสใช่ว่าจะมีอยู่เรื่อยไป{{
     
    หลังจากวันนั้น ชีวิตของโอลีเวียก็ดูหม่นหมองเเละมืดบอดลงจากเดิมไปมากโข..
    ลูเซียนพยายามหลบหน้าเธอ หายหน้าหายตาไปโดยไม่ยอมมาพบเจอหรือแม้จะเเค่เข้ามาอ่านข้อความที่เธอส่งไปหา การกระทำพวกนี้บ่งบอกชัดเจนว่าระหว่างพวกเธอมันได้เกิดรอยร้าวที่ยากจะสมานได้ขึ้นมาเเล้ว และเรื่องที่แย่ที่สุด..ก็คือการที่รอยร้าวนั้นมันเกิดขึ้นเพราะเธอ ที่ไม่ยอมหักห้ามใจตัวเอง..
    โอลีเวียอยากกร่นด่าตัวเอง ทั้งที่ก็รู้อยู่เเล้วว่าถ้าลูเซียนรู้ มันจะต้องกลายเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเธอถึงยังยอมก้าวเท้าเดินเข้าไปในกรงรักนี้อีกเล่า
    สองเส้นทางที่เธอต้องตัดสินเลือกในตอนนั้น..หนึ่งคือเส้นทางที่เธอเลือกไปเเล้ว นั่นคือการเเอบรักเขาเงียบๆ เเละเก็บมันไว้เป็นความลับจนตัวตาย..แต่สุดท้ายเพราะความสะเพร่าของตัวเอง ทุกอย่างถึงจบลงด้วยความสัมพันธ์ระหองระเหงและสถานการณ์น่าอึดอัดเเบบนี้ และทางเลือกที่สองของเธอคือ ตัดใจเเละให้ความสัมพันธ์นั้นเป็นไปอย่างพี่น้อง เธอกับลูเซียนจะเป็นเหมือนเดิม จะยังคงได้รับความห่วงใยจากกันเเละกันเสมอ และมันจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้ขึ้นมา..
    ถ้าตัดสินใจในแบบให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เธอควรจะเลือกทางเลือกที่สอง..แต่หากถามว่าโอลีเวียสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะเลือกเส้นทางไหน? อย่างไรเสียเธอก็คงจะเลือกทางแรกอย่างไม่ลังเล..ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยไปเช่นเดิม
    ไม่รู้สิ..มันก็แค่อาจเพราะเธอรักเขามากเกินกว่าจะตัดใจก็ได้ล่ะมั้ง

    บางครั้งเธอกับลูเซียนก็ต้องพบหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้..
    มันเป็นความรู้สึกอึดอัดที่สุดเเสนจะย่ำแย่ ทักทายพูดคุยเพียงถามคำตอบคำไปตามมารยาท มองดูก็รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกเเล้ว..
    โอลีเวียอยากจะบอกลูเซียนถึงสิ่งที่อยู่ในหัว..แต่เธอไม่กล้าพอจะพูดออกไป ถึงเหตุผลและเรื่องต่างๆ มากมายที่อยากจะพูดในตอนนี้..
    เช่นเดียวกับลูเซียน..เขาอยากจะพูดบางอย่างกับโอลีเวีย..คำคำเดียวที่พูดได้ว่า ขอโทษ..ดูง่ายดายเหลือเกิน แต่สำหรับเขาที่เอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจหญิงสาวไปเพียงนั้น มันกลับยากลำบากยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้เสียอีก..

    เป็นอีกวันที่ชีวิตผ่านไปอย่างหม่นหมอง..และในที่สุด โอลีเวียก็เลือกจะเลิกอดทนต่อความรู้สึกพวกนี้
    เธอเปิดมือถือ กดเบอร์โทรออกไปหาลูเซียน อย่างไรเสียวันนี้เธอต้องได้คุยกับเขา และถ้าเขาไม่รับโทรศัพท์เธอ เธอจะไปตามถึงที่ทำงานเลยด้วย--เเละมันเหมือนพระเจ้าได้ยินเลยช่วยบันดล ยกสายเพียงไม่กี่สาย ปลายสายก็กดรับในที่สุด
    "ลูเซียน---"
    [คนรู้จักหมวดครูสใช่ไหมครับ!?]
    เพียงเเค่ว่าปลายสายนั้นกลับไม่ใช่คนที่รอ..ความฉงนใจปรากฏขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยสังหรณ์ร้ายๆ ที่ทำให้ขมวดคิ้วเเน่น "ค่ะ"
    [รีบมาที่โรงพยาบาลเร็วเข้าครับ! หมวดครูสได้รับบาดเจ็บจากภารกิจ ตอนนี้อยู่ในห้องICUครับ!]
    "!!!?"

    มันเหมือนกับโลกของเธอมันดับวูบไปแล้วจริง ๆ..
    หัวใจเหมือนถูกเเช่นเเข็ง โอลีเวียไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเองเลย..หรือต่อให้มันกำลังเต้นอยู่ มันก็คงเบามากจนเเทบไม่ได้ยิน..ไม่ต่างอะไรจากร่างบนเตียงนั้นเท่าใดนัก เพียงเเค่ว่า..ร่างนั้นไร้ซึ่งลมหายใจจริงๆ ไปเสียเเล้ว..
    ผ้าคลุมหน้าสีขาวคลี่คลุมเอาไว้..ครั้นขยับเปิดออก ใบหน้าคุ้นเคยสะท้อนในแก้วตาจนทำให้ร่างทั้งร่างสั่นระริกไปหมด
    "พี่ชายคนนี้เขาช่วยหนูไว้..มันเป็นความผิดของหนู ฮึก.."
    เด็กสาววัยมัธยมคร่ำครวญร้องไห้อยู่ด้านนอกนั่น มันดังลอดผ่านช่องประตูเข้ามากระทบหู ผสานไปกับเสียงอันสั่นเครือของนายตำรวจข้างกายที่มีศักดิ์เป็นลูกน้องของลูเซียน "เขาพยายามช่วยเหลือเป้าหมายสุดกำลัง..แต่เพราะพะวงกับเรื่องความปลอดภัยของเป้าหมายมากไป เลยพลาดท่า.." น้ำเสียงเงียบหายไปอย่างไม่อาจพูดต่อ ลูกสะอื้นที่ตามมาทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายก็เสียใจมากเช่นกันกับการจากไปของชายหนุ่ม
    โอลีเวียไม่ได้สนเสียงพวกนั้น แม้หูจะได้ยินเเต่หัวกลับไม่รับรู้ เธอสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของน้องชาย มันยังอุ่นอยู่เลย..บ่งบอกให้รู้ว่าร่างนี้เพิ่งจะหมดลมหายใจไปได้ไม่นานเท่าไหร่เอง..
    "เฮ้ ลูเซียน..น้องได้ยินพี่ไหมคะ..?" เธอเอ่ยเรียก เเผ่วเบาและสั่นเครือ โอลีเวียไม่เหลือเรี่ยวแรงจะมารักษาความสง่าหรือกักเก็บอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไปแล้ว "นี่ ขอร้องล่ะ ตอบพี่ทีเถอะค่ะ.."
    "......." ร่างนั้นเเน่นิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น..
    เผลาะ..
    น้ำตาหยดหนึ่งกระทบกับดวงหน้า ไหลกลิ้งบนผิวเเก้มเเล้วร่วงหล่นจากปลายคางของลูเซียน โอลีเวียพยายามเรียกเขาซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เธอก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากร่างไร้ลมหายใจนั้นเลย
    "ลูเซียน..ลูเซียน..ลูเซียน..ตอบพี่ทีสิคะ ตอบพี่ที.."
    ทำไมถึงไม่ตอบพี่ล่ะ..นี่ ตอบพี่เถอะนะ..เธอจะมาจากไปทั้งเเบบนี้ได้ยังไงกัน พี่ยังไม่ทันได้คุยกับเธอเลย..
    ขอร้องล่ะลูเซียน..ลืมตาขึ้นมาเถอะนะ..

    ร่างของหญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้างานศพขนาดกลางที่ถูกจัดขึ้นให้แก่น้องชายของตนเอง ใบหน้านั้นราบเรียบเสียจนน่าใจหาย มันดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเสียจนเหล่าแขกเหรื่อพากันเเปลกใจ ว่าสตรีผู้นี้ไม่รู้สึกเสียอกเสียใจกับการจากลาไปของน้องชายของตนเองเลยหรือกระไรนะ?
    ใช่ว่าจะไม่เสียใจอะไร..โอลีเวียเพียงเเค่ไม่อยากทำตัวอ่อนแอ ให้ลูเซียนที่จากไปเป็นกังวลเท่านั้นเอง..
    "คุณโอลีเวีย ครูส"
    เสียงเรียกดังจากด้านข้าง ชายในเครื่องแบบไม่คุ้นตาเขามาทักทายเธอ เขาไม่รอให้เธอตั้งตัวทัน กล่าวเข้าประเด็นในทันทีว่า
    "ผมต้องการทาบทามให้คุณเข้าทำงานกับหน่วยงาน CSD พวกเราต้องการความสามารถของคุณ"
    "..กรุณาเข้าใจด้วยว่าฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากลาออกจากงานแล้วเริ่มต้นใหม่ หรือพิจารณาข้อเสนออะไรทั้งสิ้น กลับไปเถอะค่ะ---"
    "ถ้าอ่านนี่เเล้วยังไม่เปลี่ยนใจ ผมจะกลับแน่นอน"
    ซองกระดาษแผ่นหนึ่งถูกยื่นมาให้ ขัดคำพูดของหญิงสาวจนทำให้ขุ่นเคือง ถึงกระนั้นโอลีเวียทำเพียงขมวดคิ้วน้อยๆ เเล้วก้าวเท้าหลบเข้าไปในมุมอับสายตาโดยมีอีกฝ่ายเดิมตามมา ครั้นไม่เห็นคนนอก เเล้วจึงค่อยเปิดเอกสารออกอ่าน แวบแรกที่ได้เห็นลายมือนั้น หัวใจพลันกระตุกเฮือกทันที
    ลายมือของลูเซียน..เธอไม่มีวันลืมมันได้
    'บางทีนี่อาจเป็นเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตที่ผมทำก็ได้..'
    มันเริ่มต้นด้วยประโยคเเปลกๆ แต่ก็พอทำให้รู้ว่านี่เป็นแค่กระดาษที่บันทึกความคิดของลูเซียนไว้ ไม่ใช่เอกสารลับอะไรทั้งนั้น

    'เมื่อหลายวันวันก่อน ผมทะเลาะกับพี่สาวของตัวเอง..ส่วนทะเลาะกันเรื่องอะไร..เชื่อสิว่าคุณต้องคาดไม่ถึง ผมทะเลาะกับเธอเพราะว่าผมรู้ว่าเธอชอบผม เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ? บอกตามตรงว่าผมสับสนไปหมดเเล้วจริงๆ สับสนมากจนเหมือนจะบ้าจนต้องมานั่งระบายใส่กระดาษแบบนี้เลยเนี่ย เอาเถอะ--เข้าเรื่องดีกว่า ว่าไงดี พอมานั่งคิดอะไรหลายๆ อย่าง ผมอยากขอโทษเธอว่ะ คำพูดผมตอนนั้นมันโคตรแย่เลย ไม่เข้าเลยว่าทำไมถึงได้พูดเเบบนั้นออกไป ทั้งที่ผมควรจะฟังเธอก่อนสิ เเล้วค่อยตัดสินใจ
    แต่มันเป็นอะไรที่ผมรับมือกับมันไม่ไหวจริงๆ นะ ผมต้องการเวลา และตอนนี้ผมก็ใช่เวลานั้นมากพอจนเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเเล้วด้วย พอถึงตอนนี้ก็พอจะรู้นะ..ว่าที่เธอชอบผม มันอาจเป็นเพราะผมทำตัวเกินกว่าคำว่าน้องก็ได้ล่ะมั้ง..ให้ตายสิ พี่น่ะเป็นพวกไม่มีคนรักด้วยสิ (ผมหวังว่าเธอจะไม่เจอข้อความนี้เข้าโดยบังเอิญนะ..ไม่งั้นผมโดนโกรธแหง..) เเล้วยิ่งผมไปทำเหมือนให้ความหวังเธออีก เธอจะชอบผมมันก็คงไม่แปลกหรอก..มั้งนะ เฮ้ ผมไม่ได้หลงตัวเองใช่ไหมเนี่ย? เอาเหอะ ช่างเเม่ง ตอนนี้คือผมคิดว่าทั้งผมทั้งเธอก็ผิดพอกันเเหละ เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้ผมแค่อยากขอโทษเธอ แค่นั้นเอง
    เเต่ผมควรจะทำยังไง? เราเข้าหน้ากันไม่ติดเลยสักนิด มันอึดอัดโคตรๆ เวลาที่ต้องเจอหน้าพี่ เหมือนว่าพี่เองก็อึดอัดเหมือนกันเเค่ไม่เเสดงออกชัดเจนแค่นั้นเอง ผมคิดว่าผมเข้าใจพี่ดีมากนะ แต่พอเจออะไรแบบนี้ก็เริ่มคิดเเล้วล่ะว่าที่ผ่านมาผมมโนไปเองรึเปล่า ยังไงก็ตาม ผมเริ่มจะติดกับสายตากับท่าทีราบเรียบนั่นเเล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรหรือรู้สึกอะไร แต่ผมว่าเธอต้องโกรธ..เออ ต้องโกรธดิ แต่พี่ก็พวกคิดแปลกแยกจากชาวบ้าน บางทีเขาอาจจะไม่ได้โกรธผมก็ได้ ไม่รู้สิ คือผมงงอ่ะ งงมากแล้วก็สับสนมากๆ ด้วย เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ พอพี่ไม่มองผมแล้วกระตุกยิ้มนิดๆ แบบเดิมเเล้วมันทำผมกลัวว่ะ กลัวว่าเธอจะไม่ให้อภัย เล่นเอาซะผมไม่กล้าขอโทษเลย..
    เอาล่ะ พล่ามมาตั้งนาน เอาเป็นว่านี่จะเป็นข้อความเตือนใจผมเเล้วกันนะ เพราะหลังจากนี้ผมมีงานต้องทำ กรมตำรวจของเราประสานงานกับCSDเพื่อทำคดีฆาตกรรมอันหนึ่ง มัน..ค่อนข้างจะยากนะในสายตาผม เอาเป็นว่ามันคงต้องใช่เวลานานอยู่ เเต่สาบานเลยว่าผมจะไปทำใจมาให้เรียบร้อย แล้วหลังกลับมาจากภารกิจผมจะตรงดิ่งไปบอกพี่เลยว่า 'ผมเสียใจที่พูดเเบบนั้น อย่าโกรธผมเลยนะ' หรืออะไรเทือกนั้นเเน่นอน สาบานต่อหน้าพระยโฮวาเลย!'

    ข้อความตัดไปแค่นั้น เเละลงท้ายด้วยการลงชื่อย้ำพร้อมคำย้ำประมาณว่า 'ต้องทำได้!' มันดูเหมือนเด็กน้อยให้กำลังใจตนเองจนชวนให้ตลก ทว่าเนื้อความที่ได้อ่านกลับทำให้เธอจุกจนพูดไม่ออก..มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของลูเซียนที่ไม่กล้าพูดออกมา หลายๆ เรื่องเกี่ยวตัวเธอเเละเรื่องที่เขาคิด..มันทำให้ความอ่อนแอที่พยายามกดไว้ตีตื้นขึ้นมาจนถึงคอหอย ก้อนบางอย่างจุกเอาไว้จนทำให้พูดไม่ออก รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนผ่าวไปหมด..
    โอลีเวียข่มตาลงขับน้ำใสให้ไหลออกมา ก่อนจะยกปลายนิ้วปาดมันออก พึมพำออกมาเบาๆ ว่า "ใครโกรธใครกันเเน่คะ..เจ้าน้องบ้าเอ๊ย.."
    "ว่าไง เปลี่ยนใจหรือยังล่ะ?" และก่อนจะได้ปรับอารมณ์ทัน คนข้างๆ ก็เร่งเร้าขึ้นมาทันที
    "ทำไมพวกคุณถึงต้องการตัวฉันขนาดไปหาของแบบนี้มาให้ฉันอ่านกันคะ?"
    ดวงตาหลุบมองกระดาษในมือของหญิงสาว เขาค่อนข้างรู้สึกดีที่เธอไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่เลือกจะเช็กอะไรหลายๆ อย่างให้แน่ใจก่อน "อย่างที่บอกว่าความสามารถของเธอมันจำเป็น อีกอย่าง เธอเป็นคนที่มีเเรงจูงใจดี"
    "??"
    "คดีฆาตกรรมที่น้องชายของเธอร่วมทำกับCSDยังไม่เสร็จสิ้น ฆาตกรยังลอยนวล และมันคือเจ้าของสิ่งที่ฝังเข้าไปในตัวของหมวดครูส" ปลายนิ้วชี้ไปที่ช่วงอก ย้ำถึงกระสุนตะกั่วที่ปลิดชีวิตลูเซียน "ไม่มากก็น้อย เธอย่อมโกรธแค้นคนที่ฆ่าน้องของเธอ จริงไหม?"
    "อะไรทำให้มั่นใจแบบนั้น? ไม่รู้จักคำว่าปล่อยวางหรือคะ"
    โอลีเวียหรี่ตาพินิจใบหน้านั้นนิ่งๆ ดูเหมือนประโยคลองใจเธอจะไม่ได้ผลเท่าไหร่..หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา การตัดสินใจพวกนี้มันทำให้เธอรู้สึกปวดสมองเป็นบ้า "จริงอยู่ที่ฉันอาจมีเเรงจูงใจดีในงานนี้ แต่คุณไม่คิดว่าฉันอาจพยายามแค่งานแรก เเล้วลอยแพงานอื่นหรือไงคะ?"
    "คนแบบเธอไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นหรอก ตระกูลครูสถึงบางครั้งจะน่ารำคาญไปบ้าง เเต่ฉันทำงานกับคนตระกูลนี้มาเยอะ การปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทเเละมุ่งมั่นของคนตระกูลนี้น่ะเป็นของจริง"
    "...."
    "แม้แต่หมวดครูสด้วยเช่นกัน..เขาปฏิบัติหน้าที่ของเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยล่ะ.."
    ความเงียบคลืบคลานเข้ามาล้อมรอบตัวทั้งสอง โอลีเวียหรี่ตามองกระดาษในมือตน ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าของคู่สนทนา ประกายตาหมองเศร้าบ่งบอกถึงความเสียใจต่อการจากลาครั้งนี้เช่นกัน เธอค่อยๆ ถอดถอนลมหายใจออกมา ครุ่นคิดหักลบผลได้ผลเสียทั้งหมดเงียบ ๆ..
    ก่อนจะหลับตาลงเพื่อบ่งบอกว่าได้ตัดสินใจเสร็จสิ้นเเล้ว ริมฝีปากขยับเอ่ยตอบรับไปอย่างหนักแน่นว่า
    "ตกลงค่ะ"


    ความสามารถพิเศษ ::

    >>ทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยม<< [โอลีเวียเป็นคนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีมากๆ มันทำให้เธอสามารถคำนวนออกมาได้ควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์นั้นๆ รวมถึงทำให้เธอวางแผนต่างๆ ได้ดีเยี่ยม พอประกอบเหมาะกับนิสัยที่รอบคอบของเธอ มันยิ่งส่งเสริมความสามารถข้อนี้ของเธอ ให้ยิ่งโดดเด่นเเละมีประโยชน์มากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว]

    >>ทักษะความเป็นผู้นำ<< [ถึงจะไม่เป็นที่รักใคร่ของคนหมู่มาก แต่โอลีเวียก็มีทักษะความเป็นผู้นำที่สูงมาก ทั้งเรื่องของความสามารถที่มากพร้อมและบุคลิกน่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งการที่สามารถควบคุมผู้คนและสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีด้วยเช่นกัน]

    >>ทักษะการกดดันผู้อื่น<< [โอลีเวียเป็นคนมีบุคลิกที่สง่าหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไรเเล้ว ไม่แปลกนักหากผู้คนจะเกร็งยามอยู่ต่อหน้าเธอเเละเกิดกดดัน ด้วยความสามารถข้อนี้ โอลีเวียสามารถสอบสวนผู้ร้ายและเก็บเกี่ยวข้อมูลเกี่ยวกับคดีความได้มาก และมันก็มีประโยชน์ต่อแผนการของเธอมากๆ เช่นกัน]

    >>ทักษะการยิงปืน<< [โอลิเวียเป็นคนที่มีฝีมือการยิงปืนดีพอสมควร ซ้ำยังยิงได้ทั้งสองมือ เป็นเหตุให้ปกติเธอมักพกปืนไว้ติดตัวถึงสองกระบอกด้วยกันนั่นเอง]



    พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ ::

    >>กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งสนอกสนใจ สนุก หรือแม้แต่ตึงเครียด<<

    >>หัวเราะกลั้วๆ ผสานไปกับรูปประโยค ให้อารมณ์ขลังชวนหลอน (?) แปลก ๆ--<<



    สิ่งที่ชอบ ::

    >>ความลับ<< [ไม่มีอะไรมากหรอก..แค่คิดว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษดีน่ะ]

    >>เเผนการที่เพอร์เฟค<< [โอลีเวียมักดีใจและรู้สึกภูมิใจในตัวเองและผู้ร่วมแผนการเสมอ เมื่อแผนการของเธอสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มันหมายความว่าตัวเธอมีประสิทธิภาพจริงๆ ไม่ได้ดีแค่ปากไงล่ะ]

    >>อ่านหนังสือพิมพ์<< [โอลีเวียเป็นคนช่างเสพข่าว เธอจำเป็นต้องรับข่าวสารจากรอบด้านเสมอๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเธอ รวมถึงการรู้ทันโลก ก็เป็นสิ่งที่ควรจะมีติดตัวไว้เช่นกัน]

    >>นวนิยายสืบสวน<< [ครึ่งหนึ่งเพราะสนใจเเละรู้สึกว่าสนุกดี อีกครึ่งคือเพราะอยากจะรู้ว่าความคิดคนอื่นเขาคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เอาไว้เป็นฐานข้อมูลในหัวน่ะนะ]

    >>กาแฟ<< [ดื่มเเล้วมันกระปี่กระเป่าแปลกๆ มีเเรงทำงาน..ประมาณนั้น--]

    >>แหย่ลูกน้องในหน่วย<< [นานทีมีหน แต่ทำเเล้วรู้สึกสนุกแถมคลายเครียดได้ตลอด *หัวเราะ*]

    >>ความท้าทาย<< [แค่รู้สึกว่ามันตื่นเต้นดี ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้เเต่อย่างใด]



    สิ่งที่ไม่ชอบ/เกลียด ::

    >>พวกที่ชอบสอดรู้สอดเห็น<< [ก็ไม่เข้าใจว่าจะสอดกันทำไมนักหนา..ไม่เข้าใจคำว่าส่วนตัว?]

    >>หนอน<< [ขยะเเขยง..มากๆ ด้วย ใครเอาเข้าใกล้นี่แม่จะตบให้หน้าแหกเลย..]

    >>ความผิดพลาด<< [โอลีเวียเป็นคนที่เกลียดความผิดพลาดมากๆ เธอคิดว่ามันจะทำให้เธอเสียโอกาสได้ง่าย รวมไปถึงมันอาจทำให้เธอเจอเรื่องไม่คาดฝันด้วย]

    >>พวกผู้ชายหน้าม่อ<< [แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ชอบไอ้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่อยู่เเล้ว พอเจอรุกหนักเเบบนั้นเลยยิ่งเกลียดไงเล่า..]

    >>การไม่ได้นอน<< [โอลีเวียต้องการสภาพร่างกายที่พร้อมปฏิบัติงานเสมอๆ ดังนั้นการไม่ได้นอนจึงถือเป็นเรื่องต้องห้าม แม้จะดื่มกาเเฟกันได้เเต่มันไม่ดีต่อร่างกายสุดๆ เพราะงั้น ไม่ให้ผ่านค่ะ!---]

    >>สายตาเเละคำพูดจิกกัด<< [ถึงจะรู้สึกชินชากับพวกมันเเต่ใช่ว่าเธอจะชอบนะ..]

    >>มีคนขัดใจ<< [ไม่ได้ถึงกับเกลียดอะไร..แค่พอเจอเเล้วมันขัดใจ หงุ่นหง่านเบาๆ พอเป็นพิธี]



    สิ่งที่กลัว ::

    >>ที่สูงจัด<< [โอลีเวียไม่ชอบที่สูง มันทำให้เธอรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม เเถมยังไม่ปลอดภัยต่อชีวิตอีกต่างหาก..ส่วนสาเหตุ ไม่มีหรอกของเเบบนั้น รู้เเค่ว่าจำความได้ก็กลัวเเล้วแค่นั้นเเหละ..แต่ว่าถ้าไม่สูงมากเธอโอเคนะ--]

    {ปฏิกิริยา - มักจะมีสีหน้าซีดเซียวกว่าปกติเเละเหงื่อออกง่าย ใบ้กินนั่งเงียบเป็นป่าสาก ไม่ใช่ว่าระงับอารมณ์หรืออะไรหรอกนะ แค่ว่าจะอ้วกเลยพูดไม่ได้เท่านั้นเอง..ll ระดับความสูงที่โอลีเวียไม่สามารถทนได้คือประมาณยอดเขาค่ะ เช่นนี้เอง โอลีเวียจึงไม่ปลื้มการขึ้นเครื่องบินเป็นที่สุด..เป็นไปได้ก็อยากไปทางเรือหรือบกเเทนนะ..}

    >>นกเหยี่ยว<< [สมัยเด็กๆ เธอเคยไปเที่ยวสวนสนุกเเล้วซนไปหน่อย เผลอเเหย่มือไปในกรง..เลยโดนซะเนื้อแทบแหว่ง..ปัจจุบันนี้ก็ยังมีรอยแผลเป็นเตือนใจเด่นชัดตรงปลายนิ้วชี้ข้างขวาเธออยู่เลย..]

    {ปฏิกิริยา - มีความคิ้วกระตุกอ่อนๆ อึกอักเเละพยายามปฏิเสธจะเข้าใกล้ถ้าเป็นไปได้ จะให้ดีก็อยากใส่เครื่องป้องกันประมาณหมวกกันน็อค อะไรแบบนั้น..}



    งานอดิเรก ::

    >>อ่านนวนิยายสืบสวน<< [อ่านแบบตอนที่มันว่างมากกก ว่างแบบว่างจริงๆ และเป็นเวลาพักผ่อนของเธอเท่านั้น และเนื่องด้วยเป็นพวกที่อ่านไปแล้วคิดตามไปถึงเหตุกับผล และความสมจริง เลยไม่มีปัญหาเรื่องอินจัดจนอารมณ์ค้างแต่อย่างใด--]

    >>ทบทวนคดีความเก่า ๆ<< [เอามาอ่านเพื่อดูว่ามีอะไรที่มันผิดพลาดหรือไม่ หรือไม่ก็จะดูกลยุทธ์และการตัดสินก่อนๆ ของตัวเองเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ใหม่ให้มันดีขึ้น..ประมาณนั้น]

    >>ฝึกทักษะการป้องกันตัวระดับกลาง<< [งานพวกนี้มันอันตราย อย่างน้อยถึงจะเเรงไม่เยอะอะไร โอลีเวียก็คิดว่าตัวเองควรจะมีทักษะพวกนี้ติดตัวด้วย]

    >>ตรวจดูความเรียบร้อยในหน่วย<< [เผื่อมีคนอู้งาน..จะได้ลงโทษถูก..]



    ลักษณะคำพูด :: โอลีเวียเป็นคนที่มีน้ำเสียงหวานเพราะปานเสียงระฆังเเก้ว ใครได้ฟังเป็นอันเคลิ้มลอยเตลิดเสียทุกราย แต่ทว่าพอเอามาใส่ความเป็นตัวโอลีเวียเข้าไป พวกเขาก็เป็นอันเคลิ้มไม่ลงเสีย เมื่อเจอกับโทนเสียงราบเรียบที่ฟังเเล้วไม่รู้ว่ารู้สึกตลอดเวลา แฝงด้วยความสุขุมในน้ำเสียงทำให้ดูน่าเกรงขาม นั่นคือลักษณะน้ำเสียงของโอลีเวียในเวลาปกติ แต่หากว่าเกิดอยู่ในหน่วยของตน โทนเสียงของโอลีเวียจะอ่อนลงจากเดิม และเสริมความนุ่มเข้าไปแทนจนดูซุกซนเบาๆ (ย้ำว่าเบา ๆ---) แต่ก็ยังมีความจริงจังเเละสุขุมในน้ำเสียงอยู่ดีนั่นเเหละ ในเรื่องของคำเเทนตัว โอลีเวียจะติดนิสัยลงหางเสียงในรูปประโยคเสมอ ไม่ว่าจะคุยกับใครก็ตามที เธอมักแทนตัวเองว่า ฉัน เรียกผู้อื่น ว่า คุณ และตามด้วยนามสกุลของเขา จะว่าไงดี..มันเป็นมารยาทการพูดในสังคมทางการอย่างหนึ่งน่ะนะ..และเธอก็ออกงานสังคมเสียมากจนติดเป็นนิสัยไปเเล้วน่ะ อนึ่ง หากว่าสนิทกันมากขึ้นในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกัน โอลีเวียจะเปลี่ยนมาเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริงเเทน เเละหากเห็นเธอเรียกใครด้วยชื่อเล่นเเล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าเธอไว้ใจเเละสนิทใจกับอีกฝ่ายสุดๆ ไปเลยล่ะ หรือหากว่าอายุน้อยกว่า เธอจะเรียกนามสกุลอีกฝ่ายเฉยๆ เเทน แต่อย่างอื่นก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือมีหางเสียงเเละคงความสุภาพเอาไว้นั่นเอง


    }}ตัวอย่างประโยคการสนทนา{{


    "การถามเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นถือเป็นเรื่องหยาบคาย..ไม่รู้เหรอคะ?" กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางถามเสียงนิ่ง เมื่อถูกซักไซ้เรื่องส่วนตัวจนเกินงาม


    "อยากรู้ไหมล่ะคะ ว่าถ้าคุณไม่ยอมทำแล้วมันจะเป็นยังไง" เอ่ยเสียงเบาพลางกลั้วหัวเราะน้อยๆ เมื่อมีคนโต้เถียงกับเธอเเละไม่ยอมทำตามที่เธอ สายตาดูเเข้งกร้าวกว่าปกติเล็กน้อย


    "กรุณาอย่ามาทำตัวถ่วงคนอื่นค่ะ ถ้าคุณไม่คิดจะช่วย..ก็ออกไป" ผายมือออกข้างพลางพูดสีหน้าราบเรียบ ยามเมื่อมีคนโวยวายไม่ยอมทำตามแผนการณ์ที่เธอวางเอาไว้ สีหน้าท่าทางประมาณว่า ขาดคุณไป มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันลำบากขึ้นหรอก อะไรเเบบนั้น--


    "การพักเป็นเรื่องดี แต่ถ้าพักไม่ถูกเวลา เงินเดือนอาจหายไม่รู้ตัว.." ว่าลอยๆ แบบไม่สื่อว่าพูดกับใคร ก่อนจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ฟังเเล้วดูชั่วร้ายมากๆ (?) ออกมาเบาๆ แต่ทำเอาคนในหน่วยที่แอบอู้สะดุ้งโหยงกระวีกระวายไปจัดการงานต่อแทบไม่ทัน


    "ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าความลับมันทำให้คนเรามีเสน่ห์มากขึ้น" กล่าวด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเท่าไหร่ กับคนที่มาบอกกับเธอประมาณว่า เธอนี่มันดูลึกลับเข้าใจยากเป็นบ้า (?)



    ตำแหน่ง/หน้าที่การงาน :: หัวหน้าแผนกเจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุระดับ 3 ของ CSD ในอเมริกา



    เพิ่มเติม :: จิ้มแป้นเเบบเดอะเเฟลชมากค่ะเตง คือแบบ--นี่รีบมาก เพราะกลัวจะยุ่งก่อนจะปั่นเสร็จ Orz---ยังไงถ้าอยากให้แก้ตรงไหน บอกเราได้เลยนะคะ!


    }}เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร{{


    -ในที่นี้ คำว่าแผนการของโอลีเวียมันแปลงได้หลายแง่มุม ทั้งแผนการการทำงาน แผนการการใช้ชีวิต หรือจะเป็นแผนการการใช้เงินก็ตามทีเถอะ

    -อธิบายนิดหน่อยนะคะ สำหรับโอลีเวีย เธอจะไม่ชอบให้คนอื่นมาซักไซ้พวกเรื่องส่วนตัว อย่างของที่ชอบ ชีวิตที่บ้าน หรือชีวประวัติลึกๆ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึก เธอก็พร้อมจะให้ทุกคนเข้ามาไขมันได้ตามสบายเลยค่ะ เพราะอะไร? เพราะโอลีเวียมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่มีทางรู้เเน่นอนค่ะ---#มั่นหน้าไปอีก.

    -โอลีเวียเกิดวันที่7กรกฏาคม ราศีกรกฏ เวลาเกิดของเธอคือ 18:54น. กรุ๊ปเลือดA และถนัดการใช้สองมือ

    -โอลิเวียจริงๆ เเล้วไม่ใช่คนตื่นเช้า ถ้าทำได้ เธอก็มักนอนยาวจนสายประจำ

    -สาเหตุเพราะร่างกายเธออ่อนเพลียง่ายในระดับหนึ่ง จึงมักเห็นโอลิเวียหลับเป็นตายและวูบบ้างในช่วงดึกๆ (เพราะงั้นถึงติดกาเเฟไง..)

    -โอลิเวียเเม่นเรื่องทิศทางมาก เธอหาทิศเหนือได้ด้วยวิธีต่างๆ เอาง่ายๆ คือ จะเห็นผู้หญิงคนนี้หลงทางคนยากเสียหน่อย เพราะนอกจากนี้เเม่นางยังพกเข็มทิศกับแผนทที่กันเหนียว เวลาไปสถานที่ไม่คุ้นตาอีกด้วย

    -โอลิเวียไม่ทานของหวานๆ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ ก็แค่ไม่ทานเฉยๆ เท่านั้น

    -ในเรื่องของความรู้สึกที่มีให้ลูเซียน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีอยู่เหมือนเดิมนะค---//แค่ก//

    -โอลิเวียไม่ปลื้มเสื้อผ้าสีสดสว่างแต่ก็ไม่นิยมสีเข้ม ปกติเเล้วจะใส่เสื้อผ้าสีอ่อนจำพวกครีม ม่วงอ่อน ขาว อะไรเเบบนั้นเสียมาก



    เพิ่มเติมเนื้อหาตัวละคร

    [ครอบครัว - ไม่รู้เหมือนกันว่าโอลีเวียยังเรียกมันว่าครอบครัวได้อยู่ไหม..น้องของเธอเสียชีวิตไปจากหน้าที่การงาน แม่ก็ล้มป่วยและตายไปอีกคนในช่วงเวลาไล่เลี่ย..คนเป็นพ่อก็ห่างเหินกับเธอ จำไม่ได้เเล้วว่าเห็นหน้าเเละพูดคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่น่ะ ll ชื่อแม่ของโอลีเวียคือ วิกตอเรีย ครูส {กางเขนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ} นามสกุลเก่าคือ อมันด้า {เป็นที่รัก} เป็นตระกูลที่ใหญ่พอตัวค่ะ ส่วนบิดาชื่อ แอนเจลโล่ ครูส {ผู้ส่งสารแห่งพระเจ้าที่ทรงถือกางเขนไว้ในมือท่าน} ค่ะ]
                  {ญาติ ๆ - ตระกูลครูสเป็นตระกูลใหญ่ มีญาติพี่น้องเต็มไปหมดจนนับไม่ไหว..(ซึ่งโอลีเวียก็ชักจะลืมๆ ชื่อญาติตัวเองเเล้วเหมือนกัน..) แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เธอสนิทด้วยในระดับหนึ่ง เป็นญาติที่เกิดวันเดียวกับเธอเเละทำงานในด้านศาล ปัจจุบันเป็นตุลาการหน้าใหม่ไฟแรงชื่อดัง ชื่อของหล่อนคือ เอ็มม่า ครูส {กางเขนแห่งความสมบูรณ์แบบ} โดยปกติเเล้วก็มักจะเเวะเวียนมาเยี่ยมหรือเชื้อเชิญโอลีเวียไปพูดคุยด้วยบ่อยๆ ถือว่าตอนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดก็ว่าได้ล่ะนะ}
     
    [การศึกษา - เรียนจบในระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ ในมหาลัยชื่อดัง มีเกรดการเรียนในเเต่ละช่วงชั้นที่หรูหราอลังการงานสร้างมากๆ บ่งบอกถึงมันสมอง (แต่ไม่ได้เกรดสี่ ตัวA+ ล้วนหรอกนะ--) ค่อนข้างโอเคกับวิชาด้านสังคมแต่ละอย่าง คำนวนไปรอด วิทย์ไปรอด ภาษาดีงาม ส่วนพละ..กรุณาอย่าพูดถึง..]
     
    [มิตรสหาย - ถ้านับเพื่อนคนอื่นนอกจากเอ็มม่าก็..อืม ไม่มีสักคน--]
     
    [ความรัก - ..........]
     
     [ประวัติกิจกรรม - สมัยเรียนเคยเเข่งขันเขียนสุนทรพจน์อยู่ครั้งหนึ่งได้ที่หนึ่ง เเล้วก็ไม่เคยไปแข่งอะไรอีกเลย..]
     
    [การกีฬา - .................................... #ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก----(...)]
     
    [ที่อยู่อาศัย - อาศัยเพียงลำพังในบ้านหลังหนึ่งขนาดกลางพออยู่ได้หนึ่งครอครัวเล็ก ที่ตั้งทำเลเป็นใจกลางเมือง สะดวกต่อการไปทำงานเเละการอยู่อาศัย ดูเเล้วเหมือนบ้านคนธรรมดา แต่ถ้ามองเฟอร์นิเจอร์กับรถราคาเเพงระยับในลานจอดรถก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่ามันธรรมดา (?)..หากกล่าวถามว่าเหตุใดเธอถึงไม่อาศัยในบ้านเก่าต่อไป คงต้องบอกว่าโอลีเวียทำใจไม่ค่อยลงเท่าไหร่น่ะนะ..สถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเเละความทรงจำของลูเซียนกับมารดา..เธอคิดว่าหากอยู่ต่อไปคงได้ฟุ้งซ่านทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่..]


    Profile her friend (?)

     


    "ยัยนั่นน่ะลึกลับเสียจนน่ารำคาญ..แต่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะ"

    เอ็มม่า ครูส {Emma Cruz}

    Age : 28 ปี

    Status : Alive / ตุลาการหน้าใหม่ไฟแรงประจำปี

    }ญาติห่างๆ (แบบห่างมาก ๆ..) ของโอลีเวียผู้เกิดวันเดียวกัน เเละมีความสนิทสนมกับสาวเจ้ามากในระดับหนึ่ง ไม่ได้นับพี่นับญาติอะไรกับโอลีเวีย แต่ถือเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ต้องไปคอยสั่งให้เลิกจริงจังกับงานเเล้วพักบ้างเป็นประจำ..{


    Profile her Brother

     


    "บางครั้งคำพูดบางคำก็ควรพูดออกไป ก่อนทุกสิ่งจะสายเกินเเก้.."

    ลูเซียน ครูส [Lucien Cruz ll กางเเขนแห่งแสงสว่าง]

    Age : Before >> 24 ปี

    Status : Dead / นายตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ของเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

    }รักแรกอันผิดบาปของโอลีเวีย..ชายผู้ที่จำต้องเสียใจแม้กระทั่งจากไปเเล้ว เมื่อตัวเขาไม่ได้รับโอกาสที่สองในการเอื้อนเอ่ยคำ ขอโทษ แด่พี่สาวที่รักยิ่งเพียงหนึ่งเดียวคนนั้น..{


    TALK WITH ME



    ไฮค่ะ .โค้งเอาหัวโหม่งพื้น(?). เรียกตามนามแฝง ฮันนี่ ได้ค่ะ ชื่อไรเอ่ยเตง? :: สวัสดีค่า *คำนับ (?)* ผู้ปกครองชื่อว่า รันรัน ค่า เรียกรันก็ได้นะคะหากว่ายาวเกินไป---



    เรื่องนี้เป็นแนวที่เพิ่งเคยแต่งค่ะ อาจดราม่าแต่ไม่สุดและปมก็อาจจะไม่สุดเช่นเดียวกันเพราะยังไม่ถนัดอะไรแบบนี้ ต้องรับให้ได้นะตัวที่การบรรยายเรากาก ;__; :: *เหลือบมองหน้าบทความเเล้วยกมือฟา---//แค่ก* บรรยายกากอะไรกันคะ! สวยออกเบอร์นั้น---//เเทะผ้าด้วยความอิจฉา (เดี๋ยว.)



    ขึ้นม.ปลายแล้วค่ะมีดองแน่นอนและไม่รู้ด้วยจะอัพตอนไหน ยังต้องปรับตัว รอกันได้ไหมเอ่ย? .สะกดจิตว่ารอได้รอได้(?). :: ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร 555 ทางนี้ก็ขึ้นม.ปลายเหมือนกัน เราเข้าใจฟิลว่ามันโคตระลำบากเเละเหนื่อย..ดังนั้นเรารอได้ค่ะ ไม่มีปัญหา!



    ถ้าไม่ติดจะเป็นอะไรมั้ยคะ จะบึ้มบ้านเราไหม ถถถถ. :: บ้านไม่บึ้ม แต่อาจไปวนเวียนแถวศาลพระภูมิ--แค่ก//ล้อเล่นค่ะท่าน 5555



    ถ้าเกิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆจะอนุญาตให้เรานำตัวลูกสาวไปเป็นตัวประกอบหลังฉากได้หรือไม่ บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าบางคนออกแค่ชื่อหรือนานๆทีออกมาทั้งตัว(?) รับกลับได้นะคะไม่ต้องกลัวบอกมาเยยยย >< :: ได้ค่าา คือรับกลับก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่ดีน่ะค่ะ..ฮาาาาา



    คิดว่าตัวเองจะได้คู่กับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษมั้ยเอ่ยย? :: เง้ออ เรื่องนี้ต้องบอกว่าเดาไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่าบทนี้จะคู่ใคร มั่วคือๆไปนี่ก็จะนึกถึงรีบอร์นนะ แต่ ไม่---เราเดาทีไรมันไม่เคยถูก เพราะงั้นจะไม่เดาค่ะ! *แค่ก--* แต่ถ้าถามคนที่ชอบ..เราชอบยามะล่ะค่ะ รักมากด้วยคนนี้ ฮรอลลลล////// แต่ถ้าได้คนอื่นก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะเขางานดีเหมือนกันหมดเลย---/// #กุมอกแล้วตายลง- (?)



    ขอคำนิยามให้ลูกสาวตัวเองหน่อยค่ะ! :: คำนิยาม..คำนิยาม..คำนิยาม..เอ่อ..คงจะเป็น 'ความงามที่ผสมผสานไปกับความลึกลับได้อย่างลงตัว ที่ล่อลวงให้ผู้คนหลงใหลจนไม่อาจถอนตัวได้' อะไรแบบนั้นมั้งคะ แหะ ๆ--



    สุดท้ายนี้ก็ขอใหโชคดีมีชัย เดินทางปลอดภัย ข้ามถนนก็ระวังรถ--- แค่ก :: ไม่เป็นไรค่ะ---เพราะเราสิงบ้านตลอดเวลา ถ้ารถไม่พุ่งแหกเข้าบ้าน ก็ไม่ได้แอ้มดิฉันหรอกค่ะ! //สะบัดบ๊อบ---//พอ.//ยังไงก็ขอฝากลูกสาวไว้ในการพิจารณาด้วยนะคะะ *โค้งงง*


    The secret is wonder. 
    that is reason why I enchanted in the secret.

     

    -By Olivia-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×