ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark world Box **Close

    ลำดับตอนที่ #15 : KARDIA สมรภูมิสู่ความจริง 'คาร์เดีย' [Yaoi] [เคร์ตา] [ซีส์ติกท์]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 59


    Application 



    "'..ฉับ.."



    โลก :: กาย


    ชื่อ :: เคร์ตา [Crata]


    เพศ :: ชาย


    รูปร่างหน้าตา ::  รูปร่างบางติดไปทางผอมแห้ง ดวงตาสีแดงฉานมักเบิกโพล่งอยู่ตลอดเวลา เส้นผมสีดำชี้ยุ่งไม่เป็นทรง ผิวขาวซีดเผือดราวกระดาษ เล็บข้างซ้ายทาสีดำทุกนิ้ว แต่อีกข้างกับไม่ทา คาดว่าจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของเคร์ตาเอง


    ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 178/46


    ลักษณะนิสัย ::

    เคร์ตาเป็นเด็กผู้ชายที่มีนิสัยแปลกประหลาด เขาชื่นชอบการ ตัด เนื้อของผู้อื่น และโปรดปรานสีแดงฉานเป็นพิเศษ ปกตินั้นเขามักเฉยชาและเมินเฉยต่อโลกภายนอกและชีวิตของผู้อื่น ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่มดปลวก ที่ต่อให้ขยี้ให้ตายไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเสมอ เคร์ตาชอบทำหน้านิ่งๆ มึนๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ว่าจะสถานการณ์ใดก็ตาม แม้แต่เวลาโกรธ ใบหน้าของเขาก็ยังราบเรียบและปราศจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เพียงแต่ดวงตาของเขาจะหรี่ต่ำ และแฝงแววครุกกรุ่นเอาไว้อย่างชัดเจน เป็นสัญญาณเตือนว่าเขากำลัง ไม่พอใจ และนั่นอาจนำไปสู่ฉากสยองขวัญของใครหลายๆ คนก็เป็นได้ เคร์ตาเป็นคนความอดทนต่ำ เขามีเส้นความอดทนที่ต่ำและขาดง่ายมาก เด็กชายเกลียดการโดนสบประมาท และการถูกกล่าวด่าทั้งที่คนๆ นั้นไม่ได้รู้ตนดีเลยสักนิดเป็นที่สุด และเขาก็มักจะใช้วิธีการ ตัด เพื่อระบายอารมณ์เสมอ..เคร์ตาพกกรรไกรสีแดงอันใหญ่ไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ด้านคมของมันคมจนตัดเข้าไปได้ถึงกระดูก เวลาที่โกรธหรือโมโหเข้ามากจริงๆ เคร์ตาจะใช้กรรไกรอันโปรดของเขา ตัด ชิ้นส่วนของเหยื่อออกมาทีละชิ้นๆ โดยที่จะฆ่าให้ตายทันทีในครั้งแรก เพราะเคร์ตานั้นเกลียดเสียงร้องน่ารำคาญของพวกนั้นเสียเหลือเกิน เวลาที่เห็นสีแดงย้อมมือของตน และได้ยินเสียง ฉับ ของกรรไกร หัวใจของเด็กชายจะฟู่ฟ่องและอุ่นข้นไปด้วยความพึงพอใจมากมาย ใบหน้าที่ราบเรียบจะเริ่มปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา และเมื่อเขาสามารถแยกชิ้นส่วนของเหยื่อออกมาได้จนหมด เขาก็จะแย้มยิ้มกว้างราวกับเชฟชั้นหนึ่งที่สร้างสรรค์อาหารจานใหญ่ได้สำเร็จ หากเหยื่อมีดวงตาสีแดง เขาก็จะเก็บดวงตาสีแดงนั่นไว้กับตัวด้วย เพื่อเป็นการให้เกรียติแก่เหยื่อผู้น่าสงสาร ที่ทำให้เขาอารมณ์ดีได้เช่นนี้ (แม้ว่าความจริงไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่น่าจะใช่เรื่องน่ายินดีเลยแม้แต่น้อยก็ตาม..)

                    ตามปกติแล้วเคร์ตาจะไม่ค่อยยุ่งหรือสุงสิงกับใครเท่าไหร่ เขามักจะลอยไปลอยมา เร่ร่อนไปเรื่อยตามประสาเด็กที่อยู่นิ่งไม่ค่อยจะได้ เขาไม่ใช่พ่อพระหรือพระแม่ที่ไหน หากเจอคนเจ็บคนป่วยคนไข้ เด็กชายก็มักเมินเฉยไม่ใส่ใจ ไม่แม้แต่จะชายตามองเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากคนๆ นั้นมี สีแดง ปรากฏอยู่บนร่างกาย ไม่ว่าจะเส้นผม ดวงตา หรืออะไรก็ตาม เด็กชายจะใจเต้นระรัวและยิ้มแย้มราวกับคนบ้า เขาจะเข้าไปหาอีกฝ่ายราวกับจะช่วยเหลือ แต่ในขนาดที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย คำแรกที่ออกมาจากปากเขานั้นคือคำว่า ฉับ ก่อนกรรไกรสีแดงคมกริบจะพุ่งเข้าแทงหัวใจของเหยื่อทันที และแย่งชิง สีแดง บนร่างกายอีกฝ่ายมา โดยไม่สนเลยแม้แต่น้อยว่าตนและอีกฝ่ายไม่ได้มีอะไรขัดข้องหมองใจกันมาก่อนเลย ขอเพียงให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ..ขอเพียงให้ได้สิ่งที่เป็น สีแดงฉานดั่งเลือด นั่นมาครอง ไม่ว่าจะอะไร เคร์ตาก็สามารถทำมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยเเม้แต่น้อย

                    เขาเหมือนคนที่ควบคุมไม่ได้ อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ และเอาแต่ใจตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีคนคุมเขาได้จริง ๆ..เคร์ตามีความคิดที่ว่า หากใครที่เอาชนะเขาได้เป็นคนแรก คนๆ นั้นก็คือเจ้านายของเขา..เป็นความคิดที่ขัดกับนิสัยของเจ้าตัวอย่างน่าประหลาด แต่เคร์ตาก็ยึดมั่นในความคิดนั่นมากจนน่ากลัว เขาตั้งกฏกับตนอย่างเคร่งครัด และหากมีคนที่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จเป็นคนแรกจริงๆ เคร์ตาก็จะยอมเป็นทาสของอีกฝ่ายตามกฏที่ตนได้ตั้งเอาไว้ ไม่ว่าจะสั่งอะไร ต่อให้สั่งให้เขาไปตาย ขอแค่มันออกมาจากปากของคนที่เอาชนะเขาได้ เคร์ตาก็ยอมทำได้หมด แต่ที่น่าเศร้าคือ..จนปัจจุบันนี้เคร์ตาก็ยังไม่เจอคนที่สามารถ เอาชนะ เขาได้อยู่ดี เด็กชายผู้มีจิตใจวิปลาสคนนี้เลยยังคงเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยๆ เพื่อใฝ่หาสิ่งของสีแดงฉานงดงามที่ปารถนาจะได้เห็นและสัมผัส กับเหยื่อที่คู่ควรกับกรรไกรของเขา ซึ่งเด็กชายเชื่อ..ว่าในโลกที่เรียกกันว่า โลกแห่งความจริง นั่น จะต้องมีเหยื่อที่คู่ควรอยู่มากแน่นอน

                    เคร์ตายึดมั่นในคำสัญญามาก เขามักเอ่ยกับตัวเองว่า คนที่ผิดสัญญา คือคนบาป และคนบาปก็สมควรได้รับการลงโทษ เขาเกลียด..เกลียดอย่างมากกับคนที่มาผิดสัญญากับเขา หากมีคนผิดสัญญากับเขาจริงๆ เคร์ตาก็จะลงโทษอีกฝ่ายตามที่เขาเอ่ยได้ด้วยการตัดชิ้นส่วนของมันออกทีละอย่างๆ อย่างเชื่องช้าและเบามือ เพื่อให้เหยื่อค่อยๆ ตายไปทีละนิด อย่างเชื่องช้าและทรมานที่สุด สมกับที่มันทำตัวแย่ๆ ด้วยการผิดสัญญา นอกจากนี้เคร์ตายังเป็นพวกที่ยึดติดเป็นอย่างมาก หากเขาได้รับสัญญาจากใครคนหนึ่งไว้ เขาก็จะรักษาสัญญานั่น หรือเฝ้ารอให้ใครคนนั้นมาทำตามสัญญาที่เขาเคยให้ไว้อย่างใจจดใจจ่อ เขาจะไม่มีวันลืม และจะจดจำมันไปจนวันตาย ตราบใดที่กายเนื้อนี้ยังอยู่ เคร์ตาก็จะขอจดจำมันเอาไว้ในสมองของเขาเรื่อยๆ และเมื่อวันใดได้พบกันอีกครั้ง เขาก็จะขอทวงคืนสัญญาที่ให้กันไว้ หากอีกฝ่ายผิดคำสัญญา ตัวเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอดทนและรอคอยต่อไป เหยื่อคนต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนเลวร้ายที่ผิดสัญญากับเขานั่นเอง

                    อีกอย่าง เคร์ตาเป็นพวกกวนหน้านิ่ง แต่ก็แค่กับบางคนเท่านั้น หากเขาเกิดถูกชะตากับใครขึ้นมา เคร์ตามักจะตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยการ กวนประสาท อีกฝ่ายด้วยคำพูดคำจา ที่ฟังดูยอกย้อนและไม่ใคร่จะให้เกรียติกันเท่าไหร่นัก แต่ที่แน่ๆ คือทำคนฟังเท้ากระตุกได้เสมอ เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะหน้านิ่งและจิตวิปลาสขนาดไหน แต่เรื่องทักษะการกวนประสาทของเคร์ตานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทำเอาเขาเกือบโดนกระทืบไปหลายครั้งหลายหนเลยทีเดียว และหากถามว่าเขาไปเอาความเชื่อผิดๆ นี่มาจากไหน บอกเลยว่าเคร์ตาไม่รู้ บางทีมันอาจจะเป็นสัญชาตญาณหรืออะไรสักอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในจิตใจของเขาก็ได้ล่ะมั้ง? แต่ช่างเถอะ เรื่องยุ่งยากน่ะ เคร์ตาไม่อยากสนหรอก แค่ต้องไปตามหา เหยื่อที่คู่ควร และหาทางไปโลกแห่งความจริงนั่นก็ชวนเบื่อพอแล้ว ให้มาคิดอะไรยุ่งยากแบบนั้นอีก เคร์ตาขอไปนอนจะดีกว่าเยอะเลย


        


    ลักษณะการพูดจา :: พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ จังหวะโทนเดียวกันแทบทั้งประโยค ชอบพึมพำเบาๆ เพราะเกลียดเสียงดังน่ารำคาญ ตอบอะไรไม่ค่อยสนใจโลกเท่าไหร่ คิดอะไรก็พูดแบบนั้นไปเลย แต่ถ้าพูดกับคนที่อยู่ๆ ก็รู้สึกถูกชะตากันขึ้นมาดื้อๆ ทักษะการกวนหน้านิ่งจะถูกงัดออกมาใช้ทันที แน่นอนว่าฟังทีเล่นเอาจี๊ด เท้ากระตุกแทบไม่ทันเลยทีเดียว---โดยปกตินั้น เคร์ตาจะแทนตัวว่า ฉัน เรียกคนอื่นว่า นาย หรือ เธอ แต่ถ้าโกรธ เขาจะเปลี่ยนไปเรียกอีกฝ่ายว่า แก แทน (แต่โทนเสียงก็ยังไม่เปลี่ยนอยู่ดี) ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยก็ได้นะ

         เวลาที่เขารู้สึกพอใจหรือกำลังตัดเนื้อของเหยื่อ เคร์ตาจะหัวเราะคิกคักอยู่กับตัวเองไม่ยอมหยุด น้ำเสียงจะหวานระลื่นจนน่าขนลุก ฟังแล้วชวนให้จับลากไปหาจิตแพทย์ไม่น้อยเลยทีเดียว-----


    ความสามารถพิเศษ :: ทักษะการต่อสู้ที่ดีพอตัว [ส่วนมากถนัดใช้ของมีคมกับศิลปะการต่อสู้มือเปล่า] / ตัวอ่อนมาก แถมมีความคล่องตัวสูงอีกด้วย ยังกับแมวเลยทีเดียว


    ลักษณะการแต่งตัว :: แบบรูปด้านบนเลยค่ะ ฮู้ดสีดำเเขนยาวที่ชายแขนยาวกว่าข้อมือเล็กน้อย กางเกงผ้าสบายๆ ง่ายต่อการเคลื่อนไหว และรองเท้าผ้าใบเน่าๆ (?) คู่หนึ่ง พร้อมสะพายเป๋ใบโตที่คล้ายหลุมดำ เพราะมันเก็บได้เยอะแบบชวนขัดกับรูปร่างภายนอกจริง ๆ..ซึ่งเคร์ตาก็จะเก็บกรรไกร กับชิ้นส่วนสีแดงของเหยื่อไว้ในกระเป๋านั่นเองค่ะ (อาจเอาไว้ใส่อย่างอื่นด้วย แล้วแต่กรณีไป)

    //ทำการแปะอีกรอบ---//




    อาวุธ :: กรรไกรสีแดงอันใหญ่ที่หนักมาก..ถึงอย่างนั้นเคร์ตาก็ถือไหวนะ แต่เป็นกับกรรไกรอย่างเดียวนั่นแหละ ของหนักอย่างอื่นยกไม่ค่อยจะขึ้นหรอก---


    สีของลูกแก้วที่พกติดตัว :: สีแดงฉาน



    ชอบ :: สีแดง / การหั่น-ตัดชิ้นส่วนมนุษย์ / การกวนประสาทคนที่รู้สึกถูกชะตาด้วย / กลิ่นหอมของดอกไม้ [เคร์ตาชอบ เพราะมันทำให้เขาผ่อนคลายได้ดี (ถึงในโลกกายมันจะเป็นของหายากก็เถอะ..)]


    ไม่ชอบ/เกลียด :: คนที่มาสบประมาทตน / การโดนตัดสินทั้งที่คนกล่าวไม่รู้จักตนดีพอ / เสียงกรีดร้องน่ารำคาญของเหยื่อ [ยกเว้นเวลาชำแหละ (?) คนที่ผิดสัญญา เคร์ตาใจดี (?) ยกให้เป็นกรณีพิเศษ--]


    กลัว/แพ้ :: กลัว = หมา [เห็นแล้วต้องเผ่นให้แน่บ] / แพ้ = แสงแดดที่จ้าจนเกินไป [เคร์ตารู้สึกแสบผิวมากเวลาโดนแดดจ้าส่อง นานๆ เข้าผิวเขาจะลอกเอาได้อีกด้วย]


    งานอดิเรก :: ตัด-หั่น-ชำแหละชิ้นส่วนมนุษย์ / ร้องเพลง (เห็นอย่างนี้แต่เสียงเพราะมากเลยนะ!) / เช็ดกรรไกร



    เจ้าคิดยังไงกับตนเองในโลกตรงข้าม :: เคร์ตาเหลือบสายตามองคนพูดเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปเช็ดกรรไกรของตนต่อ "พวกโง่ไง"


    คิดว่าตนเองจะสามารถไปยังโลกแห่งความจริงได้หรือไม่ :: "ไม่ใช่ว่าจะได้หรือไม่หรอกนะ.." ริมฝีปากบางเฉียบพึมพำเบาๆ ดวงตาสีแดงฉานจดจ้องกรรไกรในมือของตนเขม็ง เคร์ตาฉีกยิ้มระริกที่เปี่ยมไปด้วยความปารถนา พร้อมหัวเราะคิกคักในลำคอของเขา เด็กชายเเลบลิ้นเลียกลีบปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้มแสยะว่า "มันต้องเป็น ได้ อยู่แล้วสิ..ไม่งั้นฉันจะไปหาเหยื่อที่คู่ควรมาจากไหนกันล่ะ? คิก"


    เพิ่มเติม :: เคร์ตาเป็นพวกไม่ยิ้มค่ะ คือ ไม่ยิ้ม เลยสักนิดเดียวค่ะ เพราะเขาคิดว่าการจะยิ้มได้นั้นตัวเขาต้องพึงพอใจเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด ซึ่งกรณีที่จะทำให้เคร์ตายิ้มได้นี่ก็มีไม่กี่กรณีเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาตัด-หั่น-ชำแหละเนื้อมนุษย์ ได้ของที่เป็นสีแดงฉานที่ตนปารถนาเป็นอย่างมากมาครอง หรือเจอคนที่ตนเคยสัญญาด้วย ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งพอยิ้มทีก็มักจะยิ้มเเสยะ ไม่ก็ยิ้มจิตๆ ดูเบี้ยวๆ ชวนขนลุกไปเลยค่ะ----


    สัมภาษณ์ผู้ปกครอง


    //นั่งเคาะทดสอบไมค์....ไม่ดัง...ไม่ใช้ก็ได้-----สวัสดี ค่ะ อะแฮ่ม ขอแนะนำตัวอีกรอบ(?) อันตัวข้ามีนามว่---อ๊ะ โอเค ไม่เล่น คนเขียน(?)ชื่อแผ่นกระดาษนะคะ อนึ่งมีนิยายหลายเรื่องในคลังคาดว่ามีบางท่านที่รู้จักหรือเคยเห็นแวบๆ อนึ่งหรือบางท่านอาจจะไม่รู้จักเลย แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เอาล่ะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรคะ?


    -ฟฟฟฟว์ (?) รันรันค่ะ เรียกรันก็ได้ สั้นดี----



    ไม่ทราบว่าทำไมถึงมาสมัครคะ?


    -ติดใจสำนวนท่านแผ่นกระดาษค่ะ---ผิด//พอดีแต่เดิมก็เป็นคนชอบเนื้อเรื่องที่ใช้ความรู้สึกมนุษย์เป็นแกนหลักอยู่แล้วน่ะค่ะ ก็เลยป๊าป! ลากลูกมาส่งมันซะเลย เย่ะห์ (?)



    ใบสมัครยาวไปไหมเอ่ย?


    -ไม่หรอกค่ะ 555+ ละเอียดดีนะ เราว่า



    อ่า...แล้วถ้าลูกถูกจับขัง(ในโลกของความจริงก็ตาย แต่แค่คนเดียวจะโดนค่ะ ไม่กายก็ดรีม)รับได้หรือเปล่าคะ?


    -บอกตามตรงว่ารับได้ค่ะ //ยิ้ม//(ความห่วงใยลูกนั้นหามีไม่ย์---แค่ก--) แต่ส่วนตัวของเคร์ตา คาดว่านาง (?) คงไม่ยอมง่ายๆ หรอกค่ะ ฟฟฟว์



    สุดท้ายและท้ายสุด(?)ขอบคุณที่มาสมัครค่ะ แล้วเจอกันใหม่ มีอะไรจะบอกแผ่นกระดาษไหมคะ? //หยิบผาเช็ดหน้าสีรุ้งรับแสงอาทิตย์ขึ้นโบกแบบโบกแท๊กซี่(?)


    -ก่อนจากขอบอกว่า---ปั่นลูกจิตมาเสิรฟ์เเบบนี้ แต่ตัวจริงไม่จิตนะคะ 555+ แค่ด้านดาร์คมันกำลังแล่น ยังไงถ้าว่างเดี๋ยวพาดรีมมาส่งหนึ่งคนนะคะ เย่ะห์! (?) //ว่าแต่ใช้เพศ ชาย นี่มีโอกาสไปคู่กับผู้ชายด้วยกันไหมค---// [รอบนี้นิสัยเน้นแดงหนาให้เป็นพิเศษ เพราะยาวมากค่ะ ฟฟฟว์]



    Application [2]



    "อ่า..ทุกสิ่งทุกอย่าง มันช่าง..โสโครก"



    โลก :: กาย


    ชื่อ :: ซีส์ติกท์ [Zeetic] *ซีส์ติกท์ แปลงมาจากคำว่า ชีติกในภาษารัสเซียที่มีความหมายว่า บริสุทธิ์ ค่ะ

    เพศ :: ชาย

    รูปร่างหน้าตา :: เส้นผมสีทองอ่อนยาวประบ่าเหยียดตรงสลวย และดวงตาสีทองเนื้อไร้แววประกาย ใบหน้าเรียวผิวขาวซีดเผือดเช่นเดียวกับริมฝีปาก ขอบตาดำคล้ำราวกับถูกป้ายด้วยผงถ่าน แผ่นหลังบางสักลายรูปปีกนางฟ้าไว้อย่างงดงาม ทั่วกายใต้เรือนผ้ามักปรากฏบาดแผลจากการกรีดบาดและฟกช้ำอยู่เต็มไปหมด ข้อมือและข้อเท้ากับลำคอนั้นมีรอยแดงอมน้ำตาลไหม้ที่คล้ายกับการโดนรัดอย่างรุนแรงปรากฏให้เห็นจางๆ

    ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 173 / 40


    ลักษณะนิสัย :: (ช่วงประมาณครึ่งหลักย่อหน้าแรก กับย่อหน้าสองและสามขออนุญาตแทรกประวัติ (?) นิดหน่อยนะคะ เป็นจุดที่ทำให้ซีส์ติกท์คิดว่าทุกอย่างมันโสโครกอย่างแท้จริงน่ะค่ะ อ่านหรือไม่อ่านก็ได้ค่---แค่ก)

         เด็กหนุ่มผู้มีความคิดที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนแต่ โสโครก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดล้วนแต่โสโครกในสายตาของเขา และนั่นก็ไม่เว้นแม้แต่ของเขาเอง สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้เพราะว่าตัวเขาได้เห็น จิตหยาบ ของมนุษย์มาแทบทุกแบบ ทั้งการโกหกหลอกลวง การใช้ความรุนแรง การทอดทิ้ง การหักหลัง และอีกมากมายนับไม่ถ้วน นั่นทำให้เขารู้สึกขยะแขยงในตัวมนุษย์และทุกสิ่งที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ในตอนแรกนั้นซีส์ติกท์ไม่ได้มีอาการรังเกลียดทุกอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้ แต่ในช่วงความทรงจำของเขา เขาต้องประสบพบเจอกับความหยาบนั้นด้วยตนเอง ในขนาดที่เขาต้องเร่ร่อนหาเลี้ยงปากท้องของตัวเองไปอย่างยากลำบาก เขาได้พบกับชายผู้ที่ดูบริสุทธิ์ไปหมดทุกอย่าง แม้ในตอนแรกเขาจะไม่คิดเปิดใจให้กับอีกฝ่าย แต่เพราะความงดงามนั้นที่ทำให้เขาลุ่มหลง และความบริสุทธิ์ที่แสดงออกมานั้นช่วยบรรเทาความเกลียดชังในใจเขาลงไปได้มาก จนท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมเปิดใจ และเริ่มจะเชื่อมั่นในตัวของมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง

         แต่..โลกนี้นั้นช่างโหดร้าย เพราะความเด็กทำให้ไม่รู้จักไตร่ตรอง เพราะภาพลักษณ์ที่งดงามนั้นทำให้ลุ่มหลงจนไม่อาจปฏิเสธ แม้ภายนอกจะบริสุทธิ์เพียงไหน แต่สุดท้ายแล้วชายผู้นั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์คนอื่นเลยสักนิดเดียว..เป็นเพียงแค่ชายตัณหากับน่าขยะแขยงคนหนึ่งเท่านั้น ซีส์ติกท์ถูกอีกฝ่ายข่มขืนทารุณอย่างสาหัส และเมื่อเสร็จกิจแล้ว ชายคนนั้นก็ทิ้งเขาไว้ในห้องใต้ดินที่แสนมืดมิด ล่ามเขาด้วยโซ่เย็นเยียบที่ทำให้หนาวไปถึงกระดูก จากไปและไม่คิดจะมาดูแลหรือดูดำดูดีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อย่าว่าแต่การดูแลเลย แม้แต่อาหารเขายังไม่ได้รับเลยด้วยซ้ำ..ซีส์ติกท์นอนหนาวทรมานอยู่กับตนเองไปทั้งคืน เขากร่นด่าสาปแช่งทุกอย่างที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเขาเองก็เช่นกัน อ่า..พระเจ้า เหตุใดตัวเขาถึงได้โง่เขลาเช่นนี้กันนะ? เด็กหนุ่มเฝ้าถามกับตัวเองในใจ สุดท้ายแล้วเขาก็ได้คำตอบ..ไม่ใช่ว่าเขาโง่หรอก..แต่มันเป็นเพราะความลุ่มหลงนั่นต่างหากล่ะ อ่า..สุดท้ายแล้ว..มนุษย์ก็ไม่ต่างกันเลยจริงๆ ช่างเป็นพวกที่..น่ารังเกลียดกันเสียเหลือเกิน น่าขยะเเขยงกันเสียเหลือเกิน โสโครกกันเสียเหลือเกิน และใช่ ตัวเขาเองก็..โสโครก..โสโครกเสียจนเขาแทบอยากจะอาเจียนเลยล่ะ

         เวลาต่อมาชายคนนั้นกลับมาอีกครั้ง เขามองเด็กหนุ่มด้วยแววตากระหาย แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักไปยามได้สบกับดวงตาของซีส์ติกท์ ดวงตาของเขามันช่างมืดมน ว่างเปล่า และไร้ประกายเสียเหลือเกิน..ไม่มีแม้กระทั่งความหวาดกลัว เหมือนกับคนที่เข้าใจในอะไรบางอย่างอย่างแจ่มแจ้ง และใช่ ซีส์ติกท์เข้าใจแล้ว..เขาเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างมันโสโครก และในวินาทีที่ชายคนนั้นเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง กริชสีเงินแวววาวก็เสียบคาทะลุขั้วหัวใจของชายคนนั้นทันที ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างถลน มองไปยังเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าเขาสามารถปลดกุญแจได้ยังไง แต่สิ่งที่เขาเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย นั่นคือสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงของอีกฝ่ายที่ฉาบไปด้วยสีแดงฉานของเลือด..

         เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุทำให้ซีส์ติกท์กลายเป็นพวกไร้อารมณ์ ไม่ปารถนาต่อสิ่งใดๆ หรือรู้สึกต่อสิ่งใดๆ อีกต่อไป มีเพียงแค่ว่างเปล่าและความขยะแขยงที่หลงเหลืออยู่ในจิตใจเท่านั้น เขากลายเป็นคนที่ทั้งมองโลกในแง่ร้าย ไม่เชื่อใจใคร กีดกันทุกสิ่งและทุกคนที่เข้าใกล้ และรังเกลียดสิ่งมีชีวิตทุกอย่างเข้าไส้ ซีส์ติกท์รังเกลียดแม้กระทั่งสัตว์ นั่นทำให้เขากินแต่พืชผักเท่านั้น เพราะเวลาที่เขาได้กลิ่นของสัตว์ เขาจะรู้สึกคลื่นไส้ ขนลุก ขยะแขยงไปหมด ยิ่งกับมนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่ เพียงแค่เข้าใกล้ เขาก็อยากจะอาเจียนออกมาแล้ว พอเห็นเจ้าสิ่งพวกนั้น เขาก็อดไม่ได้เลยจริงๆ ที่จะฆ่ามันทิ้งไปซะ รู้ตัวอีกทีมือของเขาก็เปื้อนเลือดโสโครกพวกนั้นไปเเล้วเสียนี่..ตัวเขานั้นรังเกลียดมนุษย์มาก และมันก็ส่งผลกระทบไปสู่รอบด้านอีกด้วย แม้แต่อากาศที่ใช้หายใจก็เช่นกัน เขาไม่อยากหายใจร่วมกับพวกมัน แต่กระนั้นเเล้วเขาก็ยังต้องหายใจ เพราะแบบนั้นแล้ว เด็กหนุ่มจึงมักสวมหน้ากากที่สามารถกรองอากาศให้บริสุทธิ์ได้ไว้เสมอ

         ซีส์ติกท์เป็นพวกคิดแปลก ทำแปลก และพูดแปลก เพราะการอยู่อย่างสันโดษและการเผญิชกับโลกที่เลวร้าย ทำให้เขามีความคิดการพูดการกระทำที่แปลกแยกจากชาวบ้านไปมากพอสมควร ซีส์ติกท์จะไม่พูดสิ่งที่คิด แต่เขาจะพูดเฉพาะในสิ่งที่ไม่ได้มาจากความคิดของเขาเท่านั้น (จำพวกเรื่องเล่า) ทำให้เวลาเขาสนทนากับใคร เด็กหนุ่มก็จะโต้ตอบไปด้วยคำถามหรือคำพูดก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายเท่านั้น นอกเสียจากว่ามันจะเป็นอะไรที่เขาอยากจะพูดมันออกมาจริงๆ เท่านั้น แต่ในกรณีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนี่สิ เเค่เห็นหน้าผู้ที่จะสนทนาด้วยได้ เขาก็จัดการฆ่ามันก่อนแล้ว แล้วแบบนี้..จะให้ไปหาคนคุยมาจากไหนเล่า? ความคิดของซีส์ติกท์ต่างจากชาวบ้านเขามากโข เขาชอบคิดอะไรที่มันไม่เหมือนอย่างที่คนอื่นคิด อย่างเช่นว่า ถ้าเกิดสิ่งที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารไม่ใช่มนุษย์ขึ้นมา พวกมันจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ไหมนะ? แต่สุดท้ายแล้วความคิดของเขามันก็มักจะวนเวียนอยู่แค่ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีมนุษย์ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นไหม? ก็เท่านั้น ในแง่ของการกระทำ ตัวเขาที่ไร้สิ่งความปารถนานั้นเกิดจากการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้แม้แต่ความอยากอาหาร หรือความง่วงหวางหาวนอนก็แทบไม่มีหลงเหลืออยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกอื่นๆ เลยทีเดียว เพราะแบบนี้แล้ว ภายในหนึ่งวันของชีส์ติกท์เลยแทบไม่มีอะไรไปเลยนอกจาก กินอาหารหนึ่งมื้อ และเดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมาย กับเเวะงีบบ้างสักสี่ถึงห้าชั่วโมง..ช่างเป็นการใช้ชีวิตที่ไร้ค่าเสียเหลือเกิน

         แต่ถึงแม้ตัวเขาจะไม่มีความอยากพวกนั้นหลงเหลืออยู่ เขาก็ยังเหลือสำนึกและมันสมองที่ใช้การได้ดี ซีส์ติกท์รู้ว่ามนุษย์จำเป็นต้องหายใจ กิน และนอน เขาเลยเลือกจะพักผ่อนบ้างเพียงเล็กน้อยแม้จะไม่ต้องการ ซึ่งสมองของเขานั้นแปลกประหลาดออกไปสักหน่อย ซีส์ติกท์สามารถเข้าใจสมการ กฏเกณฑ์ หรือภาษาได้อย่างง่ายดาย กระนั้นแล้วในเรื่องพื้นฐานอย่างการบวกเลข หรือการเขียน เขากลับไม่สามารถทำมันได้เลย ยิ่งซับซ้อนเท่าไหร่ ซีส์ติกท์ก็ยิ่งเข้าใจมันได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ยิ่งง่ายดายเท่าไหร่ มันก็ยิ่งยากที่ตัวเขาจะเข้าใจมันได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ซีส์ติกท์ไม่ได้เป็นแบบนี้มาแต่แรก เพียงแค่มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น เหมือนกับนาฬิกาที่นับถอยหลังไปเรื่อย ๆ..บางที หากยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป วันข้างหน้าเขาอาจจะไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการที่ใช้หายใจเลยก็ได้

         ซีส์ติกท์เป็นพวกไร้อารมณ์ นั่นทำให้เขาไม่รู้สึกถึง ความสุข ความรัก ความเศร้า และความทรมาน แม้ตอนที่ตนยังวัยเยาว์กว่านี้ เขาจะพอจำได้ว่าตนยังหลงเหลือความรู้สึกพวกนั้นอยู่ แต่นั่นก็แค่ความทรงจำอันเลือนลางเท่านั้น ยังไงก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วซีส์ติกท์ก็ไม่สามารถรู้ได้อยู่ดีมันเป็นเช่นไร และอนาคตข้างหน้านี้..เขาก็คิดว่าตนคงไม่ได้สัมผัสมันเช่นกัน หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะใจของเขามันโดนย้อมไปด้วยความรังเกลียดเดียจฉันท์พวกนั้นไปจนหมดแล้วก็เป็นได้

         สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงมาก ซีส์ติกท์เป็นพวกมีเซ้นส์ เขามักจะรับรู้ได้ถึงอันตรายก่อนที่มันจะมาถึงตัวเสมอ เหมือนกับมีคนมาป้อนโปรแกรมไว้ในสมอง ทั้งในเรื่องเซ้นส์ และสัญชาตญาณ แม้แต่พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ของเขาก็เช่นกัน น่าแปลกที่เขาสามารถใช้อาวุธได้ทุกแขนงแม้จะไม่รู้จัก คล้ายกับว่าวิธีการใช้พวกนั้นมันฝังอยู่ในสายเลือดยังไงยังนั้น..และเพราะสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดนี้ ทำให้ซีส์ติกท์ไม่สามารถ ฆ่าตัวตาย ได้..อ่า ใช่ เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตาย นับครั้งไม่ถ้วน และมากมายหลากหลายวิธี แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดนี่ หรือเพราะว่าจริงๆ แล้วจิตใจส่วนลึกของเขานั้นมันกำลังร้องว่า ไม่อยากตาย อยู่กันแน่ ในวินาทีที่ลมหายใจกำลังจะดับไป เขาถึงได้เคลื่อนไหวร่างกาย ดีดดิ้น กรีดร้อง และพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อมา หากผู้อื่นได้รับความสามารถนี้ไป พวกเขาคงบอกว่ามันคือ พรที่พระเจ้าประทานให้ แต่สำหรับเขา..มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า คำสาปร้ายที่พระเจ้าท่านตราลงบนกายเขา เพื่อให้เขาต้องทนทุกข์อยู่ในโลกอันแสนโสโครกนี้ต่อไปก็เท่านั้น

         กล่าวถึงอีกเรื่องหนึ่ง---อันที่จริงเขาก็ไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นเป็นเหมือนเขาไหม แต่เขาสัมผัสได้ว่าโลกที่เขาอยู่นี้มันคือ ของปลอม เพราะปกติสังคมของมนุษย์มักจะเป็น สีเทา แต่สิ่งที่เขาให้เห็นในโลกที่เติบโตมานี้มันมีแต่ สีดำ ดำ และดำ อาบย้อมอยู่เต็มไปหมด นั่นทำให้เขาเกิดความรู้สึก สงสัย ขึ้นมาเป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์นั้น สงสัย..ว่าถ้าหากสิ่งที่เขาคิดมันเป็นจริง แล้วโลกที่เป็นของจริงล่ะอยู่ที่ไหน? มันเป็นยังไงกันนะ? จะโสโครกมากเหมือนกับโลกใบนี้หรือเปล่า? แล้ว..ถ้าเขาไปที่นั่น เขาจะได้ตายสมใจอยากไหมนะ?..แล้วก็นะ ซีส์ติกท์เคยมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวเองและโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กันด้วยล่ะ มันเป็นความฝันเพียงหนึ่งเดียวของเขาเลยล่ะนะ แต่เขาก็พยายามหาวิธีที่จะทำแบบนั้นแล้วนะ เพียงแต่ว่า..ดูเหมือนโลกใบนี้มันจะไม่มีสิ่งที่เขาต้องการเสียนี่สิ ถ้างั้นแล้ว..อีกโลกล่ะ? จะเป็นเช่นไรกันนะ?


         

    ลักษณะการพูดจา :: ชอบพูดเว้นวรรค คล้ายกับคนลมเวลาพูดไม่พอ (แต่ที่จริงคือขี้เกียจพูด--)พูดแต่สิ่งที่ไม่ได้มาจากความคิดของตนเองเสมอ แทนตัวเองว่าฉัน ส่วนคนอื่นนั้นจะแทนว่า ขยะ----/แค่ก//ปกติแล้วมีเสียงที่หวานและนุ่มหูมาก แต่เพราะความไร้อารมณ์ บวกกับพูดผ่านหน้ากาก น้ำเสียงเลยจะฟังดูราบเรียบเย็นเฉียบ และคล้ายกับหุ่นยนต์ไปอย่างช่วยไม่ได้ 


    ความสามารถพิเศษ :: สัญชาตญาณการเอาตัวรอด และทักษะการใช้อาวุธทุกรูปแบบ

    ลักษณะการแต่งตัว :: แบบในรูปเลยค่----//มีความขี้เกียจบรรยายสูงมาก (?)

    อาวุธ :: กริชสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือชายวัยกลาง ฝังเพชรเอาไว้บริเวณปลายด้าม และสลักชื่อ ซีส์ติกท์ ภาษาอังกฤษเอาไว้

    สีของลูกแก้วที่พกติดตัว :: ขาวขุ่น


    ชอบ :: ไม่มี

    ไม่ชอบ/เกลียด :: มนุษย์และทุกสิ่ง

    กลัว/แพ้ :: การที่ตนเองเริ่มกลับไปเป็นเหมือนตอนที่เชื่อมั่นในตัวมนุษย์ (จะมีรึเปล่าก็ต้องไปลุ้นกันอีกที---?)

    งานอดิเรก :: เดินร่อนไปร่อนมา / หลงทาง----


    เจ้าคิดยังไงกับตนเองในโลกตรงข้าม :: ก็คงโสโครกไม่ต่างกันนั่นแหละ...

    คิดว่าตนเองจะสามารถไปยังโลกแห่งความจริงได้หรือไม่ :: ..โลกแห่งความจริง..งั้นเหรอ? อ่า นั่นสินะ หากโลกนั้นมันทำให้ผมหลุดพ้นจากความทรมานนี้ได้..ต่อให้สังหารไปอีกกี่ศพ ผม..ก็จะไป (ป.ล.จำมาจากคนจิตวิปริตคนหนึ่งที่พบเจอระหว่างทาง ซึ่งตอนนี้เขาก็ส่งหมอนั่นไปสบายเรียบร้อยแล้ว...)

    เพิ่มเติม :: ซีส์ติกท์เป็นพวกหลงทิศหลงทางเข้าขั้นโคม่าค่ะ เขาไม่รู้ว่าทิศไหนคือเหนือหรือใต้ออกตก แต่ถึงรู้ เขาก็จำมันได้แค่ไม่ถึง10วิ แล้วพอเริ่มเดินอีกครั้ง เขาก็จะลืมมันไป แต่ด้วยความขี้เกียจส่วนตัว (?) เขาเลยเดินสุ่มมั่วเอาไปเลยค่ะ (แต่เรื่องอื่นไม่ได้ความจำฟองน้ำขนาดนี้นะคะ---)

         เพิ่มอีกเรื่อง----รอยสักรูปปีกนางฟ้าบนหลัง อันนี้เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามาได้ไงค่ะ สันนิฐานว่าตอนยังจำความไม่ได้ คงมีคนมาสักไว้----//สามารถตัดออกได้นะคะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเท่าไหร่กับจุดนี้ (?)

         อนึ่งน้องแน้ง (?) เนื่องจากว่าซีส์ติกท์นั้นเคยถูกข่มขืนมาก่อน ทำให้เขาเกลียดการถูกข่มเหงมากที่สุด ซีส์ติกท์จะไม่ยอมอยู่เบื่องล่างค่ะ เขาจะอยู่แค่ด้านบนเท่านั้น!!---//แค่กๆ//แบบว่า อยากให้น้องเขาเป็นเมะน่ะค่ะ-----(แล้วก็พูดซะเรท..)


    สัมภาษณ์ผู้ปกครอง


    //นั่งเคาะทดสอบไมค์....ไม่ดัง...ไม่ใช้ก็ได้-----สวัสดีค่ะ อะแฮ่ม ขอแนะนำตัวอีกรอบ(?) อันตัวข้ามีนามว่---อ๊ะ โอเค ไม่เล่น คนเขียน(?)ชื่อแผ่นกระดาษนะคะ อนึ่งมีนิยายหลายเรื่องในคลังคาดว่ามีบางท่านที่รู้จักหรือเคยเห็นแวบๆ อนึ่งหรือบางท่านอาจจะไม่รู้จักเลย แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เอาล่ะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรคะ?

    -รันรันค่าา----พามาส่งตามที่สัญญาแล้วเนอะ!


    ไม่ทราบว่าทำไมถึงมาสมัครคะ?

    -ว่าง---(ซะเมื่อไหร่ล่ะ)//อะแฮ่ม! พอดีอยู่ๆ หัวมันเเล่นน่ะค่ะ บวกกับคิดดรีมไม่ออก (?) เลยได้กายมาแทน


    ใบสมัครยาวไปไหมเอ่ย?

    -ไม่นะคะ----


    อ่า...แล้วถ้าลูกถูกจับขัง(ในโลกของความจริงก็ตาย แต่แค่คนเดียวจะโดนค่ะ ไม่กายก็ดรีม)รับได้หรือเปล่าคะ? 

    -สำหรับคนนี้ไม่ค่อยซีเรียสนะคะ เพราะน้องแกนี่ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็อยากตาย (?) เหมือนกัน ถ้าท่านแผ่นฯอยากทำตามความต้องการของน้อง น้องแกก็คงตายอยู่ดี แต่คงจะต่างตรงสาเหตุการตายแค่นั้นเองแหละค่----//นี่นั่งพล่ามอะไรเยอะแยะ---แค่กๆ


    สุดท้ายและท้ายสุด(?)ขอบคุณที่มาสมัครค่ะ แล้วเจอกันใหม่ มีอะไรจะบอกแผ่นกระดาษไหมคะ? //หยิบผาเช็ดหน้าสีรุ้งรับแสงอาทิตย์ขึ้นโบกแบบโบกแท๊กซี่(?)

    -สิ่งที่อยากบอก..ขออนุญาตไม่เน้นแดงนะคะตัวนี้ ปวดหัวตุบๆ ยังไงไม่รู้สิ ฟฟว์ //ครั้นจะมาส่งหลังหายปวดหัวก็คงไม่ได้ส่งกันพอดี เพราะปวดทีนี่ยาวสองสามอาทิตย์---// ป.ล.อาจมาส่งอีกคนนะคะ แน่นอนว่ากาย----//เป็นอะไรกับกาย 555



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×