ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ↕ DIAMOND HEART ↕

    ลำดับตอนที่ #14 : [12] my carmen - Elle Serafim Brooke

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 62



    [ my carmen ]


                มนุษย์ทุกคนล้วนมีสวนผลไม้ต้องห้ามในจิตวิญญาณของพวกเขา

                สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์..ดินแดนที่มีแต่พวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นจะสามารถเหยียบย่างเข้าไปได้ ท้องฟ้าเปิดกว้าง ก้อนเมฆสีขาวปุย พระอาทิตย์ดวงโต กลิ่นหญ้าหอมลอยมากับสายลม ดอกไม้ต้นน้อยถูกปลูกไว้ประปราย และที่ตรงกลางนั้น, มันจะมีผลไม้ต้นหนึ่งถูกปลูกเอาไว้

                กล่าวว่านั่นคือผลแห่งความปรารถนา

                แรกเริ่มจะเป็นเพียงต้นอ่อนต้นเล็กจ้อย..ค่อย ๆ เติบโตทีละน้อย ด้วยหยดน้ำล่อลวงอันเรียกว่า 'ความหวัง' ใช้เวลาหลายต่อหลายปี หรืออาจจะเป็นชั่วชีวิตนั้นเพื่อทำให้มันงอกเงยสวยงามเติบใหญ่แข็งแรงได้

                แต่รู้อะไรไหม?

                ตอนที่สายฟ้ามันผ่าลงมาน่ะ..แค่ครั้งเดียวมันก็ตายแล้ว


                เสียงรถยนตร์ขับเคลื่อนตลอดเวลาแม้ล่วงเลยเข้าคืนวันใหม่มากว่าสามชั่วโมง

                กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยกระทบจมูก ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกันแน่

                หรือกระทั่งบ้านหลังเล็กคับแคบที่ชั้นใต้ดินของตึกเช่าราคาถูกในกรุงลอนดอน

                ไม่ว่าอะไร..ก็ล้วนแต่ไม่เคยคาดฝันว่าสักวันหนึ่งชีวิตจะต้องมาถึงในจุดนี้


                "เอลล์ ตื่นรึยังจ๊ะลูก?" เสียงเรียกเอ่ยจากด้านนอกห้องนอนขนาดสามคูณสาม มาพร้อมกับแรงที่เคาะลงบนบานประตูไม้ส่งเสียงก้องไปทั่ว ส่งผลให้ร่างที่นอนขดอยู่บนเตียงขยับตัวลุกขึ้นมา ใช้ดวงตาของเธอจดจ้องโลกเงียบ ๆ

                "ค่ะ.."

                ขานเสียงรับตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา

                ทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังไม่ได้แม้แต่จะหลับสักตื่นเลยด้วยซ้ำ


                เอลลีคือชื่อของเธอ

                และโลกที่เธอเคยมองเห็น, มันแตกต่างจากโลกในตอนนี้โดยสิ้นเชิง


                ร่างกายก้าวเท้าเดินไปตามทาง สายลมแรงพัดผ่านกระทบผิวชวนให้รู้สึกหนาวสั่น หากแต่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ก็ยังพอช่วยให้รู้สึกอบอุ่นได้บ้าง เด็กสาวตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักเหมือนกับตุ๊กตา ดูบอบบางและแตกหักได้ง่าย กลับกำลังเดินทางด้วยเท้ากับระยะทางกว่าห้ากิโลเมตร

                'โรงเรียนอยู่ใกล้แค่นี้เอง ลูกไปเองได้ใช่ไหม?' เสียงของแม่ดังก้องไปมา มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอก้าวเท้าไปเรื่อย ๆ

                แม้ว่าจะอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นซะก็ตามที..

                "เอลล์"

                ร่างเล็กชะงัก เสียงเอ่ยเรียกชื่อเล่นที่ไม่ว่าใครก็เรียกแบบนั้น แต่เพราะน้ำเสียงหวานที่ฟังดูชวนเคลิบเคลิ้มนั่น มันถึงทำให้เอลลีรู้ว่าใครกันที่ก้าวเท้าลงมาจากรถลีมูซีนคันหรู และบังเอิญหันมาเห็นเธอที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในโรงเรียนพอดิบพอดี

                เด็กสาวหน้าตาสะสวย เส้นผมหยักสีจินเจอร์ ดวงตาสีเทาอ่อนประกายความสวยงาม เครื่องแต่งกายเรียบหรูราคาแพงตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นหอมของน้ำหอมชื่อดังลอยมากับสายลมหิมะ และเอลลีเคยจำได้ว่าร่างกายของตนก็เคยมีกลิ่นนี้ติดตัว

                ไม่ใช่แค่น้ำหอมหรอก

                ทุก ๆ อย่างที่หล่อนสวมใส่ ทุก ๆ อย่างที่หล่อนมี..

                เธอก็เคยมีมันเหมือนกัน

                "วันนี้เดินมาโรงเรียนเหรอ?" เด็กสาวเอ่ยถาม ส่วนสูงที่มากกว่าทำให้เธอต้องกดสายตาลงมองมาที่เอลลี

                เอลลีก้มหน้าลงเล็กน้อย เธอไม่ชอบที่สายตาคู่นั้นกดต่ำลงมาเช่นนี้ และไม่ชอบเลยด้วยที่ต้องเห็นดวงตาฉาบแววสงสาร หากแต่ลึก ๆ กลับเต็มไปด้วยความเวทนาและสมเพช

                "..อื้อ" หากสุดท้ายก็ต้องตอบกลับไป ฝืนยิ้มขึ้นมาทั้งที่สั่นสะท้านไปร่าง "อยากออกกำลังบ้างน่ะ"

                แล้วเธอก็ได้รับสายตาเวทนาที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าเดิมจากเธอคนนั้นเข้าจนได้


                คารีน่า เลร่า เป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอที่เหมือนกับว่าถูกองค์เทพเลือกให้เป็นเจ้าสาวของพระองค์

                เธอคนนั้นงดงาม ใบหน้าเลิศเลอ มันสมองอันชาญฉลาด หรือกระทั่งพรสวรรค์ และความโชคดีที่ทำให้เธอไปเกิดในตระกูลผู้ดีขุนนางเก่าของอังกฤษ เป็นคนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบแทบทุกอย่าง และถูกเรียกว่าเป็นสาวในดวงใจของชายหนุ่มค่อนโรงเรียน

                ความจริงแล้วเราสองคนเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน

                แต่หลังจากวันนั้น, เอลลีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยื่นอยู่ข้างเธอได้อีก


                บ้านของเอลลีเคยเป็นเจ้าของกิจการน้ำชาที่โด่งดังไปทั่วทวีปยุโรป ภายในสังคมผู้ดีที่อยู่ยอดสุดของพีระมิด เอลลีจำได้ดีเลยว่ามันมีมากมายจนนับครั้งไม่ได้เสียแล้ว ที่เธอได้ไปเชิดหน้าชูตาอยู่ในงานเลี้ยงของสังคมชั้นสูง

                ยกยิ้มกว้างจนแทบหุบไม่ลง สวมใส่แพรพรรณสวยงาม รองเท้าส้นสูงที่ชอบ และความสุขล้นอกกับสายตาที่จับจ้องมองมา..

                ในตอนที่อยู่ที่โรงเรียน ผู้คนก็พากันรุมสนใจ เพราะใบหน้าน่ารักแบบนี้ เงินทองมากมายแบบนี้ ชื่อเสียงตระกูลที่โด่งดังแบบนี้ ไม่แปลกหรอกถ้าจะมีคนมารักใคร่..แต่ความจริงแล้ว วันแรกที่เอลลีเข้ามาในโรงเรียน เธอก็ยังเป็นแค่ลูกเศรษฐีมีชื่อที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนอกจากหน้าตานั่นแหละ

                จนกระทั่งคารีน่าเริ่มจะสังเกตเห็นตัวตนของเอลลี..และเลือกที่จะก้าวเข้ามาหา

                "พวกเรานี่เหมือนกันดีนะ" ฝ่ามือยื่นมาตรงหน้า ทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำ "คิดว่าไง? ถ้าฉันอยากจะเป็นเพื่อนกันเธอ"

                เธอคนนั้นน่ะ คือเทพธิดาของทุกคน..

                เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะได้รับความสนใจมากกว่า ถ้าอยากจะได้รับความรักมากกว่านี้ล่ะก็..

                "อื้อ" จะต้องเป็นแบบเธอให้ได้


                'ถ้าเป็นแบบคารีน่าได้ ทุกคนก็จะให้ความสนใจ' เรื่องแบบนั้นน่ะไม่ว่าใครก็รู้ แต่คนที่ทำแบบนั้นได้จริง ๆ น่ะ..ไม่รู้หรอกว่ามีอยู่รึเปล่า

                "อ้าว เอลล์?" เสียงหวาน ๆ ของใครสักคนดังขึ้น เอ่ยทักเด็กสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง "ดัดผมมาเหรอ"

                รอยยิ้มแย้มกว้างตอนที่ได้รับคำชม หัวใจพองฟูเต็มอก รู้สึกชอบใจยิ่งกว่าตอนไหน ๆ แม้ว่าจะมีสายตาของต้นแบบที่เธอพยายามเปลี่ยนตนเองให้เป็นเช่นเดียวกัน คอยจับจ้องเอาไว้ไม่ห่างก็ตาม

                "เหมาะกับเธอดีนะ" คารีน่ากล่าวเช่นนั้น ยิ้ม และไม่พูดอะไรอีก


                หล่อนก็คงจะรู้อยู่บางแหละว่ากำลังโดนเลียนแบบ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ปล่อยทุกอย่างไว้แบบนี้

                เอลลีนก็ยังคงหลงระเริงไปกับโลกของเธอ นับวันยิ่งก้าวเข้าใกล้กับคารีน่า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า ทรงผม สิ่งของที่หล่อนชื่นชอบ ก็คอยเลือกตามเพื่อให้อยู่ในกลุ่มที่เขาเรียกกันว่า 'สวยงามและน่าให้ความสนใจ'

                แต่ว่ามันก็เหมือนกับว่าจะไม่พอ..

                เพราะไม่ว่าทำอย่างไร..ก็สู้ตัวจริงไม่ได้


                คารีน่าคือเทพธิดาที่ถือครองอำนาจของความรักและอำนาจ ในขนาดที่เอลลีนเป็นเพียงมนุษย์โง่เขลาหวังทัดเทียมเทพ

                นั่นน่ะเป็นสถานะที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเราแล้วล่ะ


                ต่อให้เอลลีนจะพยายามไล่ตามเท่าไหร่ เธอก็ไม่เคยไล่ทันเลย..ทั้งที่ตอนนี้ ไม่ว่าจะหน้าตาหรือทรงผมก็สมบูรณ์แบบ เธอมีทุกอย่างในแบบที่คารีน่ามี เกรดเฉลี่ยที่มากมายจากการพยายามจะก้าวข้าม แม้แต่เงินทองของเธอก็เหลือใช้ล้นมือไม่แพ้หล่อน

                ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจ..ว่าทำไมถึงยังก้าวข้ามไม่ได้

                ดวงตาจ้องมองภาพสะท้อนภายในกระจก เห็นเด็กสาวตัวน้อยในนั้น ใบหน้าบิดเบี้ยว คิ้วที่พับย่นเข้าหากันทำให้ใบหน้าดูน่าเกลียดจากแรงอารมณ์ เอลลีนยกปลายเล็บขึ้นขบกัดจนมันเกิดแผล ปลายเล็บฉีกออกมาจนสีแดงเริ่มซึมตามขอบเล็บ

                "..ต้องมากกว่านี้..รึเปล่านะ?"

                

                "วันนี้เป็นลิปสติกเหรอ"

                สัมผัสที่วางลงบนไหล่ทำให้ต้องเงยหน้ามอง คารีน่ายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง จ้องมองสีอ่อนระเรื่อของลิปสติกบนริมฝีปากอวบอิ่มของเพื่อนสาว ซึ่งคราวนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่บนตัวของหล่อน

                ถ้าเหมือนเสียจนแทบจะเป็นคน ๆ เดียวกันก็ยังก้าวข้ามไม่ได้ แบบนั้นก็คงต้องลองเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม..ให้คนเขารู้สึกตื่นใจ

                แต่ว่า, คนที่คิดได้แบบนั้น มันมีแค่เอลลีซะเมื่อไหร่

                "ว้าว! นั่นมันเสื้อกันหนาวซีซั่นล่าสุดของแบรนด์oxxนี่นา! สุดยอดไปเลยคารีน่า!"

                แล้วสีสันบนริมฝีปากของเธอก็ถูกหมางเมิน เพียงเพราะเสื้อกันหนาวราคาแพงที่อยู่บนเรือนร่างสวย ๆ ของหล่อน เอลลีจ้องมองภาพพวกนั้น และจำต้องก้มหน้าต่ำ เมื่อได้รับสายตาจากคารีน่าเหลือบมามองนิ่ง ๆ ปลายนิ้วของเด็กสาวกำเข้าหากัน ดวงตาดำมืดลงเรื่อย ๆ จนแทบไม่เห็นสีสันอีกเเล้ว


                เอลลีอยากจะเป็นคนที่ไม่ว่าใครก็รัก

                เธออยากจะเป็นคนแรกและเพียงคนเดียว ที่คนเหล่านั้นจะพูดว่า คู่ควรที่สุด

            
    Z K T
       แต่โลกนี้ก็ช่างแสนใจร้าย..ไม่ว่าเธอจะพยายามฟูมฟักผลไม้แห่งความปรารถนานั้นให้งอกเงยขึ้นมามากเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเทียบเท่าคารีน่าได้..แล้วก็เหมือนฟ้าได้สาปกัน ในวันที่คิดว่าจะต้องพยายามมากกว่านี้ และโดดเด่นยิ่งกว่านี้..มันก็กลับกลายเป็นวันที่ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง

                บ้านของเธอล้มละลาย และพ่อของเธอก็ฆ่าตัวตายไปในเหตุการณ์นั้น..ทิ้งให้สองแม่ลูก จำต้องดิ้นรนกันต่อไปทั้งแบบนี้..
                ฐานะทุกอย่างสูญสลายไปภายในชั่วพริบตา โลกทั้งใบพังลงจนไม่เหลือชิ้นดี..ไม่ใช่เพียงแต่ไม่อาจจะก้าวข้ามเด็กสาวคนนั้น ตอนนี้ตัวของเอลลียังตกต่ำลงจนถึงขีดสุด เมื่อไร้ทรัพย์สินเหล่านั้น สิ่งที่เคยรายล้อมก็เริ่มทยอยจากลา หันหลังให้กับเธออย่างพร้อมเพรียง

                "ลองไปหางานทำสิ เเต่แบบเธอก็คงทำได้แต่งานพวกนั้นนั่นแหละ"
                "เห็นว่าบ้านล้มละลายนี่นา คงไม่มีเงินไปเที่ยวเล่นกับพวกเราหรอกมั้ง"
                "ตอนมีเงินก็ทำเป็นชูคอ พอได้ลองจนหน่อยนี่รู้ซึ้งเลยล่ะสิ"

                ถ้อยคำพวกนั้น..เธอได้ยินมันทั้งหมด
                แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุด กลับเป็นตัวคารีน่าที่อยู่ห่างออกไป ไกลเสียยิ่งกว่าไกล, เด็กสาวที่ราวกับนั่งอยู่บนบังลังค์ของพระเจ้า ดวงตาที่มองกดต่ำมายังเธอเหมือนอย่างที่ทำมาตลอดไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม และดวงตาคู่นั้น — เต็มไปด้วยความสมเพชเวทนา
                "เอลล์"
                เปรี๊ยะ, บางสิ่งปริแตกอยู่ใต้ฝ่าเท้า
                "ร่วงลงไปซะ"
                จากนั้นตัวเธอก็ร่วงหล่น..จมหายลงไปในหลุมลึกที่ไม่มีวันปืนกลับขึ้นมาได้อีก

                ผลไม้แห่งความปรารถนาของเธอตายเสียเเล้ว
                ไม่อาจจะปลูกฟื้นคืนมันกลับมาได้อีก..ไม่แม้แต่จะมีความหวัง..ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ สกปรกนั้น เอลลีเห็นเพียงผนังที่ต่ำลงมาจนดูราวกับจะไขว่คว้ามาได้ หากกลับทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ร่างกายเริ่มสั่นเกร็ง ขดงอเข้าหากันด้วยทั้งความหวาดกลัว กังวล และสับสน
                ต้องทำอย่างไรต่อ? กับชีวิตแบบนี้ เธอควรจะเดินไปในทิศทางไหน?
                พ่อก็ตายไปแล้ว..แม่ของเธอก็เหนื่อยล้า มันไม่มีทางที่จะกลับไปยังจุดเดิม ต้องเสียทุกอย่างไปจริงน่ะหรือ จะไม่อาจครอบครองทั้งความฝันความปรารถนา และความสุขใดได้อีกเเล้วน่ะหรือ?
                ไม่..ไม่มีทาง
                เอลลีจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น หรืออย่างน้อย, เธอก็จะต้องเอามันมาให้ได้สักอย่าง

                ในคืนวันหนึ่ง มันเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองครบรอบวันเกิดอายุ17ของคารีน่า
                เด็กสาวได้รับข้อความบางอย่างจากอดีตเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาเกือบเดือน เด็กคนนั้นที่หายไปจากโรงเรียนโดยไม่บอกกล่าว เพราะความสงสัยและประหลาดใจ อยากจะรู้ว่า เอลลี เซราฟิม บรู๊ค จะสรรหาวิธีแบบไหนมาใช้เพื่อเทียบเท่าเธอได้อีก คารีน่าจึงตัดสินใจออกไปพบอีกฝ่าย
                แน่นอนล่ะว่า, เธอไม่รู้หรอกว่าความตายกำลังจะมาเยือน

                ดวงตาของเอลลีส่องประกายอยู่ในความมืด
                เมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านอาหารราคาแพง ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นและสืบเท้าเดินตามไปเงียบ ๆ มุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ จนไปถึงสถานที่ที่ค่อนข้างลับตา จ้องมองแผ่นหลังนั้นที่ตนเคยมองและไล่ตามมันมาตลอด
                แต่ในวันนี้แหละ ที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
                เอลลีจะทำให้มันจบในวันนี้ และเมื่อเธอสาบานเช่นนั้น, เด็กสาวก็หยิบกรรไกรออกมาจากกระเป๋า ก้าวเท้าสืบยาวเข้าไปใกล้จนประชิด หากแต่ในจังหวะที่คารีน่าสังเกตเห็นเงาดำที่ทาบทับจากข้างหลัง มันก็เป็นตอนที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว
                ฉึก!!

                เทพเจ้าที่ไม่อาจก้าวข้าม เทพเจ้าที่ประดับปีกโสภารื่นเริงอยู่บนสรวงสวรรค์ เทพเจ้าตนนั้นที่มิยินยอมให้เธอขึ้นไปยืนเทียบเท่า
                เช่นนั้นแล้วจึงกระชากปีกของมันออกมาเสีย กำจัดวิญญาโสโครกนี้ไป เพื่อที่ต้นไม้แห่งความปรารถนานั้นจะได้งอกเงยขึ้นมาใหม่อีกครา

                เงื้อฝ่ามือขึ้น แล้วทิ่มแทงปลายแหลมของกรรไกรนั้นลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
                ไม่รู้เลยว่าเรี่ยวแรงเหล่านี้มาจากไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนแทงลงไปกี่แผล
                ที่รู้ก็มีแค่ว่าสีแดงที่อาบย้อมไปทั่วนี้, มันงดงามมากจริง ๆ

                เร็วเข้า..
                ฉึก!
                รีบ ๆ ตายไปซะ
                ฉึก!
                ขอแค่หล่อนหายไปล่ะก็
                ฉึก!
                เพียงเท่านั้นเธอก็จะ..!

                กึก — !
                "เอ๊ะ.."
                ตอนนี้เธอ..กำลังทำอะไรอยู่นะ?

                ดวงตาจ้องมองภาพเบื้องหน้า เห็นสีแดงที่อาบย้อมไปทั่วพื้นหิมะขาวสะอ้าน อากาศเย็นติดลบบาดลึกเข้ามาปอดเหมือนกับมีดคม ๆ คอยกรีดรั้งไปทั่ว ร่างกายของเอลลีหอบหนัก แต่กลับสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจเต้นรุนแรง และเอนโดรฟีนที่สูบฉีดไปทั่วร่าง
                อ่า..
                นึกไม่ออก..จำไม่ได้แล้วว่าฆ่าหล่อนไปทำไม
                แต่ถึงอย่างนั้น,
                "หอมจัง.."
                กลิ่นของเลือดที่ติดปลายนิ้ว มันลอยมากระทบปลายจมูก..แล้วตอนนั้นเอง, ก็เริ่มเห็นภาพบางอย่าง..โลกที่แตกต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง..ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปไกลแสนไกล สู่โลกในโพ้นอดีต..

                มีหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ดวงหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด หากกลับดูสวยงามเมื่อถูกแต่งแต้มไว้ด้วยหยดโลหิตมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกัน ก็มีใครอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้น ใช้ฝ่ามือที่ประดับด้วยเล็บแหลมยาวสีดำสนิทลูบไล้ผิวเนียน เเล้วกรีดลึกลงไปตรงช่วงอก เพื่อคว้านเอาบางสิ่งออกมา
                หัวใจดวงหนึ่งเต้นตุบอยู่บนฝ่ามือของหล่อน
                'ช่างน่าสังเวช..'
                ริมฝีปากที่ทาด้วยสีดำสนิทกดจูบจุมพิตลงไป กระซิบแผ่วเบาราวกระซิบ
                'เลิศเลอเพียงไหน..สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงอาหารมื้อหนึ่งของข้า'
                แล้วอ้าริมฝีปากออกกว้าง กัดกินก้อนเนื้อนั้นจนสิ้นด้วยสีหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

                เอลลีกะพริบตาหนึ่งครั้ง จากนั้นภาพทุกอย่างก็หายไป
                เด็กสาวจ้องมองร่างของคารีน่าที่นิ่งสนิทไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีก ค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสกับอกซ้ายของหล่อน แล้วกดปลายนิ้วลงไปช้า ๆ..ทีละนิด..ทีละนิด..จนจมลึกหายเข้าไป แล้วคว้านหยิบได้ถึงก้อนเนื้อในอกซ้าย
                กระชากมันออกมา เห็นมันเต้นอยู่ในมือ

                อ่า..ที่แท้ก็เป็นแบบนี้..
                สาเหตุที่เธอถูกสาป..สาเหตุที่ไม่อาจจะไปถึงความปรารถนาอันสูงสุดได้ด้วยมือของเธอเอง..มันก็เป็นเพราะเธอนั้นคือปีศาจ
                แต่ไอ้เรื่องงี่เง่าพรรค์นั้นน่ะ..ตอนนี้ก็คงไม่ต้องสนใจมันเเล้ว..

                ลิ้มรสเลือดและก้อนเนื้อ ดื่มกลืนมันเสียจนหยดสุดท้าย ทำลายความเป็นมนุษย์ทิ้งไปในที่สุด
                ในวันนั้น เอลลีได้เรียนรู้บางสิ่ง..

                เส้นทางสู่สรวงสวรรค์อันเรืองรอง ลำธารศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิเสธตัวข้าพเจ้า
                จะขอสาปแช่งมันเสีย, ด้วยบาปแห่งตัวข้า
                ขอมันจงมอดไหม้ ไม่ให้เหลือเพียงเถ้าธุลีใดอีกเลย

    " under my soul. there's the true evil "
    - Elle Serafim Brooke -

                
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×