ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Family! (?) [คลังตัวละคร]

    ลำดับตอนที่ #2 : DIABOLIK LOVERS | 彼岸花[ราเพียร์ อังเดรย์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      1
      21 ต.ค. 59


    I know I'm unruly

     

    I know I'm wayward 

     

     

    And I know , children unruly must be punish

     

    ..So , please

     

    Help punish me over this..more than over this

     

    Please , darling

     

     

    [ฉันรู้ ว่าฉันดื้อด้าน

     

    ฉันรู้ ว่าฉันเอาแต่ใจ

     

    และฉันรู้ ว่าเด็กดื้อด้านต้องโดนลงโทษ

     

    ..เพราะงั้น..ได้โปรดเถอะ

     

     ช่วยลงโทษฉันให้มากกว่านี้..มากกว่านี้มากกว่านี้ที

     

    ได้โปรดเถอะ..ที่รัก]

     

     

     

    _______________________________

     

    (โปรดระวังเพลงลั่น)

      

     

    REGISTRATION FORM

     

     


     

    "นี่ เด็กไม่ดีน่ะต้องโดนลงโทษนี่นา..ฉันดื้อรั้นขนาดนี้ เธอยังใจร้าย ไม่คิดจะมอบความรักให้กับฉันอีกเหรอ?"

     

     

     

    นามสกุล - ชื่อ : ราเพียร์ อังเดรย์ [Rapeia Andrey]

     

     

    ชื่อเล่น : ราเพียร์ [Rapeia] ll ริพริน [Riprin]

                   *ชื่อที่สอง เป็นชื่อที่พ่อของราเพียร์ใช้เรียกราเพียร์ค่ะ และราเพียร์ก็ไม่เคยบอกชื่อนี้ให้ใครรู้ด้วยค่ะ เพราะเธออยากให้พ่อของเธอเรียกชื่อนี้แค่คนเดียวเท่านั้น

     

     

    สัญชาติ : รัสเซีย

     

     

    อายุ : 18 ปี

     

     

    ลักษณะภายนอก : ความงามของสาวนาม ราเพียร์ อังเดรย์ ไม่ใช่ความงามโดยทั่วไป แต่เป็นความงามที่ชวนให้รู้สึกเลื่อนลอยและชวนหลงใหลไปพร้อมกัน ด้วยเรือนร่างผอมบางแต่ไม่ได้หุ่นดี กับน้ำหนัก 45กก. และส่วนสูง 163ซม. ของเธอนั่นเอง ตัวราเพียร์นั้นไม่ได้แบนราบเรียบเป็นไม้กระดาน ตรงกันข้าม เธอเป็นสาวซ่อนรูปที่มีเรือนร่างสวยงาม ทั้งอกอิ่มรับเรือนร่าง เอวคอดกิ่ว สะโพกมลผายออกอย่างพองาม หรือเรียวขาและแขนที่ผอมเพรียวกำลังดี ราเพียร์มีผิวขาวซีดเผือดราวกับว่าตัวเธอไม่เคยออกแดดเลยแม้แต่น้อย ไร้ซึ่งสีชมพูระเรื่อราวกับคนป่วย ดวงหน้าหวานเรียวมล ประดับดวงตากลมโตสีน้ำตาลทองหม่นดูเลื่อนลอยเล็กน้อย แพขนตาหนางอนกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย จมูกเล็กรั้นเชิดสื่อถึงความดื้อรั้นแฝงไว้อย่างชัดเจน ริมฝีปากสีส้มอ่อน สิ่งเดียวที่พอบอกได้ว่าตัวเธอนั้นไม่ได้ป่วย กับคิ้วเรียวเรียงตัวสวยทำให้ใบหน้าเธอนั้นสวยสดงดงามราวกับเธอตุ๊กตาโกธิคเลยทีเดียว ราเพียร์มีเส้นผมสีน้ำตาลอมเทาที่ไว้ทรงประหลาด ผมด้านซ้ายของราเพียร์ยาวเลยบ่าเล็กน้อย แต่ด้านขวากลับตัดสั้นคลอเคลียลำคอระหงส์เสียอย่างนั้น นอกจากนี้ยังทิ้งปอยยาวประดับโครงหน้าไว้หนึ่งปอย ชวนให้สงสัยว่าทำไมต้องทำทรงแบบนี้พอสมควร จะเรียกว่าเป็นจุดเด่นบนเรือนร่างนี้ก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่โดดเด่นบนเรือนกายนั้นมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นบาดแผลทั้งเก่าและใหม่ใต้เรือนผ้าของราเพียร์นั่นแหละ

     

     

    อุปนิสัย : 

                        ราเพียร์ อังเดรย์ สาวงามเสียของห่งรัสเซีย ด้วยที่ว่าแม้จะมีใบหน้างดงามเพียงใด แต่กลับมีนิสัยและบุคลิกที่แปลกประหลาดเกินกว่าใครจะชอบลง ราเพียร์เป็นผู้หญิงที่ยามมองให้ความรู้สึกว่าเธอนั้นช่างเลื่อนลอยเสียไม่มี ใบหน้าของเธอราบเรียบนิ่งสงบ ดวงตามักจดจ้องอยู่ที่อะไรสักอย่าง แต่กลับเหมือนว่าเธอไม่ได้กำลังมองมันอยู่ เอาง่ายๆ คือดูเหมือนว่าราเพียร์นั้นกำลังเหม่อตลอดเวลา บวกกับท่าทางนิ่งๆ จึงทำให้ลาเพียร์ดูคล้ายกับตุ๊กตาโกธิคที่หน้าตางดงามแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ กระนั้นแล้วอย่าพึ่งปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็น เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่คนหน้าตายไร้อารมณ์ ตาเลื่อนลอยเหมือนคนติดยาโดยกำเนิด หากถามว่านี่คืออะไร ราเพียร์คงตอบได้ว่ามันคือหน้ากาก เมื่อก่อนราเพียร์มักซ่อนความคิดของเธอด้วยหน้าลอยๆ แบบนี้ ราวกับกำลัสื่อว่า เธอเข้าใจแต่ว่าไม่ได้เข้าใจ นั่นเอง แต่เพราะทำมากไปจนชิน มันเลยกลายเป็นบุคลิกเบื้องหน้าที่เเก้ไม่ได้ไปเสียอย่างนั้น

                          ราเพียร์นั้นเวลาปกตินอกจากจะทำหน้าเลื่อนลอยแล้ว เธอยังมีความดีเลย์สูงอย่างมากอีกด้วย เนื่องด้วยหากนั่งอยู่คนเดียว ราเพียร์จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่เพราะเป็นสาวช่างจินตนาการ ทำให้เวลามีใครเข้าไปทักหรือเกิดอะไรขึ้น ราเพียร์จะไม่รู้สึกถึงเสียงหรือสัมผัสใดๆ ไปหนึ่งนาทีเต็ม ก่อนเธอจะหันไปมองรอบด้าน ถ้ามีคนยืนอยู่ แม่คุณก็จะเลิกคิ้วใส่ แล้วถาม 'มีไรห๊ะ?' อ่า..นั่นแหละ ราเพียร์ไม่ใช่คนเลื่อนลอย ตรงกันข้าม เธอเป็นคนหัวรุนเเรง หัวร้อนง่าย ใจร้อน ทั้งยังอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเวลามีสติกับเวลานั่งจินตนาการอยู่กับตัวเอง ราเพียร์จะต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ส่วนบุคลิกลอยๆ นี่ มันจะเกิดขึ้นได้หากคุณปล่อยให้ราเพียร์นั่งอยู่คนเดียวไปราวๆ สิบนาทียังไงล่ะ 

                            ราเพียร์พื้นฐานเป็นคนที่ถื่อน ถ่อย อันธพาลขัดกับหน้าตาแบบตุ๊กตาโกธิคของเธอราวกับฟ้าเหว เธอารมณ์เสียง่ายอย่างกับอะไรดี แค่มีคนมาพูดในสิ่งที่ระคายหูเธอ หรือเธอไม่ชอบไม่ปลื้ม ภาพลักษณ์ลอยๆ ก็สามารถถูกสลัดกระเด็นไปไกลลิบ แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าทะมึนทึงได้อย่างง่ายดาย ปกติเวลาพูดเสียงของราเพียร์จะแอบแหลมหน่อยๆ น้ำเสียงของเธอไม่มีความเคารพ มีความห้วนและคุกรุ่นเเฝงไว้สูง แถมยังเป็นพวกชอบเอ่ยเสียงดังอีกต่างหาก เวลาคุณมาพูดคุยกับเธอ คุณอาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยล่ะนะ แต่ถามว่าราเพียร์สนไหม? ต้องบอกเลยว่าไม่ น้ำเสียงของเธอมันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังสิ ง่ายจะตาย ราเพียร์ไม่ใช่คนที่ชอบเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น หากไม่สำคัญจริงก็อย่าคิดว่าเธอจะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณ แต่ถึงจะสำคัญจริง ก็ใช่ว่าราเพียร์จะยอมคุณทุกอย่าง เธอผ่อนผันให้กับแค่เรื่องบางเรื่องเท่านั้นน่ะแหละ 

                            ราเพียร์เป็นสาวขี้รำคาญ นิดหน่อยก็รำคาญได้ เธอไม่ชอบอากาศร้อนหรือหนาวเกินไป ไม่ชอบฟังคุณมาบ่น บ่น บ่นอยู่ข้างหู ราเพียร์ไม่ชอบการโดนเซ้าซี้ ถ้าเธอบอกว่าไม่ ก็คือไม่ อย่ามาคิดเปลี่ยนใจเธอให้ยาก เป็นคนที่หัวเเข็งมาก ยึดมั่นในความคิดของตนเองอย่างรุนแรง จนแทบจะเรียกได้ว่ายึดติดมากกว่ายึดมั่น เชื่ออะไรแล้วจะเชื่อแบบฝังรากลึก เปลี่ยนได้ยาก พอๆ กับใจของเธอที่หนักแน่นอย่างมาก ราเพียร์ไม่ใช่คนโลเล คิดจะทำอะไรเธอก็ทำสิ่งนั้น ไม่เปลี่ยนใจหันเหไปหาอย่างอื่นง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอคิดอยากแหย่ให้ใครสักคนหงุดหงิดอย่างแรง ต่อให้ยากขนาดไหน ราเพียร์ก็จะทำให้ได้ หืม?..ไม่ได้บอกเหรอ ว่าในหัวราเพียร์น่ะมันไม่มีเรื่องดีๆ เหมือนชาวบ้านเขาหรอกนะ สำคัญคือเวลาที่ราเพียร์รำคาญอะไรอย่างหนึ่ง เธอจะบอกปัดทุกอย่างที่เข้ามาหาเธอ เรียกว่ารำคาญแล้วพาล (?) ก็ได้ ไม่ผิด เพราะงั้นหากเธอแสดงสีหน้ายับย่น จิ๊ปากบ่อยๆ ทางที่ดีควรปล่อยเธอไว้คนเดียว ให้ความจินตนาการสูงครอบงำหัว ลืมความรำคาญทั้งหลายไปก่อนเถอะจะดีที่สุด

                             ราเพียร์เป็นผู้หญิงขี้แกล้ง..แกล้งแรงหยอกแรง จัดหนักทุกครั้ง ไม่มีน้ำจิ้มมาล่อ มื้อหลักลงเลยเเบบเน้นๆ เอาให้สะอึกเอาให้ร้อง ไม่มีความเห็นใจเท่าไหร่  แต่ไม่ได้ชอบแกล้งให้ชาวบ้านเขาร้องไห้น้ำตาท่วมหน้า ราเพียร์แกล้งอีกฝ่ายเพื่อให้อีกฝ่ายโกรธ แล้วพออีกฝ่ายติดกับ เธอก็ชอบหัวเราะคิกคักราวกับตลกเหลือเกิน มันเลยอาจทำชาวบ้านอารมณ์เสียบ่อยๆ แต่ราเพียร์ก็ไม่สน ถ้าเธออารมณ์ดี เธออยากแกล้งใครก็แกล้ง   ยิ่งอารมณ์ดียิ่งอยากหาคนแกล้งชาวบ้านเขาเป็นพิเศษ แต่หาได้ยากเอาการ เพราะราเพียร์นั้นถ้าไม่นั่งเหม่อทำหน้าเลื่อนลอย ก็ชอบอารมณ์เสียตลอดเวลา เพราะเป็นคนเรื่องเยอะพอตัว แถมของที่ชอบยังมีน้อยมาก ผิดกับของที่เกลียดที่มีเป็นกอง เลยหาอะไรที่ถูกใจราเพียร์ได้ค่อนข้างยากเอาเรื่อง แน่นอนว่าการทำตัวให้ถูกใจเธอเองก็ยากเหมือนกัน เพราะราเพียร์เป็นคนอารมณ์แปรปรวน เหมือนกับความชอบของเธอมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วันนี้เธออาจจะชอบชา แต่วันพรุ่งนี้เธออาจจะเกลียดมันก็ได้ เอาแน่เอานอนไม่ได้สักอย่าง อ่า..ไม่ใช่สันดาน (?) โปรดอย่าเข้าใจผิด ราเพียร์แค่แกล้งทำเท่านั้น ถามว่าทำไปเพื่ออะไร? ก็ทำแบบนี้เเล้วคนอื่นหัวหมุน สนุกดีออก 

                              ราเพียร์เป็นคนกวนประสาทอย่างมากที่สุด ทั้งท่าทาง การกระทำ และความคิดของเธอเลยนั่นแหละ ขนาดเวลาเลื่อนลอยแล้วดีเลย์รับรู้เธอยังดูกวรปะสาทเลย (ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะไม่ได้ตั้งใจกวน แค่จมไปกับห้วงความคิดของตัวเองมากเกินไปก็เถอะ) แต่ถ้าเวลาปกติขอให้บอก ถ้าเกิดราเพียร์ไม่ได้กำลังอารมณ์เสีย เธอก็จะไปทำให้คนอื่นอารมณ์เสียแทน ชอบอุบอิบเรื่องที่ควรบอกไว้กับตัวเอง แล้วมาทำลังเลจะบอกดีไหมน้าา ชอบพูดให้ล่อให้อยากรู้ แล้วจากไปอย่างไร้เหยื่อใยด้วยการตัดบทฉับ เสเนียนเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านเขารู้สึกตามอารมณ์คุณเธอไม่ทันแบบแปลกๆ ราเพียร์เป็นคนปากแข็งมาก เก็บความเล็บเก่งสุดๆ เรื่องไหนที่เธอไม่อยากบอกคนอื่น เธอก็จะไม่บอกใครเลยสักคนเดียว ต่อให้คีมมาง้างปากหรือใช้กำลังกับเธอ ราเพียร์ก็จะไม่บอกคุณอยู่ดีนั่นแหละ และอย่าคิดด่าเธอให้เสียเวลาเปล่าเลย ด่าได้ ด่าไปเถอะ ไม่ระคายผิวราเพียร์หรอกแค่นั้น เพราะราเพียร์น่ะทั้งหน้าด้าน แถมยังชอบคำด่าอีกด้วย ยิ่งแรงยิ่งชอบ ด่าอีกเยอะๆ สิ เธอชอบ..มากๆ ด้วยล่ะ

                               ราเพียร์เป็นคนที่รสนิยมความชอบผิดแปลก เธอชอบความเจ็บปวด หรือเรียกง่ายๆ ว่ามาโซคิสม์ นั่นจึงทำให้เธอไม่รู้สึกระคายกับคำด่ายังไงล่ะ และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ราเพียร์กล้าไปกวนประสาทคนนู้นทีคนนี้ที ทำตัวหัวร้อนเอาเเต่ใจแบบไม่กลัวจะโดนซัดหน้าหันเข้าสักวัน ซัดมาได้ก็ดีสิ..ราเพียร์ชอบความเจ็บปวดอย่างมาก เธอเป็นพวกเสพติดความเจ็บปวด ราเพียร์ขาดมันไม่ได้ และมีแต่จะต้องการมากขึ้นๆ ไปอีกท่านั้น เพราะงั้นเธอจึงพยายามทำให้ทุกคนอารมณ์เสีย และขัดคำสั่งทุกอย่างที่ออกมาจากปากนั่น เพื่อให้พวกเขาลงโทษเธอให้หนักๆ ไงล่ะ นอกจากนี้ราเพียร์ยังมีความคิดที่เรียกได้ว่าค่อนข้างบิดเบี้ยวมากๆ ราเพียร์คิดว่าการทำร้ายร่างกายมันคือการมอบความรัก ความเจ็บปวดสำหรับเธอคือความรัก ยิ่งรุนเเรงยิ่งแสดงว่ารักมาก เธอเป็นคนขี้เหงา เพราะงั้นจึงโหยหาในความรักอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นราเพียร์จึงทำตัวเกเร เพื่อให้คนอื่นมาลงโทษเธอซ้ำแล้วเซ้ำเล่า อย่างไม่รู้จักเข็ดราบ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอมีความที่เบี้ยวได้ขนาดนี้..มันก็เป็นเพราะเรื่องราวในอดีตของเธอนั่นแหละ..

                               ราเพียร์ขาดความเจ็บปวดไม่ได้ เธอต้องการราวกับว่ามันคือยาเสพติดร้ายแรง ที่ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องการ ราเพียร์น่ะพร้อมจะขัดทุกคำสั่งที่เอ่ยออกมาจากปากของคนอื่น หากบอกให้เธอทำอย่างนี้ เธอจะทำอีกอย่าง อะไรที่ควร ราเพียร์ไม่ทำ หญิงสาวเลือกทำเเต่สิ่งที่ตัวเองชอบสนใจ และคิดว่ามันทำให้คนอื่นรู้สึกปวดประสาทอารมณ์เสียเท่านั้น และถ้าหากคุณจะทุบตีเธอ ราเพียร์จะน้อมรับมันแต่โดยดีเลยล่ะ นั่นเพราะเธอขาดมันได้ไม่นานไง ราเพียร์นั้นหากไม่ได้รับความรัก (ความรุนแรง) นานเกินไป จะเเสดงอาการราวกับคนผิดปกติทางจิตออกมาให้ได้เห็น ยิ่งนานก็ยิ่งชัดเจน หรือบางทีถ้าทิ้งไว้นานๆ เธออาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นราเพียร์ก็รู้วิธีจัดการอาการเบื้องต้น เธออบใช้กรรไกรขูดตามผิวร่าของเธอ ราเพียร์ชอบเวลาที่เลือดมันไหลออกมาตามแขนของเธอ สีแดงฉานที่ย้อมแขนขาวเผือกจนกลายเป็นสีแดงโลหิตน่ะ งดงามมากเลยล่ะ

                                 ราเพียร์ถึงจะชอบความเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้ไปทำตัวMกับใครเขาพร่ำเพื่อ ราเพียร์ยอมกับคนที่คิดว่าน่าสนใจเท่านั้น และคนที่เธอสนใจก็มักเป็นพวกอารมณ์เสียง่าย มือเท้าหนักเป็นพิเศษ (?) แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พวกอ่อนหวาน อ่อนโยน ใจอ่อนง่าย แบบนั้นน่ะไปไกลๆ เลย ราเพียร์แห่งความไม่ชอบเลยแบบนั้น เพราะถ้าเกิดอีกฝ่ายกำลังลงโทษเธอ แล้วเกิดใจอ่อนขึ้นมา ความรักที่เธอควรจะได้ เธอก็จะไม่ได้มันน่ะสิ เพราะแบบราเพียร์จึงไม่ปลื้มพวกนิสัยนางฟ้าเทพบุตรอย่างแรง และกรุณาอย่ามาตัวโชว์ความหล่อความแมนด้วยการปกป้องเธอ เพราะนอกจาราเพียร์จะไม่ขอบคุณแล้ว เธอยังจะสะบัดบ๊อบชี้นิ้วสั่งไล่ให้คุณไปไกลๆ อีกด้วย โรแมนติกเหรอ? อย่าหวัง ถ้าราเพียร์ไม่ป่วย เธอก็ไม่มีอารมณ์หวานซึ้งอยู่ในหัวหรอก ว่าไงดีล่ะ..ให้มาลงโทษแบบโรแมนติกนี่..น่าขนลุกไปไหม?

                                   ราเพียร์มีความคิดที่ค่อนข้างรุนเเรงในเรื่องของความรัก ของของเธอก็ต้องเป็นของของเธอ ไม่มีใครก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องทั้งนั้น ในเมื่อเขารักเธอ เขาก็ต้องมอบความรักของเขาให้เธอคนเดียวสิ ราเพียร์เป็นของที่หวงของ และหวงคนของตัวเองเป็นอย่างมาก เธอไม่ชอบให้ใครมาจับมาแตะของของเธอพร่ำเพื่อ อย่ามาจับมือถือแขนกับคนของเธอ ราเพียร์ไม่ชอบ บางทีเธออาจเดินเข้าไปคั่นกลาง มือกระชากมือคุณออกจากมือคนของเธอ แล้วผลักคุณออกไปไกลๆ เลยก็ได้ แสดงท่าทางความหวงออกมาราวกับเด็ก ยื้อกลับมาได้เเล้ว ก็จะเกาะแน่น เป็นการสื่อว่า ของฉัน อย่ามาแตะ (?) ด้วยความดื้อรั้น และเอาแต่ใจอย่างสูงสุดของราเพียร์ นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่เธอคิดว่าธรรมดา..ของใคร ใครก็หวงทั้งนั้นแหละ หรือไม่จริง (แค่เธอหวงเเรงกว่าคนปกตินิดหน่อยเท่านั้นแหละ)

                                     ราเพียร์เป็นสาวนักจินตนาการ หากนั่งว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ราเพียร์จะคิดไปนู่นไปนี่ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่ ปกติแล้วชอบจินตนาการภาพของตนเองถูกทรมาน..ถ้าชอบเป็นพิเศษ ราเพียร์ก็อาจหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เวลาอยู่กับคนอื่น..ถ้าต่างคนต่างอยู่ ราเพียร์จะมองนกมองไม้ไปเรื่อยไม่สนคนที่อยู่ข้างๆ เลยแม้แต่น้อย และคุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ยังไงราเพียร์ก็ไม่สนอยู่แล้ว ยกเว้นแต่คุณจะไปยุ่มย่ามกับเธอแล้วทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมา ราเพียร์จะกลับสู่บุคลิกดั้งเดิมของเธอทันที อนึ่งเป็นคนพูดจาห้วนๆ สั้นๆ เน้นกระชับ เอาให้เข้าใจตรงกัน ไม่ใช่คนพูดจาสุภาพ มารยาทราเพียร์มี แค่รู้จักใช้รู้จักเลือกเป็นพิเศษ กับคนที่เกลียดก็อย่างคิดเลยว่าราเพียร์จะมีมารยาทด้วย อย่าว่าแต่ญาติดีเลย..นี่ไม่ชูนิ้วกลางไล่ตอนเจอหน้าก็บุญละ

                                       ราเพียร์ถึงหัวร้อนใจร้อนแต่ไม่ได้เกลียดคนอื่นไปเรื่อย ปกติแล้วก็แค่โกรธ หรือหงุดหงิดใส่นั่นแหละ นอกจากว่าจะเป็นคนจำพวกที่ราเพียร์ไม่ชอบจริงๆ ล่ะก็นะ ราเพียร์เป็นพวกเกลียดแรง เกลียดฝังลึก ถ้าเกลียดใครแล้ว จะให้หายเกลียดก็คงยาก (มาก) เวลาที่เห็นหน้าคนที่เกลียด ราเพียร์จะทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่กลับเมินเฉยไปราวกับคนที่เธอเกลียดนั้นเป็นธาตุอากาศ ราเพียร์เกลียดใคร เธอจะไม่สนใจคนๆ นั้นเลย อีกฝ่ายจะมีแฟน คลอดลูก บ้านไฟไหม้หรือรับปริญญาราเพียร์ไม่สน ต่อให้เอามาพูดให้เธอฟัง ราเพียร์ก็คงพูดตอบเพียงแค่ว่า 'เหรอ' แล้วเมินไปเลย---จะเเคร์ทำไมคนที่เกลียด รกสมองจะตายชัก แต่ถ้าทำเธอโกรธ แนะนำให้รีบไปง้อนะ เพราะราเพียร์โกรธแล้วโกรธเลย เเละถ้าปล่อยไว้นานๆ มันจะอัพจากความโกรธเป็นเกลียดเอาน่ะสิ วิธีง้อก็ง่ายๆ หาเสื้อผ้าสวยๆ สักตัวไปโยนใส่หน้าเธอก็จบ เห็นแบบนี้ชอบเสื้อผ้าสวยๆ มากเลยนะ..อืม แค่เสื้อผ้าน่ะนะ แน่นอนว่าไม่ควรให้อย่างสุภาพชน ราเพียร์เขาไม่ปลื้มไม่ซึ้งหรอก อนึ่ง อย่าคิดจะเอาส้นสูงมาโยนใส่เธอเชียว ไม่งั้นราเพียร์ได้เอาส้นสูงที่ว่านั่นไล่เฉาะหัวคุณแน่

                                       ราเพียร์ไร้ซึ่งศิลปะใดๆ ในหัวทั้งสิ้น มีเพียงแค่จินตนาการล้ำเลิศ ที่สูงมาก..มากซะจนคนธรรมดานอกจาราเพียร์ไม่เข้าใจ แม้แต่พวกอินดี้ยังมีอึนเมื่อเจอกับการจินตนาการล้านดวงของราเพียร์ แต่ราเพียร์ไม่ใช่คนช่างเพ้อฝันเพ้อเจ้อหรอกนะ เธอแยกออกว่าอะไรคือความจริงและจินตนาการ เพราะงั้นจะเอามาปนกันอย่างแน่นอน ราเพียร์ติดนิสัยพกกรรไกรเดินไปมา เพราะชอบเอามาตัดกระดาษเป็นทรงต่างๆ เล่น ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร..ถ้านั่นเป็นคนทั่วไป แต่เผอิญนี่คือราเพียร์ เธอค่อนข้างหัวรุนเเรงและหัวร้อนง่าย เพราะงั้นเวลาโกรธ แล้วมีกรรไกรอยู่ในมือ เธออาจขว้างมันใส่หน้าคุณก็ได้ แต่ไม่กลัวหรอก ราเพียร์ขว้างมั่ว (?) สกิลความเเม่นยำเป็นศูนย์ เป้าหมายน่ะไม่โดนหรอก แต่ลูกหลงน่ะ ไม่แน่

                                       ราเพียร์รักพ่อมาก รักมากที่สุดในโลก เธอคิดว่าคนที่รักและสามารถมอบความรักให้เธอได้อย่างเต็มที่สุดก็คือพ่อของเธอนั่นแหละ เพราะงั้นราเพียร์จึงมีจุดอ่อนที่พ่อของเธอ หากพ่อเป็นอะไรไปนิดเดียว มันก็มากพอจะทำให้ราเพียร์แสดงอาการอยู่ไม่สุขออกมาได้ และเขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่ตอนนี้ราเพียร์ยอมฟัง แต่ก็แค่บางเรื่องเท่านั้นล่ะนะ นั่นเพราะเขาคือคนสำคัญคนพิเศษสำหรับเธอยังไงล่ะ..ราเพียร์นั้นยกพ่อเธอไว้เหนือหิ้ง ห้ามด่า ห้ามว่า ไม่งั้นมีถีบ---แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะรักเคารพยังไง ไอ้นิสัยรั้นตะแบง ดื้อด้านไม่ฟังคำสั่งของราเพียร์ก็ยังแสดงออกมาอยู่นั่นแหละ 

                                       ราเพียร์เหมือนพวกหุนหันพลันแล่น แต่ไม่ได้ไร้เหตุผลแต่อย่างใด แค่เวลาหงุดหงิดจะยึดอารมณ์เป็นหลัก และก็..อืม..นั่นแหละ หงุดหงิดเกือบทุกเวลา สรุปแล้วก็คล้ายจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลจริงๆ นั่นแหละ..เรียกได้ว่าเวลาที่เธอหงุดหงิดคือเวลาที่เธอแสดงด้านร้ายๆ ของเธอออกมาอย่างเต็มพิกัด แล้วเผอิญว่าปกติไม่ค่อยได้เห็นเธอด้านอื่นนอกจากอารมณ์ร้ายๆ นัก คนอื่นเลยคิดว่าหญิงสาวเป็นพวกอารมณ์ร้านอยู่ตลอดเวลา ทำให้ราเพียร์ไม่มีเพื่อนคบสักเท่าไหร่นัก เเน่ล่ะ ใครมันจะอยากมาคบกับเธอกันล่ะ เพราะนอกจากจะอารมณ์ร้าย ราเพียร์ยังป่วยทางจิต..เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงราเพียร์ก็คงไม่มีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขาหรอก ราเพียร์คิดเสมอว่าเธออยู่คนเดียวได้ แต่ในความจริงในหัวใจนั้น ราเพียร์เองก็ยังคงเหงาเสมอ เเละอยากได้ใครสักคนมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน ราเพียร์น่ะ เป็นพวกชอบหลอกตัวเอง เธอเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอ เเต่หากเจ็บ เธอก็จะหลอกตัวเองว่า ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด อาจเพราะป่วยทางจิต ราเพียร์เลยเชื่ออย่างนั้นจริงๆ แม้ว่าอาการเจ็บหนึบในอกมันจะยังอยู่ก็ตามที่ แต่เธอจะเมินเฉยมันไป จนกว่าจะทนไม่ได้..และถ้าทนไม่ได้ ราเพียร์ก็แค่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ แต่ท้ายสุดมันก็ทดแทนความเจ็บปวดในจิตใจของราเพียร์ไม่ได้อยู่ดี เธอต้องการคนอยู่เคียงข้าง เธออยากได้คนที่มอบความรักให้เธอแค่คนเดียว และคอยกอดเธอเวลาที่เธอเหงาหงอย แต่ต่อให้เธอต้องตายเพราะความเหงา ราเพียร์ก็คงไม่พูดมันออกไปอยู่ดี

                                      นั่นเพราะราเพียร์คิดว่า เธอทนมันได้ ยังไงล่ะ..

                                      ราเพียร์นั้นด้วยรสมนิยมที่แตกต่างจากคนอื่น จึงชอบอะไรไม่เหมือนคนอื่น เพราะเเบบนั้นเธอจึงเข้ากับคนอื่นได้ยากพอสมควร ทำให้เธอหญิงสาวมนุษย์สัมพันธ์ต่ำเนื่องจากไม่มีใครอยากให้ทำความสัมพันธ์ด้วยสักเท่าไหร่ และหากถามว่า ราเพียร์ล่ะชอบคนแบบไหน? ต้องบอกเลยว่าเธอชอบคนอารมณ์ร้าย ปากเสีย หัวรุนแรง เอาง่ายๆ ก็คือคนที่เหมือนกับเธอนั่นแหละ หากราเพียร์เจอคนประเภทนี้ เธอคงเกาะติดเขาไปเรื่อยๆ อย่างไม่คิดเบื่อหน่ายเลยล่ะ และถ้าใครสักคนมีสิ่งที่เหมือนเธอมากกว่าครึ่งหนึ่ง ราเพียร์เองก็พร้อมจะทำความรู้จักด้วยหากคุณอยากรู้จักเธอ ราเพียร์เป็นพวกแฟร์ๆ นะ ทำมาทำตอบ ให้มาให้ตอบ ร้ายมาร้าย ดีมาดีตอบ แต่ระดับการตอบโต้มันแตกต่างกันก็เท่านั้น เรื่องร้ายตอบแรง เรื่องดีตอบให้มันจบๆ ไป ราเพียร์ไม่ค่อยมีอารมณ์ด้านดีเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ ไม่ใช่สาวน้อยวัยใสน่ารักแต่อย่างใด เวลาต้องมาทำตัวดีๆ แบบช่วยคนอื่นเลยกระอักกระอ่วน และรู้สึกคิ้วกระตุกเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าทำไม อะไร ยังไง เหตุใดเธอจึงต้องมาทำอะไรแบบนี้นั่นเอง นั่นหมายความว่าถ้าเป็นเวลาปกติราเพียร์คงไม่ทำแน่ๆ นอกเสียจากว่าคุณจะบังคับเธอด้วยกำลัง หรือข้อตกลงอะไรสักอย่าง เห็นแบบนี้แต่เป็นพวกรักษาสัญญานะ ถึงจะยากจะหงุดหงิดยังไง ราเพียร์ก็จะทำให้ได้อยู่ดีนั่นเเหละ แต่ไม่ใช่คนสัญญาอะไรพร่ำเพื่อ เฉพาะกับคนที่ไว้ใจและสนิทด้วยเท่านั้น

                                       ราเพียร์เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจความคิดของเธอเท่าไหร่ เพราะจินตนาการและเรื่องที่เธอคิดมันล้ำเลิศเกินไป แถมยังแปรปรวนง่ายอีกต่างหาก เอาจริงๆ แค่ทำความเข้าใจกับนิสัยผิดปกติของราเพียร์ให้ได้ยังลำบากเลย นับอะไรกับการคาดเดาความคิดเธอกันล่ะ? ขนาดพ่อที่ราเพียร์คิดว่ารักเธอที่สุด เขายังแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยด้วย ราเพียร์เป็นคนชอบเก็บเรื่องของตัวไว้กับตัว เป็นคนเปิดใจยาก เวลามีปัญหาชอบแก้มันด้วยตัวเอง ชอบทำทุกอย่างด้วยสองมือสองเท้าของตัวเอง ไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น เพราะว่านั่นมันทำให้เธอดูน่าสงสาร..ไม่น่าชอบใจเลยสักนิด แต่ถึงคนอื่นจะเดาใจเธอไม่ค่อยได้ แต่มันก็ผิดกับราเพียร์ที่เดาใจคนอื่นเก่งมาก แต่ไม่ใช่สกิลหมอดูทำนายใจแต่อย่างใดหรอกนะ ราเพียร์แค่ช่างสังเกตจนเกินไปก็เท่านั้นแหละ ยามที่ไม่ได้เลื่อนลอย ราเพียร์จะสังเกตคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ทั้งท่าทาง การกระทำ คำพูด น้ำเสียง หรือแม้แต่ปฏิกริยาตอบสนองอัตโนมัติของมนุษย์  เพราะงั้นเธอเลยเป็นคนแรกๆ ที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แม้จะเล็กน้อยก็ตามที

                                       ราเพียร์ความจำดี..เฉพาะกับคนที่สนิทด้วยเท่านั้น เธอจะจำเรื่องของอีกฝ่ายได้แม่นมาก เรื่องส่วนตัวของคนสนิทราเพียร์รู้หมด เพราะถึงอีกฝ่ายไม่ยอมบอก ราเพียร์ก็หาโอกาสเค้นคออีกฝ่ายถาม (?) มาได้อยู่ดี หากอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนเธอ ถามราเพียร์เถอะ ราเพียร์รู้หมด ออกแนวไปทางสาวใฝ่หาความรู้ อาจเรียกได้ง่ายๆ ว่า ส.ใส่เกือก ขอแค่ไม่ได้กำลังอยู่ในโหมดจินตนาการเพ้อฝัน เรื่องรอบตัวใครทำอะไรกับใคร บ้านไหนไฟไหม้ ราเพียร์รู้มันหมดนั่นแหละ ไม่ใช่คนชอบนินทาอะไร แค่เหมือนจะมีดวงสมพงษ์กับวงซุบซิบ เลยมักเดินไปโผล่แถวๆ ที่เขาเม้าท์มอยแล้วเผลอได้ยินมาพอดี แปลกนะ เรื่องอื่นราเพียร์ไม่จำ แต่เรื่องชาวบ้านนี่จำได้จำดีจริงๆ ราเพียร์ดูเหมือนคนที่ทุ่มใจและความเชื่อใจทุกอย่างให้คนอื่นเต็มร้อย แต่เปล่าหรอก เธอไม่ได้ทุ่มเทใจอะไรขนาดนั้น ออกแนว ครึ่ง-ครึ่ง ซะด้วยซ้ำ เพราะงั้นเวลาที่ต้องตัดความสัมพันธ์ มันจึงทำได้ง่ายและไม่เจ็บปวดมากนัก แต่เพราะถ้าทำแบบนั้นแล้ว ตัวเธอจะต้องเหลือตัวคนเดียวและกลับไปเหงาหงอยเช่นเดิม ราเพียร์จึงพยายามยื้อสัมพันธ์เอาไว้เท่าที่จะทำได้ก่อน จนกว่าเธอจะคิดว่าไม่ไหวแล้วนั่นเอง

                                          ราเพียร์ตอนเหม่อจะมีบุคลิกภาพแบบสาวเลื่อนลอย แต่ถ้าเข้าโหมดปกติ เธอก็เหมือนผู้หญิงที่มีท่ามีทางออกจริตหน่อยๆ ราเพียร์ไม่ได้เป็นพวกชอบทำตัวเหมือนผู้ชาย มีแค่ความเถื่อนแอบถ่อยน้อยๆ กับวาจาห่ามๆ ของราเพียร์นั่นแหละที่เหมือนผู้ชาย อื่นๆ ก็เหมือนผู้หญิงปกติดีนะ เขินอายก็อายแบบปกติ เจอคนหล่อก็ใจเต้นเป็นธรรมดา..แค่ไม่ได้เเสดงออกทางสีหน้าเเค่นั้นแหละ วาจาเเม้ห่าม แต่โทนเสียงยังคงหวานเหมือนแบบสตรีทั่วไป ราเพียร์ชอบหัวเราะคิกคักเบาๆ มากกว่าหัวเราะปากกว้างหรือป้องปาก เหตุผลง่ายๆ เพราะมันดูกวนประสาทดี (?) เห็นแบบนี้มีวัตถุสิ่งมีชีวิตที่กลัวอยู่เหมือนกัน ราเพียร์กลัวงูมาก เห็นแล้วกรี๊ดลั่น ขาสั่นขาอ่อนทรุดฮวบ น้ำตาท่วมจอได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นงูตัวเล็กหรืองูตัวใหญ่ พันธุ์ใดๆ ก็ตาม แต่ใช่ว่าเอางูไปไกลๆ แล้วราเพียร์จะหายกลัว ลองตบเรียกสติ (?) ไม่ก็กัดเธอแรงๆ สักครั้ง หรือทำอะไรกับร่างกายนั้นแรงๆ ดูสิ เดี๋ยวสติก็กลับเข้าร่างเองนั่นแหละ

     

     

     

     

     

    ประวัติเบื้องลึก : 

                             ราเพียร์ อังเดรย์ อ่า..นั่นคือชื่อของเธอเองล่ะ ชื่อของเด็กผู้หญิงที่ใครต่อใครต่างกล่าวว่าน่าสงสาร

                             

                             แต่สำหรับราเพียร์..เธอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงที่ โชคดีที่สุดในโลก ต่างหากล่ะ..

    .

    .

    .

                             ราเพียร์เป็นเด็กสาวที่เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง เธอมีพ่อเป็นผู้เลี้ยงดู ร่างกายของเธอนั้นสมบูรณ์ครบดี ฐานะทางบ้านเองก็ไม่ได้ยากจนเเต่อย่างใด แม้จะไม่มีแม่แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรสักนิด ต้องบอกได้ว่าหากมองเพียงภายนอกแล้วครอบครัวของเธอถือว่าปกติดีเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ แต่..มันมีบางสิ่งที่ไม่ปกติ นั่นคือปัญหาที่เกิดจากพ่อของเธอ ข้อแรก..ราเพียร์ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างปกติ เด็กน้อยในวัยเยาว์นั้นโตขึ้นมาด้วยการถูกสั่งสอนอย่างเข้มงวด และกฏข้อบังคับมากมาย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรหรอก ก็เห็นได้ในหลายครอบครัวออกนี่นา? ใช่ไหมล่ะ..แต่นอกจากการสั่งสอนที่เข้มงวดเกินไปนั้น มันก็ไม่ได้มีเรื่องแปลกอะไรอีก พ่อของราเพียร์ใส่ใจเธอเสมอ เขารักและเลี้ยงดูเธออย่างดี หากถามว่า อะไรกันล่ะที่มันแปลก?..นั่นก็คงตอบได้แค่ว่า พ่อของเธอ นั่นแหละ..ที่แปลก

                             "ลูกเกิดมาเพื่อรับใช้เหล่าท่านผู้นั้น เข้าใจรึเปล่า?"

                             พ่อของเธอเอาแต่พร่ำบอกเธอแบบนี้ทุกๆ วัน ตั้งแต่ราเพียร์สองขวบ..หลายคนคิดว่าเขาบ้า แน่ล่ะ คนปกติที่ไหนจะมานั่งพร่ำประโยคแบบนั้น ให้เด็กสองขวบฟังมันทุกวันกันล่ะ เเน่นอนว่าขนาดราเพียร์ตอนแรกยังไม่เข้าใจเลยว่าพ่อเธอพูดอะไร จนกระทั่งเธออายุได้5ปีนั่นแหละ เด็กน้อยพันฒนาขึ้นจากเดิม เธอเริ่มเข้าใจว่าพ่อของเธอพูดว่าอะไร เธอคิดว่าพ่อของเธอจะสื่อว่า โตขึ้นไปเธอต้องไปดูแลใครสักคน และราเพียร์คิดว่าอนาคตเธอคงได้ทำงานเป็นเมดล่ะมั้ง! แต่แล้วความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อราเพียร์อายุได้8ปี เธอเริ่มรู้สึกว่าอะไรๆ มันชักจะไม่ถูกต้อง ถึงพ่อของเธอจะอยากให้ราเพียร์เป็นเมดขนาดไหน แต่ก็ไม่เห็นต้องย้ำขนาดนี้เลยนี่นา..เด็กสาวไม่ค่อยเข้าใจ ดังนั้นเธอจึงถามพ่อออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมีแค่การส่ายหน้าเบาๆ และคำบอกที่ว่า

                             "ลูกเกิดมาเพื่อรับใช้เหล่าท่านผู้นั้น..รู้แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ"

                             คำตอบที่ได้รับช่างไม่น่าพอเสียจริง ๆ..เพราะแบบนั้นเวลาที่ได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าของราเพียร์จะบูดบึ้งขึ้นมาทันที แต่นั้นก็ทำให้พ่อของเธอด่าเธอว่ามันไม่ดี ดังนั้นราเพียร์เลยต้องเก็บงำความไม่พอใจนั้นเอาไว้ให้ลึกที่สุด แต่เธอเองก็ไม่สามารถยิ้มตอบหรือทำหน้าตายตอบพ่อของเธอไปได้ ลาเพียร์เลือกที่จะทำหน้าเลื่อนลอย ราวกับจะบอกว่าเธอเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ปฏิกริยาแบบนั้นสร้างความเหนื่อใจให้พ่อของเธอพอควร แต่ไม่นานความเหนื่อยใจก็หายไป เมื่อท่าทางเลื่อนลอยแบบนั้นไม่ได้แสดงออกว่าต่อต้านคำพูดของเขา และหลังจากวันนั้น ราเพียร์ก็กลายเป็นเด็กท่าทางเลื่อนลอยไปตลอดเวลาเสียอย่างนั้น ผู้เป็นพ่อไม่ได้คิดอะไร ความจริงต้องบอกว่า ไม่สนใจเลย เขายิ้มให้ลูกสาวเหมือนเธอปกติ ดูแลเธอเหมือนเดินทุกอย่าง และแน่นอนว่ายังคงพร่ำบอกราเพียร์ด้วยประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาเช่นกัน

                             โดยไม่ได้รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเลื่อนลอยนั้นคือความไม่พอใจ และความรู้สึกอึดอัดทรมานของราเพียร์ 

                             แต่เพราะว่าอีกฝ่ายคือพ่อที่เธอรักมาก..รัก..รักที่สุดในโลก เพราะแบบนั้นเเล้วราเพียร์จึงไม่ปริปากบ่น เธอบอกตัวเองว่า เธอทนได้อยู่เเล้ว อดทนไว้สิราเพียร์ และเธอก็ทนมันได้จริงๆ ราเพียร์ทนต่อคำพูดกรอกหูนั่นได้ แต่ข้อเสียคือเธอกลายเป็นคนบุคลิกภาพเลื่อนลอย แม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่เลยก็ตาม แต่ไม่เป็นไรหรอก..ถ้าเพื่อพ่อที่เธอรักที่สุดในโลกเเล้วล่ะก็ แค่นี้ราเพียร์ทำได้อยู่เเล้วล่ะ..และนี่แหละ คือปัญหาข้อแรก

     

                             ปัญหาข้อที่สอง..เป็นปัญหาเกี่ยวกับจิตใจของราเพียร์

     

                             ปกติแล้วราเพียร์จะเชื่อฟังพ่อของเธอเสมอ เพราะพ่อของราเพียร์ไม่ชอบเด็กดื้อด้าน เขามักบอกเสมอว่าราเพียร์ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามเขา เพราะมันจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นและมีความสุข แน่นอนว่าเพราะมันเป็นคำพูดจากพ่อที่เธอรัก ราเพียร์จึงเชื่อและปฏิบัติตามมาตลอด จนกระทั่งเธอโตขึ้นจนถึงวัยที่จะติดเพื่อนมากกว่าพ่อ และถึงวัยที่ความซุกซนจะฉายชัดออกมาได้มามากที่สุดอย่างวัย9ปี ตัวราเพียร์นั้นแม้จะยังเชื่อฟังพ่อเหมือนเดิม แต่ก็น้อยลงกว่าเดิมพอควร ราเพียร์เริ่มเกิดความคิดไม่อยากจะทำในเรื่องบางเรื่อง เพราะบางทีพ่อของเธอก็ชอบสั่งในสิ่งที่เธอไม่อยากจะทำ อย่างให้เธอกลับบ้านก่อนสี่โมง หรือก็คือเลิกเรียนปุ๊ป ราเพียร์ก็ต้องกลับบ้านทันที นั่นน่ะมันช่างเป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกแย่ชะมัด บางทีราเพียร์ก็อยากอยู่เล่นกับเพื่อนบ้างนะ..และความรู้สึกนั้นมันก็ยิ่งสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ราเพียร์เก็บกระเป๋าและกำลังกลับบ้านหลังจากเรียนเสร็จ แต่เพื่อนของเธอกลับรั้งตัวราเพียร์ไว้ บอกว่าอยากให้ราเพียร์อยู่เล่นด้วยกันต่ออีก และครั้งนี้จะไม่ยอมให้ราเพียร์กลับบ้านไปง่ายๆ ด้วย ในตอนแรกเด็กน้อยตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่เพราะการขอร้องของเพื่อนบวกกับความรู้สึกที่อยากเล่นกับเพื่อน มากกว่ากลับไปนั่งทำการบ้าน มันจึงทำให้เธอเลือกที่เมินเฉยต่อคำสั่งของพ่อที่เธอปฏิบัติตามมาโดยตลอดจนได้

                             และผลลัพธ์ของการกระทำนั้น..ไม่ใช่เรื่องดีเลยเเม้แต่น้อย

     

                             เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

     

                             "พ่อสั่งอะไรทำไมลูกถึงไม่ทำตาม!? ทำไมถึงกลับบ้านช้านักห๊ะ เดี๋ยวนี้กล้าทำตัวเกเรเเล้วเหรอ!"

                             ราเพียร์ถูกลงโทษ..หลังจากกลับมาถึงบ้านในเวลาหกโมงกว่าๆ เธอเข้ามาในบ้านด้วยรอยยิ้มเพราะความสนุกสนานที่ได้เล่นกับเพื่อนๆ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ายับยู่ด้วยความเจ็บปวด พ่อของเธอโกรธมากที่ราเพียร์ทำแบบนี้ ท่านกระชากตัวเธอไปตามทางอย่างแรง จนไม่สนว่าร่างเล็กๆ นั้นจะถลอกปอกเปิกหรือราเพียร์จะร้องไห้ออกมาดังสักแค่ไหน ไม้เรียวด้ามยาวกระหน่ำฟาดลงบนน่องเรียวสวยนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้อยคำด่าทอมากมายทำเอาราเพียร์น้ำตาไหลพราก จนกระทั่งพ่อของเธอเหนื่อยหอบด้วยความเหนื่อยและหยุดตี ราเพียร์ขยับริมฝีปากสั่นระริกของเธอ เอ่ยถามพ่อด้วยใบหน้าชุ่มน้ำตา

                             "ฮึก ทำไมพ่อต้องตีหนูด้วย..หนูแค่อยากไปเล่นกับเพื่อนบ้าง ทำไมต้องทำร้ายหนูด้วยล่ะ"

                             ไม้เรียวตกลงจากมือพ่อของเธอ เขาถอนหายใจ ก่อนจะสวมกอดเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา มือหยาบนั่นลูบหัวเธอไปมาราวกำลังปลอบประโลม 

                             "นั่นเพราะพ่อรักลูกยังไงล่ะ" 

                             นั่นคือสิ่งที่พ่อของเธอบอก เพียงแค่นั้น เด็กน้อยผู้ถูกเลี้ยงมาให้เชื่อฟังบิดาของเธอ ก็เชื่อจนหมดใจ ว่าการที่พ่อของเธอทุบตีเธอนั้นเพราะเขารักเธอ..แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย วัยเด็กคือวัยที่สามารถเข้าใจอะไรผิดๆ ได้หากว่าคุณไม่อธิบายให้ดี คำว่า รัก เปรียบเสมือกุญแจไขความรู้สึกเข้าข้างตัวเอง และความคิดแบบผิดๆ ของราเพียร์ เด็กน้อยยิ้ม ยิ้มกว้างมาก เธอกอดพ่อของเธอแน่น ในยามที่พ่อของเธอบอกเธอว่าอย่าดื้ออีกนะ เธอตอบออกไปว่า ค่ะ แต่ในหัวกลับคิดว่าการที่พ่อเธอยังคงบอกว่ารักเธอเช่นนี้ แสดงว่าสิ่งที่เธอทำมันไม่ได้ผิดอะไรสักเท่าไหร่นี่? ถ้าทำอีกครั้งก็คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม อ่า..ใช่ มันไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่พ่อยังรักเธอ..ราเพียร์จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ..

                                เพราะเเบบนั้นราเพียร์จึงทำผิดอีกครั้ง..

                                 เพี๊ยะ! "พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื้อ!!" ไม้เรียวฟาดลงมา..ก่อนอ้อมกอดอบอุ่นจะเข้ามาแทนที่ พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มนั่น.. "พ่อรักลูกนะ รักมากที่สุดเลยนะ"

                                  

                                  เห็นไหม..ถึงจะทำผิดอีกครั้งก็ไม่เป็นไรนี่ ยังไงพ่อก็รักเธออยู่เเล้ว..ราเพียร์คิดขณะสวมกอดอยู่กับพ่อของเธอ เธอไม่ได้สนความเเสบร้าวแทบบ้าที่เรียวขาสวยทั้งสองข้าง เธอไม่แก้มขวาที่บวมเป่งจากการถูกตบ ราเพียร์แทบไม่ได้รู้สึกทรมานเลยสักนิด คำว่ารักก้องอยู่ในหัวเธอ ความคิดแบบผิดๆ เริ่มฝังรากลึกเข้าไปในหัวของราเพียร์ ว่าต่อให้เธอทำผิดอีกสักกี่ครั้ง หรือพ่อของเธอจะทำร้ายเธอสักเท่าไหร่ มันก็ไม่เป็นไร..นั่นเพราะพ่อของเธอยังคง รัก เธอเช่นเดิมยังไงล่ะ

                                  ดังนั้นเธอจึงทำผิดอีกครั้ง..

                                  อีกครั้ง..

                                  อีกครั้ง..

                                  อีกครั้ง..

                                   และอีกครั้ง..

                                  ราเพียร์ขัดคำสั่ง เพราะเธออยากให้พ่อลงโทษเธอ ราเพียร์อยากให้พ่อทำร้ายเธอแล้วสวมกอดเธอก่อนจะบอกเธอว่า พ่อรักลูกที่สุดเลยนะ นั่นเพราะนอกจากช่วงเวลานั้น คำว่ารักก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากพ่อของเธอเลยสักครั้ง และเมื่อขาดรัก เด็กสาวจึงโหยหาและต้องพยายามขวนขวายมันมาด้วยตัวเอง..ในแบบที่ผิดๆ

                                    ราวกับว่าราเพียร์กำลังเสพติดการขัดคำสั่งของพ่อเธอ ช่วงแรกเธอก็ขัดบ้างแค่บางอันที่อยากจะขัดจริงๆ แต่หลังๆ มันกลับหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ราเพียร์พยายามขัดทุกสิ่งที่พ่อของเธอสั่ง เด็กน้อยเติบโตจนอายุ14ปี ระยะเวลา5ปีนั้นมากพอที่จะฝังความคิดแบบผิดๆ นั่นให้หยั่งลึกไปในหัวของราเพียร์ เธอไม่ใช่เด็กน้อยแสนดีอีกต่อไปแล้ว..เพราะการที่ราเพียร์ขัดทุกสิ่งที่พ่อสั่ง ทำให้เธอได้พบกับสังคมอีกด้านที่เธอไม่เคยพบ ราเพียร์เริ่มพูดหยาบคาย เริ่มทำตัวเหมือนพวกชอบหาเรื่องคนอื่นก่อน เธอกลายเป็นใจร้อน หัวร้อน และอารมณ์ร้าย เด็กสาวทำตัวเกเรแทบจะตลอดเวลา แม้ว่าบุคลิกภาพจะดูเลื่อนลอย แต่กลับเป็นคนที่หัวรุนเเรงมาก ครั้งหนึ่งเธอถึงขั้นมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนในห้องเรียนเสียด้วยซ้ำ และการที่เธอเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้น มันก็ทำให้พ่อของเธอโกรธเธอมาจริง ๆ..มากจนถึงขั้นที่ว่า อยากจะฆ่าลูกสาวตัวเองให้ตายคามือตน

                                  "ทรพี!!!!" 

                                  คำด่าตะคอกใส่หน้าบุตรสาว มือหนาจิกเส้นผมของราเพียร์แน่นเพื่อรั้งใบหน้าหวานที่ก้มอยู่ให้เงยขึ้น ก่อนเขาจะฟาดหลังมือเข้าเต็มใบหน้างดงามนั้น..ราเพียร์ถูกซ้อมอย่างหนัก ทั้งที่ปกติพ่อเธอจะแค่ฟาดเธอด้วยไม้เรียวนั่นเท่านั้น แต่ครั้งนี้ท่านกลับทั้งตบ ทั้งตีเธอสารพัด เขาทำร้ายเธอจนร่างกายของราเพียร์บอบช้ำไม่มีชิ้นดี แต่ราเพียร์กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ต้องบอกว่าหัวของเธอมันไม่ได้รับรู้เลยว่าการกระทำของพ่อเธอมันป่าเถื่อนขนาดไหน เพราะเสียงของพ่อที่มันกำลังก้องอยู่ในหัวนั้นกลบความเจ็บปวดเหล่านั้นไปหมด แล้วยังไงล่ะ..

                                  "ฉันรักแกขนาดนี้! ทั้งที่ฉันรักแกมากขนาดนี้แท้ๆ!!! ทำไมแกถึงยังทำตัวทรพีแบบนี้อีกห๊ะ!!!"

     

                                  พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..พ่อยังรักฉัน..

                             

                                  ยิ่งคิด..ความเจ็บปวดเหล่านั้นยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดี ราเพียร์รู้สึกดีจนแทบบ้าตอนที่พ่อของเธอฟาดมือลงมาบนใบหน้าของเธอ เธออยากจะร้องขอให้เขาทุบตีเธอให้แรงกว่านี้อีกหลายเท่า แต่เพราะปากที่แตกยับและบวมเป่งทำให้เธอไม่สามารถพูดหรือแม้แต่จะกรีดร้องได้ เด็กสาววัย14นอนขุดคู้อยู่บนพื้น บิดาของเธอกำลังทุบตีเธออย่างรุนแรงราวกับร่างนั้นเป็นขยะไร้ค่า แต่ราเพียร์กลับไม่ตอบโต้ ใบหน้านั้นแม้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความรู้สึกดีอย่างเต็มเปี่ยม

     

                                  พ่อรักฉัน..แต่ท่านก็ตีฉันไม่หยุดเลย..

                                  ปกติแล้ว เราจะทำร้ายแต่คนที่เราเกลียดไม่ใช่เหรอ?

                                  อ่า..ไม่หรอก ไม่ใช่ ก็พ่อไม่ได้เกลียดฉันนี่นา

                                  งั้นก็แปลว่า การที่พ่อทำร้ายฉันแบบนี้ มันเป็นการมอบความรักของเขาให้แก่ฉันสินะ..?

                                  ถ้าเป็นแบบนั้นเเล้วล่ะก็..

     

                                  มือบางเกาะขาพ่อของเธอเอาไว้ ก่อนราเพียร์จะถูกสะบัดกระเด็นจนร่างกระแทกกับผนังเสียงดัง เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างแผ่วเบาเสียจนไม่อาจไม่มีใครได้ยินได้นอกจากราเพียร์ เช่นเดียวกับคำพูดเเสนแผ่วเบา ที่เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอยว่า

     

                                  "ช่วยลงโทษหนูให้มากกว่านี้ทีนะคะ..คุณพ่อ"

     

     

                                  หลังจากนั้นพ่อของเธอก็พาราเพียร์ส่งโรงพยาบาล ตอนแรกเธอนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำดีกับเธอ แต่ว่าหลังจากที่เขาระบายความโกรธทั้งหมดไปกับร่างของเธอ และสามารถดึงสติกลับมาได้แล้ว ใบหน้านั้นก็ซีดเผือด พ่อของเธอรีบพาเธอส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางเขาก็แสดงอาการร้อนรนออกมา เขากอดเธอ บอกเธอว่าอย่าเป็นอะไร ได้โปรด อย่าจากพ่อไป ราเพียร์อยากกอดพ่อของเธอและปลอบท่านว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่เธอทำไม่ได้แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว สุดท้ายสติของเธอก็ดับวูบไปทั้งที่ยังไม่ถึงโรงพยาบาล..

                                  ดวงตาคู่งามลืมขึ้นมาอีกครั้ง..ราเพียร์ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกทำให้เธอมุ่นคิ้ว เด็กสาวพยายามขยับตัวเพื่อลุกขึ้น แต่เเค่ขยับเธอก็รู้สึกร้าวรานไปทั้งตัว เสียงร้องเบาๆ จากราเพียร์ทำให้พ่อของเธอที่นั่งสัปหงกเฝ้าเธออยู่ตื่นขึ้นมา เขาทำท่าจะเรียกนางพยาบาลมาดูอาการเธอทันที เมื่อเห็นเธอทำหน้าเจ็บปวด แต่ราเพียร์รั้งพ่อไว้ เธออยากให้พ่ออยู่กับเธอมากกว่า..และพ่อของเธอก็ทำตามที่ราเพียร์บอก เขานั่งลงเหมือนเดิม ความเงียบโรยราคลุมตัวคนทั้งสอง จนกระทั่งท้ายที่สุดพ่อของเธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดออกมาว่า

                                  "ดีจริงๆ ที่ลูกไม่เป็นอะไร.." ราเพียร์ยิ้มกว้างกับคำพูดนั้น เธออยากจะบอกว่า เธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยด้วยล่ะ! แต่แล้วริมฝีปากของพ่อกลับเอ่ยคำแทรกออกมาเสียก่อนว่า

     

                                  "ไม่อย่างนั้นล่ะก็..หน้าที่ของลูกที่ต้องรับใช้ท่านผู้นั้น คงต้องหลุดลอยไปหาคนอื่นแน่"

     

                                  หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่พร่ำพูดว่า โล่งอกเหลือเกินที่เธอไม่เป็นอะไร ด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวเธอตายไปหรือเป็นอะไร แล้ว หน้าที่แสนทรงเกียรติ มันจะหลุดลอยไป ราเพียร์มองใบหน้าของพ่อด้วยดวงตาที่เลื่อนลอย ความรู้สึกจุกอกไม่ชอบใจพวยพุ่งอยู่ในหัวใจ เธอมองมือของพ่อที่กุมอยู่..ความคิดชั่วขณะอยากสะบัดมันออก แล้วตอกไปว่า เธอไม่ต้องการ แต่สุดท้าย ราเพียร์ก็เลือกที่จะกุมมือท่านตอบให้แน่นยิ่งกว่า หลับตาลง กลืนกินทุกความคิดลงไปให้ลึกสุดของหัวใจอันหนาวเหน็บ แต่แฝงไว้ด้วยประกายแห่งความหวังอันบิดเบี้ยวนั้น..

     

                                  อ่า..ทำยังไงดี ทำยังไงดี ไม่ชอบใจเอาเสียเลย...

                                  ทำไมฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้คนที่ไม่เคยเจอหน้าด้วย..

                                  ฉันน่ะ มีชีวิตอยู่เพื่อพ่อของฉันต่างหาก..

                                  แต่ว่านะ..

                                  ฉันน่ะ ทนได้อยู่แล้ว..ไม่เป็นไรหรอก

                                  ต่อให้ท่านต่อว่า ดุด่า ไม่แยแส ทุบตี หรือบอกว่าชีวิตฉันเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ท่าน..

                                  มันก็ไม่เป็นไร...

                                  ก็นั่นมันคือการแสดงความรัก..คือการแสดงออกว่าท่าน รักฉัน มากเพียงใดนี่นา

     

                                  อ่า..ไม่เป็นไรจริง ๆ..

                                  เพราะยังไงซะ..ท่านก็รักฉันมากอยู่ดี

                                  .

                                  .

                                  .

                                  .

                                   'ไม่ว่าจะเกิดอะไร พ่อก็จะยังรักหนูแบบนี้ตลอดไป..ใช่ไหมคะ?'

     

     

     

                                  [ "อ่า..ฉันนี่ช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ" เด็กสาวตัวน้อยพึมพำกับตัวเอง เธอยิ้มกว้าง ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยบาดเเผลมากมายนับไม่ถ้วน ร่างเล็กนั่งตีขาบนขอบเตียง แสงอาทิตย์สีส้มแดงยามเย็นลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าของเด็กสาว เธอหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนเสียงนั้นจะจางหายไป แทนที่ด้วยหยาดน้ำที่ไหลอาบรินใบหน้าเลื่อนลอยราวกับคนเสียสตินั่น..]

     

     

    สิ่งที่ชอบ : 

                   >>ความเจ็บปวด [เพราะในสายตาของราเพียร์ ความเจ็บปวดมันก็คือความรักที่เธอได้รับจากผู้ที่ทุบตีเธอยังไงล่ะ]

                   >>พ่อ [ราเพียร์ไม่ได้แค่ชอบ แต่เธอรักพ่อของเธอมาก พ่อ..ที่เธอคิดว่าเป็นคนเดียวที่รักและสนใจเธอ]

                   >>กรรไกร [เพราะราเพียร์ชอบตัด..กระดาษ (?) เวลาตัดเป็นรูปร่างต่างๆ เสียง ฉับ ของกรรไกรที่กระทบกระดาษนั่นน่ะ ไพเราะมากเลยล่ะ]

                   >>เค้กวานิลลา [เป็นของหวานชนิดเดียวที่กินแล้ว รู้สึกว่าอร่อย]

                   >>บาดแผล [ร่องรอยของความรักที่สวยงามยังไงล่ะ..]

                   >>สีของเลือด [ราเพียร์คิดว่ามันสวยงามมากๆ เลยล่ะ..]

                  

     

    สิ่งที่เกลียด : 

                   >>คนที่มาแย่งความรักไปจากเธอ [รักที่ราเพียร์ได้ มันก็ต้องเป็นของราเพียร์คนเดียวสิ คนอื่นน่ะไม่มีสิทธิ์แตะหรอกนะ]

                   >>คนที่มาแย่งของของเธอไป [ราเพียร์น่ะหวงของของตัวเองมาก ถ้าใครมาแตะล่ะก็ โดนดีเเน่]

                   >>คนอ่อนโยน อ่อนหวาน [ความจริงไม่ได้หนักถึงขั้นเกลียด แต่ออกแนวไม่ชอบไปทางแขยงเล็กน้อย (?)]

     

     

    สิ่งที่กลัว : 

                   -การสูญเสียพ่อ [เพราะราเพียร์รักพ่อที่สุดยังไงล่ะ..]

                                            {ปฏิกริยา-หากราเพียร์เสียพ่อไป เธอคงคลั่งไม่ต่างจากคนบ้า..ราเพียร์จะกรีดร้อง โวยวาย น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด ไม่ยอมให้ใครแตะต้องตัวเธอทั้งนั้น อ่า บ้าโดยสมบูรณ์---}

                   -งู [เพราะวัยเด็ก ราเพียร์เคยถูกงูรัดคอ แม้จะเเค่ขณะหนึ่ง แต่ตัวเธอก็กลัวมันมาก มากถึงขั้นที่ฝังลึกเข้าสมองไปเลยทีเดียว]

                                               {ปฏิกริยา-หากพบเจองู ราเพียร์จะกรี๊ดลั่น โวยวายบอกให้เอามันไปไกล ขาอ่อนแล้วทรุดมันเสียตรงนั้น เธอจะตัวสั่นมาก เพราะว่าราเพียร์กลัวงูมากจริงๆ ค่ะ}

                   -การไม่ได้รับความรัก [ราเพียร์น่ะขาดความรักไม่ได้หรอกนะ เพราะในสายตาของราเพียร์ ถ้าไม่มีใครรักเราเลย ก็แสดงว่าไม่มีใครต้องการเราเลยเช่นเดียวกัน]

                                            {ปฏิกริยา-ถ้าเธอไม่ได้รับความรักมากๆ ราเพียร์จะทำตัวเหมือนคนเหนื่อยหอบตลอดเวลา ตัวสั่นสะท้านพูดไม่ได้ศัพท์ พึมพำแต่ว่า 'ไม่มีใครรักฉัน ทุกคนไม่ต้องการฉัน..'}

                        *อธิบายเล็กน้อย-การได้รับความรักสำหรับราเพียร์ ก็คือการทรมานเธอนั่นเเหละค่ะ แต่อาการนี้ไม่ได้เป็นถี่ๆ นัก ถ้าเกิดว่าไม่ทุบตีต่อว่าหรือทำร้ายเธอเลยจนถึงหนึ่งเดือน ราเพียร์จะเริ่มแสดงอาการที่ว่าออกมาค่ะ เอาจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรรุนเเรงมากนักก็ได้ค่ะ แค่กระชากข้อมือเธอเเรงๆ หรือเหวี่ยงเธอกระแทกเบาะๆ (?) ราเพียร์ก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้รับความรักแล้ว แต่จะให้ดีก็ทำแรงๆ ไปเลยค่ะ (แค่ก---)

     

     

    งานอดิเรก : 

                        -ตัดกระดาษเป็นรูปต่างๆ [ลาเพียร์พกกรรไกรและกระดาษไปไหนมาไหนตลอด พอว่างๆ เธอก็จะเอามานั่งตัดเล่น ซึ่งแต่ละรูปนั้นต้องบอกว่าสร้างสรรค์มาก..มากจนมองไม่ออกเลยทีเดียวว่ารูปอะไร]

                        -ใช้ปลายกรรไกรขูดตามผิว [ราเพียร์ชอบความเจ็บปวด แม้แค่เล็กน้อย เธอก็ชอบอยู่ดีนั่นแหละ]

                        -กวนประสาทคนอื่น+ขัดคำสั่งชาวบ้านเล่น [ก็ถ้าทำตัวไม่ดี เธอต้องถูกลงโทษใช่ไหมล่ะ?]

                        -นั่งหัวเราะคนเดียว [พูดจริงนะไม่ได้หลอก (?) เพราะราเพียร์ชอบจินตนาการภาพที่ตัวเองโดนทำร้ายอยู่ตลอดเวลา และมันก็มีความสุขดี เธอเลยหัวเราะยังไงล่ะ]

     

     

    ความสามารถพิเศษ : 

                        -สกิลตัดกระดาษ [ถ้าให้ตัดตามใจก็ดูไม่ออก แต่ถ้าออเดอร์มา รูปอะไรก็ทำให้ได้หมด แต่ถ้าสั่งกวนๆ มา ระวังโดนราเพียร์ปากรรไกรใส่หน้าก็เเล้วกันนะ]

                        -การทำให้คนอื่นหงุดหงิด หรือโกรธ [ตอนอยู่บ้านก็ทำตลอดเวลานี่นา..จะถนัดก็ไม่แปลกหรอก]

                        -เดาใจคนอื่น [ราเพียร์น่ะดูความรู้สึกคนเก่งมาก จนแทบจะเดาสิ่งที่คนอื่นรู้สึกหรือนึกคิดอยู่ได้ จากการมองการกระทำและสิ่งที่แสดงออกโดยปฏิกริยาอัตโนมัติของมนุษย์เรายังไงล่ะ]

     

     

    คู่ : มุคามิ รุกิ

     

     

    เพิ่มเติม : เช่นเดิมนะคะ จิตไปพลีสเทลมีย์ (?) แก้ให้ได้นะค-- //กำมือชี้ไขว้โป้ง----

     

    }}เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร{{

     

     -พ่อของราเพียร์มีอาการทางจิตเช่นเดียวกันค่ะ ไม่สามารถควบคุมตัวเองเวลาโกรธได้ เลยเป็นเหตุให้ตอนที่โกรธ เขาจะทุบตีราเพียร์อย่างหนัก ผิดกับปกติที่ทำเหมือนรักลูก

     

    -ราเพียร์มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งค่ะ เป็นเพื่อนบ้านกัน ผู้หญิงวัยเดียวกัน ชื่อ โอลีฟ เรย์ซ่า

     

    -ราเพียร์เกิดวันที่ 3 พฤษภาคม ราศีพฤษภ เวลาเกิดคือ 10:15 น. ค่ะ

     

    -เป็นสาวกรุ๊ปเลือดB ผู้ถนัดมือขวา (?)

     

    -ราเพียร์ไม่ได้มีสกิลต่อสู้ค่ะ แต่ก็พอเอาตัวรอดได้นิดหน่อย

     

    -เป็นสาวตีนผี ที่วิ่งไวมาก

     

    -ราเพียร์กินของหวานอันอื่นนอกจากเค้กวานิลลา จะรู้สึกขมในปากค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

     

    -ราเพียร์ปกติก็เรียนเหมือนคนอื่นๆ นะคะ แต่จัดอยู่ในหมวดเด็กพิเศษ


    -ราเพียร์พูดภาษาญี่ปุ่นได้นะคะ แต่ไม่คล่องมาก เลยพูดรัวๆ ไม่ได้  

     

    -สรุปๆ ได้ง่ายๆ ว่าราเพียร์มีอาการทางจิตสองประเภทค่ะ หนึ่งคือชื่นชอบความเจ็บปวด สองคืออารมณ์แปรปรวนรุนเเรงเกินไป (ถือว่าไม่ใช่อาการทางจิตที่หนัก แต่ก็เป็นอยู่ดีค่---(?))

     

     

    _______________________________

     

     

    ส่วนโรลเพลย์สำหรับตัวละคร

     

    นัยน์ตาสีแดงเลือดนกเหลือบมองเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆด้วยสายตาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำทักทาย "สวัสดียัยเหยื่อสังเวย เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ได้อยู่ร่วมห้องกับท่านผู้นั้นของเธอแล้วเป็นยังไงบ้างล่ะหืม"

    ดวงตาเลื่อนลอยค่อยๆ เหลือบไปสบตากับผู้ถาม หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่ ก่อนเสียงหวานจะดังขึ้นอย่างหงุดหงิดจนผู้ถามชะงัก "ว่าใครเหยื่อสังเวยห๊ะ ยัยนี่ เดี๋ยวฟาดปากแตก" มือบางยกขึ้นเท้าสะเอว ราเพียร์ถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด ท่าทางเลื่อนลอยถูกแทนที่ด้วยท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั่น แต่ก่อนที่สาวเจ้าจะได้โวยวายอะไรต่อ เธอก็ถูกขัดด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง จนต้องจิ๊ปากตอบอย่างเสียไม่ได้ "น่ารำคาญ จบมะ?"

     

     

    หญิงสาวในผ้าคลุมฮู้ดสีดำสนิทส่งเสียงหัวเราะน่าขนลุกเบาๆพลางไหวไหล่เหมือนจะบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้และมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเสียหน่อย "แล้วยังไงล่ะ อยากจะหนีเหรอ" เธอถามแล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น

    "เรื่องสิ" เสียงหวานโพล่งตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนเธอจะชะงักไปเมื่อนึกอะไรออก หญิงสาวเงียบไปครู่ พึมพำกับตนเองเสียงแผ่ว "แต่ถ้าทำแบบนั้นเเล้วมันจะทำให้ฉันได้รับ ความรัก จากพ่อมากกว่านี้ล่ะก็..มันก็น่าสน"

     

     

    "เอาน่า แรกๆก็แบบนี้นั่นแหละ อีกไม่นานก็คงจะชิน อีกอย่างจะหนีไปไหนได้ล่ะหืม" เสียงนั้นเจือความสงสารปนสมเพชอย่างชัดเจน รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นข้างริมฝีปาก "เธอก็เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ เรามาเปลี่ยนหัวข้อกันดีกว่า อืม...ถ้าสมมตินะ ท่านผู้นั้นของเธอล่ามเธอไว้แค่ภายในห้องเท่านั้นล่ะ ไม่ให้อิสระเธอที่จะออกไปไหนหรือทำอะไรได้ เธอจะทำยังไงเหรอ"

    คราวนี้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยตอบในทันที ดวงตาสีน้ำตาลทองหม่นคู่นั้นหรี่ลง นิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากล่าง ลิ้นร้อนเเลบเลียกลีบปากบางเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะคิกคักในลำคอ "อ่า..นั่นสินะ ทำยังไงดีน้าา.." เธอกล่าว ราวกับว่าไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงดี ทั้งที่มองยังไงๆ ใบหน้านั้นก็กำลังแสดงออกว่าเธอคง มีความสุขมาก ออกมาแท้ๆ

     

     

    นัยน์ตาที่เคยกวนประสาทเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย "ฉันว่าอีกไม่นานคงจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแน่ๆเลย หึๆ จะทนรอไม่ไหวแล้วสิ เอาล่ะ มาถึงคำถามสุดท้ายที่ควรถามเป็นคำถามแรกแล้วล่ะนะ ความประทับแรกของเธอที่ตื่นขึ้นมาโดยมีท่านผู้นั้นจ้องมองอยู่เป็นยังไงเหรอ"

    "อ่า เป็นคำถามที่ดี" ราเพียร์ว่าพร้อมหลับตาพยักหน้ารับกับตนเองหงึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา ส่งยิ้มกวนประสาทไปให้เจ้าของคำถามที่ถึงขั้นแข็งค้างไปขณะหนึ่ง กับคำตอบของหญิงสาว



    "แต่แบบว่าเรื่องมันยาวน่ะนะ ให้พูดคงบรรยายไม่หมด เอาเป็นช่างมันเเล้วกัน..คิก"

     

     

     

    ส่วนตอบคำถามสำหรับผู้ปกครอง

     

    ก่อนอื่นเลย สวัสดีค่ะ ผู้ปกครองของว่าที่นางเอกของเอมฯ ขอทราบชื่อหน่อยได้ไหมคะ : เฮลโหล อาร์ยูรีเมมเบอร์มีย์---? //ไมค์ใครลอยมา--แฮ่ม// โอเคค่ะ..เลิกเล่นแล้ว (?) พบกันอีกครั้งนะคะท่านเอมเพรส รันรันเจ้าเดิม เจ้านี้จะเรียกรันก็ได้ค่ะ (?)

     

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์เสียเวลามานั่งพิมพ์ใบสมัครนะคะ : ฮะฮ่า! ไม่เป็นไรค่ะ ใส่ใจพิเศษใส่รักเช่นเดิมนะคะ! //กำมือชี้ไขว้โป้ง----

     

    ทำไมถึงเข้ามาสมัครเรื่องนี้คะ หรือว่าชอบใครในเรื่องเป็นพิเศษเอ่ย : สะดุดตากับคำบางคำค่---//เสตาหลบ// หลังจากส่งคู่เรย์จิซังไปแล้ว ก็ปั่นคู่รุกิซังมาถวายพานเสิรฟ์ด้วยความรักอย่างสูงสุดค่ะ 555 อันนี้เพิ่มเติมคืออยากปั่นสาวMมาก ไม่ใช่อะไรค่ะ อยากเขียนประวัติ //แค่ก// อนึ่ง ยังไงก็ขอบพระคุณมากนะคะที่เมตตาสัตว์โลกตัวน้อยๆ อย่างรัน ให้ยังส่งได้---จุดนี้คือขอแค่ได้ส่งก็ดีใจ อย่างน้อยก็ไม่ต้องลบทั้งที่ไม่ได้ส่ง----

     

    ว่าแต่ลบวงเล็บทั้งหมดออกแล้วใช่ไหมคะ อย่าลืมลบด้วยน้า : ความรู้พื้นฐานงุงิ--ลบเเล้วค่ะ 55555

     

    เอ้อ เรื่องใบสมัครส่งตอนที่ 1 และส่งเป็นลิ้งค์เท่านั้นนะคะ ไม่งั้นเท : โอเคค่--แต่ถ้าส่งผิดเตือนรันด้วยนะคะ (?) แก่แล้วหลงลืมบ่อย---55

     

    สุดท้ายและท้ายสุด อย่าลืมกดสับตะไคร้ เอ๊ย fav. แฟนพันธุ์แท้กันด้วยนะคะ บ๊ายบายจ้า! : เตรียมเขียงสับเลยค่---



    TF:)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×