ทำไมน่ะหรอ?? - ทำไมน่ะหรอ?? นิยาย ทำไมน่ะหรอ?? : Dek-D.com - Writer

    ทำไมน่ะหรอ??

    ขอบคุณที่สอนให้ฉันรู้ ว่าคนบ้านแตกมันเป็นยังไง มันอาจยังไม่ถ่ายทอดออกมาทั้งหมด แต่มันเป็นความรู้สึกส่วนหนึ่ง

    ผู้เข้าชมรวม

    246

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    246

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.พ. 50 / 00:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เกิดมาชาตินี้ไม่เคยต้องการเพื่อนเลยซักคน
      ไม่ต้องการแม้กระทั้ง "ความหวัง" ในเมื่อรู้ว่า
      หวังทุกครั้งมันก็ต้องผิดหวัง ในเมื่อรู้ว่า   คำว่า
      หวัง มีไว้ให้คิดเล่นๆ เราจึงไม่เคยคิด   ที่จะหวัง
      อะไรจากใคร ในเมื่อความเชื่อใจมันมักทำให้เกิด
      ความหวังเราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อใจใคร เพื่อให้หวัง
       
      ความจริงมันเจ็บปวดเสียจริงๆ  เมื่อได้หวังสิ่งใดแล้ว
      เชื่อว่ามันจะเป็นไปตามหวัง ที่สร้างขึ้นถึงรู้ว่ามันจะเป็น
      เพียงหวังเล็กๆที่บางทีอาจจะ ไม่เกิดขึ้นก็ตามที มันก็ยัง
      คงไม่วายที่จะเจ็บใจแล้วคิดเลิกที่จะหวังทุกอย่าง ไปเสีย
       
      มันพูดเหมือนจะเป็นรื่องง่าย แต่เมื่อ หวังแล้วจริงๆ มันก็ทำ
      ไม่ได้อยู่ดีที่จะเลิกหวัง มีใครบอกเราได้มั๊ยว่า ความหวัง ทำ
      ยังไงให้มันเป็นจริง ในเมื่อมันเป็นเพียงความหวัง"ที่เจ็บปวด"
       
       
      นั่งมอง นั่งดูนั่งเฝ้าฉันอยู่คนเดียวได้ อยู่แล้วแน่นอนในโลกของ
      ความจริง น้อยคนที่จะอยู่แบบนี้ได้ นอกจากบางคน ที่ได้รับ  ผล
      กระทบจากบางอย่างที่ก่อให้เกิดจิตใจที่ปิดกั้นเหมือนๆช่วงสงคราม
      โลกครั้งที่สอง ที่เด็กญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งขังตัวเองอยุ่แต่ในบ้าน แล้วไม่
      ยอมออกมาพบใคร ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้นน๊า... ไม่มีอะไรบอกเรา
      ได้ดีไปกว่าคำว่า สถานการณ์ สิ่งแวดล้อมที่คนเหล่านั้นเป็นอยู่ อยู่กับ
      สงคราม อยู่กับ สิ่งที่สมควรหวาดกลัว มี คนเคยบอกเราว่า "บ้านแตก"


      ัมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อยมันเป็นเรื่องของพ่อแม่ที่ลูกไม่
      เกี่ยวข้องเลย เพียงแต่ทำตัวเองให้ดีที่สุดก็เพียงพอ  จริงหรือที่บอกว่ามัน
      เป็น เรื่องของพ่อแม่มันเป็นเรื่องของคำว่าลูกคนละคนกันกับพ่อแม่เราเคย
      เข้าใจเราเคยเข้าใจ คิดว่าเคยน่ะ แต่พอวันหนึ่ง พ่อบอกกับเราว่าพ่อทนที่จะ
      อยู่กับแม่เพื่อเรา พ่อทนทำงานเพื่อต้องการเลี้ยงครอบครัว ถ้าเงินประกัน มัน
      เลี้ยงบ้านได้พ่อก็จะ "ฆ่าตัวตายไปแล้ว"คำพูดยังคงก้องอยู่ในหูเรามันแรงมาก
      น่ะที่พูดแบบนี้สำหรับฉันมันแรงจริงๆต้องทนฟังจากบ้านถึงโรงเรียนทนฟังคำพูด
      เกี่ยวกับการตายบ้าๆนั่นถึงโรงเรียน วันนั้นฉันอยากเดินลงจากรถอย่างหมดเรี่ยวแรง ทำอะไรไม่ถูกมันทำอะไรไม่ได้จริงๆ สิ่งเดียวที่คิดคือตาย ตายดีมั๊ย แล้วถ้าพิการหล่ะทำยังไง เราไม่ใช่คนคิดสั้นหรอก แต่เมื่อพ่อคิดว่าพ่อรู้สึกย่ำแย่ในขณะที่ฉันเหมือนๆไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนๆว่าพ่อไม่รู้ว่าฉันก็รับรู้เรื่องนี้จากแม่ที่คอย
      บ่นเรื่องพ่ออยู่ ทุกๆวัน ว่าทำไม   เพียงคำพูดสองคำตั้งคำถามที่สะเทือนใจฉันได้
      มากมายจริงๆ ฉันนั่งมอง นั่งฟัง ทุกอย่างตลอดเวลา  พ่ออยู่บ้านเพียงสามวันตลอด
      อาทิตย์ อยู่ต่อหน้าพ่อแม่มักไม่พูดอะไรมากแต่จะขึ้นเสียงกันจนพ่อยอม แล้วก็เฉย
      ในที่สุด ฉันก็เชื่อว่าพ่อคงต้องคิดเหมือนฉัน ทำให้เรื่องมันจบๆไป ขณะที่ ฉันนั่งมอง แล้วฟังคำพูด ที่พูดกันถึงมันจะไม่ใช่คำหยาบแต่เรื่องมาก
      มายก็ทำให้ฉันคิดและรับรู้มัน ว่ามันรุนแรงพอๆกัน ขณะที่ฉันอยู่บ้านทุกวัน แม่กลับมาจากทำงาน
      เช่นกันก็เป็นคำบ่น มากมายที่พรั่งพรูราวกับเก็บมันมาจากที่โรงเรียนหรือที่ทำงานยังไง
      อย่างนั้น แม่สอนน้องด้วยคำพูดต่างๆที่เหมือนควบคุมอารมณีตัวเองไม่ได้ ขณะที่แม่ก็ต้องการให้ น้องอ่านหนังสือ ทำการบ้านตามที่เขาต้องการ ฉันรับรู้ความรู้สึกนั้นดีมันทำให้ฉันไม่ต้องการที่จะถามการบ้านจากแม่แม้แต่น้อย อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องถามเลย เพราะมันลำบากที่จะคอยฟังแม่บ่นเรื่องมากมายที่นอกเหนือ จากเรื่องการบ้าน ต้องการ? อืมก็จัดให้ แต่มากเกินไปฉันหรือน้องก็รับไม่ไหวเช่นกัน ขณะที่หลายๆคนมองว่าแม่ฉันเป็นคนใจดีมากๆ คนหนึ่ง บ้านฉันอบอุ่นเหลือเกิน คนอื่นมองแม่ฉันเป็นนางฟ้า ฉันมองแม่เป็นนางยักษื คนอื่นมองพ่อฉันเป็นคนเก่ง ฉันมองพ่ออเป็นคนบ้าอำนาจ "สันดาล" "ไม่มีสมอง" แค่ลายมือไม่สวย มันคงติดเป็น "สันดาลแล้วสิ" เลขยากก็ทำไม่ได้ "ไม่มีสมองเลยใช่มั๊ย เอามันมาหารกันสิ" "เดี๋ยวเขาจะหาพ่อแม่มึงไม่สั่งสอน" เพื่อ? เพื่อหน้าตาตัวเอง หรือว่าอะไรกันแน่ ทำไมต้องให้ฉันเหมือนใครๆ  เหมือนกับคนอื่น ทำไมเพราะฉันเรียนโรงเรียนเดียวกับที่แม่สอน แม่ แม่กลัวคนอื่นว่าแม่รึยังไง ขณะที่ฉันเริ่มตีตัวออกห่างมากเข้าไปอีก
      ประมาณป.3 ฉันก็ถูกสั่งหยุดเรียนดนตรีอย่างกระทันหันอีกครั้ง นั่นเป็นดอกาสสุดท้ายของฉัน ในการแก้ตัวและขอสิ่งต่างๆที่อยากได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ไม่ฝึกซ้อม" ขณะที่ดนตรีเป้นความฝันสุดท้ายในตอนนั้น เช้าวันเสาร์ ประมาณเจ็ดโมง ฉันนั่งอยู่หนังตู้โชว์ เพื่อขอให้พ่อไปส่งที่โรงเรียน สยามดนตรี แต่พ่อกลับบอกสั้นๆว่าเรียนไปทำไม คำยังไงกับสภาพเด็ก ป.3 ที่ฝันอยากเป็นนักดนตรี "เรียนไปก็ไม่ซ้อม" ไม่ซ้อม? ฉันถามตัวเองอย่างแปลกใจ น้ำตาเออ ฉันไม่ใช่บีโทเฟ้น หรือ นักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ที่จะเรียนให้ได้ที่หนึ่งของจังหวัดโดยไม่ซ้อมเลย แต่พ่อกลับพดว่าฉันไม่ซ้อม ขณะที่ฉันภูมิใจนำเสนอกระดาษแผ่นเล็กที่เขียน A+ ทั้งสิบช่องให้คนอื่นดูด้วยความดีใจมากๆ แล้วคิดว่าตัวเองต้องทำได้และต้องกลายเป้นนักดนตรีที่จะได้เล่นในเวทีใหญ่ๆ อย่างที่ใครๆก็ต้องมอง เหมือนๆที่เคยบ่านมา สุดท้าย ฝันกับความหวังหัวสูงแบบเด็กๆ ก็ต้องหายไปพร้อมกับคำว่า "ไม่ฝึกซ้อม" เหมือนๆพ่อจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ พ่อ พาฉันไปในที่ที่มีความหวังแล้วพังมันในช่วงเช้าของวันเสาร์ เพียงวินาทีเดียวที่พูดว่า "ไม่ซ้อมเลย" ขณะที่ฉันสามขวบฉันนั่งคิดเรื่อง บ้าๆด้วยความเพ้อฝัน สุดท้ายก็จบลงจริงๆ ฉันก็เริ่มถอยตัวออกห่างพ่อแม่เข้าไปอีก เพราะมันเลวร้ายแล้วยากเกินไปที่จะรับได้ขณะที่ฉันอายุเพียงเท่าันั้นฉันต้องหยุดโดยที่เพื่อนได้ไปต่อ แล้วเรื่องบ้าๆก็เกิดขึ้นอีกเมื่อ ทั้งสองคนต่างพูดเรื่องที่ไม่ชอบนิสัยของกันให้ฉันฟังคนละ นิดละหน่อยฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้อง
      เป็นฉันที่รับรู้มัน วันหนึ่งประมาณวันปีใหม่เป็นวันรวมญาติฉันนั่งอยู่ในวงเหล้ากับลุง อยู่ๆ
      ลุงก็พูดขึ้นมาว่าพ่อเองน่ะไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆฉันแทบจะลุกขึ้นใช้มืออัดเข้าที่
      หน้าลุงอย่างจัง ด้วยความโกรธ และไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก ว่าทำไมฉันถึงต้อง ฟัง
      แล้วเก็บมันไว้ในใจคนเดียวอยู่แบบนี้ไม่นานนักฉันก็พบบันทึกของแม่ก่อนแต่งงานแม่เขียน
      ว่าการที่แม่แต่งงานกับพ่อมันเป็นเืรื่องที่แสนเวรร้ายที่สุดทำให้แม่เป็นลูกที่เลวฉันก็ไม่เข้าใจ
      อีกนั่นแหละทำไมฉันต้องเป็นคนที่เจอมัน มันอยู่ใกล้ๆเตียงพ่อขณะ ที่พ่อ กลับมาในตอนเย็น
      ก็พูดขึ้นว่า "วันนี้ฉันขับรถผ่านบ้าน แฟนเก่าเธอด้วยแหละ" จากนั้นไม่นานมัน ฉันก็รับรู้เพิ่ม ว่า
      พ่อไม่อยากกลับบ้านมากนักถ้าไม่ต้องมารับฉันจากเรียนพิเศษบางทีพ่อาจจะไม่กลับเสียด้วยซ้ำ
      ทำไมฉ้นรู้อยู่คนเดียวหล่ะแล้วน้องชายฉันหล่ะ โลกไม่ยุติธรรม ในวันปีใหม่ปีล่าสุดฉันและแม่นั่ง 
      รอพ่อที่จะไปบ้านยาย ด้วยกัน  แต่แล้วพ่อก็บอกไม่ไป ฉันถามว่าทำไมไม่ไปหล่ะพ่อ พ่อก็ตอบ
      ว่ามันไม่ใช่ธุระทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่ทะเลาะอะไรกัน แล้วในที่สุดฉันก็ตัดสินใจถามย่าว่าพ่อกับแม่รัก
      กันรึเปล่า น่าก็ตอบว่ารักสิไม่รักจะแต่งงานทำไมหล่ะ อ๋อจริงหรอก  หนูเห็นเขามาเล่าให้หนูฟัง หนู
      คิดว่าพ่อไม่ได้รักแม่ เลยแล้วแม่ก็ไม่ได้รักพ่อด้วยเหมือนกัน ล่ะมั๊ง  ฉันตอบไป อย่างสิ้นหวัง กับคำ
      ตอบที่ได้พอสมควร  ฉันกำลังตีความว่ามันเป็นเพียงรักเด็กๆที่พ่อแม่คิดว่ารักกันรึเปล่า เส้า ใจจริงๆ
      หลายๆครั้งที่ฉันพยายามไม่สนใจ แต่ทุกๆครั้งที่ รับรู้ว่าเองน่ะเหมือนกับพ่อของเองฉันก็มักจะคิดว่าอะไรน่ะ
      ที่เหมือนกันทนอยู่กับคำพูดของผู้หญิงคนนังน่ะเพราะหรือว่า นิสัยเหมือนกัน ฉันไม่ต้องการเหมือนใคร
      มันมักทำให้ฉันคิดว่าเมื่อโตขึ้นฉันจะมีครอบครัวที่เป็นเหมือนพ่อน่ะนะทั้งๆที่ไม่น่าทนซักนิดแม่มักถาม
      ว่าเอานิสัยกราวร้าวมาจากใคร ฉันก็อยากจะบอกเสียมากมายว่า มาจากแม่นั่นแหละ แม่ทำแบบนี้กับพ่อ
      กับฉันและกับทุกๆคน แม่ไม่เคยยอมใคร รวมทั้งพ่อ ฉันมักจะขึ้นเีสียง ทุกๆครั้งที่โดนแม่ต่อว่าในเรื่องบางเรื่องที่มัน
      ผ่านไปแล้ว ว่าทำไมในเมื่อมันผ่านไปแล้ว ว่าเพื่อ? ฉันมักโมโหเมื่อ บางสิ่งฉันมีหลักฐานว่ามันสมควรทำมากพอ
      แต่กลับโดนแม่ห้าม ฉันจะไม่ยอมให้สิ่งใดหยุดลงง่ายๆ เมื่อฉันต้องการได้มันจริงๆและมักจะไม่ฟังคำสั่งของ
      ใคร เหมือนๆกับที่ฉันดิ้นรนจะไม่ฟังคำสิ่งของ แม่ ดิ้นรนที่จะหนีใหฟ้พ้น ครอบครัว ที่กำลังจะพังลง ให้เร็วที่
      สุด ถึงจะรู้อยู่วามันจะเป้นไปได้ยากเสียเหลือเกิน "บ้านแตก" และวินาทีที่ฉันเริ่มจะรู้เรื่องทั้งหมด ฉันก็ รู้ใน
      ทันที ว่าทำไมคนบ้านแตก ถึงคิดและอยากที่จะหนีออกจากบ้านมากนักที่บ้านไม่มีแม้แต่ความสุขให้แสวงหา
      เหมือนคนอื่นๆ ไม่มี แม้แต่รอยยิ้มที่ให้กันในบ้านฉันเดินสวนกับพ่อหรือแม่ ไม่ว่าจะเป็นน้องชายก็เหมือนกับว่าเราไม่รู้จักกันต่างคน
      ก็ต่างทำงานที่ตนต้องการจะทำ ทั้งวันทุกคนก็มีงานของตัวเอง     ฉันอิจฉาเสมอเมื่อเพื่อนมีเรื่องเกี่ยวกับการ
      ท่องเที่ยวมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ มันไม่ได้เป็นเพราะฉันอยากจะไปไหนๆเหมือนคนอื่นๆ แต่เพราะว่าพวกนั้นไปกับ
      พ่อแม่ของเขาต่างหาก ตั้งแต่ฉันจำได้ฉันเคยไปทะเลกับพ่อหนึ่งสองครั้งไปเชียงใหม่หนึ่งครั้งไปบ้านริมเขาหนึ่ง
      ครั้ง ไปเที่ยวแบบเป็นครอบครัวจริงๆเพียงครั้งเดียวตั้งแต่จำความได้ ฉันจึงไม่ต้องการที่จะไปไหน หรือค้างที่ไหน
      นอกจากบ้าน เช้าไม่มีบทสนทนาอะไรบนรถ นอกจากตอนฉันลงจากโรงเรียน เป็นว่าหกปี    เกือบเจ็ดปีที่ฉันพูดว่า
       "พ่อคับ หวัดดีคับมารับเร็วน่ะคับ" แต่ผลสุดท้ายฉันเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่โรงเรียนจนมืด โดยไม่มีผู้ปกครองมานั่ง
      ด้วย  ในบ้างครั้งพ่อถึงกับปล่อยฉัน  อยู่โรงเรียนเลย หกโมงเสียด้วยซ้ำไป ฉันเคยร้องไห้เพราะเป็นอย่างนี้อยู่ครั่งนึง หลังจากเกินหกดมงมาหนึ่งครั้ง มันก็เกินออกมาเรื่อยๆ
       หลังจากนั้นก็เป็นความเคยชินเสียหมด ไม่ต้องร้องไห้น่ะ เดี๋ยวพ่อก็มา  ฉันพูดกับตัวเองเพราะความที่คิดว่าไม่มีใครนอกจากตัวเองที่ไว้ใจได้
      ไม่มีใครคอยปลอบฉันเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ฉันก็พร่ำพูดอยู่เรื่อยๆว่ามารับเร็วๆน๊าทั้งๆที่ความจริงมันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย  หลัง
      จากที่พูดคำนั้นไป สุดท้ายฉันก็เป็นคนสุดท้ายที่กลับจากโรงเรียนเหมือนๆเดิม ฝนตก มืดยังไง ฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อน เพราะเขากลับไปหมดแล้ว  ฉันนั่งมอง ในสิ่งที่เด็กคนอื่นๆเล่นกัน ที่ฉันไม่ไปเล่นด้วย อย่างหนึ่งก็เพราะ เดี๋ยวพ่อมากรับแล้วไม่เจอจะหนีฉันกลับบ้านไปอีก  พ่อรับรู้บ้างรึเปล่าว่ามันน่ากลัวมาเพียงใดการที่ต้องอยู๋โรงเรียนคนเดียวกับหมา ที่เดินวนไปมาขณะที่พาลโรงกลับบ้านไปหมดแล้ว อย่างน้อย
      ตอนเด็กๆฉันก็ไม่เคยเล่นพ่อแม่ลูกกับใคร เลยจริงๆ เพราะความรู้สึกที่บอกว่าเล่นไม่เป็นและที่บ้านก็ทะเลาะกันคงไม่
      ไหวมั๊ง เมื่อฉันหมดหวังทุกๆครั้งหรือเพียงคิดว่าตัวเองจะแพ้ ฉันมักตะโกนชื่อตัวเองออกมาอย่างจนตรอก  ทำไมถึงไม่
      พูดว่าแม่ช่วยด้วย หรือพ่อช่วยด้วยน่ะ ฉันเคยร้องให้พ่อและแม่ช่วย แต่ก็ไม่เคยมีใครที่มาช่วยฉันทันในทุกๆครั้งสุดท้ายก็
      กลายเป็นชี่อตัวเองแล้วก็อยู่กับตัวเอง ทั้งๆที่ก็มีเเพื่อน หมายถึงคิดว่าเป็นเพื่อนแต่ฉันก็เลือกที่จะไม่พูดมันกับใคร
      หลายๆอย่างสอนให้ฉันโตก่อนวัยตัวเองแล้ววมองคนอื่นๆว่าเด็กว่าฉันไปเสียหมดฉันควรจะโทษอะไรดี ที่บอกว่าทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพที่รับรู้เรื่องราวความเป็นมาของทั้งสองฝ่าย ทำไม พ่อไม่เดินไปบอกแม่ว่าฉันทนเธอไม่ได้แล้ว มันมากเกินไป
      แล้วทำไมแม่ไม่บอกว่า อืมจริงฉันก็ทนเธอไม่ได้เหมือนกัน ไปเถอะเราเลิกกันเสียที ที่พ่อกับแม่ไม่เลิกกัน รักษาความสัมพันธ์กันเพราะว่าฉันกับน้องรึเปล่า ทำแบบนั่นเพื่อฉันกับน้องทำแบบนั้นเพื่อซักว่าฉันจะโตขึ้น และกร้าวร้าวกว่านี้ ในขั้นที่ไม่
      ฟังใคร ซักวัน ฉันจะรับรู้ว่าพ่อไม่ได้รักแม่เลยซักนิด จับฉันมาอยู่ในกรอบทำไมกัน ทำไม??

      ตั้งแต่เด็ก พ่อมักตีฉันบ่อย เพราะรักรึเปล่าที่ทำแบบนั่น หรือเพราะระบายอารมณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจ บ้านฉันกับบ้านย่าอยู่ห่างกัน ร้อยเมตรกว่า เวลาที่พ่อเรียกฉันมักจะไม่ได้ยินในทุกๆครั้ง ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมไม่ได้ยิน แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ได้เล่นจนเพลิน ขณะที่พ่อเรียกพ่อก็มักเดินมาตามฉันแล้วลากฉันได้ตีหน้าบ้านราวกับโกรธอะไรมาจัดๆ ขณะที่ปากก็พร่ำพูดว่าจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว แต่หูมันไม่ได้ยิน แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกๆครั้ง จนบ้างครั้งบ้างเรื่องฉันโดนแม้กระทั้งสายไฟ โดยที่พ่อไม่ฟังเหตุผลซักนิดเดียว ไม่ฟังแม้แต่น้อยด้วยซ้ำได้ ว่าทำไม จนบางครั้งน้องฉันต้องเข้ามาช่วยเสียด้วยซ้ำไป พ่อ พี่เขาไม่ผิด เหอะๆ ฉันได้ยินบ่อยจนชิน

      30 พ.ย 46
      ฉันจำมันได้แม่นน่าดู เพราะมันเป็นวันเกิดฉันเอง ฉันร้องของพ่อที่จะไปงานเลี้ยงด้วยเพราะจะเจอเพื่อนที่นั่น แต่พ่อกลับห้ามฉันและก็ห้ามสำเร็จ ทิ้งฉันอยู่บ้านกับยายเพียงสองคน พอกลางคืน เพื่อนฉันจึงโทรมาบ้าน อ้าวไม่มาหรอกว่ะ ได้ยินเท่านั้นฉันก็รีบวางสายในทันทีขณะที่ พ่อโทรมาตามอีกครั้ง "อ้าววันเกิดลูกเรอะ พ่อขอโทษ พ่อลืม"พ่อพูดเท่านั้นจริงๆ ไม่มีอะไรต่อจากนั้น ฉันก้อได้แต่หัวเราะ "เหอะๆ" ถ้าพ่อไม่พูดว่าลืมฉันคงจะไม่เสียใจมากมายอะไร เพราะไม่เคยคิดว่าวันเกิดจะต้องมีของขวัญเหมือนใครอยู่แล้ว และในคืนนั้นฉันก็ได้ตุ๊กตาหมีสีขาวที่พ่อจับฉลากได้จากงานเป็นของขวัญ ฉันกอดมันด้วยความดีใจดีใจที่สุดเพราะมันเป็นของขวัญ ชิ้นที่สองในชีวิตที่ได้เนื่องในวันเกิดจากพ่อ และแม่ ตุ๊กตาหมีสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูชิ้นที่สองจริงๆ ถึงมันจะเป็นของฟรีที่พ่อไ้จากการจับฉลากไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่กับพ่อ พ่อจึงให้ฉันแต่ฉันก็จำมันได้ว่าฉันรักมันมากแค่ไหนจนถึงวันนี้  เมื่อไม่กี่ปีก่อนประมาณป.2 ฉันก็ได้ พจนานุกรมเล่มเล็กๆ หน้าปากเขียนว่า สุขุมขึ้นนิด มอบให้ริน ฉันแทบจะเอามันไปเคลือบเสียด้วยซ้ำแต่จนบัดนี้มันก็ยังค้างอยู่ในกระเป๋าสตางค์ฉันขณะที่พจนานุกรมเล่นนั้นแทบจะไม่กล้าเปิดเพราะกลัวมันขาดไปแล้วก็ตาม 

      เย็นๆ ตอนกินข้าว เวลาที่พ่อไม่อยู่ แม่มักพูดเรื่องครอบครัวที่แสนลำบาก ของเขาให้ฟัง เย็นตากลับมาก็ต้องมานั่งช่วยยายสานหมวก เอาไปขายแม่ก็ต้องช่วยด้วย ทุกคนก็ต้องช่วยกันก่อนที่จะได้ไปทำธุระของตัวเอง แล้วดูเธอสิเกิดมาสบายมีทุกอย่าง ฉันแทบสำลักข้าว ขณะที่บอกไว่า "ไม่จริงอ่ะ" ออกมาเต็มปาก แม่ถามกลับว่า "ทำไม อะไรที่เธอว่าไม่จริง" สิ่งที่ฉันโหยหาไม่ใช่เงินความพร้อมที่มีทุกๆอย่าง ไม่ใช่หน้าตาที่แม่สร้างให้ ไม่ใชภาพพจน์ ที่แม่สร้างให้ ไม่ใช่เรื่องเรียนที่ทุกคนสอนให้ฉันแสวงหา แต่ที่ฉันหาคือ ทุกคนช่วยกันสานหมวก "ทุกคนที่รวมกันเรียกว่าครอบครัว ช่วยกันสานหมวก" ไม่ใช่อะไรที่แม่พยายามใส่ให้ฉันแม้แต่น้อย
       
      ทุกคนทำงานหาเงินเลี้ยงฉัน ขณะที่เลี้ยงฉันโดยไม่สนใจและใส่ใจทั้งจิตใจ ความฝัน หรือแม้กระทั้งใส่ใจจะดูแลความหวังที่เขามอบให้ และทำมันพังภายในเวลาอันสั้น ความหวังอีกหลายๆอย่างที่สอนให้ฉันดูแลมัน โดยที่จะไม่มีใครเอามันไป ถ้าทำได้ ฉันขอที่จะหวังเป็นครั้งสุดท้าย โดยที่ไม่ขออะไรอีกในชีวิต "ฉันขอให้พ่อกับแม่กอดฉันแล้วบอกว่ารักฉัน"ของแค่ครั้งเดียวพอ ครั้งสุดท้ายก็ได้ หรือรูปหมู่ซักรูป ที่มีพ่อ แม่ ฉันแล้วก็น้อง สี่คนก็ยังดี สาบานฉันไม่เคยมีมันซักรูป จนถึงบัดนี้ตั้งแต่ฉันเกิดมา ถ้าฉันทำได้ ฉันสาบานว่า จะยอมแลกมันมาด้วยชีวิต แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือแม้แต่เห็นรูปแล้วฉันต้องตายก็ตามที ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายฉันกอดแม่และพ่อเมื่อไหร่ หรือตั้งแต่จำความได้ชัด พวกเราไม่เคยกอดกันเลยกันแน่ ที่แน่ๆ เราไม่เคยบอกรักกันเลยจริงๆตั้งแต่ฉันจำความได้ ไม่มีแม้แต่กระดาษแต่เราก็คงเคยเพราะอาจารย์บังคับทำการ์ดวันพ่อ หรือวันแม่ เก็บรึเปล่าน่ะ พ่อยังเก็บการ์ดเน่าๆที่มันไม่สวยเลยซักนิดแต่ฉันทำอย่างสุดฝีมือให้พ่อรึเปล่า

      ต่อให้รวยเป็นร้อยล้าน ต่อให้มีอะไรซักเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันอยากได้ก็เป็นเพียง ความหวังที่เ็จ็บปวดอยู่ตามเคย เหมือนๆทุกๆครั้งที่ฉันต้องเอามันมานั่งร้องไห้คนเดียว สิ่งที่อยากจะพูดก็พูดหมดแล้ว พ่อจะเข้าใจฉันมั๊ยน่ะ จะมองฉันเป็นเด็กชินชาที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมั๊ยน่ะ จะมองฉันในแง่ดีขึ้นบ้างรึเปล่าน่ะ จะเชื่อใจฉันเหมือนๆที่พ่อแม่คนอื่นเชื่อใจลูกตัวเองมัี๊ยน่ะ จะคิดถึงฉันเหมือนๆที่ฉันคิดถึงพ่อตอนที่รู้ผลคะแนนอิเล็คโทนว่าเป้นที่หนึ่งของจังหวัดมั๊ยน่ะ จะยังคิดว่าฉันนิสัยไม่ดีอยู่มั๊ยน่ะ จะยังมองว่าฉันมีความสุขดีเหมือนที่แสดงออกรึเปล่า แล้วจะโทษที่ฉันมั๊ยน่ะ   
       
       
      ขอบคุณสอนให้ฉันรู้ว่า
      บ้านแตกมันเป็นอย่างไร
      ขอบคุณที่สอนให้รู้ว่าการ
      ที่อยู่กับตัวเอง มันน่ากลัว 
      และหนาวเพียงใดหนาวจริงๆ
       หนาวจับใจจิงๆ ถึงกับนอนสั่น
      ทั้งๆที่ไม่เปิดแอร์ด้วยซ้ำ
       ขอบคุณที่ให้ฉันได้โตก่อน 
      คนอื่น ได้รู้ ว่าบ้านแตก       
      มันน่ากลัวเพียงใด                
      ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าโตขึ้น     
      ฉันจะรักครอบครัวมากเพียง    
      ใดไม่โทษใครที่ต้องเป็นแบบ  
      นี้ไม่โทษใครที่ไม่มีเหมือนคน  
      อื่นขอยู่ตรงนี้ เพียงเท่านี้ ฉันก็  
       
      ขอบคุณ


      ท้ายที่สุดฉันก็เชื่อว่าไม่มีใครเลวร้ายที่สุดอยู่ดีอย่างน้อย
      เรื่องของฉันก็อาจจะเลวร้ายกว่าใครหลายๆคนให้มองมันดีๆ
      แล้วเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง หรือคนที่กำลังคิดว่ากุโชคร้ายกว่าเมิงตั้งเยอะ
      เราก็อยากบอกว่าเรายังอยู่เป็นเพื่อนกับทุกๆคนน่ะ
       เราก็ยอมรับว่ามันไม่ได้เลวร้ายมากมาย ถ้าเพียงอ่านแล้วไม่เจอกับตัวเอง
      แต่ถ้าเจอกับตัวเอง มันถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกกันเลยหล่ะ
      ยิ่งเจอคำพูดของพ่อที่บอกจะฆ่าตัวตาย
      อ่านมันเรียบๆ แต่จริงๆแล้ว มันเลวร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าโดนด่าเป็นไหนๆ







      เราอยากมีครอบครัวที่สมบูนแต่ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
      ไม่มีครอบครัวไหนที่สมบูนไปหมด

      แต่การที่พ่อแม่ดุ หรือว่ามันไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ไม่รัก
      แต่มันหมายความ่วารักจึงต้องทำแบบนั่น

      การที่ทะเลาะกัน แต่ไม่หันหน้าเข้าหากัน
      บางครั้งมันก็อาจให้เรื่องราวไปกันใหญ่ เราเชื่อว่าคำว่าขอโทษ
      พ่อแม่คงจะ ไม่ว่าอะไร จริงๆ พ่อแม่ก็รักเราทุกคน

      เพราะเราเป็นคนใจแข็ง
      สามอาทิตย์เราเดินผ่านพ่อในบ้านโดนที่ไม่ได้คุยกัยเลย
      แม้แต่ทางโทรศัพท์ ที่ไม่มีเงิน พ่อรู้ว่าเราไม่ใช่
      พ่อก็เอาไปเติมให้เรา 300 แล้วเอามาให้ที่โรงเรียน ขณะที่
      ไม่รู้ลเยว่าเราเลิกใช้เพราะพ่อเป็นต้นเหตุให้เราเลิกใช้
      แล้วเรากลับพูดไปว่า "ไม่ใช่ตั้งหลายอาทิยต์แล้ว" แล้วสุดท้ายก็
      โยนใส่กระเป๋านักเรียนพร้อมปิดเครื่อง ตามเดิม แล้วเราก็ไม่ได้คุยกับพ่อจนถึงแต่
      เราคงผิดมาที่ทำอย่างนั้น พ่อเอามาให้เราพร้อมๆกับเติมเงิน 300 บาท
      แ่เรากลับบอกไปไม่มีขอบคุณซักคำ 

      เพราะทิถิ มันอาจทำให้เธอทำผิดพลาดเหมือนๆกับเรา
      เพราะความเย็นชาที่มากจนเกินไป 
      เพราะความใจร้อน เพราะเราไม่แคร์ใคร
      สุดท้ายมันอาจทำให้เธอนั่งเสียใจเหมือนเรา

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×