โลกที่หนึ่ง : นอกจากจะไม่มีคนตบมุกแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับความชิบหายอีก?
.
.
.
.
.
.
.
การเป็นเหวินซีหยวนนั้นเป็นเรื่องดี มีไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเช่นนี้ หือ...ว่าไงนะ?? โลกอื่นไม่ได้เกิดมาสบายเหรอ? พวกคุณอยากจะถามกันแบบนี้ใช่หรือเปล่า เอาจริงๆ หากเลือกเกิดได้เหวินซีก็อยากเกิดในโลกที่มีเงินให้ใช้ไม่ขาดแบบนี้อยู่ล่ำไปน่ะนะ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ไง! เบื้องบนแสนบัดซบไม่รู้รันโลกให้เขาโดยระบบปาลูกดอกหรืออย่างไร บางครั้งมันถึงได้น่าอนาถขนาดต้องไปคุ้ยถังขยะแข่งกับหมา ไปตบตีแย่งชิงอาหารลดราคาตามซุปเปอร์มาเก็ต ไปจนถึงการเป็นโสเภณีชายในตรอกแคบราคาแค่บุหรี่ซองเดียว! ไม่ล่ะ เขาจะไม่กล่าวถึงมันอีก เดี๋ยวพี่เก้าจะเอาเรื่องความชิบหายประชดชีวิตของเขามาพูดได้
[ตามสบายครับโฮสต์ ผมเหนื่อยจะพูดแล้ว] ระบบว่า
ว้า~ ไม่สนุกเลย
[แต่ถึงคุณจะใช้ชีวิตข้นแค้นผมก็เห็นคุณออกจะแฮปปี้ในทุกทุกโลก]
หากใจเราสุข ข้าวหมาก็อร่อย
[ถ้าตอนนั้นผมไม่ห้าม คุณก็จะกินหมาตัวนั้นแล้วครับโฮสต์] ระบบเตือนเรื่องเก่า
ไอ้ดำมันดูน่าอร่อยกว่าข้าวแดงคลุกน้ำซุบไก่อีกนะพี่เก้า! เหวินซีตาเป็นประกาย
[พูดกับโฮสต์แล้วผมป่วยจิต กรุณาสนใจพี่ชายกับพระเอกของคุณด้วย]
โอเค!
เหวินซียกยิ้มหว่านเสน่ห์ให้เหวินอวี้หยางกับจ้าวเฉินเฟยที่ร่วมรับประทานอาหารกับเขาบนเรือ มื้อนี้ทั้งโต๊ะอุดมไปด้วยเมนูคัดสรรจากปลาทะเล!
“พวกพี่ชอบปลาหรือเปล่า? สั่งอย่างอื่นบ้างก็ได้นะครับ ไม่ต้องเอาใจผมกันนักหรอก” แม้เขาจะชอบตกปลาและชอบกินปลา แต่จะให้กินทุกอย่างที่ทำจากปลาเขาก็เลี่ยนเป็นเหมือนกัน
“พี่ทานได้ เสี่ยวหยวนผอมเกินไปแล้วทานนี่ดูสิ” เหวินอวี้หยางพูดพลางหั่นแซลม่อนราดซอสทำจากไวน์แดงเป็นคำเล็กๆ วางลงในจานคนน้องย่างเอาใจ เหวินซีหนังตากระตุกมองชิ้นปลาในจานแล้วยิ้มฝืดอย่างตั้งรับไม่ทันกับการเอาอกเอาใจของคุณพี่ชายสุดหล่อ ฮัลโหล! มีใครสักคนหยิบยาลืมเขย่าขวดให้พี่ชายของเขากินเหรอ? ไทป์คนซึนหายไปไหนแล้ว? ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา
“อ่า... ขอบคุณครับ”
“ปลาทับทิมย่างเกลือนี่ก็อร่อยนะ ชิมดูสิ” จ้าวเฉินเฟยผู้ไม่ยอมน้อยหน้า ใช้ส้อมจิ้มเนื้อปลาทับทิมมาจ่อตรงปากเขา ฟินมันก็ฟินอยู่หรอกแต่มันเพี้ยนไปหมดแล้วหรือเปล่า? ขอถามอีกรอบนะเอาให้ชัวร์ บทนี้ของเขาไม่ใช่ว่าต้องเป็นคุณนางเอกเหรอ?
[จะถามให้ได้อะไร ในเมื่อโฮสต์ไม่ยอมเสียคะแนนซื้อคำตอบ? ทำตามใจคุณไปเลยครับ ส่วนผมขอหลบไปทำใจกับอนาคตข้างหน้าสักหน่อย เชิญตามสบาย] ระบบกล่าวเสียงตำหนิพร้อมกับตัดสัญญาณทิ้งไปแบบดื้อๆ เหวินซีกลืนน้ำลายอย่างวูบโหวง สังหรณ์ถึงเรื่องร้ายบางอย่างจนตาขวากระตุกถี่ยิบ ครั้นจะถามพี่เก้าให้หายข้องใจ พี่เก้าก็ดันชิ่งหนีเขาไปเรียบร้อย จากประสบการณ์อันโชกโชนในหลายโลกเซ้นส์ทางด้านนี้ของเขา เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นมักจะเกิดขึ้นจริง เป็นชนิดที่ว่าลากเข้าสู่ความชิบหายวอดวายไม่รู้ลืม
บัดซบ!! พี่เก้ากลับมาก่อน!! เหวินซีอ้าปากรับปลาทับทิมจากส้อมของจ้าวเฉินเฟยมาเคี้ยวช้าๆ สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกบอกไม่ถูก ขอร้องไห้ได้มั้ยแล้วหนูจะเป็นเด็กดี ฮือ~
“เป็นอะไร ไม่อร่อย?” จ้าวเฉินเฟยเห็นสีหน้ามืดมนลงของเหวินซีก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่อร่อยก็คายทิ้ง” เหวินอวี้หยางบอกพลางดึงทิชชู่มาส่งให้ เหวินซีส่ายหัวแค่นยิ้มบาง รสชาติปลาทับทิมถูกปากเขามากถ้าเป็นอารมณ์ปกติเขาอาจจะลืมอายโดยการกินมันอย่างคนตายอดตายยาก แต่ลางสังหรณ์ของเขาตอนนี้ทำให้ปากจืดสนิท เขารับทิชชู่จากพี่ชายสุดหล่อมามองพักหนึ่งก็อยากเอามาซับน้ำตาจริงๆ เสียดายที่พี่เก้าผู้น่าสงสารหนีเอาตัวรอดไปก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความสะใจดังก้องในหัว
.
.
.
.
.
.
ฟางหลี่หมิงลากกระเป๋าเดินทางขึ้นมาบนเรือก่อนจะโบกมือให้จิงเจี่ยนถิงที่โทรศัพท์ไปชวนเธอมาล่องทะเลเมื่อวันก่อนเป็นการปลอบประโลมเรื่องที่เธอถูกพักงาน ฟางหลี่หมิงไม่เชื่อว่าจ้าวเฉินเฟยจะเห็นใจเรื่องที่เธอโดนไป๋หลีเหอย่ำยีศักดิ์ศรีอย่างที่พูดจริงเพราะน้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับเธอนั้นแสนจะเย็นชาไร้หัวใจ! ความรู้สึกเธอตอนนั้นแทบอยากฉีกกระชากใบหน้านิ่งๆ กับความเย็นชานั่นให้อ่อนยวบอยู่ใต้เท้าเธอเหลือเกิน!
ไม่ตอบแทนความพยายามของเธอที่บากหน้าไปช่วยเหลือเหวินซีหยวนจนถูกทำร้ายเองแล้วยังคิดจะไล่เธอที่ช่วยผลักดันธุรกิจของเขาทุกวิถีทางให้ต้องออกจากงานทางอ้อมอย่างเลือดเย็นแบบนี้อีก เขาคิดว่าความรักของเธอเป็นอะไร?
“อาเจี่ยน ขอบคุณที่ชวนฉันนะคะ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าสามเดือนนี้ที่ต้องอยู่บ้านจะทำอย่างไรดี” เธอบอกพลางปล่อยให้จิงเจี่ยนถิงรับกระเป๋าของเธอไปลากแทน
“ไม่เป็นไร ฮ่าๆ ผมคิดว่าคุณจะปฎิเสธเสียอีก นี่ผมขอยินดีในความโชคร้ายของคุณที่ถูกพักงานได้มั้ยเนี่ย ผมรู้สึกดีใจมากจริงๆ นะ” จิงเจี่ยนถิงหัวเราะ คว้ามือจับหญิงสาวพาเดินไปด้วยกัน
ฟางหลี่หมิงแสดงสีหน้าเขินอายกับการเข้าถึงเนื้อถึงตัวของจิงเจี่ยนถิงเล็กน้อย ไม่ได้มีทีท่ารังเกียจรังงอนเขาเหมือนอย่างที่เคยทำตลอด เธอไม่จำเป็นต้องกลัวใครมาเห็นแล้วเอาเรื่องที่ใกล้ชิดกันนี้ไปบอกจ้าวเฉินเฟย คิดว่าการล่องเรือครั้งนี้คนรู้จักเธอคงมีไม่เยอะนักและพวกเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะปากเบาพูดเรื่องของคนอื่นได้หน้าตาเฉย อีกอย่างเธอยังสามารถใช้ข้ออ้างเดิมๆ ที่มาสนิทสนมกับชายคนนี้เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัทที่จะได้จากเรื่องที่เธอรู้ ในเมื่อไม่มีใครไปนั่งอยู่บนเตียงของนี่
“ฉันไม่รู้ว่าเอาเสื้อผ้าที่จะใส่มาพอมั้ย คุณบอกว่าเรือลำนี้จะเดินทางอยู่กลางทะเลสองอาทิตย์ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่แล้ว ส่วนเสื้อผ้าคุณสามารถซื้อมันได้บนเรือลำนี้ครับคุณผู้หญิง ผมไม่ว่าหรอกหากคุณจะเหมาพวกมันทั้งหมดที่มีอยู่บนเรือ” จิงเจี่ยนถิงหยอกเหย้าอีกฝ่าย แต่จริงๆ ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าฐานะของเขาสามารถซื้อเรือได้ทั้งลำ
“แค่ชุดใส่ในงานเต้นรำที่มีบนเรือก็พอค่ะ” เธอหัวเราะตอบด้วยใบหน้าแดงๆ และถึงจะบอกแค่ชุดสำหรับใส่ในงานเต้นรำ ทว่าบนเรือลำนี้ก็มีงานเต้นรำทุกคืน หญิงสาวนักธุรกิจที่มาเกิดใหม่ในโลกนี้จึงคิดถึงจำนวนเงินที่จิงเจี่ยนถิงต้องจ่ายก็แอบรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย “เดี๋ยวเราเอากระเป๋าไปเก็บแล้วไปทานอาหารกลางวันกันดีมั้ยคะ พอดีฉันตื่นเต้นมากจนไม่ได้ทานมื้อเช้ามาเลยและตอนนี้ก็หิวมากด้วย”
“ได้แน่นอน ถ้างั้นเดี๋ยวไปชั้นดาดฟ้ากันที่นั่นมีร้านอาหารที่คุณน่าจะชอบอยู่ด้วย เห็นว่าเมนูปลาทะเลเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เลย” จิงเจี่ยนถิงแนะนำอย่างอารมณ์ดี
“ดีค่ะ” ฟางหลี่หมิงพยักหน้าเดินตามการจับจูงของจิงเจี่ยนถิงไปยังห้องพักบนเรือ
.
.
.
.
.
.
เหวินซีหยวนคิดว่าเนื้อปลาบนโต๊ะที่กลืนลงไปนั้นช่างฝืดคอเหลือเกิน เขายกน้ำเปล่าขึ้นจิบขณะเฝ้ามองบริกรชายออกไปต้อนรับลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินควงแขนกันเข้ามาในร้าน ร้านกว้างขนาดขับรถสวนกันได้สิบคันทำไมต้องเจาะจงเลือกโต๊ะที่อยู่ติดกันกับโต๊ะของเขา?
ติ๊ง!
โอ๊ย มารดามันเถอะ!! เหวินซีสบถด่าเมื่อหน้าต่างแสดงภารกิจย่อยเด้งขึ้นมาตรงหน้า
‘ภารกิจผลักดันความหึงหวงระหว่างพระนาง’
พรวด!! น้ำในปากที่เพิ่งดื่มเข้าไปถูกเหวินซีพ่นออกมากลางโต๊ะอาหาร เฮ้! ช่วยบอกทีว่านี่ไม่ใช่การจงใจของเบื้องบน?!
“เสี่ยวหยวน!” เหวินอวี้หยางส่งเสียงร้องตกใจ ส่วนจ้าวเฉิงเฟยยื่นทิชชู่ส่งให้เงียบๆ และเสียงของคุณพี่ชายก็ดังมากพอที่จะเรียกให้ลูกค้าชายหญิงซึ่งกำลังจะเดินไปที่โต๊ะหันมามองพวกเขา เป็นการเผชิญหน้าที่เหวินซีอยากจะวิ่งแหกปากร้องไปรอบๆ เรือ
จิงเจี่ยนถิงขมวดคิ้วมองเหวินซีอย่างดุดันเมื่อฟางหลี่หมิงขยับถอยห่างออกจากเขา “ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่นะเหวินซีหยวน”
“อาเจี่ยน.....” เหวินซีอยากจะกรีดร้อง เขาแสร้งตีหน้าสลดเอ่ยชื่อของตัวร้ายอดีตคนรัก
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคนบัดซบอย่างแกเหมือนกันจิงเจี่ยนถิง” เหวินอวี้หยางกล่าวหน้าตาดุดันไม่ต่างกัน
“อ้าวคุณพี่ชาย คุณสบายดีเหรอ แปลกใจจังเลยที่เห็นคุณอยู่กับเหวินซีหยวน ไม่ใช่ว่าคุณสองคนไม่ถูกกันเหรอ” จิงเจี่ยนถิงหันไปทักทาย
“ฉันมีน้องชายคนเดียว” เหวินอวี้หยางบอกเสียงเหี้ยม
“คุณนี่มันใจแคบอย่างที่เหวินซีหยวนเคยพูดไว้ไม่มีผิด ตกลงผมจะไม่นับญาติคุณก็แล้วกัน”
เหวินซีก้มหน้ามองสองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก ท่าทางแบบนี้ของเขาไม่ใช่อาการของคนเสียใจแน่นอน เพราะไม่รู้ต้องเอาอะไรมาเสียใจจริงมั้ย? เขาแค่กำลังขบคิดปัญหาปวดหัวที่จะตามมาหากเขาเผลอทำภารกิจล่มโดยตั้งใจต่างหาก
“อิ่มหรือยัง?” จ้าวเฉินเฟยเอ่ยถามคนที่นั่งก้มหน้าเงียบ ไม่แม้แต่จะปรายตามองฟางหลี่หมิงที่ขยับเข้ามายืนข้างเขาสักนิด
“ประธานจ้าว ฉัน...” หญิงสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ เธอไม่คาดว่าจะได้มาเจอกับจ้าวเฉินเฟยตรงๆ เช่นนี้
จิงเจี่ยนถิงเห็นฟางหลี่หมิงพยายามเรียกหาจ้าวเฉินเฟยต่อหน้าต่อตาเขาก็กำหมัดไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นอีก “โอ้ คุณก็อยู่ด้วยเหรอประธานจ้าว ขอโทษทีนะที่ยึดตัวเลขาของคุณมาวันนี้”
“เอาของหวานมาล้างปากหน่อยมั้ย?” จ้าวเฉินเฟยยังคงตั้งหน้าตั้งตาถามคนก้มหน้าอย่างไม่สนเสียงนกเสียงกาที่ลอยมาเข้าหู
“เสี่ยวหยวนอยากออกไปเดินเล่นรอบๆ เรือหรือเปล่า?” เหวินอวี้หยางหันมาสนใจถามบ้าง
เหวินซีเงยหน้าขึ้นมายิ้มน้อยๆ แสร้งว่าตัวเองนั้นอ่อนแอเสียเต็มประดา ส่วนข้างในใจเขาเหรอ? อยากกลับไปวางมวยกับเบื้องบนให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย!
หิวข้าววววววว????????????