ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจปราถนา

    ลำดับตอนที่ #3 : แสนระทึกใจ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 54


    3

                    รันจ้องมองกองหนังสือที่ถูกส่งเข้ามาใหม่ เธอเดินไปลากบันไดยาวขนาดใหญ่กว่าตัวมาใกล้ๆชั้นไม้ที่ใช้สำหรับวางหนังสือหมวดวรรณกรรมแปลของประเทศอินเดีย แต่พอดีมันอยู่สูงขึ้นไปถึงชั้นที่สาม เธอจึงจำเป็นต้องใช้บันใดเข้ามาช่วย แต่ที่เธอดูจะหงุดหงิดเห็นจะไม่ใช่งานที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แต่เรื่องที่กวนใจเธอที่สุดก็คือพรุ่งนี้แล้วที่เธอต้องไปพบญาติๆในงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้น เธอไม่อยากเจอใครนักหรอกถ้าให้เลือกเธอเลือกที่จะไม่ไป นอกจากคุณป้าบริน่าแม่ของมาเรีย เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเจอญาติๆเป็นต้องหาทางจับคู่ให้เธอไม่หยุดหย่อน หน้าเบื่อจนระยะหลังๆเธอมักไม่ไปงานเลี้ยงของที่บ้านเอาดื้อๆ ถึงมาเรียจะคอยตื้อให้เธอไปก็ตามแต่สงสัยงานนี้เธอเห็นจะลอดยาก

                    มาตินนอนเอกเขนกบนโซฟาข้างหน้าต่างตัวโปรด เขาเอาหนังสือปิดหน้าไว้ แต่ไม่ได้สนใจกับมันมากนัก สิ่งที่เขาสนใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาภายในห้องวรรณกรรมเก่า สิ่งที่ทำให้เขามาประจำอยู่ที่นี่ไม่ใช้เพียงความเงียบสงบของมันเพียงอย่างเดียว แต่มันมีแรงดึงดูดจากร่างบางแสนสวยเย้ายวนใจที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เขานอนอยู่มากนัก

                    ‘นี่เจ้าหล่อนคิดว่าเขาคงหลับอยู่เลยไม่สนใจ ทุกทีเห็นต้องมองจ้องมาทุกครั้งที่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเขานัก ออกจะดูเหมือนรังเกียจเสียด้วยซ้ำ

                    เท่าที่ดูเธอมักจะหลีกเลียงการที่จะพูดคุยกับเขามันก็ตลกดี ทุกครั้งที่ถามเธอก็จะตอบเหมือนขอไปทีเหมือนคำถามของเขามันไม่สำคัญอะไรนักหนา

                    มาตินสงสัยว่าตัวเขามีอะไรบกพร่องบ้าง เห็นจะไม่มีด้วยซ้ำเมื่อเขาเดินไปทางไหนสาวๆแทบทุกวัยทุกระดับชั้นเป็นต้องหันหลังกลับมามองทุกครั้งแถมเสนอตัวให้โดยที่ไม่ต้องบอกกล่าวสิ่งใดเลย หรือเมื่อเขาต้องการสิ่งใดไม่ว่าอะไรเป็นต้องมีคนเสนอเข้ามาช่วยทั้งๆที่ไม่ต้องบอก แต่สาวสวยร่างบางนางนี้สิ มองดูเขาเหมือนเป็นตัวปัญหาที่น่ารังเกียจคอยหลบเลี่ยงการอยู่ใกล้ตลอดเวลา แถมสายตาที่เจ้าหล่อนมองก็แสนจะบาดใจ เหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างไรก็ไม่ปาน ก็ดีไปอย่างที่เธอไม่สนใจ

                     มาตินคิดว่าตัวเขาแอบมองอย่างนี้มันก็ดีไปอย่าง ได้เห็นทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งการเดิน แม้แต่ตอนเธออ่านหนังสือแล้วหัวไปโขกกับโต๊ะทำงานของเธอเองมันดูตลกเป็นบ้า เขาก็ยังอุส่านั่งมองเธอเวลาหลับนานเป็นชั่วโมง เธอคงไม่รู้อะไรเลยอยู่ดี เวลาหลับเธอดูไรเดียงสาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ เขาชอบดูใบหน้างามเวลาหลับ หรือแม้แต่เวลาที่เธอทำอะไรชุ่มชามโดยบังเอิญแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนมันจะบ่อยไปสักหน่อยสำหรับความซุ่มชามของเธอ สาวร่างบางนี้สุดแสนจะชุ่มชามมากกว่าที่เขาเคยเจอ เธอมักจะเดินสะดุดหกล้ม ชนตู้หนังสือบ้าง เตะโน้นเตะนี่บ้าง หรือไม่ก็ตกจากบันไดชั้นที่เอาไว้สำหรับปีนจัดเก็บหนังสือบ้าง เท่าที่มาตินเห็นมันเป็นเพราะความไม่รู้จักระวังของเธอเอง ถ้าเพียงเธอรู้จักระวังสักนิดอุบัติเหตุต่างๆมันคงไม่เกิดขึ้นหรอก

                         รันเก็บหนังสือวรรณกรรมประเทศอังกฤษเข้าชั้น มันอยู่บนชั้นสูงสุดเป็นเหตุให้เธอต้องยื้อยืดตัวขึ้นสูงเพื่อจะได้จัดมันให้เข้าที่ได้ แต่เธอลืมไปว่ารองเท้าที่เธอใส่มันเป็นรองเท้าส้นสูง เธอคิดว่าเก็บเพียงแปลบเดียวไม่ต้องเปลี่ยนรองเท้าก็น่าจะได้ แต่เธอคิดผิดเพราะตอนที่เธอเหยียบบันไดขั้นสุดท้ายส้นรองเท้าเธอพลาดไถลเลื่อนไปข้างหนึ่งจนมันทำให้เธอเสียหลักพลาดหล่นจากบันได ชั้นที่สี่

                         “ผลัวะ”

                          ว้าย...   เสียงร้องลั่น เป็นเพราะความตกใจของเจ้าตัว

                         รันเธอหลับตาแน่น เธอคิดอย่างเดียวว่าคงเจ็บมากแน่ๆเพราะมันสูงมากอย่างน้อยแขนหรือขาต้องหักอะไรสักอย่างเป็นแน่  แต่มันไม่เจ็บเลยสักนิด หรือไม่เธอก็อาจหมดความรู้สึกไปแล้วเพราะตัวเธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด 

                          รันค่อยๆลืมตาขึ้นดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ตัวเธอลอยอยู่บนอากาศ และมันก็อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่ดูแข็งแกร่งทรงพลัง กลิ่นหอมของน้ำหอมราคาแพงโชยเข้าเตะจมูกคู่สวย

                         ยายโง่...   ร่างบางสะดุ้ง

                         “เธออยากตายมากหรือไงถึงได้ทำอะไรโง่ๆแบบนี้   

                         เสียงเข้มตวาดลั่น ทำให้รันตกใจตื่นจากภวังค์ รันคิดว่าเธอไม่ได้ตกใจที่เธอตกจากบันใดหรอก แต่เธอตกใจเสียงตะวาดของเขามากกว่า

                         “ให้ตายไม่มีหัวคิดชะบ้างเลยจริงๆ” มาตินสถบเสียงเครียด

                         ‘อะไรกันตาบ้านี้ อยู่ๆก็มาว่าฉันเป็นชุด

                         นี่คุณ...   รันตวาดลั่น

                         รันเริ่มจะรู้สึกตัวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน รันเริ่มดิ้นขลุกขลุกเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น แต่มันเหมือนไล้ผลเขายังคงกอดกระชับแถมแน่นมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

                         ยายโง่เธอคิดว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่”

                         “เธอนี่มันโง่หรือไม่มีหัวคิดกันแน่”

                         “เอะ...”   รันกัดฟันกรอด

                         “ ใครเขาทำกันบ้างใส่รองเท้าประเภทนี้ขึ้นไปบนบันใดเธอโง่หรือเซ่อซ่ากันแน่ฮึ   เขายังคงดุตะคอกเธอเสียงเข้ม ตวาดลั่นไม่หยุด รันกะพริบตา

                           แล้วมันเรื่องอะไรของคุณกันล่ะ”

                         “ ปล่อยนะ...”

                         “ปล่อยสิ    รันประท้วงเสียงแข็ง เธอดิ้นรนแต่ก็ดูจะไล้ผลตามเคย เธอได้แต่ร้องเสียงลั่น

                         ตอนแรกมาตินอยากจะปล่อยเธอลง แต่พอคิดอีกทีความหมั่นไส้และยังสัมผัสที่ได้แตะต้องเธอตรงๆมันแสนหอมหวานยากเกินกว่าที่จะปล่อยร่างบางลงได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกายที่หอมหวานชวนดม หรือแม้แต่กลิ่นหอมของแชมพูที่เธอใช้ เนื้อตัวก็สุดแสนจะนุ่มนิ่มเสียจนเขาอยากที่จะแกล้งเธอต่อ จึงอุ้มเธอไว้เสียอย่างนี้ไม่ปล่อยง่ายๆ แต่พอร่างบางดิ้นมากเข้าเขาก็แกล้งกอดลัดให้แน่นยิ่งขึ้น

                         ปล่อยเดียวนี้นะเด็กบ้า  รันตะโกนใส่หน้ามาติน

                          หือ...

                          “อะไรนะ”

                         มาตินเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่งใบหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้น เธอเรียกเขาว่าเด็ก ให้ตายตัวเธอเองต่างหากที่ยังดูเด็กกว่าเขาเสียอีก ยังมีหน้ามาเรียกเขาว่าเด็กอีกงั้นเหรอ ดูใบหน้าก็น่าจะเด็กกว่าเขามากเสียด้วย ให้ตายเธอกลับมาว่าเขาเป็นเด็ก มาตินคิดว่าเขาควรหัวเราะออกมาดังดีไหม

                         ใครกันเด็กคุณหรือผม”

                         “ก็คุณนั่นแหละจะใคร คุณนั่นแหละเด็ก”

                         “ คุณเรียกผมว่าเด็กงั้นเหรอ  มาตินก้มใบหน้าลงถามเสียงเข้ม

                         ใช้แล้วคุณเป็นนักศึกษาของที่นี่ไม่ใช่หรือไง ฉันพูดผิดตรงไหน   รันเชิดหน้าตอบ

                          ใช่”

                         “ หรือจะไม่ใช่ดี   มาตินยียวนพร้อมกับพยายามยิ้ม

                         “เอะนี่คุณ”

                          แล้วใช่ไหมล่ะ   รันแหวกกลับเสียงแหลมดัง

                         เสียงดังชะมัด ตัวก็เท่ามด

                         นี้ปล่อยฉันลงนะ

                         “ทำไม”  มาตินกวนไม่เลิก

                         “อะไรของคุณ”  รันถาม

                         “ก็ทำไมผมต้องปล่อย”

                         “เอะ...”

                         “หยุดนะ...” รันสะดุ้งที่อยู่ใบหน้าหล่อก็ก้มลงหา เธอเกร็งตัวแน่น

                         “นั่นอะไร”  มาตินถาม

                         “อะไร”

                         “ก็ที่คุณกำลังทำอยู่นี่ คุณคิดว่าผมกำลังจะทำอะไรคุณหรือไง” 

                         มาตินยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย  รันกัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ

                         ปล่อยๆ”

                         “ปล่อยๆ

                         รันร้องทั้งเตะทั้งข่วนไม่หยุดเพราะความเจ็บใจ และสิ่งที่เธอไม่คาดคิด อยู่ๆมาตินก็ปล่อยเธอลงเสียเฉยๆแบบไม่ได้ตั้งตัว

                          ว้าย”    ร่างบางสวยของรันลงไปนอนกองกับพื้น

                          “เด็กบ้า...

                          ฉันเจ็บนะ...”

                         “อะไรของนายเนี้ย   รันร้องโอดโอย มาติเดินจากไปเฉยโดยไม่พูดอะไรต่อ

                         ตาบ้าเอ้ย ดูสิปล่อยมาได้เจ็บเป็นบ้า อะไรของเขานะคิดจะปล่อยก็ไม่บอกกันก่อน โยนโคมลงมาได้’   

                         รันบ่นพึมพำ มือเรียวบางจับสะโพกที่ขัดยอกด้วยความเจ็บ สายตาคู่สวยมองตามร่างสูงใหญ่สง่างามออกไป

                        

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                         รันจ้องมองเสื้อผ้าสวยๆที่อยู่ในตู้มันทำให้รันมองย้อนกับไปสมัยก่อนๆ รันยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีมากทีเดียวถ้าเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆทั่วไป และนั่นมันมักเป็นคำชมที่ติดปากของอรันญาติผู้พี่ของเธอเสมอ พอนึกถึงอรันมันทำให้เธอรู้สึกผิดที่ไม่ยอมบอกเขาเลยว่าเธออยู่ที่ไหนต้องแต่เรียนจบ แต่ถึงอย่างนั้นอรันก็ยังคงห่วงใยเธอเสมอไม่เปลี่ยน เพราะเสื้อผ้าทั้งหมดในตู้ของเธอมันเป็นฝีมือการออกแบบมาสำหรับเธอ และมันมีเพียงตัวเดียวในโลก เสื้อผ้าพวกนี้อรันเป็นคนออกแบบและตัดเย็บให้เธอเองทั้งสิ้น ถึงอรันจะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนแต่เขาก็จะส่งเสื้อผ้าพวกนี้มาให้เธอที่ร้านประจำในเมืองเสมอชึ่งเขารู้ดีว่ารันจะต้องออกไปเอามัน

                         รันจำเป็นต้องปิดห้องวรรณกรรมเร็วกว่าปกติเพราะวันนี้เธอต้องรีบไปให้ทันนัดกับมาเรียไม่อย่างนั้นญาติเธอคนนี้แหกอกเธอตายแน่ เพราะหล่อนนัดช่างตัดเสื้อไว้ให้และเธอก็ต้องไปลองมันด้วยตัวเอง รันไม่ชอบให้มันยุ่งยากมากนัก แต่ก็ต้องไปมันเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว ไหนจะคุณลุงคุณป้าบริน่าแม่ของมาเรียอีก เธอไม่อยากทำให้ท่านเสียหน้า ที่หลานสาวทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย ไหนๆพวกท่านก็ดูแลเธอแทนบิดาและมารดาของเธออยู่แล้ว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรต้องไม่ทำให้พวกท่านเดือนร้อนหรือเสียใจเป็นอันขาด

                         รันปิดไฟทุกดวง เธอเดินตรวจตราดูว่ามีใครที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ที่จริงเธอไม่ต้องตรวจดูก็ได้เพราะคงไม่มีใครขึ้นมาใช้ห้องนี้อยู่แล้ว ใครกันจะอยากเข้ามาที่ห้องวรรณกรรมเก่าโบราณแบบนี้นอกจากเธอเอง ในเมื่อมีอาคารหอสมุดใหม่ที่มีทุกอย่างครบวงจรแสนสบายอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละหน้าที่และความรอบครอบ บอกให้เธอควรตรวจเช็คให้เรียบร้อย

                         รันเดินไปทางด้านในสุดของห้อง ที่เดียวที่เธอไม่อยากที่จะเดินเข้าไปเท่าไหร่นัก ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอออกจะชอบมันมาก แต่เป็นเพราะเจ้าเด็กป่าเถื่อนนั้นทำให้เธอไม่อยากที่จะไปตรงนั้นอีกเลย  เธอไม่อยากเห็นหน้ายียวนกวนประสาทของเขาอีก 

                         คงเป็นเพราะเหตุนี้ถ้าเขาอยู่ตรงบริเวณนั้น เธอก็จะพยายามเลี่ยงไปให้ไกลๆ เธอจะไม่เดินเฉียดไปแถวนั้นเป็นอันขาด แต่บางทีเธอไม่เดินไปเขาก็เดินมาแกล้งเธอชะอย่างงั้น โดยแกล้งทำหนังสือในชั้นที่เธอกำลังจัดอย่างเรียบร้อยตกกระจัดกระจายไปทั่วทำให้เธอต้องตามเก็บจนเหนื่อย ถึงอย่างนั้นรันคิดว่าเธอจะไม่คุยกับคนอย่างเขาเด็ดขาดถึงเขาจะแกล้งเธอมากแค่ไหนก็ตามที  ไม่ใช้เรื่องยากสักนิดเขาทำตกเธอก็เก็บมันเสียก็แค่นั้นเอง  เขาแกล้งได้เธอก็แกล้งไม่สนใจได้เหมือนกัน   เขาแกล้งร้องเพลงเสียงดังรบกวนสมาธิเวลาเธออ่านหนังสือ เธอก็ไม่สนใจยังคงอ่านหนังสือของเธอไปเลื่อยเหมือนเสียงของเขาไม่สามารถทำลายความสุขของเธอได้

                         อีกอย่างถึงเขาจะทำเสียงดังก็เท่านั้น เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาอยู่แล้ว มันก็ไม่มีปัญหาอะไรต่อเมื่อไม่มีใครได้รับความเดือดร้อนเธอก็ไม่ต้องทำอะไรเพื่อให้เขาสงบลง  เขาเองต่างหากที่ต้องอับอายที่เธอไม่ให้ความสนใจเลยสักนิด รันรู้ว่าเธอควรทำตัวแบบไหนเมื่อเขาเข้ามาใกล้ เธอก็จะแสร้งเดินหนีเสียเหมือนเขาไม่ได้อยู่ที่นั้นด้วย เธอทำเหมือนงานเธอยุ่งมากเสียจนไม่ต้องการเสวนากับคนอย่างเขา และถ้าเขายังไม่รู้ตัวอีก เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะตัวเขาเองทำให้เธอไม่ถูกชะตาด้วยตั้งแต่แรก แต่ช่างเถอะคิดไปก็ดูเหมือนจะเปลืองสมองเปล่าๆ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากคิดถึงคนอย่างเขาด้วย

                         เท้าบางชะงักความคิดของเธอสะดุด สาเหตุคงเพราะร่างสูงใหญ่กำยำที่นอนเอกเขนกบนโซฟาสีเลือดนกนั่นเอง เขานอนด้วยท่าทางแสนจะสบาย

                         ใบหน้างามสวยสายไปมาด้วยความละอาเต็มที่ นี่เธอกำลังคิดถึงความร้ายกาจของเขาอยู่หยกๆ ก็ต้องมาเจอตัวเป็นๆนอนหลับสบายอยู่ตรงหน้าอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวมันน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก

     ให้ตายสิฉันจะทำยังไงดีกับหมอนี่ดีนะ

                         รันเดินเข้าไปใกล้จึงได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ แสดงว่าเขานอนหลับอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้เธอต้องปิดห้องและต้องไปเดียวนี้ด้วย มาเรียกำลังรอเธออยู่ที่ร้านตัดเสื้อเธอรู้ดีว่าไม่ควรทำให้มาเรียโมโหหงุดหงิดอีกหลังจากเรื่องเมื่อกลางวันที่ทำให้มาเรียต้องหัวเสียอย่างแรง กับเรื่องของหนุ่มๆ วันนี้เธอต้องรองชุดและรับชุดมาเลย เธอไม่อยากเสียเวลาเข้าเมืองไปเอาอีกรอบ ถึงเวลาเธอก็อยากขับรถออกต่างจังหวัดเลยไม่อยากย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา

                          “นี่คุณ...    รันตัดสินใจปลุกเขาให้ตื่น

                          “คุณ...”

                         “ตื่นได้แล้ว”   

                         รันตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ  เขย่าแขนให้เขาตื่นเพราะแค่เสียงคงไม่ทำให้เขาตื่นง่ายๆ  แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอทำมันไร้ผล ร่างสูงใหญ่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง รันพ่นลมหายใจออกมาแรงขัดใจ

                         “เด็กบ้านี่”

                         “จะอะไรกับฉันนักหนานะ....   รันบ่นพึมพำอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นักกับการที่เธอต้องมาเสียเวลาอยู่แบบนี้

                         ให้ตายสิ”

                         “นี่...คุณตื่นได้แล้ว...  

                         รันเขย่าแขนหนักขึ้นเพื่อให้เขารู้สึกตัว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเช่นเดิม ร่างใหญ่นั้นยังคงนิ่ง แต่เสียงหายใจสม่ำเสมอเมื่อคู่หายไปแล้ว รันมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างพิจารณาเธอมองเรียวปากหนาได้รูปเป็นกระจับของเขาที่ตอนนี้มันขยับไปมาเล็กน้อย อยู่ๆใบหน้าของเธอก็ร้อนวูบขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ รันสะบัดศีรษะให้หายคิดฟุ้งซาน แล้วกลับมาปลุกเขาต่อ

                         ให้ตายสิ...

                         รันสบถเบาๆ เธอชะเง้อหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ ว่าเขาหลับจริงไหม ทำไมเธอปลุกขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นเสียที หรือเขาจะแกล้งทำเป็นหลับเพื่อตบตาเธอ แต่เทาที่เห็นตาของเขาก็ปิดสนิทดี

                         ว้าว

                         ‘ผู้ชายอะไรขนงอนยาวตาสวยเป็นบ้า 

                         ‘อย่างกะผู้หญิงแนะ สวยจัง

                          ‘คนอะไรหลับเป็นตาย

                         ว้าย...

                         รันตกใจเพราะอยู่ๆชายที่เธอคิดว่าตอนนี้หลับ อยู่ๆก็ลืมตาขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หัวใจเธอกระตุกใจหายวาบในหัวของเธอว่างเปล่าลืมจนหมดสิ้นคิดอะไรไม่ออกนอกจากความอับอาย ใบหน้าเรียวบางแดงเป็นลูกแอปเปิลสุก มันร้อนผ่าวไปหมด

                         ตอนนี้ใบหน้ารันห่างจากใบหน้าหล่อเหลาของมาตินไม่ถึงคืบ ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกเพราะสายตาคมกริบที่จ้องมองเธออยู่ มันเหมือนสะกดให้เธอหยุดอยู่กับที่ไม่ไหวติง และสิ่งที่ทำให้ช็อกหนักยิ่งกว่าเดิมทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิง เพราะอยู่ๆริมฝีปากของหนาก็ประกบลงบนเรียวปากนุ่มนิ่มอย่างตั้งใจ

                         รันดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีด เสียงเธอประท้วงดันอกแข็งแกร่งออกอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนมือของเธอไร้เรียวแรง ถึงมันจะมีแรงมากกว่านี้ มันก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้ รันรู้ดีถึงข้อนี้ดี เพราะมือที่แข็งปานเหล็กไหลกอดรัดแน่นหนามากเสียจนเธอขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลย รันพยายามจะร้องออกมาแต่มันไม่เป็นผล เสียงของเธอถูกเขาดูดกลืนหายไปหมด ริมฝีปากของเขาปิดแน่น ปลายลิ้นค่อยๆลูบไล้เรียวปากบางยอกเย้า แต่แล้วอยู่ๆเรียวปากแข็งก็บดขยี้เรียวปากบางความรู้สึกเจ็บทำให้รันต้องร้องออกมาเพื่อประท้วง  จุมพิตรุนแรงเรียกร้องอย่างเชี่ยวชาญ จนรันหมดแรงต่อต้าน เขากอดเธอชิดมากขึ้น จนทำให้ยอดอกคู่งามเสียดสีกับแผ่นอกกว้างอย่างตั้งใจ

             รันหมดแรงเคลื่อนไหวเธอเอื้อมมือไปผลักเขาแต่มันไม่มีแรงเอาเสียเลย มือของเขาเสียอีกที่เลื่อนลงมาจับมือเรียวบางของเธอไว้ดึงมันไปไว้ด้านหลัง รั้งให้ร่างบางล้มทับอยู่บนตัวแนบเข้าหาเขาอย่างสนิทแนบแน่น  ผิวเนื้อนุ่มนิ่มบอบบางของเธอประทะกล้ามเนื้อที่แรงแข็งขึงที่ตื่นตัวของเขาอย่างเห็นได้ชัด

                         เห็นไหมเจ้าหญิงคุณทำอะไรกับผม

                         มาตินกระซิบแหบพร่าเสียงรัญจวน ลิ้นโลมเลียสำรวจควานหาความหอมหวานจากริมฝีปากบางอย่างพึงพอใจ รันชะงักลมหายใจเธอเปล่งเสียงกึ่งครางสะอื้น เธอมารู้ตัวสายเกินไปเสียแล้วว่าไม่ควรมาที่นี่เลยตั้งแต่ตอนแรก เธอควรจะเดินเลี่ยงไปเสีย

                         รันตกใจกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่แสนจะวาบหวามนี้มันทำให้เธอหายใจไม่ออกและอึดอัดไปหมด รันตัวสั่นและน้ำตาคลอเต็มดวงตาคู่สวย ริมฝีปากหนาหยุดชะงักเมื่อลิ้นของเขาสัมผัสกับรสเค็ม เขาประกบปากแน่นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเยื้อน เขาส่งเสียงครางแผ่วเบาสบถ กอดรัดร่างบางโดยอัตโนมัติและปลอบโยน

                         มาตินถอนริมฝีปากออก อ้อมกอดเขายังคงกระชับเช่นเดิม เขากอดเธอไว้แน่นเหมือนรักใคร่เธอมากมาย รันซบหน้ากับอกกว้าง สะอื้นเบาๆอย่างขวัญเสีย

                         โธ่เอ้ย ...”

                         “เจ้าหญิง คุณโตขนาดนี้แล้วยังเดียงสาได้ขนาดนี้เชียวหรือนี่   มาตินบนพึมพำกับเรือนผมหอมกลุ่นนุ่มนิ่ม

                         คุณพระช่วย...”

                         “ผมจะทำไงกับคุณดี”   

                         เสียงแหบพร่าอย่างควบคุมอารมณ์ มาตินรู้สึกได้ว่าร่างบางเริ่มขัดขืน พยายามผลักดันเขาออกห่าง

                         ทำไมผมจึงรู้สึกถึงความอ่อนโยนอันนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมกอดคุณไว้ในอ้อมแขนนะ” 

                          เขาถาม ริมฝีปากซุกไซร้ลงมาอยู่ที่ข้างใบหูบาง ขบมันเล่นเบาๆ เป็นผลให้ร่างบางตัวแข็งเกร็งทื่อขึ้นทันที  ใบหน้าแดงก่ำ ด้วยความเขินอาย

                         “คุณช่างแสนหวานเหลือเกิน”

                         “ ผมจะทำยังไรกับคุณดี”

                         “เฮ้ย”

                         “ คุณแสนจะเปราะบาง ผมกลัวว่าจะทำคุณแตกหักเสียก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรกับคุณเจ้าหญิง   มาตินสูดความหอมหวานเข้าเต็มปอด

                          อะไรค่ะ ...?”  

                         รันถามทั้งน้ำตา เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิดเธอรู้เพียงว่าตอนนี้เธอรู้สึกสับสนกับอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นเรื่องต่างๆ  มันแปลกใหม่สำหรับเธอ จนมันทำให้เธอตั้งตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปดี

                         คุณนี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ”

                         “ นี่คุณเคย....”

                         “เอ่อ...”

                         “ช่างเถอะ  

                         ถ้าเขาขืนถามหรือพูดอะไรออกไปตอนนี้หญิงสาวที่เขากอดอยู่เป็นได้เตลิดไปไกลอย่างแน่นอน ทางที่ดีมาตินคิดว่าเขาควรจะหยุดพูดอะไรแบบนี้เสียจะดีกว่า

                         อะไรค่ะ...?”

                          รันยังคงสงสัย คำพูดของเขาทำให้เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่นั่นมันไม่สำคัญ ที่สำคัญเธอควรไปได้แล้วก่อนที่ร่างกายของเธอจะละลายหายไป   เพราะตอนนี้หัวใจแทบจะระเบิดออกมาด้านนอกจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน

                         เอาเถอะ”

                         “ถึงผมพูดอะไรไปคุณคงไม่เข้าใจอยู่ดี   มาตินยังคงกอดร่างบางนิ่งไม่ปล่อย

                         “เอาเป็นว่า  คุณทำให้คนอย่างผมหลงไหลก็พอ”

                         “และ...”  มาตินสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมเข้าปอดด้วยท่วงท่าชวนฝัน

                         “ดูเหมือนมันจะมากเสียด้วย เจ้าหญิงผมไม่เคยต้องการใครเท่าคุณ”

                         “อะไรคะ”

                         “ฉันไม่เข้าใจ  ก็เราพึ่งจะรู้จักกันแล้ว...” 

                          รันคิดว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนอยู่ดีๆเขาก็มาบอกว่าหลงไหลเธอชะงั้น  แถมยังบอกว่ามากอีก ให้ตายเธอกับเขาแทบไม่กินเส้นกันเลยด้วยซ้ำ อยู่ดีๆเขาก็มาทำเรื่องแบบนี้กับเธอเฉยเลย

                         ปล่อย”

                         “ฉันเถอะค่ะ...   รันอ้อนวอนเสียงแผ่วเบา

                         “ผมอยากกอดคุณไว้แบบนี้นานๆไม่ได้หรือฮะ” 

                         มาตินอ้อนกระชิบริมฝีปากบาง เล่นเอาร่างบางเกร็งอีกรอบด้วยความตกใจแกรมวาบหวาม รันรู้สึกว่าลมหายใจที่เป่ารดใบหน้างามของเธอมันร้อนๆพิกลทำให้เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว

                         “นะฮะ”   มาตินออดอ้อนเสียงแหบพร่าชิดริมฝีปากบาง

                         “ฉัน...”  รันหันหน้าหนีเธอพยายามจะพูด

                         “คือฉัน..ธุระ..มัน”

                          เสียงของรันสั่นสะท้าน คำพูดที่เธอคิดว่าจะพูดดูเหมือนมันจะหายไปจากสมองของเธอหมดสิ้น จนเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปมันคืออะไร

                         ได้โปรด...    รันดันน่าอกของมาตินออกเพื่อจะได้สบสายตาได้ชัดขึ้น

                         มาตินมองสาวแสนสวยร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด แขนตั้งสองข้างของเขาคลายการโอบรัดลงหลังจากประสานสายตาคู่สวยที่อ้อนวอนอยู่  เมื่อเขาดันร่างบางออกห่างเล็กน้อย จังหวะนั้นเอง รันได้โอกาสเธอลุกขึ้นยืนทั้งที่แข้งขาดูมันจะไม่เป็นใจนักเพราะมันสั่นไปหมด แต่เธอต้องทำใจให้เข้มแข็ง เพราะนี้คือโอกาสรอดเพียงโอกาสเดียวของของเธอ

                          ฉันรีบ”

                         “ ถ้าคุณจะกรุณาเมื่อออกไป...กรุณาปิดประตูให้ด้วย ห้องนี้มันล็อกอัตโนมัติ”  

                         รันบอกออกไปเสียงสั่น ถึงเธอจะทำได้ดีแต่ก็ยังยากที่จะควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติได้ แข่งขาก็สั่นไปหมดจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่

                          ให้ตายเมื่อตระกี้เห็นกลัวอย่างกับลูกนก แต่ตอนนี้กลับทำตัวแข็งแกร่งขึ้นมาเชียว   มาตินมองตามร่างบางอย่างฉงน

                         รันออกมาจากห้องขาเธอก็อ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้นทันที หัวใจเธอแทบเต้นออกมาทะลุด้านนอก มันเกิดอะไรขึ้นกับเขานะอยู่ๆถึงกล้าดีมาทำนิสัยป่าเถื่อนแบบนั้นกับเธอได้

                         คนบ้า.....  

                         รันร้องขึ้นดังลั่นสุดเสียง อย่างโมโหสุดขีดอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่นอกจากจะตะโกนออกมาเสียงดังๆให้หายคับแค้นในอก

                         เสียงเล็กดังถึงกับทำให้คนนั่งนิ่งในห้องสะดุ้งที่ได้ยิน มาตินวิ่งออกมาหน้าห้อง เพราะเขารู้ว่าแม่ตัวดีต้องอยู่หน้าห้องอย่างแน่นอน  แต่ก็ไร้วี่แววเพราะด้านหน้าไม่มีใครอยู่เลย นอกจากพื้นที่ว่างเปล่า

                         “แม่ตัวดีหายตัวเร็วจริงๆนะ

                         “คุณจะต้องเป็นของผม   รัน เอ็ดมัน ผมขอสัญญา คุณจะต้องเป็นของผมจนได้ 

                         มาตินเงยหน้ามองป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าประตูห้องวรรณกรรมอย่างหมายมั่น เขาต้องเอาเธอมาเป็นของเขาจนได้ และสิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของถ้าเขาอยากได้ก็ต้องได้มาไว้ในกำมือในที่สุด รอยยิ้มแห่งชัยเกิดขึ้นบนมุมปาก

       

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×