คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
‘นิสัยส่วนตัว’
*หมายเหตุ สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่ได้มีปรากฎอยู่ในหนังสือพิมพ์ฉบับใดทั้งสิ้น เพราะในความจริงแล้ว นักข่าวเหล่านั้นคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อยี่สิบสองนาฬิกาสามนาทีตามเวลาของไทย
เพื่อเป็นวิทยาทานในการเอาตัวรอดจาก ซอมบี้
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
1.
10.03 PM
Dawn of the Dead
เสียงลมแผ่วเบาในยามกลางคืนปลุกให้แจนตื่นด้วยความสะลืมสะลือ เธอพยายามประคองสติตัวเองแล้ว แต่ก็พบว่ามันทำได้ยากกว่าข้อสอบคณิตศาสตร์เมื่อเช้านี้เสียอีก เธอไม่ห่วงตัวเองที่เอาหน้าแนบกับพื้นแล้วจะเป็นสิวซักเท่าไหร่ เพราะนั่นเทียบไม่ได้กับสัมผัสแปลกประหลาดที่คอยแต่จะตั้งคำถามว่าที่นี่คือที่ไหน
และทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่
“โอย…” ผ่านไปเกือบสามนาที ในที่สุดแจนก็รวบรวมสติกลับมาได้ดั่งเดิม เธอได้ยินเสียงเหมือนคนร้องขอความช่วยเหลือ แล้วนั่นก็ดังมาจากด้านหลังของเด็กสาวเสียด้วย แจนหันหลังกลับไป และได้พบกับเพื่อนผู้ชายที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
ทั้งที่มีโต๊ะวางเรียงรายอยู่มากมาย แต่ ‘มังกร’ กลับถูกทำให้นอนอยู่บนพื้นเช่นเดียวกับเธอ แจนเดินเข้าไปพร้อมใช้หลังมืออังบริเวณหน้าผากของเด็กหนุ่ม เขาส่งเสียงร้องตอบรับเบาๆ เจ้าของใบหน้าหวานค่อยๆ ลืมตาขึ้น
อยู่ร่วมห้องกันมาหนึ่งปี แจนไม่เคยสังเกตเด็กหนุ่มใกล้ขนาดนี้เลย มังกรมีดวงตาที่เป็นด้านตรงข้ามกับชื่อของเขา เพราะเมื่อเรานึกถึงอสูรกายรูปร่างยักษ์สีแดงเพลิงนั่นเมื่อไหร่ ดวงตาของมันก็น่าจะดุร้ายตามขนาดตัว แต่นี่กลับหวานเชื่อมเสียจนคนมองแล้วเขินด้วยซ้ำ มังกรจมูกโด่ง ส่วนปากก็สวยเป็นรูปกระจับ อีกอย่าง... เสน่ห์ที่แสนร้ายกาจของเขาก็คือเมื่อเด็กหนุ่มยิ้ม ดวงตาจะหยีเป็นรูปสระอิ เพิ่มความหล่อน่ารักเข้าไปกันใหญ่
สิ่งแรกที่มังกรรู้สึกได้หลังลืมตา คือใบหน้าของเด็กสาวคนนึงที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดี แจนนั่งยองๆ อยู่ข้างหน้า แถมกำลังเอาหลังมือมาอังที่หน้าผากเขาอีกด้วย สติของเด็กหนุ่มรีเทิร์นกลับมาทันที มังกรสะดุ้งตัวออกห่างท่ามกลางความไม่เข้าใจของอีกฝ่าย
“ปะ... เป็นอะไรหรือเปล่า” แจนพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ อะไรทำให้เพื่อนผู้ชายคนนี้ต้องเด้งตัวไปไกลขนาดนั้น เธอยังไม่ได้ไปทำอะไรเลยนะ! จะว่าจั๊กจี้ก็คงไม่ใช่ เธอให้เวลาคนตรงหน้ารวบรวมสติของตัวเองซักพัก จนกระทั่งในที่สุดมังกรก็พูดขึ้นมา
“เอ่อ...” เขาหลบตา “เราขอโทษนะ เมื่อกี้... มันตกใจมากเกินไปหน่อย”
“หน้าเค้าน่ากลัวขนาดนั้นเชียว?”
เด็กหนุ่มรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ไม่ เราพึ่งตื่นไง มันมึนไปหมดเลย พอเห็นหน้าเธอเป็นคนแรกแทนที่จะเป็นห้องนอนก็เลย... ตกใจ” เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่คนตรงหน้าจะเริ่มสงสัย “ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหน ...ถ้าเราจำไม่ผิด...”
“ห้องเรียน”
“…”
“ตอนนี้เราอยู่ในโรงเรียน” ถึงแม้บรรยากาศจะไม่สว่างซักเท่าไหร่ แต่รายละเอียดสิ่งของที่มีอยู่มากมายก็พอจะทำให้เธอรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน สภาพโต๊ะหลังการสอบไม่น่าเละขนาดนี้ ต้องมีคนมาทำให้มันขยับแน่ๆ แจนตัดสินใจลุกขึ้นเช่นเดียวกับมังกร นิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มชี้ไปทางด้านหลังของแจนอย่างตกตะลึง และนั่นทำให้เธอหันไปมองด้วยหัวใจที่ไม่สู้ดี
เนื่องจากจุดที่ทั้งสองยืนอยู่คือริมประตูด้านหลังสุด ถึงไม่ต้องพยายามอะไรก็สามารถมองเห็นได้ทั้งห้อง ‘นิว’ และ ‘บอส’ เพื่อนสนิทของมังกรถูกพาดอยู่บนหน้าต่าง ครึ่งตัวของพวกเขาอยู่ด้านนอกแล้ว คนข้างๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก เขาวิ่งไปช่วยเหลือในทันที แจนทำหน้าที่ตามหาผู้ต้องการความช่วยเหลือต่อ เธอได้เจอกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่าง ‘นกหวีด’ และ ‘เก้า’ ฝ่ายชายกำลังนอนอยู่บนพื้นด้านหลัง ส่วนฝ่ายหญิงตื่นขึ้นมาแล้ว หล่อนนวดขมับตัวเองอย่างรุนแรง
แจนกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่ก็พบว่ามีใครบางคนมาดึงขาของเธอเอาไว้ เสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังสนั่น เช่นเดียวกันกับนกหวีดที่ยังไม่ค่อยได้สติ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองเจ้าของสัมผัสนั้นแล้ว ‘แก้ว’ โอตาคุหนุ่มไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถตอบโต้อะไรได้ แจนรีบก้มตัวลงเพื่อประคองร่างกายของอีกฝ่ายขึ้นมา แต่แล้วมังกรก็วิ่งกลับมาช่วยได้ทัน จนกระทั่งพาแก้วมานั่งบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด
ในตอนนี้เจอทั้งหมดห้าคนแล้ว มังกรไม่คิดว่าจะมีใครมาเพิ่มอีกถ้าไม่มีเสียงเกิดขึ้นจากทางด้านหลัง ‘ลัคกี้’ เด็กสาวเจ้าของผมหยักศกสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตา มีรูปร่างกำลังพอดีและผิวสีน้ำผึ้งยืนกอดอกมองแจนด้วยสายตาเรียบนิ่ง เธอยืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วและคาดหวังให้ใครซักคนมาช่วยลากยัยช้างเพื่อนรักอย่าง ‘ใหม่’ ซึ่งไร้สติสุดๆ ไปนั่งบนเก้าอี้รวมกันหน่อย หล่อนรออยู่เกือบห้านาที
แต่ก็พบว่าไม่มีใครซักคนแม้แต่จะหันมามอง
“มัวแต่สนใจผู้ชาย” ลัคพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ดวงตาของเธอมุ่งตรงไปที่พื้นด้านหลังเท่านั้น หลังจากที่วางใหม่ซึ่งมีน้ำหนักร่วมแปดสิบกว่าโลบนที่นั่งได้แล้ว เธอก็พูดต่อพร้อมมองหน้าคนที่ต้องการสื่อ “เพื่อนผู้หญิงจะเป็นยังไงก็ช่างมัน”
ลัคยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาท หล่อนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสถานกาณ์แบบไหน แม้แต่ช่วงเวลาแบบนี้ก็ยังสามารถพูดเหน็บคนอื่นได้ แจนยืนกำมือแน่นก่อนจะค่อยๆ ถอนลมหายใจออกมา อยากจะใจเย็นอยู่หรอกนะถ้าหากว่าเมื่อกี้คนที่ยัยนั่นมองหน้าไม่ใช่เธอ!
แจนไม่ใช่คนสู้ใคร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สู้คน ซึ่งในกรณีนี้แล้วเด็กสาวก็สามารถตอบโต้กลับไปได้ แต่เธอเลือกที่จะเงียบ... เพราะรู้ว่าเถียงไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น แค่นี้มันก็แย่มากพออยู่แล้ว คำถามก่อตัวอยู่ในสมองของเธอเต็มไปหมด ถ้าให้เอาเรื่องนี้ไปแทรกอีกคงระเบิดออกมาแน่ๆ
มังกรเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาชอบชะมัดผู้หญิงที่ใจเย็นขนาดนี้! แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดการกระทำเหล่านั้นลงเมื่อทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว คงสงสัยว่าไปอารมณ์ดีจากไหนมา แจนพยายามปล่อยผ่านสถานการณ์นี้ไปโดยยกประเด็นขึ้นมาใหม่ให้น่าสนใจยิ่งกว่า
“เค้า... ก็เป็นคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองมาอยู่ในห้อง... ห้องนี้” เธอพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ดูเข้าใจง่ายมากที่สุด “ซึ่งพวกแกก็น่าจะเหมือนกัน เค้า...”
“มีอะไรก็รีบพูดๆ สิ” ลัคโพล่งขึ้นมาอย่างไร้มารยาท นกหวีดหันไปมองอย่างตำหนิ นั่นทำให้ยัยพูดมากเงียบปากไปได้ แจนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเชิงเบื่อหน่าย ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
“ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าพวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ว... มีใครพอจะรู้บ้าง”
“…”
ในบางครั้ง ความเงียบก็ถือเป็นตัวแทนคำตอบได้ดีที่สุด แจนถอนหายใจออกมา มันคงเป็นแบบที่เธอคิดเอาไว้สินะ มังกรตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน
“แล้วใครพอจำได้มั้ย ก่อนหน้าจะหมดสติไป ทุกคนทำอะไรกันอยู่บ้าง” ลัคพูดขึ้นพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ บางทีเธอก็ควรทำตัวให้มีประโยชน์บ้างสินะ แจนยกมือขึ้นมาเป็นคนแรก แต่ไม่ได้มองหน้าเจ้าของคำถาม
“เค้ากำลังเดินอยู่บนชั้นสาม แล้วจากนั้น... เค้าก็จำไม่ได้”
“เสนอหน้าแล้วยังไร้สาระอีก...” ลัคพูดออกมาเบาๆ เอาแค่ให้ตัวเองได้ยิน ก่อนที่หล่อนจะบอกออกมาบ้าง “ฉันกำลังเดินไปส่งงานที่ชั้นสองพร้อมกับใหม่”
“แล้วยังไงต่อ” เก้าขมวดคิ้วถาม
“ถ้าฉันรู้ฉันก็พูดต่อแล้วสิ อย่ามาโง่...”
“อย่ามาว่าแฟนฉันนะ!” นกหวีดเตรียมจะลุยเต็มที่เมื่อคำสบประมาทหลุดออกมาจากปากของลัค บางทียัยนั่นก็สมควรจะได้รับการสั่งสอนซะบ้าง ปากมากไปทั่วเลย! แต่มังกรก็เข้ามาห้ามไว้ เขาไม่อยากให้ดราม่าใดๆ เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งนั้น แค่นี้ก็น่าปวดหัวมากพออยู่แล้ว เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าลัคอย่างห้ามปราม และพยายามเปลี่ยนประเด็น
“หลังจากประชุมเสร็จ ฉันก็เล่นเซอร์คัสกับนิวและบอสต่อ”
สองคนที่ถูกพูดถึงพยักหน้าพร้อมกัน บางครั้งพวกเขาก็ดูเหมือนฝาแฝดมากเกินไป นกหวีดที่อารมณ์เสียอยู่ไม่หายพูดด้วยน้ำเสียงเคืองๆ
“ฉันกับเก้ากำลังจะไปดูหนังด้วยกัน แล้ว...” เธอขมวดคิ้ว เด็กสาวจำเหตุการณ์ต่อจากนั้นไม่ได้ ทำไมเธอถึงจำไม่ได้กันนะ! “แล้ว... แล้วฉันก็ตื่นมาอยู่ที่นี่”
ลัคกำลังจะพูดออกมาแล้วว่า ‘ทำไมถึงได้ไร้ประโยชน์กันนักนะ!’ แต่เธอก็นึกขึ้นได้... ยังมีใครอีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่หว่า เธอหันไปชี้หน้าแก้วซึ่งนั่งอยู่ริมสุดทันที
“นายน่ะ! ไปอยู่ไหนมาก่อนหน้านี้” บรรยากาศเงียบลงโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร บางทีอาจจะมาจากการรอคอยคำตอบจากปากผู้ชายที่เงียบที่สุดในห้องก็เป็นได้ แก้วเหงื่อตกเมื่อเห็นทุกคนจ้องเขม็งแบบนั้น ถ้าเป็นเวลาปรกติลัคคงหลุดขำไปแล้ว เพราะหน้าของเขาตอนนี้นี่มันจี้ชะมัด! ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นมา
ไม่แน่อาจจะเป็นคำตอบที่ทุกคนต้องการก็เป็นได้! แจนคิดอย่างมีความหวัง
“ฉันอ่านการ์ตูนโดเรมอนอยู่ในห้อง” แก้วเงียบไปซักพัก “นายก็เห็นนี่มังกร (‘ ‘)”
“เออใช่! ฉันลืมบอกไปน่ะ ฮ่ะๆ” อีกเจ็ดคนร้องโอดโอย นี่มันไม่ใช่เวลาเล่นตลกเลยนะ นกหวีดทุบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย เธอไม่อยากไร้สาระอีกต่อไปแล้ว
“นี่! ฉันไม่เล่นนะ สอบเสร็จวันสุดท้ายฉันก็ควรจะได้กลับบ้าน! นี่พอสอบเสร็จก็ถูกนัดประชุม แล้วไง ยัยหัวหน้าก็ไม่เห็นจะโผล่หัวมา! ตอนนี้อีก มันใช่เวลาเล่นปะ ใครจะอยู่เบื้องหลังอะไรก็แล้วแต่ ขอบอกเลยว่า...!”
ปึง!!!
ไม่ทันได้พูดจบ เสียงเคาะประตูจากฝั่งตรงข้ามก็ดังขึ้นมา ทุกคนตกอยู่ในสภาวะเงียบ ไม่เว้นแม้แต่นกหวีดขี้โวยวายก็เช่นกัน เด็กสาวมองอย่างหวาดระแวง ในที่สุดเก้าก็เป็นคนตะโกนถามขึ้นมา
“ใครน่ะ!?”
เสียงเงียบไปแล้ว เหลือไว้เพียงความสงสัยของคนในห้องเท่านั้น ก่อนที่แจนจะได้เสนอความคิดเห็น เสียงนั่นก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันดังมากขนาดที่คนเราไม่น่าใช้เวลาเคาะประตู มันไม่ใช่ทีเดียว
มันรัวราวกับต้องการจะพังเข้ามา!
นกหวีดเผลอร้องไห้ออกมาอย่างตื่นกลัวโดยมีเก้าคอยปลอบประโลม แจนตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นดังนั้นมังกรก็เดินเข้าไปจับมือเด็กสาวเอาไว้ เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นภายใน และลัคก็อดจะแขวะไม่ได้
“โอย! หวานกันไม่รู้เวล่ำเวลาจริงจริ๊ง เสียงมันเงียบแล้วก็เลิกกระแดะกลัวกันซักที!” นกหวีดสัญญากับตัวเองว่าวันนึงเธอจะต้องได้ตบยัยปากมากนี่ให้ได้ มังกรปล่อยมือของแจนออกแล้วมายืนตัวแข็งอยู่เหมือนเดิม เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไปนะ! เขา... จับมือแจนเนี่ยนะ เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูกจนต้องพูดถึงเรื่องอื่นแก้เก้อ
“ไอบ้าที่ไหนมาเคาะประตูเล่นเนี่ย!”
“จะมีใครรู้มั้ย ก็อยู่ด้วยกันตรงนี้หมด” นิวถามด้วยความกวนประสาท เขาเป็นเด็กเกเรที่หน้าตาไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ แตกต่างกับเพื่อนของเขาอีกสองคนอย่างมังกรและบอส สองรายนั้นมีผู้หญิงคอยตามจีบอยู่ไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องก็เถอะ พูดแล้วก็อิจฉานะ แต่เรากลับมาสนประเด็นเดิมกันดีกว่า
“ไอนิว เด่ะโดน” มังกรทำท่าจะตบหัว แต่นิวก็หลบได้ทัน เด็กหนุ่มลุกขึ้นแล้วตรงไปที่ประตู ทุกคนมองตามด้วยความสงสัย ก่อนที่บอสจะเป็นคนถามให้
“เดินไปทำบ้าอะไรตรงนั้น”
“อยากรู้ไม่ใช่หรือไงว่ามันคืออะไร” นิวกระตุกยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเปิดไปดูเอง”
เมื่อประตูถูกผลักออกจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด บรรยากาศภายในห้องก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เสียงหัวใจของใครบางคนเต้นดังมากจนแก้วซึ่งนั่งอยู่ด้านล่างยังได้ยิน เขาเงยหน้าขึ้นก็พบกับลัคกำลังทาบอกตัวเองอย่างลุ้นระทึก นั่นเรียกรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยของเด็กหนุ่มได้ ภาพอย่างนี้หายากนะ สาวพูดมากที่ทำปากเก่งตลอดเวลาดูตื่นกลัวเนี่ย แก้วเลิกให้สนใจกับคนข้างๆ แล้วมองภาพข้างหน้าต่อด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
นิวรู้ดีว่าตอนนี้ฝนกำลังใกล้จะตก ถ้าไม่เวอร์จนเกินไป เขาคิดว่ามันคงเป็นพายุเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากสายลมที่พัดผ่านร่างกายอย่างรุนแรง และหยดน้ำเม็ดเล็กๆ ที่กระจายอยู่บนพื้นรอบตัว ผู้หญิงในห้องสติหลุดไปแล้วหลังจากเกิดเสียงฟ้าร้องคำรามครั้งแรก ส่วนเด็กหนุ่มน่ะหรอ ยอมรับว่ากลัวนะ แต่ก็ต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้
แค่อยากเป็นคนที่ใครสนใจบ้าง
ทางเดินว่างเปล่าคือสิ่งที่ปรากฎให้เห็น นิวคิดออกแล้วว่ามันคือเสียงลมกระทบกับประตูนั่นเอง เขากำลังจะหันหลังกลับ แต่แล้วสัมผัสอะไรบางอย่างก็เกิดขึ้นจากด้านขวา ‘มัน’ อยู่ห่างจากใบหน้าเขาแค่เพียงคืบเดียว ภายในเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มถูกกระชากหายไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน!
นิวส่งเสียงร้องอย่างทรมาน ความเจ็บปวดถูกส่งผ่านสายลมให้พวกเขาได้รับรู้ว่า ‘เพื่อน’ กำลังเผชิญกับอะไร มังกรวิ่งออกไปในทันที นิวอยู่ในสภาพไม่น่าดูซักเท่าไหร่ บอสเข้าไปช่วยหิ้วปีกซ้ายก่อนจะวางลงบนเก้าอี้ นิวมีรอยแผลเล็กน้อยบริเวณต้นแขน
นกหวีดร้องไห้อีกครั้งจนเก้าต้องพาไปอยู่อีกมุมห้อง ลัคมองอย่างเบื่อหน่าย เด็กสาวยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ติดตัวมาด้วยให้กับมังกร เขารับมาอย่างงงๆ แต่แจนรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่จะไปอ่อยใครหรอก ลัคต้องการจะให้ปฐมพยาบาลนิวต่างหาก
“เมื่อกี้... มันอะไรกันน่ะ?” แก้วถามขึ้น เสียงทุ้มเสน่ห์ของเขาทำให้คนรอบข้างอึ้งได้ทุกที อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้ฟังล่ะมั้ง นิวหลับตาลงอย่างรวบรวมสติ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นด้วยความตื่นกลัว
“มันตัวใหญ่ เสื้อผ้าขาดหลุยลุ่ย...” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเหยเก “มันไม่มีตาดำ ปากเต็มไปด้วยเลือด...”
“นายกำลังจะพูดถึงอะไรกันแน่” ลัคกอดอก ในสมองของเธอมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นทีมีลักษณะแบบนี้ แบบที่นิวกำลังพูดถึง และบางที... เธออาจไม่ได้คิดผิด
“ซอมบี้...” นิวหลับตาลง “ฉันคิดว่าฉันโดนซอมบี้กัด”
Another head hangs lowly,
Child is slowly taken.
And the violence caused such silence,
Who are we mistaken?
ศรีษะถูกแขวนคนแล้วคนเล่า
เหล่าเด็กน้อยต่างถูกลากตัวไปอย่างช้าๆ
ความรุนแรงที่ไม่มีกล้าตอบโต้
ความผิดของใครกันนะ?
ประโยคสุดท้ายถูกแทรกโดยเสียงร้องของใครก็ไม่รู้ มันดูทรงพลังและก้าวร้าวในเวลาเดียวกัน สำหรับพวกสาวๆ คงไม่มีใครรู้จักหรอกหากยังคงอยู่ในโลกของจัสติน บีเบอร์อยู่ แต่สำหรับเหล่าชายหนุ่มแล้ว...
“มันคือเสียงนาฬิกาปลุกให้ตื่นมาอ่านหนังสือของฉันน่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้มันไปหล่นอยู่ตรงไหน” เก้าพูดขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว ใช้มือลูบหัวตัวเองแก้เก้อ
“แกใช้เพลง Zombie ของ The Cranberries เป็นเสียงนาฬิกาปลุกเนี่ยนะ?”
“เออดิบอส มันส์มากนะเว้ย ตื่นมาทีก็โยกหัวกันกระจายอ่ะ เด่ะฉันหาแปป” เด็กหนุ่มผละตัวเองออกจากนกหวีด เขาเดินตามหาโทรศัพท์จนทั่วห้อง ในขณะเดียวกันมังกรก็กลับมาให้ความสนใจกับนิวอีกครั้ง เขาถามในประโยคเดิมที่เมื่อกี้ไม่ได้ยิน
“ตกลงแกเจออะไรนะ?”
“ฉันเจอ...”
But you see, it's not me, it's not my family.
In your head, in your head they are fighting,
With their tanks and their bombs,
And their bombs and their guns.
In your head, in your head, they are crying
แต่คุณดูสิ, ไม่ใช่ความผิดของฉัน หรือใครทั้งนั้น
เพราะสมองของคุณมีแต่การต่อสู้
จะด้วยรถหรือระเบิด
หรือจะระเบิดและปืนก็ตาม
ความรุนแรงอยู่ในหัวของคุณทั้งนั้น, มันทำให้พวกฉันต้องร้องไห้
“โอย! เก้าหาเจอหรือยัง ปิดมันซักที!” ลัคตะโกนขึ้นอย่างอารมณ์เสีย เธอกำลังพยายามใช้ความคิดอยู่ ก็โดนไอ้เพลงบ้านี่ทำลายสมาธิอยู่ได้ แจนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เนื้อเพลงมันดูโหดร้ายมากเกินไป และดนตรีก็ดูไม่ฟังซักเท่าไหร่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดพออยู่แล้วอย่างตอนนี้
นิวหลับตาลงอย่างอ่อนแรง มังกรเลือกที่จะไม่เค้นอะไรเพื่อนเขาอีก เด็กหนุ่มลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปคุยกับแจนที่อื่น แต่แล้วหางตาเขาก็เห็นว่าเก้ากำลังเดินจูงมือนกหวีดออกไปจากห้อง
“เฮ้ย แกจะไปไหนน่ะเก้า”
“ก็กลับบ้านอ่ะดิ เชิญอยู่ในนี้ต่อไปให้สนุกนะ” เด็กหนุ่มเจ้าของชุดรด. ที่ถอดเสื้อนอกไปนานแล้วหันมายิ้มเหล็กดัดฟันให้ บางทีเขาไม่จำเป็นต้องทนกับอะไรที่ยุ่งยากแบบนี้ นิวอาจจะหลอนประสาท หรือไม่ก็สร้างสถานการณ์ให้พวกเขากลัวขึ้นมา เก้าออกแรงดึงนกหวีดอีกเมื่อเห็นว่าแฟนสาวไม่ยอมเดิน เธอยอมรับว่าในตอนนี้ก็ยังคงกลัวและกังวลอยู่ แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อเธอไม่ขัดใจอะไรเก้าทั้งนั้น “ไว้ถ้าถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรเรียกรถพยาบาลมารับให้นะ” คำพูดติดตลกที่ไม่ได้ตลกซักเท่าไหร่ ทั้งสองหายไปจากห้องนี้แล้ว เหลือไว้เพียงร่องรอยเสียงเพลงจากโทรศัพท์ที่เก้าคงขี้เกียจจะหาต่อ แจนทรุดตัวลงอย่างคิดหนัก
แล้วเธอควรจะทำยังไงต่อไป ทำแบบสองคนนั้น หรือหมกตัวอยู่ในห้องห้องนี้ พระเจ้าช่วย... ใครก็ได้บอกเด็กสาวที
มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย...
In your head, in your head,
Zombie, zombie, zombie,
Hey, hey, hey. What's in your head,
In your head,
Zombie, zombie, zombie?
Hey, hey, hey, hey, oh, dou, dou, dou, dou, dou
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย นิสัยเดิมๆ ของคนเราก็ยังคงถูกเก็บมาใช้อยู่เรื่อยๆ ซินะ
ถ้าอยากให้จัดการง่าย... ก็ต้องแบ่งแยกตัวเองออกมา
ทฤษฎีของคนโง่เวลาเจอสถานการณ์แบบนี้เท่านั้นแหละ
‘อะไรบางอย่าง’ ยกยิ้มอย่างนึกสนุก ดวงตาขาวโพลนฉายแววความต้องการถึงอาหารอันโอชะ หรือในบางที...
สองคนนั้นอาจเป็นมื้อแรกของคืนนี้ก็ได้นะ...
ความคิดเห็น