ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Deep in Heart ...รักสุดหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 54




    ยุนโฮไม่สามารถ ที่กลืนข้าวห่อสาหร่ายได้ลง ...เขารู้สึกผะอืดผะอม จนอยากที่จะอาเจียรออกมา 

    ไม่ได้ .. เขาไม่สามารถกลืนอาหารลงไปได้จริงๆ ..

    เพราะความรู้สึกผิดมีอยู่เต็มหัวใจ ...

    ร่างบางลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีที่เกิดอาการเหมือนกำลังจะอาเจียร...
    และแล้วข้าวห่อสาหร่ายคำนั้นก็พุ่งออกมาและตามด้วยน้ำย่อยเขียว ๆ อีกจำนวนมาก จนร่างบางแสบคอไปหมด

    ชางมินตามเข้ามาในห้องน้ำ มือใหญ่ช่วยลูบหลังบางให้เพื่อนเบาๆ ...
    หน้าเรียวผอมตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต มือบางเกาะขอบอ่างล้างหน้าไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาเป็นสาย

    ชางมิน ก้มหน้าลงข้าง ๆ  ยุนโฮ  ..
    " นายเป็นอะไรมาก หรือเปล่า .. ท่าทางไม่ดีเลย .. เราว่าไปพักที่ห้องพยาบาลดีกว่านะ "

    ยุนโฮ ส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ  เขาไม่อยากไปห้องพยาบาลมากเท่าไหร่เพราะทุกครั้งที่ไป
    ก็จะถูกครูพยาบาลบ่นเรื่องเดิม ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้ยังไง 

    "ทำไมละ .. นายไม่สบายนะ .. หรือว่านายจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน เราจะไปส่งให้ "
    ชางมินเห็นว่าท่าทางยุนโฮคงไม่อยากไปห้องพยาบาล จึงพยายามเสนอทางเลือกอื่นให้

    ร่างบางหันหน้ามาหาเพื่อนที่ตามเข้ามาดูแลถึงในห้องน้ำ โดยไม่นึกรังเกลียด
    "ไม่เป็นไร .. พักซักครู่เราก็หาย .. ไม่ต้องห่วง  ไป เรากลับห้องกันเถอะ
    เดี๋ยวนายจะไม่ได้กินข้าวกลางวันนะ เพราะนี่ก็จะถึงเวลาเรียนอีกแล้ว"

    ยุนโฮ พยุงตัวเองออกจากขอบอ่างล้างหน้า แต่ชางมินก็ไม่ปล่อยให้เพื่อนร่างบางเดินกลับห้องลำพัง
    ร่างสูงสอดแขนเข้าไปที่ลำตัวของยุนโฮแล้วพยุงเพื่อนให้เดินกลับห้องด้วยกัน

    "นี่  ยุนโฮ .. นายไม่ชอบกินข้าวนี่เหรอ "  หลังจากกลับมานั่งกินข้าวอีกครั้ง ชางมินก็อดสงสัยไม่ได้

    "เปล่า.. " ร่างบางปฏิเสธ แต่ทว่ายุนโฮก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยิบอาหารใส่ปากอีกเป็นครั้งที่สอง

    "อ้าวแล้วทำไม นายถึง ... กินไม่ได้ล่ะ  เราหมายถึงทำไมนายถึงอาเจียรหน่ะ"

    "ยูซอน .. เออ น้องของเรา ... ชอบกินข้าวห่อสาหร่ายนี้มากๆ " ร่างบางตอบออกไปอย่างที่คิด

    "อ๋อ.. นายก็เลยกินไม่ลง หยั่งงั้นซิ ... ยุนโฮ งั้นนายกินอันนี้ซิ ..
    นี่ ข้าวหน้าหมูผัดกิมจิ .. อร่อยมากเลยน๊ะ
    แล้ว.. ข้าวห่อสาหร่าย สองกล่องนี้ นายก็เก็บเอาไปให้น้องของนาย.. ตอนเย็นก็ได้ ..
    เราซื้อมาเยอะแยะเลย กินยังไงก็กินไม่หมด" 
    ร่างสูงพยายามหาทางเลือกอื่นเพื่อให้ยุนโฮ สบายใจและสามารถที่จะกินอาหารกลางวันได้

    จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้ห่วงหรือคิดถึงน้องชายยุนโฮ เพราะเขาเองก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า
    รู้แต่ว่า ที่ยุนโฮทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อน้องชายคนนี้คนเดียว 
    แต่คนที่เขาห่วง นั่นก็คือ เพื่อนร่างบางที่นั่งหน้าซีดเซียวอยู่ตรงนี้

    " ชางมิน ! ... " เสียงของยุนโฮ เริ่มแหบพร่า เนื่องจากการอาเจียรหลายต่อหลายรอบในวันนี้ 
    "ไม่ต้องหรอก ... คือว่าเรา.. เรา.. " ยุนโฮไม่รู้ว่าจะพูดต่อยังไง

    "เฮ้ย.. ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว .. ก็นี่เราซื้อมาตั้งมากมาย ถ้าต้องทิ้งไป ก็เสียดายแย่
    เพราะราคาไม่ใช่ถูก ๆ น๊ะ .. หรือว่า นายอยากให้เราทิ้ง เราจะเอาไปทิ้งก็ได้น๊ะ"
    ชางมินพยายมที่จะยั่วให้ยุนโฮ ตอบรับให้ได้ และก็ได้ผลตามที่คิดเอาไว้

    "เออ.. อย่า .. อย่าทิ้งเลยนะ.. เสียดายหน่ะ.. งั้นเราเอากลับไปให้ยูซอน ก็ได้... "
    หน้าเรียวก้มลงเก็บอาหารเข้ากล่องให้เรียบร้อย
    " ชางมิน ของคุณมากน๊ะ ... ขอบคุณแทนยูซอนด้วย "
    ร่างบางกล่าวขอบคุณในน้ำใจของเพื่อนที่หยิบยื่นให้เขาตลอดเวลา

    มือใหญ่เอื้อมมาตบบ่า เพื่อน เบา ๆ 
    " ไม่เป็นไรเลย ยุนโฮ ... นายไม่ต้องคิดมาก .. เรามากินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะอดกันทั้งคู่ " 
    ชางมิน ส่งยิ้มกว้าง ที่ดูแล้วช่างเป็นยิ้มที่อบอุ่นที่สุด สำหรับยุนโฮ

    ชางมินเป็นเพื่อน คนแรกที่ยุนโฮ รู้จัก ตั้งแต่เข้าเรียนที่หมาวิทยาลัย
    อันที่จริงเขากับชางมินไม่น่าจะได้มาเป็นเพื่อนกันเลย
    เพราะอีกคนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย ตระกูลที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลี
    ซึ่งนอกจากจะรายล้นฟ้าแล้ว ชางมิน ยังเป็นคนที่หน้าตาหล่อมาก 
    ด้วยรูปร่างที่ที่เรียกได้ว่า Dark tall and handsome
    ประกอบกับใบหน้าที่คมได้สัดส่วนสมเป็นใบหน้าผู้ชาย
    มีดวงตาที่หวานแต่ดุดัน และอีกสิ่งที่ชางมินมีไม่เหมือนใคร นั่น คือ รอยยิ้มที่อบอุ่น
    ยิ้มของชางมินเหมือนกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ที่มอบความอบอุ่นให้แก่ดวงใจที่หนาวเหน็บของยุนโฮ
    ชางมินเป็นหนุ่ม ที่สาว ๆ ทุก คนใฝ่ฝัน อยากจะเป็นแฟน 
    ทั้งหล่อ  ทั้งรวย ทั้งเก่ง และ จิตใจดี 
    แต่ ชางมินกลับเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับยุนโฮ ซึ่งมีฐานะ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน 


    ยุนโฮ เข้าเรียนได้เพราะการสอบชิงทุน ..... เรียนดี  แต่ยากจน
    ยุนโฮ ผู้ซึ่งต้องทำงานรับจ้าง ทุกอย่างเท่าที่จะพอมีแรงเพื่อหาเงิน
    ไม่ใช่แค่หาเช้ากินค่ำ เพราะบางครั้ง หาทั้งอาทิตย์ แต่ได้กินแค่มือเดียวก็ยังมี

    ยุนโฮ ที่มีร่างกายผอมบาง ยิ่งกว่าผู้หญิงหลายคน  หน้าเรียวเล็กที่ปราศจากรอยยิ้ม 
    แววตาหม่นหมอง เต็มไปด้วยร่องรอยของความเศร้า ... และ นั่นก็ทำให้นักศึกษาหลายคน คิดว่า
    ชางมินไม่น่าที่จะมาคบกับคนอย่างยุนโฮ ได้เลย
    หลายครั้งที่ร่างบางเดินผ่าน กลุ่มนักศึกษาผู้หญิง ก็มักจะโดนพวกเหล่านั้นตะโกนด่าว่า เสียดสี ให้เจียมตัว 
    และถ้าเป็นกลุ่ม นักศึกษา ชาย เขาก็มักจะโดนหลายคนเข้ามาถามว่า
    เขาแลกด้วยอะไรหรือใช้อะไรแลก  ถึงทำให้ชางมินยอมเป็นเพื่อนด้วย
    ซึ่งหลายๆ ครั้งยุนโฮจะโดน นักศึกษาเหล่านั้น กลั่นแกล้ง บ่อยๆ ครั้งเท่าที่โอกาสจะเป็นใจ   ..

    ............. .
    ..............

    หลังเลิกเรียน

    ทุกวัน ยุนโฮ จะต้องไปทำงานที่ร้านอาหารของ ฮีชอล ...
    โดยเริ่มงานตั้งแต่ สี่โมงเย็นและเลิกงานตอนสี่ทุ่มของทุกวัน แต่วันนี้ ยุนโฮ รีบคว้าจักรยานคันเก่า
    มุ่งหน้ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปทำงานที่ร้าน
    ก็ ยุนโฮ กำลังจะเอาข้าวห่อสาหร่ายไปให้ยูซอน นั่นเอง   หวังว่า ยูซอน คงจะดีใจ  ..
    ยุนโฮ ขี่จักรยานด้วยความเร็ว ในใจคิดถึงใบหน้าของน้องชายอยู่ตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงห้องพักในที่สุด
    ร่างบาง เปิดประตูเข้าไป เอาถุงอาหารวางไว้บนโต๊ะ แล้วเขียนข้อความทิ้งไว้ให้น้องชาย 

                                                     "ยูซอน
                                  หวังว่าคงชอบนะ... กินให้หมดด้วย 
                                  รักนายมากนะ ...น้องชายของพี่ "

         

    ยุนโฮ เดินกลับออกมาด้วยความดีใจ เขาหวังว่าหลังจากที่ยูซอนกลับจากเรียนพิเศษ
    ยูซอนคงจะดีใจที่ได้กินอาหารจานโปรด..... ที่ไม่เคยได้กินเลยนับตั้งแต่วันนั้น ...

    ร่างบางรับขี่จักรยานกลับไปทำงานพิเศษ ที่ร้านอาหาร .. ซึ่งนี่ก็ใกล้เวลาทำงานเข้าไปเต็มที่แล้ว
    ยุนโฮ ไม่เคยไปทำงานสายเลยซักครั้ง เพราะร่างบางทั้งรัก ทั้งเคารพ ผู้ที่เป็นเจ้าของร้าน
    และฮีซอลเองก็รักและเอ็นดู ยุนโฮ มากเป็นพิเศษกว่าลูกจ้างคนอื่นๆ

    ทุกวันก่อนทำงาน ฮีซอล จะทำอาหารให้พนักงานทุกคนในร้านได้กินกันจนอิ่มก่อนเริ่มงาน
    เพราะฮีซอลเข้าใจดีว่า การทำงานเสริฟอาหารให้กับลูกค้าในขณะที่ตัวเองกำลังหิวนั้นมันทรมานมากขนาดไหน
    และเขาก็เชื่อว่าการที่พนักงานทุกคนได้กินอิ่มท้องนั้นจะทำให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข
    ดังนั้น พนักงานหลายคนจะฝากท้องเอาไว้กับฮีซอลซึ่งบางคนการได้กินอาหารที่ร้าน
    เป็นเพียงอาหารมื้อเดียวที่เขาจะได้กินในแต่ละวันและหนึ่งในนั้นก็คือยุนโฮ

    ร่างบาง ขี่จักรยานลัดเลาะตามซอกซอยเพื่อที่จะมาถึงร้านก่อนเวลาทำงานจริง
    เพราะถ้าถึงเวลางานแล้วทุกคนจะต้องทำงานอย่างจริงจังโดยไม่มีเวลาให้หยุดพักและนั่นก็จะหมายถึง
    ยุนโฮจะไม่ได้กินข้าว ที่เป็นอาหารเพียงมื้อเดียวของวัน ...ร่างบางรีบจอดจักรยานไว้หลังร้านก่อนจะรีบสิ่งเข้าภายใน
    ซึ่งยุนโฮ รู้ดีว่านี่เลยเวลาทำงานมาแล้วพอสมควร และเขาเองต้องรีบเข้าไปขอโทษพี่ฮีซอล

    ...............

    "พี่ยุนโฮ " .... เสียงใสๆ ของยุนอา น้องอีกคนที่ทำงานที่ร้าน
    "ทำไมวันนี้พี่มาช้าละคะ  หนูนึกว่าพี่จะไม่มาซะอีก หนูเห็นพี่ฮีซอลมองหาพี่ตลอดเลยค่ะ 
    พี่รีบๆเข้าไปในครัวเถอะคะ" ยุนอาเอามือดุนหลังพี่ชายให้เข้าไปในครัวโดยเร็ว

    ............

     "พี่ฮีซอล ครับ..... " ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดพ่อครัวหันหน้ากลับมาตามเสียงเรียก
    ก่อนที่จะหันกลับไปทำงานต่อด้วยความตั้งใจ

    "พี่ครับ .. ผมขอโทษที่มาช้า ..พอดีผม.." พ่อครัวหนุ่มรีบยกมือโบกให้ร่างบางที่กำลังจะพูดต่อ

    "รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยเข้ามา "  ....ฮีซอลตอบโดยไม่ได้มองหน้า

    "ครับพี่" ยุนโฮ ... รีบเดินกลับออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของเจ้าของร้าน
    ยุนโฮเข้าใจการกระทำของฮีซอลดีเพราะว่าร่างบางทำงานกับพี่ชายคนนี้มานาน
    เวลาที่ฮีซอลทำงาน ฮีซอลจะทุ่มเทให้กับอาหารทุกจานอย่างพิถีพิถันเอาใจใส่ทุกรายละเอียด
    เพราะเขาคิดว่าการที่ลูกค้าได้กินอาหารที่อร่อย
    จากฝีมือของเขาเป็นสิ่งที่เขามีความสุขมากที่สุด

    "พี่ฮีซอล ครับ มีอะไรใช้ผม" ยุนโฮ กลับเข้ามาหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

    มือสวยของฮีซอล ชี้ไปที่จานข้าวที่วางอยู่มุมห้อง ..

    "กินซะ.. ก่อนที่ลูกค้าจะเยอะแล้วจะไม่มีเวลา"

    "เออ.. พี่ครับ.." ยุนโฮ ไม่เข้าใจที่ฮีซอลบอก 
    ก็ฮีซอลเคยออกกฏไว้ว่าใครมาไม่ทันเวลาอาหาร ก็ไม่ต้องกิน แล้วทำไม ฮีซอลถึงเก็บอาหารไว้ให้เขา

    "จะมัวถามอะไรอีก   บอกให้รีบกินก็กินซะ .." ฮีซอลพูดต่อไปโดยไม่ได้หันมามองหน้า

    "ขอบคุณ ครับพี่"  ร่างบางถือจานข้าวออกไปหลังร้านเพื่อจัดการให้เรียบร้อยก่อนรีบเข้ามาทำงาน

    ......................
    ......................

    "อ๊ะ... พี่ยุนโฮ ... โห!  ยังมีข้าวเหลืออยู่อีกเหรอคะ ... หนูหิวมากเลยค่ะพี่ หนูเพิ่งมาเลยกินไม่ทัน
    ไหนพี่ฮีซอลเคยบอกว่า ใครมาไม่ทันก็ไม่ต้องกิน  .. งั้นหนูต้องรีบเข้าไปในครัวแล้วละคะ"
    ทิฟฟานี่ พนักงานอีกคนของร้าน
    ที่เพิ่งมาถึงที่ทำงานหลังยุนโฮ ร้องอย่างดีใจ ที่เห็นว่ายังพอมีข้าวเหลือให้กิน 

    "ทิฟฟานี่  เดี๋ยว" ยุนโฮ รีบเรียกสาวน้อยเอาไว้ก่อน
    "นี่ไง ของเธอ... กินซะ แล้วรีบเข้าไป แต่อย่าบอกให้ใครรู้ว่าพี่เอาข้าวไว้ให้เธอ..."
    ยุนโฮ ยื่นจานข้าวของตัวเองให้สาวน้อยอีกคน

    เขารู้ดีว่าถ้าเป็นแบบนี้ ทิฟฟานี่จะต้องโดนฮีซอลบ่นอีกยกใหญ่แน่นอน
    เพราะเขาไม่เห็นว่าจะมีข้าวเหลืออีก ดังนั้นแสดงว่าข้าวจานนี้เป็นจานเดียวที่ฮีซอล ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ยุนโฮ

    "ขอบคุณ มากค่ะพี่ยุน... หนูไม่ได้กินอะไรมาเลยทั้งวัน .." ทิฟฟานี่ รับจานข้าวพร้อมกับยิ้มจนตาหยีด้วยความดีใจ
    ยุนโฮ ลูบหัวสาวน้อยเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปทำงานในร้าน ..  ทั้งๆ ที่หิวจนแสบท้องไปหมด
    แต่ก็คิดว่า ทิฟฟานี่ก็คงหิวมากเช่นกัน น้องสาวคนนี้ก็มีชีวิตที่ลำบากไม่น้อยไปกว่ายุนโฮ ..
    และเด็กคนอื่นๆ ในร้าน         ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กทุกคน ที่ฮีซอลรับเข้ามาทำงานด้วย
    ส่วนใหญ่จะมีภูมิหลังคล้าย ๆ กัน ... 

    ...........................
    ..........................

    ทุกคนในร้านต่างทำงานด้วยความเอาใจใส่ และขยันขันแข็ง 

    ถึงแม้ว่าร้านอาหารของฮีซอล จะเพียงเป็นร้านเล็กๆ  แต่ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าหลายะดับ

    เพราะการบริการที่ดี อาหารอร่อย และราคาที่ไม่แพง 

    นั่นทำให้ในแต่ละวันจะมีลูกค้าเข้ารอกินอาหารเย็นอยู่ตลอดเวลา

    ร่างบางเดินเสริฟอาหาร เก็บทำความสะอาดโต๊ะอาหารตั้งแต่เย็น จนกระทั้งดึก ..
    ทั้งๆที่ หิวจนตาลาย แต่ยุนโฮ ก็ฝืนทำงานต่อไปอย่างเต็มที่
    เพราะเขาไม่ต้องการทำให้ร้านเสียชื่อได้ ...

    มือบางยกจานอาหารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำซุปร้อนๆ เพื่อนำไปเสริฟให้กับลูกค้าพิเศษที่เพิ่งเข้ามาใหม่

    ยุนโฮ เดินประคองถ้วยซุปอย่างระมัดระวัง ...
    แต่เพราะความอ่อนล้าของร่างกายที่ไม่ได้รับการพักผ่อนและขาดอาหารล่อเลี้ยงมานาน

    ทำให้ร่างบางเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากระทันหัน
    ขาผอมๆ ก้าวพลาด ถ้วยซุปที่ถือมาทำท่าจะหกราดลูกค้า
    แต่ยุนโฮ ยังพอที่จะรู้สึกตัวเลยทำให้    ร่างบางเบี่ยงตัวหันข้างให้กับโต๊ะของลูกค้า
    ก่อนที่ซุปทั้งถ้วยจะหกราดลงบนพื้นและมีบางส่วนที่ราดลงไปบนแขนของยุนโฮ

    เสียงดังโวยวายของลูกค้าหลายคนที่เห็นเหตุการ์ณ
    รวมทั้งลูกค้า วีไอพี และพนักงานคนอื่นๆ    ในร้าน ที่กรูกันเข้ามา

    ทิฟฟานี เข้าไปประคองยุนโฮ ที่ล้มลงไปพื้นให้ลุกขึ้น
    เสียงโวยวายดังออกจากปากหญิงสาวสวยที่แต่งตัวแต่งหน้าจัดจ้าน
    ที่มากับชายหนุ่มที่เป็นนักร้องดังและนักแสดงที่มีชื่อเสียง
    "เซีย จุนซู" เป็นลูกค้า วีไอพี  ที่ยุนโฮ กำลังจะนำซุปไปเสริฟ นั่นเอง

    "นี่ไอ้เด็กบ้า แกเกือบจะทำอาหารหกราดคุณ จุนซู แล้วรู้ไม๊ ..ซุ่มซ่ามจริงๆ ถือของยังไง "
    ปากแดงจัด ด่าทอยุนโฮ อย่างไม่หยุด
    เล็บยาวจิกลงไปที่แขนของผอม ๆ พร้อมกับจับเขย่าอย่างไม่ปราณี 
    ร่างบางยังคงได้แต่กล่าวคำ ขอโทษ แล้วยืนก้มหน้านิ่งให้หญิงสาว จิกด่าอย่างยอมรับผิด

    เหตุการณ์ชุลมุล เรียกให้เจ้าของร้านอย่าง คิมฮีซอล ต้องออกมาดู
    เพราะยุนอา รีบวิ่งเข้าไปบอกในครัวให้ออกมาช่วยพี่ยุนโฮ

    "ขอโทษ นะครับ ผมเป็นเจ้าของร้าน ... ก่อนอื่น คุณ ช่วยปล่อยเด็กของผมก่อน"
    ฮีซอล กล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงนิ่ง
    ทำเอาสาวสวยหยุดการกระทำแล้วหันมาเผชิญหน้าทันที

    "อ๋อ  คุณเจ้าของร้าน ... รู้ไม๊ ว่า ฉันเป็นใคร...ฉันคือ เฮียวริ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณ จุนซู
    ที่พนักงานของคุณเกือบจะทำน้ำแกงหกราด ..."  ปากสีแดงจัดกล่าวต่อว่าเจ้าของร้านอยย่างหัวเสีย

    "ผมต้องขอโทษ อย่างมาก ที่เด็กผม ซุ่มซ่าม
    เพราะฉะนั้น อาหารมื้อนี้ผมขอรับผิดชอบเองก็แล้วกันนะครับ
    และเดี๋ยวผมจะทำซุปออกมาให้พวกคุณใหม่" ฮีซอลกล่าวยอมรับผิดอย่างสุภาพ

    "ฮึ.. นึกว่าแค่ขอโทษแลัวมันจะหายหรือไง..
    ลองคิดดูว่าถ้าคุณจุนซู เกิดโดนซุปร้อนๆ ของนายหกราดขึ้นมาจริง ๆ จะเสียหายแค่ไหน"
    เฮียวริยังคงส่งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างไม่พอใจ ...

    ฮีซอล เหลือบตา ไปมองร่างบางที่ยื่นก้มหน้านิ่ง แขนผอมที่โดนน้ำซุปราดกำลังขึ้นสีแดงจัดอย่างน่ากลัว
    เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับเฮียวริ  อีกครั้ง

    "แล้วคุณจะเอายังไง  ก็ว่ามาเลยครับ ทางร้านยินดีชดใช้ให้ "ฮีซอล กดเสียงต่ำอย่างใจเย็น

    "ไล่ไอ้เด็กโสโครกนั่นออกจากร้าน ...." เฮียวริ กอดอก ตอบโดยไม่ต้องคิด .

    "หึ.. ผมคงทำอย่างที่คุณต้องการไม่ได้ .. เพราะเด็กนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงถึงขั้ต้องโดนไล่ออก"

    "ทำไม่จะไล่ออกไม่ได้ .. ในเมื่อ มันทำซุปหก ..เกือบราด คุณจุนซู "
    เฮียวริ ยังคงไม่ยอมและยืนกรานจะให้ไล่ยุนโฮออกทันที

    ฮีซอล คว้าแขนที่ขึ้นแดงเป็นพืดของยุนโฮ ขึ้น ทำเอาร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บ..

    "แล้วไงครับ .. นี่  .... แขนนี้ต่างหากที่โดนซุปร้อนๆ  ราด .. ไม่ใช่แขนคุณ จุนซู ซักหน่อย
    คนที่เจ็บ คือเด็กคนนี้ ...ถ้าคุณ จุนซู ได้รับบาดเจ็บ ผมก็จะไล่เด็กออกทันที
    แต่นี่ไม่ใช่ .. แล้วคุณจุนซูเองก็ไม่เห็นจะว่าอะไร
    คุณทำไมต้องมาเดือดร้อนมากมาย"

    ฮีซอลเผลอกำแขนผอมบางเข้าอย่างเต็มแรง ทำเอายุนโฮ ถึงกับร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวด

    "เออ .. พี่เฮียวริ..ผมว่าเรากลับกันเถอะ ..ตอนนี้คนมุ่งดูกันใหญ่แล้ว"
    จุนซู ที่ยืนเงียบอยู่นานกระซิบบอกเฮียวริเสียงแผ่ว

    แล้วเดินเข้ามาฮีซอล กับยุนโฮ ...
    "ผมว่าคุณปล่อยแขนของเค๊าก่อนเถอะครับ ..เด็กเจ็บแย่แล้ว "
    จุนซูพูดเสียงเบาให้ฮีซอลได้ยินก่อนเดินนำเฮียวริออกจากร้านไป

    หญิงสาวหันกลับมามองหน้าเจ้าของร้านหนุ่มอย่างอาคาดแลัวรีบวิ่งตามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายออกไป
     
    .......................

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายกลับเข้าสู่ความสงบ ...ฮีซอลเดินกลับเข้าไปหลังร้าน โดยสั่งให้ยุนโฮเดินตามเข้ามา
    เขาไม่ได้กลับไปที่ห้องครัว แต่ฮีซอลเดินนำน้องชายที่รักของเขากลับเข้าไปในห้องพักส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุด

    เจ้าของร้านหน้าสวย ดึงน้องชายที่รักให้นั่งลงข้างๆ  ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋ายาออกมา
    บรรยากาศที่เงียบงันทำให้ยุนโฮ รู้สึกผิดและกลัวขึ้นมาจับใจ ....
    ร่างบางนั่งก้มหน้านิ่ง อย่างสำนึกผิด ก่อนที่จะเอ่ยปากขอโทษ 

    "พี่ ครับ ...ผม ขอโทษ ...ที่ทำให้พี่ต้องยุ่งยากกับผมอีกแล้ว.....
    ผม ..... ผม  ..."  ยุนโฮ พยายามที่จะหาคำพูด

    "ยื่นแขนมา ........." ฮีซอลไม่สนใจที่จะฟังคำพูดของยุนโฮ  นั่นยิ่งทำให้รางบางยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีก
    แขนข้างที่ถูกน้ำร้อนลวกขึ้นผื่นบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด
    มือบางบีบยาแล้วทาลงไปบนแผลนั่นเบาๆ .... แต่ทั้งๆ ฮีซอลทายาอย่างเบามือ
    เขาก็รู้สึกได้ว่า ยุนโฮ คงเจ็บมากที่เดียว
    เพราะจากอาการเกร็งและสั่นไปทั้งตัวนั่น ทำให้ฮีซอลสังเกตุได้ไม่อยาก

    ฮีซอลมองหน้าร่างบางที่ก้มหงุดอยู่ขณะที่กำลังทายาให้ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดความรู้สึกออกมา

    "ยุนโฮ ... นายรู้ไม๊ .. ว่านาย ทำให้พี่เสียใจมากแค่ไหน "  เสียงหวานพูดออกมาเรียบๆ

    "ผมขอโทษ ครับ ... ขอโทษที่ทำให้พี่เสียใจ ...."  ยุนโฮ  รู้สึกใจหายและเสียใจกับคำพูดที่ได้ยิน

    "แต่นายรู้ไม๊ ว่าทำไมพี่ถึงเสียใจ ...." เสียงหวานยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ

    "พี่ไม่ได้เสียใจที่นายทำซุปหก  หรือเสียใจที่นายทำให้งานเสียหาย
    แต่พี่เสียใจ .. เสียใจที่นายไม่เคยเชื่อพี่บ้างเลย  ... นายไม่เคยห่วงตัวเอง
    นายไม่เคยรักตัวเอง  .... นายรู้บ้างไม๊ว่าถ้านายเป็นอะไรไป ..พี่จะเสียใจแค่ไหน
    แล้วซีวอน จะเสียใจแค่ไหน ....
    พี่ขอเป็นครั้งสุดท้าย นะ ยุนโฮ ...ขอให้นายรู้จักห่วงตัวเองบ้าง
    แต่ถ้านายยังทำตัวแบบนี้อีก .... ต่อไป พี่ก็จะไม่สนใจนาย และเราเลิกเป็นพี่น้องกัน"

    ฮีซอลทายาจนเสร็จแล้วลุกขึ้นไปเก็บของ  ในขณะที่ร่างบางยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่
    ยุนโฮ ... อึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน ... จนอยากจะร้องไห้ ...อยากให้น้ำตามันไหลออกมา
    แต่น้ำตามันก็ไม่ยอมออก ... ร่างบางอัดอั้นจนเจ็บร้าวไปทั้งอก  กระบอกตาปวดจนแทบระเบิด

    ฮีซอล หันกลับมา เอื้อมมือดึงร่างบางของน้องชายเข้ามากอด มือบางลูบหลังผู้เป็นน้องเบาๆ

    "ยุนโฮ ...  พี่รู้ว่านายเสียใจ ...นายเจ็บปวด
    นายจะร้องไห้ออกมาบ้างก็ได้นะ .... อกของพี่ยังรองรับน้ำตาของนาย
    ไหล่ของพี่ยังมีที่ไว้ให้นายซบ เสมอ ...  ร้องไห้กับพี่ชายคนนี้เถอะนะ 
    อย่าเก็บความเจ็บปวดเอาไว้คนเดียวเลย "  

    ยุนโฮ กอดฮีซอลแน่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก
    เขาไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ได้ตามใจมาตั้งแต่วันที่แม่จากไป 


    ในวันนั้น ยุนโฮ ...เจ็บปวดแทบขาดใจ ...แต่น้ำตาทั้งหมดถูกสะกดกลั้นเอาไว้ข้างใน
    ยุนโฮ ต้องเข้มแข็ง ... ต้องยืนหยัด .... อยู่ให้ได้โดยไม่มีแม่
    วันที่พ่อของเขาจะจากไป พ่อสั่งว่าให้ยุนโฮ ดูแลแม่และน้องแทนพ่อให้ดี
    แต่ในที่สุดยุนโฮก้ไม่สามารถดูแลแม่ได้  แม่ทิ้งเขาและน้องไปหลังจากที่ทนลำบาก
    ได้เพียงไม่กี่เดือน .... ในวันนั้น ยูซอน ร้องไห้โวยวาย ไม่รู้กี่รอบ ร้องจนหลับ
    และตื่นขึ้นมาก็ตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้หาแม่อีก เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน....
    ยุนโฮ ได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้ข้างไน ... เพือปลอบโยนน้องชาย และเพื่อเป็นที่พึ่งสุดท้าย
    ให้กับยูซอน ทั้งๆ ที่ยุนโฮเองก็หวาดกลัว กับชีวิตที่ปราศจากพ่อแม่อยู่มาก

    ร่างบางปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ระบายความเจ็บปวดอยู่ภายในอ้อมกอดของฮีซอลอยู่อย่างนั้น
    ฮีซอลเองก็กอดปลอบโยนน้องชายอย่างปราณี
    ยุนโฮ ในวันนี้  .... ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจากยุนโฮในวันนั้นก็ตาม  
    วันแรกที่ เยซอง  พาเด็กน้อบร่างกายผอมบางหน้าเรียวเล็กราวกับเด็กผู้หญิงมาฝากงาน
    เยซอง บอกว่า ซีวอนฝากเด็กคนนี้ให้มาทำงานด้วย เพราะอะไรฮีซอลเองก็ไม่รู้
    รู้แต่ว่าเขาถูกชะตากับเด็กนี่มาก และถ้าซีวอน คนรักของเขาฝากมา
    ซีวอนก็คงต้องมีเหตุผลที่ช่วยเหลือเด็กคนนี้
    โดยหลังจากนั้น ฮีซอลถึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดของยุนโฮ จากการเล่าของซีวอน
    นั่นทำให้ ฮีซอล ทั้งรักทั้งสงสารยุนโฮ มากยิ่งขึ้น ...
    เพราะชีวิตของยุนโฮ ไม่ได้ต่างจากชีวิตของฮีซอลมากนัก
    ถ้าเขาไม่เจอกับซีวอนในวันนั้น ป่านนี้ ฮีซฮลอาจจะต้องกำลังขายตัวอยู่ในซ่องที่ใดที่หนึ่งแน่นอน

    นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านๆ .มา ...ฮีซฮลยิ่งกอดกระชับร่างบางเพื่อหวังว่าอ้อมกอดของเขาจะช่วยบรรเทา
    ความเหงา ว้าเหว่ หวาดกลัว และเจ็บปวด ให้กับร้างบางนี้ได้บ้าง

    ..............................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×