ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❥ กว่าจะเป็น" นักศึกษาทันตแพทย์ ม.ขอนแก่น ": DENT KKU

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 : ม.4 กับการย้ายโรงเรียนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 669
      3
      25 พ.ค. 57

    เย่ ! ในที่สุดพี่ก็ได้มาอัพบทความซะที ( หลังจากนี้ของเรียกตัวเองว่าพี่แล้วกันเนอะ เพราะว่าพี่คิดว่าน่าจะมีแต่น้องเข้ามาอ่านแล้วล่ะ (รุ่นพี่มันจบแล้ว อะฮรืออออออ))
     

    หลังจากที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเล่าละเอียดๆในแต่ละอีกให้ฟังอีกที ของเริ่มต้นจาก ม.4 ก่อนเลย คือพี่ย้ายมาเข้าโรงเรียนใหม่ตอนม.สี่ เปิดเผยตัวเลยก็ได้ว่าย้ายจากโรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย จ.นครปฐม มา โรงเรียนสุรนารีวิทยา จ.นครราชสีมา หลายๆคนอาจจะถามว่าย้ายทำไมไกลจัง คือความจริงพี่เป็นคนโคราช แต่บังเอิญได้ไปเรียนไกลบ้านแค่นั้นเอง ( มีคนเค้าอยากรู้ไหมนะ 555 )

    ตอนปิดเทอมม.สามขึ้นม.สี่ใช่ป่ะ คือพี่ไม่ได้เรียนพิเศษอะไรเลย แบบไม่เรียนจริงๆ ก่อนหน้าตอนม.สามมีเรียนชีวะ ม.ต้นของหมอบีม เคมีอ.อุ๊คอสม.ต้น เรียนเดอะเบรน คอสมหิดล ( ตอนนี้มันยังมีอยู่ไหม? ) แต่พอสอบยื่นคะแนนติดรอบเด็กนอกของสุระ ก็แบบปล่อยชิวเลยจ้า ฮ่าๆ พอเปิดเทอม เราก็เรียนในห้องธรรมดา ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างตามสไตล์ใช่ป่ะ  แต่เราก็ยังคิดว่า เออถ้าตั้งใจเรียนจริงๆยังไงก็ทันน่ะ แต่พอผลออกมาจริงๆ พี่ง่าว (ที่ทางเหนือแปลว่าโง่) และคิดว่าเออเราอยากเรียนพิเศษอ่ะ ดังนั้นพอเข้าปิดเทอมขึ้นเทอมสอง พี่เลยเรียนแบบจัดเต็มจริงๆ คือ เรียนเคมี ม.สี่เทอมหนึ่ง ตอน 7.30 - 12.30 แล้วก็เรียน OPD 1 ต่อจนถึงบ่ายสาม แล้วก็เรียน เคมี ม.สี่เทอมสอง จนถึงหกโมงเย็น ช่วงนั้นบอกเลยว่าการบ้านน่ะ ทำไม่เคยทันเลยที่หมอบีมที่อ.อุ๊สั่ง ( ซึ่งความจริงมันควรจะทำให้หมดนะ อันนี้พี่การันตีผลจริงๆ ) คือแบบ ตอนนั้นมันเหนื่อยมาก ย้ำ มว๊ากกกกกกกก ! แบบมากๆจริงๆ เพราะมันเรียนต่อๆกันเลย ยอมรับว่ามีแอบโดดออกมาซื้อขนมกินนิดหน่อย บวกไปสาย แต่พี่ก็ตามจดจนครบตลอดนะ
     

    พอเปิดเทอมม.สี่เทอมสองเริ่มมีจุดเปลี่ยนและ หลังจากเราเรียนฟิสิกส์มาหนึ่งเทอม เริ่มคิดหนักแบบ เออ...ฟิสิกส์เราไม่ไหวจริงๆว่ะ 5555 เฮ้ยยย อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกนะพี่ก็เริ่มคิดละ หรือเราควรจะเรียนอย่างอื่นที่ไม่ใช่วิศวะดีนะ..
     

    ตอนนั้นคือพี่มีเงื่อนไขในการเลือกอาชีพเยอะเหมือนกันนะ เช่น

    1.ต้องเป็นอาชีพสุจริต

    2.ต้องจบมาแล้วไม่ตกงาน

    3.สามารถเลี้ยงทั้งบ้านให้อยู่ได้อย่างสบายๆไม่ขัดสน ( อันนี้เป็นความตั้งใจส่วนตัว )
     

    เหตุผลหลักมีแค่นี้แหละ แต่ว่าตอนนั้นพี่ยังมีอคติการสายการแพทย์อยู่ คือพี่กลัวเข็มมากบอกตรงๆ ตอนเด็กๆนี่แค่รู้ว่าตัวเองจะได้ไปฉีดยานี่ร้องไห้รอก่อนแล้วจ้า ( คือแต่ตอนนี้ไม่ขนาดนั้นนะ แต่ก็กลัวอยู่ แต่ฉีดคนอื่นนี่เฉยๆ สนุกดี ฮ่าๆ) แล้วอีกอย่างนึงคือ พี่คิดว่าการเป็นหมอเลยมันกดดันพี่เกินไป.. พี่จะรับได้ไหมถ้าพี่ต้องเดินออกมาบอกญาติที่รออยู่ข้างนอกว่า เสียใจด้วยนะคะ ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว คือพี่ว่าพี่ต้องรู้สึกผิดแบบสุดๆอ่ะ ( แต่ไม่ใช่ว่าทันตะไม่กดดันนะ มันก็กดดันแต่แค่น้อยกว่านิดนึง ) ตอนนั้นพี่ก็กำลังคิดไปคิดมา มองหาอาชีพนู้นนี่นั้นไปเรื่อย จนวันนึงตอนพี่กำลังเล่นคอมอยู่แม่ก็กลับมาบ้านแล้วนั่งข้างโต๊ะคอม แล้วถามว่าพี่อยากเป็นอะไร พี่ก็บอกว่าตอนแรกอยากเป็นวิศวะ แม่ก็ เออ ลูกคนรู้จักแม่ก็เรียนจบวิศวะ แล้วพอจบมาหางานไม่ได้ ไอเราก็ เอาแล้ว.. ย้ำปมคิดอีก แม่พี่เลยบอกว่า ส้มไม่อยากเรียนแพทย์ ลองทันตะดูไหมล่ะ..

    พี่ก็ เออ ทันตะ... หมอฟัน ความคิด ณ จุดนั้นคือ ไม่เอาโว้ยยยย

    คือพี่กลัวมากอ่ะตอนนั้น กลัวหมอ กลัวอาจารย์ใหญ่ ( ตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่นะ ฮ่าๆ ) แต่คือพี่ก็เก็บมาคิดเฉยๆว่าแบบ เออต่อให้เราไม่ได้ทันตะ แต่ถ้าหวังสูงขนาดนั้นก็น่าจะได้คณะดีๆอยู่นะ

    ทันตะก็ได้วะ ( คือตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ )

    หลังจากนั้นแม่พี่ก็เลยพาไปดูคลินิกคนรู้จัก เค้าก็พาดูตอนทำฟัน ดูงานแลปฟันปลอม.. พี่ก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่ได้แย่อย่างที่เราคิดว่ะ ดูก็น่าสนุกดี เลยทำให้พี่มุ่งเป้าเรียนทันตะตลอดมา...

    จบแล้วชีวิตม.สี่พี่ ดูไร้สาระมากๆ คือบทนี้ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่เนอะ แค่บอกสาเหตุว่าทำไมจึงอยากเรียนทันตะเฉยๆ หลังจากนี้จะเป็นม.ห้าแล้ว เริ่มเป็นช่วงเครียดและ กิจกรรมก็เยอะ งานก็เยอะ

     

    ถ้ามีอะไรสงสัย ถามพี่ได้นะเฮ้ยยย  บอกเลยว่าพี่ไม่กัด พี่จะพยายามมาตอบให้ได้อย่างไวที่สุด ( นี่พยายามไม่ดองบล็อคแล้วนะฮรือออออ )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×