คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บาปสีขาว
การที่ชั้นมาอยู่ในกรงแห่งนี้ไม่ใช่เพราะว่าชั้นได้กระทำสิ่งที่ผิด แต่ว่า......การเกิดมาของชั้นเองต่างหากคือ ความผิด
คุณแม่ของชั้นแต่งงานตั้งแต่อายุ 21 ปีและเป็นสาวใช้ของบ้านใหญ่ตอนอายุ 22 ปี
คุณแม่นั้นสวยโดดเด่นจากสาวใช้คนอื่นๆที่ทำงานอยู่ขณะนั้นและก็เป็นที่ถูกใจของคุณพ่อที่ในตอนนั้นอายุ 20 ปี เป็นคนเสเพลและเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมัสเลอร์
วันหนึ่งตอนที่คุณแม่ทำความสะอาดห้องของคุณพ่ออยู่ตามปกตินั้นก็ถูกคุณพ่อที่เมาจนไม่ได้สติล่วงเกินเข้า
ไม่นานหลังจากนั้นนักคุณแม่ก็ถูกไล่ออกจากการเป็นสาวใช้และได้รับเงินค่าปิดปากมาก้อนหนึ่ง
เพียงแค่ไม่กี่เดือนคุณแม่ก็ได้รับผลตรวจว่า มีชั้นอยู่ในร่างกายของคุณแม่
คุณแม่สับสนมากเพราะไม่รู้ว่าชั้นนั้นเป็นลูกของใครกันแน่ระหว่างคุณพ่อกับสามีที่แต่งงานอยู่ด้วยขณะนั้น
ท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวันของคุณแม่ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับคุณแม่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งก่อนคลอดคุณแม่ตัดสินใจว่าถ้าหากชั้นเกิดมาเป็นลูกของสามีคุณแม่ก็จะเก็บเรื่องนั้นเอาไว้ในใจตลอดไป แต่ว่าถ้าหากชั้นเกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อล่ะก็คุณแม่ก็จะฆ่าชั้นทิ้งซะแล้วบอกว่าตายตอนคลอดเพราะแม่เคียดแค้นคุณพ่ออยู่ตลอดเวลา
สิ่งต่อมาก็คือ.....ชั้นเกิดมาเป็นลูกคุณพ่อทั้งสีผมและดวงตาเหมือนกับคุณพ่อทุกอย่าง สามีของคุณแม่นั้นพอเห็นชั้นก็ขอหย่ากับคุณแม่ทันทีละไม่ยอมฟังเหตุผลที่คุณแม่จะเล่า
แต่ว่า............คุณแม่ก็ไม่ได้ฆ่าชั้นเพราะว่าอะไรก็ไม่รู้สินะแล้วหลังจากนั้นคุณแม่อุ้มชั้นที่ยังแบเบาะอยู่นั้นกลับมายังบ้านของตระกูลมัสเลอร์ด้วยความเคียดแค้นและอยากจะให้ลิ้มรสความรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดชั้นขึ้นมา
แม่ขู่กรรโชกทางตระกูลมัสเลอร์ให้รับผิดชอบชั้นและจ่ายค่าเสียหายให้กับตนเองเป็นเงินมหาศาล แน่นอนว่าคุณพ่อไม่ยอมรับชั้นและถึงกับจะทำร้ายแม่ที่พกปืนเอาไว้ในกระเป๋าสะพายข้าง
เรื่องที่อาจจะจบลงที่การสูญเสียและการนองเลือดกลับจบลงอย่างสงบเมื่อคุณปู่กับคุณย่าซึ่งเป็นเจ้าตระกูลรุ่นก่อนนั้นออกมารับหน้าแทนคุณพ่อและรับที่จะเลี้ยงดูชั้นไปตลอดชีวิตพร้อมกับให้เช็คคุณแม่ไปกรอกจำนวนเงินที่ต้องการเองอีก 1 ฉบับ จำนวนเงินมากพอที่คุณแม่จะตั้งตัวใหม่ได้และมีชีวิตที่สุขสบายไปตลอดชีวิต
พอชั้นมาอยู่ที่บ้านของตระกูลมัสเลอร์ด้วยฐานะของทายาทคนแรกของคุณพ่อ คุณพ่อกลับคัดค้านและไม่ยอมชั้นเป็นลูกสาว ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือว่าแตะต้องเลยซักนิด หลังจากนั้นคุณปู่กับคุณย่าก็ตกลงกันและสร้างเรือนกระจกแห่งนี้ขึ้นมาให้ชั้นอยู่โดยที่จะถือว่าชั้นไม่เคยเกิดมาและมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่แรก
คนที่ดูแลชั้นตั้งแต่แบเบาะภายในเรือนกระจกแห่งนี้ก็คือ แม่นม ที่ค่อนข้างมีอายุและยังเป็นคนที่เลี้ยงดูคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก
แม่นมเป็นคนใจดีมากๆ มักจะตามใจชั้นทุกอย่าง สอนสิ่งต่างๆให้รู้ เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง
แต่พอชั้นอายุ 9 ขวบแม่นมก็ขอลาออกเพราะถึงวัยที่จะต้องเกษียณแล้วทิ้งชั้นเอาไว้เพียงคนเดียวในเรือนกระจกแห่งนี้
หลังจากนั้นคนที่มาแทนแม่นมนั้นเราไม่ชอบเลยซักคนแล้วยังพวกสาวใช้อีก ไม่ว่าจะแกล้งยังไงเดี๋ยวก็มีคนใหม่มาอีกแถมยังไม่เชื่อฟังในสิ่งที่ชั้นสั่งทำให้เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นเรื่อยๆและหันมาขลุกอยู่ในห้องอ่านหนังสือแทน หนังสือที่อยู่ที่นี่ทุกเล่มนั้นคุณปู่กับคุณย่าเป็นคนสั่งทางบริษัทมาส่ง หนังสือทุกอย่างที่มีประโยชน์และหลากหลายแขนงวิชาตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูงแต่ชั้นก็ไปสะดุดใจกับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งในตอนนี้เหมือนกับหนังสืออ่านเล่นของชั้นไปเสียแล้ว หนังสือที่รวบรวมเกี่ยวกับการสะกดจิตและจิตใต้สำนึกเอาไว้
การทดลองแบบง่ายก็เริ่มขึ้นจากการลองกับสาวใช้ที่เข้ามาใหม่ แค่ใช้ทริกนิดหน่อยกับประสาทก็สามารถที่จะสะกดจิตได้ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ
ห้ามขัดคำสั่ง................
ห้ามโต้แย้ง................
ห้ามขัดขืนต่อชั้น...........
และ......เมื่อใดที่ก้าวขาออกไปจากเรือนกระจกแห่งนี้ทุกอย่างที่เห็นข้างในนี้จะต้องถูกลบออกจากสมองให้หมด.......
นี่คือกฎซึ่งชั้นตั้งขึ้นในโลกของชั้น โลกอันจำกัดของชั้น
ทุกคนที่โดนชั้นสะกดจิตนั้นไม่มีใครที่จะรู้ตัวเลยซักนิดว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของชั้น แต่ก็ไม่เคยมีใครอยู่ได้เกิน 1 อาทิตย์
ตอนนี้ถ้าจะนับเวลาที่เราอยู่ในกรงแห่งนี้ก็ 16 ปีแล้วสินะ........ความรู้สึกว้าเหว่นี่จะมีไปถึงเมื่อไหร่กันนะ......
ใครก็ได้ปลดปล่อยชั้นออกไปจากกรงนี่.......ออกไปสู่อิสระทีเถอะ.....
...............................................................................................
.........................................................................................................................
“............ยร์คะ......”
“คุณเคียร์คะ มานอนอยู่ตรงนี้ไม่อึดอัดเหรอคะ?.......” เสียงปลุกทำให้ร่างบางที่หลับใหลอยู่นั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“ช่างชั้นเถอะน่า เธอแค่อยู่ข้างๆชั้นก็พอ” ผู้ที่ถูกปลุกให้ตื่นนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาก่อนที่จะเริ่มหลับตาลงอีกครั้ง
“ค่ะ.........” ทีน่าพูดตอบเจ้านายของเบาๆก่อนที่จะนั่งลงใกล้ๆนั้น
ที่นี่มีหนังสือเยอะจริงๆเลยนะเนี่ย ท่าทางจะเกินพันเล่มแฮะ ร่างบางคิดและหยิบหนังสือข้างๆตนเองขึ้นมาอ่านรอคอยเจ้านายของตนตื่น
แต่ความรู้สึกผิดที่ได้ทำลงไปก่อนหน้านี้กับคนตรงหน้านั้นยังฝังลึกอยู่ในใจของทีน่า
“ฮัดเช่ย!!!” เสียงจามของผู้ที่หลับอยู่นั้นทำให้ร่างบางหยิบผืนผ้าบางที่ค่อนข้างใหญ่ที่ถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยวางอยู่บริเวณนั้นขึ้นมาและห่มให้กับเจ้านายของตน
ซาตาน ปีศาจ เทวทูตหรือว่ามนุษย์แต่ว่าเวลาที่นอนหลับนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าต่างไปจากเด็กเลยแม้แต่น้อย
สาวใช้นั่งมองเจ้านายของตนที่นอนหลับอยู่นั้นพร้อมกับมองเรือนกระจกแห่งนี้ด้วยความสงสัยเกี่ยวกับการที่ทำไมคนตรงหน้านี้กลับต้องมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วยเพราะดูแล้วไม่น่าที่จะใช่ความสมัครใจของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
“อืม.......เมื่อ...ยจั..ง....?” ร่างที่หลับใหลนั้นตื่นขึ้นพร้อมความแปลกใจเกี่ยวกับผ้าที่คลุมร่างกายของตนเองเอาไว้
“อือ.......” เสียงของอีกคนที่นั่งหลับอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนนั้นทำให้เคียร์รู้สึกขำเล็กน้อย ทั้งทั้งที่ตอนที่ตนกลับอยู่นั้นมีโอกาสหนีแล้วแท้ๆเพราะว่าสัญญาณจากกำไรข้อมือกับปลอกคอนั้นไม่ได้เปิด
“เธอนี่มันซื่อจริงๆเลยนะ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบ้าหรือว่าโง่ดี” เคียร์เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ยิ่งเห็นหน้าตอนหลับแบบนี้แล้วน่าแกล้งชะมัด” นิ้วเรียวกดลงบนแก้มใสของทีน่าเบาๆ
“ช่างเถอะนะ คืนนี้นอนที่ห้องอ่านหนังสือก็ไม่เลว” ผู้ที่พูดนั้นถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะนำเอาผ้าห่มที่คลุมตนเองอยู่ตอนนี้มาคลุมอีกฝ่ายเอาไว้และหยิบหนังสือบริเวณนั้นขึ้นมาอ่านโดยที่อาศัยแสงจันทร์
วันนี้ชั้นจะปล่อยเธอไปก่อนก็แล้วกัน แต่ว่าพรุ่งนี้ก็ไม่แน่หรอกนะ
ความคิดเห็น