ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ribbon [YURI]

    ลำดับตอนที่ #4 : ดูหนัง

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 50


     

    เช้าวันเสาร์เวลาที่นัดก็มาถึง ร่างสูงของคนที่มักจะตื่นสายเป็นประจำนั้นกลับมายืนรออีก 2 คนที่หน้าบ้านของตน

     

    อา-รุณ-ซา-หวัด-ริสึ เสียงแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับมือที่เข้ามาปิดตาร่างสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

    หวา.....!! ริสึที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นถึงกลับเซไปข้างหลังตามน้ำหนักตัวอีกฝ่าย

     

    เล่นอะไรแบบนี้แต่เช้าเนี่ย โมมิจิ ร่างสูงพูดปนหวัเราะเล็กน้อยก่อนที่จะแกะมือของอีกฝ่ายที่ปิดตาตนนั้นออก

     

    แต่ก็อรุณสวัสดิ์นะ โมมิจิ คุโรอิด้วย ริสึพุดทักทายถึงยูกิเหมือนกับการพูดตามมารยาท

     

    อรุณสวัสดิ์......มัตสึอิ ยูกิขยับแว่ยตาเล็กน้อยก่อนที่จะชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยหางตาและพูดออกมา

     

    อืม........ว่าแต่เธอมีความแค้นหรือว่าไม่พอใจอะไรกับชั้นนักเนี่ย? ริสึตัดสินใจที่จะถามอีกฝ่ายไปตรงๆเพราะท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกต่อตนนั้นผิดกับที่แสดงออกกับคนอื่น

     

    ................อยากจะให้พูดจริงๆน่ะเหรอ? ทั้งทั้งที่เธอเองก็รู้นี่นา ยูกินั้นพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังจนริสึถึงกับผงะไปชั่วครู่

     

    เรื่องผมใช่ไหมล่ะ? แค่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้ผิดกฏระเบียบอะไรมากมายนี่นา...แล้วก็มีตั้งหลายคนทำ ริสึขยี้ปลายผมของตนเองที่ย้อมไว้ไปมาอย่างไม่คิดอะไร

     

    แปะ แปะ เสียงตบมือของโมมิจิที่ทำเพื่อยุติบรรยากาศน่าอึดอัดแบบแปลกประหลาดนี้

     

    อย่าเครียดกันสิ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอ? ว่าแล้วร่างเล็กของโมมิจินั้นก็เข้าไปคล้องแขนริสึและลากเดินไปอย่างไม่สนใจ

    ยูกิเลยแม้แต่น้อย

     

    เมื่อไปถึงจุดหมายแล้วนั้นก็ปรากฏว่ารอบหนังที่จะดูก็มีคนแน่นจนต้องเลื่อนไปดูจากตอนเช้าเป็นตอนบ่ายแทนในระหว่างที่ให้ถึงเวลานั้นทั้งสามก็ฆ่าเวลาโดยการเข้าร้านอาหารและร้านขายเครื่องประดับกับเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ดูเหมือนว่ายูกินั้นพยายามที่จะรักษาระยะห่างของตนกับคนทั้งสองเอาไว้โดยเฉพาะกับริสึที่เวลาเข้าไปใกล้หรือว่าพูดด้วยก็จะรู้สึกว่ามีสายตาของคนอีกคนหนึ่งจ้องมองตนอยู่

     

    ตึก...   หนังสือเล่มเล็กถูกนำออกมาอ่านระหว่างที่อยู่ในร้านอาหารและฟังอีกคนที่มาด้วยนั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยที่ตนเข้าไปแทรกวงสนทนาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

     

    เดียวชั้นมานะ ขอตัวไปห้องน้ำแปปนึง โมมิจิลุกขึ้นคว้ากระเป๋าถือใบเล็กของตนเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้คนทั้งสองที่นั่งห่างกันเอาไว้

     

    ................เอ่อ.....คุโรอิ..... ริสึเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อนเพื่อทำลายความงียบ

     

    อะไรเหรอ? ยูกิตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่าย

     

    เธอนี่ตีสีหน้าอื่นไม่เป็นรึไงกันน่......!!!” ในตอนที่กำลังพูดกวนอีกฝ่ายนั้นมือของริสึก็ปัดแก้วน้ำบนโต๊ะใกล้ลงมาลงบนเสื้อยืดของตนจนเปียกและเปรอะ

     

    ตึก.....แก่ก..    ยูกิก้มลงแก้วกระดาษที่กลิ้งมายังปลายเท้าของตนขึ้นมาวางบนโต๊ะเหมือนเดิมและนั่งย่อเข่ากับพื้นข้างหน้าริสึพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อของริสึ

     

    ม.....ไม่ต้องก็ได้เรื่องแบบ...... ......เธอนี่ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนไปเลยนะ.... ริสึถูกอีกฝ่ายพูดตัดประโยคที่กำลังจะพูด

     

    .....ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้....เธอก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย คำพูดประโยคนี้เบาจนเหมือนกับคำบ่นและริสึก็ได้ยินเพียงแว่วๆเท่านั้นจนนึกไปว่าอีกฝ่ายนั้นหมายถึงเรื่องเมื่อวันแรกที่ตนนั้นย้ายเข้ามาเรียนและชนเข้ากับอีกฝ่าย

     

    .........หืม? มีอะไรติดหน้าชั้นงั้นเหรอ? ยูกิรู้สึกถึงสายตาของริสึที่จับจ้องลงมาที่ตนอย่างไม่วางตาจึงได้ถามออกไป

     

    ปล......เปล่า....แค่คิดว่าขนตาเธอยาวดีก็เท่านั้นเอง ริสึสบสายตากับยูกิแล้วไม่รู้ควรที่จะพูดอะไรออกไปดีจึงได้พูดสิ่งที่ตนเห็นจากอีกฝ่ายอย่างเด่นชัดออกไปแทนทำให้ยูกินั้นแสดงสีหน้าที่ริสึไม่คิกว่าจะได้เห็นออกมาแทน

     

    ง....งั้นเหรอ... แก้มสีน้ำผึ้งของยูกินั้นแดงระเรื่อเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือที่เหลืออีกข้างของตนขึ้นมาปกปิดเอาไว้

     

    ........เธอเขินเหรอ? ริสึประหลาดใจกับสีหน้าที่เขินอายของยูกิที่ตนเพียงพูดว่าขนตาอีกฝ่ายยาวดีเท่านั้น

     

    เปล่านี่ ชั้นไม่ได้เขินแล้วก็หน้าแดงอะไรซะหน่อย จริงอ่า งั้นขอดูหน้าชัดหน่อยซิ ว่าแดงหรือว่าไม่แดง ริสึเห็นโอกาสในการแกล้งอีกฝ่ายจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเฉยๆอย่างแน่นอน

     

    นี่ ปล่อยชั้นนะ ไม่...จนกว่าเธอจะบอกว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบหน้าชั้นนัก ชั้นไปทำอะไรให้เธอหรือไง? ยูกิพยายามปัดมือของริสึที่จับแขนของตนเอาไว้ให้หลุดออกแต่ดูเหมือนจะไร้ผล

     

    ชั้นไม่มีอะไรจะต้องบอกเธอซะหน่อย ปล่อยแขนชั้นนะ เดี๋ยวโมมิจิจะกลับมาแล้ว ยูกิเริ่มลำบากใจเมื่อคิดว่าถ้าหากโมมิจิกลับมาแล้วเห็นตนกับริสึในสภาพนี้แล้วจะเข้าใจผิด

     

    โกหก เกี่ยวกับโมมิจิใช่ไหม? ทำไมเธอต้องแคร์โมมิจิด้วยทั้งทั้งที่ตอนนี้ชั้นถามเธอนะ ไม่ได้ถามโมมิจิ กลัวโมมิจิจะเข้าใจผิดนี่...สรุปว่าเธอกับโมมิจิเป็นอะไรกันกันแน่น่ะ? คุโรอิ จากการล้อเล่นกลับกลายเป็นบทสนทนาที่ค่อนข้างเครียด ความสงสัยของริสึนั้นผลักดันให้ถามคำถามนี้ออกมาอย่างฉุนฉียว โชคดีที่ร้านอาหารที่ทั้งสามไปนั่งนั้นอยู่มุมสงบที่ลับตาคนพอดิบพอดีและมีความเป็นส่วนตัวสูงจึงไม่มีใครเห็นหรือว่าได้ยิน

     

    ชั้นกับโมมิจิจะเป็นอะไรกันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอไม่ใช่เหรอ? ริสึ.........มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วไม่ใช่เหรอ?..... น้ำเสียงของยูกิสั่นเครือเล็กน้อย มือนั้นก็กำเอาไว้แน่นจนสั่น หยกน้ำใสร่วงลงมากระทบมือของริสึจนเจ้าตัวนั้นตกใจจนเผลอปล่อยแขนของอีกฝ่าย

     

    ข......ขอโทษ....มั......ยูกิ ริสึที่กำลังจะพูดขอโทษยูกิด้วยนามสกุลนั้นชะงักไปก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการเรียกชื่อจริง

     

    ..........พอเถอะ ไม่ต้องพูดขอโทษชั้นหรอก....มัตสึอิ ยูกิถอดแว่นตาออกเพื่อที่จะเช็ดน้ำตาก็ถูกหยิบแว่นออกจากมือของตนโดยผู้ที่เมื่อครู่นี้ไม่ได้ร่วมอยู่ในบทสนทนา

     

    เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมเหรอ? ยูกิ โมมิจิเช็ดแว่นของยูกิแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าตัว

     

    ม.......ไม่มีอะไร แค่ฝุ่นเข้าตา...ก็..เท่านั้นเอง.. คนโกหกไม่เก่งอย่างยูกินั้นพูดแล้วก็หลบสายตาของโมมิจิที่มองมา

     

    งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็แล้วไปแต่ว่าชั้นไม่คืนแว่นให้หรอกนะจนกว่าจะกลับ นี่ดูเหมือนกับบทลงโทษเล็กๆของโมมิจิที่มีต่อยูกิ

     

    นี่โมมิจิคืนแว่นให้คุโรอิไปเถอ..... ก็ได้ ตามใจเธอสิถ้าหากเธอจะเก็บแว่นเอาไว้ ยูกิพูดสวนขึ้นมาก่อนที่ริสึจะพูดจบ

     

    งั้นเราก็ไปดูหนังกันเถอะ ใกล้เวลาแล้วด้วย พอพูดจบโมมิจิก็ดึงมือของริสึให้เดินตามตนโดยที่ไม่ได้สนใจยูกิอีกเหมือนเดิม

     

    อ....อืม ริสึที่ไม่ทันได้ตั้งตัวต่อการกระทำของอีกฝ่ายนั้นไม่ลืมที่จะพายูกิไปด้วยเพราะในตอนนี้นั้นยูกิไม่ได้สวมใส่แว่นตาเอาไว้จึงน่าที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ชัดเจนนัก

     

    ทันทีที่มือของริสึจับมือของยูกินั้นใบหน้าของผู้ที่ถูกจับเอาไว้แดงระเรื่อขึ้นมาโดยอัติโนมัติก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าลงให้ผมหน้านั้นช่วยปกปิดใบหน้าอันแดงก่ำของตนเอาไว้และพยายามที่จะเดินตามอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยการมองเท้าของคนที่เดินอยู่ข้างหน้า

     

    ภายในโรงหนังมืดๆนั้นลำดับที่นั่งถูกเรียงกันโดยที่มีโมมิจินั่งอยู่ตรงกลางโดยที่มีริสึและยูกินั้นนั่งขนาบข้าง ในขณะที่ริสึดูหนังอย่างเพลิดเพลินนั้นก็ไม่ทันสังเกตุว่าโมมิจินั้นหันไปพูดอะไรบางอย่างกับยูกิ มือของโมมิจินั้นจับมือของยูกิที่วางอยู่บนที่วางแขนเอาไว้แล้วบีบอย่างแรงก่อนที่จะใช้เล็บยาวของตนกดลงบนผิวของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเป็นรอยถลอกอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานนักหนังที่ได้ดูนั้นก็จบลงริสึพูดถึงความสนุกของสิ่งที่เพิ่งดูผ่านตาไปนั้นออกมาโดยที่มีโมมิจิคอยตอบรับอยู่ตลอด ถึงจะเดินอยู่ด้วยกัน 3 คนแต่ก็ยังคงเหมือนกับเดินอยู่เพียง 2 คนโดยที่มีอีกคนนั้นเดินตามเท่านั้น

     

    ยูกิมองตามหลังของอีก 2 คนที่เดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานข้างหน้าตนก่อนที่จะยกมือที่ถูกเล็บของโมมิจิจิดลงบนผิวจนเป็นแผลขึ้นมาเลียเล็กน้อยด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×