คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ดูหนัง
เช้าวันเสาร์เวลาที่นัดก็มาถึง ร่างสูงของคนที่มักจะตื่นสายเป็นประจำนั้นกลับมายืนรออีก 2 คนที่หน้าบ้านของตน
“อา-รุณ-ซา-หวัด-ริสึ” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับมือที่เข้ามาปิดตาร่างสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“หวา.....!!” ริสึที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นถึงกลับเซไปข้างหลังตามน้ำหนักตัวอีกฝ่าย
“เล่นอะไรแบบนี้แต่เช้าเนี่ย โมมิจิ” ร่างสูงพูดปนหวัเราะเล็กน้อยก่อนที่จะแกะมือของอีกฝ่ายที่ปิดตาตนนั้นออก
“แต่ก็อรุณสวัสดิ์นะ โมมิจิ คุโรอิด้วย” ริสึพุดทักทายถึงยูกิเหมือนกับการพูดตามมารยาท
“อรุณสวัสดิ์......มัตสึอิ” ยูกิขยับแว่ยตาเล็กน้อยก่อนที่จะชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยหางตาและพูดออกมา
“อืม........ว่าแต่เธอมีความแค้นหรือว่าไม่พอใจอะไรกับชั้นนักเนี่ย?” ริสึตัดสินใจที่จะถามอีกฝ่ายไปตรงๆเพราะท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกต่อตนนั้นผิดกับที่แสดงออกกับคนอื่น
“................อยากจะให้พูดจริงๆน่ะเหรอ? ทั้งทั้งที่เธอเองก็รู้นี่นา” ยูกินั้นพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังจนริสึถึงกับผงะไปชั่วครู่
“เรื่องผมใช่ไหมล่ะ? แค่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้ผิดกฏระเบียบอะไรมากมายนี่นา...แล้วก็มีตั้งหลายคนทำ” ริสึขยี้ปลายผมของตนเองที่ย้อมไว้ไปมาอย่างไม่คิดอะไร
แปะ แปะ เสียงตบมือของโมมิจิที่ทำเพื่อยุติบรรยากาศน่าอึดอัดแบบแปลกประหลาดนี้
“อย่าเครียดกันสิ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอ?” ว่าแล้วร่างเล็กของโมมิจินั้นก็เข้าไปคล้องแขนริสึและลากเดินไปอย่างไม่สนใจ
ยูกิเลยแม้แต่น้อย
เมื่อไปถึงจุดหมายแล้วนั้นก็ปรากฏว่ารอบหนังที่จะดูก็มีคนแน่นจนต้องเลื่อนไปดูจากตอนเช้าเป็นตอนบ่ายแทนในระหว่างที่ให้ถึงเวลานั้นทั้งสามก็ฆ่าเวลาโดยการเข้าร้านอาหารและร้านขายเครื่องประดับกับเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ดูเหมือนว่ายูกินั้นพยายามที่จะรักษาระยะห่างของตนกับคนทั้งสองเอาไว้โดยเฉพาะกับริสึที่เวลาเข้าไปใกล้หรือว่าพูดด้วยก็จะรู้สึกว่ามีสายตาของคนอีกคนหนึ่งจ้องมองตนอยู่
ตึก... หนังสือเล่มเล็กถูกนำออกมาอ่านระหว่างที่อยู่ในร้านอาหารและฟังอีกคนที่มาด้วยนั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยที่ตนเข้าไปแทรกวงสนทนาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“เดียวชั้นมานะ ขอตัวไปห้องน้ำแปปนึง” โมมิจิลุกขึ้นคว้ากระเป๋าถือใบเล็กของตนเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้คนทั้งสองที่นั่งห่างกันเอาไว้
“................เอ่อ.....คุโรอิ.....” ริสึเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อนเพื่อทำลายความงียบ
“อะไรเหรอ?” ยูกิตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่าย
“เธอนี่ตีสีหน้าอื่นไม่เป็นรึไงกันน่......!!!” ในตอนที่กำลังพูดกวนอีกฝ่ายนั้นมือของริสึก็ปัดแก้วน้ำบนโต๊ะใกล้ลงมาลงบนเสื้อยืดของตนจนเปียกและเปรอะ
ตึก.....แก่ก.. ยูกิก้มลงแก้วกระดาษที่กลิ้งมายังปลายเท้าของตนขึ้นมาวางบนโต๊ะเหมือนเดิมและนั่งย่อเข่ากับพื้นข้างหน้าริสึพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อของริสึ
“ม.....ไม่ต้องก็ได้เรื่องแบบ......” “......เธอนี่ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนไปเลยนะ....” ริสึถูกอีกฝ่ายพูดตัดประโยคที่กำลังจะพูด
“.....ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้....เธอก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย” คำพูดประโยคนี้เบาจนเหมือนกับคำบ่นและริสึก็ได้ยินเพียงแว่วๆเท่านั้นจนนึกไปว่าอีกฝ่ายนั้นหมายถึงเรื่องเมื่อวันแรกที่ตนนั้นย้ายเข้ามาเรียนและชนเข้ากับอีกฝ่าย
“.........หืม? มีอะไรติดหน้าชั้นงั้นเหรอ?” ยูกิรู้สึกถึงสายตาของริสึที่จับจ้องลงมาที่ตนอย่างไม่วางตาจึงได้ถามออกไป
“ปล......เปล่า....แค่คิดว่าขนตาเธอยาวดีก็เท่านั้นเอง” ริสึสบสายตากับยูกิแล้วไม่รู้ควรที่จะพูดอะไรออกไปดีจึงได้พูดสิ่งที่ตนเห็นจากอีกฝ่ายอย่างเด่นชัดออกไปแทนทำให้ยูกินั้นแสดงสีหน้าที่ริสึไม่คิกว่าจะได้เห็นออกมาแทน
“ง....งั้นเหรอ...” แก้มสีน้ำผึ้งของยูกินั้นแดงระเรื่อเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือที่เหลืออีกข้างของตนขึ้นมาปกปิดเอาไว้
“........เธอเขินเหรอ?” ริสึประหลาดใจกับสีหน้าที่เขินอายของยูกิที่ตนเพียงพูดว่าขนตาอีกฝ่ายยาวดีเท่านั้น
“เปล่านี่ ชั้นไม่ได้เขินแล้วก็หน้าแดงอะไรซะหน่อย” “จริงอ่า งั้นขอดูหน้าชัดหน่อยซิ ว่าแดงหรือว่าไม่แดง” ริสึเห็นโอกาสในการแกล้งอีกฝ่ายจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเฉยๆอย่างแน่นอน
“นี่ ปล่อยชั้นนะ” “ไม่...จนกว่าเธอจะบอกว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบหน้าชั้นนัก ชั้นไปทำอะไรให้เธอหรือไง?” ยูกิพยายามปัดมือของริสึที่จับแขนของตนเอาไว้ให้หลุดออกแต่ดูเหมือนจะไร้ผล
“ชั้นไม่มีอะไรจะต้องบอกเธอซะหน่อย ปล่อยแขนชั้นนะ เดี๋ยวโมมิจิจะกลับมาแล้ว” ยูกิเริ่มลำบากใจเมื่อคิดว่าถ้าหากโมมิจิกลับมาแล้วเห็นตนกับริสึในสภาพนี้แล้วจะเข้าใจผิด
“โกหก เกี่ยวกับโมมิจิใช่ไหม? ทำไมเธอต้องแคร์โมมิจิด้วยทั้งทั้งที่ตอนนี้ชั้นถามเธอนะ ไม่ได้ถามโมมิจิ กลัวโมมิจิจะเข้าใจผิดนี่...สรุปว่าเธอกับโมมิจิเป็นอะไรกันกันแน่น่ะ? คุโรอิ” จากการล้อเล่นกลับกลายเป็นบทสนทนาที่ค่อนข้างเครียด ความสงสัยของริสึนั้นผลักดันให้ถามคำถามนี้ออกมาอย่างฉุนฉียว โชคดีที่ร้านอาหารที่ทั้งสามไปนั่งนั้นอยู่มุมสงบที่ลับตาคนพอดิบพอดีและมีความเป็นส่วนตัวสูงจึงไม่มีใครเห็นหรือว่าได้ยิน
“ชั้นกับโมมิจิจะเป็นอะไรกันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอไม่ใช่เหรอ? ริสึ.........มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วไม่ใช่เหรอ?.....” น้ำเสียงของยูกิสั่นเครือเล็กน้อย มือนั้นก็กำเอาไว้แน่นจนสั่น หยกน้ำใสร่วงลงมากระทบมือของริสึจนเจ้าตัวนั้นตกใจจนเผลอปล่อยแขนของอีกฝ่าย
“ข......ขอโทษ....มั......ยูกิ” ริสึที่กำลังจะพูดขอโทษยูกิด้วยนามสกุลนั้นชะงักไปก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการเรียกชื่อจริง
“..........พอเถอะ ไม่ต้องพูดขอโทษชั้นหรอก....มัตสึอิ” ยูกิถอดแว่นตาออกเพื่อที่จะเช็ดน้ำตาก็ถูกหยิบแว่นออกจากมือของตนโดยผู้ที่เมื่อครู่นี้ไม่ได้ร่วมอยู่ในบทสนทนา
“เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมเหรอ? ยูกิ” โมมิจิเช็ดแว่นของยูกิแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าตัว
“ม.......ไม่มีอะไร แค่ฝุ่นเข้าตา...ก็..เท่านั้นเอง..” คนโกหกไม่เก่งอย่างยูกินั้นพูดแล้วก็หลบสายตาของโมมิจิที่มองมา
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็แล้วไปแต่ว่าชั้นไม่คืนแว่นให้หรอกนะจนกว่าจะกลับ” นี่ดูเหมือนกับบทลงโทษเล็กๆของโมมิจิที่มีต่อยูกิ
“นี่โมมิจิคืนแว่นให้คุโรอิไปเถอ.....” “ก็ได้ ตามใจเธอสิถ้าหากเธอจะเก็บแว่นเอาไว้” ยูกิพูดสวนขึ้นมาก่อนที่ริสึจะพูดจบ
“งั้นเราก็ไปดูหนังกันเถอะ ใกล้เวลาแล้วด้วย” พอพูดจบโมมิจิก็ดึงมือของริสึให้เดินตามตนโดยที่ไม่ได้สนใจยูกิอีกเหมือนเดิม
“อ....อืม” ริสึที่ไม่ทันได้ตั้งตัวต่อการกระทำของอีกฝ่ายนั้นไม่ลืมที่จะพายูกิไปด้วยเพราะในตอนนี้นั้นยูกิไม่ได้สวมใส่แว่นตาเอาไว้จึงน่าที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ชัดเจนนัก
ทันทีที่มือของริสึจับมือของยูกินั้นใบหน้าของผู้ที่ถูกจับเอาไว้แดงระเรื่อขึ้นมาโดยอัติโนมัติก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าลงให้ผมหน้านั้นช่วยปกปิดใบหน้าอันแดงก่ำของตนเอาไว้และพยายามที่จะเดินตามอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยการมองเท้าของคนที่เดินอยู่ข้างหน้า
ภายในโรงหนังมืดๆนั้นลำดับที่นั่งถูกเรียงกันโดยที่มีโมมิจินั่งอยู่ตรงกลางโดยที่มีริสึและยูกินั้นนั่งขนาบข้าง ในขณะที่ริสึดูหนังอย่างเพลิดเพลินนั้นก็ไม่ทันสังเกตุว่าโมมิจินั้นหันไปพูดอะไรบางอย่างกับยูกิ มือของโมมิจินั้นจับมือของยูกิที่วางอยู่บนที่วางแขนเอาไว้แล้วบีบอย่างแรงก่อนที่จะใช้เล็บยาวของตนกดลงบนผิวของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเป็นรอยถลอกอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานนักหนังที่ได้ดูนั้นก็จบลงริสึพูดถึงความสนุกของสิ่งที่เพิ่งดูผ่านตาไปนั้นออกมาโดยที่มีโมมิจิคอยตอบรับอยู่ตลอด ถึงจะเดินอยู่ด้วยกัน 3 คนแต่ก็ยังคงเหมือนกับเดินอยู่เพียง 2 คนโดยที่มีอีกคนนั้นเดินตามเท่านั้น
ยูกิมองตามหลังของอีก 2 คนที่เดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานข้างหน้าตนก่อนที่จะยกมือที่ถูกเล็บของโมมิจิจิดลงบนผิวจนเป็นแผลขึ้นมาเลียเล็กน้อยด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด
ความคิดเห็น