คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทลงโทษ
“ไปก่อนนะคะ” เสียงใสบอกคนในครอบครัวก่อนที่จะก้าวเท้าออกมาและเดินไปยังบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“มารับชั้นช้าไป 3 นาทีนะ ยูกิ” ร่างบางยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้านของตนโดยที่สายตานั้นจับจ้องหน้าปัดนาฬิกาไปด้วย
“ขอโทษทีก็แล้วกัน เมื่อคืนนี้ชั้นทำงานจนดึกเธอเองก็รู้นี่นา” ยูกิพูดพลางขยับแว่นของตนให้เข้าที่
“ก็รู้น่ะสิ แต่ว่าไม่ควรที่จะใช้มันมาเป็นข้ออ้างเลยนะยูกิ” ผู้ที่นั้นพยายามที่จะยั่วโมโหอีกฝ่าย
“งั้นก็ขอโทษที ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปรร.กันเถอะ โมมิจิ” ยูกิขยับแว่นตาของตนให้เข้าที่พร้อมกับเดินนำหน้าอีกฝ่าย
“เดี๋ยวสิ.....ยูกิ....” เสียงพูดที่หนักแน่นเรียกให้อีกฝ่ายหยุดหันกลับมามอง
“ม.....มีอะไรงั้นเหรอ?....” “ชั้นว่าเราแวะไปรับริสึด้วยดีกว่านะ เธอคิดว่าไง”
“ตามใจเธอสิ ถ้าหากเธอต้องการแบบนั้นน่ะ” ร่างบางตอบรับพร้อมกับเดินเลี้ยวไปยังทางที่จะต้องผ่านหน้าบ้านของคนที่ถูกพูดถึง
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านของริสึ พอมองขึ้นไปยังชั้น 2 แล้วนั้นดูท่าว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตื่นนอนด้วยซ้ำไปเพราะผ้าม่านสีขาวยังถูกปิดเอาไว้
ปิ๊ง....................ป่อง............. เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นด้วยฝีมือของโมมิจิที่กดเครื่องส่งเสียงนี้โดยไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย
แทนที่จะมีเสียงตอบรับของเจ้าของกลับบ้านกลับมานั้นกลับมีเสียงดังโครมครามดังขึ้นแทนเหมือนกับของหลายอย่างอยู่กระแทกไปมาก่อนที่ประตูหน้าบ้านจะถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของริสึที่แต่งตัวยังไม่ค่อยจะเรียบร้อยและในปากก็คาบขนมปังแผ่นเอาไว้
“ข.....ขอโทษที ลืมไปเลยว่าเธอจะมารับน่ะ โมมิจิกับ........คุโรอิ” ท่าทางของริสึที่แสดงออกต่อหญิงสาวทั้งสองที่มารับนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนกับว่ายูกินั้นไม่ค่อยที่จะมีความสำคัญเท่าไหร่นัก
“อรุณสวัสดิ์ ริสึ” โมมิจิพูดทักทายก่อนที่จะเข้าไปควงแขนอีกฝ่าย
“อรุณสวัสดิ์ โมมิจิ” ริสึหันไปยิ้มทักทายกับอีกฝ่ายทั้งทั้งที่ในปากนั้นก็เคี้ยวขนมปังแผ่นไป ส่วนมือที่เหลือก็จัดเสื้อผ้าที่ใส่อย่างรีบร้อนให้เข้าที่
ระยะก้าวเท้าของทั้ง 3 คนนั้นค่อยๆห่างกันขึ้นเรื่อยๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ ยูกิที่เดินนำหน้านั้นจากที่ห่างกันไม่กี่ก้าวกลับกลายเป็นหลายช่วงตัวแต่ทั้งริสึและโมมิจิก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
แต่ในตอนเที่ยงนั้นโมมิจิกลับเรียกยูกิที่ปกติจะทำงานอยู่ในห้องกรรมการนร.ให้ออกไปพบที่ดาดฟ้าและพูดบางอย่างที่ข้างหู
‘วันนี้ชั้นอยากที่จะให้เธอมาค้างด้วย.........ห้ามปฏิเสธล่ะ’ พอพูดเสร็จก็เดินลงบันไดไปทันทีโดยที่ไม่รอคำตอบจากปากของอีกฝ่าย
แฮ่ก.......................แฮ่ก........................แฮ่ก..................... เสียงลมหายใจหอบของยูกิดังขึ้นอย่างเบาๆภายในห้องนอนของโมมิจิ
“.........เป็นอะไรไปล่ะ อึดอัดรึไงกัน? ยูกิ” โมมิจิพูดกับอีกฝ่ายที่นอนอยู่ใต้ร่างกายของตนและถูกตนใช้มือทั้งสองข้างบีบคอเอาไว้
มือทั้งสองข้างของยูกินั้นถูกรวบเอาไว้บนหัวเตียงโดยใช้เข็มขัดหนังสีดำเส้นเล็กผูกข้อมือเอาไว้กับซี่เหล็กของหัวเตียง
“แค่ก.....แค่ก.....แค่ก.....หย........หยุดเถอะ......ได้โปรด......” เสียงพูดเบาๆปนอาการไอเพราะหายใจไม่สะดวกของยูกิขอร้องอีกฝ่ายที่นั่งคร่อมร่างกายของตนอยู่
“หยุด? ก็ได้.....แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ ยูกิ” แรงกดที่ปลายนิ้วของโมมิจินั้นแรงขึ้นเพื่อเพิ่มความทรมานให้กับอีกฝ่าย
“อะ.........อึก...........ก......” เสียงร้องครางอย่างทรมานของยูกิเล็ดลอดออกมาจากซี่ฟันที่กัดกันแน่น น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ทำไม......ทำไมริสึถึงยังสนใจคนอย่างเธอนัก ทั้งทั้งที่จำอะไรไม่ได้แท้ๆ นั่นยิ่งทำให้ชั้นเกลียดเธอยิ่งขึ้น....รู้ไหม?” เสียงของผู้ที่พูดนั้นก็สั่นเครือเล็กน้อย
“ชั้นเกลียดเธอ!! ชั้นถึงต้องทำลายเธอ!!” ทันทีที่โมมิจิเพิ่มแรงบีบที่ลำคอเท้าทั้งสองข้างของยูกิก็เตะไปมาอย่างไม่มีจุดหมายด้วยความทรมาน แต่ก่อนที่จะหมดสตินั้นมือที่บีบอยู่นั้นก็ถูกคลายออก
เสียงไอปนสะอื้นของยูกิดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างนั้นร่างของคนที่อยู่บนร่างกายของอีกฝ่ายก็ได้ลงมาจากที่นอนก่อนที่จะใช้มือของตนลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายที่ดูไร้ท่าทางขัดขืน ผ้าเช็ดหน้าลายหวานถูกใส่เข้าไปในปากของยูกิเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้
“จำเอาไว้นะ........ว่า เธอน่ะเป็นของของชั้น ยูกิ” เสียงหวานกระซิบเข้าที่ข้างหูของยูกิก่อนที่จะเจ้าตัวจะพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเสียไม่ได้
“ดีมาก.......ยูกิ” เข็มขัดเส้นเล็กที่มัดข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้นั้นถูกปลดออกให้ผู้ที่ถูกพันธนาการนั้นขยับร่างกายสบายขึ้น
“..............” ร่างที่บอบช้ำนั้นลูบลำคอตัวเองไปมาและไอนิดหน่อย
“.........ทำไม.....เธอ....ถึงทำแบบนี้กับชั้นล่ะ?.....เธอชอบริสึไม่ใช่เหรอ?...” น้ำเสียงพูดปนไอของยูกิถามอีกฝ่ายที่จ้องมองตนเอง
“ใช่.....ชั้นชอบริสึ แต่ว่าริสึก็สนใจเธอไม่น้อยนี่นาทั้งตอนนี้แล้วก็เมื่อก่อนแล้วรอยนี่น่ะ......ก็เป็นฝีมือเธอไม่ใช่เหรอ?” ผู้ที่พูดนั้นใช้หางตามองอีกฝ่ายพร้อมกับดึงชุดนอนสีหวานของตนให้ลู่ลงจนเห็นรอยแผลขนาดใหญ่เป็นทางยาวระหว่างหัวไหล่ซ้ายเฉียงลงมาเกือบถึงกลางหลัง แต่ว่ารอยแผลนี้ก็ถูกเส้นผมที่ถูกไว้จนยาวปกปิดเอาไว้เกือบหมด
“.............ช......ชั้น.....” ยูกินั้นก้มหน้าลงมองมือของตนที่กำแน่นอยู่และเลื่อนร่างกายของตนเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวถึงจะเจอเรื่องอย่างเมื่อครู่นี้มาก็ตาม
เหมือนกับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายคิดหรือว่าเพราะถูกกระทำมาหลายครั้งก็ไม่อาจรู้ได้ ยูกิได้เลื่อนริมฝีปากของตนเข้าไปสัมผัสกับรอยแผลเป็นสีชมพูจางที่จะเรียกว่าน่าเกียจหรือว่าน่ากลัวก็ไม่น่าที่จะใช่เพราะเท่าที่เห็นนั้นค่อนข้างเก่าแต่ก็ยังเห็นได้ชัดอยู่ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนค่อยๆบรรจงจูบลงบนรอยแผลจากหัวไหล่ลงมาอย่างแผ่วเบา
“..................อะ......” เสียงน้อยๆถูกปล่อยออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวของโมมิจิเพราะปลายอิ้นอุ่นๆของอีกฝ่ายนั้นสัมผัสที่กลางแผ่นหลังของตนและยังคงรุกไล่ขึ้นมาตามแนวสันหลังจนถึงลำคอ
“...หย.......หยุดนะ ยูกิ” เสียงห้ามปรามอีกฝ่ายดังขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้ผลซักเท่าไหร่นัก
“.......หยุด.....ทำไมล่ะ?.....ก็ปกติเธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ยูกินึกสนุกขึ้นมาเมื่อได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่มักจะเป็นฝ่ายกระทำให้ตนเป็นเบี้ยมาโดยตลอดนั้นไร้ทางขัดขืน
ตุบ ร่างบางถูดกดให้ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนที่นอนนุ่มแทนอีกฝ่ายโดยที่มีผู้ที่ถูกกระทำเมื่อครู่นี้นั่งคร่อมลำตัวช่วงล่างและใช้มือทั้งสองข้างจับที่ข้อมือของตนเอาไว้ ยูกิค่อยๆโน้มใบหน้าของตนเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า
p
..pppppp
ppp
p เสียงเครื่องมือสื่อสารเครื่องน้อยของโมมิจินั้นดังขึ้นเหมือนกับระฆังที่ช่วยหยุดทุกอย่างเอาไว้
“ฮ.....ฮัลโหล....ริสึ” โมมิจิผลักอีกฝ่ายออกไปจากบนร่างกายของตนก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างที่นอนอย่างรีบร้อน
ชื่อที่ถูกพูดออกมา ริสึ คนที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งของการสื่อสารนี้ ท่าทางการพูดคุยอย่างสนุกสนานกับโมมิจินั้นถึงกับทำให้ยูกิที่อยู่ใกล้ๆนั้นทนที่จะรับฟังทั้งคู่พูดคุยกันไม่ได้จึงเดินออกไปยังระเบียงและปิดประตูกระจกคั่นอีกฝ่ายเอาไว้ให้ท่าทางและเสียงพูดคุยอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กนั่นเท่านั้น
แต่การที่ไม่ยอมสบตากันนั้นทำให้ผู้ที่พูดคุยกับอีกฝ่ายผ่านเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กนั้นรู้ว่ายูกิรู้สึกอย่างไร นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะเอาคืนจากเมื่อครู่นี้ที่ตนถูกอีกฝ่ายรุกไล่
ครืด โมมิจิเลื่อนประตูกระจกที่ถูกปิดเอาไว้ให้เปิดออกพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายที่อยู่ห่างไม่ถึง 2 ก้าวและจงใจที่จะเปลี่ยนโหมดการพูดคุยเป็นลำโพงให้ยูกินั้นได้ยินที่ตนและริสึพูดคุยกันทุกประโยค
“ทำไมเสียงลมแรงจังล่ะ? โมมิจิ” เสียงของริสึที่ลอดผ่านโทรศัพท์มือถือมานั้นฟังดูทุ้มกว่าปกติเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรหรอก ริสึ เพียงแต่ชั้นออกมารับลมที่ระเบียงน่ะ” โมมิจิที่พูดอย่างสนุกสนานนั้นถึงจะปากจะพูดแบบไหนแต่กระทำนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ริมฝีปากของโมมิจินั้นสัมผัสกับใบหูของยูกิโดยที่เจ้าตัวนั้นยังไม่ทันตั้งตัวจนเผลอที่จะส่งเสียงร้องเพราะความตกใจออกไปจนต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างนั้นรีบขึ้นมาปิดปากของตนในทันที แต่ดูเหมือนว่าโมมิจิจะไม่ยอมหยุดเพียงเท่านั้น มือที่ว่างอยู่อีกข้างนึงนั้นลูบต้นขาของยูกิที่ในตอนนี้ใส่ชุดนอนวันพีชยาวคลุมเข่าเหมือนกับจะพยายามให้ยูกินั้นส่งเสียงร้องที่น่าอายออกมาให้ริสึได้ยิน
“นี่........ริสึ....ชอบชั้นไหม?” โมมิจิถามคำถามนี้ต่อหน้ายูกิที่ยังคงฟังอยู่
“หืม?.....ทำไมอยู่ดีๆถึงถามล่ะ? ก็ต้องชอบสิก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา” ริสึตอบคำถามออกไปอย่างไม่รู้สถานการณ์ของปลายสาย
“ไม่มีอะไรหรอก.....นี่...พรุ่งนี้ริสึว่างไหมชั้นอยากชวนเธอไปดูหนังนะ”
“พรุ่งนี้เหรอ? ว่างสิ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ตอน 11 โมงชั้นจะไปหาเธอนะแล้วเราไปดูหนังกัน”
“อืม ได้สิ แต่ว่าชั้นชวนคุโรอิไปด้วยได้ไหม?” อยู่ๆริสึก็พูดถึงยูกิขึ้นมาทำให้เจ้าตัวถึงกับตกใจเล็กน้อย
“......เธอจะชวนยัยนั่นไปทำไมเหรอ? ริสึ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดว่าดูหนังแค่สองคนคงจะน่าเบื่อแล้วคุโรอิก็อยู่แถวนี้ด้วยใช่ไหมล่ะ? ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา”
“งั้นเหรอ?.............อืม.......ก็ได้ แล้วชั้นจะบอกคุโรอิให้นะ ราตรีสวัสดิ์นะ ริสึ” “อืม ราตรีสวัสดิ์นะ”
และแล้วการพูดคุยก็สิ้นสุดลงพร้อมกับการถูกคาดโทษของโมมิจิที่มีต่อยูกิเพิ่มมากขึ้น โดยที่ตัวยูกิเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
ความคิดเห็น