คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หนี้รัก.......3 : Be my Somebody
หนี้รัก.......3 : Be my Somebody
“คุณนี่บ้านคุณหรอ” พันวาเอ่ยถามทันทีเมื่อเดินตามคนขี้หงุดหงิดจนพ้นแนวหญ้าแล้วมาเจอกับบ้านสไตล์โมเดิร์นริมหน้าผาที่พอจะมีทางเดินลงไปถึงหน้าหาดได้ “หูยนี้เราเดินขึ้นมาสูงขนาดนี้เลยหรอ มิน่าเดินมารู้สึกเหนื่อย” หน้าที่แดงเพราะความเหนื่อยชะโงกดูความสูงของผาที่ไม่ชันมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังรู้สึกสูงอยู่ดี
“นายจะเงียบบ้างได้ไหม ทำไมตอนอยู่ที่บ้านตัวเองก็ดูสงบเสงี่ยมดีหรอก หรือว่าอยู่บ้านเก็บกดไม่ได้พูด” คนที่เคยชินกับความเงียบหันมาตวาดคนที่เดินตามมาด้านหลัง แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรให้คลายสงสัยพ่วงมาด้วยเลย
“มันก็มีบ้างหล่ะคุณ อยู่ที่บ้านไม่มีใครอยากฟังผมพูด เขาไม่เห็นว่าผมเป็นครอบครัวของเขา แม้แต่พ่อผมก็เถอะ” พันวายอมรับอย่างง่ายดายที่ถูกหาว่าเก็บกดแม้เสียงจะปกปิดความเศร้าไม่มิดก็ตาม ดวงตารีมองไปรอบบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ การจัดแต่งที่ดูง่ายดาย เน้นความสะดวกมากกว่าความสวยงาม แต่ก็สวยลงตัวแบบดิบๆ
“แล้วคิดว่าฉันอยากฟังนายพูดหรือไง”
“อุ้ย แรงนะคุณเนี่ย” ร่างเล็กแอบพึมพำเบาๆ ทำสีหน้าล้อเลียน ไม่ใส่ใจคำพูดเพราะไม่ใช่คนสำคัญที่เขาต้องแคร์ ก่อนเดินสำรวจรอบบ้านปล่อยให้คนที่ทำทางมาไปทำธุระของตัวเอง บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวที่เน้นเปลือยโครงสร้างแบบเรียบง่าย มี ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นโล่งๆ มีระเบียงที่ยื่นออกไปในหน้าผา แต่ที่สะดุดที่สุดก็คือ เปียโนตัวใหญ่ที่ตั้งหลบมุมอยู่
“เลิกสำรวจบ้านได้แล้ว ฉันต้องพานายกลับไปที่กระท่อม ไม่รู้จะเดินตามมาทำไม” คียตกาลบ่นกับตัวเองในประโยคสุดท้ายรำคาญสุดแสน เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตแบบนี้ แต่ที่ทำอยู่ก็เพือจะสั่งสอนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่สงสัยมันจะไร้ค่าเสียแล้ว
“หูยยคุณ ให้ผมนอนที่นี่เหอะ มีตั้งสองนอน ให้ผมนอนห้องหนึ่ง อยู่บนเกาะแบบนี้รับรองผมไม่ขโมยอะไรของคุณไปขายหรอก” ตารีๆพยายามปั้นแต่ให้ดูน่าสงสาร ก็มีเตียงนุ่มๆอยู่ตรงนี้ใครจะอยากกลับไปนอนที่แคร่ไม้เก่าๆแข็งแบบนั้น
“นายลืมไปหรือว่าที่มาเนี่ย เพราะถูกฉันจับมา ไม่ได้มาเที่ยวพักร้อน” คียตกาลถามกลับไม่ได้รู้สึกอะไรไปกับสายตาอ้อนแบบไม่จริงใจนั่น
“มันเป็นความผิดคุณเลยนะที่หาข้อมูลเรื่องพี่สาวผมไม่ดีพอ ให้ผมนอนที่นี่จนกว่าคุณจะเชื่อแล้วพาผมกลับบ้านเถอะนะ รับรองเลยว่าจะตัวให้มีประโยชน์สุดๆ” เมื่ออ้อนไม่ได้ผล พันวาก็เอาความสามารถเข้าสู้
“เฮ้ออ” ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ส่ายหน้ายอมแพ้ลูกตื้อคนตัวเล็กกว่า “งั้นนายก็ไปนอนห้องเล็กป่ะ ในนั้นมีเสื้อผ้าของคินอยู่ นายเอามาใส่ก็ได้”
“ใครหรอคุณ?” เพราะมีชื่อไม่คุ้นหูเพิ่มเข้ามาพันวาก็ไม่ปล่อยผ่านรีบถามทันที เผื่อจะตีสนิทขอให้พากลับบ้านได้บ้าง
“คินากร น้องชายฉันเอง” เรียบง่าย และได้ใจความ!
“เอ่ออออ หรอ ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กกว่ากลืนน้ำลายลงเอื้อก ไม่ต้องถามต่อก็รู้แล้วว่าห้องที่ดิ้นรนอยากมานอนเป็นห้องของใคร ให้ตายเหอะ! แหกปากร้องกลับไปนอนที่กระท่อมจะทันไหมเนี้ย
สุดท้ายพันวาก็เดินเข้าไปในห้องที่รู้แล้วว่าเจ้าของเป็นใคร ถึงยังพอมีแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ส่องเข้ามาแต่ใจก็อดคิดว่ามันวังเวงไม่ได้ จนต้องปลอบใจตัวเอง “เอาว่ะ นอนนี้ก็ยังดีกว่านอนที่กระท่อมพังตอนไหนก็ไม่รู้”
ร่างเตี้ยๆของพันวาหายเข้าไปในห้องน้ำที่อุปกรณ์ความสะดวกครบครันมีแม้กระทั่งผ้าขนหนูวางไว้ให้คว้าได้ก่อนเดินมาพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนเอว เปิดตู้ตั้งท่าจะรื้อเสื้อผ้าในตู้มาใส่แต่ฉุกใจคิดอะไรได้ ตารีเรียวส่ายไปมามองรอบๆห้อง พูดกับคนที่มองไม่เห็น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ในห้องด้วยกันหรือเปล่า “คุณคินากรครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมากวนคุณนะ แต่พี่ชายคุณเขาจับผมมา ถ้ายังไงผมยืมของคุณใช้ก่อนนะ ถ้าอนุญาตก็เฉยๆ ไม่ต้องส่งสัญญาณ แต่ถ้าไม่อนุญาตคุณไปเข้าฝันบอกพี่ชายคุณนะ ไม่ต้องบอกผม”
“......”
พันวาเหลือบตามองไปรอบห้องอีกครั้ง ไม่มีอะไรผิดสังเกตก็หยิบเสื้อยืดกับกางเกงประมาณเข่ามาใส่ ถึงมันจะหลวมแต่ก็โชคดีที่เป็นกางเกงมีเชือกรูด ส่วนความยาวใส่แล้วก็เลยเข่าไปเยอะเหมือนกัน “พวกคุณนี้สูงกันทั้งบ้านเลยเนอะ”
ร่างบางทิ้งตัวลงที่นอนนุ่นๆ แต่ก็ยังขอเหลือบมองไปรอบๆห้องในหัวจินตนาการฉากสยองที่เคยดูจากหนังผี ทั้งโผล่มาจากซอกหลืบ ยืนปลายเตียง หรือจะทิ้งตัวจากเพดาน “เอ่อ...คุณคิน คุณคงไม่ขี้เล่นขนาดนั้นหรอกเนอะ ผมขอนอนนะ”
<3-----<3 <3-----<3
เสียงเอะอะโคล้งเคล้งดังขึ้นทำลายความฝัน ปลุกให้พันวาต้องตื่นขึ้นแล้วเดินตามเสียงไปแบบสะลึมลือ จนกระมาถึงต้นเสียงที่หน้าห้องครัว เห็นคนในห้องครัวกำลังกระโดดเด๋งดึ๋งไปมาพร้อมเสียงร้องโวยวายอะไรดูตลกผิดลุกส์คนเงียบขรึมขี้โมโหที่เจอมาทั้งวัน
“คุณทำอะไรหน่ะ” ถึงจะขำแต่ก็อดสงสารไม่ได้ จึงต้องถามคนที่ดูแล้วการเข้าครัวคงไม่ใช่อะไรที่ทำบ่อยๆ ไม่งั้นคงไม่กระโดดแขยงน้ำมันแบบนี้
“เรื่องของฉัน” คียตกาลบอกเสียงห้วนไม่สนใจคนที่ยืนสะลึมสะลืออยู่ข้างหลังแบบจงใจเมินเฉย
“ก็รู้ว่าเรื่องของคุณ แต่ผมแค่อยากจะช่วย แต่เอาเหอะเรื่องของคุณผมไม่ยุ่งหรอก” เสียงห้วนของผู้ชายตัวสูงทำให้ร่างเล็กอดหมั่นไส้ไม่ได้ ทั้งที่ตั้งใจจะช่วย แต่มาเจอแบบนี้ ทำกินเองเหอะ กินไม่ได้แล้วอย่ามาบ่นหล่ะกัน
“อย่างนายทำเป็นหรือไง” ชายหนุ่มเปลี่ยนโทนเสียงเป็นท้าทายแกมดูถูกในทันทีเมื่อได้ยินคำอาสาตัวจะช่วย
“แน่นอน คุณหลบไป ผมจะทำให้ดู” ถึงรู้ว่าเป็นคำท้าทายแบบขอร้องแต่กลัวเสียฟอร์ม พันวาก็ยังทำให้ เพราะไม่งั้นเมื่อไหร่จะได้กิน ขืนแขวนท้องรอมีหวังว่ากระเพาะจะขาดก่อน
ตารีๆเหลียวมองไข่ดำๆไหม้เกรียมที่อยู่ในถังขยะแล้วได้แต่หัวเราะในใจ ทำไม่เป็นแล้วยังจะหยิ่งอีกนะคนเรา “นี้คุณทอดไข่แบบนี้นะ ต่อให้น้องไก่กับน้องกะต๊ากคุณออกไข่จนหมดตัว คุณก็ยังไม่ได้กินหรอกเชื่อผมดิ ทอดไข่อ่ะมันเหมือนง่าย แต่ก็ต้องมีเทคนิค อยากให้ไข่ฟูก็ใส่มะนาวหน่อย หรือใส่น้ำนิดๆไม่ให้เป็นไข่นักล้ามกระด้างๆ นี้เห็นไหม ไฟปานกลางค่อยๆทำ ได้แล้วสวยด้วย” พันวาตักไข่ใส่จานมาให้ชายหนุ่มดู
“ทำเป็นก็ดี ต่อไปนายก็เป็นคนทำหล่ะกัน อย่าลืมว่าที่ฉันพานายมาที่นี่ก็เพราะจะแก้แค้นพี่สาวนายเข้าใจไหม” คนเสียฟอร์มสั่งอย่างจริงจังก่อนเดินหนีไปพร้อมจานไข่เจียวใบสวย
“แบ แบ แบ แบ” พันวาทำสีหน้าล้อเลียนลับหลังก่อนมีรอยยิ้มน้อยๆ จะว่าไปคนที่พาเขามาที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก ก่อนจะหันไปจัดการทำเมนูไข่ให้ตัวเอง แต่ระดับนายพันวาขอกินเป็นไข่ตุ๋นหล่ะกัน!
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผู้ชายตัวเล็กหน้าซีดก็ยกอาหารมาที่โต๊ะแล้วก็ต้องแปลกใจพร้อมรอยยิ้มที่เห็นคนที่ออกมาก่อนยังไม่กินข้าว “คุณรอผมหรอ”
“ใครรอนาย ฉันแค่ยังไม่อยากกินก็เท่านั้นเอง” คนไม่อยากกินข้าว แต่ลุกขึ้นมาเข้าครัวเองทั้งที่ไม่ถนัดเริ่มตักข้าวไข่เจียวของตัวเองเข้าปาก สายตาแข็งๆก็มองไปยังทะเลเบื้องหน้า
“อ้อออ ยังไม่อยากกินนี่เอง คุณลองชิมไข่ตุ๋นผมไหม อร่อยนะ” ใบหน้าของพันวายิ้มกว้าง ตักไข่ตุ๋นในถ้วยไปใส่ในจานของคนที่นั่งกินข้าว
“ขอบใจ” เสียงของคียยตกาลฟังดูห้วนๆตามนิสัย แต่ที่ชวนแปลกใจก็เพราะมันเจือความเขินมาด้วย
“คุณรู้ไหม ผมไม่เคยมีเพื่อนกินข้าวเลย อยู่ที่บ้านผมต้องกินข้าวคนเดียว ขอบคุณนะที่อยากกินข้าวตอนที่ผมนั่งกินอยู่พอดี” พันวารู้ดีว่าถ้าพูดตรงๆคนอย่าคุณคีย์คงไม่มีทางยอมรับ ส่วนตอนนี้เขาก็ได้แต่มีความสุขกับการมองใครกินอาหารที่เขาทำ
“ไม่เป็นไร ฉันก็กินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว ถ้าเหงาฉันจะนั่งเป็นเพื่อนนายก็ได้”
“ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณครับ ผมคงเป็นคนขี้เหงาขอนั่งกินข้าวกับคุณทุกมื้อหล่ะกันนะ” เสียงหัวเราะของพันวาดังสดใสในแบบที่ไม่เป็นมาหลายปี
แปลก..ทั้งที่ไม่ใช่คนคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้มีความสุข
<3-----<3 <3-----<3
“พันวา” คียตกาลเอ่ยเรียกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่อีกมุมของห้องด้วยความเคยชินมากขึ้นกว่าเมื่อสองสามวันแรก
“ครับ” หน้าซีดๆละจากหนังสือ ดวงตารีมองดวงตาคมกริบ สองสามวันมานี่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา....ก็เพราะมันไม่อะไรให้ทำเท่าไหร่ นอกจากนั่งอ่านหนังสือ ดูหนังจากแผ่นแล้วก็เล่นน้ำ และพันวาก็เริ่มคุ้นกับการอยู่กับใครคนหนึ่งแบบเงียบๆแต่รู้ว่ามีตันตนอย่างนี่แล้ว
“ฉันอยากกินปลา ไปหาปลามากินกัน” นี่ไม่ใช่คำชวนครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่หลายแล้วว และทุกครั้งหลังคำชวนไม่เกินสองชั่วโมงพวกเขาสองคนก็จะมีปลาทะเลสดๆจากธรรมชาติมากินพร้อมตัวที่เปียกล่อกแล่ก เหมือนว่าไปเล่นน้ำเป็นเรื่องหลัง จับปลาเป็นงานรอง
แล้ววันนี้ก็เหมือนทุกครั้ง ฝีมือการจับปลาขั้นเทพของคียตกาลทำให้ได้ปลามาแบบไม่ต้องรอจนเบื่อ ร่างโปร่งๆมองปลาที่ตายแล้วในถังอย่างคิดหนัก “คุณ ถ้าผมจะทำสเต๊กปลา คุณว่าดีไหม”
“ตามใจนายสิ ตามใจนายสิจะทำไรก็ทำไปยังไงฉันก็ต้องกินอยู่ดี” คนจับปลามองปลาตัวกำลังดีที่จับมาได้ พลางนึกถึงเมนูสเต็กปลาที่พ่อครัวบอกจะทำ แค่นี้ก็ทำให้ท้องร้องได้แล้ว
“สเต็ก สเต็ก สเต็ก” ร่างบางร้องเป็นเพลงสดใสจนอีกคนแปลกใจก็ไม่ได้เอ่ยถาม “นี้คุณรู้ไหม นี้จะเป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมทำสเต็กแล้วได้กินมันนะ”
“ฮึ! ตกลงนายเคยทำอะไรบ้างไหม ไอ้นี้ก็ครั้งแรก ไอ้นู้นก็ครั้งแรก” คียตกาลหันมาถามด้วยความข้องใจจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนจะเป็นครั้งแรกไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะ...เป็นครั้งที่ผมมีเพื่อน....
“ผมก็บอกคุณแล้วไง ว่าเขาไม่อยากต้อนรับผมกันเท่าไหร่หรอก ที่คุณพูดมาหน่ะผมทำหมดแล้ว แต่แค่ไม่มีใครอยู่ร่วมในฉากความสุขของผมไง” ชายหนุ่มอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงสิ่งที่เขาเป็น ที่เขาได้รับ แม้ไม่รับทั้งหมด แต่แค่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งก็ยังดี
“งั้นฉันก็คงเป็นนักแสดงนำแล้วแหล่ะ อยู่ร่วมมันในทุกฉากของนาย” ร่างสูงพูดขึ้นแบบอารมณ์ดีเต็มไปด้วยการหยอกล้อ
“อูยยย หล่อๆอย่างคุณผมยกให้เป็นพระเอกเลย” ความเกร็งเครียดจากหายไปในสายลมหมดแล้วในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน
“ฮึ ไปทำอาหารไปอย่ามัวแต่พูดพล่าม”
“คร้าบบบบ”
ภายในเวลาเกือบชั่วโมงที่ทำอาหาร เมื่อพันวายกจานทั้งสองออกมาก็แทบตะลึงกับโตะที่ถูกจัดแต่งให้พิเศษกว่าวันไหนๆ “โหหหคุณจัดโต๊ะสวนจัง วันพิเศษอะไรเปล่าเนี่ย”
“ขอบใจ วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของคินมัน”
“อ้อ ผมก็เข้าใจคุณนะ” แต่มันก็แอบแปลกๆหน่า....จัดงานชาตะให้คนที่มีงานมรณะไปแล้วเนี่ย
“คนอย่างนายจะเข้าใจอะไร อย่าสนเลยมากินเหอะ”
“อืออ คุณนี่จัดโต๊ะโรแมนติคชะมัดเลยนะเนี่ย ถ้าคุณเป็นผู้หญิงผมต้องมาทำเป็นแม่ของลูกแน่ๆ เก่งสารพัดขนาดนี้” พันวาเอ่ยชมคนที่ทำให้เขาต้องทึ่งในความสามารถทั้งเรื่องธุรกิจ เรื่องการใช้ชีวิต ไปกระทั่งเรื่องการจับปลา.....พ่อคุณแกเทพทุกด้านจริงๆให้ตายเถอะ
“แล้วไม่คิดจะถามเลยหรือไงว่าคนอื่นเขาอยากเป็นแม่ให้ลูกนายไหม”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ร่างบางหัวเราะได้ดังและออกมาจากก้นบึ้งมากกว่าแต่ก่อน คนทั้งสองกินไป พูดคุย หัวเราะ เย้าแหย่ และหงุดหงิดไปกับมื้ออาหารสุดจะโรแมนติคพอๆจะเรียกได้ว่า ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ฟังเสียงคลื่นกระทบหิน......
<3----->>
<3-----<3 <3-----<3
ขอโทษที่หายไปนานนะค่ะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ความคิดเห็น