ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนี้รัก (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : หนี้รัก.......1 : You're Nobody Till Somebody Loves

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 55


    หนี้รัก.......1 : You're Nobody Till Somebody Loves 


    “พี่แพทจะเอาอะไรหรือเปล่าครับ ผมจะออกไปข้างนอก” ผู้ชายตัวเตี้ยๆ ตาเรียว หน้าจืดจนไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างพันวา เอ่ยถามพี่สาวต่างแม่อย่างสุภาพเกินกว่าที่คนเป็นพี่น้องใช้กัน

     

                    ท่าทางซื่อๆของน้องไม่ชวนให้หญิงสาวสนใจมากไปกว่าปรายตามอง พร้อมด้วยปากสีสดที่เบ้ออก “ไม่หล่ะ....ขอบใจ”

     

                    เสียงห้วนๆของพี่สาวเป็นสิ่งพันวาได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยทำใจชินได้ ตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งถึงสิบขวบ โลกของเขามีเพียงแค่เขาและแม่เท่านั้น จนกระทั่งวันที่แม่จากไป วันที่พ่อปรากฏตัวขึ้น พาเขามาอยู่ในบ้างหลังใหญ่......แต่ช่างเป็นบ้านที่ไร้ความสุข

     

                    อาจเพราะแม่เขาที่เป็นคนมาทีหลัง.....เขาไม่อาจโทษใครได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากกว่าจะเป็นกาฝากของบ้านไม่ได้เลยหรือ 

     

    พ่อ  คุณน้า และพี่แพท!  ภาพครอบครัวที่ดูสวยงาม  ส่วนเขาก็เป็นเพียงจุดด่างของตระกูล

     

                    “คุณพันจะออกไปไหนค่ะ ไม่รอให้” เสียงร้องของป้าปิ๋ม ป้าแม่ครัวเก่าแก่เอ่ยรั้งชายหนุ่มเอาไว้ก่อนที่จะได้ออกจากบ้าน....ป้าปิ๋มอาจเป็นเพียงคนเดียวที่ยินดีจะยิ้มให้กับพันวาในบ้านหลังนี้

     

                    “ผมจะออกไปซื้อของที่ห้างครับ ป้าปิ๋มอยากได้อะไรหรือเปล่า” 

     

                    “ไม่หล่ะค่ะคุณพัน แต่ว่าเย็นนี้รีบกลับนะค่ะ ป้าเชื่อมกล้วยเอาไว้เยอะเลย” หญิงสูงวัยรีบบอกไม่อยากให้นายน้อยกลับบ้านเย็น

     

                    “ครับป้า แล้วผมจะรีบกลับมานะ” ตาเรียวเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อของโปรด บอกกับตัวเองว่ารีบซื้อของ แล้วก็รีบกลับบ้านมากิน

     

                    ชายหนุ่มเดินออกมารอรถเมล์ที่ป้ายอยู่นานก็ไม่เห็นจะมีรถสักคัน นอกจากแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ จนแล้วจนรอดเพราะความรอดที่แผ่ออกมาก็ทำให้ต้องตัดใจขึ้นแท็กซี่

     

                    “ไป...... ครับ” พันวาบอกคนขับแท็กซี่ ก่อนก้มลงไปอ่านหนังสือที่พกมาด้วย ไม่ได้สนใจคนขับรถที่รับคำในลำคอ หรืออะไรที่ควรมีในรถ ไม่ว่าจะเป็นเลขทะเบียน หรือมิเตอร์  

     

                    พันวาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ มองสองข้างที่เริ่มไม่คุ้นตาอย่างสงสัย จนต้องเอ่ยทักคนขับรถที่เอาแต่ขับไปเงียบๆ “หลงหรือเปล่าครับ ไม่ได้มาทางนี้นิ”

     

                    “ไม่หลงหรอก ทางนี้แหล่ะ” เสียงทุ้มในสำเนียงแปร่งๆที่ได้ยินฟังดูเหี้ยมเกรียมจนทำให้พันวาต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความกลัวนิดๆ

     

                    “แต่นี่ไม่ใช่ทางที่จะไป” ตาเรียวมองสองข้างทางที่ดูเงียบและรกร้าง มันไม่มีทางเป็นถนนที่จะพาเขาไปในที่ที่อยากไปแน่ๆ มือขาวจัดเอื้อมเปิดประตู อย่างน้อยๆ บนถนนที่มีรถวิ่งก็ดูปลอดภัยกว่าในรถแท็กซี่คันนี้

     

                    พันวาคิดไปถึงกระทู้ที่เคยอ่านในเน็ตว่าการรมแก๊สในแท็กซี่มันทำไม่ได้ในเชิงปฏิบัติ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ช่วยให้เบาใจลงได้เลย “จอดรถ”

     

                    ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูคร้ามแดด คร้ามฝนแสยะยิ้มขึ้นอย่างน่ากลัว สายตาอยู่ภายใต้แว่นกันแดดไม่บ่งบอกความรู้สึกใด “ผมบอกให้จอดรถ!

     

                    ยิ่งบอกให้จอด ก็ดูเหมือนว่ารถแท็กซี่คันนี้จะวิ่งเร็วยิ่งขึ้น มือเอื้อมไปเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ออก เพราะคนขับกดล็อคเอาไว้แล้ว ความกลัวเข้ามาเกาะกุมเต็มหัวใจ หน้าที่ขาวกลายเป็นซีด นึกขอให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์คุ้มครองลูกด้วย

     

                    ตาเรียวมองข้างประตูรถที่ควรมีป้ายทะเบียนก็ไม่มี มองข้างหน้าที่ควรป้ายชื่อคนขับก็ว่างเปล่า แล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ.....มันไม่มีแม้แต่มิเตอร์!

     

                    นี่มันไม่ใช่แท็กซี่!!!!

     

                    “คุณเป็นใคร ต้องการอะไร ถ้าอยากได้เงินก็จอดรถ ผมจะให้คุณทั้งหมด” พันวารู้ตัวดีว่าเสียงของเขามันสั่นแค่ไหน แต่ก็ยังต้องพูดต่อรอง เผื่อว่าคนขับรถจะยอมปล่อยเขาไว้ที่ตรงนี้ “ผมจะไม่แจ้งตำรวจ”

     

                    “นั่นมันเรื่องของคุณ นั่งหุบปากไปได้แล้ว” เสียงแปร่งๆตวาดลั่นรถ พาให้ผู้ชายตัวเล็กต้องสะดุ้งสุดตัว เหงื่อไหลจนชุ่มแทบไม่รู้สึกถึงความเย็นของแอร์ในรถเลย

     

                    “ก็แล้วคุณจะพาผมไปไหน” พันวายังไม่วายจะถามทั้งที่ใจก็กลัวแสนกลัว ยิ่งมองสองข้างทางก็ยิ่งไม่คุ้น มันดูห่างไกลจนน่ากลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมีข่าวพาดหน้าหนึ่ง

     

                    พบศพนายพันวา วงศ์พานิช ถูกฆ่าหมกป่าหญ้าแทบชายเมือง

     

                    “โธ่เว้ย! บอกให้หุบปาก” เสียงตวาดลั่น ก่อนที่รถจะเบี่ยงเข้าซ้ายหยุดกึกที่ริมไหล่ทาง “นายครับ ผมขอทำนอกคำสั่งนะครับ”

     

                    พันวามองซ้ายขวาไม่เห็นใครที่คนขับรถจะพูดได้ ก็ยิ่งทำให้กลัว ถึงจะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ความกลัวผีมันก็ไม่เข้าใครออกใครนะ "คุณพูดกับใครอ่ะ"

     

                    “น่ารำคาญจริงโว้ยยย” คนขับรถลงจากรถมายืนที่พื้นยิ่งทำให้เห็นความสูงใหญ่จนน่ากลัว รูปร่างสันทัดที่พันวามั่นใจว่าฆ่าคนตายได้ในมือเปล่า มันลงมาเปิดประตูด้านหลังที่พันวานั่งอยู่

     

                    ชายหนุ่มเห็นเป็นโอกาสรีบถลาตัวลงจากรถ แต่ก็ถูกคว้าไว้ได้ก่อน ในช่วงเวลานั้นสิ่งเดียวที่เค้านึกถึงคือรอยยิ้มกว้างและสดใสของสาลี่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขามี แต่หากวันนี้ต้องตายอย่างน้อยๆก็ขอแค่เพียงได้เจอกับแม่อีกครั้ง

     

                    ช่วงเวลาที่ยอมจำนนต่อความตาย กลิ่นประหลาดบนผ้าผืนหนาก็มาโปะลงที่จมูกกดแน่นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไม่รับรู้สิ่งใด

     

                                                              <3-----<3           <3-----<3

     

    เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้เด็กหนุ่มที่นอนนิ่งไปนานต้องตื่นขึ้น ตอนแรกก็หลงคิดดีใจว่าได้มาเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ แต่เมื่อความจำสุดท้ายกลับมาก็ทำให้ชายหนุ่มต้องเหลียวมองรอบตัว

     

                    ถ้ามาเที่ยวกับเพื่อนคงไม่เปิดกระท่อมที่มีแค่แคร่กับมุ้งนอนกันหรอกมั้ง.....

     

                    พันวาไม่ถามตัวเองว่ามาอยู่ที่นี้ได้ไง แต่เขากำลังสงสัยว่าที่นี้ที่ไหนกันแน่แล้วคนขับรถนั่นพามาที่นี้ทำไม?

     

                    พันวาลุกขึ้นจากแคร่ไม้ไผ่ที่คงนอนมาได้สักระยะจนรู้สึกปวดหลัง กำลังจะขยับลุกเดินก็พอดีประตูกระท่อมโทรมๆที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ก็เปิดออกด้วยผู้ชายหน้าตาดีคนนึง!

     

                    ที่ว่าหน้าตาดี เพราะดูดีมากจริงๆ จนผู้ชายอย่างพันวายังตะลึงและนึกอิจฉาในความสมส่วนที่หาไม่ได้จากตัวเขาเลย ร่างกายสูงใหญ่ที่ดูก็รู้ว่าเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแบบไม่เยอะไม่น้อยเกินไป ใบหน้าคมข้ม ตาดุๆ กับผิวสีแทนอย่างคนสุขภาพดี....ทำไมเขาไม่ดูดีแบบนี้บ้าง?

     

                    “ฮึ หลับไปนานเชียวนะ” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังนุ่มนวล แต่ในยามนี้กลับฟังดูแข็งกร้าว ร่างกายสูงใหญ่เดินตรงเข้าไปหาพันวาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

     

                    “คุณเป็นใคร” ตั้งแต่เช้ามาเขาเจอคนแปลกหน้ามาแล้วสองคน แถมไม่รู้อีกต่างหากว่าเป็นใคร ต้องการอะไร “คุณจับผมมาทำไม ปล่อยผม” ชายหนุ่มดิ้นรนจะเตะต่อยเท่าที่พอทำได้ แต่ช่วงแขนขาสั้นๆก็ทำให้ได้แค่เตะต่อยอากาศ ริมฝีปากถูกขบกัดด้วยฟันของตัวเองข่มความเจ็บที่ถูกบีบไหล่จนรู้สึกเหมือนว่ากระดูกใกล้แตกร้าว

     

                    “คิดว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักหรือไง กินซะแล้วอย่ามาตายบนเกาะของฉัน” ชามกระเบื้องเนื้อดีถูกวางกระแทกลงบนแคร่ ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเดินกลับหลังจะทิ้งพันวาไว้ในกระท่อมดังเดิม

     

                    ตาเรียวๆมองลงไปในชามข้าว เห็นแค่ข้าวก้นหม้อที่จับกันเป็นแผ่นๆสีคล้ำ เริ่มมีกลิ่นใกล้บูด กับไข่ต้มแข็งๆหนึ่งฟองที่ดูยังไงก็ไม่น่ากินสักนิด

     

                    พันวาถือชามข้าวขึ้นมาในดวงตาเรียวเล็กเกิดประกายความมุ่งมั่น จับมันให้แน่นกระชับอยู่ในมือ แล้วฟาดลงบนศีรษะทุยได้รูปในทันทีแบบไม่ออมแรง  

     

                    เพล้ง.......

     

                    ชามกระเบื้องเนื้อดีแตกเป็นเสี่ยงชิ้นใหญ่น้อย พร้อมๆกับที่เลือดสีแดงเข้มฉาดไหลลงมาตามเส้นผมที่ถูกตัดสั้น ร่างสูงของคนตรงหน้าค่อยๆทรุดลงกับพื้นช้าๆ เสื้อสีอ่อนถูกย้อมด้วยสีแดงจนน่ากลัว...

     

                    พันวายืนมองผลงานตัวเองอย่างตกใจ เลือกของคนที่ล้มลงมันออกมาเยอะเกิน หน้าเรียวซีดเผือด ผงะด้วยกลิ่นคาวเลือดจนน่าเวียนหัว “คุณ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณๆ อย่าตายนะ”  

     

                    <3---à    

     

    <3-----<3           <3-----<3

     

    ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยนะค่ะ

    น้ำเน่าตามสไตล์ไทยแท้ ชีวิตรันทด มดไม่ขึ้นแน่ๆค่ะ ....^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×