ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic naruto]สัญญาใจ จิ้งจอกที่รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ปฐมบทแห่งโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 50


    ยามเช้าของวันใหม่เริ่มทอแสงเผยให้เห็นภายในห้องที่กว้างไม่มากนักสีฟ้าเทา ตู้หนังสือต่อกับเตียงสองชั้น มีโต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้อยู่ข้างล่าง ด้านข้างมีหน้าต่างยืนระเบียงออกไปเล็กน้อยไว้ปลูกต้นไม้เล็กๆ อย่างกระบองเพชร หรือคุณนายตื้นสาย (ชื่อเหมือนนิสัยเจ้าของเดะ : เจ๊B)


                                                                              
    //กริ๊ง
    ~กริ๊ง//


    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นบอกเวลาให้คนขี้เซาลุกจากตียง ด้วยความง่วนงียจึงปัดนาฬิกาตกจากเตียง

                                                 
                                        
    //
    เคร้ง!!// (เสียงบ่งบอกถึงความแตกระเอียด)


    คราวนี้เจ้าตัวรีบลุกแทบไม่ทันค่อยๆ มองนาฬิกาเพื่อนซี้ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะนอนต่อ...

               
                   "
    เฮ้ย!! นาฬิกาช้านนนนน" แล้ว(อดีต)เจ้าของรีบลุกจากเตียงหัวก็ไปโขกกับเพดานมานั่งกุมหัวไปมา ก่อนจะค่อยๆลง แต่ก็ก้าวผาดตกเตียงลงมานอนแอ้งแม้งอย่างเจ็บใจแต่เช้าในความซุ่มซ่ามของตนเอง จึงแหล่ไปเห็น(อดีต)นาฬิกาที่ตกลงด้วยความเร็วเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และส่งซ้อมไปแล้วกว่า 10 รอบ (มันก็สมควรแล้วที่มันจะเป็นชิ้นๆ : เจ๊B) เจ้าตัวสะอึกไปซักครู่มองนาฬิกาบนโต๊ะอีกเรียนมันบอกถึงเวลาใกล้สายแล้ว เจ้าตัวดีไม่รอช้ารีบวาง(อดีต)นาฬิกาออกจากห้องไปทำธุระส่วนตัวและกลับออกมาอย่างรวดเร็วภายใน 10 นาทีและแต่งตัวในชุดนักเรียนเชิ้ดสีขาวแขนสั้นข้างในใส่เสื้อคอกลมน้ำตาลอ่อนไว้ข้างในอีกชั้น กางเกงสีดำ และสนับข้อมือสีส้มสดลายก้นหอย พลางเอาหนังสือยัดใส่กระเป๋าและซากนาฬิกาใส่ถุงวิ่งออกไปด้วยหลังจากล็อกประตูบ้านแล้ว ก็ตั้งหน้าวิ่งไปที่ร้านซ้อมนาฬิกา แต่เนื่องจากมาให้ซ้อมบ่อยเลยไม่ค่อยกล้าเข้าไปเท่าไรและเจ้าของร้านเองก็รู้จักกันมานานเห็นเงาผลุบโผล่อยู่หน้าร้านก็ถอนหายใจอย่างปลงๆ

               
                "
    นาฬิกาเสียอีกแล้วรึนารุโตะ" เสียงเจ้าของร้านถามขึ้นจนเจ้าตัวดีถึงกับสะดุ้งก่อนค่อยๆ ใช้ความกล้าที่มีเดินเข้าไปหาและยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าของร้านพลางยืนซากนาฬิกาให้ดู พอเจ้าของร้านมองก็ซากอดีตนาฬิกาและเจ้าของที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ช่วยซ่อมสุดชิวิต เจ้าของร้านได้แต่ถอนหายใจ

            
           "
    นารุโตะรู้ไหมว่ามาซ้อมครั้งที่เท่าไร"

               
                "
    ครั้งนี้ก็ครั้งที่ 15 ครับ" เจ้าพูดขึ้นอย่างอายๆ ก็คนมันง่วนไม่อยากตื้นนี้น่า

               
               "
    ดูท่ามันจะหมดกรรมที่ต้องอยู่กับนายแล้วทำใจแล้วไปซื้อเครื่องใหม่เถอะ" เจ้าองร้านพูดจบก็เอาซากทิ้งขยะทันใด (อดีต) เจ้าของมองอย่างปลงพูดไม่ออก ค่าขนมเดือนนี้ของเค้าไม่มีทางซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ได้แน่แค่คิดก็เศล้าแล้ว

               
                "
    งั้นเหลอครับ ผมไปก่อนนะครับ"(เสียงหดหู่สุดๆ) ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินทำท่าออกจากร้านไป ด้วยความส่งสารเจ้าของร้านจึงตัดสินใจหยิบนาฬิกาลายเคโละ                                                                   

                "
    เดี้ยว!!นารุโตะ" เจ้าของเรียกให้ผู้น่าส่งสารหยุด แต่หารู้ไม่ว่าเป็นแผนที่ไม่ต้องซื้อนาฬิกาใหม่ของเค้าเจ้าดีต้องพยายามเก็บอารมณ์ดีใจ แล้วหันไปมองเจ้าของร้านที่เดินออกมาพร้อมนาฬิกาลายเคโละในมือคู่ใหญ่และแข็งแรง

               
                 "
    มีอารายคร้าบ" เจ้าตัวทำเสียงยืดให้ดูเศล้า

               
                 "
    เอานี้ชั้นให้ถึงจะเก่าแต่ก็ทนมือทนเท้านายได้และ" เจ้าของบอกถึงคุณสมบัติ พลางหัวเราะและขี้ผมสีทองอารามนั้นอย่างสนุกมือ เจ้าตัวดีที่หน้าบูดเล็กน้อยและเอานาฬิกามาใส่กระเป๋าที่ยังว่างอยู่ ก็แน่ล่ะโดดบ่อยไม่ต้องเอาหนังสือไปมากให้หนักกระเป๋า...

               
                  "
    ขอบคุณมากเลยนะครับ" เจ้าตัวฉีกยิ้มดีใจก่อนขอตัวไปโรงเรียน โดยมีเจ้าของร้านซ่อมนาฬิกายื่นส่งพอวิ่งมาได้ซัก 2 รถเมล์ก็จะเข้าใกล้ตัวเมืองที่ผู้คนออกมาซื้อของจ่ายตลาด และวิ่งเลอะแม่น้ำก็จะถึงโรเรียนโคโนฮะงาคุเระ ประจำเขตนี้ทันทีแต่ที่เหนื่อยหน่อยคือต้องขึ้นเนินเพราะโรงเรียนอยู่บนยอดเขา ตอนนี้ยังเช้าคนยังน้อยนานๆ ทีจะมาเช้าเพราะส่วนใหญ่จะมาจวนโรงเรียนเข้ารึไม่ก็สายเลย (ส่วนใหญ่สายซะมากกว่า) และมักถูกอ.อิรูกะที่ปรึกษา ว้ากทุกทีร่างบางเดินเข้ามาในโรงเรียนที่เงียบสงบไม่ค่อยมีคนเพราะเรื่องที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในช่วงนี้จึงให้งดซ้อมเช้า กลัวว่าเด็กจะมีอันตราย แต่ว่าช่วงนี้เริ่มออกหน้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วทุกต้นส่วยใหญ่เริ่มร่วงหล่น สายลมพัดทีก็ร่วงเป็นสายสีแดงสลับสีส้มดูสวยจนอดยื่นมองไม่ได้ยิ่งแถวโรงยิมนั้นปลูกต้นไม้หลากหลายยิ่งดูสวยพอคิดแบบนั้นก็เดินมาชมความงามและรับลม


                                                 
    //เคร้ง!!//

     
    เสียงเหมือนมีอะไรแตก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเดินไปตามทางของเสียงซึ่งแถวนั้นเป็นหลังโรงยิมมีห้องเก็บอุปกรณ์  คอกไก่ที่พวกชมรมอนุรักษ์เลี้ยงไว้ และต้นซากุระอยู่ พอเดินมาถึงก็ได้กลิ่นชวนคลื่นไส้ กลิ่นคาวเลือด...ว่าแล้วก็ค่อยย่องไปดูแต่ไม่พบอะไร มีเพียงคราบเลือดนองอยู่และคอกไก่ที่ถูกเชือดยกคอก มีบางตัวที่อยู่ข้างนอกทุกตัวถูกหักคอและถูกควักเครื่องในออกมา ยิ่งเห็นและได้กลิ่นก็สุดจะทนแล้วและสิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความอำมหิตของคนร้ายได้เป็นอย่างดี พอมองไปรอบๆ ก็ไปสะดุดกับรอยเท้าอะไรซักอย่าง ที่แปลกคือรอยเท้าเหมือนของสัตว์ แต่มีอยู่ห้านิ้วเหมือนของคน พอสัมผัสก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างงบอกไม่ถูก โดยหารู้ไม่ว่ามีสายสีแดงแข็งกร้าวมองมารอหาจังหวะ เมื่อหนุ่มน้อยที่เริ่มลุกก้มลงมองรอยเท้าแปลกนั้นอีกครั้ง


                                                                                
        //ตูม
    !!//


    ตึกคอนกรีตถูกอะไรบางอย่างพุ่งชนจนเป็นรูใหญ่ควันลอยรอบ แต่ที่แน่เด็กหนุ่มหลบทันตามสัญชาติญาณเตือนถึงเหตุร้าย ถึงแม้ที่หัวจะแตกเพราะเศษหินและถลอกตามแขน ทำให้มองเห็นเงาสีดำตัวใหญ่ ดวงตาสีแดงสดถึงมีม่านควันอำพลางอยู่ ตอนนี้เข้ารับรู้ได้แต่พียงว่าต้องหนีไม่งั้นก็ตาย ประสาตทั้งห้าเริ่มทำงานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องวิกฤตให้เป็นโอกาส เมื่อจัดการไม่สำเร็จจึงจู่โจมด้วยความเร็วอีกครั้งและก็หลบได้ไปอยู่ด้านข้างลำตัวและเริ่มวิ่งอย่างไม่คิดชิวิต สัตว์ร้ายหาอยู่เฉยไม่
    ~โบร้วววววววววว!!~ เครื่องเสียงอัดอากาศเป็นลูกคลื่นลอยไปชนกับต้นไม้หลุนตุบลงมานอนกองกับพื้น ตอนนี้เรียวแรงไม่มีเหลือ ดวงตาพร่าไปหมด สติเริ่มเรืองลางเต็มที


                
            ...ตายแน่เราต้องตายแน่...


                
                            ...ไม่นะ...


                       
    ...เรายังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่างเลย...


                                       
    ...ช่วยที่...ใครก็ได้...


    ซึ่งขณะนั้นสัตว์ร่างใหญ่สีดำสนิทนั้นมองกับเหยื่ออย่างพอใจ ก่อนเลียเลือดตามลำตัวอย่างบรรจง ร่างบางรู้สึกสะอิดสะเอียนกับการกระทำ และกลิ่นคาวเลือดจากตัวมันชวนน้ำลายสอชะมัด...

                                                                               
                                                                                    ...ตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...


    จู่ๆ สัตว์ร้ายก็รีบผละจากเหยื่อมายื่นมอง เด็กหนุ่มผมทองที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมีแสงสีแดงห่อรอบตัวและก่อตัวเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกที่น่ากลัวและน่าเกรงขามดวงตาสีแดงสดราวกับปิศาจกระหายเลือด ร่างกายใหญ่โต จนร่างกายนั้นสั่นไปด้วยความกลัวจนไม่กล้าขยับไปไหน แต่แล้วก็ละลายหายกลับเข้าไปในตัวเด็กหนุ่มอีกครั้งและล้มลงในอ้อมกอดของใครบางคนที่อบอุ่น เมื่อเห็นจังหวะไม่รอหากระโดดหายไปทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มอีกคนเรียนผมดำคลำดวงตาสีแดงเพลิงพลันหายกลับกลายเป็นสีรัตติกาลอีกครั้ง และมองร่างบางในอ้อมกอดอย่างเจ็บปวด


                "
    ...ซา...สุ...เกะ..." เสียงเรียกชื่อผู้มาช่วยก่อนเข้าสู่นิทราในอ้อมกอดที่อบอุ่น


                "
    ทำไม...นารุโตะ...ทำไมต้องเป็นนายด้วย" ซาสุเกะสถบ พลางกระชับวงแขนเด็กหนุ่มผมทองดังแสงตะวันขึ้นมาจุมพิษเรือนผมนั้น...นารุโตะ ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นนาย... แล้วบทโหมโรงแห่งโชคชะตาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

      

                                                                                //โปรดติดตามตอนต่อไป//


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ส่งท้าย... เนื้อเรื่องตอนแรกสั้นนั้นเพราะเป็นไดอารี่ค่ะ และดูแล้วเจ้าโตะคุงไม่ชอบเขียนยาว เพราะงั้นเลยสั้นค่ะคิดว่าตอนนี้คงยาวจุใจทุกท่านนะค่ะ
    ^-^

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×