คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บมนางเอกแสนซวยกับภารกิจจากซาบุสะ
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่โอโรจิมารุมาป่วนในงานพิธี นารุโตะต้องเข้ารับการฝึกใช้พลังปิศาจของตนเองโดยจิไรยะ ชายหนุ่มที่เริ่มเริ่มมีอายุ แต่หัวหงอกทั้งหัวยาวจนเกือบถึงเข่า เป็นคนสนุกสนานออกบ้าๆบวมๆ ทะลึ่งได้แทบตลอดเวลา แต่ก็เป็นคนเก่งหาตัวจับยากเช่นกัน ในโลกเบื้องหน้าเป็นนักเขียน นวนิยายชื่อก้อง ในนาม ‘เซียนกบ’ และเขาก็ฝึกมาได้ 1 อาทิตย์แล้ว
“ย้ากกก” นารุโตะกระโดดถีบจิไรยะก่อนจะพึมพำบางอย่าง พลางเกิดลูกไฟพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างจัง จนไหม้ไปทั้งตัวก็จะสลายกลายเป็นควัน
“เยี่ยมมากเจ้าหนูใช้คาถาไฟได้แล้วนี้” จิไรยะออกปากชม ก่อนจะเดินมาทางนารุโตะที่ยืนดูผลงาน ตอนนี้เข้าสามารถใช้พลังได้มากพอสมควรแล้ว ตั้งแต่พลังในการ ‘มองเห็น’ ของตนเองตื้นขึ้นมา ทำให้สามารถคาดการได้ว่าจะมาทางไหน หรือควบคุมการอ่านความทรงจำของคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน แถมตอนนี้เข้าก็เริ่มคุ้นเคยกับตัวตนอีกคนหนึ่งแล้วที่เริ่มออกมาคุยและสอนอะไรหลายอย่างให้ และบางครั้งเวลาใช้พลังมากๆ ก็จะให้เขาออกมาแทนขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ จิไรยะก็เอยเรียก
“เฮ้ยไอ้หนูเป็นอะไรไปเหม่อเชียว” แต่เจ้าตัวดีแค่ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ
“แบบนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้วมั่งกลับไปเรียนได้ตามปรกติแล้ว” จิไรยะเอยขึ้นบอกขณะที่กำลังแช่น้ำร้อนล้างตัวอยู่กับนารุโตะ
“จริงเหลอลุง” เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้ไปโรงเรียนเพราะหยุดไปนาน ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบบทเรียนแต่เขาอยากเจอเพื่อนๆ มากกว่า
“เอ่อจริง”
“ไชโย!!ต้องรีบไปบอกซาสึเกะแล้ว” พูดจบก็กระโดดขึ้นจากน้ำออกจากห้องอาบน้ำไป ทำให้จิไรยะหัวเราะเล็กน้อยกับความร่าเริงสดใสของเด็กหนุ่ม หลังจากที่ใส่ชุดยูกาตะออกจากห้องอาบน้ำสีขาวก็ตรงไปยังห้องของเด็กหนุ่ม เมื่อเปิดเข้าไปพร้อมพูดเสียงดัง
“นี้ๆซาสุเกะชั้นมีข่าว...อาวไม่อยู่เหลอ” พลางเดินเข้าไปในห้องอย่างเซ็งๆ ที่ร่างสูงไม่อยู่ แล้วมานั่งที่เตียงไม่แล้วเอนตัวลงนอนกลิ้งไปมาเพื่อรอ แต่เพราะความเหนื่อยจากการฝึกทำให้ร่างบางคล่อยหลับไป ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเด็กหนุ่มกลับมาที่ห้องเห็น เด็กหนุ่มผมสีทองดังตะวันหลับตาพริ้มบนเตียง สาบเสื้อยูกาตะหลุดออกมาให้เห็นเนินอกที่กะเพิ่มขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นภาพยั่วคนตรงหน้าแค่ไหน ทำให้เด็กหนุ่มต้องส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป เดินตรงไปนั่งข้างๆ ร่างบางพลางเกลี่ยเส้นผมสีทองที่เกะกะหน้าออกอย่างเบามือ ทำให้ร่างบางรู้สึกตัวค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ดวงตาเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ซาสึเกะพลางยืนมือไปจับใบหน้าของซาสึเกะ
-‘ว่าไงเจ้านายซาสึเกะ’- พลางยิ้มเยาะเขยิบมาใกล้และมานั่งลงบนตักของซาสุเกะ
“แล้วนายมีธุระอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอยถามขึ้นอย่างเย็นชา ทำให้นารุโตะอีกคนขำเล็กน้อย
-‘ก็แค่อยากคุยด้วยเท่านั้นแหละ’- พลางยิ้มอย่างเป็นมิตรให้
“มีอะไรก็ว่ามา”
-‘...จงระวังไว้ให้ดี... ถึงการมาของปิศาจยามรัตติกาล...และการปรากฏตัวของผู้เป็นที่รัก...’- คำพูดที่เอยขึ้นนั้นเป็นคำทำนายเตือนถึงเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้ซาสึเกะหนักใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงทางสีแต่อย่างใด แต่ฉุดคิดตรงประโยคตอนท้าย
“คนสำคัญที่ว่าคือใครกัน”
-‘เรื่องนั้น...’- แต่ก่อนจะได้พูดต่อก็มีคนก็มาเคาะประตูเรียกขัดซะก่อน ทำให้เด็กหนุ่มผมทองลุกขึ้นไปเปิด แต่ซาสึเกะมาจับมือก่อนส่งสัญญาณให้หลบไปอยู่ด้านข้าง ร่างบางก็ทำตามแต่โดยดี พอร่างสูงเปิดประตูพบเด็กสาวหน้าหวานปานน้ำผึ่ง กับเด็กสาวหน้าเหมือนเขายืนอยู่
“มีอะไรเหลอ”
“มาหาพี่นารุโตะ...เห็นว่ามาห้องนายนะ” นาคุรุเอยขึ้นพลางชะโงกหาพี่ชายฝาแฝดของตน
“ถ้าเป็นเจ้านะหลับไปแล้วมีอะไรรึเปล่า”
“ว่าแย่จังไม่เป็นไร ไว้บอกท่านพี่ด้วยนะว่าพรุ่งไปโรงเรียนพร้อมกันนะ” ตอนแรกรู้สึกเสียดายอยู่แต่ก็ไม่ว่าอะไรต่อ ยอมกลับแต่โดยดี ซึ่งฮินาตะมองมาอย่างเสียดายอยู่เหมือนกันก่อนจะตามเพื่อนสาวของเธอไป พอทั้งคู่ไปแล้วซาสึเกะก็หันกลับเพื่อจะคุยต่อ ก็เห็นร่างบางหลับปุ้ยบนเตียงไปซะแล้ว ทำให้ร่างสูงถอนหายใจยาวก่อนจะห่มผ้าห่มให้ร่างบางและจุมพิษที่หน้าผากก่อนจะออกจากห้องไปอาบน้ำและกลับมานอนด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้าที่สดใสมาถึงเด็กสาวหน้าหวานปานน้ำผึ่งผมสีดำขลำยาวดวงตาสีไข่มุกที่กำลังคุยกับเพื่อนสาวหน้าตาสะสวยออกเท่ห์ผมสีทองดวงตาสีฟ้าสดใส ทั้งคู่อยู่ในชุดสูดสีเทา โบสีแดงอันใหญ่ตัดกับกระโปรงลายสก็อตสีแดงพร้อมเสื้อกักกันหนาวกำลังยืนคุยกันอยู่ก็ถูกขัดขึ้น
“ไงนาคุรุฮินาตะอรุณสวัสดิ์” เด็กหนุ่มผมทองดวงตาสีฟ้าสดใสหน้าตาออกหวานเหมือนผู้หญิง และเด็กหนุ่มอีกคนที่เดินตามหลังใบหน้าคมหล่อเหลาดวงตาและเส้นผมสีดำขลำในชุดเสื้อสูทสีเทาเนคไทสีดำทั้งคู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฮินาตะเอยขึ้นพลางก้มหน้าต่ำอย่างเขินอาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เอ๊ะ!!เนทไทเบี่ยวแนะมาเดี้ยวหนูช่วย” นาคุรุเอยขึ้นพลางมาช่วยจัดเนทไทให้ดี
“ขอบใจนะแต่ว่าพี่ไม่ค่อยจะใส่ให้ถูกหลอกมันอึดอัดนะ” พลางหัวเราะแหะๆ
“แล้วเนจิล่ะ” ซาสึเกะเอยถามขึ้นว่าพลางหันหันขวา
“ท่านพี่ไปก่อนแล้วนะค่ะเห็นว่ามีธุระ” ฮินาตะเอยบอก ทำให้นารุโตะรู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องเจอตัวกวนประสาทตั่แต่เช้า แล้วทั้งสี่ก็ขึ้นรถของตระกูลนามิคาเสะไปโรงเรียนโคโนฮะเพื่อส่งนารุโตะกับซาสุเกะ ส่วนสองสาวไปโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ไกลออกไปอีกหน่อย ขณะนั่งอยู่ในรถนาคุรุก็เอยถามนารุโตะ
“นี้พี่ค่ะเอาจริงเหลอที่จะออกมาอยู่ข้างนอกนะ” นาคุรุเอยอย่างเสียดาย
“ก้อจริงนะซิพี่ไม่ได้มาคนเดียวซะหน่อยซาสึเกะก็อยู่ด้วยอีกอย่างมันใกล้โรงเรียนด้วยนะ” นารุโตะอธิบายให้ฟังเพราะตัวเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกมาอยู่ที่อพาเม้นของซาสึเกะ เพราะของเขาหมดสัญญาเช่าพอดีอีกอย่างข้าวของก็ถูกย้ายไปอยู่ที่นั้นแล้ว ซึ่งนาคุรุก็ไม่ทักท้านอะไรอีก แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะโทรคุยกันและไปเจอกันทุกวันอาทิตย์ เพราะนารุโตะกับซาสึเกะต้องไปฝึกฝีมือการต่อสู้ที่ตระกูลนามิคาเสะอยู่แล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนโคโนฮะทั้งสองก็ลงจากรถและตรงเข้าโรงเรียนทันที แต่นารุโตะนั้นออกอาการระริกระรี่ที่ได้มาเจอเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันเดือนกว่า พอไปถึงห้องก้เห็นคิบะ ชิกามารุ ชิโนะ และโจจิกำลังคุยกันอยู่
“เฮ้ยพวก!!” เสียงใสๆ เอยทักเพื่อนๆ พลางกระโดดกอดคอชิกามารุและคิบะที่ยืนอยู่ จนเกือบล้ม
“ไงวะนารุโตะไม่เจอกันตั้งเดือนกว่า” คิบะว่าพลางขยี้ผมทองไปมา
“เห็นว่านายเข้าโรง’บาลเป็นเดือนอาการสาหัสแต่แบบนี้ไม่เป็นไรแล้วมั่ง” ชิโนะเอยเสียงเรียบเฉย ส่วนนารุโตะก็เอ๋อไปซักครู่เพราะเขาไม่ได้เขาโรงบาลแค่ถูกเก็บตัวเท่านั้น ทำให้ร่างสูงเดินมาใกล้พลางกระซิบ
“คือเราบอกทางโรงเรียนว่านายเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากเจอคนทำร้ายนะ” ซาสึเกะว่าให้ร่างบางเอ่ออ่อตาม
“แต่ว่านายก็เปิดมาก็เจอโชคร้ายเลยวะ” ชิกามารุเอยขึ้นอย่างเบื่อๆ
“โชคร้ายอะไรวะ”
“ก็เดือนหน้าทางโรงเรียนให้จัดแสดงละครในวันคริสต์มาสอีฟ ของชั้นม.ปลาย” คิบะเอยบอกด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ก็ดีนี้แล้วนี้”
“ดีกับผีนะสิ...เขาให้ม.ปลายปีหนึ่งแสดงทุกห้อง” คิบะว้ากเข้าให้ทำให้ซาสุเกะกับนารุโตะหันมามองหน้ากันอย่างงง เพราะเขาก็ไม่ได้มา อาทิตย์หนึ่งเพราะเก็บตัวอยู่กับนารุโตะ
“แล้วไงอ๊ะ” แต่ก่อนที่คิบะจะตอบก็มีเสียงตอบแทนด้านหลังพวกเขา
“ห้องเราลงคะแนนเสียงให้แสดงเรื่อง ‘ซินเดอเรล่า’ และเรื่องนี้ผู้ชายแสดงหมด” คำอธิบายดังขึ้น ทำให้ทั้งหมดหันไปมองแขกมาเยือน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครนารุโตะแทบช็อก
“อ้า!!ซาอิ!!!” ใช้แล้วเด็กหนุ่มผิวออกขาวจนเกือบซีด ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาและเส้นผมสีดำเข้มส่งยิ้มหวานมาให้
“นายรู้จักกันเหลอ” ชิโนะเอยถาม
“ครับ...เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่ม.ต้นนะครับ”
“แล้วนายมาอยู่นี้ได้ไง” นารุโตะถามกลับทันที
“ผมย้ายมาอยู่ที่นี้ได้ครึ่งเดือนแล้วนะ”
“คงไม่ใช้นายสืบหาชั้นหลอกนะ” คำถามจี้ใจดำเอยขึ้น ทำเอาร่างสูงสะอึกเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าเป็นการปฏิเสษและยิ้มกลบเกลือน ซึ่งจริงๆ แล้วเขารู้แต่ว่านารุโตะอยู่โรงเรียนนี้ แต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน แต่ใครจะนึกว่าจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ถ้าร่างบางรู้ละก็โดนด่าแน่ๆ แต่ก่อนจะได้คุยกันต่อ บรรดาสาวๆ ก็ตรงเข้ามาประกบชายหนุ่มสุดหล่อทั้งสองจนนารุโตะกระเด็นออกมา
“แถม~ซาสึเกะคุงหยุดไปตั้งอาทิตย์หนึ่งเป็นอะไรเหลอ”
“นั้นซิเจ็บตรงไหนบ้าง” และคำถามที่รัวเข้ามา รวมถึงซาอิที่เจอแบบเดียวกัน ทำให้นารุโตะทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรเดินมาที่นั่งตนเอง พลางลูบโต๊ะของตนเองอย่างคิดถึง
“อาว...นารุโตะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหลอ” เสียงใสๆ เอยถามทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กสาวผมสีชมพู ดวงตาสีมรกต
“อ๊ะ!!ซากุระจัง”
“นายเจอซาอิรึยังล่ะ” คำถามถูกยิงมาซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าเป็นคำตอบ พร้อมมองไปทางเพื่อนร่วมแก็งของเขา ที่ซากุระรู้เรื่องที่เขารู้จักกับซาอินั้นก็เพราะ ซากุระเป็นลูกสาวยากุซ่าที่เป็นเพื่อนรักของซาบุสะ และทั้งสามเป็นเพื่อนสนิดที่อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ม.ต้น เห็นน่ารักๆ แต่แม่คุณอารมณ์ขี้โมโห แถมแรงช้างแรงควาย ใครมาหาเรื่องตายสถานเดียว ซึ่งเขาก็ได้ซากุระจังติวจนเข้าโรงเรียนได้นี้แหละ แถมยังมาหลงซาสึเกะอยู่
“ไม่นึกว่าเจ้านั้นจะยอมย้ายโรงเรียนมาเพื่อเจอนายแบบนี้”
“ชั้นก็ว่างั้น” ถึงซาอิจะโกหกเขาก็รู้อยู่ดี คนบ้าที่ไหนจะย้ายโรงเรียนมากลางเทมอภาคที่ 1 กัน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อน แล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องการแสดงละคร
“เอ่อซากุระจังคือ...” พอหันไปจะถามสาวเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว พอหันไปดูทางซาสึเกะก็เห็นคุณเธอไปเกาะแขนแกร่งแย่งกับอิโนะแล้ว อะไรจะไวปานนั้น แต่ก่อนสงครามจะยืดเยื่อครูอิรูกะก็เข้ามาในห้องและจัดการไล่บรรดาสาวๆให้กลับไปยังที่ตนเอง และก็เรียนกันจบคาบเช้า ซึ่งวันนี้เรียนแค่ครึ่งวันเช้า เพราะคาบบ่ายจะต้องส่งเรื่องและผู้แสดงส่งครู
“เอาล่ะเราทำการตกลงอีกครั้งนะ” เสียงซากุระเอยขึ้นเรียกทุกคนในห้องให้หันมาฟัง พร้อมเขียนชื่อตัวละครบนกระดานดำ
“ตามที่ตกลงกันไว้ว่าผู้ชายแสดงผู้หญิงทำงานเบื่องหลังนะเอาล่ะ...
ผู้บรรยาย = ซาอิ
แม่เลี้ยง = คิบะ
พี่สาว = ชิกามารุ
นางฟ้า = โจจิ
พระราชา = ชิโนะ
เจ้าชาย = ซาสุเกะ
ซินเดอเรลล่า = นารุโตะ
.......ฯลฯ........
เมื่อเห็นชื่อตนเองนารุโตะต้องว้ากขึ้นมาทันที
“เฮ้ยๆ!!ได้ไงอ๊ะซากุระจังให้ชั้นแต่งหญิงเนี้ยนะ” เจ้าตัวดีโววายใหญ่
“นายจะบ่นทำไมวะพวกข้าก็แต่งยังบ่นไม่ได้เลย” คิบะเอยขึ้นอย่างเซ็งๆ พร้อมบรรดาคนที่แสดงเป็นผู้หญิงทุกคนหันไปทาเจ้าแม่ผมสีชมพูที่กำลังยืนกอดอกยิ้มเหี้ยมมาให้ ทำเอานารุโตะถึงกับสะอึก และรู้เลยทันทีว่าทำไมถึงไม่กล้าหือ เพราะเจ้าแม่ท่านกำลังยื่นคุมอยู่ สายตาบ่งบอกเลยว่าใครว้ากอีกมีตายสถานเดียว
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นชั้นด้วยล่ะ” นารุโตะบ่นอิดออดขึ้นมา จึงโดนเบอกะโหลกเข้าทันที
“นายจะเรื่องมากทำไมนักหนาหะ?บทพวกนี้เราใช้คะแนนเสียงเอายะ และนายก็ได้คะแนนเสียงท่วมท้นเลย” ซากุระอธิบายขึ้นมาพร้อมส่งบทให้ของซินเดอเรลล่าให้ร่างบาง
“ท่วมท้นเลยเหลอ” พลางมองไปยังบรรดาเพื่อนร่วมก็วนที่พยักหน้ารับ เพราะพวกมันก็เห็นด้วยกันทั้งหมด
“ก็อุซึมากิหน้าหวานออกเหมาะกับบทนี้จะตาย” เสียงเพื่อนหญิงในห้องเอยบอก
“ใช้ๆถึงจะออกเด็กเกไปบ้างแต่ชั้นว่าเหมาะกับบทนี้นะ” เพื่อนอีกคนเสริม
“เห็นด้วยนะถ้าแต่งหน้าทำผมหน่อยน่ารักเลย” เสียงวิภาควิจารถึงความน่ารักของเด็หนุ่มดังขึ้นจากบรรดาผู้หญิงในห้องทำเอาร่างบางทำหน้าแหย่ทันที แต่มีรึจะยอมง่ายๆ
“แล้วทำไมซาสุเกะถึงเป็นเจ้าชายละ” นารุโตะหันกลับมาถามเจ้าแม่ที่อยู่หัวโต๊ะ
“เรื่องนั้นนะเป็นเพราะซาสึเกะคุงทั้งหล่อทั้งเท่เหมาะกับบทนี้ที่สุดเลยนะซิ” ซากุระว่าพลางบิดไปมาด้วยความเขินอาย แล้วบรรดาผู้หญิงไนห้องก็หันมาวิจารความหล่อของซาสึเกะต่อ ทำให้พวกผู้ชายต้องเอิมระอาซึ่งเจ้าตัวไม่ค่อยสนใจเท่าไร แล้วเมื่อเห็นว่าจะไปกันใหญ่ซากุระจึงกระแอ่มสองสามทีเพื่อกลับเข้าสู่งานต่อ
“เอาล่ะเราจะแบ่งงานกันทำตามหน้าที่ของตนเอง อาทิตย์หน้าเราจะเริ่มซ้อมแล้วนะเลิกกันแค่นี้กลับบ้านได้” พูดจบก็ลงจากหัวโต๊ะมาที่ซาสึเกะพร้อมส่งบทให้พลางควงแขน ทำให้เด็กสาวผมสีเหลืองอ่อนยาวตาสีฟ้าอ่อนต้องมาเกาะอีกข้างอย่างไปยอมแพ้ ซึ่งนารุโตะก็อดหมั่นใส่ไม่ได้ แต่จะทำยังไงได้เจ้านี้มันหล่อจริงๆ แล้วเขาก็เก็บกระเป๋าพร้อมบทที่ต้องท่องไปด้วย
“นารุโตะคุงวันนี้กลับด้วยกันนะ” เสียงทุ้มจากด้านหลังเอยขึ้นพร้อมโอบไหล่บาง
“อ๋อไม่ได้หลอกคือชั้นต้องไปธุระนะไว้โอกาสหน้านะซาอิ” พลางเดินเลี่ยงออกมาแต่ถูกแขนแกร่งรั่งไว้
“นะ...ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วย” พร้อมสายตาอ้อนน้อยๆ ทำให้เด็กหนุ่มยอมทำตาม
“ก็ได้...แต่นายต้องไปส่งชั้นนะ” ทำให้ซาอิยิ้มออกมาอย่างดีใจเดินมาหยิบกระเป๋าก่อน จะเดินจูงมือร่างบางออกจากห้องไปทันที พลางส่งสายตาและรอยยิ้มอย่างมีชัยให้ซาสึเกะด้วย ทำให้ร่างสูงรู้ทันทีว่าเจ้านี้เป็นศัตรูความรักของเขา ถึงอย่างจะออกจากตรงนี้ก็ทำไม่ได้เพราะติดบรรดาสาวๆ อยู่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทางด้านนารุโตะที่เดินตามออกมาเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เดินร่างโปร่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซที่จอดอยู่ และซาอิกขึ้นขับก่อนส่งหมวกกันน็อกให้นารุโตะ และสวมของตัวเองด้วย
“ไม่ยักรู้ว่านายก็ขับมอไซได้เห็นแต่ขับรถ”
“แบบนั้นก็ถูกด่าซิอีกอย่างนั่งมอไซไปไหนมาเร็วกว่านะ”
“แล้วนายจะพาไปไหนล่ะ”
“เดี้ยวก็รู้ขึ้นมาซิ” หลังจากซ้อนขึ้นซ้อนท้ายเด็กหนุ่มก็ซิ่งตรงไปยังที่หมาย ซึ่งก็คือริมทะเลที่มีจุดชมวิวทำให้ดูสบายตา เมื่อเดินไปหน่อยก็เห็นชายหนุ่มสองคนยืนอยู่
“อ๊ะ!!เฮียซาบุซะ ฮาคุนี้น่า” ว่าแล้วก็โบมือเรียกตรงไปยังทั้งสองที่ยืนอยู่ ตามมาด้วยซาอิที่เดินยิ้มตามหลังมา
“ไงเจ้าหนูดูท่าทางสบายดีนี้แล้วน้องแกล่ะเป็นไงมั่ง”
“ก็สบายดีครับแล้วทั้งสองคนมาเดทกันเหลอ” พลางยิ้มให้ แต่ซาบุสะกับถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นชั้นคงไม่ให้เจ้าซาอิพาแกมาเป็นมารหลอก” พลางขยี้หัวทองไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“อาวแล้วมีอะไรล่ะ”
“คือว่าเมื่อสามวันก่อนมีคนมาขโมยของจากที่ทำงานของแก็งเรานะสิ” ซาอิว่าขึ้น
“ขโมยเป็นไปได้ไงแล้วมันได้อะไรไปล่ะ” เจ้าตัวดีถึงกับตกใจตาโต เพราะไม่มีคนสติดีที่ไหนกล้าไปขโมยของยากุซ่ามาก่อน แถมที่สำนักงานของแก็งซาบุสะที่ขึ้นชื่อถึงความโหดด้วยแล้ว คงเป็นคนบ้าที่สุดโต่งเท่านั้นล่ะที่กล้าทำ
“คือเครื่องหอมเก่านะ” ฮาคุเอยขึ้นบอกบ้าง
“เครื่องหอมที่มีลายแมวสองหางนะเหลอครับ” พลางนึกถึงสิ่งนั้นว่าตอนนั้นเขาได้มาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเล่มาขาย แล้วฮาคุอยากได้เพราะมันสวยดีตอนนั้นเขายังพึ่งเขากลุ่มมาได้ 2 เดือนเอง
“เอ่อ!!แถมไม่แตะเงินรึของมีค่าอื่นๆที่มีค่ามากกว่าเลย” ซาบุสะอธิบายขึ้นอย่างเจ็บแค้นที่มีคนมาบังอาจขโมยของเขาไป แถมเป็นของที่ฮาคุชอบด้วย ยิ่งคิดก็เจ็บใจจนแสดงสีหน้าออกมาทำให้บรรดาคนสนิดยังผวา
“แล้วเราก็รู้ว่าเป็นครูที่โรงเรียนโคโนฮะนะก็เลยอยากให้ช่วยหาตัวการมาคืนหน่อยนะ” ฮาคุเอยขอร้องแทน ซึ่งมันเป็นของรักของร่างโปร่งก็ว่าได้
“ก็ได้แต่ว่ามีข้อแม้นะ” นารุโตะเอยขึ้นพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์
“อะไร”
“ค่ารักษาคราวก่อนไม่ต้องจ่ายได้ไหมละ” ทำเอาฮาคุหุบยิ้มทันทีก่อนจะครุ่มคิดซักครู่
“ก็ได้แต่ครั้งแล้วต้องได้ของนะ” ฮาคุเอยอย่างปรงๆ ก่อนจะยิ้มให้เหมือนเดิม ทำให้เด็กหนุ่มดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ จึงโดนเขกกะโหลกจากชายหนุ่มหน้าโหดข้อหาส่งเสียงดังหนวกหู แล้วคุยกันอยู่ซักครู่นารุโตะก็ขอตัวกลับเพราะต้องไปร้านอิจิราคุ เพื่อคุยเรื่องงานพิเศษ ซึ่งซาอิก็ไปส่งตามสัญญา เมื่อถึงที่หมายนารุโตะก็ส่งหมวกกันน็อกคืนให้
“ชั้นไปนะ” พลางสงยิ้มให้ก่อนจะเข้าร้านไป แต่ถูกเรียกกลับมา
“เดี้ยว!!นารุโตะ...คือ...ว่าชั้นขอถามอะไรหน่อยซิ”
“อะไรเหลอ”
“นาย...ชังเถอะแล้วเจอกันพรุ้งนี้นะ” พูดจบก็ใส่หมวกกันน็อกขับหายไปทำให้นารุโตะยืนงงอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่สนใจเดินเข้าไปในร้านราเมงอิจิราคุเพื่อคุยเรื่องงานพิเศษ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่
"เราคงได้เจอกันเร็วๆนี้ล่ะจิ้งจอกน้อยของชั้น" พูดจบก่อนจะหายไปในยามรัตติกาล
//โปรดติดตามตอนต่อไป//
ส่งท้าย...มาอัพแล้วค่าแต่จะให้ดี ขอความกรุณาอ่านแล้วเม้นกันด้วยนะค่ะ มันเป็นกำลังใจให้แต่งต่อไปนะค่ะทุกท่าน
ความคิดเห็น