ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic: Sengoku Basara [High School Love ข้ามมิติมาพบรัก Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : ความลับของยูคิมูระ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 53


    ณ ร้านอาหารทั่วไปตามท้องถนนในเมือง ยามเย็นผู้คนต่างเดินกันเลือกดูซื้อของ หรือหาอะไรทาน ซึ่งร้านอาหารที่พวกนักเรียนมักจะแวะมานั่งทานประจำของกลุ่มเคนจิคือ ร้านโจโชคานะซูชิ ที่เป็นร้านอาหารที่พี่ชายของโมโตจิกะเปิดอยู่ และพวกเขาก็รู้จักกันดี จึงแวะมานั่งทานที่นี้กันบ่อยมาก วันนี้ก็เช่นกัน


    “อ้าว
    ~ไงไอ้น้องทั้งหลายวันนี้ก็เอาแบบเดิมซินะ...ว่าแต่ขาดไปคนรึสองคนรึเปล่า?” เสียงเอยทักจากพี่ชายเจ้าของร้าน และผู้เป็นพี่ของโมโตจิกะเมื่อเห็นพวกเพื่อนร่วมก็วนของน้องชายมากินที่ร้าน แต่ก็รู้สึกว่าจะขาดไปอยู่สองคน...


    โดยหารู้ไม่ว่ามีคนทักเรื่องนี้ขึ้นมาก็เริ่มปล่อยรังสีมาคุออกมา จนเพื่อนๆ เริ่มเสียวสันหลังตะหงิดๆ


    “เอ่อ...เฮียครับ ผมว่าอย่าพึ่งถามเลยเอาของกินมาก่อนเตอะ” พูดจบเด็กหนุ่มร่างใหญ่ผมขาวรีบกล่าวดึงพี่ชายตนให้ไปทางอื่นก่อนจะพูดอะไรให้ระเบิดลูกน้อยๆ ทำงาน ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวเข้ามาจนคนอารมณ์ดีขี้เล่น ต้องหาอะไรเอยออกมาทำลายบรรยากาศอันแสนน่าอึดอัดนี้


    “เอ่อ...มาซามุเนะจ๋า” เสียงทุ้มค่อยเอยขึ้น


    What!!!” เสียงตอบกลับอย่างขอไปทีนั้นทำเอาเคนจิสะดุ้งเฮือก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยเมื่อเห็นนัยน์ตาของเจ้ามังกรตาเดียวแห้งแก็งมังกรโอชู กำลังดูเดือดๆ หงุดหงิด


    “คือ....”


    “คือสงสัยว่าแกเป็นบ้าอะไรถึงหงุดหงิดจังนะ
    ?” คำถามเอยอย่างเรียบง่ายจากปากเรียวของเด็กหนุ่มดวงตาและเส้นผมทรงม็อบสีน้ำตาล เล่นเอาคนถูกถามมองหน้าเล็กน้อยก่อนจะเหล่ไปทางอื่น


    “ก็เพราะเจ้าจิ้งจอกนั้นนะซิ
    !!อะไรฟะจู่ๆ ก็มาเอาตัวยูคิมูระไปเฉยเลย แถมปากงี้ สายตาสุดจะกวนอารมณ์ชะมัด?!แล้วเจ้านั้นยังหัวเราะต่อกระซิกให้อีก!!” คำเฉลยที่ดังออกมาเล่นเอาคนฟังนิ่งไปซักเล็กน้อย ก่อจะมองหน้าสบตาและ...


    “อุบ
    !! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!” เสียงหัวเราะที่ดังออกพร้อมกันราวกับเตรียมการไว้แต่แรกนั้น ทำเอามังกรตาเดียวถึงกับฉุนกว่าเก่า ...อะไรฟะ แค่นี้ก็หัวเราะ มันไม่ใช้เรื่องโจ๊กนะเฟ้ย!!!!...


    “จะขำอะไรนักฟะ
    ?


    “ก็นายนะ...หึงยูคิมูระใช้ไหมล่ะ
    ?” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ ในมือถือถาดอาหาร ที่มีซูชิหลากหลายหน้าให้ได้กิน วางบนโต๊ะอย่างบรรจง


    “พะ...พูดบ้าอะไรฟะโมโตจิกะ
    !!!!


    “ก็รึไม่จริง...ท่าทางนายแบบนี้เขาไม่เรียกว่าหึงแล้วเขาเรียกอะไรล่ะ” เคนจิเอยขึ้นอย่างอารมณ์ดี อย่างนึกไม่ถึงว่าเพื่อนผู้แสนเกรียน พูดจากวนส้นรองเท้า หยิ่งยโส จะรู้สึกหึงกับเพื่อนผู้เป็นลูกน้องในระบบ เจ้านาย-ลูกน้องอย่างนี้...


    “แล้วก็เขาบอกเองนี้ว่าเป็นพี่น้องกันนะ” โมโตนาริเอยขึ้นเสริมขณะที่เอาซูชิเข้าปากไปด้วยท่าทางอย่างเอร็ดอร่อย โดยมียักษ์หัวขาวนั่งข้างๆ


    “เฮอะ...พี่น้องบ้านไหนฟะหน้างี้ไม่เหมือนกันเลย แถมคนละนามสกุลอีก
    !!!!” มาซามุเนะหันมาโวยต่อ พร้อมกับยกชาขึ้นมาซด เนื่องจากใบหน้าของทั้งคู่ทั้งแตกต่างกันไปคนละแนว คนหนึ่งใบหน้าน่ารัก ตากลมโต สดใสดังเด็กสาว ส่วนอีกคนก็ตาตี ใบหน้าได้รูปเรียวขาว สวยมากกว่าน่ารัก จนรู้สึกน่ากลัว


    “อาจจะเป็นเรื่องซับซ้อนก็ได้นะ” เคนจิว่าพลางหยิบซูชิเคี้ยวตุ้ยๆ ทำให้มาซามุเนะเริ่มคิด เพราะเขาเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งที่แค่เห็นซานาดะ ยูคิมูระ ไปหัวเราะต่อกระซิกกับใครก็รู้สึกหงุดหงิดไม่สบอามรณ์ แล้วยิ่งเจ้าจิ้งจอกหัวขาวที่จู่ก็โผล่มา ทำวางท่าเป็นเจ้าของร่างบางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็ตาม แต่ก็ทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ


    ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยู่เฉยไม่ได้ ต้องขอกลับบ้านก่อน ขณะที่กำลังเดินไปทางสถานีก็มองมือถือตนไปด้วย ในใจก็สับสนว่าจะโทรหาร่างบางดีไหม จนกระทั้งเดินเลื่อยมาจนสวนสาธารณที่เคยเกิดเหตุก่อนหน้านี้ โดยไม่รู้ตัว ทำเอาเด็กหนุ่มหวาดๆ อยู่เล็กน้อยเพราะบรรยากาศแปลกกว่าทุกที ลมเย็นที่ลอยผ่านทำขนลุก และกลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาติดจมูกนั้นก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว หนักขึ้นอีก


    และที่แน่นอนคือเสียงคนกำลังต่อสู้กัน จึงตัดใจไปดูก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นภาพตรงหน้าคือมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับอะไรอย่างที่ดูเหมือนมนุษย์ผสมอสูรกาย และตอนนั้นเองที่หนึ่งในนั้นถูกเล่นงานกระเด็นมาทาเขาพอดี


    พอดีกับแสงจันทร์ฉายแสงให้เห็นใบหน้าของคนที่ต่อสู้กับปิศาจ เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบเก็บเป็นหางม้า อยู่ในชุดรัดรูปสีแดงดำ ใบหน้าอ่อนหวานดังเด็กสาวสวมผ้ารัดหัวสีแดง ดวงตาทอประกายสีแดงสด ฉายแววตกใจ ในมือถือหอกสีโลหิตเข้ม อีกฝ่ายเองก็ตกใจไม่แพ้กัน


    “ยูคิมูระ
    ?!/ท่านมาซามุเนะ?!ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้?!!!!” เสียงชื่อที่กล่าวแทบจะพร้อมกันนั้น ทำเอาทั้งคู่เถียงกันวะอย่างนั้นเรื่องที่ว่าทำไมอยู่ตรงนี้ได้ แต่ก่อนจะว่าอะไรต่อ ยูคิมูระก็รีบลุกขึ้นเอาหอกตั้งการ์ดป้องกันบังมาซามุเนะจากการลอบโจมตีของปิศาจร้าย ทำให้ถูกตบกระเด็นไปยังต้นไม้ใกล้ๆ ลงไปกองกับพื้น


    “ยูคิมูระ
    !!!!!!” ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นไปช่วยพยุงอีกฝ่ายทันทีด้วยความเป็นห่วง โดยมีเจ้าปิศาจนั้นตามจะทำร้ายซ้ำ แต่ทว่า


    “เฮ้ยๆ อย่าคิดว่าจะทำแบบนั้นนะโว้ย” เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นปกป้องคนทั้งคู่จากกรงเล็บอันใหญ่โต


    “ซาสึเกะ
    ?!!!!” มาซามุเนะเอยเรียกขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นเจ้าเพื่อนแสบในชุดลายพลาง ใบหน้าถูกแต้มสีที่แก้มและจมูก ใบหน้าสวมโครงหน้ากาก


    “ท่าน...มาซามุเนะ...หนีไป
    !!!” ยูคิมูระเอยขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายไปให้พ้นจากเหตุการณ์อันตราย แต่ทว่า


    “อ้า
    !!!!” ซาสึเกะก็ต้านไม้ไหวโดนตบกระเด็นไปอีกทางและตรงเข้าเล่นงานยูคิมูระทันที


    //!!ผัวะ!!//


    เสียงกรงเล็บตวัดผ่านเสื้อเฉือนเนื้อให้โลหิตใหลซึมออกมาอย่างช้าๆ ดวงตาสีแดงสดจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตาตน ขณะที่ร่างของตนอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาขวาจ้องมองกลับมา


    “ทะ...ท่านมาซามุเนะทำไมถึง
    ?!!!!!” ใช้แล้วมาซามุเนะกระโดดอุ้มยูคิมูระหลบการโจมตีนั้น ทำให้เข้าโดนเข้าที่หลังอย่างจัง


    I don’t know…แต่ที่แน่ๆคือชั้นจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำของๆชั้นได้ไม่เว้นจะเป็นปิศาจก็ตาม!!!” เสียงประกาศกร้าวพร้อมกับสายตาเอาเรื่องนั้นทำเอาเจ้าปิศาจตรงเข้ามาหมายจะเอาชีวิต มาซามุเนะจึงดึงยูคิมูระมากอดแล้วเอาตัวเองบัง เพื่อปกป้องอีกฝ่ายทันที


    ...ไม่เจ็บ
    ?...


    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มค่อยเปิดออกมองดูไปทางด้านหลัง ก็พบว่าเจ้าปิศาจนั้นโดนเสียบจากของแข็งสะท้อนมีเลือดสีแดงๆ ใหลอาบเป็นทางลงมา


    อะ...แกเจ้าลูกครึ่งจิ้งจอกชั้นตะ...ยังไม่ทันพูดจบเจ้าปิศาจนั้นโดนฟันหัวขาดลงไปกลิ้งกับพื้น

    จากฝีมือของชายหนุ่มผมสีขาว ที่บัดนี้มีหูจิ้งจอกแทนหูคนกับหางถึง 9 หางประดับออกมา สีขาวบริสุทธิ์ต้องแสงจันทร์ให้เห็นดวงตาสีทองสว่างนัยน์ตาสัตว์ป่า


    “อย่าหวังว่าจะได้ทำร้ายน้องอีกชั้นไอ้ปิศาจสวะ” เสียงเย็นยะเยือกเอยขึ้นพร้อมร่างกายของเจ้าปิศาจที่ถูกเกร็ดหิมะจากที่ไหนไม่รู้กัดกร่อนจนสลายหายไปหมด ดวงตาสีทองสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินข้างเดียวนั้นทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกเย็นเฉียบเข้าหัวใจ ด้วยความกลัวได้ทันที อีกทั้งความเจ็บและเลือดก็ออกมาขึ้นจนน่ากลัวกว่าเจ้าปิศาจนั้นซะอีก


    “ท่านมาซามุเนะอยู่นิ่งๆ นะจะรักษาแผลให้ทุกคนด้วย” พูดจบยูคิมูระก็เอามืออังปากที่ปล่อยลมหายใจอุ่นๆ ออกมากลายไปดวงไฟ มือทั้งสองวางบนหลังของร่างสูง ดวงไฟค่อยๆ สลายรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายจนรู้สึกร้อน เมื่อสลายหายไปพร้อมความเจ็บปวดรวมไปถึงบาดแผลทั้งหมด อย่างน่าอัศจรรย์ และแสงไฟนั้นก็ขยายเป็นเหมือนโดมทำให้ซาสึเกะที่นอนไม่ใกล้ไม่ไกลรักษาแผลหาย และที่ตัวจิ้งจอกขาวที่บาดเจ็บที่แขนเมื่อต้องแสงนั้นก็สลายหายไป ทำให้มาซามุเนะที่นั่งดูอยู่ตกตะลึงได้ไม่นานก็รีบเข้าไปรับตัวเด็กหนุ่มที่สลบไปแล้ว ตามตัวมีเหงื่อออกเต็มไปหมดและหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


    Hey!! ยูคิมูระ ยูคิมูระ!!” มาซามุเนะเรียกสติอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง เพราะจู่ๆ ก็ล้มลงไป แต่ทว่าต้องหุบลงเมื่อเจอชายหนุ่มจิ้งจอกยื่นอยู่ด้านหน้าเขา


    “ถอยออกห่างจากยูคิมูระซะเจ้าเด็กหน้าปลาดุกทะเล” เสียงเย็นเอยขึ้นดวงตาสีทองสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มอมดำเพียงข้างเดียว


    “เฮอะ
    !!คงจะไม่ได้นะเพราะเจ้านี้เป็นทาสของชั้นนะคุณพี่จิ้งจอกตาตี่พี่แหง่ติดน้อง!!!” เสียงกวนๆ ตอบกลับพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น เห็นถึงความเป็นเจ้าของเต็มที่ เล่นเอาคนฟังชักมีเส้นเลือดกระตุกเล็กน้อย


    “ได้...ไหนๆ นายก็เจอเรื่องที่ไม่ควรจะรู้แล้ว ชั้นจะช่วยให้ลืมๆไป แบบที่ห้องอยู่รพ.ซักเดือนเอาให้ขาวโพลนจำตัวเองไม่ได้เลยดีไหม...เผื่อว่าไอ้นิสัยกวนเบอร์รองเท้าจะดีขึ้น” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับจะชักดาบพร้อมเอาจริงได้ทุกเมื่อ พร้อมยินดีและเต็มใจจัดให้ เล่นเอานินจาที่ดูอยู่ตลอดต้องรีบห้ามทัพทันที่


    “ว้ากกกกกกกกใจเย็นคร้าบ
    ~~ท่านมิตสึนารี่~~~” เพื่อนตัวแสบรีบมายื่นกลางวงเพื่อถามแต่เมื่อเจอสายตาสีทองสว่างเย็นยะเยือกนั้นเข้า ก็ชักหวานสันหลังวาบๆ


    “ซาสึเกะ...หลบไปซะ...ไม่งั้นก็อย่าว่าไม่เตือน
    !!!!” สิ้นคำพูดนั้นชายหนุ่มก็ตั้งท่าจะลงมือทันที เล่นเอาคนห้ามจะโดนก่อนเพื่อนแบบนี้


    “ใจเย็นก่อนเถอะน่า...มิตสึนาริ ตอนนี้ต้องรีบออกจากที่ก่อนถึงจะถูกนะ” เสียงหนึ่งเอยปรามนั้น ราวกับระฆังช่วยชีวิตนินจาหนุ่ม ที่เกือบจะกลายไปเป็นชิ้นๆ ตามเจ้าปิศาจนั้นไปซะแล้ว ขอบคุณสวรรค์แต้ๆ...


    “อะ...ครับ ท่านทาเคดะ ชินเก็น” ชายหนุ่มเอยเอยขึ้นรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก จากชายหนุ่มวัยกลางคน แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแกร่งแม้จะเห็นได้ผ่านนอกเสื้อผ้าแบบกิโมโนแบบชาย หัวล้านไว้หนวดเขลาตามคางที่เข้มนั้น แลดูน่าเกรงขาม


    “อีกอย่างเจ้ามังกรหนุ่มนั้นคงมีเรื่องจะถามเยอะเลยล่ะนะ” พูดจบก็หันมาส่งยิ้มให้ทางมาซามุเนะ


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    “เอาล่ะ...ตามสบายนะ” เสียงทุ้มจากชายหนุ่มเอยขึ้น พร้อมกับนั่งยกชาดื่มตรงหน้าของเด็กหนุ่มตาเดียว ด้านข้างก็มีซาสึเกะนั่งอยู่ข้างเขา หลังยกชามาให้ ไม่เห็นเจ้าจิ้งจอกตาตี่คู่กรณีและคนที่เขาอยากรู้เรื่องที่สุด...ซานาดะ ยูคิมูระ...


    “ไม่ต้องห่วงไป...มิตสึนาริดูแลอยู่ แค่ให้นอนเต็มที่พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้ตามปรกติแล้ว” ราวกับถูกอ่านใจออกเสียงทุ้มดังเอยขึ้นบอกนั้น ทำเอามาซามุเนะหันกลับมาจ้องตอบ


    “เฮ้ย...นี้ก็หลายปีแล้วนะตั้งแต่เจอกับเธอที่วัดทาเคเซ็นโตตอนนั้นยังเป็นเด็กพึ่งขึ้นม.ต้นนี้เนอะ” พูดไปก็หัวเราะไปเมื่อถึงอดีต ที่เด็กหนุ่มตรงหน้ายังเป็นตัวเล็กๆ ตอนนั้นเขาอาศัยอยู่ที่วัดทาเคเซ็นโตชั่วคราวเพื่อทำธุระ ก่อนจะกลับมาประจำที่วัดทาคิเซ็นโต


    “นี้ลุงเจ้าอาวาสทาเคดะ...บอกหน่อยซิว่าเมื่อกี้มันคืออะไร
    ?!!แล้วยูคิมูระเป็นใครกันแน่?!!!” คำถามเริ่มถูกยิงมาจากเด็กหนุ่มตาเดียวที่เริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้ว เพราะในหัวเริ่มสับสนตีกันเอง


    “เออ...งั้นจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนะ...เจ้าพวกที่เธอเห็นนั้นเป็นปิศาจ ที่อาศัยอยู่ในคราบของมนุษย์ บางตนดีและบางตนก็อย่างที่เห็นนั้นแหละ ซึ่งถ้าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ จึงมีการแอบจัดการตามท้องที่กันไป แถบนี้นะเป็นถิ่นจัดการของชั้นเองนะ” คำอธิบายดังขึ้นจากปากเจ้าอาวาทนั้นทำให้มาซามุเนะนั่งนิ่งตั้งใจฟังอย่างดี เพราะถ้าใครมาพูดเรื่องแบบนี้เขาก็คงว่ากลับไปว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่พอดีเจอมากับตัวเลยเข้าใจ...


    “แล้วเจ้าจิ้งจอก...เอ๋ย คนที่ชื่อมิตสึนาริ นั้นก็ใช่ด้วยซินะครับ
    ?


    “ถูกครึ่งหนึ่ง...อิชิดะ มิตสึนารินะเป็นลูกครึ่งปิศาจจิ้งจอกหิมะเก้าหาง เพราะงั้นเขาจึงอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา โดยจัดการเรื่องที่โอซาก้านะ” คำอธิบายดังขึ้นนั้นทำเอาตกใจเป็นอย่างมาก


    “งั้นยูคิมูระ...ยูคิมูระก็” ยังไม่ทันได้กล่าวจบซาสึเกะก็แทรกขึ้นมาซะก่อน


    “ลูกพี่เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่มีพลังพิเศษเฉยๆ เป็นพลังในการรักษา นายก็เห็นแล้วนี้ นั้นนะเรียกว่า
    เพลิงรักษานะ” คำเฉลยนั้นทำเอามาซามุเนะยิ่งงงหนักกว่าเก่า ก็เพราะไหนเจ้าจิ้งจอกตาตี่นั้นพูดอ้างสิทธิว่าเป็นพี่ต้องขนาดนั้นแท้ๆ ตอนนั้นเองที่มาซามุเนะรู้สึกเหมือนได้ยินพึมพำว่า...มันเป็นคำสาปต่างหาก... พอหันไปถามพูดอะไรอีกฝ่ายก็ยิ้มให้และบอกไม่มีอะไร ทำให้รู้สึกว่าเขาคงคิดไปเอง ก่อนจะกลับมาฟังเรื่องต่อจากปากเจ้าอาวาท


    “ยูคิมูระ...เป็นเด็กนอกสมรสหรือพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือลูกเมียน้อย ของเจ้าของโรงละครและคณะนักแสดงคาบูกิ และโรงเรียนสอนชงชาขึ้นชื่อของโอซาก้าหลายแห่ง” ความจริงเรื่องครอบครัวของซานาดะ ยูคิมูระถูกเปิดเผยออกนั้นทำเอา เด็กหนุ่มตาเดียวถึงกับนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ว่าเด็กที่สดใสแสนซื่อ(บื้อในบางครั้ง) จะมีอดีตที่แสนเศร้าอยู่


    “...แม่ของลูกพี่เป็นนักเรียนชงชาและน้องสาวต่างของสารวัตร
    โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ อีกทั้งเป็นน้องสาวต่างพ่อของท่านเจ้าอาวาท ด้วยความสวยและนิสัยดี ทำให้ใครๆ ก็รักจน...” ซาสึเกะเล่าต่อพลางเหล่ๆ ไปที่เจ้าอาวาท ซึ่งมีการเหมือนอดทนกับเรื่องที่จะเล่าต่อ...


    “จนมันอุกอาจเข้าเอาน้องสาวแสนรักชั้นทำเมียโอ๊ยยยยยยยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นนนนนนนนน
    !!!!!!!!” ไม่ทันได้พูดจบเจ้าอาวาทก็ลุกขึ้นประกาศด้วยเสียงอันดังและเจ็บปวดอย่างสุดแสน เพราะน้องสาวแสนงามที่ดูแลมาแต่เล็กๆ มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม กลับถูกไอ้สัตว์เลื้อยคลานนั้นงาบไปกินซะงั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นโว้ยยยยยยย


    “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังๆจากซาสึเกะนั้นเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา เห็นเด็กหนุ่มตาเดียวนั่งหน้าเหวออยู่เพราะหูอื้นไปแล้วเรียบร้อย....ก็กลับมานั่งตามเดิมในท่าที่ดูทรงภูมิ ซึ่งต่อให้นั่งเก๊กแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์แล้วครับท่าน
    !!!!


    “เอ่อ...ต่อนะ เจ้านั้นก็ยังดีที่มารับไปเลี้ยงดู แต่ขึ้นชื่อว่าเมียน้อยก็ย่อมถูกใคร ต่อใครนินทาว่าร้าย อีกทั้งยายเมียหลวงนั้นก็ตัวดีหาเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวัน ยูริก็เลยต้องอยู่อย่างอดทนอย่างมากและตัวยูคิมูระเองก็ไม่ค่อยได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อเท่าไร ก็มาจากเมียหลวงนั้นทั้งนั้น...จนกระทั้งยูริตายเพราะอุบัติเหตุ เจ้านั้นก็พึ่งมาทำเป็นพ่อที่ดีพาไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรยูคิมูระจากแม่เลี้ยงกับพี่ชายบุญธรรมเลย จนในที่สุดฮิเดโยชิก็ทนไม่ไหวรับไปเลี้ยงดูเอง และชั้นเองก็แวะเวียนไปหาหรือพามาที่นี้อยู่บ่อยๆ สอนสิ่งต่างๆ ให้เขาทั้งการควบคุมพลังพิเศษของตนและการปราบปิศาจ หรือแม้แต่งานบ้านงานเรือน” คำอธิบายนั้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเด็กน้อยวิ่งมาทักทายพูดคุย อีกทั้งยังขยันขันแข็งสอนอะไรก็รับมาปรับเข้ากับตัวเอง ทำให้โทโยโทมิที่รับมาเลี้ยงดูร่วมถึงตัวเขารักและเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนลูกในไส้ก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ รายนี้ทั้งรักและหวงยูคิมูระกว่าเขาหลายเท่า ดูแลแทบจะเรียกได้งูจงอางหวงไข่ก็ว่าได้


    “และตอนนั้นสารวัตรโทโยโทมิรับคุณมิตสึนาริมาอยู่ในฐานะลูกบุญธรรมอยู่แล้วทำให้ทั้งคู่รักเหมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกันไง” ซาสึเกะเอยเสริมเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวแสบคนนี้ก็อยากรู้เรื่องที่สุดแน่นอน และแน่นอนว่าคนเลี้ยงเป็นไง เด็กที่ถูกเลี้ยงดูก็เป็นงั้น หวงยูคิมุระไม่แพ้กันจนเป็นจิ้งจอกหวงลูก อย่างไงอย่างงัน


    เคยมีคดีที่พวกเกเรมารังแกยูคิมูระจนเลือดตก ทั้งคู่ก็เลยไปจัดการ
    กวาดล้างซะเหี้ยน จนใครๆ ต่างก็กลัวจนไม่กล้าหาเรื่องเด็กหนุ่ม เพราะกลัวพ่อลูกจอมทำลายมาจัดการ แต่ก็มีพวกลองดีโดนจัดการไปไม่ใช้น้อยเหมือนกัน


    “แต่แล้ว...ก็มีเรื่องตามมาเมื่อแม่เมียหลวงกลัวว่ายูคิมูระจะมาเอาสมบัติของสามีไปก็เลยตามมาราวีอยู่เนื่องๆจนกระทั้งเจ้าลูกชายตัวแสบมันอุกอาจมามาทำร้ายยกพวกมาทำร้ายยูคิมูระจะกระทำ...อึ๋ย
    !!!!ยิ่งคิดยิ่งโมโห!!เจ้านั้นจะเอายูคิมูระทำเมียโชคดีที่มิตสึนาริไปช่วยไว้ทัน แต่ที่น่าเจ็บใจกว่าคือนังเมียหลวงเข้าข้างลูกตนเองใส่ร้ายไม่พอ เจ้านั้นก็หูเบาเชื่ออีก!!” คำอธิบายนั้นทำให้เจ้าอาวาทนึกถึงเรื่องนั้นก็ยิ่งแค้นจนหักพัดในมือเป็นท่อนๆ เพราะขนาดออกจากบ้านมาแล้วยังตามมาราวี ไม่เกรงใจโทโยโทมิที่เป็นสารวัตรเลยแม้แต่น้อย


    “...แล้วที่นี้ท่าเจ้าอาวาทเห็นว่าอยู่ที่นั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัยแล้วจึงตัดสินใจเอายูคิมูระมาดูแลที่นี้ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนนะ” ซาสึเกะเอยสมทบแทนเพราะเจ้าอาวาทกำลังเมามันส์กับการหักพัดเป็นชิ้นๆ ระบายความแค้น ทำเอาคนฟังถึงกับนั่งนิ่งไม่พูดอะไร พลางนึกถึงคำพูดของร่างบางตอนที่มาเฝ้าไข้เขา ที่ยังตราตึงในใจไม่เสื่อมคลาย


    ...เพราะเข้าใจซินะ เจ้านั้น... มาซามุเนะหลับตาลงและตัดสินใจบางอย่าง


    “นี้มาซามุเนะ...เรื่องนี้นะ” ซาสึเกะเอยขึ้นเพื่อบอกถึงเรื่องสำคัญต่อจากนี้


    “เอ่อ...ชั้นเข้าใจแล้ว แต่มีข้อแม้นะ” ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกพูดดักซะก่อน


    “หา
    ?!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    “เดินทางกลับดีๆ นะครับพี่มิตสึนาริฝากความคิดถึงทุกคนทางนู้นด้วยยังไงก็ส่งรูปคู่หูพี่มาให้ดูบ้างนะครับ” รุ่งเช้ามาเยือนผู้หมวดหนุ่มต้องกลับโอซาก้าเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลมาส่งที่หน้าประตูวัด ใจจริงอยากไปส่งถึงสถานีชินคันเซ็น แต่ผู้เป็นพี่เป็นห่วงเรื่องเรียนกับสภาพร่างกายของเขามากกว่าเลยให้ส่งแค่หน้าประตูวัดก็พอ


    “เรื่องฝากความคิดถึงทุกคนนะได้ แต่เรื่องรูปนี้พี่ขอยกไว้นะเอาไปที่นู้ไปเจอตัวจริงเลยดีกว่า...แล้วนี้เบอร์มือถือซินะ จะได้โทรคุยกันได้ตลอดเวลาคิดถึงซะที” ชายหนุ่มเอยขึ้นพลางมองดูเบอร์ในมือถือของตนเพราะว่าจะได้คุยได้ยินเสียงกัน นอกจากคุยกันทางจดหมาย เพราะว่าเขาซื้อมือถือสีแดงมีลายหกเหรียญด้านหลังมาให้ยูคิมูระโดยเฉพาะ ถึงจะทราบว่าอีกฝ่ายมีมือถือแล้วแต่ก็ถูกเจ้าปิศาจก่อนหน้านี้กินไปแล้วจึงซื้อให้ใหม่ก่อนมา


    “ฝากบอกเจ้าลิงฮิเดโยชิด้วยนะว่าว่างๆ ก็มาหาจะได้ไปกิ๊บกันบ้าง” เจ้าอาวาทเอยขึ้นอย่างสดใส


    “ครับ...เอ่อ ยูคิ ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ โดยเฉพาะถ้ามีเรื่องกับเจ้าปลาดุกทะเลนั้นพี่จะเจี้ยนมันเอง
    !!!” คำพูดที่ไม่มีปิดบังความคิดนั้นทำเอาคนฟังยิ้มแหะๆ แต่อีกฝ่ายนั้นท่าทางจริงจังและเอาจริงแน่นอน


    “แต่ว่า...มันก็มีดีกว่าที่เห็นอย่างที่นายว่าจริงๆ นั้นแหละ” ชายหนุ่มเอยขึ้นต่อพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ...คนอะไรบ้าบิ่นตรงเข้าไปช่วยโดยไม่ดูว่ากำลังต่อสู้กับปิศาจ ปกป้องน้องเขาไว้ แต่ว่ายังไงก็ชอบเจ้าปลาดุกทะเลนั้นไม่ลงจริงๆ
    !!!!


    “อืม...ต่อไปเขาก็คงไม่อยากมายุ่งอะไรกับผมแล้วล่ะครับ” คำพูดนั้นทำเอาชายหนุ่มผู้เป็นมีศักดิ์เป็นพี่และเจ้าอาวาทที่ดูแลมาตั้งแต่เล็ก รวมไปถึงเพื่อนซี้ที่ยื่นอยู่ข้างนั้นเข้าใจความรู้สึกของร่างบางดี เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ความลับที่ยูคิมูระปิดไว้แดงออกมา และก็คิดว่าใครจะมาหาเรื่องใส่ตัว แต่ทว่า...


    “พูดอะไรดูถูกกันแบบนั้นล่ะ...แค่เรื่องนี้คิดว่าชั้นจะทิ้งไปรึไงนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับวงแขนแกร่งเข้ามากอดจากด้านหลังดึงมาให้ร่างบางมาอยู่ในอ้อมกอดตน ดวงตาสีน้ำตาลเปิดโพรงเงยขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มอมดำข้างเดียวที่แสนคุ่นเคย


    “ทะ...ท่านมาซามุเนะ
    ?!!!” เสียงออกหวานเอยเรียกเจ้าของชื่ออย่างตกใจ แต่เหนืออื่นใดกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขาคนนี้ไม่ตีตัวออกห่าง อีกทั้งยังปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิม ไม่ได้รังเกียจแม้จะรู้ความจริงแล้วก็ตาม


    “ก็อย่างที่ว่า...รีบกลับรังไปได้แล้วคุณพี่จิ้งจอกตาตี่” เสียงพูดกวน พูดไปก็กระชับอ้อมแขนของตนพร้อมกับทำมือไล้อีกฝ่าย ทำเอาผู้หมวดจิ้งจอกแทบอยากจะกระโดดเอาดาบในมือฟันไอ้เด็กหน้าปลาดุกให้รู้แล้วรู้รอดแต่ติดที่พ่อหนุ่มนินจากับท่านเจ้าอาวาทมาขวางไว้


    และก็จบลงเมื่อแท็กซี่ที่เรียกไว้มารับพอดี จึงทำเอาท่านเจ้าอาวาทกับนินจาหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าช้ากว่านี้ได้มีรายการประดาบกันหน้าวัดกันแต่เช้าแน่ๆ


    “ท่านมาซามุเนะ...ทำไมถึง
    ?


    “ก็ไม่ทำไม...ชั้นก็คิดว่ามันน่าสนุก...แล้วก็ที่สำคัญชั้นไม่ทิ้งนายเพราะเรื่องแค่นี้หลอกนะ อีกอย่างไม่มีนายอยู่ใกล้มันเหงานะ...”


    “เอ๊ะ...เมื่อกี้ตอนท้ายว่าอะไรนะครับ
    ?


    “อึก...จะอะไรก็ชังไปได้แล้วสายแล้วนี้
    !!!”พูดจบก็เดินนำหน้าไป ตอนนั้นยูคิมูระรู้สึกได้เลยว่าเห็นหน้าแดงของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก็รู้สึกงงๆ ติดใจประโยคสุดท้าย วิ่งตามไปทันที โดยซาสึเกะแอบหัวเราะตามไป โดยมีสายตาอ่อนโยนของเจ้าอาวาทวัดทาคิเซ็นโตเห็นภาพของเด็กหนุ่มสองคนวิ่งไล่ตามกันนั้นก็นึกถึงภาพในอดีตอันแสนไกล ทั้งคู่ในชุดรบสีแดงกับสีน้ำเงิน ...คู่แล้วไม่แคล้วกันซินะ...


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ณ สถานีรถไฟชินคันเซ็น โอซาก้า


    ชายหนุ่มผมขาวลงจากรถไฟเดินยกกระเป๋าเสื้อผ้าและแท่งห่อผ้ายาวสีม่วงเดินมาตรงมาที่ประตูก็เห็นคนคนหนึ่งที่รู้จักยื่นรออยู่พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน พร้อมกับตรงเข้ามาหาทันที


    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านมิตสึนาริ
    !!!


    “กลับมาแล้วอิเอยาสึ
    !!!

    //TBC.//

    ----------------------------------================================================------------------------

    ส่งท้าย~~~~~เจ็มาอัพหลังจัดกองงานโปรเจคเสร็จหมดและสอบเสร็จแล้วตัวหนึ่ง ด้วยความดีใจมากไปนิดเลยมานั่งแต่งนิยายซะงั้น (ยังเหลืออีก 3 วิชาที่ต้องสอบ...) เลยยาวหน่อยนะค่ะตอนนี้...

    เอาไว้สอบเสร็จเรียบร้อยจะมาต่อนะค่ะ.... ก็คงเป็นอาทิตย์หน้า...

    สปอย...ตอนหน้าเราจะเอาประวัติของท่านมิทซึนาริมาเล่าให้(อ่าน) ให้ทุกท่านรู้ (เพราะกำลังติดใจคู่ทานุกิกะจิ้งจอกอย่างแรงงงงงงงง)

    ปลงอ่านกันแล้วอย่าลืมเม้นนะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×