คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : การมาของจิ้งจอกหิมะขาว
...แซ่ก แซ่ก... เสียงคนเดินไปมากันให้ควักไคว่ของลงจากรถไฟชิงคันเซ็น ขบวนสายด่วนจากโอซาก้า ผู้คนต่างเดินเดินเข้า-ออก ออกจากสถานี รวมไปถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีขาวเทาซอยสั้น ใบหน้าสวยคม จนใครเห็นเป็นต้องมองในความงามนั้น มือเรียวยกขึ้นเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปยังจุดหมายที่เขามายังเมืองใหญ่ครั้งนี้
“ไปโรงเรีนยเซ็นโกคุบาซาระ”
“เฮ้ย~เลิกเรียนซะที” เสียงบ่นจากปากของชายหนุ่มร่างใหญ่เส้นผมสีขาวมีผ้าปิดตาซ้ายไว้ บิดร่างกายไปมาอย่างเกียจคร้าน
“นี้ยูคิมูระเย็นนี้มีทำงานพิเศษรึเปล่า” เคนจิเดินมาเอยถามเพื่อนผู้น่ารักที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋า
“ไม่มีนะ...ทำไมอะเคนจิ?”
“วันนี้พี่มัทสึแฟนพี่ชายชั้นเขาได้ตั๋วเนื้อย่างฟรีมามันเท่ากับจำนวนพวกเราพอดี ว่าไงไปไหม?” เคนจิเอยอย่างร่าเริงพร้อมโชว์ตั๋วเนื้อย่างให้ดู ถึงจะเสียดายที่ซาสึเกะไม่มาโรงเรียนวันนี้และไม่ได้ไปกินกับพวกเขาก็ตาม
“ว่าแต่นายชวนเจ้านี้แล้วไม่ชวนชั้น หมายฟามว่าไงฟะเคนจิ?” เสียงกวนๆ เอยขึ้นพร้อมกับดึงร่างบางผมสีน้ำตาลมาอยู่ในอ้อมกอดของตน
“ก็นายไปอยู่แล้ว...ทำไมต้องชวนจริงป่ะล่ะมาซามุเนะ?” โมโตจิกะเสริมขึ้นอย่างอารมณ์ดี ที่จะได้กินเนื้อย่างฟรี ทำเอาคนฟังจิจะในลำคอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ว่าอะไรต่อ เดินลากเด็กหนุ่มในอ้อมกอดออกจากห้องไปเพื่อไปกินเนื้อย่างโดยไม่รอคนมีตั๋วที่วิ่งตามมา พร้อมกับโมโตจิกะและโมโตนาริ ที่เดินตามมาด้วยอารมณ์นึกสนุก แต่ทว่าเมื่อทั้งหมดเดินออกจากตัวอาคารมาได้หน่อยก็เห็นคนต่างยื่นมุงดูอะไรกันไม่รู้ และหนึ่งในนั้นก็มีพี่ชายของเคนจิอยู่ด้วย
“พี่โทชิอิเอะทำอะไรอยู่นะพี่?” ด้วยความอยากรู้จึงรีบเข้าไปถามทำทันที โดยมีมิยาโมโตะ มุซาชิยื่นตื้นเต้นอยู่ข้างๆ ทำเอาพวกเคนจิต่างยื่นงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คะ...คะ...เคน..จินู้นตรงนั้นคนที่ยื่นอยู่ตรงประตูทางออกโรงเรียน คุณอิชิดะ มิตสึนาริมาโรงเรียนเรา!!!!!” สิ้นคำพูดนั้นเคนจิกับโมโตจิกะต่างตกใจตาโตรีบไปชะโงกดูทันทีด้วยอารมณ์ตื้นเต้นไม่แพ้กัน ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นยูคิมูระที่ตาตกใจไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่ได้ไปชะโงกดูเหมือนคนอื่นๆ เพราะโดนร่างสูงล็อกไว้ (ถึงอยากไปก็ไปไม่ได้)
“จริงด้วยสุดยอดเลย!!!!!!!!!” เคนจิเอยอย่างตื่นเต้นดีอกดีใจอย่างออกนอกหน้า โดยมีกองเชียร์ต่างพากันเห็นด้วย แต่ว่า...
“สุดยอดยังไงคนคนนั้นนะ?” คำถามดังขึ้นจากปากเรียวได้รูปของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มทรงม็อบ หน้าตานิ่ง เล่นเอาบรรดาแฟนคลับต่างอ้าปากค้าง
“นั้นคุณอิชิดะ มิตสึนาริ ผู้หมวดแห่งโอซ่าก้า เจ้าของฉายา ‘จิ้งจอกหิมะขาว’ จัดการคดีทุกอย่างด้วยความสุขุมและเยือกเย็น เมื่อก่อนเป็นนักดาบแข่งขันทั้งเคนโด้และการฝันดาบสากลจนได้รางวัลชนะเลิศระดับโลกมาด้วยอายุพอๆ กับพวกเรานี้ล่ะ” คำอธิบายที่ดังจากปากของยูคิมูระแทนนั้นทำเอาบรรดาคนฟังต่างตกใจอย่างนึกไม่ถึงว่ายูคิมูระจะมีไอดอลแบบนี้ด้วย ทำเอาคนที่กอดอยู่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ก็ไม่เข้าใจว่าหงุดหงิดอะไรแต่ที่แน่ๆ คือเขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าอิชิดะนี้เลย
ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มหันมาสังเกตเห็นพวกยุคิมูระก็ดีใจ เดินมาทางพวกเขาทันที ทำเอาบรรดาแฟนคลับชาย-หญิง หรือคนแถวนั้นที่เห็นต่างตกใจทันทีที่เห็นชายหนุ่มในระยะใกล้ๆ ต่างตื่นเต้นเพราะไม่นึกว่าตัวจริงจะสวยซะขนาดนี้ แม้แต่โมโตนาริเห็นแล้วยังรู้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่หน้าสวยมาก ยิ่งประดับด้วยรอยยิ้มน้อยที่มุมปากก็ยิ่งดูดี
“ยูคิ...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” คำพูดที่หลุดออกมาทำเอาคนฟังต่างหน้าเหวอตกใจหันมามองยูคิมูระที่ยื่นยิ้มรออยู่
“ครับพี่มิตสึนาริ...นี้ก็ครบ 3 เดือนพอดี” คำพูดที่เป็นเองทำเอายิ่งทำเอามาซามุเนะตกใจหน้าเหวอพอๆ กับแฟนคลับที่ยื่นอยู่รอบๆ แต่ว่าชายหนุ่มกลับชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นคนไม่รู้จักมากกกอดยุคิมูระจึงเดินไปจับข้อมือเรียวแล้วดึงมาหาตน ด้วยความแรงจึงทำให้ร่างบางที่สูงพอๆ กับไหล่อีกฝ่ายชนเข้าอย่างจัง สร้างความฮือฮาและตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับมาซานุเมะที่ยื่นอึ้ง ดวงตาซ้ายข้างเดียวจ้องเขม่งสบกับดวงตาสีอเมทิสที่เขม่งกลับไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“What!!? แกทำบ้าอะไรนะแล้วแกเป็นอะไรกับยูคิมูระ?”
“นั้นเป็นคำพูดกับผู้ใหญ่รึไงเจ้าเด็กปากเสีย...แล้วชั้นก็เป็นพี่ชายของยูคิมูระตัวเธอต่างหากกล้าดียังไงมากอดน้องชั้น” คำพูดเสียงเย็นกับรังสีมาคุนั้นทำเอาบรรดาคนรอบข้างต่างหวาดผวา ขนลุก เพราะถ้าตอนนี้มาซานุเมะหรืออิชิดะมะอาวุธในมือละก็...
เหอ เหอ ได้เปิดศึกกันอย่างแน่นอน
“เอ่อ...คือว่าพี่มิตสึนาริครับ...ผมอึดอัดหายใจไม่ออก...” เสียงบ่นดังขึ้นทำเอาบรรยากาศที่กำลังร้อน ค่อยเย็นลงจากเด็กหนุ่มต้นเหตุที่โดนกอดจนขาดอากาศหายใจ ทำให้อีกฝ่ายรีบปล่อยด้วยความตกใจ
“ขะ...ขอโทษทีนะยูคิ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอ่อ...ยูคิมูระชั้นว่านายพาพี่นายกลับบ้านเถอะ ก่อนจะได้นองเลือดกันตรงนี้ ส่วนตั๋วนี้ชั้นจะเก็บไว้ ไปกินกันวันอื่นก็ได้นะ” เคนจิรีบเสนอข้อคิดเห็นทันที ก่อนที่จะได้มีเหตุการณ์นองเลือดจริงๆ
“งั้นก็ขอโทษนะเคนจิ ชั้นไปก่อนนะ” พูดจบก็พาพี่ชายของตนออกจากตรงนั้นโดยมีมาซามุเนะจ้องมองด้วยสายตาหงุดหงิดเป็นที่สุด และตัวชายหนุ่มเองก็จ้องมองตอบมาเป็นระยะ เมื่อพ้นประตูไปทั้งคู่ก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปก็สร้างความสบายใจต่อคนรอบข้างอย่างมาก เพราะใครจะไปนึกว่า ซานาดะ ยูคิมูระจะเป็นน้องชายของผู้กำกับหนุ่มสุดงามแห่งโอซาก้า แถมยังเป็นพี่ที่หวงน้องได้สุดๆ อย่างที่คาดไม่ถึงอีกต่างหาก!!!!!
ขณะเดียวกันมิตสึนาริที่นั่งแท็กซี่กับยูคิมูระก็เปิดโอกาสคุยกันตามประสาพี่น้อง ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกันทางสายเลือดกันเลยก็ตาม แต่มิตสึนาริก็รักและเอ็นดูยูคิมูระดังน้องแท้ๆ เพราะโตมาด้วยกัน และที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะกำลังใจจากน้องชายที่รักคนนี้
“พี่มาจากโอซาก้าแบบนี้คงไม่พ้นเจ้าคนที่หนี้คดีตอนนี้ซินะครับ?” ยูคิมูระเปิดประเด็นถึงความจริงที่เขารู้มาจากซาสึเกะเมื่อเช้าว่ามีคนร้ายหนี้คดีและยังเป็นปิศาจ ก็เลยต้องให้พวกเขาจัดการ และเห็นว่าจะมีนายตำรวจมาช่วยด้วย แต่ไม่นึกว่าจะเป็นจิ้งจอกหิมะขาวคนนี้...
“อันที่จริงพี่กะจะมาหาเราโดยเฉพาะแต่มันประจวบกับงานนี้พอดีนะ...” ความจริงถูกเปิดออกจากเรียวได้รูปอย่างเขินๆ เพราะว่าเขาอยากเจอกับยูคิมูระมากถึงขนาดขอลาหยุด 3-4 วันเพื่อมาหาโดยเฉพาะ แต่ว่าเกิดคดีพอดีเลยไม่ได้ลาหยุด ต้องมาทำงานด้วยซะงั้น
“คิก...พี่นี้ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” เสียงหัวเราะคิกคักในลำคอเมื่อเห็นหน้าเขินๆ เพราะพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ เป็นแบบนี้มาตลอดชอบมาหาตามห่วงเขา แต่เขาก็รักพี่ชายคนนี้มาก
“เอ่อ...ว่าแต่เจ้าเด็กตาเดียวผมสีน้ำเงิน ปากเสียนั้นคือคนที่เล่าในจดหมายใช่ไหม?” คำถามดังขึ้นเพราะพวกเขาติดต่อคุยกันทางจดหมายกันซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้โทรคุยกันเพราะยูคิมูระไม่มีโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ก็ไม่ต้องพูดถึง (แต่ก็ใช้งานทั่วไปได้)
“ครับ...ดูเป็นไงมั่ง...” ยังไม่ทันจะพูดจบอีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นทันที
“เฮอะ!!!เป็นเจ้าเด็กหน้าปลาดุกทะเลปากดีชะมัด...ไร้สัมมาคาราวะผู้ใหญ่ทำตัวน่าให้กินรองเท้าเป็นที่สุด!!แบบนี้แย่กว่าที่เล่ามาในจดหมายซะอีก!!” มิตสึนาริบ่นวิพากเจ้าเด็กหนุ่มผู้เป็น ‘เจ้านาย’ ของนายชายตามระบบของโรงเรียน ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเอาดาบคู่ใจตนมาฟาดปากยโสนั้นซักที ทำเอาคนฟังนั่งหัวเราะแห้งๆ
“ถึงปากจะชอบหารองเท้ามาได้ตลอด แต่เขาก็เป็นคนดีนะครับพี่มิตสึนาริ” คำพูดแก้นั้นทำเอาพี่ชายสุดหวงน้องหันมามองหน้าน่ารักนั้นอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตาเท่าไร
“ก็คงงั้น...แต่พี่พูดตามตรงนะว่าพี่ไม่ชอบขี้หน้าเจ้าปลาดุกนั้นจริงๆ!!!!” คำพูดเด็ดขาดนั้นทำเอาคนฟังยิ้มๆ ถึงความรู้สึกผู้เป็นพี่ไม่ค่อยจะชอบหน้ากับเจ้านายเขาเท่าไร
“เอ่อ...แล้วคู่หูพี่ล่ะครับเป็นไงมั่ง?” คำถามเปลี่ยนเรื่องที่ดังขึ้นนั้นทำเอาอีกฝ่ายตกใจ หันมาหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงคู่หูที่ทำงาน ทำเอายูคิมูระมองหน้าอย่างสงสัยว่าทำจู่ๆ ถึงหน้าแดง
“เอะ...อะ..กะ ก็ดี นั้นแหละ ขยันทำงานดี ช่วยงานได้เยอะ แต่ติดอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละเจ้าบ้ากล้ามนั้นนะ” คำตอบที่ดูจะตะกุตะกักในตอนแรกและดวงตาสีม่วงก็หันไปทางอื่นไม่ยอมมาสบตาตรงๆ ยิ่งทำเอายูคิมูระอยากรู้
“แล้วเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“อย่าถามเซ้าซี่ได้ไหม...เอาเป็นว่าเจ้าบ้ากล้ามนั้นเป็นคนดีก็พอ!!!!” ชายหนุ่มรีบพูดปัดๆ ไปเพราะไม่อยากให้เซ้าซี่กว่านี้ ทำเอายูคิมุระโวยวาย ต่อว่าเพราะตอนเขียนจดหมายชอบเล่าเรื่องคู่หูให้ฟังบ่อยๆ ทำให้เด็กหนุ่มชักอยากรู้สึกอยากเห็นหน้า อยากรู้จักมากขึ้น
พูดไปพูดมารถแท็กซี่ก็เดินทางมาถึงวัดแห่งหนึ่งทางชานเมือง ทั้งสองลงจากรถเดินเข้าวัดทาคิเซ็นโต ก็พบกับซาสึเกะที่ยื่นรอต้อนรับอยู่
“ลูกพี่...คุณมิตสึนาริยินดีต้อนรับกลับครับ แล้วก็ท่าเจ้าเรียกพบ เห็นว่าเดี๋ยวให้ ‘ออกล่า’ นะครับ” คำพูดนั้นทำเอาทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีจริงจังก่อนจะเดินเข้าไปในวัด เพื่อคุยงานและออกล่า...
//TBC.//
--------------------------------=================================================---------------------------
ส่งท้าย~%%% เสร็จแล้วโปรเจตหนึ่งเลยรีบมาอัพก่อน และคงต้องรอจนถึงเดือนหน้าเลยนะค่ะเพราะใกล้สอบแล้วด้วย... สอบเสร็จแล้วจะรีบมาต่อเลยค่ะ
ปล. อ่านกันแล้วอย่าลืมเม้น~~~~~~~~
ความคิดเห็น