คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ฝนตก
“แฮ่กๆ....แฮ่ก...” เสียงหอบหายใจขณะที่กำลังวิ่งหนี้อะไรบางอย่างในยามราตรี น้ำที่ตกจากฟ้าทำให้คนวิ่งนั้นพร่ามั่วมองไม่ค่อยเห็นทางนัก แต่เจ้าตัวก็ยังคงวิ่งหนี้สุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด จนกระทั้งมาถึงทางแยกของช่วงตึกใกล้ๆ กับสวนสาธารณะ ดวงตาที่เลิกลักหวาดกลัวมองไปมาไม่เห็นใคร จึงนึกหนี้พ้น แต่ทว่ากลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อสายตาหันกลับมาด้านหน้าก็ต้องตกใจสุดขีดที่เห็นบางสิ่งดักรออยู่ และนั้นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็นก่อนจะสิ้นลมหายใจ...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“นี้ๆ รู้ข่าวรึเปล่าว่ามีคนโรคจิตออกอาวาทตอนกลางคืนนะ?” เสียงเซ่งแซ่ตอนเช้าของเหล่านักเรียนดังขึ้นถึงข่าวใหญ่ที่น่ากลัวในช่วงนี้
“อ๋อ...ที่ว่ามีคนเอาของมีคมไล่ปาดคอแล้วก็ชอบเชือนผมกับใบหูไปด้วยนะเหรอ...อึ๋ยน่ากลัว!!!” เสียงหนึ่งตอบกลับทำให้คนนอกที่ได้ยินโดยบังเอิญรู้สึกสนใจขึ้นมานิดหน่อย
“ไง~มาซานุเมะสนใจข่าวนี้ด้วย?” เด็กหนุ่มท่าทางกวนๆ เอยขึ้นพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่เดินมานั่งประจำที่ของตน
“ถึงไม่สนก็ต้องสนล่ะ...มันดังออกขนาดนั้นนี้เนอะ” โมโตนาริเอยขึ้นพลางนั่งลงที่โต๊ะนักเรียนของตนพลางถอนหายใจกับข่าวคนโรคจิตอาวาท เห็นว่า ศพเมื่อเช้าก็เป็นศพที่ 5 ของอาทิตย์นี้แล้ว ไม่สนก็แปลกล่ะ
“เพราะงี้โมโตจังก็เลยให้ชั้นเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครอง...อุ๊บ!!!!” ยังไม่ทันจบว่าที่บอดี้การ์ดก็เจอสันหนังสือเข้าที่หน้าเต็มรักลงไปนอนไม่ต้องนับสิบ
“โมโตจังบ้านไหนแกซิ...ถ้าไม่ไม่ใช้ทางนั้นชั้นไม่ขอร้องไอ้บ้าโมโตจิกะมันหลอก!!!!” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทรงม็อบเอยขึ้นอธิบายพร้อมกับสมุดจดขึ้นมาเตรียมเรียน แต่บรรดาเพื่อนๆ ต่างคิดว่าระดับนี้ไม่ต้องพึ่งบอดี้การ์ดแล้วมั่งเพ่!! แค่สันหนังสือก็เล่นเอาชีวิตคนดับได้แล้ว!!
“หืม...เป็นอะไรนะมาซานุเมะ?” เคนจิหันมาถามเพราะดูเพื่อนเราจะไม่สนใจคนนอน กลับทำตัวคอยาวมองหาใครบางคนอยู่
“รึว่า...กำลังรอลูกน้องที่น่ารักอยู่รึไง?” ไม่รู้ฟื้นขึ้นมาตอนไหน เด็กหนุ่มรูปสูงดูกำยำเข้ากอดคออีกฝ่าย ที่ดูจะโดนแทงใจเข้าตรงจุด
“เออ...แล้วมันส่วนไหนของนายไม่ทราบฟะโมโตจิกะ?” อีกฝ่ายว่ากลับพร้อมเอาแขนของเพื่อนตัวแสบออกจากบ่าของตน เนื่องจากนอนซมเพราะพิษไข้อยู่สามวัน แต่ได้ยูคิมูระดูแลอย่างดีอย่างน่าเหลือเชื่อทำให้หายไว แต่ก็กังวลอยู่หน่อยๆ ว่าจะติดหวัดตนไปต้องซมแทน โดยปรกติยูคิมูระไม่เคยมาสายหลังเช็คชื่อ แต่ดูท่าจะคิดมากไป
เมื่อเจ้าตัววิ่งพรวดเข้ามาในห้องพร้อมกับคู่หูของตนทันเวลาอาจารย์เช็คชื่อพอดี เล่นเอาทั้งสองคนเสียววาบ แต่ก็ไม่พ้นโดนแซวกันจากเคนจิกับโมโตจิกะ
เมื่อบทเรียนเริ่มต้นขึ้นจนจบคาบบ่าย นักเรียนทั้งหลายต่างรีบแยกย้ายกันกลับเพราะเหตุการณ์น่ากลัวในระยะนี้ แต่ติดตรงที่...
“Shit!!!!ฝนทำไมต้องมาตกตอนนี้นะ?” เสียงบ่นดังขึ้นอย่างเซ็งๆ เพราะเมื่อเช้าไม่เชื่อพี่เลี้ยงโคจูโร่ที่ให้พกร่มมา จึงต้องยื่นติดแหง่กในตัวอาคารเรียน คนอื่นก็กลับกันไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวิ่งฝ่าไปก่อนแล้วค่อยหาที่พักระหว่างทางเป็นระยะ ขณะที่วิ่งไปอยู่นั้นก็สังเกตเห็นร่มสีส้มดูคุ้นๆ ตากนอนกลิ้งตากฝนไร้แววเจ้าของเมื่อมองเข้าไปในตัวอาคารใกล้ๆ นั้นเห็นเด็กหนุ่มร่างบางเส้นผมสีน้ำตาลเข้มมัดไว้ยาวเกือบถึงกลางหลังในชุดนักเรียนเซ็นโกคุ บาซาระ หันหน้าเข้าตัวอาคารท่าทางสั่นเทา นั่งอยู่กับพื้น มาซามุเนะจึงวิ่งเข้าไปพร้อมกับเก็บร่มมาด้วย
“เห็นว่านายออกก่อนแล้วไหงถึงมาอยู่แถวนี้......ยูคิมูระ?” ยังไม่ทันว่าอะไรต่อดวงตาข้างเดียวต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าน่ารักนองน้ำตา ทำให้ร่างสูงตกใจเป็นอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
“อะ...คือว่านี้นะน้ำฝนมันเข้าตานะอ้า!!!!!!!!!!” ยูคิมูระรีบอธิบายกลบเกลื่อนแต่ทว่าตอนนั้นเองก็ทีฟ้าฝ่าลงมาดังมาก ด้วยความกลัวและตกใจจึงโผเข้ากอดมาซามุเนะอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้อีกฝ่ายตกใจมาก
“What
อะไรนี้นายกลัวฟ้าร้องรึไง?” เสียงแซวติดตลก แต่คนกอดกลับกอดแน่นซุกอกเขาด้วยท่าทีหวาดกลัวจริงๆ น้ำตาคลอเบ้า เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ มือเรียวยกขึ้นโอบกอดและปิดหูไว้ ส่วนอีกข้างก็โอบกอดอย่างอบอุ่น
“เอ่อ...โทษทีไม่ตั้งใจจะแซว....ไม่เป็นไรเดี๋ยวฟ้ามันก็สงบลงแล้วไม่ต้องกลัวนะ...ชั้นอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเอง” คำปลอบโยนนั้นทำเอายูคิมูระใจเต้น แต่พอฟ้าร้องหรือฝ่าอีกก็ร้องรีบซุกอกกอดอีกฝ่ายแน่นอย่างกับเด็กๆ ทำให้มาซามุเนะรู้สึกได้เห็นอีกด้านของอีกฝ่าย ถึงจะเก่งแค่ไหนคนเราย่อมต้องมีจุดอ่อนด้วยกัน แต่ไม่นึกว่าจะกลัวฟ้าแบบนี้เท่านั้น...
เมื่อฝนซาลงท้องฟ้าเริ่มสงบ มาซามุเนะก็ให้ยูคิมูระไปที่บ้านตนเพราะฝนเริ่มแรงอีกครั้ง และก็ถือโอกาสหาเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่ว่าขนาดของของมาซามุเนะจะใหญ่ไปสำหรับยูคิมูระ ทำให้ชายเสื้อดูหลวมและชายผ้าปิดยาวปิดส่วนนั้นเห็นน่องขาขาวนวล เส้นผมที่เคยมัดไว้ก็ปล่อยยาวลงมาเกาะตามตัว ลำคอที่เคยมีปลอกคอก็ถูกเอาออกให้เห็นคอขาวๆ ห้อยสร้อยคอหกเหรียญทองไว้เท่านั้น เล่นเอามาซามุเนะหายใจหายคอไม่สะดวกเลยที่เดียว และเจ้าตัวก็นั่งไม่ค่อยจะระวังตัวด้วย ยิ่งทำให้ดูน่ารักและเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะเป็นชายก็ตาม
“จะไม่ถามเหรอว่าทำไมถึงกลัวฟ้าแบบนี้?” ประโยคคำถามที่หลุดออกมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้ร่างสูงกลับมาได้สติ จ้องมองร่างบางนั่งกอดเข่าบนโซฟาราคาสูง ด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเหงาๆ
“...ก็มีเหตุผลที่กลัวของใครของมัน อีกอย่างชั้นก็ไม่อยากฟังเท่าไร รึนายอยากเล่า?” คำตอบแบบฉบับกวนๆ ของเจ้านักเลงมังกรตาเดียวพูดนั้นทำให้คนฟังนึกขำน้อยๆ เพราะท่าทางกับที่พูดนั้นดูขัดกันอย่างมาก ถึงปากจะว่าไม่อยากฟังแต่ความจริงไม่อยากให้เขาต้องคิดถึงมากกว่า เพราะถ้าให้เล่าก็คงทำใจลำบากเหมือนกัน
“เอาชานมอุ่นๆ เห็นว่านายชอบ” พูดจบก็ส่งแก้วใส่นมอุ่นผสมชาอ่อนๆ ให้ร่างบางที่ดูตกใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องมาเอ่อ...เจ้าซาสึเกะมันบอกมาว่านายนะชอบชานมกับดังโงะมากมันก็เท่านั้น” คำอธิบายจบพร้อมกับยกกาแฟของตนดื่มเสไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาสีน้ำตาลที่มองมาอย่างนึกไม่ถึงอีกครั้ง เพราะว่าคนอย่าง ดาเตะ มาซามุเนะจะมาสนใจใครนี้ก็ยากแล้ว ยิ่งรู้ความชอบกับเอาใจแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
“ขอบคุณนะครับ...” คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มอันแสนหวาน ทำเอาอีกฝ่ายส่งเสียงจิจะในลำคอก่อนหันไปทางอื่น ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองไปก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องหันหน้าหนี้ด้วย แต่ก็ไม่ตามความจิบชานมไปก็ออกปากชมไป ทำให้คนทำรู้สึกมีความสุข แต่ทว่าความสุขต้องมาละลายหาไปเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือสีแดงดังขึ้น เมื่อเจ้าของรับและพูดคุยซักครู่มาซามุเนะเห็นท่าทางดูอีกฝ่ายจริงจังมาก ก่อนจะวางหูไปและขอตัวกลับบ้านทันที โดยให้เหตุผลว่าทางที่บ้านจะเป็นห่วงถ้ากลับมืดกว่านี้ เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มก็ยอมปล่อยให้กลับอย่างนึกสงสัยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้อีกฝ่ายรีบนักหนา ทำให้นึกสงสัยจริงว่า ซานาดะ ยูคิมูระคือใครกันแน่...
ทางด้านยูคิมูระที่ออกจากบ้านของมาซามุเนะมาก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านอย่างที่ว่ากลับไปที่ร้านเอจิโกะ เพื่อพบกับกลุ่มคนที่รอเขาอยู่
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” ยูคิมูระเอยขอโทษเหล่ากลุ่มคนในชุดสีดำอำพลาง
“ลูกพี่นะมาตรงเวลานั้นแหละไม่ได้รอนานอะไรด้วย” เสียงที่แสนคุ่นเคยดังรอดออกมาจากชุดนินจาสีดำอำพลาง มือหนึ่งยกขึ้นพร้อมกับผ้าโผกหัวสีแดงและทวนสีชาติส่งให้เด็กหนุ่ม
“งั้นเราก็ไปล่าเจ้าปิศาจนั้นกัน!!!!”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“นี้เธอรู้รึเปล่าว่าเจ้าโรคจิตนั้นโดนจัดการไปแล้วนะ” เสียงตอนเช้าดังเซ่งแซ่ถึงข่าวล่ามาไว
“เห็นว่าโดนจัดการก่อนตำรวจไปถึงนะ...ตัวงี้ไหม้แล้วยังสติฟันเฟื่องร้องว่าเห็นพยัคฆ์สีแดงด้วยดูท่าจะบ้าขนานหนัก” เสียงคุยตอบโต้กันนั้นก็ทำให้เหล่าชายหนุ่มที่ฟังอยู่ต่างสนใจไปด้วย
“แบบนี้ชั้นก็ไม่ต้องเป็นบอดี้การ์ดให้โมโตนาริแล้วซิ” โมโตชิกะเอยขึ้นอย่างเบื่อๆ นึกว่าจะเล่นเป็นบอดี้การ์ดนานกว่านี้หน่อย
“เสียใจด้วยนะ”
“แต่แบบนี้ก็ดีแล้วนี้จะได้ไม่มีใครเดือนร้อนอีก” เสียงใสเอยขึ้นจากด้านหลังของเด็กหนุ่มผมสีเทาขาว
“อ้าว...ยูคิมูระกับซาสึเกะวันนี้ก็มาตรงเวลาได้แล้วเหรอ?” เสียงแซวจากเคนจิที่ดึงยูคิมูระมากอดคอเล่น ทำให้มาซามุเนะรู้สึกเคืองๆ
“ท่านมาซามุเนะนี้ครับ” ยูคิมูระเอยขึ้นพร้อมกับส่งซองอะไรบางอย่างมาให้ หลังจากที่หลุดจากเคนจิมาแล้ว เมื่อเปิดออกดูก็พบกับเสื้อผ้าของตนที่ซักรีดเรียบร้อย
“เรียบร้อยดีเลยนะ...” คำชมนั้นทำให้ยูคิมูระยิ้มน้อยๆ
“เอ่อ...ยูคิมูระ”
“หืม”
“วันไหนฝนตกกลับกับชั้นเข้าใจนะ” พูดจบร่างสูงก็เดินไปดูเคนจิที่กำลังมะรุ่มมะตุ้มกับซาสึเกะกันอย่างสนุกสนาน โดยมีโมโตจิกะ กับโมโตนาริเป็นกองเชียร์ ซึ่งคำพูดนั้นร่างบางรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ครับ...ท่านมาซามุเนะ”
//TBC.//
------------------------------------=================================================-----------------
ส่งท้าย~~~~~มาต่อแล้วจร้า...ตอนนี้เริ่มเข้าเนื้อหาหลักกันแล้ว จะเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วนะค่ะ แต่ว่าอาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องคอยเครียร์โปรเจคงาน แต่จะพยายามมาอัพค่ะ
ปล. อ่านกันแล้วอย่าลืมเม้น
ความคิดเห็น