ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ความรู้สึกที่สื่อถึงกันและความจริง3 [100%]
.....แสงแดดเริ่มแรงขึ้นตามกาลเวลา ให้เห็นภาพภายในห้องกว้างไม่มากนักประมาณ 6 เสื่อ ชายหนุ่มผมดำเช่นเดียวกับดวงตาดูแข็งกร่าวและเย็นชาในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงินกางเกงขาวสั้นสีขาว ที่เข้ากันอย่างลงและชายหนุ่มอีกคนผมสีทองสว่างดังดวงตะวัน ดวงตาสีฟ้าดูหม่นหมองเล็กน้อยมีคราบน้ำตาคลออยู่ ฉายแววตกใจปนสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ในชุดฮากามะสีขาวตัดกับผ้ารัดเอวสีดำอย่างลงตัว มือที่เคยถูกจับไว้ปล่อยให้เป็นอิสระ อยู่ในอ้อมกอดแกร่งของร่างสูงซึ่งกำลังไม่พอใจบางอย่างอยู่
"นะ...นายบ้าไปแล้วรึไง" นารุโตะพูดตะวาท แต่น้ำเสียงเบาจนไม่เหมือนกับตะวาทใบหน้าแดงเล็กน้อยสายหลบลงไม่กล้าสบดวงตาสีรัตติกาลที่มองมา เพราะในใจนั้นกำลังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วที่ตกใจยิ่งกว่าคือเขารู้สึกดีกับจูบที่ซาสุเกะนำมาให้ ยิ่งคิดก็ทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าสูงขึ้น
"ก็คงใช่ชั้นบ้าไปแล้วที่มาสนใจคนบ้าๆอย่างนาย" พลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจับร่างบางอุ้มแบบเจ้าหญิง ด้วยความตกใจมือเรี่ยวเล็กโผเข้ากอดคอของร่างสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ว้าก~ก!นายทำบ้าอะไรนะซาสุเกะ" เจ้าตัวดีหันมาว้ากใส่พลางดิ้นไปมาเมื่อเริ่ม เข้าใจสถานะการ แต่ดวงหน้านั้นกลับแดงดังลูกมะเขื่อเทศ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อน
"ก็จะพานายไปพบคนที่รู้เรื่องนะซิเจ้างี่เง่าเพราะงั้นอยู่เฉยๆ" ว่าจบก็กำลังจะเดินออกจากห้อง
"เจ้าบ้า!!ปล่อยนะ!!ชั้นเดินเองได้!!" เจ้าตัวดีดิ้นไม่หยุดพพร้อมแหกปากลั่น ด้วยความรำคาน จึงปล่อยลงตามที่ขอ แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้นไม่ทันไร เรี่ยวแรงที่มีเหมือนหายไปหมดยังดีที่ยึดร่างสูงเกาะไว้ได้ ที่แปลกคือเขานอนหลับไปแค่ 3 วันไหงไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ขายังคงสั้นไปมาพร้อมล้มได้ทุกเมื่อ มือเล็กที่กำชายเสื้อยืดสีเงินแน่นขึ้น ร่างสูงที่ยืนนิ่งเป็นเสาร์ให้ร่างบางผมทองเกาะถอนหายใจยาวกับนิสัยดื้อรั้น ทำอวดเก่ง ไม่ฟังใคร พอเจ้าตัวดีเริ่มทรงตัวยื่นได้แล้ว แต่ขาเจ้ากรรมเกิดหมดแรงไปซะดื้อๆ โชคดีที่ได้แขนแกร่งของเด็กหนุ่มผมดำขลับช่วยเอาไว้ ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้นสบกับดวงตาสีรัตติกาล เพียงเท่านั้นดวงหน้ากลับแดงขึ้นมาดื้อๆ เพราะถาพตอนที่พวกเค้าจูบกันผุดขึ้นมาในหัวของเขา ในใจก็อยากจะถามว่าทำไมถึงจูบเขา ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ ยิ่งคิดก้อยิ่งปวดหัว มือเล็กกำชายเสื้อแน่นขึ้น มืออีกข้างยกขึ้นมากุมหัวจนร่างสูงรู้สึกได้
"นารุโตะนายไหวรึเปล่า" ไม่ว่าเปล่าพลางช่วยพยุงตัวร่างบางที่เริ่มหายใจแรงขึ้น เกิดอาการผิดปรกติบางอย่างขึ้นกับหัวของเค้า
"อึก!!อ้า!!" เด็กหนุ่มผมทองร้องออกมาอย่างเก็บอาการไม่อยู่ อาการปวดหัวเหมื่อนสมองจะระเบิดออกมา รู้สึกเหมือนภาพบางอย่างกำลังไหลเข้ามาในหัวของเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ด้วยความตกใจร่างสูงพยายามค่อยๆ วางร่างบางให้นั่งกับพื้น
"นารุโตะทำใจดีๆเอาไว้ก่อน" ซาสุเกะว่าไปก้อพยายามจับมือข้องเจ้าตัวดีให้อยู่นิ่งๆ เนื่องจากเจ้าตัวดีออกอาการปวดหัวอย่างหนักแล้วมือที่กุมหัวจิกลงไปด้วย จนแผลที่ปิดแล้วเปิดออกเลือดสีแดงสดเริ่มใหลออกมาซึมผ้าพันแผลที่หัว อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งตัวซาสุเกะเองก็ยังงงกับอาการที่จู่ก็เกิดขึ้นกับเจ้าหนูผมทอง ในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มผมทองกำลังรับรู้บางเรื่องที่เขานึกไม่ถึง
........................
...............
.....นี้มันอะไรกัน....ภาพของบ้านที่กำลังลุกใหม้ และกองศพของชายหญิงคู่หนึ่งที่นอนอยู่ท่ามกลางกองเพลิง พร้อมกับเด็กน้อยอายุราว 5-6 ขวบผมดำขลับ วิ่งเข้ามากอดคนทั้งคู่พร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นสายโผ่เข้ากอดคนทั้งคู่ที่ไร้ลมหายใจ ทำให้นึกถึงเรื่องของตนเองแล้วแน่นน่าอกขึ้นมาทันที่ จนสังกตุเห็นเงาดำๆ เคลื่อนใหวอยู่ด้านหลังกองเพลิงก่อนตามด้วยดาวกระจายที่ปามาทางเด็กน้อย แต่ว่า
"ซาสุเกะอันตราย!!" เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมการช่วยเหลือของเด็กหนุ่มผมยาวสีรัตติกาลมัดเป็นหางม้า หน้าตาคมคายดวงตาสีเดียวกับเนผมเป็นประกายฉายแววโกรธอยู่ แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก หน้าตาคล้ายกับเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด พอมองเด็กน้อยที่ช่วยไว้แล้วก็แทบใจหายเพราะเด็กคนนั้นเหมือน ไม่ซิต้องใช่แน่ๆ เด็กคนนั้นคือซาสุเกะนารุโตะคิดขึ้นพอรู้สึกตัวอีกทีกับเสียงของเด็กหนุ่ม
"ซาสุเกะหนีไป" เสียงกล่าวบอกพอที่จะได้ยินแค่สองคน แต่ท่าทางซาสุเกะจะไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด แล้วร่างสูงขาวซีดหน้าตาน่ากลัวเดินออกมาจากเปลวไฟ แต่นั้นแทบทำให้เด็กหนุ่มผมทองชะงัด คือชุดที่ชายหนุ่มใส่เสื้อคลุมสีดำลายเมฆแดง เหมือนกับเจ้าหมอนั้นไม่มีผิด
"ไม่ต้องกลัวไปหลอกได้ไปกันพี่ทั้งน้องนั้นแหละ" เสียงสูงแสบแก้วหูกล่าวขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ ทำให้อิทาจิหันไปมอง
"เจ้านี้ไม่เกี่ยวที่ต้องการนะคือชั้นแล้วทำไมต้องฆ่าล้างตระกูลด้วย" ชายหนุ่มตะโกนถามโดยมีซาสุเกะน้อยช่วยอยู่ข้างๆ
"ใครว่าต้องการแกแต่คนเดียวล่ะ" เสียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าดูผอมบางผิวขาวตาเรียวดังงูไม่มีผิด นั้นทำให้เด็กน้อยสะดุ้งอย่างหวาดกลัว ตัวร่างบางที่ยื่นดูอยู่ก็กลัวเช่นกัน และแล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด พริบตาเดียวเจ้างูบ้าอ้อมด้านหลังมากัดที่ไหล่ซ้าย
"ซาสุเกะ~!!" ชายหนุ่มตะโกนเรียกก่อนขว้างดาวกระจายใส่ไปทางคนร้าย ก่อนมีเหยี่ยวสีดำมาโฉบไปก่อนกับมามองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ที่กำลังยิ้มอย่างมีชัยไปทางคนร้าย แล้วบรรยากาศโดยรอบกับมาดำมืดอีกครั้ง
....................
...........
.......ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น ดวงตาที่อ่อนล่าเต็มที่ค่อยๆ เปิดออกพลางกระพริบตาไปมาเพื่อปรับแสง จากพร่ามั่วค่อยๆ ชัดเจนขึ้นพบกับเด็กหนุ่มที่คุ้นเคย ผมดำขลับเช่นเดียวกับดวงตามองมาทางเขาด้วยความห่วงใย น้ำใสๆ ค่อยๆ อาบแก้มนวลอีกครั้ง ภาพที่เค้าเห็นนั้นเหมื่อนความฝัน แต่ในใจกับรู้สึกว่ามันไม่ใช้อย่างแน่นนอน บางที่อาจเป็นความทรงของซาสุเกะ แล้วถายทอดมายังเขา
"นารุโตะเป็นอะไรไปนะ" คำถามถูกยิงมา แต่จะได้ถามอะไรต่อร่างบางผมทองก็โผเข้ากอดร่างสูง
"...ซาสุเกะ...นายเอง...ก็เคยผ่านความเจ็บปวดของการสูนเสียซินะ...การเสียครอบครัวไปนะ" คำพูดที่แสนแผ่วเบาดังขึ้นข้างหูร่างสูงสะดุ้งเล้ก นึกถึงเรื่องที่เกิดกับตระกูลของเค้า จะตอบรับโดยการกอดตอบ และส่งเสียงรับในลำคอ ก่อนนึกเอะใจก้คำพูดของร่างบาง แต่ก่อนจะได้กล่าวอะไรต่อชายหนุ่ม 2 คนเดินเข้ามาพอดี
"นี้ทั้งสองคนทำอะไรกันอยู่เหลอ" เสียงเรียกของชายหนุ่มหน้าทะเล้น ยิ้มร่าอยู่ข้างหลังชายหนุ่มอีกคนที่ยื่นตกใจกับภาพตรงหน้าของพวกเขา
"อะ...อาจารณ์อิรูกะ!!อาจารณ์คาคาชิ!!ทำไมอาอยู่นี้ละ" นารุโตะว่าพลางผลักร่างสูงกระเด็นและเช้ดน้ำตาแบบลวกๆ
"ไม่เป็นไรซินะก็ดีแล้วล่ะ...เอ่อยื่นไหวไหม" ชายหนุ่มผมเงินว่าพลางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมช่วยประคองเด็กหนุ่มผมทองลุกขึ้น แต่ร่างกายยังชาอยู่เลยทำให้ทรงตัวลำบากอยู่ซักหน่อย ชายหนุ่มเห็นว่าท่าทางจะเดินไปไม่ไหวแน่ คงต้องคุยกันที่นี้จึงหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ช่วยเก็บชามข้าวต้มมาวางที่โต๊ะเขียนหนังสือ เมื่อทั้งคู่สบตากันต่างก็รู้ความที่จะบอกทันที่ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ"เอานารุโตะคุงนั้งที่เตียงก่อนนะ" ว่าแล้วก็ค่อยๆ พาร่างบางเดินมายังที่เตียงก่อนให้นั่งข้างๆ ซาสุเกะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มผมดำรัตติกาลรวมถึงดวง ถอนหายใจยาวก่อนจะเดินมานั่งข้างกับพื้นตรงหน้านารุโตะ
"นารุโตะครูขอถามอะไรซัก2อย่างจะได้ไหม" ชายหนุ่มเอ๋ยขึ้น ตัวเด็กหนุ่มเองก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
"เคยรู้สึกแปลกๆ อย่างฝันเห็นถาพซ้ำๆ กันหรือหิวอย่างกินอะไรบางอย่างบ้างไหม"
"มีครับเป็นความฝันที่ฝันซ้ำไปซ้ำมา..."
"เล่าความฝันให้ฟังหน่อยได้ไหม"
"ครับ...ต่อนแรกก็ฝันเห็นภาพห้องมืดมีเสียงสะอืน และเสียงหยดกระทบกันตลอดเวลาจนกระทั้งเร็วๆนี้..." พูดไปก็เหมือนนึกอะไรออก ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างหนักใจ
"เล่าต่อซิ"
"มีเสียงร้องดังขึ้นมาว่า พอถามกลับไปก็ตอบและยังบอกอีกว่า" คำอธิบายดังออกจากปากขอร่างบางทำให้ชายหนุ่มสองคนหันมาสบตากันอีกครั้งอย่างหนักใจ
"...นารุโตะครูขอถามอีกข้อนะ..." เว้นช่วงก่อนจะเอ๋ยต่อ
"อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตนเองรึเปล่า"
"แน่นอนต้องอยากซิครับ...รึว่าพวกอาจารณ์รู้เหลอ"
"นารุโตะสัญญากับครูมาก่อนว่ารับเรื่องที่ครูพูดแล้วต้องทำใจยอมรับมันนะ" มือเรียวยกขึ้นกุมมือของเด็กหนุ่มผมทอง เมื่อร่างบางได้ยินอย่างนั้นค่อยๆ พยักหน้ารับก่อนส่งยิ้มให้
"ครูอิรูกะบอกมาเถอะครับ"
"นารุโตะเรานะเป็นคนของเผ่าปิศาจจิ้งจอง ที่เป็นสายเลือดหลักของเผ่า" คำพูดที่บอกออกมานั้นทำเอาคนฟัง เบิกตากว้างฉายแววความสงสัย
"ฮะ...ฮะ...จะเป็นไปได้ยังไงครับครูเรื่องนั้นมันเป็นนิทานหรือตำนานพื้นบ้าน" นารุโตะว่าพลางยิ้มหัวเราะ แต่ในใจกลับบอกว่ามันคือความจริง
"ก็อาจจะใช้" ครูอิรูกะว่าพลางหลับตาก่อน ค่อยๆเปิดตาอีกครั้งดวงตาสีรัตติกาลกลับกลายเป็นสีแดงสดแววตาดุดันราวสัตว์ป่า เล่นเอานารุโตะกับซาสุเกะที่อยู่ข้างถึงกับสะดุ้งด้วยคววามตกใจ พลางเงยขึ้นสบกับดวงตาสีฟ้าสด
"ครูเองก็เป็นคนของเผ่าจิ้งจอก" พลางส่งยิ้มให้คนฟังอึ้งสักครู่
"ครูอิรุกะอย่าล้อเล่นซิครับ...มันไม่ตลกเลยนะ" นารุโตะพูดพลางยิ้มแห้งๆ แต่ดวงตาสีแดงมองมานั้นกลับปฎิเสษไม่ได้
"ครูก้อบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกหก...เรื่องมีอยู่ว่า...เมื่อพันปีก่อนพวกเราเผ่าจิ้งจอกนั้นอาศัยอยู่ในป่าบรรพบุรุษนั้นเป็นเทพปิศาจจิ้งจอกไฟที่มี 9 หางทรงปกครองเหล่าไพร่ฟ้าอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จนกระทั้งมีเกิดเรื่องขึ้นถึงขันแตกหักของทั้งสามโลก เพื่อไม่ให้เรื่องบานไปมากกว่านี้จิ้งจอกเก้าหางจึงตัดสินใจสละชีวิตตนเพื่อปกป้องเผ่า แต่ว่าในอีกร้อยปีต่อมา..." อิรูกะหยุดเว้นช่วงก่อนเงยขึ้นสบกับนารุโตะอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กับมาเป็นสีดำอีกครั้ง
"เผ่าจิ้งจอกถูกใส่ร้ายจนว่าทรยศต่อเผ่าเทพจึงถูกสาป" คราวนี้คาคาชิที่ยื่นพิ่งผาผนังพูดขึ้นบ้าง
"ถูกสาป..." นารุโตะพูดขึ้นลอยๆ อย่างสงสัย
"ถ้ามนุษย์ธรรมดารู้ตัวจริงของเรานั้นต้องกลายเป็นแสงและต้องกินตับของสิ่งมีชีวิตในวันเพ็ญไม่งันจะกลายเป็นจิ้งจอกภายใน 7 วัน" คาคาชิว่า นารุโตะถึงกับหน้าถอดสี
"เพราะคำสาปทำให้คนในเผ่ากลายเป็นจิ้งจองบ้างกลายเป็นแสงบ้างจนเหลือมาจนถึงปัจจุบันไม่มากนักส่วนมากเป็นพวกลูกครึ่ง"
"ลูกครึ่ง?"
"พวกที่เป็นลูกครึ่งปิศาจจิ้งจอกแต่ก็ส่วนมากเป็นแค่พวกมีเชื้อสายเลือดจิ้งจอกเบาบางเท่านั้น" คาคาชิอธิบาย ก่อนเดินมาที่นารุโตะ
"แต่เธอไม่ใช้...เธอเป็นสายเลือดหลักจากจิ้งจอกเก้าหางที่เป็นทายาทคนสุดท้าย...ไม่ซิยังมีอีก2คน"
"2 คน" ซาสุเกะว่า
"พี่ชายของเธอที่แปลพักไปเข้าฝ่ายศัตรูกับน้องสาวฝาแฝดอีกคน" คนฟังถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้ว่าตนเป็นใคร พ่อแม่อยู่ไหน มีพี่น้องรึเปล่า
"แล้ว...แล้วพ่อแม่ผมล่ะ" นารุโตะร้องถามบ้าง"พ่อแม่เธอเป็นผู้นำของเผ่าที่ยอดเยี่ยมมากและก็รักพวกเธอมาก" อิรูกะว่าพลางลูบหัวนารุโตะ อย่างอ่อนโยน
"ถ้างั้นทำไมถึงต้องทิ้งผมไปล่ะแล้วตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน ผมอยากพบพวกเค้า" คำถามที่บาดลึกอยู่ในใจตลอดเวลา อิรูกะหลบตาออกก่อน
"พ่อแม่ของเธอตายแล้ว" คำพูดที่ดังขึ้นนั้นทำให้ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง หัวใจเหมือนถูกฉีกกระชาก เพราะตอนที่รู้ว่าตัวเค้าก็มีพ่อแม่อยากพบ อยากพูดคุยแต่มันคงไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วในเมื่อทั้งคู่จากโลกนี้ไปแล้ว น้ำใสๆ ค่อยๆ เอ่อคลอเบ้าอีกครั้ง
"ทำไม...พวกเค้าถึง" เสียงเอ๋ยถามสั้นจนคนนั่งข้างๆ รู้สึกได้
"ตอนแรกคิดว่าเพราะการทรยศของคนใน แต่มันไม่ใช้แค่นั้น" อิรุกะเริ่มอธิบายพร้อมกุมมือนารุโตะแน่นขึ้น
"นารุโตะเธอนะเป็นทายาทคนที่999 ในรอบพันปีพอดีทำให้เป็นปิศาจจิ้งจอกที่พิเศษกว่าคนอื่น" อิรูกะกลืนน้ำลายก่อนเล่าต่อ"เธอเป็นปิศาจจิ้งจอก 9 หางทำให้พวกปิศาจตนอื่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวหวังตัวเธอทำให้พวกมันมาถล่มที่บ้านเธอในคืนที่เธอเกิด..."
"เพราะอะไรกัน...ทำไมละ" นารุโตะถามต่อพลางกุมมือของอิรูกะแน่นขึ้น"เผ่าปิศาจจิ้งจอกนะขึ้นชื่อว่าเป็นเทพปิศาจแห่งไฟและชิวิตยืนยาวโดยเฉพาะ..."
"จิ้งจอกที่มี 9 หางอย่างผมซินะ" นารุโตะว่าน้ำตาที่คลอเบ้าเริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้ง ในใจตอนนี้มันดำมือเจ็บปวดไปหมด นี้หมายความว่าตัวเค้าเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่เค้าต้องตาย หรือบางที่อาจเป็นเหตุให้ทุกคนที่สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าต้องตายเช่นกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งกำมือมือเรียวของอิรูกะแน่นขึ้น
"นารุโตะ...ไม่เป็นไรนะพวกครูจะเป็นพวกของเธอตลอดไปไม่ต้องห่วง" คาคาชิเอ๋ยขึ้นบ้างพลางลูบหัวของเด็หนุ่มผมทองอย่างอ่อนโยน
"ตอนนี้เธอคงต้องอยู่ที่นี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอจนกว่าจะถึงวันเพ็ญในเดือนหน้า" อิรุกะว่าพลางลูบมือของนารุโตะเป็นการปลอบขวัญ
"และพยายามอย่าไปจับตัวใครตรงเพราะจะทำให้ความทรงจำของคนนั้นหลุดเข้ามาในตัวเธอเพราะบางทีมันเป็นการดีต่อตัวเอกันเอง" คาคาชิเสริม
"นารุโตะนอนพักก่อนนะทางโรงเรียนกับที่ทำงานพิเศษพวกครูจะจัดการเอง" ว่าจบอิรุกะลูบหัวนารุโตะก่อนเดินไปคู่คาคาชิที่ยื่นรอตรงประตู มองนารุโตะที่เหมือนร่างไร้วิณญาณก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างหนักใจ ทิ้งให้นารุโตะกับซาสุเกะอยู่ในห้องกันลำพัง ตามด้วยคาคาชิก่อนจากห้องมองสบตาไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างบางเด็กหนุ่มผมรัตติกาลพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ เพราะต่อไปมันเป้นหน้าที่ของเคาที่ต้องปกป้องดูแล เด็กหนุ่มผมทองดังดวงตะวัน ดวงตาสีฟ้าซึ่งตอนนี้ดูเหม่อลอยไปไกล ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนยกมือเรียวเช็ดน้ำตาอย่างบรรจง มือเล็กยกขึ้นจับก่อนจะได้เช็ดจนหมด ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นสบกับดวงตาสีรัตติกาล ก่อนหลบลง
"ซาสุเกะ...นายรู้อยู่ก่อนแล้วซินะว่าชั้นมันไม่ใช้คน" คำพูดที่เหมือนปรชดประชันจิตใจดังขึ้น
"เปล่า...รู้แต่เพียงต้องปกป้องคนคนหนึ่ง" พูดจบมือเรียวมือเรียวยกขึ้นจับแก้มนวลเช็ดคราบน้ำตาอีกครั้ง แต่มือเล็กก็ยังคงจับมือแกร่งแน่นขึ้น
"หึ...นายสงสารชั้นซินะ..หึหึถ้านายยังอยูใกล้ชั้นนายอาจได้ไปเผ้ายมบาทก็ได้" พร้อมเงยหน้ายิ้มอย่างไปหัวเราะไปอย่างคนเสียสติ คำพูดที่ออกมานั้นเหมือนคมมืดบาดลึกจิตใจ และที่เค้าพูดออกไปนั้นก็เพราะรู้สึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องตายดังนั้น...
"ซาสุเกะนายต้องไปปกป้องคนคนหนึ่งก็ไปซิชั้นไม่อยากได้ความสงสารจากนายหลอกนะ" ว่าแล้วก็ทำท่ายื่นขึ้นถึงแม้จะลำบากเพราะตอนนี้ตัวเขาและจิตใจอ่อนล้าเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ไม่อยากให้ใครมาสงสารหรือเวทนาตัวเขาเช่นกัน จู่ๆ ร่างสูงดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดทันที
"โอย!!นายทำบ้าอะไรซาสุเกะนายจะไปไหก้อไปซิฟ่ะ" นารุโตะว่าพลางดิ้นขลุกขลัก"นารุโตะ...นายคือคนที่ชั้นต้องปกป้องไงล่ะ" คำพูดที่ดังขึ้นข้างทุ้มต่ำ แต่หนักแน่จนคนฟังสะอึกเล้กน้อย"นายจะบ้าเหลอถ้านายอยู่กับชั้นนายอาจตายได้นะ" นารุโตะตะคอกกลับทั้งน้ำตาเพราะใจของเขานั้นไม่อยากสูนเสียบุคคลที่เขาไปอีกแล้ว ซาสุเกะยิ้มน้อยๆ ก่อนดึงมือเรียวงามข้างซ้ายขึ้นมาจุมพิษ บนหลังมืออย่างอ่อนโยน ทำเอาร่างบางหยุดการกระทำทุกสิ่ง เหมือนมีไฟฟ้าสถิตวิ่งเข้ามาในร่าง
"ชั้นไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้หลอกนะ...เพราะงั้นไม่ต้องกลัวหลอก" พลางดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งพลางลูบเส้นสีทองอย่างอ่อนโยน เป็นการปลอบโยน อ้อมแขนที่บอกบางกอดตอบไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตัวเขากลัวต้องอยู่คนเดียวพออยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงแบบนี้รู้สึกอบอุ่น
"ไม่เป็นไรชั้นให้ยืมไหล่อยากร้องก็เถอะ"
"วันนี้นายใจดีจังนะ..." คำพุดเหมือนกวนโอยดังขึ้น แต่ร่างสูงถอนหายใจอย่างรู้ทัน แต่ก่อนจะได้พูดอะไรต่อเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงกระซิบจากร่างบาง
"...ขอบคุณนะซาสุเกะ..." แล้วทุกอย่างก็ถูกกลบด้วยเสียงร่ำไห้ และหยาดน้ำที่หล่นลงมาและซึมเข้ามาในผ้าจนเปียกชื้น ในที่สุดแล้ววันคืนที่แสนเจ็บปวดนั้นได้ผ่านมาและผ่านพ้นไป พร้อมพวกพ้องที่จะร่วมผ่าฟัน
//โปรดติดตามตอนต่อไป//
-*********************************************************************************
ส่งท้ายค่า...ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว อาจจะไม่ค่อยได้มาอัพเพราะต้องอัพเรื่องอื่นด้วยนะค่ะ ยังไงถ้าว่างจะมาอัพแน่นอนค่ะ ^0^
"นะ...นายบ้าไปแล้วรึไง" นารุโตะพูดตะวาท แต่น้ำเสียงเบาจนไม่เหมือนกับตะวาทใบหน้าแดงเล็กน้อยสายหลบลงไม่กล้าสบดวงตาสีรัตติกาลที่มองมา เพราะในใจนั้นกำลังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วที่ตกใจยิ่งกว่าคือเขารู้สึกดีกับจูบที่ซาสุเกะนำมาให้ ยิ่งคิดก็ทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าสูงขึ้น
"ก็คงใช่ชั้นบ้าไปแล้วที่มาสนใจคนบ้าๆอย่างนาย" พลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจับร่างบางอุ้มแบบเจ้าหญิง ด้วยความตกใจมือเรี่ยวเล็กโผเข้ากอดคอของร่างสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ว้าก~ก!นายทำบ้าอะไรนะซาสุเกะ" เจ้าตัวดีหันมาว้ากใส่พลางดิ้นไปมาเมื่อเริ่ม เข้าใจสถานะการ แต่ดวงหน้านั้นกลับแดงดังลูกมะเขื่อเทศ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อน
"ก็จะพานายไปพบคนที่รู้เรื่องนะซิเจ้างี่เง่าเพราะงั้นอยู่เฉยๆ" ว่าจบก็กำลังจะเดินออกจากห้อง
"เจ้าบ้า!!ปล่อยนะ!!ชั้นเดินเองได้!!" เจ้าตัวดีดิ้นไม่หยุดพพร้อมแหกปากลั่น ด้วยความรำคาน จึงปล่อยลงตามที่ขอ แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้นไม่ทันไร เรี่ยวแรงที่มีเหมือนหายไปหมดยังดีที่ยึดร่างสูงเกาะไว้ได้ ที่แปลกคือเขานอนหลับไปแค่ 3 วันไหงไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ขายังคงสั้นไปมาพร้อมล้มได้ทุกเมื่อ มือเล็กที่กำชายเสื้อยืดสีเงินแน่นขึ้น ร่างสูงที่ยืนนิ่งเป็นเสาร์ให้ร่างบางผมทองเกาะถอนหายใจยาวกับนิสัยดื้อรั้น ทำอวดเก่ง ไม่ฟังใคร พอเจ้าตัวดีเริ่มทรงตัวยื่นได้แล้ว แต่ขาเจ้ากรรมเกิดหมดแรงไปซะดื้อๆ โชคดีที่ได้แขนแกร่งของเด็กหนุ่มผมดำขลับช่วยเอาไว้ ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้นสบกับดวงตาสีรัตติกาล เพียงเท่านั้นดวงหน้ากลับแดงขึ้นมาดื้อๆ เพราะถาพตอนที่พวกเค้าจูบกันผุดขึ้นมาในหัวของเขา ในใจก็อยากจะถามว่าทำไมถึงจูบเขา ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ ยิ่งคิดก้อยิ่งปวดหัว มือเล็กกำชายเสื้อแน่นขึ้น มืออีกข้างยกขึ้นมากุมหัวจนร่างสูงรู้สึกได้
"นารุโตะนายไหวรึเปล่า" ไม่ว่าเปล่าพลางช่วยพยุงตัวร่างบางที่เริ่มหายใจแรงขึ้น เกิดอาการผิดปรกติบางอย่างขึ้นกับหัวของเค้า
"อึก!!อ้า!!" เด็กหนุ่มผมทองร้องออกมาอย่างเก็บอาการไม่อยู่ อาการปวดหัวเหมื่อนสมองจะระเบิดออกมา รู้สึกเหมือนภาพบางอย่างกำลังไหลเข้ามาในหัวของเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ด้วยความตกใจร่างสูงพยายามค่อยๆ วางร่างบางให้นั่งกับพื้น
"นารุโตะทำใจดีๆเอาไว้ก่อน" ซาสุเกะว่าไปก้อพยายามจับมือข้องเจ้าตัวดีให้อยู่นิ่งๆ เนื่องจากเจ้าตัวดีออกอาการปวดหัวอย่างหนักแล้วมือที่กุมหัวจิกลงไปด้วย จนแผลที่ปิดแล้วเปิดออกเลือดสีแดงสดเริ่มใหลออกมาซึมผ้าพันแผลที่หัว อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งตัวซาสุเกะเองก็ยังงงกับอาการที่จู่ก็เกิดขึ้นกับเจ้าหนูผมทอง ในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มผมทองกำลังรับรู้บางเรื่องที่เขานึกไม่ถึง
........................
...............
.....นี้มันอะไรกัน....ภาพของบ้านที่กำลังลุกใหม้ และกองศพของชายหญิงคู่หนึ่งที่นอนอยู่ท่ามกลางกองเพลิง พร้อมกับเด็กน้อยอายุราว 5-6 ขวบผมดำขลับ วิ่งเข้ามากอดคนทั้งคู่พร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นสายโผ่เข้ากอดคนทั้งคู่ที่ไร้ลมหายใจ ทำให้นึกถึงเรื่องของตนเองแล้วแน่นน่าอกขึ้นมาทันที่ จนสังกตุเห็นเงาดำๆ เคลื่อนใหวอยู่ด้านหลังกองเพลิงก่อนตามด้วยดาวกระจายที่ปามาทางเด็กน้อย แต่ว่า
"ซาสุเกะอันตราย!!" เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมการช่วยเหลือของเด็กหนุ่มผมยาวสีรัตติกาลมัดเป็นหางม้า หน้าตาคมคายดวงตาสีเดียวกับเนผมเป็นประกายฉายแววโกรธอยู่ แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก หน้าตาคล้ายกับเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด พอมองเด็กน้อยที่ช่วยไว้แล้วก็แทบใจหายเพราะเด็กคนนั้นเหมือน ไม่ซิต้องใช่แน่ๆ เด็กคนนั้นคือซาสุเกะนารุโตะคิดขึ้นพอรู้สึกตัวอีกทีกับเสียงของเด็กหนุ่ม
"ซาสุเกะหนีไป" เสียงกล่าวบอกพอที่จะได้ยินแค่สองคน แต่ท่าทางซาสุเกะจะไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด แล้วร่างสูงขาวซีดหน้าตาน่ากลัวเดินออกมาจากเปลวไฟ แต่นั้นแทบทำให้เด็กหนุ่มผมทองชะงัด คือชุดที่ชายหนุ่มใส่เสื้อคลุมสีดำลายเมฆแดง เหมือนกับเจ้าหมอนั้นไม่มีผิด
"ไม่ต้องกลัวไปหลอกได้ไปกันพี่ทั้งน้องนั้นแหละ" เสียงสูงแสบแก้วหูกล่าวขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ ทำให้อิทาจิหันไปมอง
"เจ้านี้ไม่เกี่ยวที่ต้องการนะคือชั้นแล้วทำไมต้องฆ่าล้างตระกูลด้วย" ชายหนุ่มตะโกนถามโดยมีซาสุเกะน้อยช่วยอยู่ข้างๆ
"ใครว่าต้องการแกแต่คนเดียวล่ะ" เสียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าดูผอมบางผิวขาวตาเรียวดังงูไม่มีผิด นั้นทำให้เด็กน้อยสะดุ้งอย่างหวาดกลัว ตัวร่างบางที่ยื่นดูอยู่ก็กลัวเช่นกัน และแล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด พริบตาเดียวเจ้างูบ้าอ้อมด้านหลังมากัดที่ไหล่ซ้าย
"ซาสุเกะ~!!" ชายหนุ่มตะโกนเรียกก่อนขว้างดาวกระจายใส่ไปทางคนร้าย ก่อนมีเหยี่ยวสีดำมาโฉบไปก่อนกับมามองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ที่กำลังยิ้มอย่างมีชัยไปทางคนร้าย แล้วบรรยากาศโดยรอบกับมาดำมืดอีกครั้ง
....................
...........
.......ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น ดวงตาที่อ่อนล่าเต็มที่ค่อยๆ เปิดออกพลางกระพริบตาไปมาเพื่อปรับแสง จากพร่ามั่วค่อยๆ ชัดเจนขึ้นพบกับเด็กหนุ่มที่คุ้นเคย ผมดำขลับเช่นเดียวกับดวงตามองมาทางเขาด้วยความห่วงใย น้ำใสๆ ค่อยๆ อาบแก้มนวลอีกครั้ง ภาพที่เค้าเห็นนั้นเหมื่อนความฝัน แต่ในใจกับรู้สึกว่ามันไม่ใช้อย่างแน่นนอน บางที่อาจเป็นความทรงของซาสุเกะ แล้วถายทอดมายังเขา
"นารุโตะเป็นอะไรไปนะ" คำถามถูกยิงมา แต่จะได้ถามอะไรต่อร่างบางผมทองก็โผเข้ากอดร่างสูง
"...ซาสุเกะ...นายเอง...ก็เคยผ่านความเจ็บปวดของการสูนเสียซินะ...การเสียครอบครัวไปนะ" คำพูดที่แสนแผ่วเบาดังขึ้นข้างหูร่างสูงสะดุ้งเล้ก นึกถึงเรื่องที่เกิดกับตระกูลของเค้า จะตอบรับโดยการกอดตอบ และส่งเสียงรับในลำคอ ก่อนนึกเอะใจก้คำพูดของร่างบาง แต่ก่อนจะได้กล่าวอะไรต่อชายหนุ่ม 2 คนเดินเข้ามาพอดี
"นี้ทั้งสองคนทำอะไรกันอยู่เหลอ" เสียงเรียกของชายหนุ่มหน้าทะเล้น ยิ้มร่าอยู่ข้างหลังชายหนุ่มอีกคนที่ยื่นตกใจกับภาพตรงหน้าของพวกเขา
"อะ...อาจารณ์อิรูกะ!!อาจารณ์คาคาชิ!!ทำไมอาอยู่นี้ละ" นารุโตะว่าพลางผลักร่างสูงกระเด็นและเช้ดน้ำตาแบบลวกๆ
"ไม่เป็นไรซินะก็ดีแล้วล่ะ...เอ่อยื่นไหวไหม" ชายหนุ่มผมเงินว่าพลางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมช่วยประคองเด็กหนุ่มผมทองลุกขึ้น แต่ร่างกายยังชาอยู่เลยทำให้ทรงตัวลำบากอยู่ซักหน่อย ชายหนุ่มเห็นว่าท่าทางจะเดินไปไม่ไหวแน่ คงต้องคุยกันที่นี้จึงหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ช่วยเก็บชามข้าวต้มมาวางที่โต๊ะเขียนหนังสือ เมื่อทั้งคู่สบตากันต่างก็รู้ความที่จะบอกทันที่ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ"เอานารุโตะคุงนั้งที่เตียงก่อนนะ" ว่าแล้วก็ค่อยๆ พาร่างบางเดินมายังที่เตียงก่อนให้นั่งข้างๆ ซาสุเกะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มผมดำรัตติกาลรวมถึงดวง ถอนหายใจยาวก่อนจะเดินมานั่งข้างกับพื้นตรงหน้านารุโตะ
"นารุโตะครูขอถามอะไรซัก2อย่างจะได้ไหม" ชายหนุ่มเอ๋ยขึ้น ตัวเด็กหนุ่มเองก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
"เคยรู้สึกแปลกๆ อย่างฝันเห็นถาพซ้ำๆ กันหรือหิวอย่างกินอะไรบางอย่างบ้างไหม"
"มีครับเป็นความฝันที่ฝันซ้ำไปซ้ำมา..."
"เล่าความฝันให้ฟังหน่อยได้ไหม"
"ครับ...ต่อนแรกก็ฝันเห็นภาพห้องมืดมีเสียงสะอืน และเสียงหยดกระทบกันตลอดเวลาจนกระทั้งเร็วๆนี้..." พูดไปก็เหมือนนึกอะไรออก ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างหนักใจ
"เล่าต่อซิ"
"มีเสียงร้องดังขึ้นมาว่า พอถามกลับไปก็ตอบและยังบอกอีกว่า" คำอธิบายดังออกจากปากขอร่างบางทำให้ชายหนุ่มสองคนหันมาสบตากันอีกครั้งอย่างหนักใจ
"...นารุโตะครูขอถามอีกข้อนะ..." เว้นช่วงก่อนจะเอ๋ยต่อ
"อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตนเองรึเปล่า"
"แน่นอนต้องอยากซิครับ...รึว่าพวกอาจารณ์รู้เหลอ"
"นารุโตะสัญญากับครูมาก่อนว่ารับเรื่องที่ครูพูดแล้วต้องทำใจยอมรับมันนะ" มือเรียวยกขึ้นกุมมือของเด็กหนุ่มผมทอง เมื่อร่างบางได้ยินอย่างนั้นค่อยๆ พยักหน้ารับก่อนส่งยิ้มให้
"ครูอิรูกะบอกมาเถอะครับ"
"นารุโตะเรานะเป็นคนของเผ่าปิศาจจิ้งจอง ที่เป็นสายเลือดหลักของเผ่า" คำพูดที่บอกออกมานั้นทำเอาคนฟัง เบิกตากว้างฉายแววความสงสัย
"ฮะ...ฮะ...จะเป็นไปได้ยังไงครับครูเรื่องนั้นมันเป็นนิทานหรือตำนานพื้นบ้าน" นารุโตะว่าพลางยิ้มหัวเราะ แต่ในใจกลับบอกว่ามันคือความจริง
"ก็อาจจะใช้" ครูอิรูกะว่าพลางหลับตาก่อน ค่อยๆเปิดตาอีกครั้งดวงตาสีรัตติกาลกลับกลายเป็นสีแดงสดแววตาดุดันราวสัตว์ป่า เล่นเอานารุโตะกับซาสุเกะที่อยู่ข้างถึงกับสะดุ้งด้วยคววามตกใจ พลางเงยขึ้นสบกับดวงตาสีฟ้าสด
"ครูเองก็เป็นคนของเผ่าจิ้งจอก" พลางส่งยิ้มให้คนฟังอึ้งสักครู่
"ครูอิรุกะอย่าล้อเล่นซิครับ...มันไม่ตลกเลยนะ" นารุโตะพูดพลางยิ้มแห้งๆ แต่ดวงตาสีแดงมองมานั้นกลับปฎิเสษไม่ได้
"ครูก้อบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกหก...เรื่องมีอยู่ว่า...เมื่อพันปีก่อนพวกเราเผ่าจิ้งจอกนั้นอาศัยอยู่ในป่าบรรพบุรุษนั้นเป็นเทพปิศาจจิ้งจอกไฟที่มี 9 หางทรงปกครองเหล่าไพร่ฟ้าอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จนกระทั้งมีเกิดเรื่องขึ้นถึงขันแตกหักของทั้งสามโลก เพื่อไม่ให้เรื่องบานไปมากกว่านี้จิ้งจอกเก้าหางจึงตัดสินใจสละชีวิตตนเพื่อปกป้องเผ่า แต่ว่าในอีกร้อยปีต่อมา..." อิรูกะหยุดเว้นช่วงก่อนเงยขึ้นสบกับนารุโตะอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กับมาเป็นสีดำอีกครั้ง
"เผ่าจิ้งจอกถูกใส่ร้ายจนว่าทรยศต่อเผ่าเทพจึงถูกสาป" คราวนี้คาคาชิที่ยื่นพิ่งผาผนังพูดขึ้นบ้าง
"ถูกสาป..." นารุโตะพูดขึ้นลอยๆ อย่างสงสัย
"ถ้ามนุษย์ธรรมดารู้ตัวจริงของเรานั้นต้องกลายเป็นแสงและต้องกินตับของสิ่งมีชีวิตในวันเพ็ญไม่งันจะกลายเป็นจิ้งจอกภายใน 7 วัน" คาคาชิว่า นารุโตะถึงกับหน้าถอดสี
"เพราะคำสาปทำให้คนในเผ่ากลายเป็นจิ้งจองบ้างกลายเป็นแสงบ้างจนเหลือมาจนถึงปัจจุบันไม่มากนักส่วนมากเป็นพวกลูกครึ่ง"
"ลูกครึ่ง?"
"พวกที่เป็นลูกครึ่งปิศาจจิ้งจอกแต่ก็ส่วนมากเป็นแค่พวกมีเชื้อสายเลือดจิ้งจอกเบาบางเท่านั้น" คาคาชิอธิบาย ก่อนเดินมาที่นารุโตะ
"แต่เธอไม่ใช้...เธอเป็นสายเลือดหลักจากจิ้งจอกเก้าหางที่เป็นทายาทคนสุดท้าย...ไม่ซิยังมีอีก2คน"
"2 คน" ซาสุเกะว่า
"พี่ชายของเธอที่แปลพักไปเข้าฝ่ายศัตรูกับน้องสาวฝาแฝดอีกคน" คนฟังถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้ว่าตนเป็นใคร พ่อแม่อยู่ไหน มีพี่น้องรึเปล่า
"แล้ว...แล้วพ่อแม่ผมล่ะ" นารุโตะร้องถามบ้าง"พ่อแม่เธอเป็นผู้นำของเผ่าที่ยอดเยี่ยมมากและก็รักพวกเธอมาก" อิรูกะว่าพลางลูบหัวนารุโตะ อย่างอ่อนโยน
"ถ้างั้นทำไมถึงต้องทิ้งผมไปล่ะแล้วตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน ผมอยากพบพวกเค้า" คำถามที่บาดลึกอยู่ในใจตลอดเวลา อิรูกะหลบตาออกก่อน
"พ่อแม่ของเธอตายแล้ว" คำพูดที่ดังขึ้นนั้นทำให้ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง หัวใจเหมือนถูกฉีกกระชาก เพราะตอนที่รู้ว่าตัวเค้าก็มีพ่อแม่อยากพบ อยากพูดคุยแต่มันคงไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วในเมื่อทั้งคู่จากโลกนี้ไปแล้ว น้ำใสๆ ค่อยๆ เอ่อคลอเบ้าอีกครั้ง
"ทำไม...พวกเค้าถึง" เสียงเอ๋ยถามสั้นจนคนนั่งข้างๆ รู้สึกได้
"ตอนแรกคิดว่าเพราะการทรยศของคนใน แต่มันไม่ใช้แค่นั้น" อิรุกะเริ่มอธิบายพร้อมกุมมือนารุโตะแน่นขึ้น
"นารุโตะเธอนะเป็นทายาทคนที่999 ในรอบพันปีพอดีทำให้เป็นปิศาจจิ้งจอกที่พิเศษกว่าคนอื่น" อิรูกะกลืนน้ำลายก่อนเล่าต่อ"เธอเป็นปิศาจจิ้งจอก 9 หางทำให้พวกปิศาจตนอื่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวหวังตัวเธอทำให้พวกมันมาถล่มที่บ้านเธอในคืนที่เธอเกิด..."
"เพราะอะไรกัน...ทำไมละ" นารุโตะถามต่อพลางกุมมือของอิรูกะแน่นขึ้น"เผ่าปิศาจจิ้งจอกนะขึ้นชื่อว่าเป็นเทพปิศาจแห่งไฟและชิวิตยืนยาวโดยเฉพาะ..."
"จิ้งจอกที่มี 9 หางอย่างผมซินะ" นารุโตะว่าน้ำตาที่คลอเบ้าเริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้ง ในใจตอนนี้มันดำมือเจ็บปวดไปหมด นี้หมายความว่าตัวเค้าเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่เค้าต้องตาย หรือบางที่อาจเป็นเหตุให้ทุกคนที่สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าต้องตายเช่นกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งกำมือมือเรียวของอิรูกะแน่นขึ้น
"นารุโตะ...ไม่เป็นไรนะพวกครูจะเป็นพวกของเธอตลอดไปไม่ต้องห่วง" คาคาชิเอ๋ยขึ้นบ้างพลางลูบหัวของเด็หนุ่มผมทองอย่างอ่อนโยน
"ตอนนี้เธอคงต้องอยู่ที่นี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอจนกว่าจะถึงวันเพ็ญในเดือนหน้า" อิรุกะว่าพลางลูบมือของนารุโตะเป็นการปลอบขวัญ
"และพยายามอย่าไปจับตัวใครตรงเพราะจะทำให้ความทรงจำของคนนั้นหลุดเข้ามาในตัวเธอเพราะบางทีมันเป็นการดีต่อตัวเอกันเอง" คาคาชิเสริม
"นารุโตะนอนพักก่อนนะทางโรงเรียนกับที่ทำงานพิเศษพวกครูจะจัดการเอง" ว่าจบอิรุกะลูบหัวนารุโตะก่อนเดินไปคู่คาคาชิที่ยื่นรอตรงประตู มองนารุโตะที่เหมือนร่างไร้วิณญาณก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างหนักใจ ทิ้งให้นารุโตะกับซาสุเกะอยู่ในห้องกันลำพัง ตามด้วยคาคาชิก่อนจากห้องมองสบตาไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างบางเด็กหนุ่มผมรัตติกาลพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ เพราะต่อไปมันเป้นหน้าที่ของเคาที่ต้องปกป้องดูแล เด็กหนุ่มผมทองดังดวงตะวัน ดวงตาสีฟ้าซึ่งตอนนี้ดูเหม่อลอยไปไกล ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนยกมือเรียวเช็ดน้ำตาอย่างบรรจง มือเล็กยกขึ้นจับก่อนจะได้เช็ดจนหมด ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นสบกับดวงตาสีรัตติกาล ก่อนหลบลง
"ซาสุเกะ...นายรู้อยู่ก่อนแล้วซินะว่าชั้นมันไม่ใช้คน" คำพูดที่เหมือนปรชดประชันจิตใจดังขึ้น
"เปล่า...รู้แต่เพียงต้องปกป้องคนคนหนึ่ง" พูดจบมือเรียวมือเรียวยกขึ้นจับแก้มนวลเช็ดคราบน้ำตาอีกครั้ง แต่มือเล็กก็ยังคงจับมือแกร่งแน่นขึ้น
"หึ...นายสงสารชั้นซินะ..หึหึถ้านายยังอยูใกล้ชั้นนายอาจได้ไปเผ้ายมบาทก็ได้" พร้อมเงยหน้ายิ้มอย่างไปหัวเราะไปอย่างคนเสียสติ คำพูดที่ออกมานั้นเหมือนคมมืดบาดลึกจิตใจ และที่เค้าพูดออกไปนั้นก็เพราะรู้สึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องตายดังนั้น...
"ซาสุเกะนายต้องไปปกป้องคนคนหนึ่งก็ไปซิชั้นไม่อยากได้ความสงสารจากนายหลอกนะ" ว่าแล้วก็ทำท่ายื่นขึ้นถึงแม้จะลำบากเพราะตอนนี้ตัวเขาและจิตใจอ่อนล้าเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ไม่อยากให้ใครมาสงสารหรือเวทนาตัวเขาเช่นกัน จู่ๆ ร่างสูงดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดทันที
"โอย!!นายทำบ้าอะไรซาสุเกะนายจะไปไหก้อไปซิฟ่ะ" นารุโตะว่าพลางดิ้นขลุกขลัก"นารุโตะ...นายคือคนที่ชั้นต้องปกป้องไงล่ะ" คำพูดที่ดังขึ้นข้างทุ้มต่ำ แต่หนักแน่จนคนฟังสะอึกเล้กน้อย"นายจะบ้าเหลอถ้านายอยู่กับชั้นนายอาจตายได้นะ" นารุโตะตะคอกกลับทั้งน้ำตาเพราะใจของเขานั้นไม่อยากสูนเสียบุคคลที่เขาไปอีกแล้ว ซาสุเกะยิ้มน้อยๆ ก่อนดึงมือเรียวงามข้างซ้ายขึ้นมาจุมพิษ บนหลังมืออย่างอ่อนโยน ทำเอาร่างบางหยุดการกระทำทุกสิ่ง เหมือนมีไฟฟ้าสถิตวิ่งเข้ามาในร่าง
"ชั้นไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้หลอกนะ...เพราะงั้นไม่ต้องกลัวหลอก" พลางดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งพลางลูบเส้นสีทองอย่างอ่อนโยน เป็นการปลอบโยน อ้อมแขนที่บอกบางกอดตอบไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตัวเขากลัวต้องอยู่คนเดียวพออยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงแบบนี้รู้สึกอบอุ่น
"ไม่เป็นไรชั้นให้ยืมไหล่อยากร้องก็เถอะ"
"วันนี้นายใจดีจังนะ..." คำพุดเหมือนกวนโอยดังขึ้น แต่ร่างสูงถอนหายใจอย่างรู้ทัน แต่ก่อนจะได้พูดอะไรต่อเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงกระซิบจากร่างบาง
"...ขอบคุณนะซาสุเกะ..." แล้วทุกอย่างก็ถูกกลบด้วยเสียงร่ำไห้ และหยาดน้ำที่หล่นลงมาและซึมเข้ามาในผ้าจนเปียกชื้น ในที่สุดแล้ววันคืนที่แสนเจ็บปวดนั้นได้ผ่านมาและผ่านพ้นไป พร้อมพวกพ้องที่จะร่วมผ่าฟัน
//โปรดติดตามตอนต่อไป//
-*********************************************************************************
ส่งท้ายค่า...ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว อาจจะไม่ค่อยได้มาอัพเพราะต้องอัพเรื่องอื่นด้วยนะค่ะ ยังไงถ้าว่างจะมาอัพแน่นอนค่ะ ^0^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น