ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic naruto]สัญญาใจ จิ้งจอกที่รัก

    ลำดับตอนที่ #6 : จุดเริ่มต้นแห่งโชคชะตา (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 50


           สายลมยามเย็นพัดผ่าน ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นแดงอมส้มอ่อน แลดูสบายตา หมู่นกบินกลับรัง เมื่อสายลมพัดผ่านอีกครั้งใบไม้ได้ร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่ ยิ่งช่วงนี้ใกล้ฤดูหนาว ใบไม้จึงเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นแดงบ้าง ส้มบ้าง เมื่อต้องลมแรงจะหลุดจากต้นปลิวไสวดังท่องนภา เด็กหนุ่มผมทองมองลอยตามไป จนเพื่อนหนุ่มที่อยู่ข้างๆทักเรียกสติ

       "นารุโตะมีอะไรเหลอ" เพื่อนหนุ่มร่างสูงรูปร่างดี ผมสีแดงอมชา ดวงตาสีเขียวมรกตดูเย็นชา ทักขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ คนถูกทักหันมามองยิ้มให้ก่อนจะกลับมองไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง

       "ไม่มีอะไรหลอกกาอาระ"

       "แน่ใจเหลอ?" เจ้ายังไม่ลดละถามต่อ เจ้าตัวดีจึงถอนหายใจก่อนหันมายิ้มให้

       "อืม...เย็นมากแล้วยังไม่กลับเย็นนี้จะดีเหลอ" นารุโตะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที กาอาระเองก้ไม่ได้ติดใจอะไรจึงไม่ซักต่อ

       "เดี้ยวมีคนมารับที่ทางออกหมู่บ้าน"

       "งั้นฉันไปส่งนะปานนี้คงมารอกันแล้ว" ว่าแล้วเด็กหนุ่มผมทองก็จูงมือมือแกร่งพาเดินไปยังทางออกของหมู่บ้าน เมื่อไปถึงที่นั้น มีหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีมัดแกะ 4 แกะด้านหลังผมสีเหลื่องอ่อนกว่าเค้าเล็กน้อย ดวงตาสีขี้เถ่า ในชุดกิโมโนสีฟ้าอมเขียวยื่นคู่กับชายหนุ่มร่าสูงที่กำลังสูบบุหรี่ในชุดสุทสีดำ ดูเด่นเป็สง่าข้างรถเก๋งสีแดงอย่างหรู จนน่าอิจฉาเล็กๆ ในใจของเด็กผมทอง แต่ก็ไม่ใช้เรื่งสำคํญอะไรอยู่แล้ว เมื่อถึงที่หมายและมีคนมารับแล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก

       "กาอาระนายมีคนมารับแล้วชั้นไปก่อนนะแล้วก็...ขอบคุณที่มาเยี่ยม" พลางส่งยิ้มกว้างให้ ทำให้ร่างสูงเผลอยิ้มบางเล็กน้อยตามอย่างเคลิบเคล้ม

       "ไม่เป็นไร" เสียงตอบอย่างเรียบเฉย แต่เจ้าตัวดียังคงยิ้มร่าให้

       "งั้นเดินทางระวังด้วยล่ะ"

       "อือ..." พอเด็กหนุ่มผมทองกำลังหันจะจากไป

       "เดี้ยว!!นารุโตะ" เมื่อถูกเรียก ร่างบางจึงหันมามองอย่างสนใจ

       "เอ๋อ...คือว่า...สุขสันต์วันเกิดนะ" ร่างสูงก้มหน้าพูดไม่กล้าสบตาสีฟ้าสดใส 

       "อืมขอบใจนะกาอาระ นายเนี้ยเป็น เพื่อน ที่ดีที่สุดจริงๆ นั้นและ" ว่าแล้วดึงร่างสูงมากอดคอ ส่งยิ้มกว้างให้ แต่ในใจของเด็กหนุ่มผมแดงนั้น ราวกับถูกฉีกกระชากดวงหน้าฉายแววไม่พอใจกับสถานภาพที่เป็นอยู่ อยากเป็นมากกว่า เพื่อน  แต่ว่าในสายตาของเพื่อนตัวเล็กแล้วเค้าคงเป็นได้แค่นั้นเท่านั้น มือแกร่งกำแน่นขึ้น พลางเก็บอารมณ์ทางสีหน้าและน้ำเสียง โดยการถอนหายใจยาวก่อนหนึ่งที

       "งั้นชั้นไปก่อนนะ" เด็กหนุ่มกล่าวลา เมื่อหลุดดจากวงแขนบอกบาง เดินไปยังทางผู้คนที่รออยู่ ส่วนเจ้าตัวส่งยิ้มให้พลางโบกมือลาไปมา เมื่อเด็กหนุ่มขึ้นรถ และแล่นจากไปจนลับตาแล้วจึงเดินกลับเข้าไปหมู่บ้านที่เริ่มเปิดไฟนิออนตามท้องถนน แสงสีส้มอ่อนเริ่มลับขอบฟ้า เมื่อมองนาฬิกาข้อมือที่ซื้อมือสองใกล้ฟังแล้วเท่านั้นและ วิ่ง 4 x 100 ด้วยความเร็วสูงสุดที่เคยมี...ตายล่ะหว่าใกล้เวลาทำงานพิเศษแล้วไปไม่ทันมีหวังถุกหักเงินแน่ >o<...

            ไม่ถึง 10 นาทก็ถึงที่หมายทางเข้าด้านหลังร้าน เปิดเข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วในชุดพ่อครัวสีขาวบริสุทธิ์ผูกด้วยผ้าพันคอสีฟ้าอ่อน เปิดประตูบานใหญ่สีขาวเผยให้เห็นห้องกว้างที่มีโต๊ะไม่มากนักเรียงรายอยู่ มีแขกอยู่ 4 - 5 ราย และเคาว์เตอร์พร้อมอุปกรณ์ทำราเม็งมีพ่อครัวใหญ่ และ ผู้ช่วยอีกสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำราเม็งอยู่ จึงเดินไปยังโต๊ะที่มีถ้วยราเม็งที่กินเสร็จแล้ว วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างไม่เป็นระเบียบขึ้นถาดอย่างคล่องเคล่ว

       "ขอโทษที่มาสายครับหัวหน้า" กล่าวทัทายให้ทุกคนรู้ ตามธรรมเนียมของร้านราเม็งจิราคุ พูดไปมือทำงานไป เก็บจานชามพลางเช็ดถูจนสะอาด

       "มาสาย 5 นาทีนะนารุโตะ ไปล้างจานให้สะอาดและยกมาส่งด้วย" เสียงเข้มกล่าวขึ้นจากชายที่ดูมีอายุพอสมควรกล่าวขึ้น แต่ในมือยังคงทำงานอยู่ เมื่อรับคำสั่งก็ทำตามอย่างเคร่งครัด เค้ามาทำงานพิเศษหาเงินที่นี้ได้ 3ปีแล้ว ทำให้เค้าชินกับกิริยาท่าทางเย็นชาของเจ้าของร้านแล้ว หน้าที่ที่ได้รับนั้นคือการเก็บโต๊ะล้างชาม และส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ช่วยหยิบจับนู้นนี้บ้าง บางครั้งก้โชว์ฝีมือบ้างเมื่อหัวหน้าไม่อยู่ จนกระทั้งหนึ่งในผู้ช่วยออกไปปิดหน้าร้าน ต่างเก็บข้าวของกลับบ้านตามประสานั้น ก็ปาไป 3 ทุ้มเกือบ 4 ทุ้มแล้ว

       "เฮ้!!นารุโตะหัวหน้าเรียกแนะ" เสียงเรียกของหนึ่งในผู้ช่วยดังขึ้นบอกเด็กหนุ่มผมทองที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดนักเรียนสีขาว เสื้อสีส้มคอกลมข้างในพยักหน้ารับ เมื่อเปลี่ยนเสร็จในอีก 3 นาทีต่อมา ก็หยิบเป้สะพายหลังออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปยังห้องอาหารของร้านที่เจ้าของร้านนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โต๊ะอาหาร พลางกอดอก ทุกคนในร้านรู้ดีว่าถ้าหัวหน้าสูบบุหรีนั้นต้องมีเรื่องแน่ๆ เด็กหนุ่มกลื่นน้ำลายเอือกก่อนจะถาม แต่เหมือนหัวหน้าพ่อครัวจะรู้ทัน จึงชิงพุดก่อน

        "ไปทำราเมงมาให้ชั้นซิ" กล่าวจบก้สูบบุหรี่ต่อ ส่วนคนที่ต้องทำอึ้งกับคำสั่งอยู่ซักครู่ ก่อนตั้งสติรีบวางเป้ลงพื้น วิ่งกลับไปข้างในหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมอย่างคล่องเคล่ว ตรงดิ่งไปที่เคาว์เตอร์ล้างมือก่อนจะนำเครื่องมาล้างด้วย และลงมือทำราเมงในแบบที่ฉบับของอุซึมาคิ นารุโตะ
                          *-*(ต้องขออภัยที่ไม่สามารถบรรยาการทำราเมงได้นะค่ะ : เจ๊B)*-*
              10 นาทีผ่านไป เด็กหนุ่มผมทองยกชามขนาดกลางสีขาวมีลายแบบจีนรอบปากขอบชามสีแดงมีควันลอยขึ้นมาชยุยๆ แสดงถึงความร้อนที่เพ่งเสร็จ เมื่อวางลงบนโต๊ะอาหาร หน้าตาน่าทานน้ำใสเห็นเส้นอุด้งมีกลิ่นชวนน้ำลายสอ หัวหน้ายืมมือหยิบตะเกียบพร้อมทั้งแยกออก พลางลงมือกินโดยการยกชามซดน้ำ โดยมีคนทำยื่นเกร็งข้างๆ เพราะตั้งแต่ทำงานพิเศษที่นี้ เค้าไม่เคยมีใครอยากยุ่งด้วยหรือมาใกล้ชิดจึงมักโดนแกล้งเสมอ มีแต่หัวหน้าที่ดูเหมือนจะเริ่มยอมรับในตัวเค้า เนื่องจากทุกเดือนหัวหน้าจะทดสอบความสามารถของพนักงานดังนั้นใครที่ทำแล้วไม่ได้เรื่องต้องถูกไล่ออก และเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง เพราะงั้นการทำราเมงครั้งนี้เหมาะที่จะทำงานพิเศษต่อรึไม่ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเอือกใหญ่อีกครั้งเมื่อ คนชิมวางชามลงพลางคีบเส้นขึ้นมานำเข้าปาก เคี้ยวปลุบๆ และกืนลงท้อง ก่อนไปมองเด็กหนุ่มผมทอง ตาสีฟ้าที่ยืนเกร็งรอคำตอบอยู่ข้างๆ พลางส่งซองสีน้ำตาลให้

        "นี้เงินค่าจ้างไปฉลองวันเกิดแล้ววันจันทร์มาทำงานด้วยล่ะ" เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความอ่อนโยนกล่าวขึ้น เด็กหนุ่มตาโพร่งด้วยความตกใจปนดีใจที่หัวหน้ายอมรับเค้าแล้ว พลางยื่นมือรับซองเงิน

       "ขอบคุณมากครับ" นารูโตะกล่าวเสียงดังพลางก้มหัวขอบคุณ ส่วนหัวหน้านั้นส่งสัณญาณมือไล่ให้ไปได้แล้วอย่างลำคลาน เด็กหนุ่มส่งยิ้มกว้างก่อนจะเข้าไปเก้บอุปกรณ์ตรงเคาว์เตอร์ และผ้ากันเปื่อน พร้อมเดินออกมาหยิบเป้สะพายหลังก่อน

       "ไปก่อนนะครับหัวหน้า" เสียงดังบอกบาก่อนออกจากไปโดยมีสายตาอ่อนโยนมองตามไป...เจ้าหนูนี้เก่งใช้ได้ขนาดดูและลองทำบ่างครั้งก้ทำออกมาดีได้ขนาดนี้แล้ว... ชาย(ไม่)หนุ่มคิดขึ้นพลางลงมือกินต่อ โดยหารู้ไม่รู้ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็ตาม...

             เด็กหนุ่มผมทองเดินสะพายเป้มองซองเงินในมือที่เพิ่งได้มานั้นอย่างคลิ้มอกคลึ้มใจ ก่อนเอาใส่กระเป่าเป้ เพราะนี้เป็นเงินที่มีค่ามากสำหรับเค้า โดยหารู้ไม่ว่ามีคนแอบสะกดรอยตามอยู่จนกระทั้ง เด็กหนุ่มผมทองเดินมาถึงดรงเรียนของเค้านั้นเอง พร้อมทั้งเลอะตรงไปด้านข้างโรงเรียนที่มีต้นไม้ใหญ่ พลางแลซ้ายขวาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น พลางเดินถอยหลังพอประมาณก่อนวิ่งขึ้นกระโดดข้ามรั่วไปได้อย่างสวยงาม พลางวิ่งเข้าไปในโรงเรียนทันใด ส่วนคนตามนั้นมีรึจะยอม ยังคงตามต่อไปเช่นกันจนกระทั้งไปถึงดาดฟ้าที่ประตูเปิดอ้าอยู่พร้อมเสียงขลุ่ยที่ดังขึ้น เป็นเพลงที่ไพเราะและยังคงความเศล้าสร้อยเช่นเคย จนอดไม่ได้ที่จะต้องออกจากที่ซ่อนมาฟังให้ชัดขึ้น ภาพที่เห็นนั้นแสงสีนวลจากดวงจันทร์ส่องสว่างในยามราตรี ให้เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างดีผอมเพียวสีผิวขาวนวล ผมสีทองสว่างพริ้วไหวตามสายลม ดวงตาสีฟ้าอมเขียวเมื่อมองดูดีๆ แผงไปด้วยความทรนงและมิตร แต่เมื่อมองลึกลงไปในดวงตาคู่งามนั้นกลับรู้สึกถึงความเหงาและเดียวดาย บทเพลงที่ขับกล่อมออกมานั้นท่วงทำนองเชื่องช้า เศล้า แต่แผงด้วยความเข็มแข็งจนหน้าหลงใหลเหมือนเมื่อตอนนั้น และยิ่งเจ้าตัวหยุดเป่าลงดื่อๆหันมามองทางเค้าด้วยแล้ว ยิ่งเหมื่อนตอนเจอกันครั้งแรกแต่ว่า...

        "เฮ้ย!!ซาสุเกะมาอยู่นี้ได้ไง" แต่ปฎิกิริยาต่างกันลิบ คนถอนหายก่อนหันขึ้นไปสบตาสีฟ้าใส

        "ลืมของเลยมาเอา"

        "ตอนเนี้ยนี้นะนี้มันจะเที่ยงคืนแล้วด้วย" เจ้าตัวดีถามกลับไปอย่างสงสัย เพราะปรกติซาสุเกะมันไม่ใช่คนขี้ลืม แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่เห็นมันจะสนใจอะไรเลย ใต้โต๊ะก็ไม่มีวางของไว้ซักชิ้น การบ้านก็เห็นทำส่งทุกครั้ง

        "แล้วนายล่ะ" คำถามถูกยิงมา เจ้าตัวดีสะอึกเล็กน้อย เริ่มวิตกว่าจะตอบกลับไปไงดี แล้วยิ่งเห็นเจ้าของคำถามยื่นเก้กหล่อ ยิ่งหงุดหงิดเกิดอาการหนมั่นใส้

         "แล้วมันกงการอะไรของนายด้วยฉันจะทำอะไรมันก้อเรื่องของฉันว้อย" เจ้าตัวดีตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด แต่หารู้ไม่ว่าคนฟังนั้นถึงกลับชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่เจ้าตัวดีไปกอดและปรับทุกข์กับคนอื่น ที่ไม่ใช้เค้า ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ชัวอึดใจเด็กหนุ่มผมรัตติกาลก็มาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มผมทองที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงชานขอบตู้เก็บของ

         "ว้าก!!มะ..มาได้ไง" ด้วยความตกใจสุดขีดเลยล้มลงไปกับพื้น เด็กหนุ่มหันมองรอบตัวดีเห้นกล่องสีขาวขนาดไม่ใหญ่มากกับเทียน 4-5 อันวางอยู่ข้างกระเป๋าเป๋ ด้วยความสนใจจึงก้มลงมองเปิดแงมดู 
       
         "เฮ้ยห้ามดูน้า~" พูดไม่ทันจบก็รีบกระโดดเข้าปิดตาทั้งสองข้างร่างสูง แต่รักษาทรงตัวไม่อยู่

        "ว๊าก" ทั้งคู่เซลงไปนอนนารุโตะทับซาสุเกะโดยไม่รู้ตัว

        "อูย~เจ๊บ" ร่างบางกล่าวพลางลูบหัวไปมา เพราะตอนล้มนั้นหัวไปโดนพื้น

        "เป็นงมั่ง"พลางหยันตัวลุกขึ้นนั่งเลย กลายเป็นว่านารุโตะนั่งบนตักไปโดยปริยาย มือเรียวงามเสยผมสีทองมองดูแผลที่หัวเห็นเลือดซึมเล็กน้อย แต่ถูกมือเรียวเล็กจับที่ข้อมือก่อน

        "ฉันไม่เป็นไรแล้วน่า" เด็กหนุ่มพุดปัดและพยายามลุกแต่จู่ๆ ก็หน้ามืดล้มลงไปทรุดกับพื้นราวกลับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น

         "ไม่เป็นไรที่ไหนกันเหล่าเจ้าบ้าเอ๋ย" ซาสุเกะว่าพลางช่วยพยุง แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะปรกติต้องโวยวายเสียงดัง แต่นี้กับเงียบเฉย แววตาดูเหล่อลอยไปไกล

         "นะ...นารุโตะ!!นารุโตะ!!นายเป็นอะไร" พลางเขย่าเรียกสติ แต่ก็ไร้ผลตอบกลับใดๆ มีเพียงปากที่ขมุบขมิบไปมาอย่างแผ่วเบา 

        "...มา...กำลัง...มา...บางอย่าง...กำลัง...มา..." เมื่อใดยินดังนั้นจึงรวบตัวเล็กเข้าอ้อมกอด อยู่ในท่าที่เตรียมพร้อมที่สุดและกระโดดลงจากหลังทาตู้เก็บของ พร้อมกระเป๋าเป้สีส้มสดใส พร้อมวิ่งไปยังประตูทางออก แต่ถุกชายหนุ่มร่างสูงผมขาวในชุดเสื้อสูทสีขาวเดินออกมาดักทางไว

       "นี้พวกเธอมาทำอะไรที่นี้รู้ไหมว่ากี่โมงกี่ยามแล้วนะ" คำถามถูกยิงมา พร้อมลอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

       "แล้วครูมิซิกิล่ะครับมาทำอะไร" ซาสุเกะโต้กลับไปพร้อมกระชับวงแขน

       "ก็ครูเป็นเวรเฝ้าที่นี้ไง แล้วนั้นอุซิมากิไม่ใช่เหลอนั้นเป็นอะไรรึเปล่าไหนขอครูดูซิ" ไม่ว่าเปล่าพลางยื่นมือหมายสัมผัสเด็กหนุ่มผมทองในอ้อมกอดของซาสุเกะ แต่เด็กหมุ่นผมหายอมไม่จึงถอยหลังเล็กน้อย ทำให้ครูมิซึกิเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ

       "ครูมิซึกิวันนี้มันเวรครูอาซึม่าไม่ใช้เหลอครับ" คำถามที่ยิงมานั้นเริ่มทำให้ร่างสูงใหญ่เก็บอาการหงุดหงิดไม่อยู่ แต่ก็ยังคงยิ้มให้เด็กหนุ่มกลบเกลือน

        "วันนี้ครูเข้าติดธุระเลยให้ครูมาแทนนะ"

        "เลิกต่อแหลดีกว่ามั่งครับครูมิซึกิ ครูอาซึม่านะนอนหลับอยู่ที่ห้องพักของยามไม่ใช้เหลอครับ" ซาสุเกะกล่าวขึ้นพลางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ส่วนคนที่ยื่นฟังนั้นสะอึกเล็กน้อย

        "ตอนที่ผมเข้ามาในโรงเรียนนั้นมันยังล็อกอยู่เลย และแสงไฟจากที่พักยามสว่างให้เห็นว่าอ.อาซึม่ายังอยู่กับยาม"คำอธิบายดังขึ้นอีกครั้ง

        "แล้วก้ออ.มิซกิด้วยนี้ครับหรืออสูรร้ายที่ทำลายคนในช่วงนี้ดีล่ะ" คนฟังสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะระเบิดหัวเราะดังรั่ว

        "สมเป็นเด็กตระกูลอุจิวะชั้นเองก็อดทนกับความโอหังของแกไม่ไหวแล้วเหมือนกัน" ชายหนุ่มเดินย่างสามขุมเข้ามา ส่วนเด็กหนุ่มถอยหนี้เพื่อตั่งหลักจนหลังชนกับรั่วเหล็ก หันไปมองข้างล่างที่มือมิดและสูงละลิ่ว ก่อนหันกลับมาประจันหน้ากับตัวอันตรายที่อยู่ตรงหน้าเค้า ก่อนวางเด็กหนุ่มผมทองไว้ข้างๆ กาย ก่อนลุกขึ้นยื่นหยัดตั้งท่าต่อสู้ ดวงตาแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงที่สุกสว่างในความมืด

        "โอ้นี้รึเนตรวงแหวนที่เค้าลือกันก็อยากจะรู้ว่าจะแน่ซักแค่ไหน" เมื่อกล่าวจบทั้งคู่ก้เข้าประทะกันทันที ไม่ถึง 10 นาที ซาสุเกะเกิดพลาดท่าซะก่อนเลยกระเด็นไปชนกับกำแพงของตู้เก็บของ ส่วนอ.มิวิกิเองก็แย่พอกัน ร่างกายเริ่มเปลี่ยนเป็นอสูร และท่าท่างหิวจัดเพราะสูนเสียพลังงานไปมากพอสมควร จึงต้องหาพลังเติมให้เต็มจึง ตรงไปเล่นงานเด็กหนุ่มผมทอง เมื่อร่างสูงเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามลุกแต่ร่างกายมันไม่ยอมเป็นดังใจ แต่ใจนั้นหายอมแพ้ไม่อย่างน้อยถ้านารุโตะรู้สึกตัวก็ยังดี 

       "นารูโตะ!!!!!!!" เสียงตะโกนเรียกเรียกสตินั้น ทำให้โสนประสาตถูกกระตุ้น พร้อมทั้งจิตที่ถูกผนึกนั้นตื่อนขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาตีเทียงคืนตรง เป็นสัณญาณเตือนม่านโหมโรงแห่งโชคชะตาเปิดออกแล้ว...

                                                                                                                                                  //โปรดติดตามต่อนต่อไป//
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ส่งท้ายค่า หวัดดีค่าทุกท่านตอนนี้ใกล้สอบแล้วคงต้องหยุดพักไว้ก่อนนะค่ะ แต่ถ้าว่างจะมาลงให้ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×