คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : พบกับองค์หญิงและบทตำนานแห่งบุตรไกอา
...หลังจากเรื่องราวจบลงยูกิและโยจิ ได้พาไคและริวโคมายังชานเมื่องไทโจคิน พบกับคฤหาสต์หลังกลางป่าที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และมีคนออกมาต้อนรับ และทุกคนล้วนดูสูงใหญ่และน่ากลัว แล้วยูกิก็พามาจนถึงทางแยก
“อ้าวละ...ริวโคไปกับโยจิส่วนไคนายมากับชั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ห้องโถงไผ่นะ...ไปเตอะไคจัง” พูดจบก็กึ่งลากกึ่งจูงไปอีกทาง ทำให้ริวโครู้สึกเป็นจะตามไป แต่โยจิรั่งไว้ก่อน
“ไม่ต้องห่วงหลอก...ยูมันไม่กัดหลอกน่าห่วงเป็นสามีกลัวภรรยาถูกชู้คว้าไปได้” คำหยอกที่ดูเหมือนจะจริง เล่นเอาบรรยากาศเริ่มน่ากลัวทันที แม่ทัพหนุ่มจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอาน่ายูกับหนุ่มน้อยเขาเป็นเพื่อนกันคงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว....เอางี้ถ้าหนุ่มน้อยบาดเจ็บหรือเป็นอะไรยอมให้นายฟันข้าเลยตกลงไหม” โยจิเอยพร้อมยกมือสัญญา แต่ริวโคก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ก็จำใจ เนื่องจากเขารู้จักโยจิมาแต่เด็กแล้ว และรู้ว่าเจ้านี้ถึงจะขี้เล่น แต่เก่งหาตัวจับยากเช่นกัน
“ก็ได้...” แล้วโยจิก็พาริวโคไปอีกทาง เป็นห้องกว้างและมีเสื้อผ้าวางไว้ที่เตียงแล้วเรียบร้อย
“ต่อไปนี้เป็นห้องนายนะพักให้สบายเถอะ...ส่วนนั้นเสื้อผ้าลองใส่ดูก่อนนะส่วนห้องข้าอยู่ข้างๆ นี้เรียกได้เลย”
“ขอบใจ...”
“อะไรเนี้ย...ไม่เจอกันตั้งครึ่งปีพูดแค่เนี้ย” โยจิเริ่มโวย ถึงเขาจะรู้จักนิสัยเพื่อนจอมเก๊กคนนี้ดี
“...แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ...เจอหน้ากันนายก็ไม่บอกว่าเป็นสปายก็ซักคำ...แล้วพามาที่ไหนไม่รู้กับไอ้เด็กที่เกือบจะฆ่าข้า...ที่สำคัญนายเป็นแม่ทัพตั้งแต่เมื่อไรมิทราบ...” นั้นเป็นชุดได้ดังใจของโยจิมันเลย ทำเอาเจ้าตัวแทบเบรกไม่ทัน
“ช้า...จะตอบที่ละคำถามนะ...นายก็รู้ว่าถ้าจะหลอกใครก็ต้องหลอกพวกของตนเองให้ได้ก่อน...แล้วข้าก็ไม่นึกว่าจะได้เจอในที่แบบนั้นด้วย...ส่วนยูนะเขาเคยช่วยข้าไว้ก็เลยรู้จักกันและคนที่เสนอให้ไปเป็นสปายก็เจ้านี้และ...ส่วนเรื่องได้เป็นแม่ทัพนั้นก็ได้แบบไม่เป็นทางการก็ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วนู้นเข้าใจยัง” โยจิอธิบายจบ ก็มานั่งพักบ้างและมองไปที่ริวโคซึ่งกำลังคิดตามเรื่องที่เขาพูดอยู่
“...เจ้าคนที่ชื่อยูกินี้มันไว้ใจได้แน่เหลอ...ข้าว่ามันยังปิดอะไรไว้นะ...”
“อะไรเนี้ยนาย...กลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยไปตั้งแต่เมื่อไรวะ...หรือว่าหนุ่มน้อยนะเป็นแฟนแกวะ” โยจิเอยตรงจุดเล่นเอาริวโคแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
“มะ...ไม่ใช้ซะหน่อยพูดอะไรอย่างงั้นละ” ริวโคพยายามเบี่ยง แต่ดูท่าจะไม่สำเร็จ
“...แน่ใจ๊...จะว่าไปเด็กคนนั้นน่ารักน่ากอดซะด้วยจิ...อืมไปจีบดีไหมน้า”
“ไม่ดี!!!...ฮึก” ริวโคตอกกลับอย่างไม่ทันคิด และก็นึกขึ้นได้ว่าขุดหลุมฝังตนเองเรียบร้อย
“นั้นไงว่าแล้วเชียว...เฮ้ยถึงขั้นไหนแล้ววะบอกหน่อยจิ” โยจิพยายามตื้อ แต่ริวโคกลับเปลี่ยนซะยังงั้น
“ไม่ต้องพูดแล้ว...ข้าจะแต่งตัวออกไปเลย” พูดจบก็ถีบโยจิออกไป
“เอ่อๆอีก10นาทีจะมาใหม่รีบเปลี่ยนเข้าละกัน” โยจิเอยขึ้นพร้อมเดินกลับห้องของตนเอง...เจ้าริวโคมันจะสมหวังเหลอในเมื่อหนุ่มน้อย....ชังเถอะ...โยจิคิดก่อนจะเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนบ้าง
++++-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
~ห้องโถงไผ่~
เวลาผ่านไปครบครึ่งชั่วโมงตามที่นัด โยจิและริวโคต่างมาถึงก่อนจึงนั่งรอ แต่ว่าริวโคนั้นออกจะอยู่ไม่ค่อยเป็นสุข จนโยจิเริ่มหนาวสันหลังแล้ว แต่ว่าก่อนจะได้เกิดอะไรก็มีเสียงใสๆ เอยทักขึ้นมาก่อน
“...ไม่ทราบว่าเสื้อผ้าใส่ได้พอดีหรือท่านริวโค...” เสียงนั้นทำให้ริวโคหันไปมอง พบกับเด็กสาวใบหน้าน่ารักและสำรวมมีมงกุฎและดอกซากุระห้อยเป็นภู่ แต่งกายในชุดกิโมโนหลายชั้นดังองค์หญิงในวังหลวง ผมสีดำขลับยาวปะพื้น ดวงตาสีเทาเข้ม กำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมนั่งลงข้างๆ
“เรียนองค์หญิง...ใส่ได้พอดีตัวเชียวมิต้องอันได” โยจิเอยขึ้นพร้อมก้มเล็กน้อยพอเป็นพิธี
“งั้นรึดีใจจัง...”
“ริวโคนี้คือ...องค์หญิงฟูโกะ” โยจิเอยขึ้นแนะนำ และริวโคก็ก้มคำนับเป็นพิธีทำความเคารพ
“...ข้าพเจ้า...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ถูกขัดซะก่อน
“...ท่านริวโค บุตรแห่งแม่ทัพคนก่อนของเมืองตะวันออกริวคูจินซินะ และยังเป็น ‘มังกรครามแห่งบูรพา’ ตอนนี้ทำงานเป็นทหารรับจ้างซินะ” ทำเอาคนฟังอึ่งไปเล็กน้อย พลางหันไปที่โยจิ แต่เจ้าตัวส่ายหน้าอย่างไม่รับรู้
“คิกๆ...เรารู้ด้วยพลังของเราเองโยจิเขาไม่ได้บอกอะไรเราหลอก...” องค์หญิงเอยขึ้นแก้ไขความคิดของริวโค และก่อนจะได้คุยกันต่อก็มีเสียงเรียกจากด้านนอก
“เรียนองค์หญิงท่านยูกิมาแล้วขอรับ”
“เข้ามาได้...” สิ้นเสียงประตูเลื่อนก็เปิดออกให้เด็กหนุ่มสองคนเดินเข้ามา แต่ทำเอาริวโคแทบลืมหายใจ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดเสื้อคอจีนและกิโมโนด้านนอกยาว ตัดกับโอนิสีส้มสดใสมีริบบิ้นปอยผม ยิ่งทำให้ดูน่ารัก แต่แล้วความเคลิ้มต้องถูกขัดเนื่องจากยูกิที่เดินมาจากด้านข้างพร้อมกอดคออีกฝ่าย
“ไง...ก็บอกแล้วว่าแต่งอย่างนี้น่ารักออก” ยูกิว่ายิ่งทำให้ไคหน้าแดงด้วยเขินพูดไม่ออก
“เชิญนั่งก่อนซิค่ะ...” เด็กสาวผายมือเล็กน้อย และไคกับยูกิก็มานั่งข้างๆ โยจิและริวโค เมื่อเห็นว่ามากันครบแล้วจึงเริ่มเปิดประเด็นพูด
“เมื่อมากันครบแล้วก็ขอแนะตัวอย่างเป็นทางการเลยนะค่ะ...ข้าเจ้ามีนามว่าฟูโกะเป็นองค์หญิงแห่งเมืองไทโจคินเจ้าค่ะ...” พลางส่งยิ้มให้ ทำเอาร่างบางทำตัวไม่ถูก จนยูกิอดขำไม่ได้
“ผะ...ผมเอย!!!!ข้าน้อยมีนามว่า ฮิวามากิ ไคครับ” พลางก้มหัวผงกๆ ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากยูกิ
“ไม่ต้องคิดมากหลอกเจ้าค่ะใช่ภาษาที่คุ้นเคยดีกว่า...ข้าเจ้าจะดีใจมากกว่านะเจ้าค่ะที่ท่านพูดแบบเป็นกันเองนะเจ้าค่ะท่าน ‘บุตรแห่งไกอา’
” พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ริวโคฟังถึงกับอึ่งตาโตหันมามองไคอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ไคกลับส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้เรื่อง จึงถามออกไป
“เอ่อ...ทำไมถึงเรียกผมแบบนั้นละครับ” คำถามที่ดูงงๆ ของไคเล่นเอาเจ้าหญิงกับแม่ทัพหนุ่มอึ่งมองหน้ากันก่อนจะ หันไปทางเด็กหนุ่มผมเทาอมเงินที่เริ่มถอยหนีไปหลับหลังไค อย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำเอาทั้งคู่ถึงกับถอนหายใจ
“นี้แสดงว่าท่านยูกิไม่ได้บอกอะไรซินะเจ้าค่ะ” และคำตอบคือคำพยักหน้าช้าๆ ยิ่งทำเอาองค์หญิงแทบลมจับ
“เอาเถอะถ้างั้นข้าเจ้าจะเล่าให้ฟังเอง...”
ณ...ดินแดนที่ห่างไกลนั้นลายล้อมด้วยภูเขา แม่น้ำ พรั่งด้วยความสมบรูณ์จากธรรมชาติ ดินแดนแดนแห่งนี้คือ ‘อามาซึกิ’ มีสัตว์เทวะทั้งสี ปกรักษามาตั้งแต่บรรพกาล อันได้แก่
...ทิศเหนือ คือ เต่าดำ...
...ทิศใต้ คือ หงส์เพลิง...
...ทิศตะวันตก คือ พยัคฆ์ขาว...
...ทิศตะวันออก คือ มังกรคราม...
สัตว์เทวะทั้งสี่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองอาณาจักรแห่งนี้ให้ล่มเย็นเป็นสุข และในวันหนึ่งองค์เทพผู้ยิ่งใหญ่ทรงเล่งเห็นถึงความดีนี้ จึงได้ให้ [บุตรแห่งไกอา] ของตนลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อนำศิลา ‘มิโดซึกิ’ ไปไว้ที่ใจกลางโลก เพื่อความสันติสุข แต่ว่าพวกปิศาจและมนุษย์ที่กระหายอยากได้อำนาจ ต่างทำสงครามกัน ผู้คนเกิดความเดือดร้อนจากความละโมบของมนุษย์ไม่กี่คน จนไปถึงปิศาจที่กระหายเลือดต่างมามีอำนาจมากขึ้น เมื่อ [บุตรแห่งไกอา] เห็นดังนั้นก็ไม่อาจจะนิ่งเฉยได้ เพราะทรงรู้สึกที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงคราม จึงไปยังใจกลางสมรถูมิ และกลืนศิลาลงไปก่อนจะปลิดชีพตนเอง เพื่อยุติสงคราม มีเพียงจอมปิศาจไซย์จินที่ไม่ยอมแพ้ ยังคงลุกทำลายร้าง สัตว์เทวะทั้งสี่จึงช่วยกันผลึกไว้ที่ใต้สุดมหาสมุทรได้สำเร็จ แต่ก็ทิ้งคำพูดไว้ว่า
‘เมื่อใดที่ข้าได้พลังกลับคืน...ข้าจักกลับมาทวงของๆ ข้าคืนมาทั้งอาณาจักรนี้และศิลามิโดซึกิ ฮ่าๆ’
คำพูดเหล่านี้ทำให้สัตว์เทวะต่างเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่ออวตารลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อรอการกลับมาของ[บุตรแห่งไกอา]
จบการอธิบายก็ทำเอาไคยิ่งงงไปอีก
“เอ่อ...แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยละครับ...ผมไม่ได้เป็นบุตรอะไรนั้นเลย...ผมก้อแค่คนธรรมดาแค่ ฮิวามากิ ไค...”
“งั้นขอถาม...ท่านจะอธิบายได้ไหมว่าเวลาที่ท่านบาดเจ็บหรือใช่พลังจะปรากฏรอยปานรูปไม้กางเขนจะปรากฏที่ตรงกลางอกนะ” คำถามที่ทำเอาไคอึ่งพูดไม่ออก ได้แต่ตาข้างอย่างตกใจ
“...ในตำนานกล่าวไว้ว่า...บุตรแห่งไกอานั้นเป็นเด็กหนุ่มผมทองดังแสงตะวัน ดวงตาสีฟ้าดังอัญมณีสดใส โอบอ้อมอารี และมีปานไม้กางเขนที่ตรงกลางอก...” คำอธิบายจากปากขององค์หญิงยิ่งทำให้ไคสับสนจนดูเหมือนหวาดกลัว แต่ก็ได้มืออุ่นจับที่หัว
“...อย่าคิดมากน่า...นายก็คือนายถึงชาติที่แล้วนายจะเป็นใครก็ตามชั้นจะปกป้องนายเอง...” ริวโคเอยขึ้นพร้อมลูบหัวเบาๆ ทำให้ไครู้สึกสงบและอบอุ่นมากๆ
“อืม...ขอบคุณนะริวโค” พลางยิ้มให้โดยมียูกิมองมาอย่างอ่อนโยน ก่อนโขจิขัดขึ้น
“ท่านบุตรแห่งไกอา...ที่เราพูดไปนี้ก็เพื่ออยากให้นายได้รู้ว่าตนเองคือใครและอยากให้ช่วย...”
“ช่วย....”
“ใช่...ท่านคงเห็นแล้วว่าตอนนี้ทุกทีล้วนมีปิศาจและประชาชนเดือดร้อนไปทั่วสารทิศเพราะเจ้าไซย์จินมันกลับมาแล้ว...จึงมีเพียงท่านและเหล่าสัตว์เทพที่ช่วยได้...ได้โปรดช่วยด้วยเถอะ” องค์หญิงเอยขึ้นพร้อมก้มขอร้อง ทำให้ไครู้สึกหวาดๆ มองไปทางยูกิอย่างถามความเห็น และเพื่อนแสนรักก็ยิ้มมาให้ จึงทำให้ตนเองรู้สึกดีและแน่ใจในคำตอบ...
“ก็ได้ครับ...ผมจะช่วยพวกคุณเองเท่าที่ทำ...” คำตอบพร้อมรอยยิ้มและสายตาที่ดูมุ่งมั่น ทำให้โยจิและองค์หญิงต่างทำความเคารพกล่าวขอบคุณพร้อมกัน
“ขอบคุณท่านบุตรแห่งไกอา!!!”
“เอ่อ....คือช่วยเรียกผมว่าไคจะขอบคุณมากกว่านะครับ” ไคเอยขึ้นพร้อมยิ้มแหะๆ
“ก็ได้เจ้าค่ะ...ขอเชิญท่านไคและท่านริวโคไปพักก่อนดูท่าทางจะเหนื่อยแย่แล้ว...วันพรุ่งค่อยมาคุยรายละเอียดนะเจ้าค่ะ” กล่าวจบก็มีนางกำนัลเข้ามาพาออกไป โดยเหลือเพียงยูกิ โยจิและองค์หญิงฟูโกะ
“ที่ท่านไม่พูดเรื่องเมื่อ...'ตอนนั้น'...แสดงว่ายังไม่จำเป็นซินะ...” องค์หญิงกล่าวขึ้นลอยๆ
“อืม...ไคนะยังไม่พร้อมที่จะรู้ไว้ชั้นค่อยไปพูดให้เขาฟังเอง...”
“แต่ว่าแบบนี้จะดีเหลอยู...ความรักของพวกเขานะ....” โยจิเอยขึ้นถามบ้าง แต่ยูกิขัดซะก่อน
“ไม่เป็นไรหลอกถ้าเป็นพวกเขานะ...อาจจะ...ไม่สิ!!สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้เหมือนอย่างตอนนั้น...” ยูกิเอยขึ้นพร้อมมองออกไปยังท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
//TBC.//
ความคิดเห็น