รอ...และรอ...
------------------------------------
ป่าทางตอนเหนือของแถบไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย
กองกำลังทหารแถบหนาวได้กระจายกำลังเพื่อต้านทานจากการโจมตีและการรุกรานจากกองทัพเยอรมันที่บุกเข้ามาอย่างเฉียบพลัน จนรัสเซียแทบจะวางแผนกันไม่ทัน และทหารที่ออกมาป้องกันนั้นก็เป็นการรับมือที่ฉับพลันที่สุดจนแทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าฝ่ายใดได้เปรียบกว่า
กระสุนปืนจากรถถังถูกยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังไม่อาจหยุดการเคลื่อนของกองทัพเยอรมันได้เลยแม้แต่น้อย เหล่าทหารราบของทั้งสองฝ่ายได้สู้กับกองทัพของศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่หวาดหวั่นกับความตายที่จะเกิดขึ้น
เสียงกระสุนสาดกระหน่ำใส่กันไม่หยุดยั้ง ไม่มีเสียงอื่นใดที่จะดังไปกว่าเสียงเฮเรียกความฮึกเหิมกับเสียงปืนที่ถูกยิงออกมาจากทั้งสองฝ่ายและเสียงพังทลายของสิ่งของซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“รายงานถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ กองทัพเยอรมันเข้าโจมตีมามากมายเหลือเกิน ไม่อาจต้านทานไว้ได้อย่างแน่นอน” ระหว่างการรายงานของแม่ทัพ ได้มีการระเบิดของกระสุนปืนจากรถถังและระเบิดที่ขว้างปากันมา จนทำให้แม่ทัพที่รายงานต้องเคลื่อนที่หลบอยู่ตลอดเวลา
จนในที่สุดทหารรัสเซียก็มิอาจต่อสู้ได้ จึงได้มีคำสั่งจากแม่ทัพให้ถอยทัพกลับไปยังฐานบัญชาการลับที่ได้สร้างไว้
เมื่อคำสั่งนี้ถูกกระจายไปให้ทุกนายทราบอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดจึงได้วิ่งหนีกลับฐานที่ได้บอกไว้อย่างทันทีทันใด
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในอาณาเขตของรัสเซีย ทำให้ทหารรัสเซียดูมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนตัวมากกว่า ผืนป่าไม้ที่เต็มไปด้วยกองหิมะจากการที่หิมะตกหนักเมื่อ 3 วันก่อน จึงกลายเป็นภาระให้กับกองทัพเยอรมันที่กำลังเจ็บใจเมื่อคิดว่าจะฝ่าเข้ามาได้แค่นี้หรือ
แม่ทัพที่วิ่งคุ้มอยู่ทางข้างหลังได้ลองมองหันกลับไปจึงบังเกิดรอยยิ้มขึ้น เมื่อเห็นท่าทางการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของกองทัพเยอรมัน และการเคลื่อนไหวของรถถังฝ่ายเยอรมันที่หยุดลงจากการที่รถถังของรัสเซียยิงต่อเนื่องมาต้านทานไว้
ทหารรัสเซียทั้งหมดรีบวิ่งด้วยกำลังขาเท่าที่มีมาเรื่อยๆโดยไม่สนใจข้างหลังเลย จนถึงฐานทัพของตัวเองที่เพียบพร้อมด้วยอาวุธและเหล่ารถถังซึ่งกำลังยิงต้านทานอยู่
เมื่อทั้งหมดมาถึงก็รีบเข้าประจำตำแหน่งตามที่ได้ตระเตรียมไว้อย่างทันที อาวุธทุกกระบอกถูกบรรจุกระสุนด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่อาวุธทั้งหมดนั้นจะหันไปทางที่ทหารทั้งหมดเพิ่งวิ่งฝ่ามาและรอบทิศทางที่คิดว่าศัตรูจะฝ่าเข้ามาได้
...................
เสียงต่างๆเริ่มเงียบลง เข้าสู่ภาวการณ์กดดันของสมาธิอย่างสมบูรณ์
..................
ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดเงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นจนสามารถได้ยินหยดน้ำที่ไหลจากปลายก๊อกอย่างชัดเจน สายตานับร้อยจ้องมองไม่ลดละ หัวใจของทหารรัสเซียแต่ละคนเต้นอย่างแรงจนคนข้างเคียงต่างได้ยินกันชัดเจน
สถานการณ์นิ่งเงียบมาเป็นเวลาเกือบ 20 นาทีแล้ว ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวทั้งที่มันควรจะมีเสียงการเดินจากกองทัพเยอรมันเพียงเล็กน้อยบ้าง
มันช่างเงียบสงบมาก ไม่สิ... มันเงียบเกินไปด้วยซ้ำ
หรือว่าเยอรมันได้ถอยทัพกลับแล้วยังงั้นหรือ....
ทหารรัสเซียต่างคลายตัวจากท่าที่ตั้งไว้แล้วมองหากันด้วยสีหน้าเดียวกัน มันเป็นสีหน้าของคนที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย
เมื่อทั้งหมดต่างไม่อาจหาคำตอบให้กันและกันได้ มีทางเดียวที่จะรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้นคือ การให้คนๆหนึ่งเป็นตัวแทนเข้าไปสำรวจ
ซึ่งทางที่ทุกคนพร้อมใจกันสงสัย คือ ทางที่พวกเขาพึ่งฝ่ามา
ทหารแต่ละนายต่างคะยั้นคะยอให้คนที่ไม่ใช่ตัวเองออกไปสำรวจ แต่ละคนต่างส่ายหน้าแล้วค่อยๆถอยหลังเข้าใกล้ฐานทัพกันไป
แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดจนลืมมองสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนไป
ทหารคนนี้ได้ตั้งท่านอนยิงซึ่งมีข้างตัวเป็นปืนกลหนักที่เอาไว้ถล่มเฮลิคอปเตอร์ได้ และเมื่อเขาคนนี้รู้ตัวว่าได้นั่งเก้ออยู่ตัวคนเดียว จะกลับไปก็สายไปเสียแล้ว แต่ละคนชูนิ้วโป้งเหมือนจะพูดว่า ’ขอให้โชคดี ไปสำรวจให้หน่อยนะ’
สุดท้ายเขาก็จำใจต้องสละปืนกลสุดที่รักมาเป็นปืนพกแทน ก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้าแล้วเดินหน้าตรงไป
ทั้งๆที่ถ้าวิ่งออกไปก็เป็นเพียงระยะทางที่สั้นแท้ๆ แต่ทหารคนนี้กลับเลือกที่จะเดินอย่างช้าๆ เดินไปอย่างมั่นใจจึงเป็นเหตุให้ระยะทางมันช่างอยู่ห่างไกลเหลือเกิน
เสียงหายใจหอบออกมาเกิดเป็นควันลอยขึ้น สายตามองผ่านแว่นกั้นลมเพื่อให้เกิดความมั่นใจ แม้ว่ารองเท้าคอมแบทจะสร้างความรำคาญให้เขาพอสมควร แต่เขาก็ย่ำก้าวออกไปอย่างสม่ำเสมอ
จนในที่สุดก็ถึงชายป่าที่เพิ่งวิ่งฝ่ามา....
ตัวแทนหันมามองเพื่อนของพวกเขาด้วยท่าทีที่สั่นอย่างหวดกลัว ทั้งหมดต่างพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกัน ทหารคนนี้จึงหายใจสูดเข้าไปให้เต็มปอดเรียกความกล้าออกมา ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปในพงไพร่
ทุกคนคงเคยคิดว่าความเงียบมันช่างสงบเหลือเกิน แต่เมื่ออยู่ในสนามรบความเงียบคือสิ่งที่อันตรายที่สุด และสถานการณ์นี้ก็เช่นกัน
..........เวลาผ่านไป 10 นาทีอย่างรวดเร็ว.........
เพียงแค่นี้ก็สร้างแรงกดดันมหาศาลได้พอสมควร คราวนี้แม่ทัพถึงกับติดต่อกลับไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่ผ่านทางวิทยุสื่อสารทันที
“หน่วย โจเซฟ รับทราบ”
“ฐานบัญชาการรับทราบ” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับกลับมา โจเซฟซึ่งเป็นแม่ทัพในตอนนี้ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกดปุ่มแล้วพูดออกไป
“ส่งกองทัพภาคอากาศมาเป็นกำลังเสริมด้วย เกรงว่าศัตรูอาจดักซุ่มซ่อนอยู่มากมายตามจุดต่างๆ”
เพิ่งจะขอกำลังเสริมไปได้ไม่นาน แต่ขวัญกำลังใจก็ยังไม่มาเต็มร้อย ยิ่งสิ่งที่กำลังปรากฏเบื้องหน้าถึงกับทำให้โจเซฟเบิกตาโตอย่างตกใจ
ทหารตัวแทนเมื่อกี้นี้กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงขอความช่วยเหลือของเขาดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นเขาได้ทั้งปาระเบิด ยิงปืนพกพร้อมกับวิ่งหนีมาอย่างขลาดกลัว
ทำให้ทั้งหมดลงมือยิงกระหน่ำไปทางนั้นทันที
แต่ทหารตัวแทนนั้นเพิ่งออกมาจากป่าได้ไม่กี่เมตรเท่านั้น
ฟึ่บ !!!
มีบางสิ่งที่เหมือนเส้นเลือดที่รวกันอย่างมหาศาลพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงได้รัดร่างทหารตัวแทนคนนั้น ทหารผู้โชคร้ายร้องโวยวายและโอดครวญ ก่อนที่ตัวเขาจะถูกยกเหนือพื้นท่ามกลางความตกใจของเพื่อนพ้องที่มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึง
“ชะ...ช่วย...ดะ...” นั้นคงเป็นคำสุดท้ายที่เพื่อนของเขาจะได้ยินเสียงของเขา ก่อนที่ทหารผู้โชคร้ายจะโดนดึงเข้าไปในพงไพร่อีกครั้ง
คราวนี้ทหารรัสเซียถึงกับความตายขึ้นมาอย่างทันที ส่งเสียงโหยหวนพร้อมกับยิงสาดกระหน่ำไปทางศัตรูที่พึ่งจับตัวเพื่อนไปไม่เว้นแม้กระทั่งรถถัง
แม่ทัพที่ชื่อโจเซฟถึงกับเสียความเยือกเย็นตะโกนเหวกเหวกใส่เครื่องมือสื่อสารอย่างบ้าคลั่ง
“ส่งทัพเสริมมาด่วน !! ได้ยินไหม...ได้ยินไหม !!!” คำหยาบกรานถูกพ่นออกมาจากปากของโจเซฟไม่ขาดสาย ทั้งหน้าอกของเขาคงอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเมื่อได้เห็นภาพของเพื่อนทหารที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาต่างถูกสิ่งที่เหมือนเส้นเลือดนั้นสังหารอย่างไร้ความปรานีเหมือนเป็นสิ่งของ
สิ่งนั้นไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว แต่พวกมันมากันนับสิบกลุ่ม
หลายคนพยายามหลีกหนีเอาตัวรอดก็ไม่อาจพ้นเงื้อมมือได้ หลายคนพยายามจะวิ่งเข้ามาฐานทัพก็ถูกจับไปเป็นดั่งทหารผู้โชคร้าย รถถังต่างๆก็ถูกทำลายไปเหมือนกับเศษเหล็กธรรมดา
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว จนยากที่สายตาของคนปกติจะเชื่อในสิ่งที่เห็นทั้งหมดได้
โจเซฟถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงไป จนไม่ได้ยินเสียงของฐานบัญชาการที่พูดออกมาจากเครื่องมือสื่อสารที่กำลังถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ฮะ...ฮะ... หายนะชัดๆ ใครจะไปสู้ไหววะ...ใครจะไปสู้ไหว” น้ำเสียงที่เคยเข็มแข็งกลับดูอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด กองทัพของโจเซฟหมดทางโต้ตอบกลับมาอย่างสิ้นเชิง
โจเซฟที่เป็นถึงทหารกล้าแห่งสนามรบถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับความตายข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน
จรวดปรากฏขึ้นเหนือป่าไซบีเรียอย่างมหาศาล ก่อนที่มันจะมีเป้าหมายพุ่งถล่มใส่ฐานทัพลับของรัสเซียจนสิ้นซาก
ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นอีกเลยนอกจากเสียงระเบิดของจรวด และเงียบสงัดไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงเศษซากของเหล่าทหารรัสเซียและรถถังที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อหน้ากองทัพเยอรมัน
---------------------------------------
เย้!! เสร็จไปอีกหนึ่งบทแล้ว ถ้าอ่านแล้วรู้สึกยังไง มีความคิดเห็นยังไง หรือเห็นข้อบกพร่องสามารถให้คำแนะนำได้นะครับ
ขอบคุณทุกคนที่กรุณาเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ
ความคิดเห็น