คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เปิดฉากล่า
หลังจากถล่มซาลาซาร์สเป็นผลสำเร็จ เมอร์คิวรี่ก็ลอยลำกับสู่ท่าของมัน
เรือที่บรรทุกหญิงสาวเต็มลำเรือ ทำให้ตำนานแห่งความเร็วล่องไปได้ไม่ต่างกับเรือพาณิชย์ธรรมดาๆ ถ้ามีใครโจมตีตอนนี้ รับรองได้ว่าเมอร์คิวรี่ต้องเจ็บหนักอย่างแน่นอน
แต่สิ่งนั้นคงไม่เกิดขึ้นแน่... เพราะเมอร์คิวรี่เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนครวญครางของหญิงสาวที่ต้องพลัดพรากจากรโหฐานของตน
...และไม่ได้มีแค่คนสองคนด้วย แต่บรรทุก 101 คน ซึ่งนั่นทำให้เรือเต็มไปด้วยเสียงร้องของอิสตรี
ถ้าเป็นตอนกลางวัน เรือพาณิชย์คงไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะตำนานของเรือใบดำเมอร์คิวรี่ ...ไม่ใช่ธรรมดา
ส่วนตอนกลางคืน เรือโจรสลัดด้วยกันเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้
"กัปตัน... พวก... พวกข้าจะไม่ไหวแล้ว" ลูกเรือคนหนึ่งทำท่าจะลงไปดิ้นกับพื้น
"มีใครไม่ไหวมั้ง" กัปตันเรือถาม
เขาเป็นชายร่างสูง(อย่างน้อยก็สูงกว่าแบล็ค แจ็ค) แต่ออกจะดูโย่งไปหน่อย ฟันในปากเป็นสีเหลืองอร่ามเหมือนไม่เคยแปรง ผมสีน้ำตาลหยิกยาว เข้ากับรูปยาวออกเหลี่ยมๆ นัยน์ตาสีเทาบ่งบอกถึงบารมี ความโอบอ้อมอารี ความโหด ความเป็นมิตร ความเป็นศัตรู และอื่นๆที่ทั้งขัดแย้งและไม่ขัดแย้งกันเองอีกมากมาย
"มีข้าคนนึงล่ะ"
"อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า"
"ข้าขอโทษ... พวกนางเริ่ม... เริ่มกันหรือยัง"
"นี่เพิ่งเจ็ดวันเองลูกหลานข้า เจ้าอดทนรออีกหน่อยเถอะ ออกไปได้แล้ว" กัปตันปลอบ
"แต่..."
"ข้าฆ่าเจ้าได้นะ" คราวนี้กัปตันขู่เสียงเย็น
ลูกเรือคนนั้นรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
"บ้าเอ๊ย" กัปตันสบถเบาๆ
เจ้าอยู่ไหนนะแจ็ค เจ้าอยู่ไหน กัปตันคิดเงียบๆคนเดียว ก็แล้วก็อดไม่อยู่จริงๆ
"โห่เว้ย ไม่น่าทำอย่างนั้นกับเกรเกอร์มันเลย" เขาคำรามออกมาเบาๆ พลางเอามือทุบโต๊ะอย่างเหลืออด
----------
"เจ้าน่ะ... อลิเซีย โจเน่ใช่มั้ย" หญิงสาวในกรงข้างๆเอ่ยปาก
เธอมีผิวสองสี ผมสีดำหยิกหยาบ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ แต่นัยน์ตาสีดำเย็นชาเหลือเกิน
"ใช่" อลิเซียตอบเสียงแผ่ว
"หึๆ แม้แต่ผู้ว่าโจเน่ก็ช่วยอะไรลูกสาวของตัวเองไม่ได้"
"แล้วเจ้าเป็นใคร" อลิเซียถามกลับ หวังพียงได้มีคนคุยด้วยก็พอ ถึงจะเป็นการทะเลาะก็ยังดี
"ข้าฝันมานานแล้วล่ะ... ฝันว่าซักวัน เจ้าจะต้องมาอยู่ระดับเดียวกันกับข้าให้ได้" หญิงสาวยังกล่าวต่อ
"ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร" คุณหนูโจเน่เริ่มเคือง
"เจ้ามีสิทธิ์มาสั่งข้าด้วยเหรอ ...เจ้าคะ" ประโยคหลังเธอล้อเลียน
"เจ้า!!!!!"
"หุบปากให้หมด" ลูกเรือตัวใหญ่ยักษ์เปิดประตูใต้ท้องเรือแล้วตวาดใส่หญิงสาวทั้ง 101 คน
"ข้าว่าเจ้าขน..."
พัวะ
ลูกเรือหวดหลังมือใส่หญิงสาวเต็มแรง คอของนางบิดไปตามแรงตบ จนน่ากลัวว่าคอจะหักหรือเปล่า
"ข้าจะขนเท่าไหร่ มันก็ปัญหาของข้า ไม่ใช่ของเจ้า" แล้วลูกเรือคนนั้นก็จากไป
หญิงสาวเช็ดเลือดที่มุมปากด้วยหลังมือ
"ข้าช่วย" อลิเซียยื่นมือพร้อมผ้า โดยหวังว่าจะได้ช่วยนางซับเลือด แต่กลับถูกนางตบมือนั้นออกไป
"ไม่ใช่ธุระ"
"นี่ไม่ใช่เวลาจะมาอวดเก่งนะ" อลิเซียตวาด
คราวนี้ทั้งคุกเงียบกริบ
"เลือดแค่นี้ข้าเช็ดเองได้ ...พวกเจ้าก็ร้องต่อไปสิ"
"ช่วยด้วย"
เสียงหนวกหูจึงกลับมาอีกครั้ง
"ข้าว่าเราน่าจะหนีได้ เราคนเยอะกว่านี่" อลิเซียเสนอ
"อะฮ่า มีความคิดซะด้วย" หญิงสาวล้อเลียนอีกครั้ง
"เจ้า!!!"
"ข้าชื่อมีอา"
"ชื่อเพราะดีนี่" อลิเซียชม
"อย่างน้อยก็เพราะกว่าอลิเซีย" นางอดที่จะเหน็บไม่ได้
"เจ้า!!!"
"ที่เจ้าบอกว่าจะหนีน่ะ ...ยังไง"
"พวกเราคนเยอะกว่า ถ้าช่วยกันรุ่มข้าว่าเรามีทางรอด"
"ตายเกินครึ่งแน่"
"แต่ก็ยังรอด"
"พวกเรามีใครบังคับเรือเป็นบ้าง" มีอาตะโกนสู้เสียงคนอื่น
เสียงดังกลับมาก็จริง... แต่ไม่มีเสียงที่เป็นคำตอบดังกลับมา
"ไม่มีใครบังคับเรือเป็น ต่อให้เรายึดเรือได้... เราก็ตายกลางทะเลอยู่ดี"
"แล้วเจ้ามีแผน" อลิเซียถามกลับ
"แผนของข้าคือไม่มีแผน... ถ้าเจ้าเข้าใจเจ้าก็จะเข้าใจ แต่ถ้าเจ้าไม่เข้าใจเจ้าก็จะไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นเจ้าจงเข้าใจเพื่อที่เจ้าจะได้เข้าใจ เพราะถ้าเจ้าไม่เข้าใจเจ้าก็จะไม่เข้าใจ" มีอากล่าวทิ้งไว้แล้วเอนหลังพิงกำแพง โดยปล่อยให้ลูกสาวผู้ว่ามึนกับคำพูดของเธอต่อไป
----------
ทางด้านเดลัส...
หลังจากได้นักฆ่ามิรเรอร์มาเป็นลูกเรืออีกคนแล้ว กัปตันอย่างแบล็ค แจ็ค จึงต้องตั้งกฎกฎหนึ่งขึ้นมาเพื่อความอยู่รอดของเรือ
"ข้อสุดท้าย... ห้ามฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่กิน ถ้าฆ่าต้องกินอย่าให้เหลือ"
"เฮ่อ" เสียงถอนหายใจออกจะดังไปหน่อย มิรเรอร์ก็ไม่ได้เอี้ยวคอมองแต่อย่างได้
มิรเรอร์บัดนี้อยู่ในลักษณ์ใหม่แล้ว ผมสีน้ำตาลยาวในทรงหางม้าถูกปล่อยลงมาปิดตาข้างที่บอด ดาบคู่ที่ไขว้เป็นกากบาทยังคงอยู่ที่ก้นกบของเข้าเหมือนเดิม นัยน์ตาสีดำสนิทยังคงเยือกเย็นและเลือดเย็นเหมือนเดิม หน้าที่ของเขาคือเป็นรองกัปตันคู่กับรัส
"เลิกถอดหายใจได้แล้ว" แจ็คปราม "ข้าคิดว่าต้อนนี้ ถึงเวลาทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นโจรสลัดซักที"
"ปล้นเรือพาณิชย์หรือปล้นเกาะล่ะ" รัสถาม
แจ็คเบิกตากว้างเช่นเดียวกับรอยยิ้ม เข้ามีอาการเซถอยหลังเหมือนโดนต่อยเบาๆ "เจ้าทายเกือบถูกและก็เกือบผิดในเวลาเดียวกัน และเมื่อเกือบถูกและเกือบผิดในเวลาเดียวกัน ก็แสดงว่าเจ้าทายไม่ถูกและถูกในเวลาเดียวกัน และ..."
"กลางทะเลนี่น้ำมากพอแล้วกัปตัน" รัสพูดเป็นเชิงว่าขอเนื้อๆ
"เราจะปล้นเรือ" กัปตันกำมือหมับ "แต่การปล้นครั้งนี้ไม่ใช่การปล้น และเมื่อไม่ใช่การปล้นก็ไม่สมควรจะเรียกว่าปล้น ...ข้าขอเรียกว่าการยึด"
"ยึดเรือ? ...งี่เง่าสิ้นดี" มิรเรอร์พูดในลำคอ
"แล้ว... เราจะงี่เง่ากับเรืออะไรล่ะ" รองกัปตันอีกคนถาม
"เมอร์...คิว...รี่" กัปตันเรือพูดทีละประโยค
เหล่าลูกเรือเงียบกริบอีกครั้ง นอกจาก...
"อย่างนี้ค่อยน่ายึดหน่อย" มิรเรอร์นั่นเอง
"มีเรือที่สิบเอ็ดนาฬิกา" เซียนไพ่ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นต้นหนตะโกนลงมาจากดาดฟ้าเรือ
"จัดการเลยฮัคส์" แจ็คออกคำสั่งกับชายร่างยักษ์
การไล่ล่าจึงเริ่มต้นขึ้น
----------
ที่ซาลาซาร์ส...
หลังจากเหตุยึดเรือเดลัสผ่านไป ผู้การเรืออาร์เซียซสั่งให้ช่างไม้ทั้งเมืองช่วยกันซ่อมเรือที่ทั้งสองโดยเรียน
"ถ้ายังแบ่งซ่อมอย่างนี้... อย่างเร็วที่สุดแกรนเบิร์ดของข้าก็ได้เดือนหน้า" สลัดตาเดียวกล่าว
"หุบปากสล็อต! แค่คำนวณเส้นทางที่มันจะไปก็ยากพออยู่แล้ว" อาร์เซียซตวาดกลับ
"นี่ไม่ใช่เวลามาหัวแข็งนะท่านผู้การ" สล็อตพยายามเกลี้ยกล่อม "เราต้องใช้เหตุผล ท่านห่วงอลิเซียข้าก็ห่วงเหมือนกัน... แต่กว่าราซาเลสจะซ่อมเสร็จ... เมอร์คิวรี่ก็เริ่มปล้นอีกหลายแห่งแล้ว ตอนนี้ถ้าเราเร่งซ่อมแกรนเบิร์ดด้วยคนงานทั้งหมดที่มี ไม่เกินอาทิตย์นี้มันจะออกไปลอยลำได้อีก"
"เจ้าคิดจะให้ข้าซ่อมเรือของเจ้าก่อน...หึ ไม่มีทาง" อาร์เซียซสะบัดหน้ากลับไปที่แผนที่ต่อ
ตึง!
สล็อตทุบโต๊ะ "นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่งนะอาร์เซียซ ท่านก็เห็นฝีมือของเจ้าแบล็ค แจ็คมันแล้ว ท่านก็รู้ตำนานแห่งความเร็วอย่างเมอร์คิวรี่แล้วเหมือนกัน" สล็อตเริ่มพูดเป็นการเป็นงาน สีหน้าจริงจังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
"ตำนานสองร้อยปีแห่งเมอร์คิวรี่... จะพบจุดจบทันทีที่ราซาเลสซ่อมเสร็จ"
"หึๆ ราซาเลสที่ถูกสลัดกิ๊กก๊อกคนเดียวถล่มจนเกือบอับปางเนี่ยนะ" สลัดตาเดียวเย้ย
อาร์เซียซทำตาดุๆใส่ผู้ด้อยศักดิ์ "เจ้าอยู่ได้เพราะผู้ว่าโจเน่ยังให้อยู่... เจ้าคิดจริงๆเหรอว่ากองทหารแห่งราชนาวีอย่างข้า ไม่อยากเจ้าไปนอนในมุ้งสายบัว...หรือส่งเจ้าไปนอนอยู่ใต้สะดือสมุทรด้วยกระสุนปืนใหญ่ ...เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ...สล็อต"
สล็อตเงียบ เรื่องที่อาร์เซียซพูดมามีหรือเขาจะไม่รู้
"อ้อ...! แล้วถ้าเจ้ายังไม่ลืม... ที่ราซาเลสเป็นอย่างนี้ก็เพราะความโง่ของเจ้าที่ปล่อยให้โจรกิ๊กก๊อกนั่นขโมยแกรนเบิร์ด ไม่งั้นแกรนเบิร์ดของเจ้าคงไม่พังขนาดนี้" อาร์เซียซเย้ยคืน
"มันก็ยังเยินน้อยกว่าราซาเลส"
ทั้งสองยังคงเถียงกันต่อไปอีกนาน และดูท่าทางจะไม่มีเค้าหยุดด้วย...ถ้าผู้ว่าโจเน่ไม่เดินเข้ามา
"ท่านว่าเราควรทำยังไง" อาร์เซียซถ้าผู้มีอำนาจสูงสุด
"ท่านว่าเราควรจะซ่อมราซาเลส เพื่อต่อให้เมอร์คิวรี่ซึ่งแล่นได้เร็วกว่า ยิ่งนำเราเข้าไปอีก... หรือซ่อมแกรนเบิร์ดซึ่งจะเสร็จได้เร็วกว่า และแล่นได้เร็วกว่าราซาเลส" สล็อตตั้งคำถามยาวเหยียด แต่ก็อดเหน็บผู้การเรือไม่ได้
"แต่ท่านครับ..."
"เอาล่ะๆ" ผู้ว่าตัดบท "ข้าเห็นว่าเราควรเร่งซ่อมแกรนเบิร์ดก่อน..."
"แต่ท่าน..." อาร์เซียซขัด
"เจ้าอย่าให้เกียรติและศักดิ์ศรีของเจ้า...บดบังเจ้าจากความจริงง่ายๆสิ...อาร์เซียซ" ผู้ว่าขัดจังหวะคืน
"ชีวิตย่อมมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด...อาร์เซียซ" ผู้มีอำนาจสูงสุดวางมือบนบ่าผู้ด้อยอำนาจกว่า
"มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง" อาร์เซียซตะโกน
"ครับ" ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมทำวันทยาวุธ
"ไปที่อู่ต่อเรือ... สั่งให้ช่างทั้งหมด...เร่งซ่อมแกรนเบิร์ด"
----------
ทางด้านเดลัส...
ถึงแม้เดลัสจะสามารถเร่งจนแซงเมอร์คิวรี่ได้ แต่กัปตันเรือก็ยังไม่สั่งให้เร่งไล่ซักที ในทางตรงกันข้าม...เขากับสั่งให้เขาใบเรือขึ้นสามใบ ซึ่งมันตัดกำลังเรือลงครึ่งหนึ่งในทันที ถึงแม้จะสร้างความไม่พอใจให้กับลูกเรือบางคน(สองคน) แต่ทุกคนก็เข้าใจในเหตุผลของเขา
...นอกจากคนที่ไม่พอใจ
"เจ้าสั่งให้เอาใบขึ้นทำไม" ทาร์คาร์รัสโวย
"ก็รู้ๆกันอยู่" แจ็คตอบด้วยกึ่งคำตอบ
"หนึ่งในนั้นไม่ใช่ข้าแน่" เจอร์ไนเสริมให้ทาร์คาร์รัส
ถ้าเป็นปกติทาร์คาร์รัสคงหักหลังผู้ร่วมอุดมคติของเขาไปแล้ว ...แต่มันไม่ใช่เวลานี้ เวลาที่อลิเซียอยู่ตรงหน้า "แจ็ค... ตอบมา"
เจ้าของนามมองผู้ตั้งคำถามด้วยสายตาไม่เชื่อ "เจ้าคิดว่าอะไรทำให้ตำนานแห่งความเร็วอย่างเมอร์คิวรี่...สยบต่อเรา"
"เรือเราเร็วกว่า" คำตอบมาจากช่างตีเหล็ก
"ทั้งถูกและไม่ถูก... ที่เมอร์คิวรี่แล่นช้าขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเราเร็วกว่า..."
"แต่เพราะมันแล่นช้าลง" รองกับตันขี้เมาตอบตัดหน้า
แจ็คตบไหล่ของเขาเบาๆ "แล้วเจ้าคิดว่าอะไรทำให้มันแล่นช้าลงล่ะรัส"
"ข้าไม่รู้ว่าเคยฟังตำนานเมอร์คิวรี่เวอร์ชั่นใหม่หรือเปล่า" รัสตอบด้วยคำถาม
"ข้าไม่เคย... แต่ข้าก็รู้ ...รู้ดีกว่าเจ้าด้วย" กัปตันเรือตอบด้วยเสียงขี้เล่น
ทาร์คาร์รัสเกาหัว กะว่าถ้ากลับซาลาซาร์สไปได้ เขาจะเริ่มไปอ่านตำนานเกี่ยวกับโจรสลัดซักหน่อย "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เมอร์คิวรี่แล่นช้าลง"
"บรรทุกหนักขึ้น" เจอร์ไนตอบแทน เรียกสายตาจากกัปตันเรือได้อย่างดีเยี่ยม
"ว่าต่อซิ" กัปตันเรือเร่ง
"ตอนเด็กๆพ่อข้าเคยบอกข้าว่า เมื่อไหร่ที่มีเรือใบสีดำสนิท เมื่อนั้นให้พาแม่หนีไปให้ไกลที่สุด ...พ่อบอกว่ามันจะไล่ล่าผู้หญิงทุกคนที่มันมองเห็น ข้าถามพ่อว่าเพราะอะไร พ่อตอบว่าเพราะชีวิตของมันทั้งลำกับกัปตันสุดโฉด... ...ขึ้นอยู่กับผู้หญิง" เจอร์ไนเล่าด้วยเสียงแผ่ว "ตอนเด็กๆข้ากลัวมาก พอโตมาข้าถึงคิดได้ามันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก... แต่... มันจะเป็นอย่างนั้นแน่เหรอ"
"พ่อของเจ้าก็เข้าใจเล่นดีนี่" แจ็คยิ้ม
"แจ็ค... เจ้ารู้จักพ่อของข้าด้วยเหรอ" เจอร์ไนถาม นัยน์ตาเหล่มองที่กัปตันเรือ ตรงข้ามกับกัปตันเรือที่มองไปที่อื่น
"ไมเนอร์...มันหลุดไปหรือยัง" แจ็คตะโกนเปลี่ยนเรื่อง
"หายไปแล้ว"
แจ็คหยิบเข็มทิศและแผนที่ของเขาออกมาดู แล้วเก็บไว้ที่เดิม "ท่านทั้งหลายหาอาหารได้แล้ว ถึงยังไงวันนี้เราก็ยังจับมันไม่ได้"
----------
หลังสามนั้นเจ็ดวัน เมอร์คิวรี่เทียบท่าที่เกาะๆหนึ่ง มันเป็นเกาะที่ดูเหมือนถ้ำที่ถูกน้ำท่วม ถ้ามองจากด้านนอกจะเห็นแต่หินกับหิน เมอร์คิวรี่ทอดสมอห่างจากเกาะนั้นออกไปสามร้อยเมตร โดยส่งเรือบดที่บรรทุกหญิงสาวเต็มลำเรือจนเรือแทบจะล่ม แต่ถึงจะบรรทุกเต็มลำก็ต้องใช้เวลาไปกลับหลายเที่ยวจึงจะลำเลียงไปได้หมด
ลูกเรือส่วนใหญ่ลงเรือเข้าเกาะกันทุกคน เหลือเพียงสี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เรือ
----------
"มีเรือทอดสมออยู่" ไมเนอร์ตะโกนลงมา
"เห็นโขดหินหรือก้อนหินก้อนใหญ่ๆอยู่แถวนั้นหรือเปล่า" แจ็คตะโกนถาม
"ข้าตาไม่ดีขนาดนั้น"
"แล้วเจ้ามีกล้องส่องทางไกลไว้ทำอะไร"
"อุ๊ย... ลืม" เซียนไพ่อุทานเบาๆ
"ข้าคิดว่ามี" หลังจากผ่านไปหลายนาที เขาก็ตะโกนตอบลงมา
แจ็คมองไปยังภูมิประเทศโดยรอบ ก็เจอแต่น้ำกับน้ำ "ทอดสมอ"
"มันอยู่แค่ตรงหน้านี้นะ" เจอร์ไนโวย
"รอให้มืดกว่านี้หน่อย"
"แต่..."
"เลิกโวยวายได้แล้ว ถ้าเข้าไปตอนนี้เราจะเสียเปรียบ" คราวนี้คนพูดกลับเป็นทาร์คาร์รัส เขาดูนิ่งเงียบจนน่าสงสัย
กัปตันเลิกคิ้วพร้อมกับรอยยิ้ม "ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น"
"ถ้าเรือปะทะกัน เรือที่เร็วกว่าจะได้เปรียบ... เราต้องเข้าไปพร้อมกับแผน ไม่ใช่พร้อมกับความโง่"
แจ็คยิ้มกว้างกว่าเดิมอีก แต่อยู่ดีๆมันก็หุบลง "รัสบอกเจ้าสิท่า"
"แหงแซะ" ช่างตีเหล็กตอบ
แจ็คอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรน่าขำแม้แต่น้อย "ฟ้ามืดเมื่อไหร่ ข้าจะแจกจ่ายหน้าที่ให้ทุกคน แต่ตอนนี้ข้าอยากหม่ำอาหารฝีมือมิลาจเต็มทีแล้ว"
"ท่านพึ่งกินไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว" สตรีนางเดียวบนเรือตอบ
"เจ้าคงไม่เคยได้ยินตำนานเมอร์คิวรี่" รัสแทรกขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้
"มันบอกว่าอะไร" หญิงสาวทำหน้าน่ารักใส่
รัสหน้าแดง แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าเพราะเหล้าหรือมิลาจ "ถ้าชายใดรู้ว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับเมอร์คิวรี่ ก็จงกินให้มากที่สุดเท่าที่จะกินไหว ...เพราะนั่นจะเป็นมื้อสุดท้ายของชายเหล่านั้น"
ความคิดเห็น