คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พันธมิตรแห่งเดลัส
"เจ้าว่าไว้ใจได้เหรอ" ฮัคส์กระซิบข้างหูแจ็ค ถ้ามองบางมุมจะเห็นว่าฮัคส์พูดคนเดียว
กัปตันเรือร่างเตี้ยยิ้มให้ลูกเรือร่างยักษ์ "แหม... ก็สวยขนาดนี้มันน่าลุ้นดีนี่"
"ถึงแล้ว" มิเกลกล่าวพร้อมกับผายมือไปที่บ้านไม้สองชั้นขนาดเล็ก
"บ้าน?" ทาร์คาร์รัสถาม
หญิงสาวยิ้มอ่อนหวานให้ "จริงๆแล้วคือโรงแรมน่ะ"
"คนคงน้อยสินะ" เจอร์ไนถามบ้าง
มิเกลยิ้มหมองๆแทนคำตอบ
----------
ภายในโรงแรมมีสภาพเก่าคร่ำคร่า จึงไม่น่าแปลกเลยว่าทำไมถึงไม่มีลูกค้า ...แต่ในทางกลับกับ อาจจะเป็นเพราะไม่มีลูกค้า ภายในโรงแรมถึงได้ดูเก่าคร่ำคร่า
มิเกลจึงห้องให้ลูกค้าของเธอคนละห้องเรียงกัน ภายในแต่ละห้องมีเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ คือนอกจากเตียงแล้ว ก็มีโต๊ะพร้อมเก้าอี้อีก 2-3 ตัว
เมื่อหลังแตะเตียง ทาร์คาร์รัสกับเจอร์ไนก็เข้าสู่ห้วงนิทราในทันที แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทั้งสองคนลุยงานมาทั้งวัน ไมเนอร์อยู่จีบมิเกลตามเรื่อง ส่วนแจ็คถูกฮัคส์ลากเข้าไปคุยในห้อง
"ข้าว่ามันแปลกๆนะ" ฮัคส์กล่าวเสียงจริงจัง ตรงข้ามผู้สนทนา
"แล้วเจ้าจะลากข้าเข้ามาคุยในห้องทำไมเนี่ย เดี๋ยวมิเกลเข้าใจในความเป็นชายชาตรีของข้าผิดหมด"
"นี่ท่านไม่สังเกตจริงๆเหรอ"
"สังเกตอะไร" แจ็คเป็นฝ่ายเสียงเข้มบ้าง
"ข้ารู้ว่าท่านเป็นพวกหน้าใหม่ในมาติเคิล แต่ท่านก็น่าจะรู้นี่ ...ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเค้าชวนโจรสลัดทั้งคณะมาพักในที่เปลี่ยวอย่างนี้หรอก"
"ก็เค้าต้องทำมาหากิน" กัปตันเรือแก้ต่างแทน
"งั้นทำไมนางถึงมาตั้งโรงแรมไว้ในที่แบบนี้ล่ะ ดูผ่านๆข้ายังคิดว่าบ้านร้างเลย"
"ก็ที่ในเมืองมันเต็มหมด นางต้องทำมาหากินนะ"
"แล้วทำไมนางถึงมาชวนพวกเราล่ะ"
"หึๆ ก็นางติดใจในความหล่อของข้าน่ะสิ" แจ็คตอบแล้วเก๊กหน้าหล่อ เล่นเอาฮัคส์เกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
"ตามใจท่านละกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าไม่รับผิดชอบด้วย" ฮัคส์กล่าวแล้วเอนตัวลงนอน
"ฮัคส์" แต่ถูกกัปตันโจรสลัดเรียกซะก่อน
เจ้าของนามเอี้ยวตามอง "ทำไม"
"เจ้ากับทาร์คาร์รัสทะเลาะกันเรื่องอะไร"
ชายร่างยักษ์ยิ้ม "ท่านไม่รู้จริงๆรึ"
"ข้าแค่อยากจะฟัง"
"ราอู เดออองซาร์มัวร์เป็นเรื่องจริง ข้าไม่เสี่ยงติดเรือไปกับโจรสลัดไร้น้ำยา"
"ขออีกคำถามได้มั้ย"
อีกฝ่ายพยักหน้า
"เจ้ารู้เรื่องราอู เดออองซาร์มัวร์ได้ไง"
คราวนี้ชายร่างยักษ์เงียบ
"เจ้ารู้เรื่องราอู เดออองซาร์มัวร์ได้ยังไง" แจ็คย้ำ
"ก็เหมือนกับเส้นทางนิรันดร์ กับอารยธรรมโรกอส น่ะแหละ"
คราวนี้คนตัวเล็กกว่าหน้าถอดสี "แล้วเจ้ารู้วิธีข้ามเส้นทางนิรันดร์มั้ยล่ะ"
"ข้ารู้แต่สิ่งที่จะทำให้ข้ารู้"
"บันทึกแห่งโรกอสสินะ"
ชายร่างยักษ์เพียงแค่ยิ้มให้
"แต่ข้าจะยังไม่ไล่ล่าโรกอสหรอกนะ"
"ทาร์คาร์รัสบอกเรื่องนั้นกับข้าแล้ว ท่านจะไล่ล่าเมอร์คิวรี่ แต่ข้าว่าไล่ล่าบันทึกแห่งโรกอสง่ายกว่ากันเยอะ เมอร์คิวรี่มันก็เป็นแค่เรือธรรมดาๆลำเดี..." พูดยังไม่ทันจบ ฮัคส์ก็เงียบเสียงลงทันที แต่เป็นการเงียบที่เขาเองก็ยังสงสัย ว่าทำไมชายที่ตัวเล็กกว่าเขาขนาดนี้ ถึงมีแววตาที่น่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวจนไม่อาจขยับตัวหลบได้ น่ากลัวจนเขาลืมไปเลยว่า ชายตรงหน้านี้เป็นคนท้าเซียนพนันเล่นไพ่อีแก่ ด้วยเดิมพันที่สูงที่สุดสำหรับโจรสลัด น่ากลัวมาก น่ากลัวจริงๆ...
แต่เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัว แววตานั้นก็กลายเป็นแววตาขี้เล่นเหมือนเดิม "นอนซะเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องหาลูกเรืออีก"
"ท่านจะเอาลูกเรืออีกกี่คน"
"ก็คงซะ 4-5 คน ทำไมเหรอ" แจ็คเลิกคิ้ว
"ข้ามีเพื่อนสองคน คนนึงเป็นหมอ แต่มีความรู้เกี่ยวกับราอู เดออองซาร์มัวร์มากกว่าข้าซะอีก ส่วนอีกคนเป็นขี้เมา แต่เชี่ยวชาญด้านทะเลมาก เค้าเองก็เชื่อเรื่องราอู เดออองซาร์มัวร์เหมือนกัน ถ้าท่านต้องการ เดี๋ยวข้าจะพาไปหา"
"เจ้าพวกนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ"
ฮัคส์ส่ายหน้า "พวกนั้นอยู่ที่วาราร์ฮาน์น"
แจ็คเปิดเข็มทิศดู "อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น"
"บังเอิญ? อะไรบังเอิญหรือท่าน"
"พักซะ" กัปตันบอกปัด แล้วเดินจากไป
----------
"มิเกลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล" เซียนไพ่คำรามลั่น
"เงินหายหรือไง" กัปตันโจรสลัดกล่าว
"เจ้ารู้ได้ยังไง" ไมเนอร์หันขวับ
"เพราะของๆข้าก็หาย"
"เจ้าด้วยเหรอ" ทาร์คาร์รัสหันมาถามบ้าง
"เจ้าล่ะเจอร์ไน"
"เหมือนกัน มันเอามีดข้าไปหมดเลย"
"สรุปพวกเราโดยกันหมด" ฮัคส์สรุป
"ใครโดนเอาอะไรไปบ้าง" แจ็คถาม
"ข้าถูกฉกไปสองพันบิลลิ่ง" เซียนไพ่ตอบเสียงแค้น
"สองพัน!!!" สลัดอีกสี่คนร้องลั่น
"ช่างข้าเถอะน่า เจ้าล่ะกัปตัน"
"สิบวอร์เตส เจ้าล่ะทาร์คาร์รัส เจอร์ไน"
"ดาบของข้า กับสี่สิบวอร์เตส" มาจากทาร์คาร์รัส
"มีด 102 เล่ม กับสามสิบห้าวอร์เตส" มาจากเจอร์ไน
"สุดท้ายแล้วฮัคส์" เซียนพนันมองหน้าชายร่างยักษ์
"สามสิบบิลลิ่ง"
"แล้วเราจะไปหามิเกลที่ไหนล่ะ โห่เว้ย... ตั้งสองพัน"
"ถ้าเรารอที่นี่จะพอมีลุ้นมั้ย" เจอร์ไนเสนอ
แจ็คส่ายหน้า "หมดหวัง ยัยนั่นไม่มีวันกลับมาหรอก
"ก็แปลว่าต้องเดินหา มาติเคิลเป็นเกาะ เรือที่กำลังจะออกจากฝั่งเที่ยวที่เร็วที่สุดคือสามโมงเช้า หรือคือเรามีเวลาอีกชั่วโมงครึ่ง" ฮัคส์เอ่ย
แจ็คยิ้ม "ถ้างั้น ...เจอร์ไนเจ้าไปหาที่ท่าเรือ ...ทาร์คาร์รัสไปตามร้านอาวุธ ไม่ก็ร้านเหล็ก ...ไมเนอร์ไปหาตามบ่อน ...ฮัคส์ไปดูตามร้านอาหารกับตลาด ...ส่วนข้าจะเดินดูโดยรอบเมือง พอถึงบ่ายสามให้ทุกคนกลับมาเจอกันที่นี่นะ"
"แผนฟังดูเข้าท่าดี แต่มันจะเวิร์กเหรอ" ทาร์คาร์รัสถาม
"มันต้องเวิร์กสิ" กัปตันเรือตอบ
มันต้องเวิร์กสิ ก็ข้าจะเอายัยนั่นมาเป็นลูกเรือนี่นา
----------
เจ้าพวกโง่...
มิเกลอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงพวกโจรสลัดหน้าโง่ ตัวเธอเองออกจะสวยขนาดนั้น ถ้าโรงแรมยังไม่มีคนมาพัก ก็คงไม่มีที่ไหนให้พักแล้ว เดี๋ยวพอสามโมงเช้าเรือออก เธอก็จะได้ไปจากเกาะนี้ซักที แต่พอนึกถึงของที่ขโมยมาทีไร ก็อดที่จะเสียวไส้ คนอะไรก็ไม่รู้... พกมีดตั้ง 102 เล่ม แถมเป็นมีดเนื้อดีทั้งนั้น แต่ที่แปลกก็คือ ที่ด้ามของแต่ละเล่มจะมีรูเล็กๆเอาไว้ร้อยสายด้ายเส้นบางๆ ซึ่งเชื่อมมีดทุกเล่มเข้าด้วยกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก ...เรื่องที่แปลกก็คือ เจ้าโจรสลัดนั่นพกมีดได้ยังไงตั้ง 102 เล่ม ขนาดเธอเองตอนแบกออกมายังรู้สึกหนักเลย แต่เจ้าโจรสลัดนั่นกลับเดินไปเดิมมาได้อย่างสบาย? ...มันน่าสงสัยจริงๆ ส่วนเจ้าเซียนพนันไมเนอร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพกเงินเยอะขนาดนี้ คนที่น่าแปลกอีกคนคงหนีไม่พ้นตัวกัปตัน... เป็นกัปตันแท้ๆ พกเงินแค่สิบวอร์เตส ดาบก็เป็นดาบไม้ ถึงจะเป็นไม้เนื้อดีขนาดไหน แต่ก็คงไม่มีใครซื้อหรอก เข็มทิศก็ส่ายดุ๊กดิ๊กไปมา ไม่ชี้ไปทิศไหนเลย แผนที่ก็ตั้งสองร้อยปีที่แล้ว เห็นแล้วขโมยไม่ลง ปืนก็มีกระสุนแค่นัดเดียว แถมเป็นกระสุนไม้อีก ไม่มีดินปืนสำรองด้วย ไม่รู้มาเป็นโจรสลัดได้ยังไง ...แต่ถ้าคนอย่างนี้มาเป็นกัปตันเรือ แสดงว่าต้องมีดีอะไรบางอย่าง ไม่งั้นคงไม่มีใครยอมเป็นลูกเรือ
แต่คิดไปก็เท่านั้น แต่ยังมีอะไรต้องทำอีก
"ไง" เสียงชายดังขึ้นจากใต้ต้นไม้
"เจ้านี่ฝีมือไม่ตกเลยนะ" มิเกลกล่าว
"เร็วๆเข้าเถอะ อีกชั่วโมงเดียวก็สามโมงแล้ว"
"จ๊ามิเกล" โจรสาวล้อเลียน
"เลิกล้อข้าได้แล้วมิลาจ" เจ้าของเสียงกล่าว พร้อมเดินออกจากเงาไม้
เมื่อนั้นถึงได้รู้ว่า ชายหญิงทั้งสอง ใบหน้าเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกัน ต่างที่ฝ่ายชายมัดผมหางม้า ส่วนฝ่ายหญิงปล่อยสยาย
ถึงตรงนี้คงต้องขออธิบาย มิเกลที่หลอกห้าสลัดไปที่โรงแรมคือผู้ชายชื่อจริงๆคือเกล ส่วนมิเกลที่ฉกของมาคือผู้หญิงชื่อมิลาจ
"จ๊า" มิลาจตอบเสียงน่ารัก
แล้วทั้งคู่ก็เดินสู่ท่าเรือ
----------
"ซวยล่ะสิ" เกลอดที่จะร้องออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเจอร์ไนที่ท่าเรือ
"เจ้านั่นไม่มีอาวุธแล้ว ยังไงเราน่าจะสู้มันได้นะ" มิลาจแนะ
"ฉลาดจังน้องข้า ว่าแต่เจ้าใช้ดาบเป็นมั้ย" เกลเลิกคิ้วถาม
มิลาจส่ายหน้า
"แล้วมีดล่ะ"
ส่ายหน้าเหมือนเดิม
ฝาแฝดผู้พี่ยิ้มหวาน "งั้นคราวหลังอย่าเสนอ"
"อย่างงี้เราก็ออกจากเกาะไม่ได้สิ"
"ยังไม่แน่... ลองไปดูในเมืองเผื่อมีใครพอพอจะช่วยเราได้บ้าง" เกลปลอบน้องสาว แล้วจูงมือเธอเดินกลับเข้าเมือง
----------
"ไม่ไหวเว้ย" เกลเริ่มสบถ
"ใจเย็นก่อนเถอะพี่" มิลาจปราม
"เย็นเหรอ ...ข้าเย็นไม่ไหวหรอก ข้าเบื่อที่นี่เต็มทีแล้ว เบื่อเกาะนี่ ในเมื่อหนทางออกจากเกาะอยู่ข้างหน้าแท้ๆ แต่เพราะไอ้โจรสลัดเวรนั่น..." เกลเบือนหน้าหลบ แต่แล้วสายตาของเขาก็พบกับอะไรบางอย่าง
เขาเป็นชายร่างเตี้ย สูงเพียง 150 เซนติเมตร ใส่เสื้อสีขาวแขนยาว กางเกงสีน้ำตาลขายาว ผมสีน้ำตาลรงรุงรัง มีผ้าสีแดงแจ๊ดโพกหัว เครายาวลงมาถึงคอหอยมัดเป็นเปียคู่ หนวดดูเป็นระเบียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและรอยยิ้ม ขอบตาล่างสีดำสนิทเหมือนคนที่ชีวิตนี้ไม่รู้จักคำว่าที่นอน ผิวสีแทน บุคลิกโดยรวมเหมือนคนบ้า...
เขาคือ กัปตันแบล็ค แจ็ค
"ซวยล่ะสิ" ฝาแฝดอุทานพร้อมกัน และก่อนที่จะสิ้นเสียง โจรทั้งสามก็สับเท้าบึ่งตามกับเป็นแถว
"เจ้าหนีไม่พ้นหรอก" แจ็คตะโกนเรียก ขณะที่สองฝาแฝดแวบหายเข้าไปในซอกอาคารแถวนั้น
"อย่าไปฟังมัน... อะจ๊าก" เกลร้องเตือน ก่อนที่จะร้องลั่นเพราะความตกใจ
"เป็นอะ... ว้าก" คำถามหลุดจากปากของมิลาจก่อนที่เธอจะได้คำตอบในทันที
ชายร่างยักษ์เอามือกุมต้นแขนของฝาแฝดทั้งสองไว้
ชายคนนั้นคือฮัคส์ หนึ่งในโจรสลัดมือใหม่
และหัวขโมยทั้งสองถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว...
----------
"พวกเจ้ามีอะไรจะพูดอีกมั้ย" แจ็คถามหลังจากลากทั้งสองคนกลับมาที่โรงแรม
เกลหลบตา เช่นเดียวกับมิลาจ
"ข้ารู้ว่าการขโมยมันเป็นกิเลสที่ปราศจากเหตุผล ...แต่เจ้าอาจจะบอกข้าได้ว่ากิเลสของเจ้าคืออะไร และอะไรเป็นต้นเหตุของกิเลส ซึ่งจะพาไปหาปลายทางของกิเลสที่ครอบงำเจ้าอยู่" กัปตันโจรสลัดพล่าม
"ข้าแค่อยากออกจากเกาะ" เกลกล่าวเสียงแผ่ว
"แล้วเจ้าจะออกไปทำไมล่ะสาวน้อย"
เกลทำตาเขียวใส่ "ข้าต้องการอิสระ ข้าเบื่อไอ้คุกกลางน้ำนี่แล้ว ข้า..."
"...ช่วยเจ้าได้"
เพียงเท่านั้น ทั้งสองฝาแฝดก็เหลือบตาขึ้นมองโจรสลัดเบื้องหน้า
"แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน" แจ็คกล่าวต่อ เล่นเอาทั้งคู่เหลือบตาลงมองพื้น
"อะไร" มิลาจถาม
"มาเป็นลูกเรือของข้า"
คราวนี้ไม่เพียงแค่ฝาแฝด แต่ลูกเรืออีกสี่คนก็เบิกตากว้างมองโจรสลัดที่กิ๊กก๊อกที่สุดในโลก
"จะลองดูมั้ย" เกลหันไปถามน้องสาว
"เอางั้นก็ได้ ...กัปตัน" หญิงสาวตอบ
แจ็คยิ้มกว้าง
----------
หลังจากได้นักตุ๋นกับนักฉกมาแล้ว เดลัสก็ได้ทะยานไปบนท้องทะเลอีกครั้ง แต่คราวนี้หน้าที่มีการสลับสับเปลี่ยนกันไป ทาร์คาร์รัสไม่ต้องเป็นต้นหนอีกต่อไปแล้ว หน้าที่ใหม่ของเขาคือฝึกดาบให้ฝาแฝดกับเซียนไพ่รวมสามคน ฮัคส์เป็นต้นหนแทน แต่เจอร์ไนยังคงเป็นคนถือหางเสือเหมือนเดิม แต่ความจริงแล้วไมเนอร์ต้องเป็นต้นหน ส่วนฮัคส์เป็นคนถือหางเสือแทน แต่เมื่อไมเนอร์ยังต้องฝึกดาบอยู่ หน้าที่จึงเป็นไปตามฉะนี้แล
สี่วันที่รอนแรมอยู่กลางทะเล โดยมีเพียงฝูงปลาจากใต้ท้องสมุทรคอยยาไส้ ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของสองหนุ่มแห่งซาลาซาร์สลดลงเลย ถึงเรื่องที่ต้องไปแวะวาราร์ฮาน์นยังคอยขัดใจพวกเขาอยู่น้อยๆก็ตาม
"โจรสลัดรุ่นก่อนเคยกล่าวว่า เรือใดมีนารีล่องด้วย เรือนั้นจักพบแต่ความฉิบหาย" แจ็คเอ่ยขึ้นกลางวงอาหาร เรียกสายตาจากมิลาจ ดอกไม้งามเพียงหนึ่งเดียวแห่งเดลัสได้ชะงักนัก
"แล้วท่านจะทำอะไรข้าล่ะ... กัปตัน" สาวเจ้าเอ่ยปาก
"ข้าเพียงจะบอกว่า ...ข้าไม่เห็นด้วยเลย..." แจ็คตอบค้าง แล้วลงมือกินปลาต่อ
"ต่อให้จบสิกัปตัน" เกลเร่ง ถึงดวงหน้าจะเหมือนกับมิลาจอย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่ท่าทางและบางอย่างในตัวแฝดผู้พี่ ทำให้ไม่มีใครไปเผลอจีบเหมือนไมเนอร์ตอนอยู่ในโรงแรม
"...ก็ ...ตอนที่ข้าล่องมากับทาร์คาร์รัสกับเจอร์ไน ข้าแบ่งอาหารกับขยะไม่ออกเลย"
มิลาจยิ้มน้อยๆ แต่ผู้ถูกกล่าวหามองตรงมาที่ต้นเสียงตาไม่กะพริบ ดาบและมีดพร้อมอยู่ในมือช่างตีเหล็ก และพ่อค้าเนื้อหมู
"ลองพูดใหม่สิ...กัปตัน" ทังสองคนพูดพร้อมกัน แต่แล้วความแตกแยกก็เกิดขึ้นในฉับพลัน
"เจ้าไม่มีปัญญาคิดเองหรือไง" ทาร์คาร์รัสตวาดใส่อีกฝ่าย
"ขอโทษ เมื่อกี้ข้าพูดก่อน" เจอร์ไนสวน
"อย่ามาทำปากดี ไอ้ค้าหมู"
"เจ้านั่นแหละ ไอ้คนรับซื้อเศษเหล็ก"
แต่การโต้คารมก็ดำเนินต่อไป ใต้ใบเรือแห่งเดลัส
----------
เมื่อย่างเข้าวันที่เจ็ด เรือก็รอนแรมมาถึงวาราร์ฮาน์น แต่นั่นก็ดึงมากพอแล้ว
"ฮัคส์ไปหาสองคนนั้นนะ ไมเนอร์เจ้าใช้ดาบเป็นแล้วใช่มั้ย"
เซียนไพ่พยักหน้า
"ดีไปสืบข่าวเกี่ยวกับเมืองนี้ พวกที่เหลือคืนนี้นอนบนเรือ" แจ็คออกคำสั่ง
ไมเนอร์จัดการเหน็บดาบที่เอวขวา แล้วเดินตามฮัคส์ไป
----------
ภายในวาราร์ฮาน์นยามราตรีเงียบยิ่งกว่าเป่าสาก ไมเนอร์แยกกับฮัคส์เข้าไปดูตามบ่อน แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า... ไม่มีใครออกมานอกบ้านของตนเลย ข่าวที่ถูกสั่งให้มาสืบจึงไม่มีอะไรเลย นอกจาก... ป้ายประกาศค่าหัวนักฆ่าในตำนาน ...มิรเรอร์ตาเดียว
ในภาพเป็นรูปชายผมสีน้ำตาลยาวอยู่ในทรงหางม้า ที่ตาซ้ายมีแผลเป็น เป็นแนวตั้งสามแผล ตาขวาสีดำสนิทดูสงบ แต่น่ากลัว แต่ก็สงบ แต่ก็น่ากลัว...
"สองล้านบิลลิ่ง" ไมเนอร์อุทานเบาๆ
"ยุ่งล่ะสิ มิรเรอร์มาป้วนเปี้ยนวาราร์ฮาน์นเหรอเนี่ย"
หัวใจของไมเนอร์เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้แต่ว่ามันเต้นเร็ว รัว และแรงมาก ทาร์คาร์รัสเป็นนักดาบที่เก่งมากก็จริง แต่ถ้าเจ้ากับมิรเรอร์ก็ไม่แน่ว่าจะรอด แล้วเขาเป็นใครล่ะ ...ไมเนอร์เซียนไพ่ ...จะมีปัญญาอะไรไปสู้กับมิรเรอร์ แล้วถ้านักฆ่านั่นโผล่มาแถวนี้... เขาจะทำยังไงล่ะ มิรเรอร์ตาเดียว มิรเรอร์มือสังหารร้อยศพ ไม่ใช่ฉายาที่ใครก็อยากคบด้วยเลย นักฆ่าที่จัดการกับทหารทั้งกองพันเพื่อที่จะเดินผ่านทาง คิดได้แค่นั้นไมเนอร์ก็เข่าอ่อนซุบฮวบลงไปกองกับพื้นทันที แต่สายตายังจับจ้องไปที่รูปนักฆ่าตรงหน้าอย่างไม่วางตา ในใจภาวนาว่าขอให้มันไปจากที่นี่ทีเถอะ ขอร้อง... ขอร้อง...
"ทำไมเจ้าถึงเอาแต่มองรูปข้าล่ะ" เสียงชายคนหนึ่งกล่าวแผ่วเบาที่ข้างหูเซียนพนัน
รูปข้า???
ไมเนอร์เอี้ยวคอไปมองต้นเสียง หัวใจก็หยุดเต้นลงในฉับพลับ ตาพร่าเลือนเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ผมสีน้ำตาลในทรงหางม้า แผลเป็นที่ตาซ้าย ตาขวาสีดำสนิทดูสงบ แต่น่ากลัว... น่ากลัว... น่ากลัวเหลือเกิน...
"มิรเรอร์" เซียนไพ่ร้องออกมาเสียงแผ่ว ริมฝีปากสั่น มือซ้ายขยับไปที่ด้ามดาบ
"ถ้าข้าเป็นเจ้า... ข้าจะไม่ทำแบบนั้นแน่" ประโยคหลังนักฆ่ากล่าวเสียงดุ
"โปรด... ไว้... ชี... วิต... ข้า... ด้วย..." ไมเนอร์เสียงสั่น ในชีวิตนี้เขาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน
"เจ้าเป็นโจรสลัดหรือเปล่า"
"..." เซียนพนันขยับปากไม่ออก
"พูด!" นักฆ่าตวาด เล่นเอาอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง
"เป็น เป็น เป็น"
"ดี... กลับไปบอกกัปตันของเจ้า ทิ้งสมบัติทั้งหมด กับหัวของมันเอาไว้ แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป" มิรเรอร์กล่าว แล้วจึงหมุนตัวเดินจากไป
ความคิดเห็น