ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แบล็ค แจ็ค

    ลำดับตอนที่ #10 : มิรเรอร์ตระหนก

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 49


    เมื่อฟ้าเริ่มมืด  กัปตันแบล็ค  แจ็คก็สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือ  แผนการที่แม้แต่เด็กปัญญาอ่อนก็คิดได้ของเขา  กำลังตกตะกอนเป็นข้อมูลที่สิ้นคิดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า  ...แต่คิดได้แค่นี้สำหรับกัปตันร่างเตี้ยก็นับว่าหรูมากแล้ว

    "เจ้าว่าจะได้เรื่องมั้ย"  เจอร์ไนกระซิบถามทาร์คาร์รัส  นี่อาจจะเป็นครั้งแรก  ครั้งเดียว  และครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนพูดดีกัน

    "ต้องได้สิ"  ทาร์คาร์รัสกระซิบตอบ  "เพราะถ้าไม่ได้เราก็ตายกันหมด"

    "ฟังๆๆๆ  ข้าจะแบ่งทีมออกเป็น..."  แจ็คหยุดไปชั่วขณะ  เพื่อนับนิ้ว  "สี่ทีม"  คำตอบออกมาหลังจากลุ้นกันได้ที่

    "ทีมแรกคือทีมที่จะยึดเรือ..."

    "เดี๋ยวๆๆๆ..."  รัสแทรกอีกครั้ง  "ท่านกำลังจะบอกว่า...  เราจะยึดเรือตอนนี้เลยเหรอ"

    "มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ไหนจะกางใบ  ไหนจะเก็บสมอ  กว่าจะเสร็จคงกินเวลาไปมาก"  แจ็คอธิบาย

    "แล้ว..."

    "เดี๋ยวข้าอธิบายเอง"  กัปตันเรือเริ่มอารมณ์เสีย

    "ทีมที่หนึ่งกับทีมที่สอง  ให้ขึ้นไปจัดการคนบนเรือ  ส่วนทีมที่สามให้ดูอยู่ที่เรือบด  พอจัดการพวกบนเรือได้แล้ว  ทีมที่สองให้เข้าไปหาที่ซ่อนตัวข้างใน  ส่วนทีมที่หนึ่งให้บุกเข้าไปอย่างโจ่งแจ้ง..."  แจ็คหยุดหายใจ

    "ในช่วงนี้อาจจะมีการปะทะกัน...เล็กน้อย  ให้สู้แบบค่อยๆถอย...ค่อยๆถอยนะ  พอพวกมันออกไปกันหมดซึ่งข้าคิดว่ามันน่าจะเหลือเอาไว้นิดหน่อย  ให้ทีมที่หนึ่งเข้าไปเอาตัวอลิเซียออกมา..."

    "ใครคืออลิเซีย"  รัสขัดอีกครั้ง

    "ถ้าเจ้าขัดข้าอีกครั้งนึง...ตาย  เข้าใจ๊"

    "ขอโทษครับ  กัปตัน"

    "ถึงตอนนี้อาจจะละบากหน่อย  เพราะทีมที่สองจะต้องหาทางออกมาเอง  ซึ่งข้าคิดว่าถ้าตอนแรกพวกเจ้าเอาเรือบดไปสองลำ...  ความยากก็จะหายไป"  ผู้วางแผนออกความเห็น

    "ถึงช่วงนี้ข้าคิดว่าพวกมันต้องคงเอาเมอร์คิวรี่ออกล่าเราแน่  ฉะนั้นพอขึ้นเรือได้จ้วงให้เต็มแรงเลยนะ  แล้วทีมที่สี่ซึ่งจะอยู่บนเรือจะไปรับเจ้ามาทันที  สัญญาณก็ให้โบกคบเพลิงไปทางซ้ายสามครั้ง  เอาล่ะมีใครสงสัยอะไรมั้ย"

    "แล้วทีมที่สองจะทำยังไง"  เกลถาม

    "เออว่ะ...  ลืมนึกถึงเรื่องนี้เลย"  จอมแผนการสารภาพ

    "ไม่ตลกนะกัปตัน"  นอสที่เงียบมาตลอดเตือน

    "ให้ภายเรือไปค้างอยู่กลางทะเลตรงไหนก็ได้  พอถึงคืนหน้าให้จุดไฟค้างไว้  ถ้าพวกที่เหลือยังไม่ตายจะมารับ  แต่ถ้ารอจนถึงเช้ายังไม่มาก็พายกลับไปมอบตัว"

    "แผนสิ้นคิด"  มิรเรอร์พูดเงียบๆ

    "แล้วเจ้าจะเอายังไง"

    "ข้าขอเป็นทีมหนึ่ง"  นักฆ่าตอบ

    แจ็คยิ้ม  ท่ามกลางความเงียบของราตรี  แววตาของเขาช่างเป็นประกายเหลือเกิน  "ข้าจะแบ่งทีมแล้วนะ  มีใครจะเสนออะไรมั้ย"

    เงียบสนิท...  เสียงที่พอจะสดับได้คงมีเพียงเสียงคลื่นกระทบลำเรือ

    "ทีมที่หนึ่งมีมิรเรอร์กับไมเนอร์  ทีมที่สองให้เป็นทาร์คาร์รัสกับฮัคส์  ทีมที่สามรัสกับเกล  ทีมที่สี่ก็คนที่เหลือคือข้า  มิลาจ  นอส  แล้วก็เจอร์ไน"

    "เดี๋ยว!  ทำไมไม่ให้ข้าไปกับทาร์คาร์รัส"  เจอร์ไนค้าน

    "เจ้าไปกับทาร์คาร์รัสมีหวังทะเลาะกันตายพอดี  ส่วนเหตุผลที่ข้าเลือกทาร์คาร์รัสไม่ใช่เจ้าก็เพราะ  เจ้าถนัดมีดถ้ารบติดพันเจ้าจะเสียเปรียบ"

    "แต่..."  เจอร์ไนเถียง  แต่...

    "เข้าประจำตำแหน่ง"  ถูกแจ็คตัดบท

    เมื่อทั้งสามทีมแห่งเดลัสเอาเรือบดลง  พวกเขาก็เริ่มพายกันทันที

    สายลมยามราตรีพัดพาเอากลิ่นน้ำทะเลเข้าปะทะใบหน้า  ให้ความรู้สึกดีกับโจรสลัดทุกคน  แต่ถ้าจะไม่...ก็เห็นจะมีแต่กรีส  เจอร์ไนเท่านั้น  เขาเอาแต่จ่องมองไปยังเมอร์คิวรี่อย่างเลื่อนลอย  ความหวังที่ว่าจะได้ช่วยหญิงอันเป็นที่รัก  ถูกสายลมจากปากของกัปตันเรือเดลัสคนปัจจุบันพัดปลิวไป  เขาคงยังจะนิ่งอย่างนั้นอีกนานถ้าไม่ใช่ว่าใครคนหนึ่งมาชวนคุยซะก่อน

    "เจ้าคงโมโหข้ามากสินะ"  ผู้เป็นกัปตันถาม

    "รู้ตัวด้วยเหรอ  เจ้าไม่รู้จริงๆเหรอว่าข้ามากับเจ้าทำไม"

    "เลือดของเจ้าน่ะ  มีค่ามากเลยนะ...  มากพอๆกับเลือดของข้าเลยแหละ"  แจ็คพูดไปอีกเรื่อง

    "เจ้าเพ้อเจ้อเรื่องอะไรอยู่"  เจอร์ไนเริ่มงง

    "เจอร์ไน...  ไม่ใช่นามสกุลกระจอกๆ  ซักวันเจ้าจะเข้าใจ  ...แต่ก่อนจะถึงวันนั้น  อย่าให้แอม...  อย่าให้กัปตันเมอร์คิวรี่จับตัวเจ้าได้  แล้วเจ้าก็ห้ามบอกมันด้วยว่าเจ้านามสกุลเจอร์ไน"  เมื่อกล่าวจบแล้วแจ็คก็เดินจากไป  ปล่อยเจ้าของนามสกุลเจอร์ไนไว้คนเดียว

    "พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง"  เจอร์ไนบ่นกับตัวเอง

    ----------

    ทางด้านสามทีมแรก...

    ทั้งสามทีมเมื่อแล่นเรือไปถึง  ก็เป็นหน้าที่ของนักฆ่า  เซียนไพ่  จอมพลัง  และช่างตีเหล็ก  ในการจัดการกับคนบนเมอร์คิวรี่  ซึ่งจริงๆแล้วแค่มิรเรอร์คนเดียวก็น่าจะพอ  เพราะทั้งสี่คนกลับออกมาในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

    ในตอนนี้เรือบดทั้งสองค่อยๆลอยล่องไปตามแรงคลื่นและฝีพาย  ชายทั้งหกบนเรือเงียบกริบ  ชนิดที่ว่าได้ยินแม้แต่เสียงเต้นของหัวใจของกันและกัน

    "เราจอดรอกันตั้งสองสามชั่วโมง...  พวกมันมัวทำอะไรในนั่น"  ทาร์คาร์รัสทำลายความเงียบ  แต่เสียงของเขาก็ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงคลื่นกระทบโขดหินแถวนั้น

    รัสมองเจ้าของเสียงอย่างไม่พอใจ  ถึงเสียงของช่างตีเหล็กจะแผ่วมาก  แต่ทันก็ทำให้เขาตกใจมิใช่น้อย  "ถ้ารอดกับไปได้เจ้าก็ไปถามกัปตันสิ"

    คำตอบของรัสดูจะไร้ค่าสำหรับเขาไม่ใช่น้อยๆ

    แต่หลังจากจบการสนทนาสั้นๆนั้น  ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย  ทั้งหมด(แน่นอนว่ายกเว้นมิรเรอร์)เริ่มจะตระหนักแล้วว่า  ความเงียบมันน่ากลัวเหลือเกิน

    แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า...  คือความไม่เงียบ

    แผนการของพวกเขาล่มแล้ว  เพราะลูกเรือของเมอร์คิวรี่สิบคน  ล่องเรือบดออกมาผลัดเวรกับพวกที่อยู่ในเรือใหญ่

    ถ้าพวกเขาพายกันไวกว่านี้  ก็คงจะไปถึงโขดหินได้แล้ว  แต่จากจุดนี้  ใต้แสงจันทร์ขนาดนี้  ...ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะหลบทัน

    ในวินาทีนั้นเอง  หัวใจของทุกๆคน(แน่นอนว่ายกเว้นมิรเรอร์)บนเรือบดลำน้อย  แทบจะหยุดเต้นในวินาทีเดียวกัน  ทั้งหมดลืมแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ

    "ชีวิตนี่มันดีจริงๆนะ"  หนึ่งในพวกลูกเรือเมอร์คิวรี่ดังขึ้น  เสียงประหนึ่งคนเมา

    "เฮ้ย!"  ชายอีกคนสังเกตเห็นลูกเรือเดลัสแล้ว  แต่...  "ไอ้พวกนั้นมันออกมาก่อนเหรอเนี่ย...  แย่จัง"  เสียงก็ไม่ต่างอะไรกับคนแรก

    "ข้าว่าข้าตาลายจนเห็นเมอร์รี่ของพวกเรามีสองลำว่ะ"  อีกคนมองสลับระหว่างเดลัสกับเมอรร์คิวรี่  พร้อมกับขยี้ตา

    "พายเร็วเข้า"  มิรเรอร์ออกคำสั่งเบาๆ  แต่เฉียบขาดมาก

    เมื่อนั้นเอง  รองกัปตันอีกคนถึงได้สติ  เขาจึงสั่งให้ไมเนอร์  ทาร์คาร์รัส  ฮัคส์  และเกลออกแรงพายต่อ

    สรุปก็คือทั้งหกรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

    รัสสั่งให้ทาร์คาร์รัสล่องเรือไปหลบอยู่ที่โขดหินแถวนั้นก่อน  โดยเขากับเกลจะอยู่เฝ้าเรือที่ทางเข้า  ขณะที่ไมเนอร์กับมิรเรอร์เข้าไปดึงความสนใจให้พวกเมอร์คิวรี่ออกมา

    ----------

    นักฆ่ากับเซียนไพ่เดินเลาะไปตามเงาของผนังถ้ำที่พอจะอยู่เหนือระดับน้ำ  ระหว่างทางไมเนอร์อดที่จะมองลงไปในน้ำไม่ได้  เขาไม่เคยสงสัยในตัวเองเลยว่าทำไมถึงมาเป็นนักพนัน

    ...นั่นก็เพราะกลิ่นเงินมันเรียกร้อง  สายน้ำที่สะท้อนแสงจากคบเพลิงภายในถ้ำ  ทำให้เหรียญทองภายใต้วารีอดที่จะแข่งกันสะท้อนแสงไม่ได้  นี่ถ้าเกิดไม่ได้มาพร้อมกับมิรเรอร์  เขาคงลงไปโกยทองมาใช้เป็นแน่

    "อย่าแม้แต่จะคิด"  ผู้ที่เดินน้ำอยู่กระซิบเบาๆ  ราวกับรู้ว่าคนตามหลังกำลังคิดอะไรอยู่

    "สันดานของนักพนันกับโจร...  มันก็ไม่ต่างกันซะเท่าเหรอ"  รองกัปตันกระซิบตอบความคิดของเขาอีกครั้ง

    ก็เป็นอย่างนี้สิ  เขาถึงไม่อยากอยู่ใกล้กับนักฆ่า  เพราะนักฆ่าแค่เก่งอย่างเดียวยังไม่พอ  แต่จะต้องมีเซ้นส์ดีมาก  แล้วมิรเรอร์ก็ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคิดถูก

    ...หรือไม่แน่  บางที...  แค่บางทีมิรเรอร์อาจจะอ่านใจคนได้ก็เป็นได้

    "ข้าอ่านใจเจ้าไม่ได้หรอก"

    หลอกน่ะสิ

    "ข้าไม่อยากเถียงละ  อีกอย่างตอนนี้ข้ายังไม่หิว"

    ถ้ามีใครมาเห็น  คงต้องคิดว่ามิรเรอร์พูดคนเดียว

    ...แต่นั่นไม่ใช่สำหรับไมเนอร์แน่

    "...เริ่มต้นที่  และจบลงที่เลือด..."  กัปตันเมอร์คิวรี่ที่ยืนอยู่เหนือกองสมบัติกล่าวปลุกใจลูกเรือ  ซึ่งดูมีท่าทางเมามาย

    "ใครคือกัปตัน"  เสียงที่ดังมาจากความมืดช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร  ไมเนอร์ถึงจะกลัวแต่ก็อดนึกชมนักฆ่าตรงหน้านี้ไม่ได้

    เสียงปลุกใจเงียบลงทันที  ความงุนงงแล่นวูบเข้ามาในดวงหน้าของกัปตันเรือ  "เจ้ามาที่นี่...ได้ไง"

    "ธุระ...ไม่ใช่"  มิรเรอร์ยังคงพูดโดยใช้เงาถ้ำอำพรางตัว

    "พูดง่ายๆคืออย่าเสือก!"  ไมเนอร์เสริมเข้าไป

    เงียบกริบ

    ชายทุกคนตกอยู่ในอาการช็อกน้อยๆ

    นักฆ่าหันกลับมามองเซียนไพ่อย่างไม่พอใจ  มือขวาของเขากำด้ามดาบแน่น  ขณะที่สายตาบอกเป็นเชิงว่า 'ท้องข้าเริ่มจะว่างแล้วล่ะ'

    "ข้านี่แหละกัปตัน"  ชายผู้ยืนอยู่บนกองสมบัติกล่าว  เสียงที่สะท้อนไปตามผนังถ้ำทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

    "เจ้าชื่ออะไร"  มิรเรอร์ถามต่อ  เสียงของเขาก็กังวานเหมือนกัน  ซึ่งนั้นทำให้ลูกเรือจับที่มาของเสียงไม่ได้

    "เจ้าจะรู้ไปทำไม"  กัปตันมีสีหน้างงๆ

    "มันเป็นธรรมเนียมของข้า...  ข้าต้องรู้ชื่อคนที่ข้าจะฆ่าก่อน"  เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา  ไมเนอร์ก็แทบกระโดดหนี  น่าเสียดายที่ขาของเขาก้าวไม่ออก

    "ตามมารยาทแล้ว...  ก่อนจะถามชื่อคนอื่น  ต้องบอกชื่อของตัวเองก่อน"  กัปตันเรือตอกกลับ  เล่นเอามิรเรอร์ชะงัก

    พูดเหมือนกัปตันเลยแฮะ

    "ข้าชื่ออลาสเตอร์  มิรเรอร์"

    "ข้า...กัปตัน...แซร์กัส...  ...เจอร์ไน"

    นัยน์ตาของมิรเรอร์กับไมเนอร์เบิกกว้างขึ้นพร้อมกัน  'เจอร์ไน'  นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่  หรือนี่จะเกี่ยวกับเหตุผลที่กัปตันไม่ให้กรีส  เจอร์ไนมาด้วย

    แซร์กัสยิ้ม  "เงียบทำไมล่ะ  หรือเจ้ารู้จัก...  ...เจอร์ไน"

    มิรเรอร์คิดคำพูดไม่ออก  บนโลกนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กดดันเขาได้ขนาดนี้

    "ไม่...  พวกเราไม่รู้จัก"  ไมเนอร์ลนลานตอบ  เล่นเอามิรเรอร์หันมาทำตาดุใส่

    "เจ้าโง่"  เขาคำรามเบาๆ

    "พวกเรา  จับเป็น"  กัปตันแซร์กัสออกคำสั่ง

    ในวินาทีนั้นเองลูกเรือก็เดินตรงมาที่ปากถ้ำ  ราวกับว่าอาการเมาเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องโกหก

    มิรเรอร์ชักดาบออกจากฝักทั้งสองเล่ม  แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาเล่นเอาลูกเรือเมอร์คิวรี่ชะงักได้เหมือนกัน  แต่เพียงครู่เดียวพวกนั้นก็เริ่มเดินต่อ

    "สู้ไปถอยไป"  นักฆ่าทวนคำสั่งของกัปตันร่างเตี้ย  แล้วจังเดินออกจากเงามืดของถ้ำโดยไม่รอไมเนอร์ที่หยุดอยู่กับที่

    "ไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่คิดจะกิน"  นักฆ่าทวนกฎแล้วตวัดดาบตัดแขนซ้ายของชายคนแรก

    "อย่างนี้คงไม่ถึงตายหรอกมั้ง"  เขาอุทานกันตัวเองแล้วเริ่มลงดาบต่อ  โดยเหมือนจะลืมไปแล้วว่าให้สู้ไปถอยไป

    "พวกเจ้าไปจับไอ้ไก่อ่อนข้างหลัง  เจ้านี่ต้องเจอกับข้า"  แซร์กัสคำรามแล้วพรุ่งตรงเข้าดวลดาบกับมิรเรอร์เป็นพัลวัน

    ไมเนอร์ที่เรียนดาบกับทาร์คาร์รัสแล้ว  ฝีมือก็ไม่หมูเหมือนแต่ก่อน  ฟันสลัดฝ่ายตรงข้ามกระเด็นไปหลายคน  แต่การต่อสู้แบบยี่สิบต่อหนึ่งคงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาได้เปรียบ

    ทางด้านมิรเรอร์เริ่มประจักษ์แล้วว่า  กัปตันเรือโจรสลัดฝีมือไม่หมูเหมือนที่คิด  ความจริงแล้วเขาคิดว่าเขาสามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้หมด  แต่ถ้าต้องสู้อย่างออมมืออย่างนี้มีก็ลุ้นถูกจับเป็นเหมือนกัน

    "รู้อะไรมั้ยเจอร์ไน"  มิรเรอร์ถามแล้วเหวี่ยงดาบใส่ศัตรูอีกครั้ง

    "รู้อะไร"  กัปตันเรือถามพลางหลบดาบพลาง

    "ข้าหิว"  มิรเรอร์กล่าวแล้วตวัดดาบตัดหัวแซร์กัส  เจอร์ไนขาดในทันที  และเมื่อนั้นเอง  ฝันร้ายก็บังเกิด

    หัวที่กระเด็นออกไปนั้นสลายกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที  ตรงบริเวณคอที่ขาดไปมีเลือดพุ่งออกมาก็จริง  แต่มันกลับรวมกันเป็นก้อน  รวมกันเป็นเส้นประสาท  สมอง  กะโหลกศีรษะ  กล้ามเนื้อ  ผิวหนัง  หนวด  เครา  เส้นผม  ขาดก็แต่หมวกสามมุมก็เคยตระหง่านอยู่เหนือศีรษะปีศาจ!เบื้องหน้า

    "ตกใจหรือไง"  แซร์กัสถาม  ในฉับพลับมือซ้ายที่ว่างเปล่าของเขาก็พุ่งเข้าฉกที่คอของผู้ถูกถามราวงูฉก

    มิรเรอร์ตวัดดาบขึ้นตามสัญชาตญาณ  มือของแซร์กัสขาดทันที  แต่มันก็สลายเป็นเถ้าถ่านราวกับถูกเผาด้วยอภิมหาเพลิงในพริบตา

    เลือดที่พุ่งกระเซ็นออกมาของกัปตันปีศาจเกาะกันเป็นก้อน  แล้วค่อยๆกลายเป็นกระดูก  กล้ามเนื้อ  เส้นประสาท  เส้นเลือด  ผิวหนัง  และเล็บ  ทุกอย่างเหมือนใหม่หมดราวกับว่าไม่เคยถูกตัดออกไป

    มิรเรอร์เริ่มหน้าเสีย  แต่ความกลัวกลับไม่ได้ก่อนตัวภายใต้จิตใจของเขาเลยแม้แต่น้อย  ขาของเขาค่อยๆก้าวถอยหลังทีละนิดๆ

    ต้องลองที่หัวใจ  มิรเรอร์เล็งเป้าหมายไว้ในใจ

    "เจ้าจะลองแทงหัวใจข้าดูก็ได้นะ"  แซร์กัสประกาศราวกับรู้ใจ  และนั่นเริ่มทำให้เขารู้ว่าไมเนอร์รู้สึกยังไง

    แต่ใครจะสนล่ะ...

    "ไมเนอร์...วิ่งให้ป่าราบเลย"  มิรเรอร์ตะโกนทั้งที่ไม่ได้หันไปมองคนที่เขาสั่งเลย

    "เป็นคนดีจังนะ"  แซร์กัสชมระยะเผ่าขน

    ฉึก

    ดาบของนักฆ่าแทงทะลุหัวใจของโจรสลัดปีศาจทั้งสองเล่ม

    แต่คนถูกแทงกลับยิ้มกวนประสาทให้  มิรเรอร์ถอนดาบจากอกคนตรงหน้า  ขาของเขาเริ่มขยับเพื่อพาร่างออกจากถ้ำ

    "เจ้ามีลูกเรือกี่คน"  มิรเรอร์ตัดสินใจถาม

    "สามสิบกว่าคน"  แซร์กัสยิ้มให้  นัยน์ตาสีเทาอ่อนโยนนั้นช่างขัดกับความรู้สึกภาพในของรองกัปตันเรือเดลัสเหลือเกิน

    มิรเรอร์ควงดาบในมือทั้งสองข้างไปมารอบตัว  แล้วค่อยๆเดินถอยออกไป  เขาเห็นไมเนอร์กำลังวิ่งไปหนีไปแต่ก็ดูเหมือนจะวิ่งเป็นวงกลม

    นักฆ่าเริ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้เซียนไพ่เรื่อยๆ  แต่สายตาที่สายไปมาเพื่อมองลูกเรือโดยรอบ  ยังคงเน้นกัปตันเรือเป็นหลัก

    ฉัวะ

    มิรเรอร์ตัดหัวลูกเรือคนหนึ่งทิ้ง  และมันก็เป็นเหมือนกัปตันของพวกมันถึงจะไม่ไวเท่าก็ตามที  ไมเนอร์เกือบอั้นปัสสาวะไว้ไม่อยู่  ขาของเขาเริ่มก้าวถอยเร็วขึ้น  แต่การเสียเลือดมากทำให้เคลื่อนไหวโดยไวไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจหวัง

    เคร้งๆ  ฉัวะ

    มิรเรอร์ยังสู้ไปถอยไป  ในใจคิดว่าเจ้าพวกนี้ช่างไร้ฝีมือซะจริง  แต่พอคิดถึงพลังในการคืนชีพของมัน  ความคิดนั้นก็อันตรธานหายไปในทันที

    ----------

    ทางด้านทาร์คาร์รัสกับฮัคส์ที่ซ่อนตัวอยู่  เมื่อเห็นไมเนอร์กับมิรเรอร์ออกมาได้ก็นึกโล่งอก  อันที่จริงทั้งสองคนคงไม่เครียดถ้าไม่ได้ยินเสียงมิรเรอร์ตะโกนออกมา

    "เตรียมตัวนะฮัคส์"  ทาร์คาร์รัสบอกชายร่างยักษ์

    "ข้าว่าภาวนาให้มันไปกันให้หมดดีกว่า"

    ----------

    มิรเรอร์กับไมเนอร์กระโดดขึ้นเรือกันแทบไม่ทัน  เมื่อเกลกับรัสออกเรือก่อนเขาไปถึง

    สภาพของคนทั้งสองดูเหมือนไมเนอร์จะเจ็บหนักกว่า  ทั้งตัวของเซียนไพ่เต็มไปด้วยบาดแผล  ถึงจะไม่ลึกขนาดทำให้ถึงชีวิต  แต่ก็สาหัสสากรรจ์แต่การเสียเลือดมากๆก็ฆ่าคนได้ง่ายๆ

    ส่วนมิรเรอร์ถึงแม้ร่างกายจะมีแค่รอยข่วนเหมือนแมวข่วน 2-3 รอย  แต่สีหน้าของเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้รองกับตันอีกคนหน้าเสียตาม

    "เป็นเหมือนตำนานหรือเปล่า"  รัสถามมิรเรอร์เบาๆ  ขณะที่พายเริ่มเคลื่อนไวขึ้น

    มิรเรอร์มองเข้าไปในดวงตาของรัส  แล้วพยักหน้าน้อยๆ

    รัสอ้าปากกว้าง  หัวใจเต้นเร็วขึ้นในทันที  "เต็มแรงเลยเกล"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×