ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE MIRROR

    ลำดับตอนที่ #3 : Hemlock Demist

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 49


         เธอพาเขาเดินมาเรื่อยๆ ผ่านเส้นทางอันเงียบสงบสองข้างทางไร้ซึ่งผู้คนมีเพียงกระจกเท่านั้น ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆ ลอคสะดุ้งตกใจเมื่อเขามองตัวเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนกับกระจก ด้วยความที่คิดว่ามีใครโผล่ขึ้นมา
         ปกติแล้วเฮมลอคจะเป็นคนที่ไม่ชอบมองตนเองผ่านกระจก แต่เมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ที่   มิเร่อแล้ว เขาก็มีโอกาสได้เห็นตัวเองมากขึ้น แล้วเขาก็เริ่มสังเกตถึงข้อเสียต่างๆ บนใบหน้า ผมของเขาทั้งยุ่งเหยิง ยาว แล้วก็ฟูกาง สิวเต็มใบหน้า พร้อมกับแผลเป็นที่เป็นของแถมมาจากการแกะสิวอีกด้วย จากนั้นเขาก็คิดได้ว่าเขาควรจะเริ่มปรับปรุงตัวเองได้แล้ว
         " ถึงแล้ว " มิโนนบอก
         ลอครู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขามายืนอยู่กลางสนามหญ้าที่มีรูปปั้นผู้ชายคนหนึ่ง ชายผู้ที่เฮมลอคดูคุ้นเคยมากที่สุด


    แด่วีรบุรุษของพวกเราตลอดกาล

    Hemlock Demist

        
        "
    เฮ้ – นี่รูปปั้นของพ่อฉันเหรอเนี่ย พ่อฉันดังขนาดนี้เลยเหรอ " ลอคยืนตะลึง
         " เธอควรจะภูมิใจในพ่อของเธอนะ " เธอส่งยิ้มให้น้อยๆ
         " เธอช่วยเล่าเรื่องให้ฉันฟังเกี่ยวกับพ่อของฉันหน่อยได้ไหม " เขาขอร้อง
         " ได้สิ -- ฉันก็ฟังมาจากที่แม่ฉันเล่าให้ฟังล่ะนะ -- แม่บอกว่า เฮมลอค ดิมิสท์ สามารถติดต่อกับพวกเราได้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาเรียนอยู่ที่มินอการ์ตั้งแต่อนุบาลเหมือนกับเธอนี่แหละ เขาเดินทางผ่านไปมาระหว่างมิเร่อกับมินอการ์โดยอาศัยกระจกเงา แต่เขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วเขาก็พยายามหาทางช่วยพวกเราให้กลับเป็นเหมือนเดิม " เธอพูดจบก็ลงไปนั่งบนพื้นหญ้า
         " เดี๋ยวก่อนนะ กลับเป็นเหมือนเดิม หมายความว่ายังไงเหรอ " ลอคก้มลงนั่งตาม
         " ฟังฉันเล่าให้จบก่อนสิ กำลังจะบอกอยู่นี่ไง " มิโนนบ่นด้วยสีหน้าที่ดูเฉยเมยเหมือนไร้ความรู้สึก 

         " เมื่อประมาณ 3000-1000 ปีก่อน พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนโลกของพวกเธอตามแบบที่เธออยู่นั่นแหละ เพียงแต่เราจะสนใจในเรื่องของสมาธิ พลังจิต หรือจิตใต้สำนึกเพิ่มเข้ามาด้วยเท่านั้นเอง "
         " 3000 ปีของที่นี่หรือที่โน่น "
         " ที่โน่นสิเรายังไม่ได้ย้ายมาที่นี่จนเมื่อเกิดเรื่องขึ้น เราจึงย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วเวลาก็เปลี่ยนไปด้วย "
         " ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม " เด็กชายถาม
         " ได้สิ "
         " ห้ามโกรธนะ " เขาย้ำ
         " อืม "
         " เธออายุเท่าไหร่แล้ว " ลอคถาม
         " ถ้าที่นี่ก็ 120 ปีน่ะ " เธอตอบ
         " ถ้างั้นเธอก็เป็นทวดฉันได้ล่ะสิ ฮิฮิฮิ…" ลอคหัวเราะล้อเลียน
         " ก็เท่ากับ 12 ปีที่โน่นนั่นแหละ " มิโนนขมวดคิ้ว
         " ล้อเล่นน่านะ ทำเป็นคนแก่ใจน้อยไปได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…" เขาหัวเราะต่อ
         มิโนนนั่งหน้านิ่งไม่พูดอะไร
         " ขอโทษนะ " เขาหยุดหัวเราะแล้วเริ่มทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
         " เปล่าฉันไม่โกรธเธอหรอก " มิโนนเริ่มยิ้ม ลอคเริ่มสังเกตเห็นริมฝีปากที่เรียวบางของเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกาย สายตาของคนทั้งคู่จับจ้องกัน แล้วเธอก็เริ่มพูดต่อ
         " ต่อมา 500 ปีที่แล้ว ก็เริ่มเกิดการขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย คือ พวก Aspirer (แอสไพเร่อ) เป็นพวกที่ชอบมุ่งหวังความสำเร็จ นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การกระทำบางอย่างก็เป็นการเบียดเบียนคนอื่น โดยเฉพาะพวกเรา – พวกมิเร่อ – พวกเขาขับไล่แล้วยังไล่ล่าพวกเราจนพวกเราต้องอพยพมาสร้างดินแดนแห่งใหม่ " เธอเริ่มหยุดพูดแล้วนั่งนิ่งๆ
         " ทำไมพวกเขาต้องไล่ล่าด้วย พวกเธอทำอะไรผิดเหรอ " ลอคสงสัย
         " เขาหาว่าพวกเราเป็นพวกงมงายไสยศาสตร์ ใช้เวทมนตร์ เคารพความชั่วร้าย พลังจิต เพื่อการครอบงำและการทำลายล้าง เขาหาว่าพวกเราต้องการครองโลก และอยู่เหนือพวกเขาทุกคน พวกแอสไพเร่อน่ะ " ในความนิ่งของเธอก็ดูเหมือนแฝงไปด้วยความโกรธ
         " แล้วจริงรึเปล่า – ฉันหมายถึงที่พวกเขาบอกน่ะ " ลอคถามเชิงไม่แน่ใจว่าเขาสมควรถามหรือไม่แต่ก็เพื่อกลบความเงียบ
         " จริงอยู่ที่พวกเราเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และใช้พวกพลังจิต แต่เราก็ไม่คิดที่จะครอบงำหรือว่าทำลายล้างใครเลยนะ " มิโนนกำลังโมโหเกี่ยวกับคำพูดที่ถูกกล่าวหา
         " ฉันก็ชอบเรื่องไสยศาสตร์เหมือนกัน " เขากลบเกลื่อน
         " เธอก็เหมือนกับพ่อของเธอนั่นแหละ " เธอเริ่มลดความโกรธลงแล้ว

         " เอ้อ! แล้วตกลงพ่อฉันช่วยพวกเธอยังไงเหรอ? " เด็กชายเกือบลืมถาม
         " พ่อเธอเป็นแกนนำสำคัญที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อการกลับไปของพวกเรา จากนั้นเขาก็ถูกฆ่าโดยพวกแอสไพเร่อรุ่นต่อๆมา เขาแกล้งขับรถชนพ่อเธอ เพื่อให้กลายเป็นอุบัติเหตุ " มิโนนแหงนหน้าขึ้นมองดูรูปปั้น
         " ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปดูรอบๆ The Mirrror " เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไป
         ลอคลุกขึ้นตาม แต่สายตาของเขายังคงมองดูรูปปั้นพ่อของเขาด้วยสีหน้าที่ทั้งภาคภูมิใจ และยังคงคิดถึงพ่อ

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×