The Queen ราชินี....?
"ข้าจะส่งเจ้าเข้ารับการคัดเลือกว่าที่องค์ราชินีน่ะสิ" "ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่"ข้าสำรวมมารยาทไม่ปล่อยเสียงหัวเราัะ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ยากนัก "เจ้าเห็นพ่อเจ้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ" พ่อข้าพูดอย่างจริงจัง
ผู้เข้าชมรวม
140
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Chapter 1
ข้ากำลังนั่งทอดสายตามองธารน้ำซึ่งไหลผ่านเหมืองแร่มายังสวนหลังโรงฝึกสายน้ำพัดเอาเศษทรายและเศษแร่เล็กๆที่หลุดรอดจากตะแกรงลอนมาด้วย มันส่องแสงระยิบระยับสะท้อนแดดในยามบ่ายเช่นนี้
ี้ ขณะที่ริชาร์ดที่สองกำลังง่วนอยู่กับการไล่ตะครุบนกพิราบขาวตัวอวบอ้วนที่น่าสงสาร ที่โฉบลงมาพักกินน้ำที่ ลำธาร ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้วหลังจากตรากตรำฝึกดาบกับดาร์โกและไคลล์ตั้งแต่งเช้า ทั้งสองคนเป็นลูกศิษย์รุ่นที่สองของข้า ต่อจากไซรัสและดีแลนน์พวกเขาเข้าวังไปได้เกือบปีแล้ว หลังจากที่ข้าฝึกฝนพวกเขาอย่างหนักจนผ่านการคัดเลือกเป็นทหารองครักษ์ ซึ่งข้าหวังว่าพวกเขาจะได้เลื่อนขั้นเป็นราชองครักษ์ส่วนพระองค์ในไม่ช้า สายลมยามบ่ายของต้นฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านตัวข้าไปอย่างแผ่วเบา ข้าดึงเส้นหนังที่รัดผมสีน้ำตาลเข้มของข้าออกปล่อยให้เส้นผมสยายไปตามสายลมที่พัดผ่านมา มันชวนให้ข้าเคลิบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว ข้าจึงเอนกายลงบนพื้นหญ้านุ่มๆ ริชาร์ดที่สองหยุดไล่ตะครุบนกพิราบและกระโดดขึ้นมานอนบนอกข้าอย่างที่มันชอบทำเป็นประจำ ข้าคงได้งีบอย่างมีความสุข ถ้าไม่มีเสียงเจ้ามารพจนมาขัดขวางซะก่อน
“อาเธนิส” ข้าหลับตาลงโดยไม่คิดจะสนใจเสียงเรียก
“อาเธนิส” ข้ายังไม่ขยับเขยื้อนใดๆทั้งสิ้นได้แต่หวังว่าแผนของข้าจะสำเร็จ เจ้ามารพจนนี่จะได้ไปๆซะ
แล้วปล่อยให้ข้าได้นอนซักงีบ
“อาเธนิสลีไลอาห์” ข้ากระเด้งตัวลุกขึ้นเร็วเสียจนริชาร์ดที่สองหล่นลงไปกองอยู่ข้างเท้าข้ามันส่งเสียงขู่ฟ่ออย่างไม่พอใจ ข้าหันหน้าเผชิญกับเจ้าคนไร้มารยาทที่รียกชื่อข้า
“ข้าบอกแล้วไงว่า อย่า เรียก ข้า ด้วย ชื่อ งี่ เง่า นั่น” ข้าพูดเน้นย้ำทุกคำเผื่อมันจะทะลุเข้าไปในกะโหลกหนาๆของดาร์โกบ้าง
“ก็เจ้าไม่ยอมลุกขึ้นนี่” เขาบอก
“ข้านอนหลับอยู่เจ้าไม่เห็นรึไง”ข้าตอบกลับไป พลางรวบผมด้วยเส้นหนังตามเดิม
“เจ้าโกหก เจ้าพึ่งนอนลงเมื่อครู่นี้เอง ข้าเห็นเจ้าจ้องมองลำธารอยู่ตั้งนานแล้ว” เขาแย้ง
“ถ้าเจ้าอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วทำไมไม่เรียกข้าก่อนที่ข้าจะเอนหลังนอนล่ะ” ข้าตะคอกกลับไป พลางจ้องมองหน้าดาร์โกเพื่อหาคำตอบที่มีเหตุผลสำหรับการขัดจังหวะการงีบของข้า ดาร์โกไม่ตอบเขาก้มหน้าลงทันทีแต่ก็ปกปิดใบหูที่แดงเรื่อของเขาไม่ได้ ดาร์โกน่ะมีปัญหาเรื่องหน้าบางเสียเหลือเกิน เป็นข้อเสียอย่างเดียวในตัวเขาที่ทำให้ข้าหัวเสีย นอกจากนั้นทั้งฝีมือและทักษะการต่อสู้ของเขานั้นเรียกได้ว่าหาได้ยากเลยที่เดียว
“ช่างเถอะ ว่าแต่มีอะไรล่ะ” ข้าถาม เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับให้ดาร์โกพูด ข้าคงต้องนั่งรอเป็นวันๆแน่กว่าเขาพูดออกมา
“ท่านครูให้มาตามเจ้า” ดาร์โกตอบ ดูจะโล่งใจขึ้นที่ข้าเลิกจ้องหน้าเขาแล้ว
“เรื่องอะไรกัน” ข้าพึมพำกับตัวเอง พลางปัดเศษหญ้าบนตัว
“ข้าไม่รู้”เขารีบตอบทันที
“โอย ข้าพูดกับตัวเอง ไม่ได้ถามเจ้า” นอกจากหน้าบางแล้ว เจ้านี่ยังซื่อสุดๆอีกหรือไงกันนะ
“แล้วท่านอยู่ที่ไหนล่ะ” ข้ามองหน้าดาร์โก ดูเหมือนเลือดจะสูบฉีดขึ้นมาที่หน้าเขาอีกครั้ง
“ในห้องประชุมเล็ก ในข้านำทางเจ้าไปนะ” ดาร์โกตอบ แต่ไม่มองหน้าข้า
“ไม่ต้องข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ ส่วนเจ้าพาริชาร์ดไปหาอะไรกินในครัวโรงฝึกที เสร็จแล้วก็แปรงขนให้มันด้วย” ข้าสั่งเสร็จจึงเดินเข้าไปในตัวอาคารอิฐ หวังว่าดาร์โกคงไม่เห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าข้า ก็นอกจากข้าแล้วริชาร์ดที่สอง เคยยอมให้ใครแปรงขนมันเสียเมื่อไหร่กัน
เมื่อเข้ามาข้างในโถงรับรองข้าจึงเดินลัดผ่านไปยังห้องหนังสือของพวกองครักษ์ฝึกหัด ตอนบ่ายเช่นนี้ทั้งห้องว่างเปล่าไร้ผู้คน พวกนั้นคงยังซ้อมดาบกันอยู่ที่ลานฝึกดาบ ข้าใช้ทางลัดนี้ประจำในตอนที่ไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องเพราะมันเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังห้องประชุมใหญ่และห้องประชุมเล็กที่ใกล้ที่สุด ข้าเลี้ยวขวาเข้าโถงทางเดินแล้วจึงหยุดลงหน้าประตูไม้โอ๊คสลักลวดลายโบราญที่งดงาม ข้าเกือบเปิดพรวดพราดเข้าไปตามนิสัยแต่ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ข้ายังไม่อยากถูกลงโทษด้วยเครื่องมือพิเศษของท่านครู ที่ทำเพื่อข้าโดยเฉพาะ ข้าจึงชักมือออกจากที่จับทองเหลืองและเคาะประตูแทน
“เข้ามาได้” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูบอก ข้าจึงเปิดประตูเข้าไป
ห้องประชุมเล็กเป็นห้องที่ใช้ประชุมลับ ข้าไม่มีโอกาสเข้ามาปล่อยนัก มันค่อนข้างทึบทั้งห้องมีเพียงโต๊ะไม้ประดับหินอ่อนอยู่กลางห้องล้อมรอบด้วยเก้าอี้ไม้เข้าชุดกันเก้าตัว มีเก้าอี้พิเศษบุหนังนิ่มและมีที่เท้าแขน เพียงตัวเดียวอยู่ที่หัวโต๊ะซึ่งในตอนนี้ท่านครูนั่งรอข้าอยู่ เบื้องหน้าท่านมีเอกสารวางกระจัดกระจาย ท่านครูกำลังพิจารณาเอกสารฉบับหนึ่งอยู่ สีหน้าที่เคร่งเครียดทำให้ชายวัยห้าสิบปลายๆดูแก่ขึ้นอีกหลายปีที่เดียว
“นั่งลงก่อน” ท่านบอกข้าพลางชี้ไปที่เก้าอี้ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากเอกสารเหล่านั้น
ข้าทำตามคำสั่งโดยเลือกนั่งบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ตัวพิเศษแทน ท่านละสายตาจากพวกเอกสารแล้วหันมามองข้าแทน ท่านส่ายศีรษะเบาๆ
“ท่านครู ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุใดหรือ” ข้าพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
ท่านครูถลึงตาใส่ข้าก่อนจะตอบ “เจ้ารู้เรื่องอะไรไปบ้าง ไลอาห์” ข้ารู้ทันทีว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“แล้วข้าต้องรู้อะไรกันล่ะ ท่านครู” ข้าแกล้งถามต่อ
“ตอบให้ตรงคำถาม แล้วเลิกเรียกข้าว่าท่านครูเสียทีอาเธนิสลีไลอาห์” ท่านครูพูดเสียงเข้ม นั่นหมายความว่าข้าหมดเวลาเล่นลิ้นกับท่านแล้ว
“ก็ได้ๆ ข้าไม่เห็นจะได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากพวกพ่อค้าพูดกันเลย ว่าแต่ใครเป็นคนคายความลับของข้าล่ะ”
“ก็ทั้งสองคนนั่นล่ะ เจ้าน่ะโง่เองที่ใช้ไคลล์กับดาร์โก ทั้งสองคนเป็นหัวหน้าและลูกศิษย์ของข้า พวกเขา พวกเขาต้องรายงานข้าทุกเรื่องอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องที่เจ้าบังคับให้สืบข้อมูลลับไปบอกเจ้าด้วย”ท่านครูส่งสายตำหนิมาทางข้า แล้วพูดต่อ “ข้าไม่อยากให้ลูกศิษย์ที่น่าสงสารของข้าต้องถูกเจ้าลงโทษ ข้าจึงสั่งให้ไคลล์กับดาร์โกรายงานเจ้าไปแบบนั้น เจ้าจับไม่ได้ใช่ไหมว่าพวกเขากำลังโกหกเจ้าอยู่”ท่านครูและมองข้าอย่างเย้ยหยัน
“ก็ไม่ถึงขนาดจับไม่ได้หรอก ข้าน่ะกำลังสงสัยอยู่เชียวว่าดาร์โกทำตัวมีพิรุธเวลารายงานข้า เขาคงกลัวว่าข้าจะจับได้ ส่วนไคลล์นั้นท่านก็น่ารู้ว่าเขาน่ะหลบหลีกเก่งนักเวลาถูกข้าซัก” ข้านึกถึงคำอื่นที่ไม่ใช่หลบหลีกแต่คงไม่เหมาะที่จะพูดต่อหน้าท่านครู“ข้าต้องกลับไปจัดการเจ้าสองคนนี้แน่โทษฐานขายข้าให้กับท่าน”
“ข้าห้ามเจ้าลงโทษพวกเขาเด็ดขาด” ท่านครูสั่ง แต่ถึงข้าจะลงโทษเจ้าสองคนนั่นท่านจะรู้ได้อย่างไรกัน
ข้าสงสัยนักท่านครูมองข้าแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อราวกับรู้ว่าข้าคิดอะไรอยู่
“ข้าจะรู้แน่ ข้าจะเค้นจากปากไคลล์กับดาร์โกจนพวกนั้นคายออกมาที่ละคำเลยล่ะ แล้วข้าจะลงโทษเจ้าเช่นเดียวกับที่เจ้าทำกับสองคนนั้น”
“ท่านไม่ทำอย่างนั้นหรอก”ข้าว่า
“ข้าทำแน่ ถ้าเจ้ายังไม่เลิกข่มสองคนนั้น โดยเฉพาะดาร์โกที่น่าสงสารนั้น”
“ท่านครู ท่านเห็นเจ้าสองคนนั้นสำคัญกว่าข้าหรือนี่ ข้าเป็นลูกท่านนะ” ข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆทันทีหลังจากคิดถึงวิธีที่ข้าเคยใช้เป็นการลงโทษทั้งสองคน
“ข้ายังไม่ได้ยินเจ้าเรียกข้าว่า พ่อ ซักคำตั้งแต่เจ้าเข้ามา แล้วเจ้าอย่าได้คิดนะว่าเจ้าจะมีสิทธิพิเศษในฐานะที่เป็นบุตรีของข้า ในเมื่อเจ้าเองเรียกร้องที่จะได้รับการฝึกเช่นเดียวกับพวกองครักษ์ฝึกหัด”
“พ่อ ข้าไม่ได้คิดว่าตัวเองมีสิทธิพิเศษเหนือใครในฐานะลูกของท่านหรอก แต่ข้าว่าข้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของท่านแล้วไม่ใช่หรือ ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์ลงโทษพวกองครักษ์ฝึกหัดได้”ข้าพูด
ท่านครูถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าขอพูดอะไรหน่อยเจ้าได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเสียที ข้าเลื่อนตำแหน่งเจ้าเพราะเจ้าไม่มีทางได้เข้าไปเป็นราชองครักษ์ในวัง เจ้าคิดว่าข้าอยากเห็นเจ้าคลุกคลีฝึกดาบอยู่กับพวกองครักษ์ฝึกหัดตลอดเวลารึไง ข้าต้องการให้เจ้าช่วยงานด้านเอกสารข้าไม่ใช่ให้เจ้าเอาตำแหน่งนี้ไปเที่ยวบังคับพวกองครักษ์ฝึกหัดให้นับถือเจ้าในฐานะอาจารย์”
“แต่พวกเขาก็เคารพข้าในฐานะอาจารย์จริงๆ ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์ลงโทษพวกเขาอยู่ดี”ข้ายังยืนกรานความคิดของข้า
“เจ้าคิดหรือว่าองครักษ์ฝึกหัดพวกนั้นจะเคารพสตรีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาจริงๆ พวกนั้นต้องการเอาใจเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของข้า ไม่ใช่การเคารพ ในฐานะอาจารย์ และยอมรับเถอะว่าด้วยรูปโฉมของเจ้าจะใช้ให้พวกนั้นทำตามคำสั่งเจ้าน่ะไม่ยากเลย โดยเฉพาะเวลาเจ้ายิ้มใส่เจ้าพวกนั้นน่ะ” ถ้าข้าไม่ยิ้มแล้วจะให้ข้าทำหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ข้ากำลังจะใช้งานหรืออย่างไร ข้าอยากเถียงนักแต่คงทำได้ยากในเวลาที่พ่อข้าดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความอดทนกับข้าเสียเท่าไหร่
“เจ้ารู้บ้างไหมว่าพวกองครักษ์ฝึกหัดพวกนั้นพูดคุยถึงเจ้ากันว่าอย่างไรในโรงอาหารน่ะ พวกนั้นพูดกันว่าแค่ทำให้เจ้าพอใจได้เป็นคนโปรด ตำแหน่งทหารองครักษ์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วและก็ดูเหมือนจะจริงอย่างที่พวกนั้นว่าคนที่เจ้าสนิทสนมด้วยมักจะได้รับตำแหน่งในวัง”
“ไม่จริง ท่านก็รู้ดีถึงข้าจะสนิทสนมกับไซรัสและดีแลนด์ แต่ทั้งสองต่างก็ได้รับการคัดเลือกเพราะฝีมือของพวกเขาเอง และข้าก็ไม่เห็นว่าองครักษ์ฝึกหัดรุ่นเดียวกันกับพวกเขาจะว่าอะไรเลย”ข้าพูดอย่างอดทน การได้รับรู้ว่าพวกองครักษ์ฝึกหัดคิดยังไงกับข้าดูเหมือนมันทำลายความเชื่อมั่นในตัวพวกนั้นของข้าเสียหมด ข้าไม่เคยส่งเสริมใครเพียงเพราะเขาเอาใจข้า ดูอย่างไซรัสสิเขาแทบจะกัดข้าทุกครั้งที่เจอหน้าข้า แม้แต่ตอนที่มีพวกองครักษ์ฝึกหัดคนอื่นอยู่ใกล้ๆเขาก็ยังอุตส่าห์กระซิบเหน็บแหนมข้าเลย ส่วนดีแลนด์ข้ายังนึกอยู่เลยว่าเขากล่าวคำอื่นๆเป็นหรือไม่นอก ได้ขอรับท่าน และ ไม่ขอรับท่าน แต่ที่แน่ๆทั้งสองคนนี้ไม่เคยตามใจข้าเลยซักครั้ง พ่อข้าน่าจะรู้ดี
“ข้ารู้ แต่ตอนนั้นเจ้ายังเด็กนัก ตอนนี้เจ้าเป็นสตรีเต็มตัวแล้วและพวกองครักษ์ฝึกหัดรุ่นใหม่นี่ก็มีความคิดที่คึกคะนองยิ่งนัก เจ้านะไม่สังเกตบางหรือไงว่าที่พวกนั้นยอมเจ้า ก็เพื่อเอาใจเจ้า”ข้าพอจะเดาออกว่าพ่อข้าต้องการจะบอกอะไร และข้าก็ไม่ต้องการจะรับฟังมัน ข้าจึงพยักหน้าให้ท่านเป็นเชิงว่าเข้าใจ
“ข้าว่าเจ้าคงเข้าใจแล้ว ดังนั้นข้าจึงห้ามเจ้าลงโทษไคลล์และดาร์โก เจ้าก็รู้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีทางขัดเจ้าอย่างแน่นนอน มันจะยิ่งเป็นการแสดงให้พวกนั้นเห็นว่าเจ้ามีอำนาจพอที่จะสั่งลงโทษใครซักคน หรือแย่กว่านั้นคือเลือกใครสักคนเข้ารับสิทธิ์คัดเลือกเป็นทหารองครักษ์ตามที่พวกนั้นคิด”
“หมายความว่าท่านยึดอำนาจทั้งหมดของข้าหรือ” การที่รับรู้ว่าข้าจะไม่มีอำนาจลงโทษผู้ใดที่ขัดใจข้าโดยเฉพาะหลังจากได้ที่รู้ว่าพวกนั้นคิดยังไงกับข้าทำให้ใจข้าหดหู่ยิ่งนักข้าจึงห้ามตัวเองให้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ได้ พ่อข้าหันมามองข้าอย่างรังเกียจ ถอนหายใจแรงไปนี่มันผิดหรือไง
“เจ้าไม่ต้องแสดงสีหน้าหดหู่ขนาดนั้นหรอก ข้ามีอย่างอื่นที่ดีกว่าการแกล้งลงโทษพวกองครักษ์ฝึกหัดทดแทนให้เจ้าแน่ และนี่ก็เป็นเหตุผลจริงๆที่ข้าเรียกให้เจ้ามาพบ”พ่อข้าว่า”ข้ามีงานสำคัญให้เจ้าทำ”
“งานสำคัญ” ข้าทวนคำ
“ใช่เราเสียเวลามามากแล้ว ข้าว่าข้าสมควรจะเข้าเรื่องเสียที”ท่านมองข้าอย่างตำหนิ ราวกับข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านเสียเวลา ทั้งที่ท่านต่างหากที่พูดร่ายยาวจนออกนอกเรื่อง
“อย่างที่เจ้าได้ยินมาตลอดสามเดือนจากสายลับของเจ้า หลังกษัตริย์โอไลอัส คอร์ซิล สิ้นพระชนม์มี
การแต่งตั้งเจ้าชายแอรอสซึ่งทรงเป็นพระโอรสองค์สุดท้ายที่ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ขึ้นเป็นรัชทายาท
สืบบัลลังก์” โชคดีแท้ที่ทรงรอดปากเหยี่ยวปากกาในวังมาได้ คงเป็นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ข้าคิดในใจ
“เจ้าชายแอรอสผู้นี้---” พ่อว่าแต่ยังไม่ทันจะจบเพราะข้าชิงพูดขึ้นก่อน
“เจ้าชายแอรอสผู้นี้ ทรงเป็นเพียงหุ่นเชิดของพวกราชสำนัก ทรงยังเยาว์วัยและโง่เขลานัก พระองค์ไม่ทรงคิดจะปฏิบัติราชกิจนอกจากผลาญเงินภาษีในท้องพระคลังไปกับความสำราญส่วนพระองค์”ข้าพูดตามที่ข้าได้ยินมา ข้าคลาดว่าคงได้เห็นสายตำหนิจากพ่อข้าเป็นแน่ พ่อข้าไม่เคยปล่อยให้ใครดูถูกคนในราชวงศ์คอร์ซิล
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าได้ยินมารึ”พ่อข้าถามสายตาไม่มีแววตำหนิ แต่มันเจือไปด้วยความพึงพอใจ
“ใช่ ผู้คนทั้งหลายสรรเสริญพระองค์กันเช่นนั้น” ข้าตอบ
“นั่นละอย่างที่เจ้าได้ยินมา แล้วตอนนี้ราชสำนักกำลังจะผลักดันให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดแทน และยังจะหาคู่ให้พระองค์ด้วย จะมีการคัดเลือกบุตรีจากขุนนางทั้งราชสำนักขึ้นเป็นว่าที่องค์ราชินี นี่ล่ะคืองานสำคัญของเจ้า”
“คงไม่พ้นให้ขาไปคอยอารักขาบรรดาบุตรีของพวกขุนนางชั้นสูงทั้งหลายใช่ไหม”ข้าถาม ข้าไม่เห็นว่างานนี้จะสำคัญตรงไหน แถมคงเป็นงานที่น่าเบื่ออย่างร้ายกาจอีกด้วยที่ต้องคอยรับใช้สตรีพวกนั้น
“ไม่จำเป็นต้องมีการอารักขาหรอก พวกนางแค่ส่งรูปวาดไปให้ว่าที่กษัตริย์ทรงคัดเลือก”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านจะให้ข้าทำอะไร”
“ข้าจะส่งเจ้าเข้ารับการคัดเลือกน่ะสิ”
ข้าเกือบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไร้มารยาท หากแต่ถ้าไม่เหลือบเห็นสายตาของพ่อข้าเสียก่อน ข้าจึงต้องสำรวมกิริยาไม่ให้มีท่าทีขบขัน แม้มันจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
“ท่านล้อข้าเล่นแน่ๆ”ข้าพูด พยายามไม่ให้น้ำเสียงส่อแววขบขัน
“เจ้าเห็นว่าพ่อเจ้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ” ท่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่คืองานของเจ้า หากเจ้าไม่ตอบตกลง ข้าจะไม่อธิบายรายละเอียดใดๆในแผนการกับเจ้าทั้งสิ้น แล้วเจ้าก็ถือซะว่าข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเจ้าก็แล้วกัน”
“ไม่ว่าท่านจะวางแผนอะไรอยู่ ข้าขอชี้ให้เห็นว่าแผนท่านมีช่องโหวงรูใหญ่เลยทีเดียว ท่านจะส่งข้าเข้ารับการคัดเลือกได้อย่างไรในเมื่อท่านเพิ่งจะบอกข้าว่าสตรีที่เข้ารับการคัดเลือกต้องเป็นบุตรีของขุนนางชั้นสูงเท่านั้น”
“เจ้าคงลืมไปว่าครั้งหนึ่งข้าเคยมีตำแหน่งเป็นรองเสนาธิการฝ่ายทหาร” พ่อข้าพูดอย่างตำหนิ ข้าจะจำได้อย่างไรกันเล่า นั่นมันเป็นเรื่องก่อนที่ข้าจะเกิดเสียอีก
“ใช่ท่านเคยเป็น” ข้าว่า
“และข้ายังคงเป็นอยู่ เพียงแต่ข้าไม่ต้องการขึ้นตรงกับผู้ใดในราชสำนัก” ใช่สิ พ่อข้าผู้ซึ่งไม่ชอบความวุ่นวายในราชสำนักเกษียณตัวเองในวัยสี่สิบต้นๆออกมาเปิดโรงฝึกองครักษ์ที่รับใช้แต่ราชนุกุลในราชวงศ์คอร์ซิลเท่านั้นนี่แหละคือเรื่องที่ข้ารู้
“ดังนั้นเจ้าจึงตัดปัญหาข้อนี้ไปได้” พ่อข้าว่า พลางกอดอก
“ถ้าเช่นนั้นท่านมั่นใจว่าข้าจะผ่านการคัดเลือกเข้าไปในวังรึไง” พ่อข้าไม่ตอบอะไร เพียงแต่นั่งกอดอกอยู่เช่นเดิม
“นี่ท่านมั่นใจในความงามของข้า ขนาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะเลือกข้าเลยหรือนี่” พ่อข้าก็ยังไม่ยอมตอบอยู่ดี
ข้ายอมแพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง”ก็ได้ ข้าตกลง” ถ้านี่เป็นงานสำคัญจริงข้าก็พร้อมยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้ามีอะไรที่ข้าไม่ชอบใจ ข้าก็พร้อมจะถอนตัวโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน แม้แต่พ่อก็ไม่สามารถบังคับข้าได้
“ดีท่าเช่นนั้นเจ้าก็ออกไปได้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าต้องมาหาข้าที่นี่ตอนสิบโมงเช้า และเจ้าต้องสวมชุดสำหรับสตรีไม่ใช่เครื่องแบบองครักษ์ฝึกหัด ข้าจะสั่งมารีอานน่าให้จัดการให้เจ้าเอง”
“แล้วที่ท่านว่าจะบอกรายละเอียดกับข้าล่ะ” ข้าท้วง
“พรุ่งนี้สิบโมงเช้า ออกไปได้แล้วและช่วยตามองครักษ์ฝึกหัดซักสองคนมาพบข้าที่นี่ด้วย”พ่อข้ายื่น คำขาดท่านลุกขึ้นและเดินมาเปิดประตูให้ข้า
“ได้ ท่านครู”ข้าพูด ใจยังคงนึกฉุนที่พ่อไม่ยอมบอกรายละเอียดข้าเสียวันนี้
“ได้ ท่านพ่อ”พ่อแก้ ถลึงตามองข้า
“ได้ ท่านพ่อ” ข้าเค้นเสียงลอดไรฟัน แต่ก่อนที่ข้าจะก้าวพ้นประตูออกไป ข้านึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับไปมองท่านด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี่ท่านคงไม่ได้คิดอยากมีบุตรเขยเป็นถึงว่าที่กษัตริย์ใช่ไหม”ข้าพูด พ่อข้าไม่ตอบท่านเพียงแต่ดันข้าออกไปและกระแทกประตูปิดใส่หน้าข้าดังโครมเท่านั้น พ่อข้านี่ช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย
เมื่อข้าส่ายหัวให้กับความไร้อารมณ์ขันของพ่อเสร็จ ข้าจึงตัดสินใจเดินย้อนกลับไปยังห้องหนังสือของพวกองครักษ์ฝึกหัดเผื่อจะมีใครอยู่ที่นั้น แต่เมื่อมาถึงทั้งห้องก็ยังคงว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม ไม่มีใครให้ข้าเรียกใช้ซักคน ข้าว่านี่คงใกล้เวลาอาหารเย็นขององครักษ์ฝึกหัด พวกเขาคงจะแออัดกันอยู่ที่โรงอาหารพร้อมกับส่งเสียงร้องโอดครวญขออาหารเป็นแน่ ข้าจึงมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารแทน ซึ่งข้าก็เดาไม่ผิดจริงๆแค่ยังไม่เปิดประตูเข้าไปข้าก็ได้ยินเสียงพวกนั้นเร่งพ่อครัวให้เสริฟ์อาหารก่อนเวลา ข้าส่ายศีรษะก่อนจะผลักประตูเข้าไป ทุกสายตาหันมามองข้าและเงียบเสียงลงทันที ข้ากวาดสายตามองพวกนั้นก่อนจะเรียกองครักษ์ฝึกหัดสองคนที่นั่งอยู่ใกล้กับทางเข้า ข้าจำได้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกันและมีฝีมือดีทีเดียว ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นและเดินมาหาข้าทันที
“มีอะไรให้เราสองคนรับใช้หรือขอรับ อาจารย์” เจ้าคนที่ตัวโตกว่าพูด น้ำเสียงเอาอกเอาใจเป็นอย่างยิ่งจนข้าอยากจะจับเอาหัวเขาโขกกับกำแพง นึกว่าข้าไม่รู้รึว่าพวกเจ้าพูดถึงข้าว่าอย่างไร
“เจ้าสองคนไปพบท่านครูที่ห้องประชุมเล็ก ท่านมีเรื่องจะให้พวกเจ้าทำ เดี๋ยวนี้เลย” ข้าพูดพยายามตีสีหน้าเรียบเฉย ทั้งสองรีบออกไปตามคำสั่งข้า
“หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน”ข้าถามคนอื่นๆ
“อยู่ที่ห้องพักขอรับ” องครักษ์ฝึกหัดคนหนึ่งพูด ข้าจำเขาไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่ได้ขาดหวังให้ตัวเองจำองครักษ์ฝึกหัดได้ทั้งหมดหรอกนะ
“ขอบใจ…” ข้ามองหน้าเขา
“เมอร์ริดัส ขอรับ” เขาบอก
“ขอบใจ เมอร์ริดัส”
“จะให้ข้านำทางไปไหมขอรับ”เมอร์ริดัสถามพลางลุกขึ้น
“ไม่ต้อง”ข้าตอบเสียงเย็น องครักษ์ฝึกหัดผู้นั้นนั่งลงทันที ข้าไม่เข้าใจทำไมทุกคนชอบพูดแบบนี้กับข้าอยู่เรื่อย ข้าน่ะอยู่ที่นี่มาก่อนพวกเขาตั้งนานข้าคงไม่ต้องให้ใครมาคอยนำทางให้หรอก
ข้าเดินตัดโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปยังทางออกด้านหลังครัวโรงฝึกโดยไม่สนใจเสียงหึ่งๆที่ดังขึ้นทันทีที่ข้าหันหลังให้ ที่พักของพวกองครักษ์ฝึกหัดเป็นอาคารอิฐชั้นเดียวอยู่ด้านหลังโรงอาหาร พ่อข้าสร้างไว้ใกล้กันเพื่อหลังจากฝึกดาบอย่างหนักองครักษ์ฝึกหัดที่หิวโหยทั้งหลายจะได้กลับไปเปลี่ยนชุดและตรงเข้ามารับประทานอาหารได้ทันทีก่อนจะหมดแรงเดินไปเสียก่อน ซึ่งข้าก็พอจะเข้าใจได้อยู่หรอกว่าการฝึกดาบแบบพ่อข้ามันหนักหนาแค่ไหน เมื่อมาถึงข้าตรงไปห้องพักของดาร์โกกับไคลล์ทันที ข้ารู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหน ข้าเคยมาที่ห้องนั้นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มันเป็นห้องพักของหัวหน้าซึ่งอยู่ริมสุดโถงทางเดินและเป็นห้องพิเศษที่มีหน้าต่างสองบาน
ซึ่งข้าก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะยังคงเป็นห้องพิเศษหรือไม่เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง พอถึงหน้าประตูห้องข้าเปิดก็เข้าไปโดยไม่คิดจะเคาะประตู ไคลล์ที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงสองชั้นกระเด้งตัวขึ้นทันทีจนหัวของเขาโขกเข้า กับเพดานห้องที่ค่อนข้างจะต่ำ เขาสบถคำทั้งหลายแหล่ออกมาเกือบหมด ส่วนดาร์โกที่กำลังนั่งเกาหูให้ริชาร์ดที่สองอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงจึงหันมามองข้าด้วยท่าทีตกใจ
“ใส่เสื้อซะ” ข้าหยิบเสื้อที่กองอยู่บนพื้นโยนให้ไคลล์ที่ตอนนี้นั่งห้อยขาลงมาจากเตียงสองชั้น มือข้างหนึ่งของเขากำลังนวดคลึงหน้าผากอยู่
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเสียที ซักวันหนึ่งเจ้าคงจะได้เห็นอะไรที่เจ้าไม่อยากเห็นเข้า”ไคลล์ว่าขณะโยนตัวลงมาและเริ่มสวมเสื้ออย่างลวกๆ ข้าทำหูทวนลม ส่วนดาร์โกนั้นหน้าแดงเถือกตามเคย
ข้านั่งลงบนเตียงริชาร์ดที่สองกระโดดลงจากตักของดาร์โกมาคลอเคลียกับขาข้าทันที ข้าอุ้มมันขึ้นมา จึงสังเกตเห็นว่าขนของมันอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเมื่อเช้ามากเลยทีเดียว
“เจ้าแปรงขนให้มันแล้วเหรอ”ข้าถามดาร์โก เขาไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้า
ข้าว่างริชาร์ดที่สองลงทันที และตรงไปยังดาร์โกดึงแขนเขาออกมา เขามีท่าทีขัดขืนจะดึงแขนกลับแต่ข้าไม่ยอม ข้าเลิกแขนเสื้อทั้งสองข้างของเขาขึ้นแขนทั้งสองข้างของเขามีรอยข่วนเต็มไปหมดบางรอยมีเลือดซึมออกมาด้วย นี่ถ้าพ่อข้าเห็นเข้ามีหวังข้าคงไม่ตายดีแน่ พ่อข้าต้องรู้แน้ว่าข้าจงใจแกล้งเขา
“ไคลล์เจ้าเอากระเป๋ายามาให้ข้าหน่อย
ผลงานอื่นๆ ของ 'roxco' ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ 'roxco'
ความคิดเห็น