คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - part 2 [100%]
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เขาออกมาจากห้องเส็งเคร็งที่มีเจ้าของห้องห่วยแตกนั่นแล้ว เขาวิ่งลงบันไดมาแปดชั้นแล้วมายืนหอบอยู่หน้าหอพักงี่เง่านี่ เจ้าของดวงตาสีอความารีนเงยหน้าไปมองระเบียงของห้องห้องหนึ่ง ที่เขาเพิ่งวิ่งหนีจากมา มือหยาบกำแน่นแล้วหัวเราะเบาๆให้ตัวเองอย่างสมเพช
“ถ้าอึดอัดมาก ทำไมไม่ไปอยู่กับไอเซนมันล่ะ”
.
.
.
“ทำไมไม่ไปหาเซน แฟนของมึงซะล่ะ”
นั่นสิ ทำไมเขาไม่ไปหาเซน มาหาไอหยิกหยอยงี่เง่าโง่เง่านี่ทำไมกัน โดนเขาไล่จะหน้าด้านอยู่ก็บ้าเต็มที
เรียวขาในกางเกงยีนส์สีเข้มพาตัวเองเดินไปเรื่อยๆตามฟุตบาท แสงสีในลอนดอนตอนกลางคืนทำให้เขาเหงายิ่งกว่าเดิม แขนที่มีกล้ามเนื้อเพียงน้อยนิดถูกเจ้าของนำมากอดรัดตัวเองไว้ ป้องกันอากาศหนาวๆ แขนเล็กนั่นทำหน้าที่แทนใครบางคน ที่มักจะกอดเขาในอากาศหนาวแบบนี้
‘กอดทำไมวะ คนเยอะแยะ’
‘มันหนาว ก็ต้องกอดดิ’
‘กูไม่หนาว’
‘แต่กูหนาว’
คนคนนั้นโกหกคำโตว่าตัวเองหนาว ทั้งๆที่เจ้าตัวขี้ร้อนเอามากๆ แขนแกร่งนั่นกระชับกอดเขาแน่นๆ รั้งเขาที่ใส่เพียงเสื้อยืดไปอยู่ในเสื้อโค้ทตัวโตราคาแพง ความอบอุ่นของเสื้อนั่นยังไม่เท่าอ้อมแขนที่กระชับกอดเขาอยู่ ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านทางอ้อมกอดทีละเล็กทีละน้อย อบอุ่นด้วยหัวใจที่เต้นระรัวไม่ต่างกัน
อ้อมกอดนั่นแน่นจนหน้าใจหาย
แน่นเหมือนจะรัดเขาให้ตาย
แน่นจนหายใจไม่ออก
แน่นจนได้ยินเสียงหัวใจของใครอีกคนเต้นรัวอยู่ใกล้ๆ
แน่นจนได้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคออยู่
.
.
.
.
แน่นจนไม่คิดว่าจะเสียมันไป..
กอดเขา เพื่อให้ความอบอุ่น แม้ตัวเองจะร้อนแทบตาย
รู้ว่าเขาไม่ชอบพกเสื้อโค้ท ทั้งๆที่ตัวเองเกลียดการใส่เสื้อโค้ทยังกะอะไรดี แต่ก็ยอมใส่มาเพื่อดันร่างของเขาไปในเสื้อโค้ทตัวโคร่งๆนั่น
.
รู้ว่าเขาขี้หนาว เลยขยันซื้อเสื้อโค้ทมาใส่ในทุกฤดู เพื่อจะดันร่างของเขาเข้าไปในเสื้อโค้ทเหมือนทุกๆครั้ง
.
.
.
ม่านน้ำบางๆปกคลุมรอบดวงแก้วที่สั่นไหวไปมา มันเหมือนเขื่อนที่จะพังทลายในสักครา เจ้าของน้ำตาเงยหน้าเพื่อไม่ให้ความอ่อนแอมันเล่นงานเขาอีกครั้ง ฟันเล็กกัดปากช้ำนั่นแน่นๆ กระชับอ้อมแขนตัวเองแล้วรีบเดินผ่านผู้คนมาเรื่อยๆ
เขาหันไปเจอ ร้านเบเกอรี่เล็กๆ จมูกเล็กได้กลิ่นยีสต์โชยออกมาเป็นสัญลักษณ์ร้านขนมปังทั่วไป กลิ่นยีสต์หอมๆมันชวนให้อบอุ่นในใจแต่ก็ทำให้ใจปวดร้าวในขณะเดียวกัน
เขาจำมันได้ดี
ร้านเบเกอรี่ที่เขาเคยมานั่งเล่นเกือบทุกวัน จากที่นั่งคนเดียว กลับกลายเป็นมีใครอีกคนมานั่งกับเขา นั่งหัวเราะกัน นั่งทะเลาะกัน
เขาเห็นโต๊ะเล็กๆติดกระจก ที่มีโซฟาสีแดงสามตัว โซฟาสองในสามนั่น เขาและใครอีกคนเคยนั่งกินกาแฟร้อน ครัวซองต์อุ่นๆที่ใครอีกคนจะสั่งมาให้เขาทุกที เพราะรู้ว่าเขาชอบมันมาก
คนตัวเล็กก้มหน้าแล้วเดินต่อไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย กระชับกอดตัวเองให้แน่นเมื่อไม่มีใครอีกคนคอยกอด กัดปากตัวเองแน่นๆระงับความรู้สึกอ่อนแอนั่นไว้เหมือนที่เคยทำตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา
เพราะมัวแต่เดินก้มหน้าเลยไปเดินชนใครสักคนเข้า หัวเล็กนั่นกระแทกเข้ากับปากของใครอย่างจัง ลูอีเงยหน้ามองก็พบกับชายร่างโปร่งในเสื้อโค้ทสีดำกับกางเกงขายาวสีดำ ดวงตาสีสนิมมองมายังเขาแล้วเบิ่งกว้างนิดๆ
“ลูอี ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ไม่หนาวรึไง ให้ตายเถอะ!”
ชายคนนั้นว่าแล้วรีบถอดเสื้อโค้ทตัวใหญ่มาคุมให้ร่างที่เล็กกว่า ลูอีในชุดเสื้อคลุมสีดำโคร่งกอดตัวเองแน่นๆอีกรอบ แต่ก็พบว่ามันไม่อบอุ่นเหมือนเดิม .. ไม่เหมือนที่ใครคนนั้นทำให้เขา
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายลอยแตะจมูกของลูอี เขาเผลอสูดดมมันเล็กน้อย ใบหน้านั่นมองร่างโปร่งอีกรอบแล้วถอนหายใจใส่
“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นลูอี มานี่”
เจ้าตัวว่าแล้วคว้ามือเล็กที่แดงเถือกไปที่ร้านเบเกอรี่ร้านเดิมที่เขามองมันเมื่อสักครู่ ร่างโปร่งดันร่างเล็กนั่งลงที่โซฟาสีแดงที่เขาคุ้นเคย แล้วเดินไปสั่งช็อคโกแล็ตร้อนมาให้ลูอี
“จะพูดได้รึยัง ทำไมมายืนใส่เสื้อยืดสีดำโง่ๆอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวติดลบแบบนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะที่ลูอีค่อยๆยกช็อคโกแล็ตนั่งดื่มเงียบๆ รอบดวงตาสีอความารีนนั่นแดงไปเถือกพอๆกับจมูก น้ำตาเหมือนจะไหลอยู่รอมร่อ
“นั่นดิ ทำไมวะ”
“อย่ามาเล่นลิ้น ลูอีส วิลเลียม ทอมลินสัน”
คนตรงหน้าเขาเอ่ยชื่อเขาเต็มๆ เจ้าของชื่อก้มงุดๆให้คางติดหน้าอกตัวเองแล้วตอบเสียงอู้อี้ๆออกมา
“ไม่อยากกินนี่ อยากกินเหล้า”
ว่าแล้วก็ยกช็อคโกแล็ตที่เริ่มเย็นให้อีกคนดู แล้วยันตัวเองลุกขึ้น วางเงินไว้ที่โต๊ะให้ไอร่างโปร่งมัน แล้วค่อยๆเดินออกมาจากร้าน อากาศข้างนอกเริ่มหนาวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกี้เหมือนไม่หนาวแบบนี้นะ
มันหนาวพอๆกับใจเขาเขาล่ะมั้ง ในตอนนี้
อากาศหนาวๆบวกกับลมที่พัดอากาศหนาวมาโดนผิวของเขา ทำให้สั่นไปทั่ว เขานึกอารมณ์เสียที่ลืมกุญแจห้องไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ นึกโมโหตัวเองที่ดันใส่เสื้อยืดเง่าๆนี่ นึกโกรธตัวเองที่เดินออกมาไม่ทันคิดถึงอากาศหนาวนรกแบบนี้
เท้าเล็กๆค่อยๆย่ำลงบนหิมะไปเรื่อยๆ เรื่องรองเท้าไม่ต้องถามหา เพราะตอนเมาเขาสะบัดมันไปไว้ไหน เขาก็ลืมไปแล้ว เดินได้สักพักก็เหมือนตัวทั้งตัวลอยขึ้น เท้าแดงที่สัมผัสหิมะตอนนี้มันลอยเหนือพื้น เขาสะบัดหัวไปมานึกว่าตัวเองเมา แต่คงลืมไปว่าตัวเองไม่ได้กินเหล้าสักนิด
“บ้ารึเปล่า เท้าเปล่าแบบนี้”
ไอร่างโปร่งคนเดิมนั่นแหละ ที่อุ้มเขาอยู่ มันพาเขามานั่งที่ม้านั่ง จัดการถอดรองเท้าตัวเองแล้วยัดใส่เท้าเล็กของลูอี ใบหน้าคมเข้มนั่นห่างกับเขาเพียงแค่คืบ เขามองใบหน้าคมคายนั่นในความเงียบ ดวงตาเรียวคมสีเฮเซลนัทที่ดูตั้งใจในการใส่รองเท้าให้เขามากๆ สันจมูกโด่งรับกับคิ้วที่พาดเฉียงเหมาะกับใบหน้าคมเข้ม หนวดเคราที่เริ่มยาวจนดูเฟิ้ม มันไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าหน้าตาดีน้อยลงเลย
ไออุ่นจากลมหายใจคนตรงนั้นทำให้ลูอีอุ่นใจขึ้นมานิดนึง กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายนั่นก็ชวนฝันเสียเหลือเกิน จนนึกกลัวใจตัวเองว่าจะต้องคว้าปากสีสดของร่างโปร่งมาจูบเข้าสักทีแน่ๆ หากไม่ได้อยู่ในอารมณ์งี่เง่าแบบนี้
ร่างโปร่งจับให้เขาขี่หลัง ขาสั้นตวัดเกาะหนึบที่เอวบาง แขนเล็กคว้าลำคอแกร่งไว้แล้วกอดคอแน่น ใบหน้าวางไว้ที่ไหล่กว้างๆ เปลือตานิ่มหลับลงช้าๆ แล้วเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอู้อี้ในลำคอ
“ตามมาทำไม”
“มาดูไง ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”
“แล้วเป็นไง”
“ก็รู้เลย ว่านายอยู่ไม่ได้แน่ หากไม่มีฉัน”
ชายหนุ่มว่าแล้วหัวเราะ มือหยาบกระชับจับขาเล็กให้แน่น เท้าที่ใส่แค่ถุงเท้านั่นเดินต่อไปเรื่อยๆ หวังจะไปถึงหอนอนของตัวเองเร็วๆ
หิมะเองก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ คนรอบข้างเริ่มหายไปทีละคนสองคน จนเหลือแค่พวกเขาสองคน
บรรยากาศเงียบๆ ในสภาพอากาศหนาวจับใจ เสียงลมที่พัดไปมามันทำให้ขนลุกซู่ แต่ก็คงไม่หนาวยะเยือกเท่าใจของร่างบางบนหลังของชายหนุ่ม เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าหลังเขามันเปียกๆชื้นๆ
ในใจนึกอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็คงต้องปล่อยให้ร้องไห้แบบนี้ต่อไป เพราะเขารู้ว่าบรรยากาศแบบนี้ ปล่อยไปดีที่สุดจากประสบการณ์ที่เขาพบเจอมาจากลูอีส ทอมลินสัน
เขาคิดว่าเขารู้จักลูอีส ทอมลินสัน มากกว่าที่ลูอีส ทอมลินสันรู้จักตัวเองเสียอีก
เขารู้ว่าลูอีชอบอะไร
เขารู้ว่าลูอีไม่ชอบอะไร
เขารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูอี
จนเขากล้าเอ่ยได้เต็มปากเต็มคำว่า
เขานี่แหละผู้ชายที่รู้จักลูอีส ทอมลินสัน ดีที่สุดในโลก
.
.
.
ผู้ชายที่ชื่อว่า เซน มาลิค
“ลูอี นายเข้าเว็บบอร์ดของมหาลัยยัง”
ร่างโปร่งที่กำลังทอดไข่ดาวอยู่ในกระทะเอ่ยขึ้น เซนใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเรียบๆ ผมสีดำนั่นไม่ได้ถูกเซตแต่อย่างใด มันถูกเจ้าตัวเสยขึ้นไปครั้งแล้วครั้งเล่าที่มันหล่นลงมาตอนเขาก้มทำอาหาร มือหยาบหยิบนั่นนี่อย่างชำนาญ ใบหน้าหล่อคมคายชะเง้อมองคนตัวเล็กที่นั่งดูการ์ตูนที่โซฟาเป็นพักๆ เพื่อจะดูว่าลูอีทำอะไรอยู่
“เข้าแล้ว”
“ขอโทษนะ เพราะฉัน นายเลยเป็นข่าวแบบนั้น”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วหน่า”
เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่เกิดมาสักพักใหญ่ๆในผับแห่งหนึ่ง เขาจำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะตอนนั้นเขาเองก็เมา เซนเองก็เมา แต่ก็ดีแล้วที่เขาจำมันไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เหตุการณ์น่าจำสักนิด แต่ถึงคืนนั้นเขาจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็มีบางอย่างที่เขากลับจำมันได้ขึ้นใจ
“ชื่อเสียงนายเลยนะ”
เซนยังคงเอ่ยต่อ เขาวางไข่ดาวหน้าตาน่ากินใส่จานกระเบื้องสีขาว แล้วจัดการยกมาเสิร์ฟคนตัวดีที่นั่งขัดสมาธิรออยู่ที่โซฟาราวกับเจ้านาย เขาเดินถือจานมาสองใบเพื่อมานั่งกินกับลูอี ลูอีรีบรับจานมาแล้วกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยเหมือนตายอดตายอยาก แต่สีหน้าการกระทำแบบนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆจากคนที่นานๆยิ้มทีแบบเซนได้ในทันที
“ตอนนี้ฉันไม่มีใครนี่ สนทำไม”
ว่าแล้วก็ยังเคี้ยวตุ้ยๆเต็มแก้ม จนปากเลอะคราบไข่แดงไปทั่ว น้ำสีสมๆของไข่แดงเลอะเปื้อนปากสีชมพูจนไล่ไปที่ไรหนวดสีน้ำตาลที่เริ่มขึ้น คนข้างๆมองเห็นก็หยิบทิชชู่ส่งให้เจ้าตัว แต่เจ้าตัวเช็ดยังไงก็ไม่ถูกที่เสียที คนใจดีที่นั่งข้างๆจึงจับคางเล็กให้อยู่นิ่งๆแล้วบรรจงเช็ดคราบไข่แดงให้ทีละนิด ทีละนิด
เนิ่นนานจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น..
มันรัว
มันเร็ว
และหนักแน่นเหลือเกิน ...
ไม่แน่ใจว่าหัวใจของใครมันเต้นดังกว่ากัน
ของเขา
หรือของเซน ..
จนดวงตาของทั้งสองค่อยๆเลื่อนมาสบกันช้าๆ ลูอีรู้สึกว่าเขาเริ่มเห็นดวงตาสีน้ำตาลสนิมใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเขากลั้นหายใจ เหมือนดวงตาคมนั่นสะกดเขาไว้ภายใต้เวทย์มนต์อะไรสักอย่าง สัมผัสแผ่วเบาแต่อ่อนไหวที่ปากบางช้าๆ และละมุนที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้สึก นิ้วโป้งของเซนปาดคราบส้มๆของไข่แดงออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาของเซนมันดูเยิ้มเหลือเกินในตอนนี้ น้ำลายก้อนโตของลูอีถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก
ก็เซนน่ะ..
ใช่ว่าจะหน้าตาดีน้อยเสียเมื่อไหร่
ถึงเพื่อนกันแค่ไหน แต่เล่นแบบนี้ทีไร หัวใจก็จะวายทุกที..
.
.
“เป็นอะไรวะ ทำหน้าแบบนั้น”
เนิ่นนานจนเสียงของเซนเอ่ยขึ้น เขาถึงรู้ว่าใบหน้าคมคายนั่นผละออกไปแล้ว สมองขาวโพลนไปหมด เหมือนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งๆ ทำหน้าตาประหลาดๆใส่อีกคน
“กูว่า มึงไปโกนหนวดดีกว่า”
ว่าแล้วก็เดินนำเข้าไปในห้องน้ำ ลูอีอยากจะบอกเหลือเกินว่าตอนนี้ดีแล้ว อย่าโกนมันออกเลย เพราะเขาขี้เกียจมานั่งโกนตลอด ไว้แบบนี้จะเดือนแล้ว มันชินสภาพหน้าตัวเองแล้ว
ลูอีนั่งลงที่ประจำในอ่างอาบน้ำที่เขาเคยนั่งทุกครั้งที่เซนโกนหนวดออกให้ หัวเล็กวางลงที่ขอบอ่างอาบน้ำเหมือนทุกที เพื่อรอเซนที่กำลังนั่งเก้าอี้ตัวเล็กๆนั่นโกนหนวดให้เขา
มือหยาบบีบครีมสีขาวใส่มือตัวเองแล้วชโลมไปทั่วคางที่มีหนวดสีน้ำตาลนั้นขึ้นแล้วค่อยๆวางใบมีดลงที่เนื้อนิ่มช้าๆ คนด้านล่างสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนสัมผัสถึงความเย็นจากใบมีด แต่ก็มีสิ่งที่สะดุ้งทุกทีและก็ไม่ชินสักที ที่ใบหน้าหล่อๆของเซนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สันจมูกโด่งแกว่งไปมาอยู่เหนือจมูกเขาไม่กี่นิ้ว
และเขาก็ต้องหลับตาปี๋ทุกครั้งไป เวลาที่เซนก้มมาโกนหนวดให้เขา
แต่ครั้งนี้มันแปลกไป
.
.
.
.
หลังจากที่เปลือกตาสีงาปิดไปได้สักพัก เจ้าตัวกลับรู้สึกถึงสิ่งแปลกใหม่ ปากของเขาสัมผัสกับอะไรสักอย่างที่เย็นเฉียบ แข็งกระด้าง จนมันค่อยๆหายไป มีแต่เพียงความอบอุ่นที่ริมฝีปากนั่น มันนิ่มและนุ่มเช่นเดียวกับสายไหม หวานละมุนเหมือนน้ำแข็งใสที่เขากินเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา สดชื่นเหมือนตอนฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่นเช่นเดียวกับฤดูร้อน..
มันแนบมาที่ริมฝีปากเขาอย่างเดียว ไม่ได้ลุกล้ำเกินเลย ..
เป็นเพียงปากแนบกันเท่านั้น
หากแต่ร่างในอ่างอาบน้ำไม่อยากจะลืมตาเลยสักนิด
.
.
.
.
.
.
ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ร่างโปร่งทำกับเขาแบบนี้ ครั้งแรกที่ร่างโปร่งตรงหน้านี้ทำก็คือวันนั้น
วันที่ใครสักคนปล่อยมือเขาแล้วเดินไปกับผู้หญิงอีกคน
วันที่เขาได้แต่มองภาพนั้นอย่างเจ็บช้ำ หัวใจเหมือนโดนใครคนเดิมเอามีดมากรีดแล้วแทงซ้ำๆ
เหมือนให้ใจไปแล้ว โดนใครคนนั้นหยิบมาแล้วกระทืบทิ้งอย่างไม่ใยดีกับมันสักนิด
เหมือนเขาตกหน้าผาที่สูงที่สุดในโลก ตอนนั้นเขารู้สึกว่าเขาไม่เหลือใครแล้ว พ่อแม่เขาก็อยู่ต่างประเทศกันหมด ตอนนั้นชีวิตมืดแปดด้านจริงๆ จนกระทั่งตัวเขาที่ตกลงมาจากหน้าผา มีมือหยาบๆบางมือรับเขาไว้ กอดเขาไว้จนแน่น คอยลูบหลังแล้วพูดว่าไม่เป็นไรนะ พูดแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ ไม่ปลอบอะไรมาก เพียงแต่อยู่ข้างเขาในวันที่เขาไม่เหลือใคร
ภาพตรงหน้าที่ร่างสูงจูบที่หางตาเขาในผับวันนั้นเขายังจำได้ดี ปากสวยไล่จูบที่หางตา ย้ำๆตามคราบน้ำตาแล้วไล่ลงมาที่ปลายจมูก จูบนั้นมันช่างแสนอ่อนโยนเหลือเกินในตอนนั้น จนกระทั่งปากหยักค่อยๆแนบลงมาที่ปากของเขา
ความคิดในตอนนั้นคือเขารู้สึกผิด
ผิดที่จูบกับคนที่ไม่ใช่แฟน
แต่ความคิดอีกด้าน ปล่อยตัวเองไปก็ดี.. เพราะตอนนี้เขาก็โสด
และเพิ่งโสดด้วย
เปลือกตาบางหลับพริ้มรับสัมผัสจากร่างสูง ปากร้อนบดขยี้ลงมาอย่างนุ่มนวนเหมือนกลัวปากบางจะช้ำ อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ไอโหดนี่จะทำได้ นิ้วโป้งใหญ่ก็เกลี่ยน้ำตาที่ไหลอย่างไม่หยุดออกอย่างแผ่วเบา
สัมผัสที่แผ่วเบา
แต่มันกลับทำให้จิตใจที่บอบช้ำอบอุ่นขึ้นมามากจริงๆ
เหมือนสมองมันขาวโพลน เหมือนเขากำลังลิ้มรสไอศกรีมซอฟต์เสิรฟ์รสมิ้นต์ มันทั้งนุ่มละมุน ต่างจากที่เขาเคยได้รับจากใครอีกคน มันทั้งเย็นและอบอุ่นในคราวเดียวกัน อ่อนหวานแต่แผ่วเบาเหมือนขนมสายไหม กลิ่นมิ้นต์จางๆนั่นคงมาจากบุหรี่ที่เจ้าตัวสูบอยู่เป็นประจำ ตอนนั้นเขาเริ่มรู้สึกทรงตัวไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหล้าราคาแพงที่ติดริมฝีปากที่กำลังจูบเขาอยู่ หรือเป็นเพราะจูบของคนตรงหน้ากันแน่
เหมือนตอนนั้นคนตรงหน้าจะรู้เลยช้อนเอวของเขาไว้ ปากก็ยังคงทำหน้าบดขยี้มันเบาๆสลับกับค่อยๆรุนแรงขึ้น มือหยาบขย้ำเอวเขาเบาๆแล้วเริ่มลูบไล้ไปทั่ว ในตอนนั้นเขาพูดเลยว่าเคลิ้มมาก คนตรงหน้าช่างเก่งเหลือเกิน รู้ว่าควรทำแบบไหนที่จะทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวย
แต่แล้ว การจูบที่แผ่วเบาและหวานละมุนนั่งก็ต้องหยุดลง เมื่อใครสักคนเดินเข้ามาเห็นพอดี ใบหน้าของเขาดูโกรธมาก มีเพียงชั่วอึดใจหนึ่งที่ลูอีรู้สึกผิด แต่ก็แค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น แขนเล็กคว้าคอของเซนมาแล้วเริ่มเป็นฝ่ายแนบปากลงที่ปากสีสดที่แสนเย้ายวนนั่นอย่างช้าๆ ต่อหน้าต่อตาใครคนนั้น
ใครคนนั้นที่เขาเพิ่งตัดสินไปเองว่าเลิกกันแล้ว
.
.
.
.
ตัดสินทันทีที่เห็นไอหยิกหยอยนั่นจูบอย่างดูดดื่มกับผู้หญิงอกสะบึ้มที่หน้าห้องน้ำชาย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Writer talk :
จะบอกว่า กังวลมากเรื่องคำผิด เช่นคำว่า นั่น นี่ นั้น หรือคำผิดอื่นๆ
ขออภัย ณ จุดนี้ด้วย เพราะว่านี่ก็อ่านซ้ำสิบกว่ารอบหาคำผิดจนเอียน ถ้ามีคำไหนตกหล่น ขอโทษ ณ ที่นี้จริงๆค่ะ
จะบอกว่า ตอนนี้มันไม่ออกมาดีเท่าที่ควร แต่หลงเซนมาก หลงมาก อยากได้มาก
หล่อระเบิดมาก /ดันแฮร์รี่ไปไกลๆ และปาหัวใจใส่เซนรัวๆ
แอร้ยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น