ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF) APRICITY♡ | CHANHUN

    ลำดับตอนที่ #1 : ❀ ECCEDENTESIAST | Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 60


    ECCEDENTESIAST


    -someone who hides pain behind a smile-





    หงุดหงิด !


    หงุดหงิด !


    หงุดหงิด !



    หงุดหงิดคงเป็นคำเดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของโอ เซฮุนได้ วันนี้ทั้งไปทำงานสายเพราะนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมไม่ดัง โดนลูกค้าด่า พอเลิกงานจะรีบกลับบ้านซักหน่อย แต่ฝนก็ดันตกลงมาเสียดื้อๆ ร่มก็ไม่ได้พกมา ไหนกรมอุตุบอกว่าวันนี้แดดออกจ้าไง แย่จริงๆ หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิดดดดดด เอาหน่าเซฮุน หายใจเข้าลึกๆ แวะร้านกาแฟร้านโปรดข้างๆที่ทำงานก่อนล่ะกัน ฝนหยุดเมื่อไหร่ค่อยนั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน ขืนเขาวิ่งฝ่าฝนไปตอนนี้สภาพคงไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำซักเท่าไหร่ 


    “อ้าว เซฮุนปกติจะรีบกลับบ้านไม่ใช่หรอ วันนี้อารมณ์ไหนเนี้ย” พี่ชานยอลเจ้าของร้านกาแฟร้านประจำของเซฮุนเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ใช่ ปกติเขาจะดื่มกาแฟแค่ตอนเช้าก่อนเข้าที่ทำงาน แล้วพอเลิกงานเขาก็จะรีบกลับบ้าน แต่วันนี้เกินเหตุสุดวิสัย ฝนดันตกลงมาดื้อๆ ตอนบ่ายๆยังแดดจ้าอยู่เลย วันนี้เขาต้องเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกเลยแน่ๆ


    “พี่เห็นสภาพข้างนอกไหมล่ะครับ ถามมาได้ ผมจะกลับบ้านได้ยังไงกัน” 


    “พี่ลืมไปเลยว่าฝนตก ไปนั่งก่อนสิ เอาเหมือนเดิมใช่ไหม”


    เซฮุนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหันหลังไปนั่งที่ประจำของตนเองที่นั่งอยู่ทุกเช้า ร้านกาแฟตอนเย็นๆนี่มันสงบอย่างนี้นี่เอง ปกติตอนเช้าที่เขามาดื่มกาแฟก่อนเข้าที่ทำงานคนจะพลุกพล่านเสียงคุยดังจนไม่สามารถจับใจความได้ แต่ในเวลานี้มันช่างสงบอะไรแบบนี้ ที่ประจำของเขาคือโต๊ะริมหน้าต่าง ซึ่งมีอยู่เพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น เป็นโต๊ะที่วิวดีที่สุดในร้านเลยก็ว่าได้ ร้านกาแฟของพี่ชานยอลไม่ใหญ่มาก เป็นเพียงร้านเล็กๆมีโต๊ะอยู่เพียงไม่กี่ตัว แต่ถึงกระนั้นตอนเช้าถึงเที่ยงคนก็เข้าออกร้านไม่หยุด นั่นเป็นเพราะฝีมือการชงกาแฟของพี่เขาเทพมากๆ เซฮุนขอรับประกัน อร่อยจริง! ตื่นจริง! 


    บรรยากาศข้างนอกฝนยังตกไม่หยุดหย่อน ทำให้กระจกเป็นฝ้าเล็กน้อย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้วิวข้างนอกสวยลดลงเลย เซฮุนยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป เขาเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก จริงๆแล้วความฝันของโอ เซฮุน คือการได้เป็นช่างภาพ แต่ที่บ้านเขากลับอยากให้เขาเรียนบัญชี ทำให้ชีวิตตอนนี้ต้องมาติดแหง่กกับบริษัทนี่ ทุกครั้งที่เขาอยู่คนเดียวเขามักถามตัวเองเสมอว่าเขาคิดถูกแล้วหรือ กับการที่เรียนตามความฝันพ่อแม่ คิดทีไรเขาก็เศร้าทุกที


    “คาปูชิโน่ร้อนๆมาแล้ว” เสียงของชานยอลทำให้เขาหลุดจากภวังค์

    “ขอบคุณครับ” กาแฟของเขาได้มาเสริฟวางบนโต๊ะแล้ว 

    อากาศหนาวจนเขาอยากจะเอากาแฟราดตัวให้รู้แล้วรู้รอด เซฮุนเอามืออังแก้วกาแฟแล้วเอามือมาอังแก้มของตัวเอง

    “หนาวหรอเซฮุน” ชานยอลถามขึ้นเมื่อเห็นเซฮุนเอาแต่นั่งตัวสั่นถูมือไปมา 


    “ร้อนมั้งครับพี่ ถามมาได้ คนเรา กระจกร้านพี่นี่เย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว”

    “กวนจริงๆเด็กคนนี้ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าห่มมาให้เอาไหม” ชานยอลถามพลางเดินไปหยิบผ้าห่มหลังร้านมาให้เซฮุน


    “ก็ดีครับ ผมหนาวมาก”


    -ECCEDENTESIAST-




    ชานยอลเดินกลับมาพร้อมผ้าห่มสองผืนก่อนจะล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเซฮุน เขายื่นผ้าห่มสีฟ้าให้กับเซฮุน ก่อนที่เซฮุนจะรับผ้าห่มไว้แล้วนำไปห่อตัว ส่วนตัวเขาเองก็ห่อตัวเองในผ้าห่มเช่นกัน เขาเพิ่งได้มีโอกาสมานั่งมองหน้าเซฮุนชัดๆก็วันนี้แหละ เพราะปกติเซฮุนมักมาที่ร้านเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น และตอนเช้าคนก็พลุกพล่านเต็มไปหมด เขาจึงไม่มีเวลามานั่งคุยนานๆกับเซฮุน ทั้งๆที่ปกติเด็กนี่จะร่าเริงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและคอยกวนเขาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาสังเกตเห็นหน้าเซฮุนเต็มไปด้วยความเศร้า 

    เซฮุนในผ้าห่มเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในมือถือแก้วกาแฟที่ยังไม่พร่องไปจากเดิมเท่าไหร่ 


    “วันนี้พี่ชงไม่อร่อยหรอ” เขาเอ่ยถามเซฮุน


    “…” แต่ดูเหมือนเซฮุนจะไม่ได้ยินเขา น้องยังคงเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง


    “เซฮุน นี่เซฮุน” เขาโบกมือไปมาที่หน้าเซฮุน


    “ค-ครับ เมื่อกี๊พี่ว่าไงนะครับ”


    “พี่ถามว่าวันนี้พี่ชงไม่อร่อยหรอ” 


    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” เซฮุนตอบพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม “ถ้ากาแฟพี่ไม่อร่อยอย่างนั้นร้านอื่นคงขายไม่ได้แล้ว”


    “พูดเว่อร์ไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาพยายามทำให้เซฮุนขำแต่เด็กนั่นยังหันกลับไปเหม่อออกไปนอกกระจกร้านต่อ


    “…”


    “…”


      “…”

    “เซฮุนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ พี่สัญญาจะเก็บเป็นความลับสุดยอด” เขาพูดพร้อมทำท่ารูดซิปที่ปาก


    “พี่เคยอยากกลับไปรีสตาร์ทชีวิตใหม่ไหมครับ?” เซฮุนยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง 


    “..เคยสิ” เขาตอบพร้อมพยักหน้าเบาๆ เขาเงียบไปพักใหญ่นึกถึงเรื่องในอดีตของตัวเอง


    จริงๆแล้วกว่าชานยอลจะได้มีโอกาสทำตามความฝันของตัวเอง เขาเองก็ตัดสินใจผิดพลาดมาก่อน เขารักในการทำกาแฟมาแต่ไหนแต่ไร แต่ค่านิยมมาบดบังความฝันของตัวเขาเอง เขาทนเรียนสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองมาตลอด 4ปี ใช่ เขาอึดอัดมาก แล้วพอจบมาเขาก็ทนทำงานในสิ่งที่เขาไม่ได้รักมาตั้งหลายปี จนวันหนึ่งเขาทนไม่ไหวจึงลาออก เขายอมทิ้งตำแหน่งใหญ่โตและเงินเดือนสูงๆ เพื่อมาทำตามความฝันของตัวเอง ถึงรายได้จะไม่มากแต่ก็พออยู่ได้ ก็จริงอยู่ที่ตอนแรกพ่อแม่ของเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอเวลาผ่านไปพวกท่านก็เข้าใจว่าเขาได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว 



    -ECCEDENTESIAST-



    เซฮุนไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งคุยกับพี่ชานยอลอย่างจริงจังซักครั้งเลย เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่ชานยอลทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น พี่ชานยอลมักเป็นคนร่าเริง ยิ้มตลอดเวลา แล้วก็คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ลูกค้าอยู่เสมอ เขาถามอะไรผิดไปงั้นหรอ ได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป 


    “เฮ้ ถ้าพี่ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่านะครับ” เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของพี่ชานยอลเขาจึงกล่าวออกไป


    “…ก่อนพี่จะมาเปิดร้านกาแฟ พี่เคยเลือกเรียนสิ่งที่ไม่ใช่มาก่อน พี่ทนเรียนมานานมาก ทั้งๆที่พี่รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่พี่ถนัดเลย แต่พี่ก็ยังดันทุรังเรียนจนจบ เพื่อให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ พี่คิดว่ามันคงไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ไม่ใช่เลย มันเลวร้ายมาก พี่ต้องมาทำงานต่อในสายงานที่พี่จบมา มันยากกว่าที่คิด พี่ไม่มีความสุขเลย ตอนแรกพี่คิดว่าถ้ามีเงินคงจะมีความสุขเองแหละ แต่พี่คิดผิด เงินมันซื้อความสุขไม่ได้ วันหนึ่งพี่เลยมาคิดว่าเราจะเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราไปทำไม ทำไมไม่มาทำตามความฝันเราล่ะ เรามีแค่ชีวิตเดียวใช้ให้คุ้ม ถ้าพี่ได้มีโอกาสรีสตาร์ทชีวิตใหม่ได้ก็คงจะดี พี่จะเรียนในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่ชอบ พี่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่มาตั้งหลายปี” ชานยอลเริ่มเล่าออกมายาวเหยียดพร้อมทำสีหน้าจริงจัง นี่หรือพี่ชานยอล เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภายใต้ความร่าเริงของพี่เขาจะมีเรื่องเศร้าๆอยู่ด้วย แต่ใช่นี่แหละ คนที่เจอปัญหาเดียวกับเราเลย!!!!! นั่นสินะ ทำไมเราไม่ทำตามความฝันตัวเอง ชีวิตก็เป็นของเรา 


    “…” เขาเงียบไปพักใหญ่ เขาเข้าใจดีเลยแหละในสิ่งที่พี่ชานยอลเจอมาก่อน


    “แต่พี่ก็คิดแค่ว่าตอนนี้สิ่งที่พี่ได้ทำคือตามความฝันตัวเองแล้ว ถึงแม้ตอนแรกจะเลือกผิดพลาดไปบ้าง..” พี่ชานยอลเปลี่ยนสีหน้ากลับมาร่าเริงต่อ นั่นสินะเขาควรทำความฝันการเป็นช่างภาพของตัวเองให้สำเร็จ ทำไมเขาต้องมาทนกับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองแบบนี้ด้วย 


    “…”


    “แล้วทำไมเซฮุนถึงอยากรีสตาร์ทชีวิตล่ะ?” 


    “ผมก็ว่าผมเลือกผิดพลาดมามาก ผมทำตามความฝันคนอื่น จนลืมไปเลยว่าตัวผมเองก็มีความฝัน” 


    “ความฝันของเซฮุนคืออะไร?” เป็นครั้งแรกที่มีคนถามถึงความฝันของเขา ผู้คนมากมายเอาแต่ชื่นชมสนใจในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ โดยหารู้ไม่ว่านี่ไม่ใช่ความฝันของเขา ใช่อยู่ ที่หน้าที่การงานของเขาค่อนข้างดี เขาเป็นผู้ทำบัญชี ตำแหน่งก็ดี เงินเดือนก็ดี แต่ทำไมกัน ทำไมเขารู้สึกไม่มีความสุข


    “ผมอยากเป็นช่างภาพครับ” นอกจากที่เคยบอกพ่อแม่เมื่อนานมาแล้ว ก็มีพี่ชานยอลนี่แหละที่ทำให้เขากล้าบอกความฝันจริงๆของตัวเอง เขามักอายไม่กล้าบอกใครว่าเขาอยากเป็นช่างภาพ เพราะคิดว่าตัวเองยังถ่ายรูปได้ไม่ดีพอ เขาไม่มีเวลาไปเดินถ่ายรูปเล่นเหมือนคนอื่น งานที่เขาทำมันยุ่งเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้


    “ว่าแล้ว ว่าเซฮุนชอบถ่ายรูป พี่เห็นเวลามาที่ร้านทีไรก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปวิวข้างนอกร้าน” 


    “พี่รู้ได้ยังไงกัน.. ผมอายนะเนี้ยยย” เขายิ้มตาหยีพลางหลบสายตาของชานยอล



    -ECCEDENTESIAST-



    ชานยอลมักเห็นเซฮุนที่ร้านเขาในตอนเช้า เซฮุนจะนั่งที่ประจำอยู่เสมอ เซฮุนไม่เคยเปลี่ยนที่เลย แล้วทุกๆครั้งเขามักเห็นเซฮุนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพร้อมหยิบกล้องโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป เซฮุนคงรักการถ่ายภาพมากเลยทีเดียว บางทีเขาก็สงสัยว่าจะถ่ายวิวเดิมๆไปทำไมกัน 


    “พี่สงสัยว่าทำไมถ่ายแต่วิวเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง” 


    “มันไม่เหมือนเดิมนะพี่ เดี๋ยวจะเปิดให้ดู” เซฮุนว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเลยขยับเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้ๆเซฮุนเพื่อดูรูปภาพในโทรศัพท์ 


    “เออจริงด้วย แสงมันคนละโทนเลย เพิ่งสังเกตนะเนี้ยว่าวิวร้านพี่ก็ดีไม่เบา ดีเหมือนหน้าตาพี่เลย” 


    “คนอะไรชมตัวเองก็เป็นด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เซฮุนเริ่มผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดของตัวเอง ชานยอลเพิ่งสังเกตว่าเซฮุนเวลาขำหรือยิ้มแล้ว จริงๆก็หน้าตาน่ารักใช่เล่น ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลา เวลานี้เขาต้องให้คำแนะนำกับน้องสิ


    “พี่ว่าถ้าอะไรที่เซฮุนคิดว่ามันไม่ใช่ก็เดินออกมาไหม ฝืนไปก็ไม่มีความสุข” เขาเห็นหน้าอมทุกข์ของเซฮุนอยู่บ่อยครั้งเวลานั่งจิบกาแฟคนเดียว เซฮุนมักทำตัวร่าเริงเพื่อกลบปัญหาเหล่านี้ไว้ 


    “…”


    “พี่เห็นเซฮุนยิ้มร่าเริงทุกครั้งที่ถ่ายรูปนะ ถึงจะไม่บ่อยก็เถอะ ถ้ามีความสุขกับอะไรก็ทำสิ อย่าให้ตัวเองมานั่งรู้สึกเสียดายตอนหลัง”


    “แล้วพ่อแม่ล่ะครับ พวกท่านต้องไม่พอใจผมแน่ๆ” เซฮุนว่าพร้อมกับก้มหน้างุด


    “เซฮุนได้ทำตามความฝันของพ่อแม่แล้ว เซฮุนยอมอดทนเรียนบัญชีมาตั้ง 4 ปี แถมยังมาทำงานในสายนี้ต่ออีก เซฮุนก็เชื่อฟังพวกท่านมาโดยตลอดนิ” 


    “…”


    “เซฮุนเองก็มีความฝันของตัวเอง อย่าให้ความต้องการ ความคาดหวังจากคนรอบข้างมาบังคับจิตใจเราสิ ความฝันของเซฮุนก็สำคัญนะอย่าลืมสิ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับลูบหัวเซฮุนเบาๆ เมื่อเห็นหน้าน้องกำลังจะร้องไห้แล้ว 


    “นั่นสินะครับ” เซฮุนปาดน้ำใสใสที่ไหลออกมาจากหางตาเบาๆ 




    -ECCEDENTESIAST-



    เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เซฮุนรู้สึกสบายใจที่ได้เล่าปัญหาของตัวเองให้คนอื่นฟัง เขามักเก็บปัญหาไว้ในใจอยู่คนเดียว พี่ชานยอลทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่ได้พูดมันออกไป พี่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันนี่นา อย่างที่พี่เขาบอก ตัวเขาเองต้องก้าวออกมาจากความฝันคนอื่นได้แล้ว เขาควรได้มีโอกาสทำตามความฝันตัวเองอย่างจริงๆจังๆเสียที 


    “พี่เชื่อว่าพวกท่านจะเข้าใจเซฮุน”

    “ขอบคุณนะครับ พี่ชานยอล” ขอบคุณที่ทำให้เขาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันนานเท่านี้มาก่อน แต่เขากลับกล้าเล่าความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายฟัง ขอบคุณที่ทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่ประสบปัญหาเหล่านี้ ขอบคุณที่ให้คำแนะนำดีๆที่จะทำให้เขาก้าวไปตามความฝันของตัวเขาเอง 


    “ไม่เป็นไรหน่า มีอะไรก็บอกพี่ได้เสมอ ถึงพี่จะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ก็พร้อมรับฟังเสมอนะ” คำพูดของพี่ชานยอลทำให้เขาเผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว 


    “นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวจะรบกวนพี่เปล่าๆ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขาพูดเมื่อเปิดหน้าจอโทรศัพท์และตกใจเมื่อพบว่าเวลาได้ผ่านล่วงเลยมามากพอสมวร


    “ไม่รบกวนเลย ขอบคุณเซฮุนเหมือนกันที่ทำให้พี่ได้เล่าเรื่องของตัวเองมั่ง นี่ไม่เคยเล่าที่ไหนเลยนะ ที่นี่ที่เดียว! รอบเดียวด้วย!” พี่ชานยอลพูดเสียงดังพร้อมกับชูมือขึ้นฟ้า เหมือนท่าของซุปเปอร์แมนตอนกำลังจะบิน 


    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เมากลิ่นกาแฟจนเสียสติไปแล้วหรอครับ” 


    พี่ชานยอลมักสร้างเสียงหัวเราะให้ลูกค้าเสมอ เขารู้สึกว่าเขากับพี่ชานยอลมีอะไรเหมือนกันเลย นั่นก็คือเราทั้งคู่มักร่าเริงเพื่อกลบความเศร้า ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้ความเศร้าลดลง เขาค้นพบว่าการได้เล่าให้ใครซักคนที่พร้อมรับฟังเราจริงๆทำให้เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความทุกข์เริ่มน้อยลง สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือแก้ปัญหาอย่างที่พี่ชานยอลว่า


    “รีบกลับเถอะเดี๋ยวดึกแล้วอันตรายเอานะ ให้พี่เดินไปส่งที่รถไฟใต้ดินไหม” พี่ชานยอลว่าพลางหยิบหมวกมาใส่


    “ไม่เป็นไรผมเกรงใจพี่” เขาบอกปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจ ถึงแม้เขาจะอยากมีเพื่อนร่วมเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ตามที


    “เกรงจงเกรงใจอะไรกัน ไปเร็ว” พี่ชานยอลจับมือเขาและฉุดให้ลุกขึ้น 


    “…” เขาลุกขึ้นตามแรงฉุดของพี่ชานยอล


    “พี่ขอปิดร้านแปปนึงนะ” พี่เขาเดินไปปิดไฟหลังร้านแล้ว มาล๊อคประตูข้างหน้าร้าน


    “ครับ ผมรอได้”


    ถึงแม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่อากาศก็ยังคงหนาวเย็นไม่ใช่น้อยเขาถูมือตัวเองไปมาเพื่อให้อุ่นขึ้นบ้าง ถนนทางเดินยังคงเปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เพิ่งหยุดตกไปได้ไม่นาน มีกลิ่นของไอฝนเบาๆ เขามองขึ้นฟ้า ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ไม่สามารถมองเห็นดาวได้เลย เนื่องจากเมฆเต็มไปหมด


      “เห็นว่าหนาว” พี่ชานยอลเอามืออุ่นๆมากุมมือเขาไว้ เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันทำให้เขาอุ่นขึ้นพอตัวเลยแหละ 


    “อุ่นขึ้นเยอะเลยครับ” เขาพูดพร้อมหันหน้าไปทางอื่น เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย 


    ระหว่างทางพี่ชานยอลก็ชวนคุยนู่นคุยนี่ เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้มาก



    -ECCEDENTESIAST-



    ถึงสถานีรถไฟใต้ดินแล้ว แต่ชานยอลยังคงไม่ปล่อยมือเซฮุน เขาไม่อยากจะกลับบ้านเลย เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก 


    “เดี๋ยวพี่นั่งรถไปเป็นเพื่อน พี่ยังไม่ค่อยอยากกลับบ้านซักเท่าไหร่ ไม่มีอะไรทำ เหงาๆเบื่อๆ อยากนั่งรถเล่น” เขาแอบกังวลนิดนึงว่าเซฮุนจะปฏิเสธไม่ให้เขาไปส่งที่บ้าน จริงๆแล้วตอนแรกวันนี้เขาตั้งใจกลับไปดูหนังที่ดูค้างไว้เมื่อคืน แต่ตอนนี้ความอยากดูหนังได้ลดลงไปแล้ว มีแต่ความอยากอยู่ใกล้เซฮุนที่เพิ่มขึ้นเนี้ยสิ เขารู้สึกเป็นห่วงน้องอย่างบอกไม่ถูก


    “อ-เอ่อ.. เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมก็อยากมีเพื่อนนั่งรถไฟไปด้วยพอดี” ดีใจ เขาดีใจที่เซฮุนให้เขาไปส่ง 


    “งั้นพี่ไปซื้อบัตรก่อนนะ ไม่ได้ขึ้นมาตั้งนานมากแล้ว” ปกติชานยอลมักจะปั่นจักรยานกลับบ้าน เนื่องจากบ้านของเขากับร้านกาแฟห่างกันไม่เท่าไหร่


    “ครับ” เซฮุนยืนรอเขาอยู่แถวๆเครื่องซื้อบัตร 


    “ได้มาแล้ว ไปกันเถอะ” เขากลับมาจับมือกับเซฮุน ราวกับว่ากลัวมือเรียวนี้จะหายไป 


    เพราะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วจึงทำให้ ในรถไฟฟ้าใต้ดินแทบไม่มีคนอยู่เลยก็ว่าได้ บ้านของเซฮุนอยู่ค่อนข้างไกล เกือบจะสุดสายของสถานีเลยก็ว่าได้ 


    “ฟังเพลงด้วยกันไหมครับ?” เซฮุนหันมาหาเขาพร้อมยื่นหูฟังอีกข้างที่ไม่ได้เสียบในหูของเซฮุนมาให้เขา 


    ​“เอาสิ ในนี้มันเงียบไปหน่อย” เขาว่าพลางหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หู


    “ปกติเวลาผมมาคนเดียว ผมชอบฟังเพลงเลยติดนิสัยต้องฟังเพลงตอนนั่งรถไฟ” 


    “วันหลังให้พี่มาส่งไหมจะได้ไม่เหงาไง”


    “จะดีหรอครับ ลำบากพี่เปล่าๆ” เซฮุนว่าพร้อมกับเบะปาก


    “ไม่ลำบากหรอกหน่า” จะลำบากได้ไง ในเมื่อเขาอยากจ้องหน้าคนข้างๆให้นานที่สุด 


    “งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” เซฮุนกล่าวพร้อมกับยิ้มจนตาเป็นสระอิ 


    ซักพักปาร์ค ชานยอลก็รู้สึกอะไรหนักๆที่ไหล่ เขาหันไปมองก็พบว่าเซฮุนได้นอนซบไหล่เขาไปเสียแล้ว สงสัยคงเหนื่อยมากสินะ เขามองหน้าเซฮุนแล้วลอบยิ้มเบาๆ คงจะดีไม่น้อยถ้าได้เห็นหน้าเซฮุนตอนหลับทุกวันแบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถึงสถานีที่เซฮุนจะต้องลงแล้ว 


    “เซฮุน เซฮุน” เขาเขย่าตัวเซฮุนเบาๆเพื่อปลุกเซฮุน


    “…อ-อ้าว ถึงแล้วหรอครับ” เซฮุนรีบยกหัวออกจากไหล่เขา


    “ถึงแล้วล่ะ” 


    “ผมนอนพิงไหล่พี่ พี่คงจะหนักแย่ ขอโทษนะครับ”


      “หนักอะไรกัน ปะปะลุกๆเดี๋ยวออกไม่ทันนะ” เขาว่าพลางลากเซฮุนออกจากขบวนรถไฟ เขาและเซฮุนเดินลงบันไดไปพร้อมกัน 


    “ขอบคุณนะครับ” 


    “ขอบคุณอะไรกัน”


    “ขอบคุณที่มาส่งผม และก็ขอบคุณที่พี่รับฟังผม ผมสบายใจขึ้นเยอะมากๆเลย” เซฮุนพูดไปเกาท้ายทอยไป สีหน้ายังคงเหมือนคนไม่ตื่นเต็มที่ 




    -ECCEDENTESIAST-



    เซฮุนโบกมือลาชานยอลพร้อมกับหันหลังเดินไปยังประตูทางออกของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่อยู่ดีๆพี่ชานยอลก็วิ่งมากอดเขาจากข้างหลัง เขาตกใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขายังคงยืนให้พี่ชานยอลกอด ความอบอุ่นจากตัวพี่เขาได้แผ่ซ่านมายังตัวเขาเอง เขาหันหลังกลับไปกอดพี่ชานยอลตอบ 


    “ขออยู่แบบนี้ซักพักนะ..” พี่ชานยอลเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขาเองก็ไม่อยากจะผละออกจากอ้อมกอดนี้เช่นกัน เขารู้สึกทั้งสบายใจ ทั้งอบอุ่น ถึงแม้จะได้คุยจริงๆจังๆกันแค่วันเดียว แต่เขารู้สึกเหมือนว่าเขาไว้ใจพี่ชานยอลเอามากๆ พี่เขาเป็นคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้


    ทั้งคู่ผละออกจากการกอดกันและกัน หลังจากที่กอดกันมานานพอสมควร 


    “เดินกลับบ้านดีๆนะเซฮุน” พี่ชานยอลโบกมือบ้ายบายเขา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม


    “พี่ก็ด้วยนะ อย่านั่งเลยป้ายล่ะ” เขาว่าพร้อมส่งยิ้มให้พี่ชานยอล


    พี่ชานยอลอยู่รอจนเขาเดินไปไกลแล้วจึงกลับไปขึ้นรถไฟ


    หรือวันนี้อาจจะไม่ใช่วันโชคร้ายของเขาก็ได้ เขากลับรู้สึกดีใจที่วันนี้ฝนตกลงมาดื้อๆ ทำให้เขาได้มีโอกาสนั่งคุยกับพี่ชานยอล


    วันนี้เขาอาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้



    -ECCEDENTESIAST-


    TBC.





    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×