คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ❀ ECCEDENTESIAST | Part 1
ECCEDENTESIAST
-someone who hides pain behind a smile-
หงุดหงิด !
หงุดหงิด !
หงุดหงิด !
หงุดหงิดคงเป็นคำเดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของโอ เซฮุนได้ วันนี้ทั้งไปทำงานสายเพราะนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมไม่ดัง โดนลูกค้าด่า พอเลิกงานจะรีบกลับบ้านซักหน่อย แต่ฝนก็ดันตกลงมาเสียดื้อๆ ร่มก็ไม่ได้พกมา ไหนกรมอุตุบอกว่าวันนี้แดดออกจ้าไง แย่จริงๆ หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิดดดดดด เอาหน่าเซฮุน หายใจเข้าลึกๆ แวะร้านกาแฟร้านโปรดข้างๆที่ทำงานก่อนล่ะกัน ฝนหยุดเมื่อไหร่ค่อยนั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน ขืนเขาวิ่งฝ่าฝนไปตอนนี้สภาพคงไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำซักเท่าไหร่
“อ้าว เซฮุนปกติจะรีบกลับบ้านไม่ใช่หรอ วันนี้อารมณ์ไหนเนี้ย” พี่ชานยอลเจ้าของร้านกาแฟร้านประจำของเซฮุนเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ใช่ ปกติเขาจะดื่มกาแฟแค่ตอนเช้าก่อนเข้าที่ทำงาน แล้วพอเลิกงานเขาก็จะรีบกลับบ้าน แต่วันนี้เกินเหตุสุดวิสัย ฝนดันตกลงมาดื้อๆ ตอนบ่ายๆยังแดดจ้าอยู่เลย วันนี้เขาต้องเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกเลยแน่ๆ
“พี่เห็นสภาพข้างนอกไหมล่ะครับ ถามมาได้ ผมจะกลับบ้านได้ยังไงกัน”
“พี่ลืมไปเลยว่าฝนตก ไปนั่งก่อนสิ เอาเหมือนเดิมใช่ไหม”
เซฮุนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหันหลังไปนั่งที่ประจำของตนเองที่นั่งอยู่ทุกเช้า ร้านกาแฟตอนเย็นๆนี่มันสงบอย่างนี้นี่เอง ปกติตอนเช้าที่เขามาดื่มกาแฟก่อนเข้าที่ทำงานคนจะพลุกพล่านเสียงคุยดังจนไม่สามารถจับใจความได้ แต่ในเวลานี้มันช่างสงบอะไรแบบนี้ ที่ประจำของเขาคือโต๊ะริมหน้าต่าง ซึ่งมีอยู่เพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น เป็นโต๊ะที่วิวดีที่สุดในร้านเลยก็ว่าได้ ร้านกาแฟของพี่ชานยอลไม่ใหญ่มาก เป็นเพียงร้านเล็กๆมีโต๊ะอยู่เพียงไม่กี่ตัว แต่ถึงกระนั้นตอนเช้าถึงเที่ยงคนก็เข้าออกร้านไม่หยุด นั่นเป็นเพราะฝีมือการชงกาแฟของพี่เขาเทพมากๆ เซฮุนขอรับประกัน อร่อยจริง! ตื่นจริง!
บรรยากาศข้างนอกฝนยังตกไม่หยุดหย่อน ทำให้กระจกเป็นฝ้าเล็กน้อย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้วิวข้างนอกสวยลดลงเลย เซฮุนยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป เขาเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก จริงๆแล้วความฝันของโอ เซฮุน คือการได้เป็นช่างภาพ แต่ที่บ้านเขากลับอยากให้เขาเรียนบัญชี ทำให้ชีวิตตอนนี้ต้องมาติดแหง่กกับบริษัทนี่ ทุกครั้งที่เขาอยู่คนเดียวเขามักถามตัวเองเสมอว่าเขาคิดถูกแล้วหรือ กับการที่เรียนตามความฝันพ่อแม่ คิดทีไรเขาก็เศร้าทุกที
“คาปูชิโน่ร้อนๆมาแล้ว” เสียงของชานยอลทำให้เขาหลุดจากภวังค์
“ขอบคุณครับ” กาแฟของเขาได้มาเสริฟวางบนโต๊ะแล้ว
อากาศหนาวจนเขาอยากจะเอากาแฟราดตัวให้รู้แล้วรู้รอด เซฮุนเอามืออังแก้วกาแฟแล้วเอามือมาอังแก้มของตัวเอง
“หนาวหรอเซฮุน” ชานยอลถามขึ้นเมื่อเห็นเซฮุนเอาแต่นั่งตัวสั่นถูมือไปมา
“ร้อนมั้งครับพี่ ถามมาได้ คนเรา กระจกร้านพี่นี่เย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว”
“กวนจริงๆเด็กคนนี้ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าห่มมาให้เอาไหม” ชานยอลถามพลางเดินไปหยิบผ้าห่มหลังร้านมาให้เซฮุน
“ก็ดีครับ ผมหนาวมาก”
-ECCEDENTESIAST-
ชานยอลเดินกลับมาพร้อมผ้าห่มสองผืนก่อนจะล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเซฮุน เขายื่นผ้าห่มสีฟ้าให้กับเซฮุน ก่อนที่เซฮุนจะรับผ้าห่มไว้แล้วนำไปห่อตัว ส่วนตัวเขาเองก็ห่อตัวเองในผ้าห่มเช่นกัน เขาเพิ่งได้มีโอกาสมานั่งมองหน้าเซฮุนชัดๆก็วันนี้แหละ เพราะปกติเซฮุนมักมาที่ร้านเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น และตอนเช้าคนก็พลุกพล่านเต็มไปหมด เขาจึงไม่มีเวลามานั่งคุยนานๆกับเซฮุน ทั้งๆที่ปกติเด็กนี่จะร่าเริงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและคอยกวนเขาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาสังเกตเห็นหน้าเซฮุนเต็มไปด้วยความเศร้า
เซฮุนในผ้าห่มเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในมือถือแก้วกาแฟที่ยังไม่พร่องไปจากเดิมเท่าไหร่
“วันนี้พี่ชงไม่อร่อยหรอ” เขาเอ่ยถามเซฮุน
“…” แต่ดูเหมือนเซฮุนจะไม่ได้ยินเขา น้องยังคงเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
“เซฮุน นี่เซฮุน” เขาโบกมือไปมาที่หน้าเซฮุน
“ค-ครับ เมื่อกี๊พี่ว่าไงนะครับ”
“พี่ถามว่าวันนี้พี่ชงไม่อร่อยหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” เซฮุนตอบพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม “ถ้ากาแฟพี่ไม่อร่อยอย่างนั้นร้านอื่นคงขายไม่ได้แล้ว”
“พูดเว่อร์ไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาพยายามทำให้เซฮุนขำแต่เด็กนั่นยังหันกลับไปเหม่อออกไปนอกกระจกร้านต่อ
“…”
“…”
“…”
“เซฮุนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ พี่สัญญาจะเก็บเป็นความลับสุดยอด” เขาพูดพร้อมทำท่ารูดซิปที่ปาก
“พี่เคยอยากกลับไปรีสตาร์ทชีวิตใหม่ไหมครับ?” เซฮุนยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
“..เคยสิ” เขาตอบพร้อมพยักหน้าเบาๆ เขาเงียบไปพักใหญ่นึกถึงเรื่องในอดีตของตัวเอง
จริงๆแล้วกว่าชานยอลจะได้มีโอกาสทำตามความฝันของตัวเอง เขาเองก็ตัดสินใจผิดพลาดมาก่อน เขารักในการทำกาแฟมาแต่ไหนแต่ไร แต่ค่านิยมมาบดบังความฝันของตัวเขาเอง เขาทนเรียนสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองมาตลอด 4ปี ใช่ เขาอึดอัดมาก แล้วพอจบมาเขาก็ทนทำงานในสิ่งที่เขาไม่ได้รักมาตั้งหลายปี จนวันหนึ่งเขาทนไม่ไหวจึงลาออก เขายอมทิ้งตำแหน่งใหญ่โตและเงินเดือนสูงๆ เพื่อมาทำตามความฝันของตัวเอง ถึงรายได้จะไม่มากแต่ก็พออยู่ได้ ก็จริงอยู่ที่ตอนแรกพ่อแม่ของเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอเวลาผ่านไปพวกท่านก็เข้าใจว่าเขาได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว
-ECCEDENTESIAST-
เซฮุนไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งคุยกับพี่ชานยอลอย่างจริงจังซักครั้งเลย เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่ชานยอลทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น พี่ชานยอลมักเป็นคนร่าเริง ยิ้มตลอดเวลา แล้วก็คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ลูกค้าอยู่เสมอ เขาถามอะไรผิดไปงั้นหรอ ได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
“เฮ้ ถ้าพี่ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่านะครับ” เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของพี่ชานยอลเขาจึงกล่าวออกไป
“…ก่อนพี่จะมาเปิดร้านกาแฟ พี่เคยเลือกเรียนสิ่งที่ไม่ใช่มาก่อน พี่ทนเรียนมานานมาก ทั้งๆที่พี่รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่พี่ถนัดเลย แต่พี่ก็ยังดันทุรังเรียนจนจบ เพื่อให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ พี่คิดว่ามันคงไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ไม่ใช่เลย มันเลวร้ายมาก พี่ต้องมาทำงานต่อในสายงานที่พี่จบมา มันยากกว่าที่คิด พี่ไม่มีความสุขเลย ตอนแรกพี่คิดว่าถ้ามีเงินคงจะมีความสุขเองแหละ แต่พี่คิดผิด เงินมันซื้อความสุขไม่ได้ วันหนึ่งพี่เลยมาคิดว่าเราจะเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราไปทำไม ทำไมไม่มาทำตามความฝันเราล่ะ เรามีแค่ชีวิตเดียวใช้ให้คุ้ม ถ้าพี่ได้มีโอกาสรีสตาร์ทชีวิตใหม่ได้ก็คงจะดี พี่จะเรียนในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่ชอบ พี่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่มาตั้งหลายปี” ชานยอลเริ่มเล่าออกมายาวเหยียดพร้อมทำสีหน้าจริงจัง นี่หรือพี่ชานยอล เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภายใต้ความร่าเริงของพี่เขาจะมีเรื่องเศร้าๆอยู่ด้วย แต่ใช่นี่แหละ คนที่เจอปัญหาเดียวกับเราเลย!!!!! นั่นสินะ ทำไมเราไม่ทำตามความฝันตัวเอง ชีวิตก็เป็นของเรา
“…” เขาเงียบไปพักใหญ่ เขาเข้าใจดีเลยแหละในสิ่งที่พี่ชานยอลเจอมาก่อน
“แต่พี่ก็คิดแค่ว่าตอนนี้สิ่งที่พี่ได้ทำคือตามความฝันตัวเองแล้ว ถึงแม้ตอนแรกจะเลือกผิดพลาดไปบ้าง..” พี่ชานยอลเปลี่ยนสีหน้ากลับมาร่าเริงต่อ นั่นสินะเขาควรทำความฝันการเป็นช่างภาพของตัวเองให้สำเร็จ ทำไมเขาต้องมาทนกับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองแบบนี้ด้วย
“…”
“แล้วทำไมเซฮุนถึงอยากรีสตาร์ทชีวิตล่ะ?”
“ผมก็ว่าผมเลือกผิดพลาดมามาก ผมทำตามความฝันคนอื่น จนลืมไปเลยว่าตัวผมเองก็มีความฝัน”
“ความฝันของเซฮุนคืออะไร?” เป็นครั้งแรกที่มีคนถามถึงความฝันของเขา ผู้คนมากมายเอาแต่ชื่นชมสนใจในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ โดยหารู้ไม่ว่านี่ไม่ใช่ความฝันของเขา ใช่อยู่ ที่หน้าที่การงานของเขาค่อนข้างดี เขาเป็นผู้ทำบัญชี ตำแหน่งก็ดี เงินเดือนก็ดี แต่ทำไมกัน ทำไมเขารู้สึกไม่มีความสุข
“ผมอยากเป็นช่างภาพครับ” นอกจากที่เคยบอกพ่อแม่เมื่อนานมาแล้ว ก็มีพี่ชานยอลนี่แหละที่ทำให้เขากล้าบอกความฝันจริงๆของตัวเอง เขามักอายไม่กล้าบอกใครว่าเขาอยากเป็นช่างภาพ เพราะคิดว่าตัวเองยังถ่ายรูปได้ไม่ดีพอ เขาไม่มีเวลาไปเดินถ่ายรูปเล่นเหมือนคนอื่น งานที่เขาทำมันยุ่งเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้
“ว่าแล้ว ว่าเซฮุนชอบถ่ายรูป พี่เห็นเวลามาที่ร้านทีไรก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปวิวข้างนอกร้าน”
“พี่รู้ได้ยังไงกัน.. ผมอายนะเนี้ยยย” เขายิ้มตาหยีพลางหลบสายตาของชานยอล
-ECCEDENTESIAST-
ชานยอลมักเห็นเซฮุนที่ร้านเขาในตอนเช้า เซฮุนจะนั่งที่ประจำอยู่เสมอ เซฮุนไม่เคยเปลี่ยนที่เลย แล้วทุกๆครั้งเขามักเห็นเซฮุนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพร้อมหยิบกล้องโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป เซฮุนคงรักการถ่ายภาพมากเลยทีเดียว บางทีเขาก็สงสัยว่าจะถ่ายวิวเดิมๆไปทำไมกัน
“พี่สงสัยว่าทำไมถ่ายแต่วิวเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“มันไม่เหมือนเดิมนะพี่ เดี๋ยวจะเปิดให้ดู” เซฮุนว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเลยขยับเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้ๆเซฮุนเพื่อดูรูปภาพในโทรศัพท์
“เออจริงด้วย แสงมันคนละโทนเลย เพิ่งสังเกตนะเนี้ยว่าวิวร้านพี่ก็ดีไม่เบา ดีเหมือนหน้าตาพี่เลย”
“คนอะไรชมตัวเองก็เป็นด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เซฮุนเริ่มผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดของตัวเอง ชานยอลเพิ่งสังเกตว่าเซฮุนเวลาขำหรือยิ้มแล้ว จริงๆก็หน้าตาน่ารักใช่เล่น ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลา เวลานี้เขาต้องให้คำแนะนำกับน้องสิ
“พี่ว่าถ้าอะไรที่เซฮุนคิดว่ามันไม่ใช่ก็เดินออกมาไหม ฝืนไปก็ไม่มีความสุข” เขาเห็นหน้าอมทุกข์ของเซฮุนอยู่บ่อยครั้งเวลานั่งจิบกาแฟคนเดียว เซฮุนมักทำตัวร่าเริงเพื่อกลบปัญหาเหล่านี้ไว้
“…”
“พี่เห็นเซฮุนยิ้มร่าเริงทุกครั้งที่ถ่ายรูปนะ ถึงจะไม่บ่อยก็เถอะ ถ้ามีความสุขกับอะไรก็ทำสิ อย่าให้ตัวเองมานั่งรู้สึกเสียดายตอนหลัง”
“แล้วพ่อแม่ล่ะครับ พวกท่านต้องไม่พอใจผมแน่ๆ” เซฮุนว่าพร้อมกับก้มหน้างุด
“เซฮุนได้ทำตามความฝันของพ่อแม่แล้ว เซฮุนยอมอดทนเรียนบัญชีมาตั้ง 4 ปี แถมยังมาทำงานในสายนี้ต่ออีก เซฮุนก็เชื่อฟังพวกท่านมาโดยตลอดนิ”
“…”
“เซฮุนเองก็มีความฝันของตัวเอง อย่าให้ความต้องการ ความคาดหวังจากคนรอบข้างมาบังคับจิตใจเราสิ ความฝันของเซฮุนก็สำคัญนะอย่าลืมสิ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับลูบหัวเซฮุนเบาๆ เมื่อเห็นหน้าน้องกำลังจะร้องไห้แล้ว
“นั่นสินะครับ” เซฮุนปาดน้ำใสใสที่ไหลออกมาจากหางตาเบาๆ
-ECCEDENTESIAST-
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เซฮุนรู้สึกสบายใจที่ได้เล่าปัญหาของตัวเองให้คนอื่นฟัง เขามักเก็บปัญหาไว้ในใจอยู่คนเดียว พี่ชานยอลทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่ได้พูดมันออกไป พี่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันนี่นา อย่างที่พี่เขาบอก ตัวเขาเองต้องก้าวออกมาจากความฝันคนอื่นได้แล้ว เขาควรได้มีโอกาสทำตามความฝันตัวเองอย่างจริงๆจังๆเสียที
“พี่เชื่อว่าพวกท่านจะเข้าใจเซฮุน”
“ขอบคุณนะครับ พี่ชานยอล” ขอบคุณที่ทำให้เขาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันนานเท่านี้มาก่อน แต่เขากลับกล้าเล่าความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายฟัง ขอบคุณที่ทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่ประสบปัญหาเหล่านี้ ขอบคุณที่ให้คำแนะนำดีๆที่จะทำให้เขาก้าวไปตามความฝันของตัวเขาเอง
“ไม่เป็นไรหน่า มีอะไรก็บอกพี่ได้เสมอ ถึงพี่จะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ก็พร้อมรับฟังเสมอนะ” คำพูดของพี่ชานยอลทำให้เขาเผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวจะรบกวนพี่เปล่าๆ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขาพูดเมื่อเปิดหน้าจอโทรศัพท์และตกใจเมื่อพบว่าเวลาได้ผ่านล่วงเลยมามากพอสมวร
“ไม่รบกวนเลย ขอบคุณเซฮุนเหมือนกันที่ทำให้พี่ได้เล่าเรื่องของตัวเองมั่ง นี่ไม่เคยเล่าที่ไหนเลยนะ ที่นี่ที่เดียว! รอบเดียวด้วย!” พี่ชานยอลพูดเสียงดังพร้อมกับชูมือขึ้นฟ้า เหมือนท่าของซุปเปอร์แมนตอนกำลังจะบิน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เมากลิ่นกาแฟจนเสียสติไปแล้วหรอครับ”
พี่ชานยอลมักสร้างเสียงหัวเราะให้ลูกค้าเสมอ เขารู้สึกว่าเขากับพี่ชานยอลมีอะไรเหมือนกันเลย นั่นก็คือเราทั้งคู่มักร่าเริงเพื่อกลบความเศร้า ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้ความเศร้าลดลง เขาค้นพบว่าการได้เล่าให้ใครซักคนที่พร้อมรับฟังเราจริงๆทำให้เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความทุกข์เริ่มน้อยลง สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือแก้ปัญหาอย่างที่พี่ชานยอลว่า
“รีบกลับเถอะเดี๋ยวดึกแล้วอันตรายเอานะ ให้พี่เดินไปส่งที่รถไฟใต้ดินไหม” พี่ชานยอลว่าพลางหยิบหมวกมาใส่
“ไม่เป็นไรผมเกรงใจพี่” เขาบอกปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจ ถึงแม้เขาจะอยากมีเพื่อนร่วมเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ตามที
“เกรงจงเกรงใจอะไรกัน ไปเร็ว” พี่ชานยอลจับมือเขาและฉุดให้ลุกขึ้น
“…” เขาลุกขึ้นตามแรงฉุดของพี่ชานยอล
“พี่ขอปิดร้านแปปนึงนะ” พี่เขาเดินไปปิดไฟหลังร้านแล้ว มาล๊อคประตูข้างหน้าร้าน
“ครับ ผมรอได้”
ถึงแม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่อากาศก็ยังคงหนาวเย็นไม่ใช่น้อยเขาถูมือตัวเองไปมาเพื่อให้อุ่นขึ้นบ้าง ถนนทางเดินยังคงเปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เพิ่งหยุดตกไปได้ไม่นาน มีกลิ่นของไอฝนเบาๆ เขามองขึ้นฟ้า ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ไม่สามารถมองเห็นดาวได้เลย เนื่องจากเมฆเต็มไปหมด
“เห็นว่าหนาว” พี่ชานยอลเอามืออุ่นๆมากุมมือเขาไว้ เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันทำให้เขาอุ่นขึ้นพอตัวเลยแหละ
“อุ่นขึ้นเยอะเลยครับ” เขาพูดพร้อมหันหน้าไปทางอื่น เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ระหว่างทางพี่ชานยอลก็ชวนคุยนู่นคุยนี่ เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้มาก
-ECCEDENTESIAST-
ถึงสถานีรถไฟใต้ดินแล้ว แต่ชานยอลยังคงไม่ปล่อยมือเซฮุน เขาไม่อยากจะกลับบ้านเลย เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวพี่นั่งรถไปเป็นเพื่อน พี่ยังไม่ค่อยอยากกลับบ้านซักเท่าไหร่ ไม่มีอะไรทำ เหงาๆเบื่อๆ อยากนั่งรถเล่น” เขาแอบกังวลนิดนึงว่าเซฮุนจะปฏิเสธไม่ให้เขาไปส่งที่บ้าน จริงๆแล้วตอนแรกวันนี้เขาตั้งใจกลับไปดูหนังที่ดูค้างไว้เมื่อคืน แต่ตอนนี้ความอยากดูหนังได้ลดลงไปแล้ว มีแต่ความอยากอยู่ใกล้เซฮุนที่เพิ่มขึ้นเนี้ยสิ เขารู้สึกเป็นห่วงน้องอย่างบอกไม่ถูก
“อ-เอ่อ.. เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมก็อยากมีเพื่อนนั่งรถไฟไปด้วยพอดี” ดีใจ เขาดีใจที่เซฮุนให้เขาไปส่ง
“งั้นพี่ไปซื้อบัตรก่อนนะ ไม่ได้ขึ้นมาตั้งนานมากแล้ว” ปกติชานยอลมักจะปั่นจักรยานกลับบ้าน เนื่องจากบ้านของเขากับร้านกาแฟห่างกันไม่เท่าไหร่
“ครับ” เซฮุนยืนรอเขาอยู่แถวๆเครื่องซื้อบัตร
“ได้มาแล้ว ไปกันเถอะ” เขากลับมาจับมือกับเซฮุน ราวกับว่ากลัวมือเรียวนี้จะหายไป
เพราะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วจึงทำให้ ในรถไฟฟ้าใต้ดินแทบไม่มีคนอยู่เลยก็ว่าได้ บ้านของเซฮุนอยู่ค่อนข้างไกล เกือบจะสุดสายของสถานีเลยก็ว่าได้
“ฟังเพลงด้วยกันไหมครับ?” เซฮุนหันมาหาเขาพร้อมยื่นหูฟังอีกข้างที่ไม่ได้เสียบในหูของเซฮุนมาให้เขา
“เอาสิ ในนี้มันเงียบไปหน่อย” เขาว่าพลางหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หู
“ปกติเวลาผมมาคนเดียว ผมชอบฟังเพลงเลยติดนิสัยต้องฟังเพลงตอนนั่งรถไฟ”
“วันหลังให้พี่มาส่งไหมจะได้ไม่เหงาไง”
“จะดีหรอครับ ลำบากพี่เปล่าๆ” เซฮุนว่าพร้อมกับเบะปาก
“ไม่ลำบากหรอกหน่า” จะลำบากได้ไง ในเมื่อเขาอยากจ้องหน้าคนข้างๆให้นานที่สุด
“งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” เซฮุนกล่าวพร้อมกับยิ้มจนตาเป็นสระอิ
ซักพักปาร์ค ชานยอลก็รู้สึกอะไรหนักๆที่ไหล่ เขาหันไปมองก็พบว่าเซฮุนได้นอนซบไหล่เขาไปเสียแล้ว สงสัยคงเหนื่อยมากสินะ เขามองหน้าเซฮุนแล้วลอบยิ้มเบาๆ คงจะดีไม่น้อยถ้าได้เห็นหน้าเซฮุนตอนหลับทุกวันแบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถึงสถานีที่เซฮุนจะต้องลงแล้ว
“เซฮุน เซฮุน” เขาเขย่าตัวเซฮุนเบาๆเพื่อปลุกเซฮุน
“…อ-อ้าว ถึงแล้วหรอครับ” เซฮุนรีบยกหัวออกจากไหล่เขา
“ถึงแล้วล่ะ”
“ผมนอนพิงไหล่พี่ พี่คงจะหนักแย่ ขอโทษนะครับ”
“หนักอะไรกัน ปะปะลุกๆเดี๋ยวออกไม่ทันนะ” เขาว่าพลางลากเซฮุนออกจากขบวนรถไฟ เขาและเซฮุนเดินลงบันไดไปพร้อมกัน
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรกัน”
“ขอบคุณที่มาส่งผม และก็ขอบคุณที่พี่รับฟังผม ผมสบายใจขึ้นเยอะมากๆเลย” เซฮุนพูดไปเกาท้ายทอยไป สีหน้ายังคงเหมือนคนไม่ตื่นเต็มที่
-ECCEDENTESIAST-
เซฮุนโบกมือลาชานยอลพร้อมกับหันหลังเดินไปยังประตูทางออกของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่อยู่ดีๆพี่ชานยอลก็วิ่งมากอดเขาจากข้างหลัง เขาตกใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขายังคงยืนให้พี่ชานยอลกอด ความอบอุ่นจากตัวพี่เขาได้แผ่ซ่านมายังตัวเขาเอง เขาหันหลังกลับไปกอดพี่ชานยอลตอบ
“ขออยู่แบบนี้ซักพักนะ..” พี่ชานยอลเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขาเองก็ไม่อยากจะผละออกจากอ้อมกอดนี้เช่นกัน เขารู้สึกทั้งสบายใจ ทั้งอบอุ่น ถึงแม้จะได้คุยจริงๆจังๆกันแค่วันเดียว แต่เขารู้สึกเหมือนว่าเขาไว้ใจพี่ชานยอลเอามากๆ พี่เขาเป็นคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้
ทั้งคู่ผละออกจากการกอดกันและกัน หลังจากที่กอดกันมานานพอสมควร
“เดินกลับบ้านดีๆนะเซฮุน” พี่ชานยอลโบกมือบ้ายบายเขา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่ก็ด้วยนะ อย่านั่งเลยป้ายล่ะ” เขาว่าพร้อมส่งยิ้มให้พี่ชานยอล
พี่ชานยอลอยู่รอจนเขาเดินไปไกลแล้วจึงกลับไปขึ้นรถไฟ
หรือวันนี้อาจจะไม่ใช่วันโชคร้ายของเขาก็ได้ เขากลับรู้สึกดีใจที่วันนี้ฝนตกลงมาดื้อๆ ทำให้เขาได้มีโอกาสนั่งคุยกับพี่ชานยอล
วันนี้เขาอาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
-ECCEDENTESIAST-
TBC.
ความคิดเห็น