ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] SuJu Yaoi

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] >KiHae< My Everything TheEnd**

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 51


    .

    .

    .

     

                มหาวิทยาลัยซึลกิ

     

                ทงเฮ วันนี้มาสายนะ ฮยอกแจทักเมื่อเห็นทงเฮเพิ่งเดินเข้าห้องโฮมรูมมา ซึ่งปกติทงเฮจะมาเช้ามาก

     

                เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ แล้วก็เหนื่อย ทงเฮตอบอย่างอ่อนระโหยโรยแรงแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆฮยอกแจแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

     

                ช่วงนี้ฉันเห็นแกไม่ค่อยดีเลย มีไรบอกฉันได้นะเพื่อน ฮยอกแจลูบหัวของทงเฮ

     

                อื้อ ขอบใจ

     

                ...

     

                ฮยอกแจ ฉันถามอะไรหน่อยสิ

     

                อะไรหรอทงเฮ เมื่อฮยอกแจได้ยินทงเฮพูดดังนั้นก็ละจากหนังสือตรงหน้าแล้วหันไปมองทงเฮที่ยกแขนขึ้นมาบนโต๊ะและใช้คางวางลงไปกับแขน พลางหลับตา

     

                เราใช้หัวใจหรือสมองรักกันแน่?

     

                คำถามนี้ทำให้ฮยอกแจขมวดคิ้ว พร้อมกับมองทงเฮอย่างพิจารณา

     

                จริงอยู่นะที่ว่า สมองสำคัญ แต่รู้อะไรมั้ย ว่าทำไมหัวใจ...ถึงสำคัญมากกว่านั้น...

     

                ...

     

                คนบางคนอาจอยู่ได้โดยไร้สมอง ซึ่งนั่นอาจจะควรเรียกว่าตายทั้งเป็น แต่ที่จริงถ้าเราไร้หัวใจต่างหาก นั่นถึงจะได้เรียกว่าตายอย่างแท้จริง แล้วเคยมีใครสั่งให้นายรักใครซักคนมั้ย ก็เปรียบกับคนสั่งนั่นแหละคือสมอง ส่วนนายคือหัวใจ หัวใจที่เลือกว่านายรักใคร มากกว่าที่จะให้คนอื่นสั่งให้รักไงล่ะ

     

                ฮยอกแจตอบทงเฮ อยากให้ทงเฮได้รู้ใจตัวเองมากขึ้น จะได้เลิกเจ็บปวดซะที

     

                ฉันไม่รู้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นเพราะใคร หรือว่าตัวฉันเองจะผิดรึเปล่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด

     

                ... ฉันเข้าใจ ...

     

                ...

     

                แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายสองคนต้องเลิกกัน ทั้งๆที่แต่ก่อนรักกันแทบตาย พอถามแก แกก็บอกว่าไม่รู้ พอถามไอ้แก้มนั่นมันก็บอกว่าแล้วแต่จะคิด ฉันล่ะอยากตายจริงๆฮยอกแจบ่น

     

                ฉันก็ไม่เข้าใจ... ว่าทำไมฉันยังเจ็บอยู่เวลาที่เห็นเค้าเดินกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งๆที่ตัวฉันก็ยังมีคนอยู่ข้างกายตลอดเวลา ฉันคอยคิดเสมอว่าฉันยังมีคนตั้งมากมายรออยู่ แต่ฉันก็ยังคอยแต่จะเฝ้ามองแค่เค้าคนเดียว

     

                ทงเฮ ฉันอยากจะบอกอะไรสักหน่อย คนเราน่ะ กว่าจะเจอรักที่ต้องการ รักที่โหยหา และรักที่เป็นรักแท้ มันยากมากเลยนะ บางทีเราอาจจะปล่อยมันไปโดยที่ไม่สนใจมันเลย ยอมรับความจริงซะเถอะว่านายน่ะ ...ยังรักคิบอมมันอยู่ และไม่เคยเลิกรักเลยแม้แต่วินาทีเดียว...

     

     

                พี่ฮีชอล!” ซองมินกระหืดกระหอบวิ่งมาที่ห้องของฮีชอลพร้อมฮยอกแจที่วิ่งตามมาข้างหลัง

     

                อะไรของแกเนี่ยเจ้ากระต่าย!?” ฮีชอลละสายตาจากหนังสือเรียนของเค้าแล้วหันมามองซองมินและฮยอกแจที่ทิ้งตัวนั่งข้างๆ

     

                ผมกะไอ้ไก่มีเรื่องจะมาบอก

     

                ว่า...?”

     

                ผมคิดว่าทงเฮยังรักคิบอมอยู่แน่เลยพี่ เป็นฮยอกแจที่เป็นคนบอกเอง ฮีชอลตาเหลือกแล้วหันมาถามความเป็นมาของเรื่องนี้ทันที ซึ่งฮยอกแจผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็ได้เรียบเรียงคำพูดแล้วบอกกับฮีชอล หลังจากฟังเรื่องจบ ฮีชอลก็กระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาฝาแฝดคู่ที่หน้าไม่เหมือนกันมองหน้ากันแบบงงๆ

     

                คิดอะไรของเค้าอีกล่ะ?

     

                ฮี่ๆ ดีเลย พี่ก็คิดว่าคิบอมมันก็ยังรักทงเฮเหมือนกันนะ พูดจบแล้วก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองได้เจอมาเหมือนกัน

     

    .

    .

    ......

     

                หลังจากที่ทงเฮไปเกาะนามิได้ไม่นาน ฮีชอลและคิบอมก็ได้มีโอกาสอยู่กับคิบอมแค่ 2 คน ฉะนั้นฮีชอลจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป (อะเฮ้ย! จิ้นไปไหน) วิ่งเข้าไปเกาะแขนคิบอมและถามอะไรหลายๆอย่าง

     

                ไอ้แก้มแตก แกมีอะไร งึมงำอะไรของแกบอกฉันไม่ได้รึไงย่ะ!?” หลังจากที่เค้าถามไปได้หลายคำถามแล้วคิบอมก็ได้แต่เงียบ และงึมงำอะไรในลำคออย่างเดียว

     

                ...และคิบอมก็ยังเงียบต่อไป

     

                ชิส์ ไอ้น้องบ้า!” ฮีชอลหมดความพยายาม กระแทกหลังลงที่พนักพิงโซฟาแล้วยกมือขึ้นกอดอก

     

                ผมเคยคิดว่า ... ชีวิตของผมมีอะไรหลายๆอย่างที่รออยู่ข้างหน้า ทั้งอนาคตและคนรัก แต่ความรัก ความผูกพันธ์ของผมที่มีให้กับใครบางคน มันไม่สามารถตัดขาดออกไปได้เลย...

     

                นาย...หมายถึงใครฮีชอลพอจะเดาออกว่าคิบอมหมายถึงใคร แต่ก็ถามลองเชิงเผื่อว่าคิบอมจะยอมบอกมาตรงๆ

     

                พี่คิดว่าใครก็คนนั้นแหละฮะ ตอบแบบขอไปที ซึ่งทำให้ฮีชอลทำหน้าเซ็งทันที

     

                เฮ้อ~ นายก็เป็นคนแบบนี้แหละ รู้มั้ยว่าเมื่อตอนที่นายคบกันน่ะ ทงเฮชอบมาพูดกับฉันอยู่เรื่อยว่ามันจะทำให้นายเลิกเย็นเป็นน้ำแข็งให้ได้ แล้วฉันก็ไม่คิดว่ามันจะทำได้จริงๆ ตอนนั้นทงเฮดีใจมาก โทรมาคุยอวดฉันใหญ่ และมันก็ทำได้พร้อมกับคำพูดของนายที่บอกเลิกมันไงล่ะ ฮีชอลพูดอมยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ทงเฮกระดี๊กระด๊าโทรมาคุยอวดว่าคิบอมน่ารักกับคนอื่นแล้ว และเพิ่งวางไปได้ไม่กี่นาที เค้าก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะทงเฮโทรมาอีกรอบ พร้อมร้องไห้ฟูมฟายกับคำบอกเลิกของไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้าเค้า

     

                ...

     

                ความรักและความผูกพันธ์ที่นายมีให้ใครสักคน ยิ่งนานไปก็ยิ่งรักและผูกพันธ์มากขึ้นเรื่อยๆ มันก็เหมือนด้ายบางๆเส้นหนึ่ง ที่ผูกเชื่อมระหว่างคนสองคนเข้าไว้ด้วยกัน และจำเป็นที่ต้องใช้เวลาผูกมัดกันให้เหนี่ยวแน่น จนยาก...ที่จะคลายออก

     

                ...

     

                และยอมรับได้แล้วนะ... ว่าหัวใจของนายน่ะ ทั้งรักทั้งผูกพันธ์กับทงเฮมันมาก จนด้ายบางๆเส้นนั้น เปลี่ยนเป็นเชือกหนาๆที่ไม่มีวันคลายออกแล้วล่ะ

     

    ......

    .

    .

     

                หูย~ ประโยคนี้คมมากเลยพี่ หลังจากที่ฮีชอลพูดจบแล้วซองมินก็มีโอกาสพูดต่อทันที

     

                แน่นอน ฮีชอลซะอย่าง พูดอย่างภูมิใจ

     

                ผมอยากให้มันคืนดีกันเร็วๆอ่ะ นับวันทงเฮมันก็ยิ่งคบคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะฮยอกแจกล่าว

     

                แบบที่รถไฟไม่ชนกันด้วยนะพี่ ถึงจะชนกันมันก็คงไม่แคร์หรอกมั้ง เนอะฮยอกแจ ซองมินบอกต่อแล้วหันไปขอความเห็นจากฮยอกแจ ซึ่งฮยอกแจก็พยักหน้ารับทันที

     

                พี่ว่าเราคงจะต้องทำอะไรกันซักอย่างแล้ว ว่าแล้วฮีชอลก็จัดการบอกแผนการของเค้าที่คิดได้สดๆ ย้ำว่าสดๆ!! กับฝาแฝดคู่นี้แล้วให้ทั้งสองคนไปบอกกับคนอื่นๆยกเว้นคิบอมกับทงเฮ ไม่งั้นก็เสียแผนหมดน่ะซี๊~

     

                กาลเวลาผ่านไป วันนี้ก็เป็นงานมหาลัยแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่วงดนตรีของมหาลัยได้ขึ้นแสดงซักที การแสดงดนตรีนี้ถูกจัดขึ้นที่โดมใหญ่ใจกลางมหาวิทยาลัยซึลกิ เป็นโดมที่กว้างและสูงมาก ข้างในเป็นที่นั่งเหมือนอยู่ในเวทีคอนเสิร์ต จะมีแสงไฟและสปอร์ตไลท์ส่องเฉพาะบนเวทีหรือส่องเฉพาะหน้านักร้องเท่านั้น

     

                อันยอง~ สวัสดีครับ นิสิตนักศึกษาทุกคน ผมโจฮันกยองครับ รับหน้าที่เป็นพิธีกร เอ๊ะ! หรือเรียกว่าเปลี่ยนหน้าที่ดีล่ะ ฮันกยองเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อฆ่าเวลาขณะที่นักร้องและนักดนตรีเตรียมตัว เสียง กรื้ดกร๊าดดังขึ้นเมื่อฮันกยองพูดจบ

     

                และวันนี้นะครับ เรามีนักร้องรับเชิญคนหนึ่งซึ่งจะมาเป็นนักร้องเซอร์ไพร์สให้กับวงเราด้วย และในเวลานั้นเอง

     

                คิบอม เร็วๆซี่ จะได้เวลาแล้วนะ เรียววุคผู้ซึ่งอยู่ในแผนการณ์ได้ลากแขนของคิบอมให้มายังจุดนัดหมายหน้าเวที หลังของคิบอมมีชินดงคอยดันอยู่ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งก็มีคยูฮยอนคอยลากด้วยเช่นกัน

     

                จะรีบไปไหนกันเล่า นักร้องยังไม่ขึ้นซะหน่อย เมื่อมาถึงที่หมายคิบอมก็บ่นทันที

     

                อ๊า~ ทันพอดี ฮีชอลเจ้าของแผนการณ์พูดขึ้นอย่างดีใจ จนคิบอมอดสงสัยไม่ได้ว่า

     

                พวกนี้เค้าเป็นอะไรกันนักหนาเนี่ย

     

                เอาล่ะครับ นักร้องเซอร์ไพร์สของเราและนักดนตรีพร้อมแล้ว เชิญทุกท่านรับฟังได้เลยครับ ฮันกยองพูดอีกรอบเมื่อสังเกตเห็นลีทึกส่งสัญญาณมาให้ว่าพร้อมแล้ว

     

                เสียงดนตรีดังขึ้นเบาๆตามด้วยเสียงคนร้องดังขึ้นต่อมา เพลงที่นักร้องเลือกด้วยตัวเอง ถึงมันจะออกเศร้าๆไปหน่อย แต่ใครจะไปคิดว่ามันช่างเข้ากับแผนการของฮีชอล

     





                ทุกครั้งคุณเคยมีความจริงที่ปิดบังไม่มีใครรู้

                ไม่ว่าเรื่องจะเล็กหรือใหญ่
                เก็บซ่อนไว้ภายใน
                เจอใครก็ต้องทำเป็นเฉย
                เรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเปิดเผย
                คือสิ่งที่ฉันนั้นเป็นอยู่

                เป็นความจริงที่ไม่อยากให้มันเป็นจริง
                ต่อให้ฉันนั้นทำทุกสิ่งเค้าก็ไม่หันกลับมามองดู

                อยากจะขอสักอย่าง อยากขอร้องสักอย่าง
                อยากจะขอให้เหลือหนทางให้ฉันนั้นเดินได้อยู่
                โปรดอย่าถามกันเลย อย่าเพิ่งถามฉันเลย
                เรื่องราวของเราทั้งคู่

                ไม่อยากจะพูดจะบอก
                ไม่มีเหตุผลจะตอบ ฉันเองยังไม่เคยคาดคิด
                ไม่เคยรู้

                เขาไม่รักฉันแล้ว ที่ฉันรู้

                น้ำข้างในดวงตา มันคอยเอ่อมาเวลามีคำถาม
                เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อไร เหตุผลนั้นเป็นยังไง
                อยากจะอยู่ลำพังเฉยเฉย
                ไม่กล้าที่จะเปิดเผย ...
                เพราะฉันเองก็เสียใจอยู่

                เพราะความจริง ที่ไม่อยากให้มันเป็นจริง
                ต่อให้ฉันนั้นทำทุกสิ่งเธอก็ไม่หันกลับมามองดู

                อยากจะขอสักอย่าง อยากขอร้องสักอย่าง
                อยากจะขอให้เหลือหนทางให้ฉันนั้นเดินได้อยู่
                โปรดอย่าถามกันเลย อย่าเพิ่งถามฉันเลย
                เรื่องราวของเราทั้งคู่

     

                ไม่อยากจะพูดจะบอก
                ไม่มีเหตุผลจะตอบ ฉันเองก็ไม่เคยคาดคิด
                ไม่เคยรู้

                เขาไม่รักฉันแล้ว ที่ฉันรู้

                ฉันไม่รู้มันเกิดขึ้นเมื่อไร
                ฉันไม่รู้ต้นเหตุเพราะใคร
                ฉันไม่รู้ฉันผิดหรือไม่
                ฉันนั้นยังไม่รู้

     

                โฮ้ว... ไม่ได้รอให้ฉันถาม ไม่ได้รอให้ฉันพยายาม

                ฉันไม่เคยรู้ ฉันไม่เคยรู้ โฮ้...

     

                อยากจะขอสักอย่าง อยากขอร้องสักอย่าง
                อยากจะขอให้เหลือหนทางให้ฉันนั้นเดินได้อยู่
                    โปรดอย่าถามกันเลย โปรดอย่าถามฉันเลย
                เรื่องราวของเราทั้งคู่

     

                ไม่อยากจะพูดจะบอก
                ไม่มีเหตุผลจะตอบ โฮ้~ ฉันนั้นก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับฉัน

                ไม่เคยรู้

                เขาไม่รักฉันแล้ว ที่ฉันรู้



                ใช่แล้ว นักร้องเซอร์ไพร์สที่ว่านี่คือทงเฮ ทงเฮร้องเพลงนี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้าและเสียงสั่นๆ สายตาเหลือบไปเห็นคิบอมที่จ้องมองเค้าอยู่ เพลงที่เค้าขับร้องออกมาจากใจของเค้า ส่งผ่านโดยตรงถึงคิบอม ชายหนุ่มที่เค้ารู้แล้วว่ารัก รักมากที่สุด และไม่เคยเลิกรักเลยสักครั้งแม้จะพยายามแค่ไหน สายตาของร่างบางจับจ้องไปที่สายตาของร่างหนาที่จ้องมาที่เค้าเช่นกัน ทั้งสองต่างสื่อความรู้สึกของตัวเองออกมา เมื่อเสียงเพลงจบลง ทั้งหอประชุมที่แสดงดนตรีเงียบกริบ จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นทั้งโดม ทงเฮยืนยิ้มทั้งน้ำตาอยู่กลางเวที คิบอมค่อยๆเดินขึ้นบันไดเข้าไปหาทงเฮ ร่างหนายืนตรงหน้าร่างบางที่ก้มหน้าร้องไห้ตัวสั่นสะท้าน ร่างหนาเชยคางร่างบางขึ้น และยกนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวย ก่อนจะบรรจงจูบที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน ทั้งโดมก็เงียบกริบลงอีกครั้ง ราวกับว่าคนทั้งโดมต่างก็ทั้งอิจฉาและปลื้มใจ

     

                เพราะว่าทั้งสองคนนี้ ... เหมาะสมกันที่สุดแล้ว

     

                ว่าอย่างนั้นมั้ยคะ?

     

                ใครบอกกันว่าผมไม่รักคุณแล้ว หือ? คิบอมเอ่ยอย่างล้อเล่นพลางจูบหน้าผากทงเฮ

     

                การกระทำ ฮึก... ของนาย คำพูดของ ฮึก... นาย ทงเฮบอกเสียงสะอื้น พลางยกมือเช็ดน้ำตา

     

                ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ

     

                ฮึก... ฉันรักนาย ขอโทษ ฮึก... ขอโทษ ร่างเล็กบอกร่างหนาก่อนจะโผเข้ากอดอย่างแรงจนทำให้คิบอมเซ แต่ก็ยังยิ้มออกมาให้ความน่ารักของทงเฮ

     

                ผมก็รักทงเฮนะ จะรักคนเดียว และจะรักตลอดไป คิบอมพูดแล้วกอดทงเฮแน่นราวกับกลัวว่าทงเฮจะหายไปอีกครั้ง

     

                เค้าไม่เอาอีกแล้ว

     

                ความรักจอมปลอม

     

                เห็นรักเป็นสิ่งไร้ค่า

     

                เค้ามีคนที่เค้ารัก และ รักเค้า

     

                อยู่ตรงหน้านี้

     

                เค้าก็ไม่เอาความรักของใครอีกแล้ว

     

                พอแล้วจริงๆ ...

     

    .

    .

    .

     

                อ๊าก~ ฉันล่ะอิจฉาพวกแกจริงๆเล๊ย มดกัดขาฉันจนเป็นตุ่มแล้วนะ ฮีชอลพูดแซวออกมา ทำเอาคู่รักที่ว่าอายม้วนเลยทีเดียว โดยเฉพาะทงเฮ

                       

                พี่ก็...อย่าแซวนักสิ พี่ก็มีไม่ใช่หรอ คิบอมแซวกลับ ฮีชอลหน้าขึ้นสีระเรื่อทันที

     

                อะไรๆ พูดให้ดีๆนะ ล...แล้ว นายจะยิ้มทำไมฮะซีวอน!” พูดแล้วก็ทำท่าจะเอามะเหงกลงหัวคิบอม พร้อมกับหันไปพูดกับซีวอนอย่างเคืองๆต่อ

     

                แหมพี่ ปิดไม่มิดหร๊อก~~ ซีวอนมันนั่งยิ้มตาปิดแล้วนั่น

     

                นี่ คิบอม ทงเฮ ฟังพี่ให้ดีนะ ลีทึกพูดตัดบทก่อนที่ฮีชอลจะไล่ฆ่าคิบอม

     

                อย่าคิดจะหนีปัญหา ปัญหาน่ะ มีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้หนี ปัญหาต่างๆไม่ใช่วัชพืชที่จะสลายไปตามกาลเวลา แต่ปัญหาทุกปัญหาจะคอยให้เรามาคลี่คลายเสมอลีทึกเอ่ยกับน้องด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นลูบหัวของคิบอมกับทงเฮ

     

                และแบบที่พี่บอกนายนะคิบอม ความรักความผูกพันธ์น่ะ มันยากที่จะคลายออกนะฮีชอลพูดต่อแล้วตบแก้มเบาๆของน้องชายที่นั่งอมยิ้มจนแก้มพองออกอย่างน่ารัก

     

                แบบที่ฉันบอกนายเหมือนกันนะทงเฮ ว่าไม่มีใครสั่งให้นายต้องรักหรอก เพียงแต่ใช้หัวใจนายเองต่างหากที่จะบอกได้ว่านายรักใคร ฮยอกแจเอ่ยกับทงเฮแล้วโอบกอดเพื่อนรักที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

     

                ความผิดที่เราดูเหมือนว่ามากมาย และเราก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน บางครั้งแค่คำว่า ขอโทษ ก็แก้ให้หายได้เหมือนกัน พวกนายว่างั้นมั้ย?คังอินกล่าวต่อแล้วหันหน้าไปถามความเห็นของพวกเพื่อนๆ ซึ่งก็ได้แต่ยิ้ม

     

                ฉันขอโทษนะคิบอม สำหรับการทำตัวแบบที่ผ่านๆมา ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นแบบนั้นฉันคงจะลืมนายได้ แล้วฉันก็รู้ว่าฉันลืมนายไม่ได้เลย เพราะนายกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปซะแล้ว นายคือทุกอย่างของฉัน ทงเฮหันไปบอกคิบอมเมื่อได้ยินคังอินพูด ซึ่งคิบอมก็โอบกอดร่างบางแล้วกดศีรษะให้เอนลงมาที่ไหล่ของเค้า

     

                ผมก็ขอโทษทงเฮนะที่เคยว่าคุณว่าไร้ค่า แต่อันที่จริงแล้ว ผมต่างหากที่ไม่มองคุณค่าในตัวคุณเลย ผมก็ได้แต่หวังว่าผมจะเลิกคิดถึงคุณได้ แต่ผมก็ทำไม่ได้ และผมก็รู้แล้วว่าความรักของผมคือคุณนะ ทงเฮที่รัก สรรพนามที่ต่างออกไปกว่าทุกๆคน สรรพนามที่คิบอมเคยใช้กับทงเฮ และจะใช้กับทงเฮคนเดียวเท่านั้นได้กลับมาแล้ว และจะคงอยู่ตลอดไป...

     

                อุวะฮะฮ่า! แผนการณ์เราสำเร็จแล้วทุกคน~” อยู่ๆฮีชอลก็ทำลายบรรยากาศ Sweet ซะอย่างนั้น พลางตะโกนออกมาทำเอาเพื่อนๆต้องรีบใช้มือปิดปากทันที ทำให้คิบอมและทงเฮต่างก็สงสัยในท่าทางของเพื่อนๆเค้า

     

                ในที่สุดเรื่องของคิบอมและทงเฮก็จบลงด้วยความปลื้มปิติของทุกคน ทงเฮและคิบอมต่างก็บอกเลิกทุกคนในโกดัง(เอ่อ... มากไปมั้ยเนี่ย -*-) พร้อมให้เหตุผล ซึ่งพวกเค้าก็เข้าใจและยังแสดงความยินดีพร้อมสนับสนุนด้วย อ่า ช่างดีอะไรเช่นนี้นะ!!!

     

     

    ++++++++++ The End ++++++++++

     

     

    เย่~ จบแล้ว

     

    โปรเจ็คต่อไปคือฮันฮยอกนะคะ

     

    ใครเป็นแฟนๆฮันฮยอกก็ช่วยติดตามด้วยนะคะ

     

    เม้นสักคำสองคำก็ยังดี

     

    ขอร้องล่ะค่ะ ทุกคอมเม้นคือกำลังใจของนักเขียนจริงๆ

     

    น่าจะเห็นใจกันบ้าง

     

    ขอบคุณนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×