ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลแนวแฟนตาซี ( เหมาะกับนักเขียนที่ต้องการหาข้อมูล )

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนสาม มหานครแอตแลนติส และ อาณาจักรมิโนอา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      3
      27 เม.ย. 51


         

    ... ย้อนอดีตไปเมื่อ 2300 ปีก่อนหน้านี้ได้มีนักปราชญ์ชาวกรีกผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งชื่อ พลาโต
    ท่านได้เรียบเรียงบทสนทนาไว้สองบทชื่อ Timaeus และ Critias บทสนทนาได้กล่าวถึง Critias
    ซึ่งเป็นทวดของพลาโต ว่า ปู่ของท่าน ( ท่านในที่นี้น่าจะหมายถึง Critias) มีนามว่า Critias the Elder
    Critias the Elder ได้ยินนิทานที่เล่ามาจากพ่อของท่านที่ชื่อ Dropides เล่ามาอีกต่อหนึ่ง
    จากเพื่อนของท่านที่ชื่อ Solon ซึ่งคาดว่า Solon น่าจะมีชีวิตอยู่ในราวปี พ.ศ. 10
    (เอาเป็นว่าประมาณ 2500 มาแล้ว)...
    และตัว Solon เองก็ยังได้ยินได้ฟังมาจากพระชาวอียิปต์แห่งวิหาร Sais ในประเทศอียิปต์ว่า ...
    ซึ่งได้กล่าวถึงอาณาจักรใหญ่แห่งหนึ่งที่รุ่งเรืองอำนาจมาก ชื่อแอตแลนติส ...  
    ประชาชนของอาณาจักรนี้เป็นลูกหลานของเทพ โพเซดอน (เทพแห่งทะเล) บนเกาะมีภูเขา
    มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ มีป่าไม้ แร่ธาตุและสัตว์ป่าเช่น ช้าง มากมาย อาณาจักรนี้มีกษัตริย์ปกครองถึง
    10 พระองค์ ซึ่งทุกองค์เป็นบุตรที่ถือกำเนิดจาก นาง Cleito กับ เทพ Poseidon
    ทุกๆ 5 ปีกษัตริย์ที่กำลังที่กำลังปกครองจะล่าวัวศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำไปถวายเป็นเทพบูชาแด่โพเซดอน
    และพลาโตยังเล่าอีกว่าในเมืองหลวงของอาณาจักรแอตแลนติส มีบ่อน้ำร้อนสำหรับการอาบน้ำในฤดูหนาว
    และบ่อน้ำเย็นสำหรบอาบน้ำในฤดูร้อนอีกด้วย ซึ่งสถานอาบน้ำเหล่นี้ยังถูกแบ่งออกเป็นระดับๆ
    สำหรับคนวรรณะต่างๆ เช่น สำหรับ กษัตริย์ คนธรรมดา และ ม้า...
    ... ตัวเกาะแอตแลนติส ซึ่งมีกำแพงล้อมรอบนั้น ยังถูกแบ่งออกเป็นวงแหวนที่เรียงซ้อนกัน 5 วง
    โดยมีสะพานเชื่อมระหว่าง วงแหวนเหล่านั้น และเรือเดินสมุทรยังสามารถลอยลำเข้าไปได้ถึงใจกลางเมือง
    นอกจากนี้ชาวเมือง ยังมีการศึกษา มีความสามารถด้านการทำสงคราม และ มีศีลธรรมสูง
    แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคน ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรเริ่มสลาย
    ชาวแอตแลนติสได้เปลี่ยนเป็นคนกักขฬะที่กระหายอำนาจ เทพเจ้า Zeus
    จึงลงโทษอณาจักรแอตแลนติสทันที ...  

    แต่อริสโตเติล ผู้เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของพลาโต กลับคิดว่า แอตแลนติสคืออาณาจักรในจินตนาการของพลาโต


    ที่ไม่มีตัวตน

    แต่มีอาณาจักรหนึ่งที่มีส่วนคล้ายคลึงกับมหานครแอตแลนติส ซึ่งนั่นก็คืออาณาจักรมิโนอา ( อ่านกันอย่างงี้หรือเปล่า )

    อารยธรรม Minoan อยู่บริเวณหมู่เกาะของประเทศกรีก ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
    เป็นอารยธรรมแรกๆ ในยุโรป ก่อนอารยธรรมกรีกเสียอีก อาณาจักร Minoan มีความร่ำรวยมาก
    ควบคุมเศรษฐกิจในแถบนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการค้าขาย มีท่าเรือแล้วเปลี่ยนสินค้าจากอียิปต์และอื่น
    มีกองทัพเรือที่เข้มแข็งซึ่งไม่มีใครสามารถยึดครองได้เป็นเวลาหลายร้อยปี
    แต่อยู่ๆอาณาจักรก็เสื่อมอำนาจลง จนถูกชาวเผ่าอื่นที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินกรีก (แผ่นดินทวีปยุโรป)
    ก็เคลื่อนพลเข้ามายึดครอง

    ทั้งนักธรณีวิทยาและนักโบราณคดีค้นพบหลักฐานว่าการล่มสลายของ Minoan เกิดจากภัยธรรมชาติ
    เป็นภัยจากภูเขาไฟระเบิด ซึ่งเป็นการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะ ซานโตรินี (Santorini)
    เกาะซานโตรินีนี้ในสมัยกรีกโบราณมีชื่อว่า เทียร่า (Thera)

    3500 ปีที่แล้วเมื่ออณาจักรของ Minoan กำลังอยู่ในยุคเฟื่องฟู ภูเขาไฟเทียร่า ก็ประทุขึ้น
    เป็นการระเบิดของภูเขาไฟที่รุนแรงเป็นอันดับสองในรอบหนึ่งหมื่นปี (รองจากภูเขาไฟที่อินโดนีเซีย)
    การระเบิดครั้งนี้เปลี่ยนลักษณะทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคแถบนั้นไปอย่างมากมายทีเดียวครับ
    และที่แน่ๆ คือ มีผลกระทบต่อชาว Minoan ภูเขาไฟได้ทำลายทั้งบ้านเมืองและตลาดการค้าแทบนั้นด้วย
    และอีกประมาณ 50 ปีให้หลังก็ถูกพวกกรีกเข้ามายึดครอง และสูญสิ้นไป

    เท่าที่อ่านคร่าวๆ ตำนานแอตแลนติกน่าจะเกี่ยวข้องกับ Minoan มากกว่าที่อื่นๆ
    1) เป็นอารยะธรรมที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะ ซึ่งเหมาะที่จะเป็นอาณาจักรแอตเลนติส
    2) เป็นอารยธรรมที่อยู่ระหว่างกรีกกับอียิปต์ ยิ่งพลาโตได้ฟังเรื่องมาอีกทีจากคนที่เคยไปอียิปต์
    ยิ่งทำให้น่าเชื่อว่า แอตแลนติสต้องเป็นอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งที่ชาวอียิปต์รู้จักดี
    อียิปต์กับ Minoan นั้นค้าขายกันมาก่อนแล้ว น่าเชื่อกว่าที่ไกลๆเช่น สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
    เพราะพลาโตและชาวอียิปต์คงไม่เคยเห็นมหาสมุทรแอตแลนติกมาก่อน
    3) ตำนานที่บอกว่าพระเจ้าถล่มอาณาจักรให้จมลงพื้นมหาสมุทรนั้น เข้ากันได้ดีกับ
    หลักฐานทางธรณีวิทยา เรื่องการระเบิดของภูเขาไฟเทียร่า นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่า
    หลังจากภูเขาไฟระเบิดแล้ว เมืองท่าของพวก Minoan ยังถูกถล่มด้วยคลื่นซินามิอีกต่างหาก
    ซึ่งน่าจะอธิบายว่าทำไมอาณาจักรถึงถล่มลงใต้มหาสมุทรได้

    จากการศึกษาของ Marinastos ในเวลาต่อมาทำให้เรารู้ว่า เมื่อ 1520 ปีก่อนคริสต์กาลนั้น ภูเขาไฟบนเทียร่าได้ระเบิดขึ้น 3 ครั้ง และในครั้งสุดท้ายนั้นพลังระเบิดของภูเขาไฟที่สูงถึง 1600 เมตร มีความรุนแรงยิ่งกว่าการระเบิดของภูเจาไฟ Krakatao ในอินโดนีเซีย ที่ระเบิดเมื่อปี พ.ศ. 2462 ถึง 5 เท่า เสียงภูเขาไฟระเบิดในครั้ังนั้นสามารถได้ยินไปไกลถึง 3000 กิโลเมตร ถล่มบางส่วนของเกาะเทียร่า ทรุดลงใต้ทะเล ฝุ่นควันและเขม่าภูเขาไฟได้พุ่งขึ้นฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้พื้นที่ 400 ตารางกิโลเมตรรอบๆภูเขาไฟ เปลี่ยนสภาพจากกลางวันเป็นกลางคืน เถ้าถ่านและลาวาที่หนาถึง 30 เมตรได้ไหลพุ่งเข้าถล่มเกาะ Crete เป็นผลทำให้อารยธรรม มิโนวันล่มสลาย แล้วอารยธรรม Mycenean เข้ามาแทนที่

    เหตุการณ์ปฐพีถล่มล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนั้น อธิบายชะตากรรมของ Crete ได้อย่างสมบูรณ์และ Marinastos เองก็คิดว่าเหตุการณ์นี้อธิบายการสูญสลายของแอตแลนติสด้วย ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีแอตแลนติสที่ผู้คนยอมรับกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณ 20 ปีความเชื่อนี้ก็เริ่มคลอนแคลนอีก เพราะนักประวัติศาสตร์ได้พบหลักฐานเพิ่มเติมว่าภูเขาไฟบนเทียร่าได้ระเบิดก่อนที่พระราชวัง Knossos บนเกาะ Crete จะถูกถล่มถึง 150 ปี

    นักโบราณคดีนั้นเชื่อว่าอารยธรรม Minoan ลอดพ้นการระเบิดของภูเขาไฟ และ การถล่มของซูนามิ อย่างน้อยก็กว่า 50 ปี ก่อนที่พวก Mycenean ซึ่งมาจากฝั่งกรีกจะเข้ามายึดครอง

    การระเบิดของภูเขาไฟนั้นจะทำลายย่อยยับก็น่าจะแต่เมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะเทียร่าเท่านั้น ส่วนเมืองอื่นๆนั้น แม้จะเสียหายบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงกับล่มสลาย

    แต่อย่างไรก็ตามผลของการระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะแต่ทำลายบ้านเมืองอย่างเดียว คลื่นซูนามิยังทำลายท่าเรือต่างๆ ที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจของอารยธรรมด้วย

    นอกจากนั้นแล้วนักโบราณคดียังเชื่อว่าการระเบิดของภูเขาไฟยังมีผลต่อจิตวิทยาของผู้คนด้วย และก่อผลเสียหายมากพอๆกับความเสียหายทางวัตถุ ก่อนหน้าการระเบิดนั้นผู้คนของมิโนวัน นับถือพระเจ้าของพวกเขา พวกพระและกษัตริย์รักษาอำนาจส่วนกลางไว้ได้ หลังจากการระเบิดพวกเขามองธรรมชาติเปลี่ยนไป มีการพบหลักฐานว่าหลังจากการระเบิด ผู้คนบางส่วนหันมานับถือ เทพเจ้าจากท้องทะเล นอกจากนี้ยังมีการขุดพบโครงกระดูกของเด็กชายหญิง 5 คน ซึ่งคาดว่าถูกนำมาบูชายันต์ เพื่อคารวะเทพเจ้า แน่นอนว่าเทพเจ้าองค์นี้ไม่ใช่เทพเจ้าที่ชาว Minoan นับถือ เพราะชาวมิโนวันเป็นคนมีศีลธรรม คงไม่บูชายันต์ลูกหลานของตัวเอง

    จะเห็นว่าการที่เกิดศาสนาใหม่ที่ป่าเถื่อนนี้ บอกถึงว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาในกษัตริย์ และพระรวมทั้งศาสนาเดิม ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่า อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรต้องสั่นคลอน และในที่สุดก็เป็นเหตุให้ล่มสลาย เมื่ออาณาจักรใกล้เคียงเข้ายึดครอง

    คิดไปคิดว่าก็คล้ายๆกับเรื่องเล่าของพลาโต ที่ว่าชาวเมืองแอตแลนติสนั้นเสื่อมศีลธรรม จะเห็นว่ามิโนวันก็เสื่อมศีลธรรมลงจริงๆด้วย ขนาดที่สังหารลูกหลานของตนเองได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×