คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
บทที่ 2
อีกซีกโลกหนึ่งยังคงมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นั่งทำงานอยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชายหนุ่มวัย 32 ปี ผู้หวงชีวิตโสดอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะมีสาวสวยระดับนางแบบ ดาราดังขนาดไหนมาทอดสะพานสักแค่ไหน เขาไม่เคยเหลียวแล แม้จะต้องออกงานสังคมอยู่บ่อยๆเพราะมันจำเป็นในธุรกิจของเขา แต่ทว่าหนุ่มหล่อวัย 32 กลับไม่เคยควงสาวๆออกงานแต่อย่างใด เพียงแต่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ...ผมมีคู่หมั้นแล้ว... แม้ความสามารถของนักข่าวจะเก่งกาจสักแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยขุดคุ้ยได้สักทีว่าชายหนุ่มผู้เป็นคนดังในวงการธุรกิจส่งออกแห่งนี้แอบไปหมั้นหมายกับสาวที่ไหน จนสื่อต่างๆเริ่มทดถอยและเลิกราไปในที่สุด
...ตืด ตืด ... ตืด ตืด ... เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้เจ้าของโต๊ะทำงานออกจากภวังค์ชั่วขณะ เพียงปลายตามองชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดก็คลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกดรับสายทันที
“สวัสดีครับคุณแม่”
“ตาต้น...เจ้าลูกบ้า ใจคอจะไม่โทรหาแม่เลยใช่ไหม” หญิงสาวปลายสาวกล่าวโทษชายหนุ่มอย่างหงุดหงิดเป็นนิจ
“ผมกำลังจะโทรหาคุณแม่อยู่พอดี” น้ำเสียงสดใสกลั้นหัวเราะ เพราะเดาได้ว่าแม่ของเขาคงบ่นอีกตามเคยที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย แม่รู้ทันเราหมดแล้ว...แล้วนี่ตกลงเราจะกลับไทยเมื่อไหร่ กลับพร้อมยัยปลายเลยรึป่าว”
“ครับ คงกลับพร้อมน้องเลย แต่ว่า...เรื่องนั้น เป็นไงบ้างครับแม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนักกับคำตอบที่จะได้รับจากมารดา
“แม่ติดต่อกับครอบครัวหนูดาวให้เรียบร้อยแล้วจ๊ะ เห็นว่าพี่หญิงสมฤดีบอกกับหนูดาวแล้วเรื่องหมั้นหมาย แต่ยังไม่ได้บอกว่าเป็นใคร...รอให้เราไปตกลงพูดคุยกับน้องเอง เพราะเรื่องมันก็ผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว ไม่รู้น้องจะจำได้รึป่าว” คุณหญิงภัทราเอ่ยปากพูดกับลูกอย่างยิ้มแย้ม ตอนแรกท่านตกใจมากที่บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านโทรศัพท์ทางไกลมาจากอังกฤษแล้วบอกว่าจะแต่งงาน แม้ก่อนหน้านี้จะพยายามจับคู่ แนะนำลูกสาวบ้านโน่น บ้านนี้ให้แต่ไม่เคยมีวี่แววที่ลูกชายของตนจะสนใจ แต่แล้วเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนางถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดลูกชายสุดรักถึงไม่เคยมีแฟน ไม่คิดมีแฟน...
“ยิ่งเวลาผ่านมานาน คำมั่นสัญญายิ่งมีความหมายครับแม่...ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ ผมจะรีบเคลียร์งานแล้วบินกลับพร้อมน้องให้เร็วที่สุดครับ” ต้นน้ำพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“จ้า รีบๆกลับมาแม่จะรออุ้มหลาน” คุณหญิงภัทราพูดพร้อมหัวเราะอย่างมีความสุข
...ตืด ตืด...เสียงสัญญาณปลายสายตัดไป ชายหนุ่มวัย 32 ปีหรือนายต้นน้ำ พัฒนกิจ เจ้าของธุรกิจส่งออกรายใหญ่ของเอเชีย ผู้ที่หมกหมุ่นแต่การทำงานไม่สนใจใคร ผู้ได้ขึ้นชื่อราชสีห์ในวงการส่งออกเผยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกครั้นหวนนึกถึงอดีตครั้งก่อน...
20 กว่าปีก่อน ณ โรงพยาบาลสุขสันติบดี
ต้นน้ำจำได้ว่ากำลังโหนบาอยู่ที่สนามเด็กเล่นระหว่างรอน้องสาวของเขาตรวจร่างกาย น้องของเขา ปลายน้ำเป็นเด็กขี้โรคมาตั้งแต่เกิด ผิดกับเขาที่แม้กระทั่งตากฝนทั้งวันยังไม่เป็นหวัด
“ตุ๊บ...โอ้ย” เสียงอวดครวญดังขึ้นเขาพลาดตกลงมาจากบาที่โหนเล่นอยู่ซ้ำร้ายหัวยังไปกะแทกกับม้าหมุนตอนที่ล้มอีกเขานอนแอ้งแม้งอยู่ท่ามกลางความแตกตื่นของเด็กๆที่เล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นด้วยกัน
“ตุ๊บ” เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด เขาเจ็บทั้งก้น ทั้งหัว ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปหาบิดามารดา มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กตกลงมาบนตัวเขา ไม่สิ ถ้าตกบนตัวไม่เท่าไหร่แต่เด็กน้อยคนนี้ตกลงมาจากต้นไม้ลงสู่กล่องดวงใจน้อยๆของเขาอย่างแม่นยำ
“อ๊ากกกกก ...” เสียงร้องดังก้องกังวาน จากเด็กชายแข็งแรงแม้แต่หวัดยังไม่เคยเป็นกลับร้องตะโกนเสียงดังพร้อมกับน้ำตาคลอที่เบ้าตาด้วยความเจ็บปวด
หนูน้อยหน้าตามอมแมมในชุดกระโปรงสีชมพูยืนมองนิ่งด้วยความตกใจ พลางคิดไปว่าจะถูกคุณพ่อคุณแม่ดุแน่เลย ไม่นานพี่สาวพยาบาลคนสวยที่เคยให้ช็อกโกแลตก็วิ่งมาพร้อมอุ้มเด็กชายตัวโตไป หนำซ้ำยังเรียกเธอให้ตามไปด้วย
“คุณหนูแฝดเดือนดาว รีบตามพี่มาเลยคะ” เพราะความไม่แน่ใจในว่าเป็นคุณหนูแฝดพี่หรือน้อง ทำให้พยาบาลสาวเอ่ยเรียกควบ เด็กสาวน้อยวิ่งตามพยาบาลเยาะๆจนถึงหน้าห้องตรวจของคุณพ่อเธอ
“คุณหมอสุขคะ เด็กชายคนนี้โดนคุณหนูเดือนดาวแกล้งคะ สภาพเป็นอย่างที่เห็น” พยาบาลสาวเอ่ยรายงานตามที่เห็น คุณหนูของเธอนั่งทับอยู่บนตัวของเด็กชาย สงสัยคงจะแกล้งกันเหมือนเคยเพราะคุณหนูบ้านนี้แสบทุกคน หนูดาวชะงักค้างอยู่ในห้อง มึนงงกับสิ่งที่พี่พยาบาลสาวพูด เค้าป่าวแกล้งนะ
“ตาต้น เป็นอะไรไปลูก” น้ำเสียงตกใจของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ขณะที่ลูกสาวคนเล็กเพิ่งตรวจไข้หวัดกับคุณหมอเสร็จ พยาบาลก็วิ่งพาลูกชายเข้ามาด้วยสภาพเลอะเทอะ เปื้อนดินทั้งตัว
“ลูกชายคุณหญิงภัทราหรอครับ” คุณหมอสุขเอ่ยถามคุณหญิงซึ่งลูกสาวเป็นคนไข้ของเขาตั้งแต่เด็ก แถมคุณหญิงยังรู้จักและสนิทสนมกับภรรยาของเขาด้วย
“คะ ตาต้นเป็นอะไรไหมคะคุณหมอ” เสียงยังตกใจไม่หายของคุณหญิง แต่คุณอานนท์สามีคุณหญิงกลับเอ่ยพลางกลั้นหัวเราะ
“ซนจนได้เรื่อง เจ็บบ้างก็ดี เจ้าลูกชายคนเก่งของเรามันแกร่งยังกับอะไรดี คุณหญิงไม่ต้องไปห่วงหรอก” คุณหญิงชะงักกับคำพูดของสามีพร้อมดูอาการของลูกชายแล้วเอ่ยว่า
“นั่นสิคะ สงสัยเมื่อกี้ฉันตกใจไปหน่อยคะคุณ เลยเป็นห่วงตาต้น ดูสิคะในที่สุดเจ้าต้นน้ำของเราก็เจ็บจนต้องให้คุณหมอตรวจ” พูดพลางหัวเราะยิ้มแย้มกับสามี ในขณะที่คุณหมอสุขสมหวัง งงเป็นที่เรียบร้อย ลูกสาวเขาทำลูกชายคนอื่นเจ็บ แต่พ่อแม่เด็กกลับเขาเราะชอบใจที่ลูกชายเข้าโรงพยาบาล คุณหมอคิดในใจพร้อมตรวจดูความเสียหายให้เด็กชายและตรวจดูรวยแผลฟกช้ำบริเวณหน้าผากอย่างรวดเร็ว
คุณพ่อคุณแม่นะ เขาเจ็บขนาดนี้ยังจะหัวเราะกันอีก ขณะที่ต้นน้ำกำลังจะโวยวายใส่พ่อและแม่ของเขา สายตาเขาไปสะดุดที่ยัยเด็กหญิงตัวเล็ก ขาวจั๊ว ผมดำสนิทที่เอาตาโตๆมองเขาอยู่ เพราะยัยเปี๊ยกนี่เชียว ทำเขาอับอาย
“ยัยเปี๊ยก เธอทำฉันเจ็บนะ ยังไม่ขอโทษอีก” ทั้งห้องหันหน้าไปมองเด็กน้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยอย่างฉับพลัน
“น้องดาว น้องดาว คือ เอ่อ...” น้องดาวลูกสาวฝาแฝดคนสุดท้องของบ้านสุขสันติบดี ยังคงตกใจและหาคำแก้ตัวดีๆอยู่
“หนูเองหรอจ๊ะ ที่แกล้งพี่เขาจนเป็นแบบนี้ มานี่มาเด็กดีๆ เก่งมากจ๊ะ ดูสิคะคุณหน้าตาน่ารักน่าชังเสียด้วย” น้องดาวขยับตัวตามเสียงเรียก พลางเดินเข้าไปหาคุณหญิงภัทราอย่างลืมกลัว คุณหนูของบ้านทั้งสี่ย่อมเป็นที่รักของผู้ใหญ่ทุกคนอยู่แล้วด้วยหน้าตาที่เรียกว่าเทพบุตร เทพธิดามาจุติ แต่ทว่าคุณหนูแฝดหญิงสองคนเล็กยิ่งน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ ด้วยคำพูดคำจาน่ารักจนเป็นที่รักของทุกคนในโรงพยาบาล คุณหญิงภัทราสวมกอดเด็กหญิง พร้อมเช็ดหน้าเช็ดตามอมแมมแล้วจุ๊บที่แก้มทั้งสองข้างอย่างอดใจไม่ไหว คุณหมอสุขสมหวังบิดาของน้องดาวเองก็ไม่ได้หวงลูกแต่อย่างใดซ้ำยังยิ้มเอ็นดูด้วยความสุขใจ
“ต้องขอโทษแทนลูกสาวผมด้วยนะครับ” คุณหมอสุขสมหวังเอ่ยขึ้น
“นี่ลูกคุณหมอหรอคะ ต๊าย น่ารักน่าชังเสียจริง ไม่เจอแค่ไม่กี่ปีโตขึ้นขนาดนี้แล้วหรอคะ” คุณหญิงภัทราเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“น้องดาว สวัสดีคุณลุงคุณป้าสิลูก”
“สวัสดีคะคุณลุง สวัสดีคะคุณป้า” พูดพร้อมยกมือไหว้แถมพ่วงด้วยการเดินไปจุ๊บแก้มคุณลุงและคุณป้าแล้วยิ้มแฉ่งเหมือนที่เคยทำกับคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายอยู่ทุกวัน ฝ่ายคุณหญิงภัทราและคุณอานนท์หัวเราะร่า ชอบใจกับเด็กสาวตัวน้อย
“น้องดาวขอโทษพี่เขารึยัง เราทำผิดรู้ไหม” คุณหมอเอ่ยกับลูกสาวให้ขอโทษลูกชายของเพื่อนซะ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ลูกสาวเขาก็เป็นฝ่ายผิด
“น้องดาวขอโทษคะ” พูดพลางยกมือไหว้เด็กหนุ่มบนเตียง พร้อมกับเดินไปใกล้ๆและปีนขึ้นบนเตียงอย่างเคย
“พี่ชายเจ็บไหมคะ” เด็กสาวถามพลางเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังในสายตาผู้ใหญ่ แต่ทว่าไม่ใช่ในสายตาของต้นน้ำ
“เจ็บสิ ตัวเธอหนักจะตาย” ต้นน้ำเอ่ยเพราะยังหงุดหงิดไม่หาย ทั้งที่จริงยัยน้องดาวตัวเล็กนิดเดียว
“น้องดาวไม่หนักนะ น้องดาวตัวเล็กกว่าพี่ชายตั้งเยอะ” น้องดาวผู้ซึ่งเป็นนักเลงของโรงเรียนอนุบาลลุกขึ้นยืนบนเตียง พร้อมเตะเข้าที่กลางลำตัวของต้นน้ำ
“น้องดาวไม่ชอบให้ใครมาว่าต้องโดนสั่งสอนซะหน่อย”
“อ๊ากกกกก...” เสียงร้องของต้นน้ำ ทำให้คุณหมอต้องรีบมาอุ้มน้องดาวลงจากเตียงพร้อมกับเดินไปตรวจดูอาการเด็กชายน้อยทันที
“ยัยเปี๊ยก ถ้าน้องชายฉันใช้การไม่ได้จะทำไงห๊ะ” ต้นน้ำเอ่ยด้วยความโมโหและเจ็บปวด
“พ่อคะ ถ้าน้องชายใช้การไม่ได้จะเป็นยังไงหรอคะ” น้องดาวเอ่ยถามบิดา แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ต้นน้ำก็เอ่ยแทรกขึ้นทันที
“ถ้ามันใช้ไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้แต่งงานหน่ะสิยัยเปี๊ยก”
“ถ้ามันใช้ไม่ได้ พี่ชายจะอดแต่งงานหรอคะคุณลุง คุณป้า” เด็กสาวเอ่ยถามอย่างข้องใจ
“ใช่ แล้วเธอก็ต้องรับผิดชอบด้วยยัยเปี๊ยก” ต้นน้ำเอ่ยอย่างโมโหอย่างไม่ทันคิด
“น้องดาวต้องรับผิดชอบยังไงหรอคะ” น้องดาวยังคงขมวดคิ้ว แต่เริ่มปีนกลับขึ้นไปเจรจากับต้นน้ำบนเตียง
“เธอก็ต้องแต่งงานกับฉันหน่ะสิ” ต้นน้ำเอ่ยหน้าบึ้ง เพราะเจ็บปวดกับน้องชายที่โดนเตะซ้ำ
“แต่งงานคืออะไรหรอคะ” น้องดาววัย 5 ขวบ ยังไม่รับรู้ถึงเรื่องราวแต่งงานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้แหละ สัญญามาก่อนเลยว่าเธอต้องแต่งงานกับฉัน ต้องรับผิดชอบฉัน ห้ามแต่งงานกับคนอื่นเข้าใจไหมยัยน้องดาว” ต้นน้ำเอ่ยขณะที่ยกนิ้วก้อยชูขึ้นยื่นมาทางน้องดาว เด็กยังคงเป็นเด็กแม้ไม่เข้าใจแต่ก็ยื่นนิ้วก้อยเล็กๆไปเกี่ยวเข้าไว้ด้วยกันและสัญญาก็เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา
“คุณพ่อคะน้องดาวแต่งงานกับพี่ชายได้ไหมคะ” ถึงแม้จะเกี่ยวก้อยสัญญาไปแล้วแต่น้องดาวยังไม่ค่อยแน่ใจว่าแต่งงานคืออะไรเลยเอ่ยถามบิดาเสียไม่ได้
คุณหมอหนุ่มมองสัญญาเด็กๆที่เกี่ยวก้อยกันพร้อมมองหน้าเพื่อนภรรยาเสียไม่ได้ พลางทำหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดใดๆ คุณหญิงภัทราก็เอ่ยขัดก่อนว่า
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าคะ ถ้ามีบุญวาสนาต่อกันจริงคงหนีกันไม่พ้น ถ้าโตขึ้นน้องดาวกับตาต้นน้ำยังไม่มีใคร เราค่อยเอาเรื่องวันนี้กลับมาคิดอีกครั้งดีไหมคะ” ด้วยความนิยมชมชอบในตัวความน่ารักน่าชังของน้องดาวอยู่แล้ว แถมยังเป็นลูกของเพื่อนสนิทอีกใจจริงนางแทบอยากจะจับหมั้นกันให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยซ้ำ
ผิดกับสีหน้าของคุณหมอผู้อำนวยการที่เหมือนถูกสู่ขอลูกโดยไม่ทันตั้งตัว และไม่ทันปฏิเสธ ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามโชคชะตา พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย
ความคิดเห็น