ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic : หัวขโมยแห่งบารามอส : ~A New Journey Of Baramos~

    ลำดับตอนที่ #3 : ตราเกียรติยศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      2
      28 เม.ย. 48

    สายลมเย็นพัดอ่อนๆ…ท้องฟ้าปลอดโปร่ง…อากาศแจ่มใส…

    วันนี้เป็นวันที่เหล่ากษัตริย์แห่งเอเดนเสด็จ  พสกนิกรทั้งหลายต่างแห่แหนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น  ร่วมถึง  เฟลิโอน่า  เกรเดเวล  เดอะปรินเซส  ออฟ  บารามอส  ที่คราวนี้เธอได้รับสิทธิ์มารอรับเสด็จ  ชามัล  ฟาโรเวล  เดอะคิง  ออฟ  บารามอส  ร่วมกับเจ้าชายยูริซิส  ซึ่งตามศักดิ์ถือว่าเป็นพระเจ้าตาของเธอ  เพราะเธอได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการแล้วว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งบารามอส  นับแต่สงครามระหว่างเอเดนและเดมอสสงบลง  ไม่ต้องหลบไปเป่าแตรอีกแล้ว  ทำให้ได้เห็นขบวนเสด็จของเหล่ากษัตริย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบใกล้ชิด



    เสียงเป่าแตรสุดท้ายสิ้นสุดลง  ขบวนเสด็จของจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าก็มาถึง  ฝูงมังกรจันทราแล่นลงยังลานกว้าง  พร้อมกับที่บนกำแพงมีธงสีเหลืองโบกสะบัด



    แสงสีเงินยวงของพระจันทร์ในยามค่ำคืนสัมผัสเข้ากับดวงหน้างามของสาวน้อย  ที่บัดนี้อยู่ในชุดราตรีสีทองยาวกรอมพื้นกับรองเท้าแก้วคู่สวย  ผิวขาวนวลเข้ากันได้ดีกับสีของชุดทำให้ดูสง่างามยิ่งนัก  ผมสีน้ำตาลสลวยที่บัดนี้เริ่มยาวเคลียไหล่  ก็ทำให้ผู้ที่พบเห็นหลงใหลในความงามของเจ้าหล่อนจนแทบลืมหายใจ  แต่ทว่า



    “โอ๊ย!!!  ทำไมฉันต้องมาแต่งชุดบ้านี่ด้วย”  เสียงบ่นอุบดังมาจากเจ้าหญิงคนงาม  ที่กำลังถูกนางกำนัลจากบารามอสพยายามแปลงโฉมอยู่นานสองนาน  เนื่องจากเจ้าหญิงที่ทำตัวไม่สมกับเป็นเจ้าหญิง  กว่าจะยอมทำตามได้ก็ต้องหาเหตุผลมาอ้างสารพัด



    “เดี๋ยวเจ้าหญิงทรงต้องร่วมโต๊ะเสวยกับเหล่ากษัตริย์  ต้องทรงฉลองพระองค์ให้สมพระเกียรติเพคะ”  เสียงนางกำนัลบอกเหตุผลให้เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน



    “นี่ก็ได้เวลาแล้ว  เชิญเจ้าหญิงเสด็จเถอะเพคะ”  นางกำนัลอีกคนกล่าวด้วยวาจานอบน้อม



    “เฟลิโอน่า  เกรเดเวล  เดอะปรินเซส  ออฟ  บารามอส”

    เสียงประกาศเมื่อเฟรินเดินมาถึงห้องเสวย  ที่บัดนี้ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว  รวมถึง  คาโล  วาเนบลี  เดอะปรินซ์  ออฟ  คาโนวาล  ทำให้เจ้าตัวต้องรีบใช้วิชาหน้ากากฟาโรห์ที่ตนถนัด  รับมือกับนัยน์ตาทุกคู่ในห้องที่บัดนี้กำลังจ้องตรงมาที่เธอเป็นตาเดียว



    เฟรินแย้มรอยยิ้มพร้อมกับถอนสายบัวงามๆ  ที่ไม่รู้ว่าไปฝึกมาจากไหน

    “ขอประทานอภัยเพคะ  ที่หม่อมฉันมาถึงช้า  เพราะไม่ค่อยคุ้นกับชุดราตรีนี่เท่าไหร่นัก”  เฟรินกราบทูลด้วยน้ำเสียงที่แสนสุภาพ  แล้วทิ้งตัวลงยังที่นั่งว่างข้างกษัตริย์แห่งบารามอส



    โต๊ะเสวยที่คราวนี้ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดนั่งอยู่หัวโต๊ะ  ซึ่งถัดมาเป็นที่นั่งของกษัตริย์บาโรแห่งคาโนวาลและเจ้าชายคาโลพระโอรส  ส่วนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกษัตริย์บาโรคือกษัตริย์ชามัลแห่งบารามอส  และที่นั่งข้างๆจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหญิงแห่งบารามอส



    ถัดจากเฟรินเป็นที่นั่งของคนที่โชคดีที่สุดก็ว่าได้คือ  กษัตริย์ริชาร์ดแห่งแอเรียส  เพราะนอกจากจะมีอนุสาวสวยนั่งข้างๆแล้ว  ยังมีจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอลนั่งถัดมา  แถมฝั่งตรงข้ามยังเป็นกษัตริย์เฮลด้าแห่งอเมซอนที่ดูยังไงก็สวยสง่าไม่เคยเปลี่ยน



    ส่วนที่นั่งถัดๆไปก็เป็นของคิงทั้งหลายที่เหลือ  ที่คราวนี้ดูจะค่อยเป็นกันเองกับเธอหน่อย  หลังจากเคยมีประสบการณ์ร่วมโต๊ะเสวยครั้งก่อน



    “สมกับที่เป็นเจ้าหญิงแห่งบารามอสจริงๆนะ  เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”  คำทักทายจากคิงริชาร์ด  ที่บัดนี้นัยน์ตาสีน้ำตาลทองมีประกายกรุ้มกริ่ม  เมื่อเห็นสาวน้อยที่นั่งข้างๆ  โดนจับแปลงโฉมแล้วก็สวยน่ารักไม่แพ้ใครเลยทีเดียว



    นัยน์ตาสีฟ้าเย็นเหยียบหันมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองระริก  โดยไม่เกรงกลัวเลยว่าคนที่มองอยู่ตรงหน้าจะเป็นคิง  แต่ก็มีเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งกลับมา



    “อย่าบอกนะว่าฝ่าบาทจะจีบหม่อมฉัน”  เฟรินพูดกลั้วหัวเราะ  พลางคิดในใจนิสัยนี้ของริชาร์ดสงสัยชาตินี้ยังไงก็แก้ไม่หาย  ขณะที่ตอนนี้ก็มีวิเวียนอยู่ด้วย  แถมอนุคนสวยอีก



    “เอาเวลาไปจีบคนอื่นดีกว่ากระหม่อม”  เฟรินตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  ก่อนหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ  ทำให้คิงริชาร์ดสรวลเสียงดัง



    “ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ  ใครเค้าจะกล้าไปขัดขวางความรักความรักของหนุ่มสาวล่ะ  จริงไหม๊  คาโล”  คนถูกถามได้แต่เงียบ  ส่วนคนที่มีอาการกับเป็นเฟริน  ที่ตอนนี้กำลังสำลักน้ำชา  ค่อกแค่ก  หน้าขึ้นสีระเรื่อยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่



    “ไม่เปลี่ยนเลยนะเฟลิโอน่า  เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งบารามอสแล้วแท้ๆ  แต่ราชาศัพท์ก็ยังใช้ผิดๆถูกๆ”  คำดำรัสจากกษัตริย์แห่งอเมซอน  ทำให้เฟรินสะดุ้งโหยง



    อ๊ากกกกกก!!!

    วันนี้จะมีชีวิตรอดออกจากโต๊ะเสวยนี่รึเปล่าเนี่ย!!!

    “ขอประทานอภัย…”  เสียงเฟรินยังอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ  ทำให้กษัตริย์เฮลด้าส่งพระเนตรดุมาปราม



    “เพคะ”

    คำพูดที่เรียกรอยยิ้มที่มุมปากจากเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล  ทำให้เจ้าหญิงจำเป็นแห่งบารามอสได้แต่ส่งสายตาฝากไว้ก่อนไปให้



    “เอาน่าเฮลด้า  ไม่ต้องเคร่งครัดมากก็ได้”  คำดำรัสจากกษัตริย์บาโร  ทำให้เฟรินเริ่มยิ้มขึ้นมาได้บ้าง



    “ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่าเฟลิโอน่าไม่ได้เติบโตมาอย่างเจ้าหญิง  ดังนั้นก็อย่าทรงกริ้วไปเลย”  สุรเสียงจากคิงแห่งบารามอสที่ไม่รู้ว่าจะช่วยให้เธอดูดีขึ้นหรือดูแย่ลงกันแน่  เฟรินยังสงสัยอยู่  แต่ก็เอาเถอะยังไงเธอก็ยังมีคนช่วยพูดให้



    การสนทนาบนโต๊ะเสวยคราวนี้ออกจะสบายๆกว่าคราวก่อน  ไม่ต้องมาคอยแปลภาษาของพวกกษัตริย์ทั้งหลาย  ทำให้เฟรินเจริญอาหารขึ้นตั้งเยอะ  แถมอาหารก็อร่อยๆทั้งนั้น  แต่ไอ้ชุดที่มันรัดติ้วอยู่เนี่ยสิอุปสรรคใหญ่  กินไปได้สักพักก็มาสะดุดกับคำสนทนาบนโต๊ะเสวย



    “การลงนามวันพรุ่งนี้ยังไงพี่บาโรก็ได้เป็นไฮคิงอยู่แล้ว  แต่การแข่งขันชิงตราไฮคิงพระองค์ใหม่นี่สิ  หวังว่าป้อมอัศวินคงจะชนะนะ”  เสียงจากกษัตริย์ผมดำที่นั่งอยู่เกือบกลางโต๊ะ  กาเบรียล  บริสตั้น  เดอะคิง  ออฟ  ซาเรส  ทำให้เฟรินหันนัยน์ตาสีน้ำตาลใสแป๋วมาจ้องกับบุรุษผมสีเงินเบื้องหน้า  ก่อนยิ้มแหยๆ



    “วันพรุ่งนี้เป็นสิ่งไม่แน่นอน  กาเบรียล”  คำดำรัสตอบอย่างถ่อมตัวของว่าที่ไฮคิงพระองค์ใหม่



    “ใช่ๆ  ปราการปราชญ์มีรึจะยอมให้ป้อมอัศวินอีกเป็นครั้งที่สอง”  กษัตริย์ริชาร์ดตรัสกลั้วหัวเราะ



    “ปราสาทขุนนางก็คงไม่ยอมให้ปราการปราชญ์เช่นกัน”  สุรเสียงของกษัตริย์เฮลด้าดังขึ้นบ้าง  ก่อนตามมาด้วยเสียงสรวลเบาๆของกษัตริย์ริชาร์ด  ก่อนแย้มรอยยิ้มน้อยๆ



    “ถ้าวิลเลี่ยมอยู่ด้วยคงดี”  คำดำรัสเรียบๆจากคิงบาโรที่ทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงคิดของตนเองไปชั่วครู่  ‘สามทหารเสือแห่งเอเดน’



    หัวหน้าป้อมอัศวิน  หัวหน้าปราการปราชญ์  หัวหน้าปราสาทขุนนาง  อยู่ ณ ที่แห่งนี้  เหลือเพียงหัวหน้าแผ่นดินประชาชนที่แม้จะไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่  แต่ได้ปรากฏตัวอยู่ในห้วงคิดและจิตใต้สำนึกของทุกคนตลอดเวลา  ไม่เคยจากไปไหน  รวมถึง…ท่านแม่อลิเซียของเธอด้วยเช่นกัน  และจะมีแต่ความรู้สึก  ความทรงจำดีๆเสมอเมื่อนึกถึง…ความทรงจำที่ไม่มีวันหมด…ไม่มีวันจางหายไปจากใจ…



    เฟรินคิดพลันน้ำตาก็คลออยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลโตคู่สวย…น้ำตาที่ไม่ได้มาจากความเสียใจ…แต่เป็นน้ำตาที่มาจากความปลื้มปีติ…



    เมื่อเฟรินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเบาๆ  ก็พลันนึกถึงวิเวียนขึ้นมาได้  นัยน์ตาเฟรินจับกับเสี้ยวพระพักตร์งามของจักรพรรดินีแห่งเวนอล  ที่ตกอยู่ในห้วงคิดที่ไม่ต่างไปจากกัน



    “แต่อย่างน้อยก็ส่งน้องสาวของผมมาเป็นตัวแทนนะฝ่าบาท”  เฟรินพูดขึ้น  ทำให้ทุกคนกลับมาสนทนากันอีกครั้ง



    “จริงสิ…อาจจะดีกว่าที่วิลเลี่ยมมาเองด้วย”  คิงริชาร์ดพูดกลั้วหัวเราะ  พร้อมส่งตาหวานมาทางวิเวียน  โดยไม่สนใจอนุคนสวยเลยแม้แต่น้อย



    “หม่อมฉันว่า  ถ้าเสด็จพ่ออยู่คงจะดีกว่าเพคะ  อย่างน้อยเวนอลก็คงไม่ถูกรุนราน”  คำดำรัสที่สวนกลับมาจากจักรพรรดินีแห่งเวนอล



    “สงครามก็จบลงแล้ว  ความขัดแย้งต่างๆเจรจากันดีๆคงยุติได้”  สุรเสียงจากกษัตริย์บาโร  ทำให้กษัตริย์ริชาร์ดพยักหน้ารับ



    “จริงด้วยฝ่าบาท  อย่างที่คาโลเอ๊ย…เจ้าชายคาโลเคยเสนอไง  จริงไหม๊”  เฟรินพูดจบก็โยนไปให้คนที่เอาแต่เงียบ



    “สงครามสงบ  ประชาชนอยู่ดีมีสุข  เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ”  คำกล่าวจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล  มาดเจ้าชายน้ำแข็งทำให้เฟรินแยกเขี้ยวรับ  ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก  เคี้ยวตุ้ยๆ



    “งั้นเอาไว้ให้เรื่องต่างๆสงบลงแล้ว  จัดงานมงคงเลยดีมั๊ย  บาโร”  เสียงจากคิงริชาร์ดทำให้เฟรินเนิ่มสนใจ  มีงานมงคล…ก็ต้องมีงานเลี้ยง…มีงานเลี้ยงก็…ได้กินฟรี…^^



    “ก็ต้องถามทางบารามอสว่าจะยอมยกให้รึเปล่า”  เสียงของกษัตริย์บาโรทำให้เจ้าชายหอคอยงาช้างหน้าเริ่มขึ้นสี



    “คงต้องแล้วแต่เจ้าตัวว่าจะยอมรึเปล่า”  คำดำรัสเป็นเชิงถามของกษัตริย์ชามัล  แต่ ‘เจ้าตัว’ ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  ยังคงเคี้ยวอาหารตุ้ยๆอยู่เต็มปาก



    “พี่หญิงว่ายังไงเพคะ”  วิเวียนอดไม่ได้ที่จะถามพี่หญิงของเธอ



    “ก็ดีสิฮะ…แต่จะจัดงานมงคลอะไรดีล่ะ”  เท่านั้นแหละเสียงสรวลของเหล่ากษัตริย์ก็ดังขึ้น  ทำให้เฟรินทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมงงกับเหตุการณ์เบื้องหน้า  และงงกับหน้าตาของเจ้าชายแห่งคาโนวาลด้วย



    “งานหมั้นระหว่างเจ้าชายแห่งคาโนวาลกับเจ้าหญิงแห่งบารามอส”  กษัตริย์เฮลด้าช่วยตอบข้อค้องใจให้



    แค่กๆ ๆ ๆ

    เสียงสำลักเป็นครั้งที่สองของเฟริน  พร้อมๆกับหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแซงหน้าเจ้าชายแห่งคาโนวาลไปแล้ว



    “คราวนี้ค่อยสมกับเป็นกุลสตรีขึ้นมาบ้าง”  เสียงที่แฝงความเอ็นดูระคนขบขันจากกษัตริย์เฮลด้า  ทำให้เฟรินรีบเปลี่ยนเรื่องพูด



    “ง่า…ฝ่าบาท …หม่อมฉันว่าอาหารมื้อนี้อร่อยนะพระเจ้าค่ะ”  เป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดกับข้อแก้ตัวที่หัวขโมยชั้นเซียนอย่างเธอจะหามาได้ในเวลานี้



    “พี่หญิงยังไม่ได้ตอบคำถามเลยนะเพคะ”  วิเวียนยังถามต่อ  ทำให้เฟรินหน้าขึ้นสีแดงจัดเข้าไปอีก



    “ไม่ต้องอายหรอกเจ้าหญิงเฟลิโอน่า  คนกันเองทั้งนั้น”  น้ำเสียงอ่อนโยนจากกษัตริย์ริชาร์ดที่นั่งอยู่ข้างๆดังขึ้น



    อ๊ากกกกกก!!!

    นี่ไอ้คาโลมันจะไม่พูดอะไรเลยรึไงกัน  ก็ในเมื่อไอ้คนที่ควรจะพูดกลับนั่งเฉย  แล้วจะให้เธอไปตอบรับกับใครกัน  เฟรินคิดพลางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแก้เขิน  ก่อนรวบรวมความกล้าแล้วตอบ



    “ในเมื่อไม่มีใครมาขอ  แล้วจะให้หม่อมฉันไปตอบรับกับใครกันฝ่าบาท  พูดเป็นเล่นไปได้”  พอเฟรินพูดจบไอ้คนที่ควรจะเป็น ‘ใคร’ คนนั้นก็พานัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยมาสบกับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตเบื้องหน้า  แววตานั้นทำให้คนถูกมองแทบจะละลาย  แต่ก่อนที่บุรุษเบื้องหน้าจะเอ่ยคำพูด  เจ้าหล่อนก็ขัดขึ้นเสียก่อน



    “ขอประทานอภัยฝ่าบาท  จะเป็นอะไรไหม๊…ถ้าหม่อมฉันจะขอตัวไปพักผ่อนก่อน  เกรงว่าถ้าพักผ่อนไม่พอ…เดี๋ยวป้อมอัศวินอาจจะแพ้ในการแข่งวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้นะพระเจ้าค่ะ”  เฟรินหาเหตุผลที่คิดว่าเจ๋งที่สุดให้มาพาตัวเธอออกจากโต๊ะเสวยนี่ให้เร็วที่สุด  ก่อนที่เธอจะทำอะไรไม่ถูกถ้าบุรุษเบื้องหน้าเกิดพูดอะไรขึ้นมา



    “ก็เอาสิ”  กษัตริย์บาโรตรัสด้วยน้ำเสียงแฝงความเอ็นดู



    “ขอบพระทัย…เพคะ”  เฟรินลุกขึ้นถอนสายบัวงามๆ  แล้วทำท่าจะเดินจากไป



    “หม่อมฉันก็ขอตัวด้วยฝ่าบาท”  เสียงจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ดังขึ้น  ทำให้เฟรินชะงัก



    “ไปเถอะ  หัวใจไม่อยู่แล้วจะอยู่ทำไม”  สุรเสียงจากคิงริชาร์ด  ที่ทำให้คนทั้งคู่ดวงหน้าร้อนผะผาว  ทำอะไรไม่ถูกได้แต่เดินจากไปเงียบๆ  เหลือไว้เพียงรอยยิ้มของเหล่ากษัตริย์บนโต๊ะเสวย



    เสียงนกร้องขับขานรับกับแสงสีทองของเช้าวันใหม่  สายลมเย็นพัดอ่อนๆ  การร่วมลงนามให้สัตย์สาบานของกษัตริย์ทั้งยี่สิบสี่ประเทศจะดำเนินขึ้นในตอนเช้า  และจะประกาศให้ทราบทั่วกันในตอนเที่ยงของวันนี้  ส่วนในช่วงบ่ายจะเป็นการแข่งขันชิงตราไฮคิงพระองค์ใหม่



    “จริงอยู่การแข่งบอกว่าตราอยู่ในตัวโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก  แต่จะมีใครโง่ไปหาทั่วทั้งโรงเรียนล่ะ  มันต้องอยู่ที่ปราสาทเอดินเบิร์ก  แหงมๆ”  เสียงของคนฉลาดดังขึ้น  ขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกับเพื่อนๆรอเวลาการแข่งขัน



    “ก็แน่ล่ะ  ขนาดหัวขโมยยังรู้  แล้วคนอื่นจะไม่รู้ได้ไง”  ขอทานกิตติมศักดิ์ขัดขึ้น  ทำให้หัวขโมยคนฉลาดยิ้มแหยๆ



    “ยังไงก็พยายามเข้านะคะ  พวกเราจะคอยเป็นกำลังใจให้”  น้ำเสียงอ่อนหวานดังมาจากเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล



    “ทำไมฉันถึงไม่ติดนะ!!  อยากรู้นักว่าไอ้ข้างในปราสาทมันจะมีอะไรน่ากลัวนักหนา”  บุรุษตาเดียวแห่งป้อมอัศวินกล่าวด้วยความหงุดหงิด



    “ก็ตอนแข่งหมากกระดานเกียรติยศครั้งก่อน  นายแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนี่”  คำอธิบายจากกัส  โทนีย่า  ที่เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แล้ว

        

    “ไม่มีคนสั่งให้เดินจะทำอะไรได้ไง”  ครี้ดยังหงุดหงิดไม่หาย  “เพราะฉะนั้น…ครั้งนี้ป้อมอัศวินก็ห้ามแพ้นะ  เฟริน!”  คนถูกเรียกชื่อสะดุ้งโหยง  แยกเขี้ยวรับ



    “ง่า…ทำไมมาบอกฉันคนเดียว  คนอื่นก็มี  ไปบอกมันโน้น”



    “ยังไม่รู้ตัวอีก  คนอื่นเค้าน่าห่วงที่ไหน”  เสียงจากคู่ปรับขาประจำ  ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น  ทำให้เฟรินพยักหน้ารับด้วยหน้าตาที่น่าเตะยิ่งนัก



    “พวกรุ่นพี่ให้มาตาม  พวกนายไปเตรียมตัวกันได้แล้ว”  คราวนี้เป็นเสียงจากมาทิลด้าที่เดินตามหลังมา



    “งั้นใครเป็นไฮคิงพระองค์ใหม่ก็รู้แล้วสิ”  น้ำเสียงแฝงความขี้เล่นจากนักฆ่าหนุ่มแห่งซาเรส  ทำให้ชาวป้อมอัศวินทั้งหลายพากันตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำเฉลยจากผู้ที่มาใหม่



    “กษัตริย์บาโรแห่งคาโนวาล”



    ป้าบๆ ๆ ๆ

    เสียงตบไหล่พระโอรสไฮคิงพระองค์ใหม่ที่ดังมาจากมือน้อยๆของหัวขโมยตัวแสบ

    “นั่นไง!!!  ฉันว่าแล้ว…พ่อนายได้อยู่แล้วแหงมๆ”  เสียงพูดกลั้วหัวเราะของเฟริน  ที่ไม่ได้สนใจเลยกับนัยน์ตาคู่สีฟ้าที่เริ่มมีประกายดุจัด  จนคนอื่นๆเริ่มกลัวแทน



    “รีบไปกันเถอะ  เดี๋ยวพวกรุ่นพี่เค้าจะรอนาน”  มาทิลด้าพูดขึ้น  เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยุ่งยังไม่หยุดซะที  แล้วชาวป้อมอัศวินทั้งหมดก็พากันยกขโยงออกมาเชียร์



    ทั้งหมดเดินทางมาถึงปากทางเข้าปราสาทเอดินเบิร์ก  ธงสีดำสัญลักษณ์แห่งคาโนวาลประเทศของไฮคิงพระองค์ใหม่โบกสะบัดดูน่าเกรงขาม  บรรยากาศโดยรอบคึกคักยิ่งนัก  กระโจมกลางมีการกางปะรำชั่วคราว  สำหรับเหล่ากษัตริย์ทั้งยี่สิบสี่ประเทศและแขกกิตติมศักดิ์



    ถัดมาเป็นกระโจมใหญ่อีกสี่กระโจม  ซึ่งมีธงสีแดง  น้ำเงิน  ขาวและดำโบกสะบัดพลิ้วไหวงดงามไปทั่ว  ซึ่งบัดนี้มีคนมาจับจองที่นั่งกันจนเกือบเต็มหมดแล้ว



    ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยไปยังฝั่งตะวันตกมากขึ้น  เสียงเป่าแตรสัญญาณเมื่อเหล่ากษัตริย์เสด็จมาถึง  เวลาแห่งการชิงชัยจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า  ไฮคิงพระองค์ใหม่เสด็จมาประทับยังเก้าอี้สีทองตะหง่านตรงกลางปะรำพิธี

    “คาโล  พ่อนายเท่ชะมัดเลยว่ะ”  เสียงชื่นชมจากเจ้าตัวยุ่ง  ขณะเดินไปสมทบกับพวกรุ่นพี่ที่รออยู่ก่อนแล้ว



    “ก็แน่ล่ะ  พ่อลูกเค้าก็เหมือนกัน  ไม่งั้นนายกับแม่นายจะไปตกหลุมรักหนุ่มจากคาโนวาลได้ไง”  น้ำเสียงขี้เล่นของเพื่อนรักที่นัยน์ตาสีม่วงมีประกายซุกซนแฝงอยู่  ส่งมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  ทำให้คนฟังสบถอุบ  แยกเขี้ยวรับ



    “เฮ้ยๆๆ  พูดถึงแม่คนอื่นเค้า  พูดให้มันดีๆหน่อยนะเฟ้ย”  เสียงชวนหาเรื่องสวนกลับไป  “แล้วอีกอย่าง…พ่อมันหรอกนะที่มาตกหลุมรักแม่ฉัน…^^”  พูดแล้วเฟรินก็ยิ้มเผล่



    “รวมถึงคาโลมันด้วยสิ”  เสียงจากขอทานกิตติมศักดิ์  ที่ทำให้เฟรินและคาโลเริ่มทำสีหน้าปั้นยาก



    “มากันแล้วซินะ…พร้อมแล้วใช่ไม๊”  คำทักทายจากซาตานแห่งป้อมอัศวิน  เมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสี่คน  ทำให้เปลี่ยนเรื่องพูดกันไปได้



    “ถ้าไม่พร้อม…เปลี่ยนตัวตอนนี้ทันไม๊ฮะ”  เฟรินพูดพร้อมทำหน้าตาน่าเข้าไปกระโดดเตะสั่งสอนสักทีสองที



    “ไม่ทันแล้วล่ะ  เฟริน”  คำตอบจากหัวหน้าเสนาธิการฝ่ายซ้าย  ทำให้เฟรินทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเข้าไปอีก



    “พอเข้าไปข้างในแล้ว  มีสติใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหาต่างๆให้ดี  ทุกอย่างอยู่ที่ตัวพวกนายเอง”  เสียงเอาจริงเอาจังดังขึ้นจากโรเวน  เป็นเสียงที่ทุกคนพยักหน้ารับคำ  รวมทั้งเฟรินเองก็เผลอพยักหน้าไปกับเขาด้วย



    “เอาวะ  เป็นไงเป็นกัน”  เสียงบ่นพึมพำดังขึ้นเบาๆ  แต่ก็ทำให้คนข้างตัวได้ยิน  ส่งนัยน์ตาสีฟ้าที่มีประกายอบอุ่นมาให้



    “ยังไงนายก็ยังมีฉัน”  เสียงกระซิบกลับมาทำให้เฟรินดวงหนาร้อนผ่าว  รีบพยักหน้าหงึกๆ



    เสียงแตรดังขึ้นอีกครั้ง  เพื่อเรียกผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งยี่สิบแปดคนมารวมกัน  แล้วอธิบายกติกาการแข่งขันให้เข้าใจให้ตรงกัน



    “กติกาการแข่งขันชิงตราไฮคิงพระองค์ใหม่ในครั้งนี้  พวกเธอทุกคนจะต้องค้นหาตราไฮคิงพระองค์ใหม่ภายในบริเวณโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กแห่งนี้ให้พบ  โดยสามารถใช้ได้ทั้งดาบ  คทา  และเวทมนตร์ต่างๆ  การแข่งขันจะไม่กำหนดระยะเวลา  แต่จะสิ้นสุดลงเมื่อมีคนหาตราพบเท่านั้น  และอีกอย่างพวกเธอคราวนี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ  ป้อมอัศวิน  ปราสาทขุนนาง  ปราการปราชญ์  และแผ่นดินประชาชน  ดังนั้นพวกเธอต้องกลับออกมาพร้อมตราไฮคิงพระองค์ใหม่ให้ครบทั้งเจ็ดคนนะจ๊ะ”



    เมื่อจบคำอธิบายการแข่งขัน  มิสแรมเซิลก็ยกมือให้สัญญาณเป่าแตร  เป็นการเริ่มต้นการแข่งขัน  คณะของปราสาทขุนนางเข้าไปภายในปราสาทเอดินเบิร์กเป็นกลุ่มแรก  ตามมาด้วยคณะของแผ่นดินประชาชน  และปราการปราชญ์



    “ไปยังฮะพี่”  เสียงจากคนที่ไม่อยากแข่งถามขึ้น  เมื่อเห็นว่าคนอื่นเค้าเข้าไปกันหมดแล้ว



    “เอานี่ติดไว้ก่อน”  โรเวนพูดพร้อมยื่นเข็มกลัดรูปมังกรสีทอง  ที่มีเม็ดทับทิมสีแดงสดประดับไว้เป็นดวงตาให้กับทุกคน



    “สวยจัง!!!…แล้วมันเอาไว้ทำอะไรล่ะฮะ”  เฟรินพูดด้วยความตื่นเต้น  พลางรับมาติดไว้ที่ปกเสื้อเหมือนกับทุกคน



    “ชาวป้อมอัศวินทุกคนสามารถหาคำตอบได้ด้วยตนเอง”  เสียงตอบพร้อมรอยยิ้มจากเจ้าชายแห่งเจมิไน  ทำให้คนฟังโคลงหัวไปมา



    “พร้อมแล้วก็ลุยกัน!!  ไปเถอะลอรี่”  เสียงของผู้คุมกฏลูคัส  ซาโดเรีย  ดังขึ้น



    ฟิ้ว!!  ฉึก!

    “ฉันว่าเอาไปปาข้างในนั่นดีกว่านะ”  การหลบอย่างชำนาญ  พร้อมกับความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นของอีกหนึ่งบุรุษผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวิน  ลอเรนซ์  ดอร์น



    ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในปราสาทเอดินเบิร์ก  กลิ่นของไอมนตร์ก็คละคลุ้งรุนแรงจนสัมผัสได้  รุนแรงกว่าตอนที่ป้อมอัศวินได้ทำการชิงตำแหน่งต่างๆภายในปราสาทแห่งนี้  รุนแรงจนทำให้คนที่อารมณ์ดีได้ทุกสถานการณ์ถึงกับผงะถอยหลังไป  แต่ก็ยังดีที่ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครคนหนึ่ง  ที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ  และนั่นก็ทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้นมาได้แล้วก้าวเท้าเดินต่อไป



    คนที่จะคอยปกป้องเธอในทุกที่…พลันในช่วงเวลาที่คิด…หมอกจางก็ลอยมาช้าๆ…มากขึ้นเรื่อยๆ…เรื่อยๆ…ก่อนก่อตัวหนาทึบจนทำให้มองอะไรไม่เห็น…



    “คาโล!!!  นายอยู่ไหน”  เสียงเรียกที่แฝงความกังวลดังขึ้นจากเฟริน



    “วีสกาย่า”

    น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้น  ในขณะที่ภาพเบื้องหน้าเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ  ภาพที่ทำให้เฟรินถึงกับอ้าปากค้าง  ภาพบริเวณชายแดนประเทศโคมาน  ภาพที่บุรุษสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่



    “ผมส่งเฟรินข้ามแม่น้ำเลทิสแล้วจะกลับไปมอบตัว”

    เอาแล้วไง…เวทมนตร์บ้าอะไรวะเนี่ย!!

    ส่งเธอย้อนเวลากลับมายังเหตุการณ์ที่รู้สึกสะเทือนใจที่สุด…อยากลืมที่สุด…



    “คา…คาโล!!”  เสียงเรียกที่สั่นระริกพร้อมกับน้ำใสๆที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเฟริน  เมื่อเห็นสภาพของบุรุษเบื้องหน้าชัดเจน  บุรุษที่ในตอนนั้นเธอไม่มีแม้โอกาสที่จะย้อนกลับมาดู  บุรุษผู้มีเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง



    “หกดาราพิฆาต!”

    คำประกาศของโรเวนแผดก้องทันทีที่ร่างพ้นเขตอาคม  เพลงดาบอันร้ายกาจโหดเหี้ยมรุนแรง  พุ่งปะทะอย่างไม่พลาดเป้า  แม้พายุน้ำแข็งจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาสวนกรรโชกรับ  แต่ทำได้อย่างมากก็แค่ซัดร่างเขาให้ผงะถลา  ให้ความเจ็บแล่นร้าวไปทั่วร่าง



    แต่บัดนี้  ชัยชนะอันเด็ดขาดเป็นของโรเวน  แห่งเจมิไน    

    ร่างเหนือคทาค่อยล้มลงช้าๆ  ก่อนดวงหน้าจะแนบทับพื้นพสุธา  แล้วมอบจุมพิตสุดท้ายแด่พระแม่ธรณี



    “ม่ายยยยยย…!!!”  เสียงร้องจากเฟรินที่บอกถึงความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่สุดในชีวิต



    “ผ่าปฐพี”

    ดาบใหญ่พุ่งสวบเข้ามาอยู่ในมือ  เฟรินกำดาบแน่น  เตรียมพร้อมที่จะเข้าปะทะกับบุรุษนัยน์ตาสีน้ำเงินเบื้องหน้า  ที่บังอาจมาทำกับคนของเธอ  พลันหิมะแรกแห่งโคมานก็ตกลงมา  เฟรินแบมือรองรับความอ้างว้างอันหนาวเหน็บ  เย็นเหยียบเข้าสู่กลางห้วงหัวใจ  แล้วก็ไปสะดุดเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่ปกเสื้อ  อะไรที่ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้  



    อดีตที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้…จะมีก็แต่ปัจจุบันและอนาคตที่ยังคงต้องดำเนินต่อไป…ดำเนินต่อไปด้วยตัวของเธอเอง…คิดแล้วเฟรินก็แย้มรอยยิ้ม



    “อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย”  พูดจบก็ตวัดดาบในมือออกไปด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น  แสงสีทองจากเข็มกลัดสว่างขึ้นชั่วครู่  ก่อนจางลงอย่างช้าๆ  ปรากฏให้เห็นเป็นภาพบนยอดปราสาทเอดินเบิร์กที่คุ้นเคย



    ปัง!!

    เสียงเปิดประตูห้องเก็บสมบัติดังขึ้น  เมื่อเฟรินก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องก็ต้องแปลกใจกับห้องที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง  แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจน้อยกว่า  เมื่อพบกับบุรุษผมเงินเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว



    “คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย”  เฟรินเอ่ยขึ้นกับตัวเอง  พร้อมกับโคลงหัวไปมาพลางคิดในใจ...เอาวะ!!  เป็นไงเป็นกัน



    “แล้วคนอื่นล่ะคาโล”  เฟรินถามพลางเดินเข้ามาใกล้  คราวนี้ไม่ส่งย้อนเวลาหรือว่าจะส่งไปในอนาคต



    “เดี๋ยวคงตามมา”  เสียงตอบกลับจากคาโลก่อนที่จะนิ่งไป  แล้วเป็นฝ่ายถามบ้าง  “เรื่องเมื่อวาน...ถ้าฉันพูด...นายจะตกลงมั้ย”



    อ๊ากกกกกก!!!

    เล่นไม้นี้เลยรึเนี่ย  เฟรินดวงหน้าร้อนผ่าว  แก้มเริ่มขึ้นสีระเรื่อ

    “เลิกเล่นบ้าๆได้แล้ว  ฉันไม่มีเวลามาย้อนอดีตหรือมาเดินเล่นในอนาคตทั้งวันหรอกนะ  ฉันรีบ!!  พวกนั้นรอฉันอยู่”  เฟรินเริ่มหงุดหงิด  เมื่อไอ้เวทมนตร์บ้าดันมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้กับเธอ



    “ผ่าปฐพี”

    เฟรินเรียกดาบใหญ่มาเข้ามืออีกครั้ง  แต่ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันขึ้น  บุรุษเบื้องหน้าก็เดินเข้ามาใกล้  มือใหญ่โอบไปที่เอวบางของสาวน้อย  ก่อนประทับริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากบางของแม่เจ้าประคุณ  ที่ดูเหมือนจะแยกไม่ออกระหว่างอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต



    เคร้ง!  เคร้ง!!  เคร้ง!!!

    เสียงผ่าปฐพีตกกระทบพื้น...นี่เธอไม่ได้ย้อนอดีตหรือไปอยู่ในอนาคตที่ไหนหรอเนี่ย!  คิดแล้วหน้าก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่  แล้วเวลาอย่างนี้มันยังจะมาพูดเรื่องแบบนี้อีกหรอเนี่ย...สงสัยมันจะคิดมากจริงๆ...คิดแล้วก็นึกดีใจขึ้นมาลึกๆ...^^



    “ตกลงรู้รึยังว่าอยู่ที่ไหน”  เสียงแฝงความเอ็นดูปนขบขันจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลกระซิบเข้าที่ข้างหูของสาวน้อย



    “ง่า...ก็เมื่อกี้ฉันไปเจอนายกับโรเวนที่โคมานมานี่”  เฟรินพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสยังดวงหน้าคมคายของบุรุษเบื้องหน้า



    “ตานายหายดีรึยัง”  เฟรินถามด้วยความเป็นห่วง  คนถูกถามแย้มรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก  ก่อนพยักหน้ารับช้าๆ



    “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นซินะ  ไม่หายได้ไง!!  ได้รับจุมพิตจากเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลทั้งที”  คำตัดพ้อจากเฟรินที่ทำให้คาโลได้แต่อมยิ้มรับกับความน่ารักของเจ้าหล่อน



    “แต่ก็คงจะหายขาดไปไม่ได้  ถ้าไม่ได้รับจุมพิตจากเจ้าหญิงแห่งบารามอส”  คาโลแย้มรอยยิ้มขึ้นอีก  เป็นรอยยิ้มที่หายได้ยากจากเจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาล  ทำให้เฟรินหัวใจเต้นโครมคราม  ดวงหน้าขึ้นสีแดงจัด



    ปัง!!

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง  ทั้งสองคนรีบแยกจากกันทันที  คราวนี้บุรุษนัยน์ตาสีน้ำเงินก้าวเข้ามาภายในห้องเป็นคนแรก  ก่อนตามมาด้วย  นักฆ่าหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมๆกับขอทานกิตติมศักดิ์



    “เฮ้ย...เฟริน!!  มาถึงนานแล้วหรอ”  คิลถามเพื่อนรักขณะเดินเข้ามาใกล้  ทั้งๆที่สภาพเค้าในตอนนี้ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก  พอๆกับโรที่เดินตามเข้ามาสมทบ



    “เออดิ...แล้วไมพวกแกมาช้าจัง”  คำตอบกลับของเฟรินทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งมาถึง  พร้อมกับนึกอะไรขึ้นมาได้  มันต้องไปเจอเหตุการณ์อะไรมาแน่ๆ  คงคล้ายๆกับที่เธอไปเจอมาแหงมๆ  



    “พวกแกไปเจออะไรมา  บอกมาซะดีๆ”  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนดวงหน้าของหัวขโมยจอมยุ่ง



    “แกไม่ต้องมายุ่ง  แล้วลอเรนซ์กับลูคัสล่ะ”  คำตอบของคิลทำให้เฟรินทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเข้าให้  ทำให้คนที่เห็นอยากกระโดดเข้าไปเตะมันซักทีสองที



    “ขอโทษทีที่มาช้า  พอดีไปเดินเล่นกับลอรี่มานิดหน่อย”  เสียงจากบุรุษผู้มาใหม่  พร้อมกับเสียงของอะไรบางอย่างที่ตามมาคู่กัน



    ฟิ้ว!!  ฉึก!

    กริชเงินของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์  บินเฉี่ยวหัวรุ่นน้องผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปอย่างฉิวเฉียด  เนื่องจากเป้าหมายตัวจริงหลบได้ทันเช่นเคย



    “เอาเป็นว่ามากันครบแล้ว”  โรเวนเอ่ยขึ้น  พลางกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเก็บสมบัติ  ที่บัดนี้เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยแม้แต่น้อย  ห้องที่มีผนังห้องก่อขึ้นด้วยอิฐทรายหนา  เรียงกันเป็นชั้นๆ  ลึกเข้าไปภายในห้องพบแท่นสูงตั้งตระหง่านอยู่  มีช่องว่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆอยู่ตรงกลาง  แล้วก็มีตราสีทองของกษัตริย์ทั้งยี่สิบสี่ประเทศวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ  บนเบานุ่มหนาที่บุกำมะหยี่สีดำสนิท



    “แล้วคู่แข่งของเราไม่มีมาถึงเลยหรอเนี่ย”  เฟรินถามด้วยความสงสัย



    “มีสิ  แต่นายอ่ะมาช้า...เลยอดเจอพวกนั้นเลย”  โรตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  ทำให้เฟรินเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง



    “อย่าบอกนะว่าฉันมาถึงเป็นคนสุดท้าย...แล้วพวกนายที่มากันก่อน...ก็จัดการคู่แข่งของเราไปหมดแล้ว!!!”  เฟรินทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ



    “ก็ไม่เชิงหรอกนะเฟรี่  นายอ่ะมาถึงเป็นคนสุดท้ายก็จริง  แต่แค่ของป้อมเราเท่านั้นแหละ  ส่วนพวกคนที่หลุดมาก่อนหน้านายก็เก่งพอดูเลยล่ะ  พวกฉันเลยต้องออกแรงนิดๆหน่อยๆ”  คำตอบกลับจากลูคัส  ทำให้เฟรินถอนหายใจเฮือก  พลางคิดในใจ...มีรึคนอย่างโรเวนจะมาทีหลังเธอ  แล้วไอ้ที่เธอมาเจอคาโลรออยู่ก็คงเป็นเพราะว่าคงรู้กันล่ะซิว่าเธอต้องโผล่มาเป็นคนสุดท้าย...คิดแล้วก็เริ่มยิ้มแหยๆ



    “เอาน่าเฟริน  นายมาถึงก็ดีแล้ว”  คำปลอบจากเพื่อนซี้ที่ได้แต่แยกเขี้ยวรับ



    “มาดูกันดีกว่าว่าตราไฮคิงพระองค์ใหม่อยู่ที่ไหน”  เสียงขัดขึ้นจากโรเวน  ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาสนใจกับสิ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า



    “ตราแห่งคาโนวาลก็อยู่ที่นี่  แต่มันไม่น่าจะง่ายขนาดนี้”  ห้องสมุดเคลื่อนที่แห่งป้อมอัศวินออกความคิดเห็น



    “ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ  จริงไหม๊ลอรี่”



    ฟิ้ว!!  ฉึก!

    “ของปลอม”  เสียงที่บ่งถึงอารมณ์ที่หงุดหงิดสุดขีด  ขณะเดินไปดูตราที่วางเรียงรายอยู่



    “ง่า...งั้นผมว่าไอ้ช่องนั่นมันน่าจะมีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันแหงมๆ”  เสียงจากหัวขโมยจอมยุ่งที่ขอออกความคิดเห็นด้วยคน



    “มันก็แน่อยู่แล้ว  ช่องนั่นมันพอดีกับตราพวกนี้ยังกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันเด๊ะ”  คิลพูดพลางเดินเข้าไปดูที่แท่น



    “นายว่าไง  คาโล”  เสียงจากเสนาธิการฝ่ายซ้ายดังขึ้น



    “ไฮคิงพระองค์ใหม่มีการแต่งตั้งเนื่องจากไฮคิงพระองค์ก่อนสวรรคต  ดังนั้นการจะหาตราที่แท้จริง  ไฮคิงพระองค์ก่อนก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”  คำตอบจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล  ทำให้เจ้าชายโรเวนพยักหน้ารับช้าๆ  พอใจกับรุ่นน้องที่คิดเหมือนกันไม่มีผิด



    “ตราแห่งบารามอส!!”

    เสียงจากหัวขโมยจอมยุ่งดังขึ้น  ไม่ทันขาดคำ!!  ก็เดินฉับๆไปหยิบตราแห่งบารามอสมาวางลงในช่องตรงกลางแท่นทันที



    “เฮ้ย!!!  เฟริน”

    เสียงอุทานจากเพื่อนซี้ที่เห็นเจ้าตัวยุ่งใจร้อนเกินเหตุ  สงสัยมันจะแก้หน้าที่มาถึงเป็นคนสุดท้าย  ไม่ทันไรแสงสว่างจ้าก็ส่องสว่างขึ้น...สว่างมาก...สว่างแต่ไม่แสบตา...พลันตราแห่งเกียรติยศก็ปรากฏขึ้น...ตราแห่งคาโนวาลสัญลักษณ์ประจำไฮคิงพระองค์ใหม่



    ทุกคนยื่นมือมาสัมผัส  ห้องทั้งห้องก็แปรเปลี่ยนสภาพไป  ปรากฏเป็นภาพทางเข้าเบื้องหน้าปราสาทเอดินเบิร์ก  พร้อมกับเสียงปรบมือแสดงความยินดีจากเหล่ากษัตริย์  และเสียงผิวปากหวิว  ตะโกนแสดงความชื่นชมยินดีที่ดังกึกก้องจนแผ่นดินแทบจะแยกออกจากกัน  มาจากทางกระโจมของชาวป้อมอัศวิน...เสียงแห่งเกียรติยศ...เสียงที่พวกเค้าสามารถรักษาไว้ให้ป้อมอัศวินได้อีกครั้ง...



    ------------------------------------------------------------------

    มุมจิบน้ำชา : ฟิคนี้ใช้เวลาเขียนค่อนข้างนานอ่ะ(ระหว่างตอน2 กับตอน3 ที่โพสต์ในเว็บบอร์ดบารามอสอ่ะค่ะ  ช่วงวันสงกรานต์ไม่ได้เขียนเลย  แหะๆ)  แต่ก็แต่งจบตอนจนได้  เย้ๆๆๆๆ  ค่อนข้างยาวอีกแล้วครับท่าน  คนเขียนเกิดอาการ  มันส์พะย่ะค่ะ  ชอบกันรึเปล่าเอ่ย  อิอิ      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×