ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Horror Fic} 7 Day's of Nightmare

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่5วันศุกร์ของผู้เกียจคร้าน

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 59




    ตอนที่5วันศุกร์ของผู้เกียจคร้าน



        ทุกคนชอบกีฬาสีกันไหมล่ะแน่นอนว่าเวลามีกีฬาจะต้องมีคนอยู่สองประเภท คือประเภทแรกเป็นพวกชอบกีฬาสีเป็นชีวิตจิตใจและประเภทที่สอง คือพวกที่เกลียดกีฬาสีแบบเข้ากระดูกดำซึ่งฉันคือพวกประเภทที่สองคือเกลียดสุดๆเวลาโรงเรียนจัดงานกีฬาสี!



        ในตอนนี้ฮิคารุกำลังนั่งเอาหน้าฟุบด้วยความเบื่อหน่าย เพราะอีกห้าวันจะมีการจัดงานกีฬาสีซึ่งเขาเป็นประเภทพวกที่ไม่มีชอบใช้แรงเยอะ



        “ทำไมทำตัวเบื่อโลกแบบนั้นล่ะฮิคารุ?”



        “ฉันเกลียดงานกีฬาสีต้องออกแรงทำโน้นทำนี่ ไหนจะต้องมาลงแข่งกีฬาอีก”



        “อืมฉันเข้าใจความรู้ของนายดี”



        “อะไรกันเล่าพวกนายสองคนงานกีฬาสีดีออกจะตายไป เรียนก็ไม่ได้เรียนการบ้านก็ไม่มีด้วย”ในหัวของฮิคารุกับยูกินึกคำเดียวกันได้ขึ้นมาทันที



        “(ไอ้ตัวขี้เกียจบ้าพลังเอ๊ย)”



        “ฉันว่าพวกนายก็เก่งเรื่องกีฬาออกนี่นา”



        “ใครมันจะไปบ้าพลังเหมือนนายกันล่ะ”



        “โธ่พูดแบบนั้นก็ไม่เกินไปหน่อยมั้งยูกิ”



        “ไม่เกินไปหรอกนายน่ะหัดขยันเรียนซะบ้าง แล้ววันนี้มีสอบเก็บคะแนนอ่านหนังสือมาหรือยังห๊ะ”



        “อะจึ๋ย!



        “นายนี่มันอย่าทำตัวขี้เกียจเหมือนเจ้าทาโอะจะได้ไหม”



        “น่าๆฉันอ่านมาแล้วแค่ไม่มั่นใจว่าจะสอบได้เฉยๆเท่านั้นเอง”



        “เฮ้อออนายนี่มันจริงๆเลย”



        “ยูกิทาโอะนี่ใครเหรอ?”



        “อ้อ!จริงสินายไม่ค่อยได้คุยกับคนอื่นมากนักนี่นา ฉันหมายถึงเจ้าหมอนั่นน่ะ”ยูกิชี้นิ้วไปทางผู้ชายตัวผอมคนหนึ่งเขามีผมสีดำหยิกหยอย ตาสีคำคอบตาของเขาดำคล้ำเล็กน้อยเหมือนคนนอนดึกกำลังยื่นคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่



        “น่าๆแค่ขอลอกการบ้านนิดหน่อยเอง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”



        “ไม่ได้ก็คือไม่ได้โทราชิคุงก็หัดทำเองบ้างสิ”



        “ก็ทำการบ้านเองมันน่าเบื่อนี่นา ลอกจากคนอื่นยังจะสบายกว่าเยอะ”



        “ฉันไม่รู้ด้วยล่ะฉันไปก่อนทิวข้อสอบในห้องสมุดดีกว่า”



        “ดเดี๋ยวสิ”



        “ก็อย่างที่เห็นหมอนั่นไม่ชอบทำการบ้านแล้วมาขอลอก คนอื่นเขาตลอดแถมชอบนั่งเล่นเกมตอนดึกๆอีก”



        “แล้วนายเคยโดนขอแบบนั้นไหมล่ะ”



        “ตอนม.4หมอนั่นมาหาฉันบ่อยเลยล่ะ”



        “แต่นายคงตอบปฏิเสธทันควันสินะ”



        “ก็แหงอยู่แล้วล่ะใครมันจะไปให้คนพันนั้นลอกกัน ฉะนั้นแล้วไดรถ้าสอบรอบนี้นายได้ไม่ถึง60คะแนนขึ้นไปล่ะก็นายตายแน่เพื่อน



        “คครับไม่ต้องทำหน้าตาน่ากลัวก็ได้”



        “ฮะฮะฮะจริงสิจะว่าสอบครั้งนี้จะคัดหัวหน้าห้องฝ่ายหญิงกับชายด้วยสินะ”



        “ใช่แล้วล่ะเวลามีสอบอย่างงี้ทีไรยูกิได้เป็นหัวหน้าทุกทีนั่นแหละ”



        “ก็นะแต่ปีนี้ไม่แน่ใจแฮะ”



        “ทำไมล่ะ?”แล้วยูกิก็จ้องมาทางฮิคารุที่นั่งอยู่แล้วสบตาเข้ากับยูกิพอดี



        “ฉะฉันเหรอ?”



        “ก็ใช่น่ะสิรู้สึกว่าสอบปลายภาคของเทอมที่แล้ว นายทำคะแนนเยอะกว่าฉันนี่นา”



        “มันก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นเอง”



        “ไม่มีทางที่นายจะฟลุ๊คได้หรอกสอบครั้งนี่ ฉันจะชนะนายให้ได้เลยค่อยดู”



        “โดนประกาศสงครามซะแล้วนะฮิคารุ แบบนี้นายไม่รอดแน่”



        “แหะ แหะ แหะ”



    …………………………………………………



        “อ้าวล่ะทุกคนวันจะมีการสอบเก็บคะแนนและ เป็นการคัดเลือกหัวหน้าห้องด้วยนะดังนั้นตั้งใจกันหน่อยล่ะ”ข้อสอบวิชาแรกเป็นวิชาคณิตศาสตร์ ทุกคนต่างพากันเคร่งเคลียดในการทำข้อสอบมีอยู่คนหนึ่งที่ยังทำตัวชิลล์ๆไม่ยอมทำข้อสอบจริงจังอยู่



        “ข้อสอบวิชาคณิตอย่าจะตายไปกามั่วๆไปซะก็จบ จะได้มีเวลาเหลือเล่นเกม”ว่าแล้วทาโอะก็กาข้อสอบแบบส่งเดชไปด้วยไม่สนใจคะแนนของตนเอง แล้วก็แอบหยิบเครื่องเกมมากดเล่นใต้โต๊ะผ่านไปสักพักการกระทำของเขาก็ความแตกจนได้



        “โธ่เอ้ย อีกแค่นิดเดียวก็ชนะบอสได้แล้วเชียว”



        “งั้นเอาชนะข้อสอบให้ได้ก่อนดีมั๊ยล่ะ”สายตาของอาจารย์หญิงแก่ จ้องเขม็งไปที่ทาโอะ



        “ออาจารย์!



        “ใจกล้าไม่น้อยนะที่กล้าเล่นเกมในเวลาสอบแบบนี้ เครื่องเกมนี่ฉันจะยึดเอาไว้ที่ห้องพักครูไว้มาเอาตอนปิดเทอมแล้วกันส่วนเธอก็ออกไปยืนนอนเดี๋ยวนี้”



        “แต่



        “ไม่มีคำว่า แต่ ไปเดี๋ยวนี้”



        “ฮ่าฮ่าฮ่า”ระหว่างที่เดินออกไปทางประตูคนที่อยู่ในห้อง ก็พากันหัวเพราะไล่หลังของเขา



        “พวกเธอที่เหลือก็ตั้งใจสอบกันล่ะ”



        “ครับ/ค่ะ”



        “ถ้าอาจารย์ยึดเครื่องเกมไปแล้วเราจะเอาอะไรมาเล่นล่ะเนี่ย”



        “ทุกคนหมดเวลาสอบแล้วส่งกระดาษคำตอบขึ้นมา ให้เวลาพัก5นาทีเตรียมสอบวิชาต่อไป”



        “สอบเป็นไงบ้างฮิคารุนายทำได้ไหม”



        “อืมพอได้นะทางนายล่ะยูกิ”



        “สบายมากแต่ก็นะส่วนไดรก็นั่งสลดอย่างงั้นไม่น่าจะรอดแฮะ”



        “แหะ แหะ”



        “แต่จะว่าเจ้าบ้าทาโอะใจกล้าจริงนะที่กล้าเล่นเกมในเวลาสอบเนี่ย”



        “นั่นสินะเขาไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสอบเลยนะ”



        “ถ้าคนแบบนั้นสนใจน่ะแปลกจริงสิ หมดเวลาพักแล้วฉันไปก่อนนะ”



        “อืม”



    …………………………………………………



        “เอาล่ะทุกคนคะแนนสอบจะบอกในวันพรุ่งนี้นะ วันนี้ก็กลับบ้านกันดีๆล่ะ”



        “ครับ/ค่ะ”



        “ฮิคารุฉันจะไปร้านหนังสือน่ะไปด้วยกันไหม”



        “ไปสิฉันอยากจะไปหาหนังสือมาอ่านพอดี”



        “งั้นพวกเราสองคนไปกันเถอะ”



        “สองคน?แล้วไดรล่ะ”



        “หมอนั่นบอกว่าสอบเสร็จแล้วรู้สึกอึดอัด เลยขอไปยืดเส้นยืดสายที่สนามบอลใกล้บ้านน่ะ”



        “ก็สมกับเป็นไดรล่ะนะ”



        “งั้นเราไปกันเลยเถอะ”แล้วทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไประหว่างทางพวกเขาก็คุยกัน เรื่องข้อสอบของวันนี้จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงร้านหนังสือพวกเขาก็แยกย้ายกันไปตามมุมหนังสือที่ตนสนใจฮิคารุก็เดินไปเลือกดูหนังสือตรงมุมหนึ่งระหว่างที่หาอยู่นั้น เขาก็สะดุดกับมุมหนังสือวรรณกรรมซึ่งทำให้เขานึกถึงเด็กสาวผมดำที่เขาวันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้คุยกับเธอเลย



        “เฮ้ฮิคารุนายเลือกหนังสือได้หรือยัง”



        “ออืมได้แล้วล่ะ”ฮิคารุหยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่มแล้วไปจ่ายเงินพร้อมกับยูกิ



        “ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะ”



        “โอเคไว้เจอกันพรุ่งนี้”หลังจากบอกลากันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกลับบ้านไปคนละทาง ระหว่างทางกลับบ้านนั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน เขาชอบมองพระอาทิตย์ตกดินจากทางนี้เสมอแถวนี้จะไม่มีผู้คนเดินมาสักเท่าไร แต่วันนี้แปลกไป เขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเธอนั่งอยู่เนินหญ้าใกล้ๆริมแม่น้ำดูเหมือนเธอกำลังนั่งทำอะไรอยู่ฮิคารุเดินเข้าไปใกล้เธออีกนิดหน่อย



        “เธอมาทำอะไรตรงนี้เหรอชิโนะ?”



        “หืมมมมอ๋อคุณนั่นเอง”



        “ฉันขอนั่งด้วยได้ไหม”เธอไม่ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบฮิคารุนั่งลง ข้างๆเธอเว้นระยะห่างจากเธอเล็กน้อยนั่นทำให้เห็นว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่



        “ทำไมมานั่งพับกระดาษตรงนี้ล่ะ”



        “ตรงนี้วิวสวยแล้วก็ลมพัดเย็นสบายดีน่ะคะ แต่ก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก”



        “ฉันเองก็ชอบที่นี้เหมือนกันแต่ก็ไม่เคยมานั่งตรงนี้หรอกนะ”สายลมพัดผ่านเข้ามากลิ่นของต้นหญ้า ทำให้ฮิคารุรู้สึกผ่อนคลาย แล้วชิโนะยื่นนกกระดาษที่เธอนั่งพับอยู่ตัวนกเป็นกระดาษสีแดงที่มีลวดลายของดอกไม้หลายชนิด



        “เธอให้ฉันงั้นเหรอ?”



        “อืมใช้แทนเครื่องรางน่ะ”



        “เออขอบใจพับสวยดีหนิแล้วเธอพับไว้ เอาไปทำอะไรงั้นเหรอ”



        “นิดหน่อยน่ะคะ”



        “เหรอถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนล่ะนะ เธอเองถ้ากลับบ้านก็ระวังตัวด้วยล่ะ”



        “เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”



        “เจอกันพรุ่งนี้”



    …………………………………………………



        เมื่อพระอาทิตย์ตกลับฟ้าไปแล้วก็น่าจะไม่มีบุคคลใด อยู่ในบริเวณของโรงเรียนแต่ก็ยังมีใครบางคนทำตัวลับๆล่อๆอยู่หน้าโรงเรียน



        “ป่านี้แล้วคงจะไม่มีใครอยู่ที่โรงเรียนแล้วล่ะ เป็นโอกาสเหมาะไปเอาเครื่องที่ห้องพักครูเลย”โทราชิล้วงไฟฉายในกระเป๋ากางเกงออกมา เดินเข้าไปในตัวอาคารเรียนเดินตรงไปยังห้องพักครูทางเดินในโรงเรียนยามค่ำคืนมันช่างเงียบงัน   



        “ให้ตายเถอะมาโรงเรียนตอนกลางคืนแบบนี้ก็น่าขนลุกใช่ย่อยแฮะ”



        แกร๊งๆๆๆๆ



        “นั่นใครน่ะ”โทราชิรู้สึกได้ยินเสียงแปลกผ่านหลังเขาไปจึงตะโกนถามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น



        “สงสัยฉันคงหูแววไปเองแฮะช่างเถอะ”ผ่านไปสักพักโทราชิก็มาถึงห้องพักครูเขาใช้วิธี งัดแงะประตูอย่างชำนาญเขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าข้างในห้อง เขาหาโต๊ะของอาจารย์ที่ยึดเครื่องเกมเขาไปแล้วความพยายามของเขาก็สำเร็จ เครื่องเกมถูกว่างบนโต๊ะเขาจึงหยิบมันมาแล้วรีบออกจากห้อง



        “สำเร็จในที่สุดก็ได้เครื่องเกมกลัยมาเอ๊ะ!?”เขารู้สึกเห็นอะไรกำลังมาทางเขา มันอยู่ไกลเขามองมันไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่พอมันยิ่งเข้ามาใกล้ๆทำให้เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง



        “มะๆมือเดินได้”สิ่งที่โทราชิเห็นคือมือข้างขวา มันใช้นิ้วทั้งห้าเดินแทนเท้ามันกำลังมาด้วยความเร็วสูงซึ่งโทราชิก็ไม่ยื่นรอให้มันมาใกล้ เขารีบวิ่งหนีทันทีแต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหนเขากลับรู้สึกว่าทางเดินที่เขาอยู่นั้นเหมือนมันไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดปลายทาง



        “แฮ่ก แฮ่กทำไมกันเนี่ยวิ่งเท่าไรก็ไม่ถึงบันไดอีกล่ะ”ระหว่างที่วิ่งอยู่เขาก็หัดไปมองด้านหลังเจ้ามือนั่น มันยังวิ่งตามเขามามันก็ตามมาแบบติดๆ และเข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆแล้วโทราชิก็สะดุดล้มจนได้เขารีบหัดไปด้านหลังมือที่ไล่ตามเขามาก็กระโจมใส่และกระชากคอเสื้อของโทราชิ



        “ว้ากกกกกกกก!!!”เมื่อยิ่งเห็นมือใกล้ๆลักษณะของมันเป็นเหมือนหนังหุ้มกระดูก สีผิวออกน้ำตาลเข้มนิ้วนางกับนิ้วก้อยเป็นกระดูก



        “หยุดแหกปากร้องซะไม่งั้นแกตาย”



        “กะ...แกเป็นตัวอะไร”



        “ข้าจะเป็นตัวอะไรก็ช่างถ้าแกไม่ช่วยข้าแกต้องตาย”



        “ชะช่วย?แกจะให้ช่วยอะไร”



        “ตามหาชิ้นส่วนที่หายไปของข้าที่กระจัดกระจ่ายอยู่ที่นี่”



        “ห๊ะ!?...แล้วฉันจะไปหาที่ไหนให้แกกันเล่า เห็นอย่างงี้โรงเรียนนี้มันก็ใหญ่เอาเรื่องนะ”



        “ข้ารู้ว่าชิ้นส่วนของข้าอยู่ที่ไหนแต่ข้าไม่สามารถ จะไปเอามันมาเองได้เพราะมีคนใช้เวทย์ผนึกชิ้นส่วนของข้าเอาไว้ดังนั้นแกต้องช่วยข้า”



        “ถ้าฉันไม่ช่วยแกล่ะ”



        “ถ้าแกไม่ช่วยถ้าแกไม่ช่วยหรือช่วยแต่เกิดเลิกกลางคัน แกจะถูกข้าคนนี้สาปแช่งให้ตายซะกลับกันถ้าแกช่วยข้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปแบบโดยดี”



        “โอเคๆฉันจะช่วยแกก็ได้แล้วอยู่ไหนล่ะ ไอ้ชิ้นส่วนแกน่ะ”



        “ตามข้ามา”มันปล่อยมือจากคอเสื้อของโทราชิ แล้วก็นำทางไปที่ไหนสักที่ภายในโรงเรียนนี้เขาเดินตามันสักพักมันก็ไปหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง



        “ที่นี่คือที่แรก”



        “หืมมมมมห้องสมุดงั้นเหรอ”โทราชิลื่นประตูออกเจ้ามือก็รีบเข้าไปมันตรงไปยัง ตูเก็บหนังสือตูเล็กติดผนังห้อง



        “ข้างในตู้นี่แหละ”



        “ไม่เห็นจะมีเลยนี่นาเจ้ามือแน่ใจนะ”



        “มันซ่อนอยู่หลังหนังสือต่างหากเล่า”โทราชิย่อตัวลงไปเปิดตู้ออกแล้วลื่อหนังสือ ที่อยู่ข้างในออกก็มีมือข้างซ้ายอยู่แล้วมันก็ออกมาจากตู้หนังสือ เขาจะร้องลั่นแต่เพราะเจอแขนข้างขวาไปก็เลยไม่ค่อยตกใจมากเท่าไรสายตาของโทราชิก็มองไปเห็นกระดาษโอริกามิรูปหมวกซามูไร ตกอยู่ข้างๆหนังสือที่เขาลื่อออกมาตรงกลางมีตัวอักษรแปลกๆที่เขียนด้วยหมึกดำอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจอย่างอื่นในหัวของเขาตอนนี้คิดแต่จะเอาตัวรอดให้ได้อย่างเดียว



        “นี่แกน่ะไปกันต่อได้แล้ว”



        “รู้แล้วน่า”มือทั้งสองข้างก็ใช้นิ้วไต่ออกไปโดยที่ไม่รอให้ โทราชิที่กำลังลุกขึ้นยื่นเลยแม้แต่น้อย



        “แค่ข้างเดียวก็ขนลุกอยู่แล้วยิ่งสองข้างยิ่งสยองเข้าไปใหญ่”คราวนี้มือทั้งสองข้างของมันไต่ออกไปยังด้านนอกอาคารและไปยังโรงยิมที่อยู่ข้างๆอาคาร



        “คราวนี้โรงยิมอีกเหรอเนี่ยให้ตายเถอะ ขี้เกียจไปโน้นมานี่จริงๆเล้ย”



        “เลิกบ่นแล้วมาเปิดประตูนี่จะได้ไหม”



        “ไม่ต้องบอกฉันก็รู้อยู่แล้วแต่ประตูนี้ล็อค ฉันต้องใช้เวลาเปิดแป๊บหนึ่ง”



        “เร็วๆหน่อยก็แล้วกัน”โทราชิก็ใช้วิธีเดิมกับประตูห้องพักครูเมื่อเขาปลดล็อคได้ เขาเปิดประตูออกเจ้ามือทั้งสองก็รีบเข้าไปอีกตามเคย มันไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา



        “ในห้องนี้สินะ”เขาเปิดประตูข้างในนั้นนอกจากจะมีอุปกรณ์กีฬา ก็ยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ด้านในมันเป็นร่างกายในชุดกิโมโนสีขาวเก่าๆที่ชายเสื้อและแขนขาดขาดหวิว โทราชิกลั่นใจแบกร่างนั้นออกมาแล้วก็มีของบางอย่างหล่นออกมาจากตัวเสื้อ



        “โอ้วววว!ร่างกายของข้า”แล้วแขนทั้งสองข้างก็เข้าไปต่อกับร่างกายของมัน แต่โทราชิไม่ได้มองพวกมันเขามองสิ่งหล่นออกมาจากเสื้อของมัน มันคือกระดาษโอริกามิรูปจิ้งจอกตรงกลางถูกเขียนอักษรแปลกๆด้วยหมึกสีดำเหมือนอันก่อนหน้านี้



        “ข้าต่อร่างกายเสร็จแล้วไปต่อกันได้”



        “อ...เอ้อ”เมื่อแขนกับร่างต่อกันความเร็วของมันเลยตกลงไปบ้าง ถ้าไม่นับเรื่องหัวมันคงเหมือนกับคนพิการที่ไม่มีขาทั่วไป



        “(คราวนี้สยองยิ่งกว่าแขนสองข้างอีกแฮะ)”ครั้งนี้มันคานย้อนกลับเข้าไปด้านในอาคารอีกครั้ง มันคานไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องวิทยาศาสตร์ โทราชิก็ทำแบบเช่นเคยคือเปิดประตูแล้วให้มันเข้าไปมันคานไปที่โต๊ะทดลองตัวหนึ่งโทราชิก็เดินไปเปิดตู้ข้างใต้ออก ข้างในมีขาสองข้างยัดอยู่ด้านหลังอุปกรณ์ทดลองแต่เขาต้องค่อยๆหยิบอุปกรณ์ออกเพราะแต่ละอย่าง มันมีราคาที่แพงมากพอหยิบออกมาหมดขาทั้งสองข้างมันก็กระโดดออกมาเอง เข้าไปต่อกับส่วนที่เหลือและเช่นเคยเมื่อเจอชิ้นส่วนมันก็ต้องมีกระดาษโอริกามิอยู่ซึ่งมันเป็นอย่างที่เขาคิด ด้านในมุมของตู้มีกระดาษที่พับเป็นรูปนกว่างอยู่เขาหยิบออกมาดูที่ปีกของนกมีตัวอักษรแปลกๆที่เขียนด้วยหมึก เหมือนอันอื่นๆระหว่างที่เจ้าชิ้นส่วนพูดได้กำลังนำทางออกไปโน้นมานี่เขาก็แอบเก็บพวกกระดาษโอริกามิมาด้วย



        “นี่แกน่ะเหลือส่วนสุดท้ายแล้วรีบตามาซะ”ไม่รอช้ามันเดินนำเขาไปเขาก็ได้แค่เดินตามมันเท่านั้น คราวนี้เขาต้องเดินขึ้นบันไดหลายขั้น จนถึงบันไดขึ้นไปชั้นบนดาดฟ้า



        “แฮ่ก แฮ่กเฮ้นี่ฉันขอพักก่อนได้ไหม”



        “ถ้ายังไม่ก้าวขาต่อแกได้ตายแน่”



        “ฉันต้องเดินตามแกมาหลายชั่วโมงแล้วนะ จะไม่พักกันเลยหรือไง”



        “หลังจากที่แกช่วยข้าหาส่วนหัวเจอ แกจะได้พักแน่นอนตลอดกาลเลยด้วย”สุดท้ายโทราชิก็จำใจเดินต่อจนไปถึงบนดาดฟ้าจนได้



        “มาถึงดาดฟ้าแล้วรีบๆบอกมาซะว่าหัวแกอยู่ไหน…..นะนั่นแกจะทำอะไรน่ะ”เมื่อเขาให้ไปมองเจ้าปีศาจที่อยู่ข้างหลังของเขา มันกำลังดึงบางอย่างออกมาจากพื้นซึ่งมันคือง้าวที่ด้ามจับทำจากไม่ไผ่เก่าๆแห้งๆใบมีดก็มีรอยขรุขระ



        “หัวของข้าน่ะมันไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”



        “อะอะไรนะนี่แกหลอกใช้ฉันงั้นเหรอ”



        “ก็เปล่าหนิถึงข้าจะบอกว่าที่นี่ไม่มีหัวของข้า แต่ก็มีหัวใหม่อยู่ตรงหน้าข้าแล้วนี่นา”



        “มะ!...



        ฉัวะ!ไม่ทันได้เอยอะไรออกมาง้าวก็ฝันเข้าที่คอของโทราชิ เลือดพุ่งออกเป็นน้ำพุร่างกายล้มลงกับพื้นเลือดไหลนองพื้นเต็มไปหมด



        “พักให้สบายเลยเจ้าโง่”มันเดินข้ามศพของโทราชิไปแล้วหยิบหัวของเขามาใส่ให้ตัวเอง



        “ถึงจะไม่ดีเท่าหัวของข้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรล่ะนะ เอาล่ะมันถึงเวลาที่จะต้องไปล้างแค้นนังเด็กนั่นสักที”



        “อุตส่าห์ผนึกเอาไว้แล้วยังออกมาได้อีกนะคะ นักรบต้องสาปไดโคสึ”เจ้าปีศาจก็มองตรงไปด้านหน้าข้างบนรั่วเหล็กมีเด็กสาวในเครื่องแบบนักเรียนคนหนึ่งนั่งอยู่บนขอบรั่วนั่น ผมสีดำที่พัดปลิวสะไหวตามสายลมสะท้อนกับแสงจันทร์ ในมีถือเคียวยักษ์สีดำซึ่งเป็นอาวุธคู่ใจของเธอ



        “กำลังจะออกไปหาเธออยู่พอดีแต่ถ้าเธอมาหาเอง แบบนี้ข้าก็ไม่ต้องเสียเวลาออกไปตามเองสินะ” 



        “ฉันผนึกร่างของเจ้าเอาไว้แล้วทั้งหมด เจ้าออกมาได้ยังไงกัน”



        “ก็เพราะมีเจ้าหน้าโง่คนหนึ่งดันมาเตะ โดนกล่องที่เจ้าผนึกข้าเอาไว้ผนึกโอริกามิของเจ้าเลยเสื่อมมนต์ข้าเลยออกมาได้แล้วก็หลอกใช้เจ้านี่ตามหาชิ้นส่วนอื่นๆ ของข้าและตัดหัวของมันมาแทนหัวที่เจ้าทำลายทิ้งไปไงล่ะ”



        “ฉันประมาณเองสินะที่ไม่ทำลายทีละชิ้น แต่กลับนึกเอาไว้”



        “ก็เพราะถ้าทำแบบนั้นคำสาปของข้าก็จะแผ่กระจาย ไปทั่วหมู่บ้านแห่งนี้ผู้คนจะล้มตายด้วยภัยพิบัติและโรคระบาดซึ่งในตอนนี้เจ้าก็ยังทำลายข้าไม่ได้อยู่ดี ช่างเป็นการกระทำที่ไม่ประโยชน์สิ้นดีฮ่าฮ่าฮ่า”  



        “มันก็ไม่แน่หรอกนะคะ”เมื่อชิโนะพูดแบบนั้นไดโคสึก็หยุดหัวเราะทันที ใบหน้าของมันมีคำถามตั้งขึ้นมา



        “เจ้าพูดเรื่องอะไรเจ้าทำลายหรือฆ่าข้าไม่ได้หรอก อย่าพูดถ่วงเวลาตายของเจ้าเลยนังเด็กน่าโง่จงตายด้วยเนื้อมือของข้าผู้นี้ซะ!”ไดโคสึกระโดดพุ่งเข้าหาชิโนะเหวี่ยงคมง้าวใส่เธอ แต่เธอลุกขึ้นเหยียบขอบรั่วตีลังกาหลบไปด้านหน้าได้



        “หลบได้เก่งดีหนิแต่คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่อึกอ่อค”อยู่ๆไดโคสึก็กระอักเลือดสีดำออกมา ก้มมองไปที่ตัวก็พบว่ามีแผลถูกฝันเฉียงเป็นแผลใหญ่



        “นะนี้เจ้าทำอะไรลงไป อึกถ้าทำแบบนี้คำสาปในตัวข้าก็จะออกมานะ”



        “คิดว่าที่ฉันผนึกร่างของเจ้าเอาไว้แค่เพื่อไม่ให้ออกไปฆ่า ผู้คนบริสุทธิ์อย่างเดียวงั้นเหรอ”



        “ว่าไงนะ…..นี้หรือว่าเจ้า!



        “อย่างที่คิดนั่นแหละผนึกนั่นนอกจากจะทำให้เจ้า ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้แล้วยังกัดกร่อนคำสาปของเจ้าจนตอนนี้ไม่มีคำสาปหลงเหลืออยู่แล้ว” 



        “หน่อยแน่นังเด็กตัวแสบตายซะแก”



        ฉัวะ!ไดโคสึพุ่งเข้าใส่ชิโนะอีกครั้งแต่ถูกชิโนะง้างเคียวฝันร่างของไดโคสึเป็นสองส่วน



        “คราวนี้เจ้าคงไปฆ่าใครไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ…….แล้วฉันจะอธิบายให้เขาฟังยังไงกันดีล่ะ”



    …………………………………………………



        เช้าวันต่อมาทุกๆคนก็มาโรงเรียนตามปกติข่าวตอนเช้า ทำให้ใครหลายๆคนตกใจกันอย่างมากกับการตายของโทราชิ แต่ว่าเพราะเป็นคนที่ไม่เอางานเอาการก็เลยมีใครสนใจเรื่องของเขา



        “ผลสอบออกมาแล้วทุกๆคน”เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกๆคนในห้องก็เงียบสนิท ตั้งหน้าตั้งตารอฟังผลคะแนนและที่ลุ้นกันมากที่สุดก็คือว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าห้องฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย



        “ครูจะประกาศก่อนนะว่าใครได้เป็นหัวหน้าของแต่ละฝ่ายนะ ผลที่ได้คือผู้ที่ได้เป็นหัวหน้าของฝ่ายชายคือ….โอโซระ ฮิคารุคุง”



        “เย้ยยย!!!



        แปะ!แปะ!แปะ!



        “ยินดีด้วยนะฮิคารุคุง”



        “และสุดท้ายคนที่ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายหญิงก็คือ….คุโรงาเนะ ชิโนะ”



        “…………..



        “ฮะฮะฮะยังไงก็ขอเชิญทั้งสองคน มารับเข็มกัดหัวหน้าห้องด้วยนะ”



        “ชิโธ่เอ๊ย”ระหว่างที่ฮิคารุกำลังลุกขึ้นเขาก็ได้ยินเสียง ของใครบางคนที่ฟังดูแล้วไม่สบอารมณ์เท่าไร



        “ครูขอแสดงความยินดีกับทั้งคนด้วย”



        “ขอบคุณครับอาจารย์”พอได้รับเข็มกัดแล้วทั้งสองคนก็กลับไปนั่งที่ของตนเอง ส่วนอาจารย์คาราสึก็ขอตัวไปสอนห้องอื่นก่อน



        “ฮิคารุ”



        “หืมมมมมอะจึ๋ย”



        “สุดท้ายนายก็แย่งตำแหน่งหัวหน้าฉันไอจนได้สินะห๊ะ”



        “ระเรื่องนั้นฉันขอโทษคือแบบว่า



        “นายเก่งมากเลยฮิคารุที่ทำข้อได้คะแนนเยอะน่ะ”



        “นายไม่โกรธฉันเหรอ”



        “ฮ่าฮ่าฮ่าจะบ้าเหรอไงฉันแค่พูดเล่นเองน่า”



        “เฮ้!ถ้างั้นวันนี้เราไปเลี้ยงฉลองกันเถอะ”



        “นายไม่ต้องมาพูดเลยเตรียมตัวสอบซ้อมเถอะไดรเอ๋ย



        “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นก็ได้”



        “ฮ่าฮ่าฮ่า”ชิโนะไม่ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ ปกติถ้ารู้ว่าคนในห้องตายฮิคารุคงรู้สึกแย่เธอก็เลยอาจจะไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง แต่ถึงเธอจะไม่ทำแบบนั้นไงซะเพราะมีเพื่อนคอยอยู่ข้างๆเขาจึงยังยิ้มและหัวเราะได้อีกครั้งและก็เพราะเครื่องลางที่ได้จากเธอ

         

       

     

       

     

       

       

     

     

     

          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×