คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4 วันพฤหัสบดีของผู้ริษยา
ตอนที่4
วันพฤหัสบดีของผู้ริษยา
ณ โรงเรียนโคไซกะเมื่อ30ปีก่อนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ
กระจกบานหนึ่งตรงทางเดินทางทิศตะวันตกว่ากันว่ากระจกบานนี้สามารถใช้สั่งฆ่าใครก็ได้
ตามใจของผู้ที่ทำพิธีสั่งฆ่ามีนักเรียนหลายรายเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุต่างๆอย่างเช่นอุบัติเหตุเป็นต้นแต่น้อยคนนัก
ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องจึงถูกคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นแค่เรื่องงมงายและมองว่าเป็นแค่อุบัติเหตุที่ไม่ว่าใครก็พบเจอได้
แต่เพื่อไม่ให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงเพราะข่าวลือที่ไม่มีมูลเหตุจริงกระจกบานนั้นจึงถูกเก็บเอาไว้
ที่ห้องเก็บของมันถูกล็อคอย่างแน่นหนาผ่านไปหลายสิบจนตอนนี้มันก็กลายเป็นห้องเก็บของเก่าๆที่ถูกปิดตายเอาไว้
โดยไม่มีใครไปยุ่งกับมันแต่ว่ากระจกที่อยู่ข้างในนั้นก็ยังรอค่อยคำสั่งฆ่าจากผู้ที่ต้องการมอบความตายให้ผู้อื่น….
…………………………………………………
หลังจากที่พบเจอกับเรื่องน่ากลัวตอนนี้มันก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว
ที่ฮิคารุย้ายโรงเรียนมาเขาปรับตัวเข้ากับโรงเรียนแห่งนี้ได้แล้วและยังได้ฝึกฝีมือในการปราบ
ปีศาจจนเริ่มชำนาญมากขึ้นชีวิตของเขาสบงสุขมาบ้างหลังจากที่ผ่านเรื่องเฉียดตาย
เขาเริ่มสนิทกับชิโนะมากขึ้นถึงแม้เธอจะยังพูดน้อยเหมือนเดิมก็ตามแต่ก็คุยกันบ่อยขึ้นและยังได้อาจารย์คาราสึสอนวิชา
การปราบปีศาจบ้างชีวิตของเขาดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนก็ถึงคราวที่ต้องหมดลง
“ฮิคารุนายได้ฟังเพลงใหม่ของโอโตนะแล้วหรือยังล่ะ”
“อืมฟังแล้วล่ะก็เพราะดี”
“ใช่ไหมล่ะเพราะสุดๆไปเนอะ”ระหว่างที่ฮิคารุคุยกับไดรและยูกิอยู่นั้นก็มีใบปลิวรูปดอกไม้ไฟยื่นมาตรงหน้าของฮิคารุ
“ฮิคารุคุงวันเสาร์นี้ว่างไหม?”ฮิคารุมองหน้าคนที่ยื่นใบปลิวมาให้เธอไส้ผมสั้นสีน้ำตาล
ติดกิ๊บสีชมพูตาสีน้ำตาลแดงกำลังยิ้มเหมือนอยากชวนไปเที่ยวด้วยกัน
“ไงมัตสึริฉันก็ว่างนะแต่ขอโทษด้วยพอดีฉันไปกับพวกไดรแล้วน่ะ”
“เอ๋?...น่าเสียดายจังอุตส่าห์ว่ามาชวนเป็นคนแรกซะอีก”
“เอออออ…ฮิคารุไม่เป็นไรหรอกนายไปกับมัตสึริเถอะ
ฉันเพิ่งนึกได้ว่าวันเสาร์ตอนเย็นฉันกับยูกิไม่ว่างพอดีใช่มะยูกิ”
“ห๊ะ?!”ยูกิหันควับเมื่อได้ยินที่ไดรพูด
“ก็ไหนนายบอกว่าพวกจะไปกันสะ…”
“เอาเป็นว่าฮิคารุนายไปกับมัตสึริแล้วกันนะงั้นพวกเราขอตัวก่อนล่ะ”
“เดี๋ยวๆๆแล้วนายจะลากฉันไหนไหนเนี่ยปล่อยนะเฟ้ย!”แล้วยูกิก็โดนไดรล็อคคอแล้วลากไปที่ไหนก็ไม่รู้ปล่อยให้ฮิคารุนั่งงงอยู่อย่างนั้น
“อะไรของหมอนั่นน่ะ?”
“สรุปแล้วเธอจะไปด้วยกันกับฉันไหมฮิคารุคุง?”
“ก็ทำไงได้ล่ะตกลงฉันจะไปกับเธอแล้วกัน”
“ดีใจจังเลยถ้างั้นไว้เรามานัดเวลากันอีกทีนะ”
“อืม”
“งั้นฉันไปนั่งที่ล่ะนะ”หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะลับนั่งที่ของเธอแล้ว
ฮิคารุก็นั่งหันข้างพอที่จะให้เห็นคนที่นั่งข้างกลังของเขา
“แล้วเธอจะไปงานดอกไม้ไฟไหมล่ะ?”ฮิคารุหันไปคุยกับชิโนะที่นั่งอ่านวรรณกรรมอยู่
คนที่ถูกถามสายตาไม่ได้จดจ่อที่คนถามเลยแม้แต่น้อยแต่เธอก็ยังตอบคำถามอยู่
“ปีที่แล้วแล้วป๊ะป๋าก็ตื้อชวนไปดูอยู่หรอกแต่ฉันยุ่งเลยปฏิเสธไป”
“(ฮะฮะ…นึกภาพออกเลยวุ้ย)ถ้างั้นปีนี้จะไปดูไหมล่ะ”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ถ้าไม่ว่าอะไรจะไปด้วยกันไหมล่ะฉันคิดว่าไปด้วยกันหลายๆคน
คงจะสนุกขึ้นเยอะชวนอาจารย์คาราสึไปด้วยยังไงล่ะ”
“เรื่องนั้นฉันจะลองเก็บไปคิดแล้วกันค่ะ”
“ตามนั้นแล้วกัน”ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยด้วยกันอยู่นั้นก็มีสายตา อาฆาตมาจากบุคคลที่เพิ่งเดินจากมา
“(อะไรกันทำไมฮิคารุคุงชวนยัยแม่มดนั่นด้วยล่ะแทนที่จะเป็นฝ่ายชวนฉันแท้ๆ
แต่ดันเป็นฉันที่เป็นฝ่ายชวนอุตส่าห์ขึ้นมาเป็นสาวบ๊อบแทนยัยอาเกฮะได้แล้วเชียว…”เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนต่างพากันกลับบ้านของตนไปแต่ยังมีอยู่คนหนึ่งที่ยัง
ระบายอารมณ์ใส่กับประตูห้องเก็บของเก่าๆ
“ปัง!...น่าหงุดหงิดชำมัดเราน่ะมีอะไรดีกว่ายัยนั่นตั้งเยอะ…ปัง!...แต่ฮิคารุคุงดันไปสนใจแต่ยัยนั่น…ปัง!...ถ้าเรากำจัดยัยนั่นได้ก็คงจะไม่มีใครมาขวางหูขวางตา
โครม!!!”มัตสึริปาลูกบาสใส่ประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลอนประตูฝัง
“แย่ล่ะสิ!ถ้าใครมาเห็นเข้าเราแย่แน่ๆแต่เดี๋ยวก่อนนะ
รู้สึกว่าที่นี่มันเป็นห้องเก็บของเก่าที่ไม่ได้มาหลายปีถ้าเราคิดไม่ล่ะก็….โอ็ย!”มัตสึริกำลังจะเปิดประออกแต่เพราะมันเป็น ประตูที่ทำจากไม้และเมื่อกี้เธอปาลูกบาสจนมันฝังทำให้ไม้มันผุดังนั้น
พวกเศษไม้มันจึงทิ่มนิ้วของเธอ
“ชิ!หาเรื่องเจ็บตัวจนได้เรา”เธอค่อยๆประตูออกข้าวของข้างในนั้น
มีแต่อุปกรณ์ที่ฝังไปแล้วและด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปหลายสิบปี
มันจึงมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดแต่สายตาของมัตสึริมองไปที่กระจกบานใหญ่มันถูกว่างพิงไว้ฝุ่นมันเกาะจนไม่สามารถส่องมันได้
เธอเลยใช้มือปัดฝุ่นออกแต่ว่างเธอดันใช้มือที่เพิ่งโดนเศษไม้ทิ่มจนเลือดออก
เลือดของเธอจึงเปื้อนใส่กระจก
“แย่ล่ะสิลืมไปเลยว่ามือข้างนี้เลือดออก
แต่ว่ากระจกบานนี้มันจะใช่กระจกที่เคยเป็นข่าวลือเมื่อ30ปีก่อนหรือเปล่านะดูยังไงก็แค่กระจกธรรมดา
เฮ้อ…ช่างเถอะเรารีบออกไปแล้วทำเนียนหาอะไรมาปิดรอยที่หน้าประตูดีกว่า”มัตสิริหันหลังให้กระจกก่อนจะก้าวออกไปจากห้องแห่งนี้นั้น
แต่ว่าก็ต้องชะงัดเมื่อได้เสียงที่เหมือนเธอดังมาจากข้างหลัง
“เดี๋ยวก่อนสินั่นเธอจะรีบไปไหนกันล่ะ?”เธอค่อยๆหันหลังไปอย่างช้าๆแล้วเธอก็ต้องตกใจ
เมื่อเงาสะท้อนในกระจกของเธอทำกำลังสะแย้ยิ้มอยู่
“กะ…กริ๊ดดดดดด!!!”
“เฮ้ๆใจเย็นๆก่อนสิฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า”
“น่ะ…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
“อ้าว?ฉันก็นึกว่าเธอเรียกฉันออกมซะอีกนะ”
“ฉันน่ะเหรอเรียกเธอมา?”
“ก็ใช่น่ะสิก็เธอเอาเลือดมาทาที่กระจกนี่นาฉันเลยนึกว่า จะได้ฆ่าคนแบบที่ไม่ได้ทำมานานแล้วซะอีกนะ”
“ฆ่าคน?ที่เขาลือกันว่าเมื่อก่อนที่มีกระจกที่สามารถ
สั่งฆ่าใครก็ได้เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ”
“ถูกต้องแล้วล่ะถ้าเธอมีคนที่อยากให้ฉันฆ่า
ก็บอกฉันมาได้เลยฉันจะจัดการให้เธอเอง”พูดแล้วมัตสึริก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เธอแสนจะเกลียด
“ฉันมีผู้หญิงคนหนึ่งนอกจากจะเป็นตัวอันตรายแล้วยัง
แย่งคนที่ฉันชอบไปอีกเธอจัดในฉันได้ไหมพร้อมคนอื่นที่คิดจะมาขวางทางฉัน”แล้วเงาสะท้อนในกระจกของเธอก็สะแย้ยิ้มอีกครั้ง
“หึหึหึ..บอกชื่อของเธอคนนั้นมาสิแล้วฉันจะฆ่าให้เธอ”
“ชื่อของเธอคนนั้นก็คือ
คุโรงาเนะ ชิโน”
…………………………………………………
เช้าวันถัดมามัตสึริค่อยจับตาดูชิโนอยู่ห่างๆเพื่อที่จะได้
ดูว่ากระจกบานนั้นจะฆ่าเธอยังไงและจะฆ่าเธอได้ไหมช่วงพักกลางวันชิโนะจะลงมารดน้ำดอกไม้
มัตสึริจึงตามหลังเธอไปด้วย
“เอาล่ะฉันขอดูหน่อยละกันว่าเธอจะตายยังไง”ตอนนี้ชิโนะกำลังลดน้ำดอกไม้อยู่ด้านหลังอาคาร
ตรงห้องพักครูมีกระถางดอกไม้ว่างอยู่ มันก็ค่อยๆเคลื่อนตัวทีละนิดแล้วมันก็ล่วงลงไปตรงกับจุดที่ชิโนะยื่นอยู่พอดีแต่ทว่า…
“ชิโนะจังระวัง!!!”
แผล๊ง!!!อาจารย์คาราสึมาเห็นเข้าเขาเลยดึงแขนเธอไว้ทันพอดี
“ชิโนะจังไม่เป็นอะไรนะ”
“หนูไม่เป็นไรคะ”
“ว้าย!ตายแล้วทั้งสองคนไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนะคะ”เมื่อได้เสียงกระถางต้นไม้แตกพวกอาจารย์ที่ในห้องกับพวกนักเรียนที่อยู่ห้องใกล้ๆ
ก็พากันมาดูที่หน้าต่างว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เออ…ครับพวกเราสองคนไม่ได้เจ็บตรงไหน”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยทำไมกระถางต้นไม้มันล่วงลงไปได้ล่ะ”
“นั่นสินะคะสงสัยเราคงเอามันมาว่างตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
“ชิโนะจังเธอขึ้นห้องไปเถอะเดี๋ยวให้พาลโรงมาเก็บวาดเอง”
“ค่ะ”
“ชิ!คราวนี้ได้ดวงช่วยไว้หรอกนะ”แล้วมัตสึก็เดินออกไปจากจุดที่ยื่นดูแล้วขึ้นไปที่
ห้อง
เมื่อไปถึงเธอก็เห็นฮิคารุนั่งคุยกับชิโนะอยู่
“ชิโนะเมื่อกี้เห็นเธอเกือบโดนกระถางต้นไม้ตกใส่เธอปลอดภัยดีนะ”
“คะพอดีว่าป๊ะป๋ามาช่วยไว้ทันน่ะคะ”
“คือว่านะ…ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดเรื่องนี้ไหมนะแต่
เมื่อกี้ฉันรู้สึกจิตสังหารของอะไรบางอย่างน่ะ”
“เรื่องนั้นฉันทราบแล้วค่ะแต่ว่ามันไม่ชัดเจน
ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันจะมาทำร้ายฉันหรือคนอื่นๆ”
“อย่างงั้นเหรอ”
“(นอกจากจะยังไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาคุยกับฮิคารุคุงอีก
วันนี้เธอไม่รอดแน่ๆยัยแม่มด)”กริ๊งเลิกเรียนดังขึ้นทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตนเอง
ยกเว้นมัตสึริที่ยังตามดูชิโนะอยู่ห่างๆ
“เฮ้ออออ…วันนี้เรียนหนักเป็นบ้าเลยแฮะ
หืม?คุณยายโทรมามีอะไรหรือเปล่านะปิ๊บ…ฮัลโลครับคุณยาย”
“ฮิคารุตอนนี้หลานอยู่ไหนแล้วล่ะ”
“ตอนนี้ผมอยู่แถวๆเขตก่อสร้างระหว่างทางกลับน่ะมีอะไรเหรอครับ”
“พอดีเลยยายอยากให้หลานแวะที่ตลาดหน่อยน่ะ
พอดีหัวไชเท้าที่จะเอามาใส่ซุปมิโชะมันไม่มีน่ะจ้ะช่วยไปซื้อให้หน่อยจะได้ไหม”
“เข้าใจแล้วครับเดี๋ยวผมซื้อกลับให้นะ”
“ขอบใจหลานมากเลยนะ”
“งั้นแค่นี้นะครับปิ๊บ…แค่เดินพ้นทางนี้เร่วซ้ายเดินผ่านเขตก่อสร้างก็เจอทางไปตลาด”พูดแล้วเข้าก็เดินไปตามทางพอเขาเร่วซ้ายเขาก็เห็น
สองพ่อลูกคุโรงาเนะกำลังเดินอยู่ใกล้ๆเขตก่อสร้าง
“นั่นมันอาจารย์คาราสึกับชิโนะนี่นา”แต่ว่าฮิคารุเหลือบไปเห็นรถเครนที่กำลังยกท่อนเหล็ก
ไปไว้ใกล้โครงสร้างตึกด้วยแรงเหวียงขณะที่ตัวเครนหมุนอยู่นั้น
เชือกที่มัดกับท่อนเหล็กก็เกิดขาดทำให้มันจะตกใส่สองคนฮิคารุวิ่งสุดแรงเพื่อไปช่วยพวกเขา
“ทั้งสองคนระวัง!”
“เอ๊ะ?!”
โครมมมม!!!
“แฮ่ก แฮ่ก…เส้นยาแดงผ่าแปดเลยแฮะทั้งสองคนไม่เป็นอะไรนะครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ยเมื่อเช้าก็กระถางต้นไม้แล้วทีหนึ่ง”อาจารย์คาราสึบ่นพลางหยิบแว่นที่ตกพื้นเพราะฮิคารุกระโจมใส่เมื่อกี้
“ชิโนะจังเจ็บตรงไหนไหม?”
“ไม่ค่ะ”
“โอ้ตายแล้ว!นี่พวกคุณไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม”คนงานในเขตก่อสร้างพากันแห่ออกมาดูสถานการณ์
ด้านนอกตอนนี้มีแต่ผู้คนมามุ่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และบุคคลอีกหนึ่งที่ยื่นสังเกตการณ์แต่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย
“รอดมาได้อีกแล้วเหรอ!จะตายอยากไปถึงไหนกัน
ฮิคารุคุงดันไปช่วยไว้ซะอีกสงสัยต้องไปหาเจ้ากระจกซะแล้วสิ”
…………………………………………………
วันต่อมาวันนี้เป็นที่มีงานดอกไม้ตอนนี้มันเย็นมาแล้ว
และใกล้เวลาจะจุดดอกไม้ไฟในอีกไม่กี่ชั่วโมงแทนที่มัตสึริจะไปที่ศาลเจ้ากับฮิคารุแต่เธอ
กลับมาอยู่ในห้องแคบๆมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดตรงหน้าของเธอมีกระจกบานใหญ่อยู่
“นี่เจ้ากระจกแกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เงาสะท้อนของเธอที่มีใบหน้าโกรธจัดอยู่ๆมันก็ยิ้ม
ด้วยอารมณ์ที่สบายใจ
“อ้าวๆมาเร็วจังเลยนะมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“ก็มีน่ะสิ!ทำไมแกยังฆ่ายัยแม่มดนั่นไม่ได้อีกล่ะจนตอนนี้
มันถึงเวลางานดอกไม้ไฟแล้วนะแต่แกก็ยังฆ่าเธอไม่ได้เลย”
“ใจเย็นๆก่อนสิก็แหมยัยเด็กนั่นดันมีคนมาช่วยไว้เวลาตลอดเลยนี่นา
แล้วฉันจะฆ่าให้ตายทันทีได้ยังไงกันเล่า”
“ก็ฆ่าคนที่ช่วยด้วยซะสิ”
“เฮ้ๆงั้นเจ้าเด็กหนุ่มนั่นฉันก็ฆ่าได้ล่ะสินะ?”
“เอ๊ะ?!พะ…พูดเรื่องอะไรน่ะห้ามฆ่าฮิคารุคุงเด็ดขาดเลยนะ”
“แล้วเมื่อกี้ใครบอกว่าใครฆ่าคนที่มาช่วยยัยเด็กนั่นกันล่ะ”
“เรื่องนั้นมัน…ยังไงซะก็ห้ามฆ่าฮิคารุคุงเด็ดขาด
เขาเป็นคนที่ฉันชอบนะ”
“ถ้าอย่างงั้นเธอก็…ตายแทนเขาได้สินะ”ร่างเงาสะแย้ยิ้มตาขาวเปลี่ยนเป็นสีดำด้านหลัง มีแขนงอกขึ้นมาหกข้างแขนที่งอกออกมานั้น
แขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากกระจกจับเข้าที่หน้าของมัตสึริดึงตัวของเธอเข้าไปในกระจก
“นี่ๆมัตสึริเธอรู้หรือเปล่าว่าฉันจะทำยังไงกับคนที่มันชอบ เปลี่ยนใจเวลาออกคำสั่งกับฉันแล้วน่ะ”
“อืม…อืม…”มัตสึริพยายามจะดิ้นให้หลุดแต่แรงของมันเยอะมาก แววตาเต็มความหวาดกลัวและสิ้นหวังน้ำตาไหลออกมา
ในที่สุดวาระสุดท้ายของชีวิตเธอก็มาถึงโดยที่เธอไม่ได้คิดว่าจะมันจะมาเร็วขนาดนี้
“ฉันก็จะทำแบบนี้…สวบ!”มือที่เหลืออีกห้าข้างแท่งทะลุร่างของมัตสึริ
แล้วเงาก็กลืนร่างที่ไร้ลมหายใจเข้าไประหว่างที่มันกำลังเลียเลือดที่ติดมืออยู่นั้น
แสงจันทร์ที่ส่องลงมานั้นทำให้เห็นร่างของคนสองคนอีกคนเป็นผู้ชายตัวสูงสวมแว่นอีกคนเป็น
หญิงสาวให้ชุดยูคาตะสีดำลายดอกดอกสึบากิที่หัวมีดอกสึบากิสีแดงติดไว้ในมือถือเคียวอันใหญ่สีดำ
“ดูท่าเราจะมาช้าไปหน่อยนะ”
“ไม่ว่าเราจะมาช้าหรือเร็วสุดท้ายก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกคะ”
“หืมมมมม…ดูท่าจะมีคนอยากตายอีกสินะ!”เงาในกระจกใช้มือทั้งหกพุ่งออกจากกระจก
เพื่อโจมตีชิโนะแต่ว่าชิโนะเร็วกว่าเธอสะบัดเคียวส่วนที่เป็น
เถาวัลย์หนามพุ่งเข้าไปแทงกลางของกระจกพอดี
“กริ๊ดดดดดดดด!!!...แผล๊ง!”มือที่ยื่นออกมานั้นกลับเข้าไปในกระจก
และกระจกบานนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ
…………………………………………………
อีกด้านฮิคารุที่ยืนรออยู่หน้าประตูศาลเจ้าโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พลางมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกไม่กี่นาทีก็จะใกล้ถึงเวลาจุดดอกไม้ไฟแล้ว
“ทำไมมัตสึริมาช้านักล่ะ”ฮิคารุหันซ้ายหันขวาก็ยังไม่เจอใครแต่เขาเห็น
ผู้หญิงสวมชุดยูคาตะสีดำลายดอกสึบากิกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
“อ้าวทั้งสองมะ….”
“คิโนโกะ มัตสึริ
เธอตายแล้ว”เขากำลังจะเอ่ยทักทายแต่คำพูดของฝ่ายผู้หญิงทำให้เขาเอ่ยอะไรไม่ออก
“ห...ห๊ะ!!!”ถ้าเกิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเขาจะโกรธมาก
แต่ถ้าหากว่าเธอคนนี้เป็นคนพูดล่ะก็คงต้องไม่ให้เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ฮิคารุคุงคือว่าเรื่องนั้นมัน…”
ฟิ้ววววว…ตูม!ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้า
สีสันของมันทำให้ดึงดูดสายตาของคนทุกคนแม้ฮิคารุก็เช่นกันแต่สายตาของเขาก็มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆของเขาเช่นกัน
“เออ…คือว่าชิโนะ”
“คะ”ขานรับโดยที่ยังมองไปที่ดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นไปเลื่อยๆ
“ชะ…ชุดยูคาตะน่ะ…..มันเหมาะกับเธอมากเลยนะ”
“…………ขอบคุณนะคะ”
“เอ๊ะ?”เสียงของดอกไม้ไฟมันดังมากจนทำให้ฮิคารุแทบจะไม่ได้ยิน
ที่ชิโนะพูดแต่ว่ามันก็ไม่ได้ถึงกลับไม่ได้ยินมันเลย
“นี่ชิโนะหลังจบงานนี้แล้วช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัตสึริ”
“คุณอยากจะรู้เรื่องนั้นไปทำไมกันคะ”
“ฉันก็แค่อยากรู้น่ะเรื่องนี้มันคงจะเกี่ยวข้องกับฉัน
อีกแล้วน่ะฉันคิดมาหลายครั้งแล้วว่าฉันควรจะย้ายโรงเรียนดีมั๊ยฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใครหลายๆคนต้องตาย”ฝ่ายที่ถูกถามเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า…
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้นหรอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
จริงอยู่ว่ามันเป็นเพราะพลังของคุณแต่ว่าฉันคิดว่าคุณต่างหากที่รับเคราะห์เพราะพวกเขาเล่านั้น
คนเราทุกคนล้วนต่างมีด้านมืดในตัวการกระทำทุกอย่างไม่ว่าจะทำดีหรือชั่วสุดท้ายก็ต้อง
ชดใช้ไปตามกรรมของตนดังนั้นการที่พวกเขาต้องตายเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำตัวเองก็เท่านั้น
คุณไม่จำเป็นต้องไปรู้สึกผิดแท้พวกเขาหรอกนะ”
พอได้ฟังแบบนั้นฮิคารุก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เมื่อก่อนมีแค่ครอบครัวของที่เข้าใจเขาแต่ตอนนี้เขามีคนที่เข้าใจเขาเพิ่มมาอีกสองคน
“(ขอบใจนะชิโนะ)”
ความคิดเห็น