ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Horror Fic} 7 Day's of Nightmare

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4 วันพฤหัสบดีของผู้ริษยา

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 59



    ตอนที่4 วันพฤหัสบดีของผู้ริษยา


        ณ โรงเรียนโคไซกะเมื่อ30ปีก่อนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ กระจกบานหนึ่งตรงทางเดินทางทิศตะวันตกว่ากันว่ากระจกบานนี้สามารถใช้สั่งฆ่าใครก็ได้ ตามใจของผู้ที่ทำพิธีสั่งฆ่ามีนักเรียนหลายรายเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุต่างๆอย่างเช่นอุบัติเหตุเป็นต้นแต่น้อยคนนัก ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องจึงถูกคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นแค่เรื่องงมงายและมองว่าเป็นแค่อุบัติเหตุที่ไม่ว่าใครก็พบเจอได้ แต่เพื่อไม่ให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงเพราะข่าวลือที่ไม่มีมูลเหตุจริงกระจกบานนั้นจึงถูกเก็บเอาไว้ ที่ห้องเก็บของมันถูกล็อคอย่างแน่นหนาผ่านไปหลายสิบจนตอนนี้มันก็กลายเป็นห้องเก็บของเก่าๆที่ถูกปิดตายเอาไว้ โดยไม่มีใครไปยุ่งกับมันแต่ว่ากระจกที่อยู่ข้างในนั้นก็ยังรอค่อยคำสั่งฆ่าจากผู้ที่ต้องการมอบความตายให้ผู้อื่น….


    …………………………………………………


        หลังจากที่พบเจอกับเรื่องน่ากลัวตอนนี้มันก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ที่ฮิคารุย้ายโรงเรียนมาเขาปรับตัวเข้ากับโรงเรียนแห่งนี้ได้แล้วและยังได้ฝึกฝีมือในการปราบ ปีศาจจนเริ่มชำนาญมากขึ้นชีวิตของเขาสบงสุขมาบ้างหลังจากที่ผ่านเรื่องเฉียดตาย เขาเริ่มสนิทกับชิโนะมากขึ้นถึงแม้เธอจะยังพูดน้อยเหมือนเดิมก็ตามแต่ก็คุยกันบ่อยขึ้นและยังได้อาจารย์คาราสึสอนวิชา การปราบปีศาจบ้างชีวิตของเขาดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนก็ถึงคราวที่ต้องหมดลง


        “ฮิคารุนายได้ฟังเพลงใหม่ของโอโตนะแล้วหรือยังล่ะ”


        “อืมฟังแล้วล่ะก็เพราะดี”


        “ใช่ไหมล่ะเพราะสุดๆไปเนอะ”ระหว่างที่ฮิคารุคุยกับไดรและยูกิอยู่นั้นก็มีใบปลิวรูปดอกไม้ไฟยื่นมาตรงหน้าของฮิคารุ


        “ฮิคารุคุงวันเสาร์นี้ว่างไหม?”ฮิคารุมองหน้าคนที่ยื่นใบปลิวมาให้เธอไส้ผมสั้นสีน้ำตาล ติดกิ๊บสีชมพูตาสีน้ำตาลแดงกำลังยิ้มเหมือนอยากชวนไปเที่ยวด้วยกัน


        “ไงมัตสึริฉันก็ว่างนะแต่ขอโทษด้วยพอดีฉันไปกับพวกไดรแล้วน่ะ”


        “เอ๋?...น่าเสียดายจังอุตส่าห์ว่ามาชวนเป็นคนแรกซะอีก”


        “เอออออฮิคารุไม่เป็นไรหรอกนายไปกับมัตสึริเถอะ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าวันเสาร์ตอนเย็นฉันกับยูกิไม่ว่างพอดีใช่มะยูกิ”


        “ห๊ะ?!”ยูกิหันควับเมื่อได้ยินที่ไดรพูด


        “ก็ไหนนายบอกว่าพวกจะไปกันสะ


        “เอาเป็นว่าฮิคารุนายไปกับมัตสึริแล้วกันนะงั้นพวกเราขอตัวก่อนล่ะ”


        “เดี๋ยวๆๆแล้วนายจะลากฉันไหนไหนเนี่ยปล่อยนะเฟ้ย!”แล้วยูกิก็โดนไดรล็อคคอแล้วลากไปที่ไหนก็ไม่รู้ปล่อยให้ฮิคารุนั่งงงอยู่อย่างนั้น


        “อะไรของหมอนั่นน่ะ?”


        “สรุปแล้วเธอจะไปด้วยกันกับฉันไหมฮิคารุคุง?”


        “ก็ทำไงได้ล่ะตกลงฉันจะไปกับเธอแล้วกัน”


        “ดีใจจังเลยถ้างั้นไว้เรามานัดเวลากันอีกทีนะ”


        “อืม”


        “งั้นฉันไปนั่งที่ล่ะนะ”หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะลับนั่งที่ของเธอแล้ว ฮิคารุก็นั่งหันข้างพอที่จะให้เห็นคนที่นั่งข้างกลังของเขา


        “แล้วเธอจะไปงานดอกไม้ไฟไหมล่ะ?”ฮิคารุหันไปคุยกับชิโนะที่นั่งอ่านวรรณกรรมอยู่ คนที่ถูกถามสายตาไม่ได้จดจ่อที่คนถามเลยแม้แต่น้อยแต่เธอก็ยังตอบคำถามอยู่


        “ปีที่แล้วแล้วป๊ะป๋าก็ตื้อชวนไปดูอยู่หรอกแต่ฉันยุ่งเลยปฏิเสธไป”


        “(ฮะฮะนึกภาพออกเลยวุ้ย)ถ้างั้นปีนี้จะไปดูไหมล่ะ”


        “ไม่ทราบค่ะ”


        “ถ้าไม่ว่าอะไรจะไปด้วยกันไหมล่ะฉันคิดว่าไปด้วยกันหลายๆคน คงจะสนุกขึ้นเยอะชวนอาจารย์คาราสึไปด้วยยังไงล่ะ”


        “เรื่องนั้นฉันจะลองเก็บไปคิดแล้วกันค่ะ”


        “ตามนั้นแล้วกัน”ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยด้วยกันอยู่นั้นก็มีสายตา อาฆาตมาจากบุคคลที่เพิ่งเดินจากมา


        “(อะไรกันทำไมฮิคารุคุงชวนยัยแม่มดนั่นด้วยล่ะแทนที่จะเป็นฝ่ายชวนฉันแท้ๆ แต่ดันเป็นฉันที่เป็นฝ่ายชวนอุตส่าห์ขึ้นมาเป็นสาวบ๊อบแทนยัยอาเกฮะได้แล้วเชียว”เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนต่างพากันกลับบ้านของตนไปแต่ยังมีอยู่คนหนึ่งที่ยัง ระบายอารมณ์ใส่กับประตูห้องเก็บของเก่าๆ


        “ปัง!...น่าหงุดหงิดชำมัดเราน่ะมีอะไรดีกว่ายัยนั่นตั้งเยอะปัง!...แต่ฮิคารุคุงดันไปสนใจแต่ยัยนั่นปัง!...ถ้าเรากำจัดยัยนั่นได้ก็คงจะไม่มีใครมาขวางหูขวางตา โครม!!!”มัตสึริปาลูกบาสใส่ประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลอนประตูฝัง


        “แย่ล่ะสิ!ถ้าใครมาเห็นเข้าเราแย่แน่ๆแต่เดี๋ยวก่อนนะ รู้สึกว่าที่นี่มันเป็นห้องเก็บของเก่าที่ไม่ได้มาหลายปีถ้าเราคิดไม่ล่ะก็….โอ็ย!”มัตสึริกำลังจะเปิดประออกแต่เพราะมันเป็น ประตูที่ทำจากไม้และเมื่อกี้เธอปาลูกบาสจนมันฝังทำให้ไม้มันผุดังนั้น พวกเศษไม้มันจึงทิ่มนิ้วของเธอ


        “ชิ!หาเรื่องเจ็บตัวจนได้เรา”เธอค่อยๆประตูออกข้าวของข้างในนั้น มีแต่อุปกรณ์ที่ฝังไปแล้วและด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปหลายสิบปี มันจึงมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดแต่สายตาของมัตสึริมองไปที่กระจกบานใหญ่มันถูกว่างพิงไว้ฝุ่นมันเกาะจนไม่สามารถส่องมันได้ เธอเลยใช้มือปัดฝุ่นออกแต่ว่างเธอดันใช้มือที่เพิ่งโดนเศษไม้ทิ่มจนเลือดออก เลือดของเธอจึงเปื้อนใส่กระจก


        “แย่ล่ะสิลืมไปเลยว่ามือข้างนี้เลือดออก แต่ว่ากระจกบานนี้มันจะใช่กระจกที่เคยเป็นข่าวลือเมื่อ30ปีก่อนหรือเปล่านะดูยังไงก็แค่กระจกธรรมดา เฮ้อช่างเถอะเรารีบออกไปแล้วทำเนียนหาอะไรมาปิดรอยที่หน้าประตูดีกว่า”มัตสิริหันหลังให้กระจกก่อนจะก้าวออกไปจากห้องแห่งนี้นั้น แต่ว่าก็ต้องชะงัดเมื่อได้เสียงที่เหมือนเธอดังมาจากข้างหลัง


        “เดี๋ยวก่อนสินั่นเธอจะรีบไปไหนกันล่ะ?”เธอค่อยๆหันหลังไปอย่างช้าๆแล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเงาสะท้อนในกระจกของเธอทำกำลังสะแย้ยิ้มอยู่


        “กะกริ๊ดดดดดด!!!


        “เฮ้ๆใจเย็นๆก่อนสิฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า”


        “น่ะนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”


        “อ้าว?ฉันก็นึกว่าเธอเรียกฉันออกมซะอีกนะ”


        “ฉันน่ะเหรอเรียกเธอมา?”


        “ก็ใช่น่ะสิก็เธอเอาเลือดมาทาที่กระจกนี่นาฉันเลยนึกว่า จะได้ฆ่าคนแบบที่ไม่ได้ทำมานานแล้วซะอีกนะ”


        “ฆ่าคน?ที่เขาลือกันว่าเมื่อก่อนที่มีกระจกที่สามารถ สั่งฆ่าใครก็ได้เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ”


        “ถูกต้องแล้วล่ะถ้าเธอมีคนที่อยากให้ฉันฆ่า ก็บอกฉันมาได้เลยฉันจะจัดการให้เธอเอง”พูดแล้วมัตสึริก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เธอแสนจะเกลียด


        “ฉันมีผู้หญิงคนหนึ่งนอกจากจะเป็นตัวอันตรายแล้วยัง แย่งคนที่ฉันชอบไปอีกเธอจัดในฉันได้ไหมพร้อมคนอื่นที่คิดจะมาขวางทางฉัน”แล้วเงาสะท้อนในกระจกของเธอก็สะแย้ยิ้มอีกครั้ง


        “หึหึหึ..บอกชื่อของเธอคนนั้นมาสิแล้วฉันจะฆ่าให้เธอ”


        “ชื่อของเธอคนนั้นก็คือ คุโรงาเนะ ชิโน”


    …………………………………………………


        เช้าวันถัดมามัตสึริค่อยจับตาดูชิโนอยู่ห่างๆเพื่อที่จะได้ ดูว่ากระจกบานนั้นจะฆ่าเธอยังไงและจะฆ่าเธอได้ไหมช่วงพักกลางวันชิโนะจะลงมารดน้ำดอกไม้ มัตสึริจึงตามหลังเธอไปด้วย


        “เอาล่ะฉันขอดูหน่อยละกันว่าเธอจะตายยังไง”ตอนนี้ชิโนะกำลังลดน้ำดอกไม้อยู่ด้านหลังอาคาร ตรงห้องพักครูมีกระถางดอกไม้ว่างอยู่ มันก็ค่อยๆเคลื่อนตัวทีละนิดแล้วมันก็ล่วงลงไปตรงกับจุดที่ชิโนะยื่นอยู่พอดีแต่ทว่า


        “ชิโนะจังระวัง!!!


        แผล๊ง!!!อาจารย์คาราสึมาเห็นเข้าเขาเลยดึงแขนเธอไว้ทันพอดี


        “ชิโนะจังไม่เป็นอะไรนะ”


        “หนูไม่เป็นไรคะ”


        “ว้าย!ตายแล้วทั้งสองคนไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนะคะ”เมื่อได้เสียงกระถางต้นไม้แตกพวกอาจารย์ที่ในห้องกับพวกนักเรียนที่อยู่ห้องใกล้ๆ ก็พากันมาดูที่หน้าต่างว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น  


        “เออครับพวกเราสองคนไม่ได้เจ็บตรงไหน”


        “นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยทำไมกระถางต้นไม้มันล่วงลงไปได้ล่ะ”


        “นั่นสินะคะสงสัยเราคงเอามันมาว่างตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”


        “ชิโนะจังเธอขึ้นห้องไปเถอะเดี๋ยวให้พาลโรงมาเก็บวาดเอง”


        “ค่ะ”


        “ชิ!คราวนี้ได้ดวงช่วยไว้หรอกนะ”แล้วมัตสึก็เดินออกไปจากจุดที่ยื่นดูแล้วขึ้นไปที่

    ห้อง เมื่อไปถึงเธอก็เห็นฮิคารุนั่งคุยกับชิโนะอยู่


        “ชิโนะเมื่อกี้เห็นเธอเกือบโดนกระถางต้นไม้ตกใส่เธอปลอดภัยดีนะ”


        “คะพอดีว่าป๊ะป๋ามาช่วยไว้ทันน่ะคะ”


        “คือว่านะฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดเรื่องนี้ไหมนะแต่ เมื่อกี้ฉันรู้สึกจิตสังหารของอะไรบางอย่างน่ะ”


        “เรื่องนั้นฉันทราบแล้วค่ะแต่ว่ามันไม่ชัดเจน ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันจะมาทำร้ายฉันหรือคนอื่นๆ”


        “อย่างงั้นเหรอ”


        “(นอกจากจะยังไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาคุยกับฮิคารุคุงอีก วันนี้เธอไม่รอดแน่ๆยัยแม่มด)”กริ๊งเลิกเรียนดังขึ้นทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตนเอง ยกเว้นมัตสึริที่ยังตามดูชิโนะอยู่ห่างๆ


        “เฮ้ออออวันนี้เรียนหนักเป็นบ้าเลยแฮะ หืม?คุณยายโทรมามีอะไรหรือเปล่านะปิ๊บฮัลโลครับคุณยาย”


        “ฮิคารุตอนนี้หลานอยู่ไหนแล้วล่ะ”


        “ตอนนี้ผมอยู่แถวๆเขตก่อสร้างระหว่างทางกลับน่ะมีอะไรเหรอครับ”


        “พอดีเลยยายอยากให้หลานแวะที่ตลาดหน่อยน่ะ พอดีหัวไชเท้าที่จะเอามาใส่ซุปมิโชะมันไม่มีน่ะจ้ะช่วยไปซื้อให้หน่อยจะได้ไหม”


        “เข้าใจแล้วครับเดี๋ยวผมซื้อกลับให้นะ”


        “ขอบใจหลานมากเลยนะ”


        “งั้นแค่นี้นะครับปิ๊บแค่เดินพ้นทางนี้เร่วซ้ายเดินผ่านเขตก่อสร้างก็เจอทางไปตลาด”พูดแล้วเข้าก็เดินไปตามทางพอเขาเร่วซ้ายเขาก็เห็น สองพ่อลูกคุโรงาเนะกำลังเดินอยู่ใกล้ๆเขตก่อสร้าง


        “นั่นมันอาจารย์คาราสึกับชิโนะนี่นา”แต่ว่าฮิคารุเหลือบไปเห็นรถเครนที่กำลังยกท่อนเหล็ก ไปไว้ใกล้โครงสร้างตึกด้วยแรงเหวียงขณะที่ตัวเครนหมุนอยู่นั้น เชือกที่มัดกับท่อนเหล็กก็เกิดขาดทำให้มันจะตกใส่สองคนฮิคารุวิ่งสุดแรงเพื่อไปช่วยพวกเขา


        “ทั้งสองคนระวัง!


        “เอ๊ะ?!


        โครมมมม!!!


        “แฮ่ก แฮ่กเส้นยาแดงผ่าแปดเลยแฮะทั้งสองคนไม่เป็นอะไรนะครับ”


        “นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ยเมื่อเช้าก็กระถางต้นไม้แล้วทีหนึ่ง”อาจารย์คาราสึบ่นพลางหยิบแว่นที่ตกพื้นเพราะฮิคารุกระโจมใส่เมื่อกี้


         “ชิโนะจังเจ็บตรงไหนไหม?”


        “ไม่ค่ะ”


        “โอ้ตายแล้ว!นี่พวกคุณไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม”คนงานในเขตก่อสร้างพากันแห่ออกมาดูสถานการณ์ ด้านนอกตอนนี้มีแต่ผู้คนมามุ่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบุคคลอีกหนึ่งที่ยื่นสังเกตการณ์แต่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย


        “รอดมาได้อีกแล้วเหรอ!จะตายอยากไปถึงไหนกัน ฮิคารุคุงดันไปช่วยไว้ซะอีกสงสัยต้องไปหาเจ้ากระจกซะแล้วสิ”


    …………………………………………………


        วันต่อมาวันนี้เป็นที่มีงานดอกไม้ตอนนี้มันเย็นมาแล้ว และใกล้เวลาจะจุดดอกไม้ไฟในอีกไม่กี่ชั่วโมงแทนที่มัตสึริจะไปที่ศาลเจ้ากับฮิคารุแต่เธอ กลับมาอยู่ในห้องแคบๆมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดตรงหน้าของเธอมีกระจกบานใหญ่อยู่


        “นี่เจ้ากระจกแกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เงาสะท้อนของเธอที่มีใบหน้าโกรธจัดอยู่ๆมันก็ยิ้ม ด้วยอารมณ์ที่สบายใจ


        “อ้าวๆมาเร็วจังเลยนะมีธุระอะไรหรือเปล่า?”


        “ก็มีน่ะสิ!ทำไมแกยังฆ่ายัยแม่มดนั่นไม่ได้อีกล่ะจนตอนนี้ มันถึงเวลางานดอกไม้ไฟแล้วนะแต่แกก็ยังฆ่าเธอไม่ได้เลย”


        “ใจเย็นๆก่อนสิก็แหมยัยเด็กนั่นดันมีคนมาช่วยไว้เวลาตลอดเลยนี่นา แล้วฉันจะฆ่าให้ตายทันทีได้ยังไงกันเล่า”


        “ก็ฆ่าคนที่ช่วยด้วยซะสิ”


        “เฮ้ๆงั้นเจ้าเด็กหนุ่มนั่นฉันก็ฆ่าได้ล่ะสินะ?”


        “เอ๊ะ?!พะพูดเรื่องอะไรน่ะห้ามฆ่าฮิคารุคุงเด็ดขาดเลยนะ”


        “แล้วเมื่อกี้ใครบอกว่าใครฆ่าคนที่มาช่วยยัยเด็กนั่นกันล่ะ”


        “เรื่องนั้นมันยังไงซะก็ห้ามฆ่าฮิคารุคุงเด็ดขาด เขาเป็นคนที่ฉันชอบนะ”


        “ถ้าอย่างงั้นเธอก็ตายแทนเขาได้สินะ”ร่างเงาสะแย้ยิ้มตาขาวเปลี่ยนเป็นสีดำด้านหลัง มีแขนงอกขึ้นมาหกข้างแขนที่งอกออกมานั้น แขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากกระจกจับเข้าที่หน้าของมัตสึริดึงตัวของเธอเข้าไปในกระจก


        “นี่ๆมัตสึริเธอรู้หรือเปล่าว่าฉันจะทำยังไงกับคนที่มันชอบ เปลี่ยนใจเวลาออกคำสั่งกับฉันแล้วน่ะ” 


        “อืมอืม”มัตสึริพยายามจะดิ้นให้หลุดแต่แรงของมันเยอะมาก แววตาเต็มความหวาดกลัวและสิ้นหวังน้ำตาไหลออกมา ในที่สุดวาระสุดท้ายของชีวิตเธอก็มาถึงโดยที่เธอไม่ได้คิดว่าจะมันจะมาเร็วขนาดนี้


        “ฉันก็จะทำแบบนี้สวบ!”มือที่เหลืออีกห้าข้างแท่งทะลุร่างของมัตสึริ แล้วเงาก็กลืนร่างที่ไร้ลมหายใจเข้าไประหว่างที่มันกำลังเลียเลือดที่ติดมืออยู่นั้น แสงจันทร์ที่ส่องลงมานั้นทำให้เห็นร่างของคนสองคนอีกคนเป็นผู้ชายตัวสูงสวมแว่นอีกคนเป็น หญิงสาวให้ชุดยูคาตะสีดำลายดอกดอกสึบากิที่หัวมีดอกสึบากิสีแดงติดไว้ในมือถือเคียวอันใหญ่สีดำ


        “ดูท่าเราจะมาช้าไปหน่อยนะ”


        “ไม่ว่าเราจะมาช้าหรือเร็วสุดท้ายก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกคะ”


        “หืมมมมมดูท่าจะมีคนอยากตายอีกสินะ!”เงาในกระจกใช้มือทั้งหกพุ่งออกจากกระจก เพื่อโจมตีชิโนะแต่ว่าชิโนะเร็วกว่าเธอสะบัดเคียวส่วนที่เป็น เถาวัลย์หนามพุ่งเข้าไปแทงกลางของกระจกพอดี


    “กริ๊ดดดดดดดด!!!...แผล๊ง!”มือที่ยื่นออกมานั้นกลับเข้าไปในกระจก และกระจกบานนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ


    …………………………………………………


        อีกด้านฮิคารุที่ยืนรออยู่หน้าประตูศาลเจ้าโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย พลางมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกไม่กี่นาทีก็จะใกล้ถึงเวลาจุดดอกไม้ไฟแล้ว


        “ทำไมมัตสึริมาช้านักล่ะ”ฮิคารุหันซ้ายหันขวาก็ยังไม่เจอใครแต่เขาเห็น ผู้หญิงสวมชุดยูคาตะสีดำลายดอกสึบากิกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง


        “อ้าวทั้งสองมะ….


        “คิโนโกะ มัตสึริ เธอตายแล้ว”เขากำลังจะเอ่ยทักทายแต่คำพูดของฝ่ายผู้หญิงทำให้เขาเอ่ยอะไรไม่ออก


        “ห...ห๊ะ!!!”ถ้าเกิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเขาจะโกรธมาก แต่ถ้าหากว่าเธอคนนี้เป็นคนพูดล่ะก็คงต้องไม่ให้เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน


        “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”


        “ฮิคารุคุงคือว่าเรื่องนั้นมัน


        ฟิ้วววววตูม!ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้า สีสันของมันทำให้ดึงดูดสายตาของคนทุกคนแม้ฮิคารุก็เช่นกันแต่สายตาของเขาก็มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆของเขาเช่นกัน


        “เออคือว่าชิโนะ”


        “คะ”ขานรับโดยที่ยังมองไปที่ดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นไปเลื่อยๆ


        “ชะชุดยูคาตะน่ะ…..มันเหมาะกับเธอมากเลยนะ”


        “…………ขอบคุณนะคะ”


        “เอ๊ะ?”เสียงของดอกไม้ไฟมันดังมากจนทำให้ฮิคารุแทบจะไม่ได้ยิน ที่ชิโนะพูดแต่ว่ามันก็ไม่ได้ถึงกลับไม่ได้ยินมันเลย


        “นี่ชิโนะหลังจบงานนี้แล้วช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัตสึริ”


        “คุณอยากจะรู้เรื่องนั้นไปทำไมกันคะ”


        “ฉันก็แค่อยากรู้น่ะเรื่องนี้มันคงจะเกี่ยวข้องกับฉัน อีกแล้วน่ะฉันคิดมาหลายครั้งแล้วว่าฉันควรจะย้ายโรงเรียนดีมั๊ยฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใครหลายๆคนต้องตาย”ฝ่ายที่ถูกถามเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า


        “คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้นหรอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จริงอยู่ว่ามันเป็นเพราะพลังของคุณแต่ว่าฉันคิดว่าคุณต่างหากที่รับเคราะห์เพราะพวกเขาเล่านั้น คนเราทุกคนล้วนต่างมีด้านมืดในตัวการกระทำทุกอย่างไม่ว่าจะทำดีหรือชั่วสุดท้ายก็ต้อง ชดใช้ไปตามกรรมของตนดังนั้นการที่พวกเขาต้องตายเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำตัวเองก็เท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปรู้สึกผิดแท้พวกเขาหรอกนะ” พอได้ฟังแบบนั้นฮิคารุก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อก่อนมีแค่ครอบครัวของที่เข้าใจเขาแต่ตอนนี้เขามีคนที่เข้าใจเขาเพิ่มมาอีกสองคน


        “(ขอบใจนะชิโนะ)”

        

       

       

       


     

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×