คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วันพุธของโลภะผู้กระหายทรัพย์
วันพุธของโลภะผู้กระหายทรัพย์
หลังจากเกิดเรื่องเมื่อตอนนั้นทำให้โรงเรียนหยุดเกือบ2อาทิตย์เต็มๆ เพราะเกิดเหตุการณ์ที่รปภ.ถูกฆ่าตายแล้วก็พบตุ๊กตาไร้หัวนักเรียนหญิงนั่งกอดเข่าร้องไห้ อย่างเสียสติห่างจากที่เกิดเหตุไปสองชั้นทุกคนที่เห็นคิดว่าอาเกฮะเป็นคนทำแต่เพราะไม่ตรวจพบรอยนิ้วมือ เธอจึงรอดจากข้อกล่าวหาแต่เพราะเธอกลายเป็นคนบ้าไปแล้วตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาล พ่อแม่ของเธอที่รีบกลับมาจากต่างประเทศเพราะความเป็นห่วงและก็ตกใจที่ลูกสาวของตนเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ในช่วงวันหยุดฉันก็ฝึกวิธีขับไล่พวกวิญญาณกับคุณยายมันก็พอทำให้ฉันป้องกันตัวได้บ้าง
“เฮ้ออออ…เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะจบลงนะ”…ฮิคารุที่เดินด้วยความหนักใจกับเรื่องที่ผ่านมา เขาทำได้แค่หวังว่าเรื่องแบบนี้จะจบลงไปเร็วๆ ระหว่างที่เดินคิดอะไรอยู่นั้นก็มีใครมาตบที่ไหล่ของเขา
“โย่ว!...ฮิคารุวันที่ผ่านมานายทำอะไรบ้าง”
“ไงไดรฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก”
“อรุณสวัสดิ์ฮิคารุ”
“อรุณสวัสดิ์ยูกิวันหยุดพวกนายสองคนทำอะไรบ้าง”
“ฉันก็นั่งเล่นเกมไปวันๆอะนะ”
“ส่วนฉันนั่งอ่านหนังสือทบทวนเนื้อหาที่เรียนมาน่ะ”
“นั่งอ่านหนังสือไม่เบื่อบ้างเหรอไงห๊ะ?”
“นายนั่นแหละเอาแต่เล่นเกมเพราะงี้ไงสอบทีไรไม่เคยผ่าน”
“เรื่องของฉันน่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่าพวกนายสองคนนี้ทะเลาะกันได้ตลอดเวลาซะจริง”ไดรกับยูกินั้นเป็นเพื่อนสนิทสองคนแรกของฮิคารุไดรจะมีผมสีดำตาสีน้ำตาลตัวสูงเป็นคนห่าวๆแต่ก็ขี้เล่น ไม่ค่อยชอบตั้งใจเรียนเท่าไรแต่เป็นเรื่องที่ชอบอย่างกีฬาเขาจะตั้งใจและทุ่มเท่มากส่วนยูกิจะมีสีผมสีฟ้า ตาสีน้ำเงินใส่แว่นทรงสี่เหลี่ยมกรอบสีดำเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อังกฤษเป็นคนใจเย็นฉลาด มักจะศึกษาหาความรู้อยู่เสมอซึ่งตรงข้ามกับไดรทุกอย่างเพราะฉะนั้นบางทีก็ชอบทะเลาะกันบ้างแต่ก็เป็นเพื่อนสนิทกันยูกิ ก็ช่วยไดรเรื่องการเรียนเสมอและไดรก็ช่วยยูกิเรื่องกีฬาและทั้งสองคน ก็ช่วยฉันในหลายๆเรื่องหลังจากที่ฉันย้ายเข้ามาใหม่
“นี่ฮิคารุนายว่าวันนี้ห้องของเราจะมีคนมาเยอะไหม”
“ฉันว่าคงจะมาไม่เยอะหรอกก็เล่นเกิดเรื่องแบบนั้นในห้องเรานี่นา”
“นั่นสินะไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นมา”
“พวกนายคิดสาเหตุมีอะไรบ้างละที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น”
“อืมมม…นั่นสินะบางทีคนที่ทำอาจจะเป็นคนเดียวกันที่ฆ่าพวกบาคุก็ได้นะ”
“อาจจะเป็นไปได้แต่มูลเหตุจุงใจล่ะ”
“เอ๊ะ!เรื่องนั้นมันก็…..ใครจะรู้กันเหล่าแล้วคนที่เอาแต่ถามแบบนายคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ?”
“ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละบางทีคนที่ทำอาจจะ เป็นคนๆเดียวกับที่ฆ่าบาคุแต่รูปการก่อเหตุมันไม่เหมือนกันฉันก็เลยตัดไป หรือไม่ก็อาจจะเป็น….”แล้วยูกิก็เงียบไปเหมือนกำลังหนักใจที่จะพูดมันออกมา
“เป็นอะไรไปยูกิจะพูดก็พูดออกมาสิ”ไดรสงสัยในสิ่งที่เพื่อนของตนเองคิด
“ฉันว่าบางทีมันอาจจะเกี่ยวกับ….คุณคุโรงาเนะน่ะ”
“ก็เป็นไปได้นะมันคงจะเกี่ยวกับเธอก็ได้”
“ฉันว่ามันไม่เกี่ยวกับเธอหรอกนะ”
“นายเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นกันล่ะฮิคารุ ฉันรู้สึกว่าเหมือนนายกำลังปกป้องคุณคุโรงาเนะอยู่นะ”
“ปะ…เปล่าไม่ใช่แบบนั้นนะก็คือว่า อ๋อ!ใช่ก็พวกนายบอกเองนี่นาว่าถ้าไปยุ่งกับเธอคนๆนั้นต้องตายใช่ไหมล่ะทั้งบาคุ รปภ.หรืออาเกฮะก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเธอเลยนี่นาจริงไหม”
“อืมมมมที่นายพูดมาก็มีเหตุผลนะ”
“ใช่ไหมล่ะ…(เกือบไปแล้วสิถ้าเกิดทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชิโนะ เธอคงต้องเกลียดยิ่งกว่าที่เจออยู่แน่ๆ)”
“ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของใครยังไงก็ต้องโดนจับได้สักวันหนึ่งแหละเนอะฮิคารุ”
“อ…อืมใช่”ทั้งสามหนุ่มก็เดินคุยกันไประหว่างทางก็เห็นนักเรียนห้องเดียวกับ พวกเขาเดินไม่กี่คนพอเดินเข้าโรงเรียนไปแล้วที่ทางเดินระเบียงก็มีแต่ พวกรุ่นน้องม.4-5กับพวกม.6ห้องอื่นๆที่มาตามปกติเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องก็มีสมาชิกที่มาไม่ถึง20คน
“กะไว้แล้วเชียวว่าวันนี้คนมาน้อยจริงๆด้วยสินะ”
“นั่นสินะ”แต่ว่าสายตาของฮิคารุกลับสะดุดตากับ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากที่เคยใส่ยางรัดผมรูปกระต่ายถูกเย็บที่ปากกลายเป็นโบว์สีแดงและเขียวผูกผมลวดลายดอกสึบากิ เธอก็ยังนั่งอ่านวรรณกรรมเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไปจากทุกๆวัน แล้วฮิคารุกับพวกไดรก็แยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
“อรุณสวัสดิ์”เธอเหลือบขึ้นมามองฮิคารุแว้บหนึ่งก็จะ มองลงไปอ่านวรรณกรรมต่อ
“อรุณสวัสดิ์คะ”
“ฉันนึกว่าจะไม่เปลี่ยนแล้วซะอีกนะเรื่องโบว์น่ะ”
“ไหนๆฉันก็รับมาแล้วจะไม่ใช้มันก็น่าเสียดาย”
“เหรอ…มันเหมาะกับเธอดีนะ”
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ”
“ปะ…เปล่าไม่มีอะไร”
“อย่างงั้นเหรอคะ”
“(เผลอพูดออกไปจนได้แฮะดีนะที่เธอไม่ได้ยิน)”ผ่านสักพักกริ๊งเข้าเรียนก็ดังขึ้นทุกคนแยกย้ายนั่งที่ของตนเองแล้วอาจารย์คาราสึก็เข้ามาโฮมรูม ก็พูดเรื่องทั่วๆไปกับเรื่องของอาเกฮะพอถึงเวลาเข้าเรียนเขาก็ไปสอนห้องอื่นๆแล้วเขาจะมาสอนพวกเราคาบที่ห้า
“เอาล่ะหมดคาบของครูแล้วอย่าลืมทำการที่สั่งไว้ด้วยล่ะ”
“ครับ/ค่ะอาจารย์”อาจารย์วิชาสังคมเดินออกไปอาจารย์คาราสึก็เดินสวนเข้ามาพอดี
“เอาล่ะทุกคนวันนี้ถึงจะมากันไม่เยอะ แต่วันนี้อาจารย์จะขึ้นเนื้อหาใหม่ตั้งใจเรียนกันด้วยล่ะ”
“ครับ/ค่ะ”ถึงคนจะมาไม่เยอะแต่อาจารย์ส่วนใหญ่ก็ต้องสอนเนื้อหาใหม่ เพราะหยุดไปหลายวันจึงต้องเร่งสอนเนื้อหาใหม่และไปเพิ่มเนื้อหาเก่าๆเอาทีหลัง เมื่อถึงเวลาพักกลางวันทุกคนก็ทยอยออกจากห้องไปพวกไดรชวนฉันไปกินข้าวที่โรงอาหาร แต่ก่อนจะถุงทางออกอาจารย์คาราสึก็เรียกฉันพอดี
“ฮิคารุคุงช่วยรอเดี๋ยวได้ไหม”
“มีอะไรเหรอครับอาจารย์คาราสึ”เขากะซิบถึงจะอยู่ในระยะที่ไกลสำหรับการ ที่จะกะซิบแต่ก็พอได้ยินที่อาจารย์เขาพูด
“หลังเรียกเรียนเธอไปพบอาจารย์ที่บนดาดฟ้าได้ไหม พอดีอาจารย์มีเรื่องจะอธิบายให้ฟังน่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“ถ้างั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงเถอะนะ”
“ครับ”แล้วกันก็เดินออกไปโดยที่ไดรกับยูกิก็ยืนรอไม่ไกลมากนัก ทั้งสองคนทำหน้าน่าสงสัยอะไรอยู่ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าสงสัยอะไรกัน
“ฮิคารุฮาจารย์คุณโรงาเนะคุยอะไรกับนายเหรอ”ไดรเป็นคนเริ่มถามก่อน
“ไม่มีอะไรหรอกก็แค่คุยเรียนน่ะ”
“แน่ใจนะว่านายไม่ได้ปิดบังอะไรพวกฉันน่ะ”ยูกิส่งสายตาเหมือนจะเข่นเอาความจริงให้ได้
“ไม่มีอะไรจริง”
“ถ้างั้นแล้วไป”
“พวกเรารีบไปกินข้าวเถอะฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”แต่เดินไปไม่กี่ก้าวไดรก็เดินชนกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาสวมหมวกไหมพรมสีดำผมสีน้ำตาล ดวงตาแหลมคมสีส้มดูจากในตาแล้วเมื่อแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“โทษทีนะ โทชิโร่ ฉันไม่ได้ตั้งใจชนนายนะ”
“อ๋อไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง”
“แล้วนายจะไปไหนน่ะ”
“ฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่ห้องน่ะ”
“เหรองั้นพวกฉันขอตัวนะ”
“อืม…(หึหึชกมาได้แล้วหนึ่ง)”
………………………………………….
“คุณป้าคร้าบบบผมขอราเม็งถ้วยหนึ่ง”
“ผมก็เอาราเม็งเหมือนครับ”
“ส่วนผมขอข้าวแกงกะหรี่ครับ”
“จ้ะๆรอแป๊บหนึ่งนะ….อ้าวนี่ราเม็งสองที่กับข้าวแกงกะหรี่ได้แล้วจ้ะทั้งหมดคนละ450เยนนะ”
“นี่ครับคุณป้า”เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วฮิคารุกับยูกิก็สังเกตเห็นเพื่อนของตนทำตัวแปลกๆ
“เป็นอะไรน่ะไดรรีบจ่ายเงินให้คุณป้าเค้าไปสิ”
“ก็อยากจ่ายอยู่หรอกนะแต่ว่า…..กระเป๋าตังค์ฉันหาย”
“หา?!”
“นายทำตกไว้ที่ไหนล่ะ”
“ฉันไม่รู้อะ”
“นายลืมไว้ที่บ้านมากกว่ามั้ง”
“ไม่นะฉันจำได้ว่าเอามาแล้ว”
“แบบนี้ป้าก็ขาดทุนแย่น่ะสิ”
“งั้นผมจะเอามาจ่ายพรุ่งนี้นะครับคุณป้า”
“ไม่ได้หรอกถ้าเธอเกิดไม่เอาเงินมาจ่ายป้าก็แย่สิ”
“นะครับผมสัญญาผมจะเอามาจ่ายให้จริงๆ”
“แต่ว่า…”
“ถ้างั้นไดรฉันให้นายยืมเงินขอฉันไปก่อนแล้วเอาไว้พรุ่งนี้นายก็เอาเงินมาคืนฉัน”
“ขอบใจนายมากเลยฮิคารุพรุ่งนี้จะเอาเงิน มาคืนนายแน่นอน…นี้ครับคุณป้า”
“ตกลงกันได้แบบนี้ก็ดี”ระหว่างนั้นก็มีเสียงคนใครบางคนแทรกขึ้นมา
“อ้าว?ไดรกระเป๋าตังค์ของนายหายเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะโทชิโร่ฉันน่ะจำได้ว่าไม่ได้ลืมไว้ที่บ้านหรือทำตกที่ไหนเลยนะ”
“แย่เลยนะนั่น”
“ก็โชคดีที่ฮิคารุให้ยืมเงินไม่งั้นฉันอดข้าวเที่ยง แน่งั้นไว้เจอกันตอนคาบบ่ายนะ”
“อืม”
………………………………………….
“นี่ไดรเลิกคิดเรื่องกระเป๋าตังค์แล้วกินข้าวเถอะน่า”
“นายไม่ได้กระป๋าหายเหมือนฉันนายก็พูดได้หนิยูกิ”
“นายแน่ใจนะว่าไม่ลืมหรือทำหายไว้ที่ไหนน่ะ”
“ฉันแน่ใจว่าไม่ลืมเอามาแต่เรื่องที่ว่าทำตกนี่ก็ไม่แน่ใจเท่าแต่ เท่าที่ฉันจำได้ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรที่เหมือนจะทำให้กระเป๋าตังค์ตกนะ”
“เอาเถอะฉันว่านายตัดใจซะถึงมันตกพื้นก็คงจะมีคนเก็บแล้วล่ะนะ”
“เฮ้ออออ…กลับบ้านไปโดนแม่โวยลั่นบ้านแน่งานนี้”หลังจากที่กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วพวกเราก็ไปเตะบอลเล่นกับพวกห้องข้างๆจนกริ๊งเข้าเรียนดังขึ้น วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่พิเศษมากนักก็เรียนไปเรื่อยๆจนหมดไปอีกหนึ่งแล้วในที่สุดก็ถึงเวลานัดกับอาจารย์คาราสึ
“ฮิคารุเลิกเรียนแล้วไปเที่ยวที่ไหนข้ามเวลากลับบ้านดีไหม”
“โทษทีนะฉันมีธุระน่ะพวกนายไปก่อนเลยว่าแต่ปกตินายจะตรงดิ่ง กลับบ้านเลยไม่ใช่แล้ววันนี้ทำไมถึงได้…”
“ไอ้บ้านี้กลัวกลับบ้านไปแล้วโดนแม่โวยเรื่องกระเป๋าตังค์น่ะ”
“นายไม่รู้ถึงพลังของแม่ฉันตอนโกรธว่าน่ากลัวขนาดไหน”
“เข้าใจแล้วล่ะไดรฉันว่านายยอมรับซะตากรรมนี้ไปเถอะนะ”
“มีแต่ต้องเผชิญหน้ากับแม่สินะ”ไดรทำหน้าหงอยคอตกเพราะไม่อยากกลับบ้านแบบสุดๆ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะฮิคารุไปได้แล้วเจ้าบ้า”
“อืมไว้เจอกันพรุ่งนี้”แล้วยูกิก็ลากไดรห้องจากห้องไปวันนี้แปลกมากที่อยู่ๆ ชิโนะออกจากห้องกลับบ้านไปโดยที่ฮิคารุไม่รู้ว่าเธอออกไปตอนไหน แล้วฮิคารุก็เดินออกจากห้องเดินขึ้นไปที่บันไดเมื่อถึงชั้นบนดาดฟ้าเขาเห็นอาจารย์คาราสึนั่งรอที่ม้านั่งไม้ที่เอาไว้ให้ พวกเรียนที่อยากนั่งรับลมตอนกินข้าวเที่ยง
“อาจารย์มารอผมนานหรือยังครับ”
“ก็เพิ่งมาก่อนเธอแค่ห้านาทีเองนั่งก่อนสิ”อาจารย์คาราสึพายมือไปที่ว่างของ ม้านั่นที่เขานั่งอยู่ฮิคารุก็เดินไปนั่งข้างๆระยะห่างจากอาจารย์ก็ไม่ได้มากเท่าไร
“โบว์ที่ชิโนะใส่อยู่นั่นน่ะเธอเป็นคนให้สินะ”
“คะ…คือว่าผมรู้ว่ามันไม่ควรเท่าไรที่เอาอะไรไปให้ผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ว่าผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครแล้วผมบังเอิญเจอเธอเข้าก็เลยให้เธอ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยดีใจซะด้วยซ้ำที่มีคนพาคุยกับชิโนะจังบ้าง”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็อย่างที่เธอรู้มาจากคุณยายของเธอว่าตระกูลคุโรงาเนะนั้น มีหน้าค่อยปราบปีศาจตามคำว่าจ้างจะชาวบ้านทั่วไปหรือพวกพระ ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มจะการปราบปีศาจเมื่อก่อนตอนชิโนะจังเป็นเด็กชิโนะจังเป็นคนร่าเริงมากเลยล่ะ พอชิโนะจังเสียแม่ไปเธอก็เริ่มไม่ยิ้ม แถมตระกูลของเราเข้มงวดเรื่องกฎมากยิ่งคนที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งแล้ว ยิ่งต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดการที่จะมีเพื่อนฝูงนั้นเป็นไปได้ยากเพราะอาจดึงพวกเขามาเจอเรื่องอันตรายจากพวกปีศาจ ดังนั้นแล้วชิโนะจังจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบไม่เข้าใกล้ใคร”
“แบบนี้นี่เอง”
“ชิโนะจังมักจะรับงานอันตรายเสมอๆแล้วไม่ยอมขอ ความช่วยเหลือจากใครด้วยงานนี้ก็เหมือนกัน แม้แต่ฉันที่เป็นพ่อก็ยังไม่เคยเอ่ยปากขอให้ช่วยเลยสักครั้ง ดังนั้นแล้วคนเป็นพ่ออย่างฉันทำได้แค่ช่วยสนับสนุนเด็กคนนั้นไม่ให้เป็นอันตรายก็เท่านั้นแหละ”
“คงจะเหนื่อยน่าดูเลยครับ”
“ก็นะเพราะฉันทำตัวแหกคอกก็เลยโดนท่านหญิงที่เป็นแม่แท้ๆ เกลียดขี้หน้าอย่างจังเลยล่ะชิโนะจังเองก็คงจะคิดแบบนั้นด้วยละมั้ง”
“ผมว่ามันใช่อย่างงั้นหรอกถึงชิโนะจะทำตัวเย็นชา แต่ต้องเป็นห่วงอาจารย์และก็ยังรักอาจารย์อยู่แล้วล่ะครับ”
“ฮิคารุคุง”
“อ๊ะ!ขอโทษนะครับคือผมไม่ได้จะยุ่งเรื่องภายในครอบครัวอะไรเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันดีใจนะที่มีคนพูดอะไรแบบนี้ ว่าแต่ฮิคารุคุงเวลาคุยกับชิโนะจังเป็นยังไงบ้าง”
“ถามว่าเป็นยังไง?ก็ไม่ได้แย่นะครับก็พอคุยๆกันได้”
“งั้นเหรอ”
“ครับว่าแต่อาจารย์ยิ้มแบบนั้นทำไมครับ”
“เปล่าหรอกนี่ฮิคารุคุงไหนๆก็ไหนๆเลยมาเป็น ลูกเขยบ้านฉันไหมฉันเปิดไฟเขียวรับเต็มที่”
“เออเรื่องนั้นมัน….”
โป๊ก!!!...จู่ๆก็มีก้อนหินก้อนใหญ่ตกลงใส่หัวอาจารย์คาราสึ แล้วมีนกสีขาวบินลงมาดูเผินๆเหมือนนกของจริงแต่ตัวของมันทำมาจากกระดาษ ไม่มีลูกตาอยู่และที่อกของมันมีสัญญาลักษณ์แปลกๆ
“โอ๊ยเจ็บๆๆไม่เห็นต้องส่งชิกิงามิมาทำแบบนี้เลยนี่นาชิโนะจัง”
“ก็เพราะป๊ะป๋าพูดเรื่องไร้สาระอยู่น่ะสิ”
“นกตัวนี้พูดได้ด้วยแถมยังเป็นเสียงชิโนะอีก”
“นี่เป็นชิกิงามิที่ใช่สือหาข้อมูลกับที่อยู่ ของปีศาจน่ะคะและมันยังใช้ตามหาคนได้ด้วย”
“ฮะฮะฮะโดนจับได้จนได้สินะ”
“คิดเหรอว่าป๊ะป๋าจะปิดบังหนูได้น่ะรีบกลับบ้านได้แล้ว”
“จ้าๆจะกลับเดี๋ยวนี่แหละ”
“ขอโทษที่คุณพ่อของฉันมารบกวนเวลาของคุณนะคะ”แล้วชิกิงามิก็บินกลับไป
“ไม่ได้รบกวนสักหน่อยแค่ชวนมาคุยอะไรนิดหน่อยเอง งั้นฮิคารุคุงเจอกันวันพรุ่งนี้กลับบ้านดีๆล่ะอาจารย์ไปก่อนล่ะ”
“โชคดีนะครับอาจารย์คาราสึ….เอาล่ะเราเองก็รีบกลับบ้านดีกว่าแฮะ”
………………………………………….
อีกด้านโทชิโร่ที่กำลังเดินกลับบ้านนั้นได้เดินผ่าน เขตก่อสร้างและได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยเรื่องน่าสนใจอยู่
“วันนี้ทั้งฉกได้แค่กระเป๋าตังค์ใบเดียวแฮะแต่ก็ช่างเถอะ พรุ่งนี้ก็เอาใหม่ก็ได้บ้านเรามันก็เป็นขโมยตั้งแต่รุ่นปู่แล้วเรื่องแค่นี้ไม่มีใครจับได้สบายๆ”
“นี่ได้ยินหรือเปล่าเรื่องที่ดินตรงนั้นน่ะเขาจะทุบ แล้วสร้างเป็นบ้านพักต่างอากาศล่ะ”
“อ๋อ!แกหมายถึงที่ดินที่อยู่ใกล้ๆถ้ำบ่อน้ำวิเศษน่ะ”
“หืมมมมบ่อน้ำวิเศษเหรอ?น่าสนใจแฮะ”แล้วโทชิโร่ก็เอาตัวผิงไว้กับกำแพงเพื่อที่คนในเขตก่อสร้างจะได้ไม่เห็น
“ใช่แล้วเขาว่าปากทางเข้าถ้ำเขาจะใช้ดินทม ทับไปแล้วสร้างบ้านตรงข้างหน้าที่ทมไว้น่ะ”
“แต่ว่าน่าเสียดายที่นั้นนะเขาว่ากันว่าที่นั่นที่สมบัติซ่อนอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันก็ใช่อยู่หรอกแต่ว่ายายแก่ที่ศาลเจ้า บอกว่าห้ามเข้าไปที่นั่นเพราะมันมีสิ่งอับมงคลอยู่ไม่ใช่เหรอยังไงกัน”
“ก็นะเราทำอะไรไม่ได้คงต้องทมดินปิดทางเข้า เอาไว้มันคงจะดีว่าให้ใครไปยุ่งกับมันล่ะนะ”เมื่อฟังจบโทชิโร่ก็เผยรอยยิ้มและแว่วตาเจ้าเล่ห์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะ ได้เจอของล้ำค่าที่จะทำให้เขารวยไปทั้งชีวิต
“บ่อน้ำที่เต็มไปด้วยสมบัติงั้นเหรอดูเหมือนว่าจะไม่ต้องลำบากแล้วแฮะ แต่ว่าที่นั่นน่าจะอยู่บนภูเขาไปคนเดียวก็ดูจะผิดปกติไปหน่อย จริงสิยังมีลิ่วล้อที่จะพาเราขึ้นไปได้อยู่นี่นาหึหึหึ”
“อ้าวนี่ฮิคารุเงินที่ยืมไปเมื่อวานขอบใจมากเลยนะ”
“อืมไม่เป็นไรเมื่อวานแม่นายว่าไงมั้ง”
“หมอนี่โดนแม่โวยลั่นบ้านน่ะสิแถมโดนหักค่าขนมอีกน่ะ”
“โดนหักเหลือแต่ค่าข้าวเองอะฮือ…ฮือ…”
“ทำใจเถอะไดร”
“แม้แต่ฮิคารุก็พูดแบบนี้เหรอเนี่ย”ระหว่างที่สามคนคุยกันอยู่นั้นก็มีบุคคลที่สี่มาเพิ่ม
“เฮ้!พวกนายดูท่าจะคุยกันสนุกเลยนะ”
“อ้าว?ว่าไงโทชิโร่มีอะไรอย่างงั้นเหรอ”
“คือฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกนายน่ะคือว่า….”
“หา?วันอาทิตย์นี้จะไปขึ้นเขาเหรอ”
“ใช่ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำแล้วฉันกะว่าจะไปเดินเที่ยว ในป่าเขาบ้างอะนะแต่ไปคนเดียวคงไม่สนุกเท่าไร”เช้าวันต่อมาโทชิโร่ก็มาชวนพวกไดรไปที่ภูเขา ที่พวกคนก่อสร้างคุยกันไว้โดยหวังให้มีคนไปด้วย จะได้ไม่มีใครมาสงสัยมากนัก
“อืมมมมม…วันอาทิตย์ฉันก็ไม่ได้ติดธุระอะไรนะตกลงฉันไปด้วยแล้วกัน”
“(ติดกับแล้วล่ะ)”
“ยูกินายว่าไงจะไปด้วยไหมล่ะ”
“วันอาทิตย์ฉันก็ไม่ได้ไปไหนซะด้วยสิ ไปก็ได้จะได้เปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนัง”
“ฮิคารุล่ะ”
“ฉันน่ะเหรอคงไม่ปัญหาอะไรคุณยายท่านน่าอนุญาตให้ไป”
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้พวกเราจะไปกันสี่คน”
“ว่าแต่ไดรนายโดนหักค่าขนมอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วจะซื้อขนมไปกินระหว่างทางได้เหรอห๊ะ”
“อะจึ๋ย!...ลืมไปซะสนิทเลยแฮะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเวลาออกไปเที่ยวกับคนเยอะๆ คุณยายของฉันจะทำขนมเอาไว้ให้น่ะ”
“ขนมของคุณยายฮิคารุเหรอจะอร่อยขนาดไหนนะ”
“แต่กว่าจะถึงวันอาทิตย์ก็เหลืออีกตั้งสองวันนี้จะนัดเวลากันกี่โมงล่ะ”
“ที่ยูกิพูดมาก็มีเหตุผลแฮะงั้นก็9โมงเช้าที่เนินเขาโอเคไหม”
“โอเคตามนั้นเลย”
“(หึ…พวกนายมีหน้าไปส่งฉันเท่านั้นเดี๋ยวฉันก็ส่ง พวกนายกลับไปแบบไม่รู้ว่ามีสมบัติรออยู่)…ถ้างั้นก็พอถึงวันอาทิตย์แล้วก็มาตามเวลานัดล่ะ”
“อืม”
………………………………………….
แล้วก็มาถึงวันอาทิตย์ที่พวกไดรได้นัดกับโทชิโร่เอาไว้ พวกเขาเตรียมสัมภาระกันครบท่วนและตอนนี้พวกเขากำลังรอคนที่เป็นคนชวนพวกเขาอยู่
“นี่มันก็9โมง15นาทีแล้วนะแต่ทำไมฉันยังไม่เห็นโทชิโร่สักทีล่ะ”ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตอนนี้มันได้เลยเวลาที่นัดกันเอาไว้แล้ว
“เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้ง นั่นกำลังวิ่งมาเลย”
“เฮ้!...พวกนายแฮ่ก…แฮ่ก…มารอฉันนานยัง”
“ก็ประมาณ15นาที”
“ขอโทษทีพอดีเตรียมของช้าไปหน่อยน่ะถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะ”ไม่มีใครจะบ่นอะไรมากจึงเดินขึ้นเขาไปข้างบนเขาก็เงียบสงบมีแต่เสียงของนกและใบไม้ที่ปลิวไปตามลมเท่านั้น
“นี่ฮิคารุคุณยายของนายทำขนมอะไรมาเหรอ”
“อ๋อเรื่องนั้นน่ะเหรอเป็นขนมไดฟูกุไส้ถั่วแดงน่ะ”
“เอ๋นั่นของโปรดของนายเลยไม่ใช่เหรอยูกิ”
“เอ๊ะ?ยูกิชอบกินของวานด้วยเหรอฉันนึกว่า น่าจะเป็นคนชอบของหวานๆซะอีก”
“ใช่ที่ไหนกันล่ะหมอนี่ชอบกินของหวานมากเลยถึงจะปากแข็งไม่ยอมบอกก็เถอะนะ”
“หนวกหูน่าแล้วจะไปบอกฮิคารุทำไมห๊ะ!”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ฮึ๋ย!ให้ตายเถอะ”ระหว่างที่ทั้งสามคนคุยกันอยู่นั้นก็มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจ จะร่วมวงสนทนากับคนอื่นเลยสักนิด
“(อีกไม่นานเราก็จะรวยแล้วถ้าเราได้ไปที่บ่อน้ำที่มีสมบัติอยู่ล่ะก็)”วันนี้ทั้งวันพวกเขาก็นั่งกินลมชมวิวกันไปไม่นานนักก็เริ่มจะตกดินแล้ว
“ไม่ทันไรพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้วเหรอเนี่ยต้องรีบกลับแล้วแฮะ”
“งั้นเรากับกันเลยดีไหมล่ะ”
“นั่นสินะอย่างที่ยูกิพูดเราน่าจะกลับกันได้แล้วล่ะ”
“ถ้างั้นพวกนายกลับไปกันก่อนเลยนะ”
“อ้าว?ทำไมล่ะโทชิโร่ไม่รีบกลับตอนนี้ถ้าเกิดว่า มันมืดแล้วมันอันตรายนะ”
“พอดีฉันอยากอยู่ต่ออีกหน่อยแล้วบ้านฉันก็ไม่ไกล จากที่นี่ด้วยพวกนายไปกันก่อนเถอะ”
“โอเคถ้างั้นพวกฉันไปก่อนนะ”
“อืม”หลังจากที่พวกไดรกลับไปจนโทชิโร่ไม่เห็นพวกเขาแล้ว เขาจึงเดินขึ้นไปต่ออีกหน่อยแล้วผ่านพุ่มไม้หนาก็พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบ่อน้ำที่เขาร่ำลือกันว่ามีสมบัติอยู่เขาหยิบตะเกียงขึ้นมาจากกระเป๋าเขาเดินเข้าไปเรื่อยแต่ก็ไม่ได้เข้าไปลึกมากนัก แล้วในที่สุดโทชิโร่ก็เห็นบ่อน้ำขนาดเล็กเขาส่องไฟไปที่บ่อน้ำแล้วก็พบว่าข้างใต้บ่อน้ำมีกล่องขนาดใหญ่อยู่หนึ่งใบ เขาลงไปในบ่อน้ำแล้วยกกล่องสมบัติขึ้นมา
“หนักเป็นบ้าเลยแฮะแต่ว่าสิ่งนี้จะทำให้ฉัน รวยไปทั้งชีวิตแน่ๆ”โทชิโร่ว่างมันลงไว้ใกล้ๆกับบ่อน้ำเขาลองเปิดมันออกแล้วก็พบว่าด้านในมี เหรียญทองกับเครื่องประทับมากมายเต็มไปหมด
“นี่สิ!สิ่งที่ฉันตามหามันจะทำให้ฉันรวยพอรวยแล้ว ก็จะมีชื่อเสียงทำให้ฉันไม่ต้องมานั่งขโมยอีกต่อไป”แล้วเขาก็ยื่นมือจะไปหยิบพวก สมบัติที่อยู่ข้างในกล่องแต่ทว่าอยู่ๆของข้างในนั้นก็ค่อยกลายสภาพเป็นเหมือนชิ้นเนื้อยุ่นๆครอบของกล่องก็มีฝันแหลมคมโผล่งขึ้น มันงับแขนส่วนที่เป็นข้อต่อลงไปของโทชิโร่จนขาดเลือดพุ่งออกมาเหมือนหัวก๊อกน้ำที่ฝังจนปิดไม่ได้
“อ๊ากกกกกกกกก!!!ขะ…แขนของฉัน!!!”
“หึหึหึ…ในที่สุดก็มีเหยื่อมาให้กินสักที”มันมีลิ้นที่ยาวแล้ว ข้างใต้กล่องก็มีแขนงอกออกมามือและแขนของมันทั้งสองข้างนั้น เรียวเล็กและยาวมากพอที่จะจับสิ่งที่อยู่ไกลๆได้
“กะ…แกเป็นตัวอะไรกันน่ะห๊ะ!”
“ข้าจะเป็นตัวอะไรก็ช่างแต่ข้าขอกินเจ้าก่อนล่ะนะ”พูดจบมันก็ใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวไปกระโดดงับที่ขาทั้งสองข้างของโทชิโร่เต็ม
“อ๊ากกกกก!!!ไม่ขาของฉันใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!!!”เมื่อเริ่มเสียแขนและขาไปโทชิโร่ก็กะเสือกกะสนใช้ แขนที่เหลือเพียงนึ่งค้างคลานหนีถึงแม้มันจะทำให้หนีไม่พ้น แต่เพราะสัญชาตญาณมันบอกให้หนีเพียงอย่างเดียว
………………………………………….
อีกด้านทางที่พวกไดรกำลังจะกลับบ้านฮิคารุที่เดินตามหลัง พวกไดรอยู่นั้นจู่ๆก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น
“เออนี้ไดร ยูกิคือว่าพวกนายกลับไปก่อนนะ”
“อ้าวทำไมล่ะฮิคารุ”
“นั่นน่ะสิอยู่ก็มาบอกให้พวกฉันกลับไปก่อน”
“พอดีฉันเกิดนึกขึ้นได้ว่าเครื่องรางที่ คุณยายให้ฉันมาเหมือนฉันจะทำตกกลางทางน่ะ”
“งั้นก็แย่เลยน่ะสิให้พวกเราช่วยดีไหม”
“มะ…ไม่เป็นไรฉันไม่อยากรบกวนพวกนาย”
“พูดอะไรน่ะพวกเราเป็นเพื่อนกันนะเรื่องแค่นี้เอง”
“ใช่ๆยูกิพูดถูกนะ”
“คือฉันไม่อยากรบกวนพวกนายจริงๆฉันหาเองได้ คือฉันไม่อยากรบกวนพวกนายจริงๆฉันขอร้องล่ะนะพวกนายกลับไปกันก่อนเถอะนะ”ไดรกับยูกิมองหน้ากันเหมือนไม่อยากจะ ทำตามที่ฮิคารุขอแต่สุดท้ายพวกเขาถอนหายก่อนจะพูดออกมา
“งั้นก็ได้แต่นายต้องระวังตัวด้วยนะ”
“อื้มไว้เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะ”ฮิคารุค่อยๆเดินกลับขึ้นไปอีกครั้งพอไม่เห็นพวกไดรอยู่ใน ระยะที่มองเห็นแล้วฮิคารุก็วิ่งขึ้นไป
“มันมีอะไรผิดปกติเราสัมผัสมันได้ กลิ่นอายแปลกๆของสิ่งชั่วร้าย”พอวิ่งไปถึงจุดสุดท้ายที่พวกเขาอยู่แล้วฮิคารุก็เห็นรอยเท้าของโทชิโร่เดินขึ้นไปอีก เขาจึงตามรอยนั่นไปจนมองเห็นถ้าแห่งที่เขาคิดว่าโทชิโร่น่าจะอยู่ข้างในนั้นพร้อมกับกลิ่นอายแปลกๆ
“ไม่ผิดแน่ๆต้องเป็นที่นี่แน่นอน”
“ช่วยฉันด้วย!”
“นั่นเสียงของโทชิโร่!”ฮิคารุวิ่งเข้าไปในถ้ำแต่ภาพที่เขาเห็นคือร่างของโทชิโร่ อยู่ข้างในปากของกล่องที่มีแขนขาที่ยาวและลิ้นที่ยาวจนลากไปกับพื้น
“ชะ…ช่วยฉันด้วย…..”โทชิโร่ยื่นมือที่เหลือออกมาแต่เจ้ากล่องปีศาจก็กินเขา เข้าไปเสียแล้วแขนที่ยื่นออกมาล่วงหล่นลงสู่พื้น
“ระ…เรามาช้าเกินไป”
“ดูท่าทางว่าจะมีเหยื่อมาให้กินอีกสินะ”เจ้ากล่องปีศาจมันคิดจะกินฮิคารุยื่นอยู่ปากทางเข้าถ้ำ
“ซวยล่ะสิมันคิดจะกินฉันเข้าไปด้วย”ไม่ทันไรเจ้ากล่องปีศาจมันก็คิดจะใช้มือ เข้าไปจับฮิคารุแต่เขากระโดดหลบได้ทันแล้วหยิบแผ่นกระดาษยาว ที่มีตัวอักษรแปลกๆเขียนเอาไว้
“ต้องแสดงสิ่งที่เราได้ฝึกกับคุณยายแล้ว สายน้ำที่บริสุทธิ์เอ๋ยจงปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายซะ”แล้วก็มีน้ำพุ่งออกมาจากยันต์มันพุ่งไปโจมตีใส่เจ้ากล่องปีศาจ มันโดนเต็มๆแต่ว่ามันไม่สะทกสท้านอะไรเลย
“เวทย์ปราบมารระดับแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะเจ้าหนู”
“อะไรกันเนี่ยมันไม่ได้ผล”
“เอาล่ะถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”แล้วมันก็กระโจมใส่ฮิคารุอย่างรวด ในขณะที่กำลังจะถูกกินนั้นในใจของฮิคารุก็สัมผัสได้ถึงความหวัดกลัวเป็นครั้งแรก เขาเริ่มรู้แล้วล่ะว่าความรู้สึกของคนที่ต้องเจอกับความตายโดยที่ตัวเองยังไม่ทันทำอะไรนั้นมันเป็นยังไง แต่ว่าเขากลับได้ยินเสียงของใครบางคนขึ้นมาแล้วก็มียันต์จำนวนห้าใบลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา
“เขตแดนห้าทิศป้องกันภัยร้าย”เจ้ากล่องปีศาจมันถูกสะท้อนกลับไป
“อาจารย์คาราสึ ชิโนะ!มาที่นี่ได้ยังไงครับ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนนะ ฮิคารุคุงเธออปลอดภัยดีนะ”
“เออ…ครับ”
“เพลิงบริสุทธิ์เอ๋ยจงพิพากษาสิ่งชั่วร้ายซะ”คาราสึใช้เวทย์ยิ่งลูกไปใส่เจ้าปีศาจเพื่อให้มันหมดแรง
“โอ๊ย!ร้อนๆเจ้าพวกอนเมียวจิทำได้แสบมากเลยนะ งั้นก็ตายกันทั้งหมดทั้งสามคนเลย”พุ่งมันเข้ามาโจมตีอีกครั้งแต่ชิโนะเข้ามาขวางไว้พร้อมเคียวสีดำของเธอ
“คนที่จะต้องตายคือเจ้าต่างหากล่ะ”แล้วเคียวที่อยู่ในมือของเธอก็ตัดเจ้าปีศาจกล่องออกเป็นสองส่วน
“เฮ้ออออออ…เรื่องทั้งหมดจบแล้วสักทีชิโนะจังก็ยังทำได้ดีเหมือนเดิมนะ”
“มันก็ไม่ต่างจากทุกทีหรอกค่ะ ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”ชิโนะมองไปทางฮิคารุที่มองยันต์ที่อยู่ในมือของเขาสีหน้าเขานั้นดูกังวลและแฝงความหวาดกลัวเล็กน้อย
“อ…อืมฉันไม่เป็นไร”
“ฮิคารุคุงสีหน้าไม่ค่อยดีนะมีอะไรก็พูดได้นะ”เขาเงียบไปสักพักหนึ่งสูดลมใจหายเข้าลึกๆแล้วก็พูดออกมา
“คือว่า…..ผมรู้สึกกลัวน่ะครับตอนที่คิดว่ากำลังจะถูกกินมันทำให้ผม นึกถึงความรู้สึกของพวกคนที่ผมเคยเห็นพวกเขาตายหรือหวาดกลัวต่อ สิ่งที่ไม่มีใครเชื่อว่ามันมีจริงผมน่ะฝึกใช้วิธีปราบปีศาจจากคุณยายเพื่อที่จะได้ช่วยคนเหล่านั้นบ้าง แต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรผมปล่อยให้มีคนตายไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว”ตอนนี้ในใจของฮิคารุมันหนักอึ้งไปหมดภาพของคนที่ เขาเห็นผ่านตามาภาพที่บาคุตายภาพที่อาเกฮะนั่งหวาดกลัวจนกลายเป็นคนบ้าและภาพสุดท้าย ที่เห็นภาพของโทชิโร่ที่ร้องขอความช่วยเหลือแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย แต่แล้วก็มีมือใหญ่มาลูบที่หัวเอาเขาแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรหรอกฮิคารุคุงไม่มีใครที่สามารถ ปกป้องคนอื่นได้ตลอดเวลาหรอกนะเธอในตอนนี้อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับ ที่จะปกป้องคนอื่นจะที่สิ่งไม่มีใครมองเห็นแต่สักวันหนึ่งเธอจะต้องปกป้องได้อย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นแล้วอย่างเพิ่งหมดหวังเชียวล่ะพยายามต่อไปนะ”ฮิคารุรู้สึกถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนมือของพ่อเขาที่ ท่านมักจะลูบหัวปลอบเขาเสมอเมื่อเขาถูกพวกวิญญาณมาแกล้งเมื่อมองใบหน้าของคนที่ลูบหัวอยู่นั้นแล้วก็เห็นรอยยิ้ม ไม่ว่าจะยังไงคนๆนี้ช่างเหมือนพ่อของเขาจริงๆ
“อาจารย์คาราสึครับผมไม่เป็นไรแล้วครับ”
“อ๋องั้นเหรอ”แล้วเขาก็ปล่อยมือออกจากบนหัวของฮิคารุ
“ว่าแต่ผมสงสัยนานแล้วล่ะครับว่าทำไม ทั้งสองคนถึงรู้ว่าผมรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน”
“เรื่องนั้นเพราะว่าพวกเราสามารถสัมผัสถึงคลื่นวิญญาณได้จากตัวคุณ มนุษย์ทุกคนต่างก็มีคลื่นวิญญาณแผ่ออกมาทำให้อนเมียวจิอย่างเรา รู้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหนได้น่ะค่ะแล้วก็ถ้าอยู่ไกลเกินกว่าจะจับคลื่นวิญญาณได้ฉันก็ส่งชิกิงามิสะกดรอยตามคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“แบบนี้นี่เองเข้าใจล่ะ”
“ถ้าฝึกวีชาจนชำนาญแล้วเดี๋ยวฮิคารุคุงก็ใช้ได้เองแหละ แต่ว่าตอนนี้เรากลับดีว่าพระอาทิตย์เริ่มจะลับฟ้าแล้ว”
“ครับว่าแต่จะทำยังไงกับ พวกเศษซากนี้ล่ะครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกเรามี คนทำความสะอาดให้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาสงสัย”
“งั้นเหรอครับ…”เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ฮิคารุได้รู้ถึงความหวาดกลัว แต่ว่าความกลัวในครั้งนี้จะทำให้เขาก้าวข้ามบางสิ่งบางอย่างไปได้ และเรื่องในคราวนี้ทำให้เขารู้จักอาจารย์คาราสึมากขึ้นแล้วก็ทำให้เริ่มที่จะคุยกับชิโนะมากขึ้นด้วย
---------------------------------------
สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้วนะคะ ช่วงนี้ก็เปิดเทอมกันแล้วไรท์จึงไม่ค่อยจะอัพบ่อยแล้วแต่จะพยายามมาอัพนะคะ สวัสดีทุกคนค่ะ^^
ความคิดเห็น