คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นคำว่ารัก
คำมั่น.....สัญญา
โดย...แพวา...
ตอนที่ 1
เด็กสาวแหงนหน้าขึ้นมองรูปปั้นสีน้ำตาลทองที่ตั้งทรงสง่าอยู่เบื้องหน้า หลังกลั้นใจก้มลงกราบจนแทบทนต่อกลิ่นที่ไม่รู้ว่าหอมหรือฉุนไม่ไหว เสียงประทัดและพุไฟยังดังอยู่เนือง ๆ ไม่ขาดสาย ศาลพระเจ้าตากสินเป็นสิ่งที่ทุกคนที่นี้นับถือและยกย่องอย่างมาก กลิ่นธูปคละคลุ้งจนเด็กสาวต้องปิดปากและสำลักควันวิ่งออกมาด้านนอก เธอหลับตาเพราะแสบร้อนจากควันธูปในศาลที่โขมงไปทั่ว แล้วค่อย ๆ ขยี้ตาเบา ๆ แต่ก็ยังลืมตาขึ้นไม่ได้ ทรุดตัวลงนั่งหน้าศาลท่าทางเหมือนคนตาบอดที่ทำอะไรไม่ถูก เธอก้มหน้านิ่ง จนมีความรู้สึกว่าเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ น้ำเสียงแผ่วเบานั่นดังอยู่สองสามรอบ
"ให้อภัยฉันได้ไหมข้าวปุ้น ให้อภัยฉันได้ไหม.."
ข้าวปุ้นแหงนหน้าขึ้นมองตามเสียง ๆ นั้นอย่างไม่คาดคิด สีหน้าที่ซีดเซียวของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกใจไม่สู้ดีเท่าไหร่ ก่อนจะทำเหมือนไม่ได้ยินเสียง ๆ นั้นแม้แต่น้อย
"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลย ฉันขอโทษ ฟังฉันหน่อยได้ไหม " หญิงสาวคุกเข่าลงนั่งใกล้ ๆ จนทุกสายตาจ้องมองมา อย่างสงสาร...."ความรักมันทำให้พี่เป็นแบบนั้น พี่ขอโทษ...เธอจะให้พี่ทำอะไรก็ได้ พี่ยอมทั้งนั้น ขอให้เธอลดความแค้นที่มีอยู่ในใจสักหน่อยจะได้ไหม"
"อะไรทำให้พี่อยากจะขอโทษปุ้น ความระอายหรือค่ะ หรือว่าความรักโง่ ๆ ของพี่ที่คิดว่าอยากจะทำอะไรก็ได้ พอเถอะค่ะเรื่องมันผ่านมาเนินนาน พี่อย่ากลับมาลื้อฟื้นมันอีกเลย" ข้าวปุ้นละสายตาจากฝ่ายตรงข้าม ดวงตาที่แดงกล่ำตอนนี้เป็นเพราะแสบร้อนจากควันธูปหรือว่าความเจ็บปวดที่มันฝังรากลึกอยู่ก่อนหน้าที่จะได้ยินคำขอโทษเพียงไม่กี่คำกัน
"เธอน่าจะลดความเกลียดลงเสียบ้างนะ พี่ต้องการจะขอโทษเธอจากใจจริงเท่านั้น ความผิดทั้งหมดมันทำให้พี่ต้องทุกข์ทรมาร" หญิงสาวน้ำเสียงแผ่วลงกว่าเดิมอีก "ขอร้องหละ...เธอหน้าจะให้โอกาสพี่อีกสักครั้ง"
"โอกาสของคนที่เราเคยรักและนับถือ แต่.......ว่าทำให้เราเหมือนตายทั้งเป็นงั้นหรือค่ะ"
เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเท่าไหร่นักแล้วย้ำกับคำถามที่อีกฝ่ายต้องการคำตอบอยู่นั่น
"ใส่ใจด้วยหรือค่ะว่าปุ้นจะให้อภัยรึเปล่า จะรู้สึกดีไหมหากมันจะเป็นเพียงคำพูดแต่ไม่ได้ออกมาจากใจ มันจะมีประโยชน์ไหมค่ะ ถ้าต้องการเพียงคำพูดปุ้นจะพูดให้ก็ได้"ข้าวปุ้นเสียงแข็งขึ้น "แต่ถ้าจะให้ยกโทษจากใจคงจะยาก " ข้าวปุ้นรีบเดินหนีจากไป......ทิ้งคำพูดนั้นไว้อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะลับตาของอีกฝ่ายข้าวปุ้นก็ต้องหลั่งน้ำตาอีกครั้งเมื่อความรู้สึกเจ็บปวดมันบาดลึกและยากเกินกว่าจะเยียวยาด้วยคำว่าขอโทษเพียงไม่กี่คำ น้ำใส ๆ ที่กำลังเอ่อล้นในดวงตาทำให้ตาเธอเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ขออย่าเลยหากความรู้สึกเจ็บปวดเก่า ๆ เหล่านี้จะทำให้เธอมีอาการทางประสาท ข้าวปุ้นวิงวอนให้เรื่องราวในอดีตอย่ากลับมาทำร้ายเธอ แต่มันก็ทำไม่ได้
สายฝนปรอย ๆ ลงมากระทบร่างบอบบางให้หนาวสั้นและนั่งม้วนตัวอยู่ข้างต้นไม้ ต้นหนึ่ง อะไรทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างติดตามอยู่ตลอดเวลา อะไรทำให้เธอเจ็บแปลบ ปวดร้าวทุกครั้งที่ภาพในอดีตเก่า ๆ มันคอยย้ำความทรงจำ กับความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยของอีกฝ่าย
เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังจนดูวุ่นวายไปเสียหมด ก่อนที่หัวหน้าทีมจะเป่านกหวีดให้ทุกคนหยุดพัก ข้าวปุ้นยืนขึ้นและจ้องมองไปหาชายคนหนึ่งที่กำลังจะล้มลง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นโรคประจำตัวอะไรสักอย่าง เธอรีบคว้าขวดน้ำแล้วเดินจ้ำอ้าวผ่านชายที่เป็นหัวหน้าทีมอย่างลืมตัว ว่าเขาคนนั้นต่างหากที่เธอควรจะเอาน้ำไปให้ ความรู้สึกเก้อของเขาทำให้รู้สึกฉุนข้าวปุ้นอยู่มาก และคนที่จะโดนลูกหลงก็คือเจ้าคนที่ถูกหยิบยื่นน้ำให้
น้องใหม่ที่พึ่งเข้าชมรมบาสเกตบอลต้องผ่านด่านอะไรมากมายกว่าจะได้เข้าร่วมทีมของมหาลัย ณพัทธ์เด็กหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน หากแต่ว่าเขามีอะไรที่ดูเด่นกว่าหลาย ๆ คนนัก ทั้งหน้าตาท่าทางออกจะเก่งเหนือหัวหน้าทีม แต่ว่าร่างกายของเขาไม่เอื้อสักเท่าไหร่ ข้าวปุ้นยื่นน้ำส่งให้
"อ่ะ...น้ำ...สักพักค่อยกินนะ"
ณพัทธ์กำลังจะรับน้ำมาแต่ก็ถูกเพทายซึ่งเป็นหัวหน้าทีมปัดมือจนขวดน้ำตกลงกับพื้น ข้าวปุ้นจ้องหน้าอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ แต่อีกฝ่ายต้องรีบแก้ตัวเพราะกลัวแฟนสาวจะโกรธ
"โถ..หนูจ้า ให้มันกินน้ำตอนนี้เดี๋ยวมันก็ตายพอดี.."
"หนูไม่ได้ให้กินตอนนี้สักหน่อย หนูบอกเขาแล้วว่าเดี๋ยวค่อยกิน...แล้วนี่อะไรคะ" เธอพยักหน้าตามขวดน้ำที่ตกลงกับพื้น
"ก็..ก็..." เพทายอ้ำอึ้งไม่มีคำตอบ จึงหาเรื่องคนอื่น "นายหน่ะ....เป็นโรคประจำตัวอะไรรึเปล่า ทำท่าทางเหมือนคนจะตาย ในประวัติที่เขียนมาไม่มีคนเป็นโรคเลยนะ"
"เอ๊ะ...หนูถามพี่พายนะคะ อย่าพึ่งพาลหาเรื่องคนอื่นได้ไหม..."
"หนูเข้าข้างมันทำไม "
"หนูไม่ได้เข้าข้างเขา แต่พี่พายทำไม่ถูก" ข้าวปุ้นอธิบาย
"งั้นเชิญเลย.. เอาซิหากหนูคิดว่าสิ่งที่หนูทำมันถูกนัก" เพทายเดินหนีจากไปเพราะรู้ยังไงตัวเองก็เป็นต่ออยู่เสมอ
"พี่พายหยุดก่อน..พี่พาย.." ข้าวปุ้นตะโกนเรียกแต่เพทายก็ไม่หันมามอง เธอเก็บขวดน้ำขึ้นมาส่งให้ณพัทธ์อีกครั้ง เสียงตวาดดังขึ้นจนเธอหน้าเสีย
"ไปง้อกันให้พอเลยสิ ไปสิ ไปเลย อย่ามายุ่งกับผม " เขาปัดขวดน้ำอีกรอบ ทั้งที่อาการแทบไม่ไหว เลือดกำลังขึ้นหน้าข้าวปุ้นเมื่อความเป็นห่วงเป็นใยของเธอไม่เป็นผล
"เชอะ..เห็นทำท่าเหมือนจะตายหรอกถึงได้เข้ามาดู รู้งี้ปล่อยให้ตายไปเลยดีกว่า "
ข้าวปุ้นเตะขวดน้ำกลิ้งไม่เป็นท่าไปโดนใส่ข้าโต๊ะตัวหนึ่งเสียงดังจนทั้งคู่สะดุ้ง
"วั๊ยยยยยย"
เขาพยายามเดินไปหยิบขวดน้ำพร้อมกับบ่นไปด้วยขำไปด้วย
"แห๊ม....น่าตาก็น่ารักไม่น่าอารมณ์เดือนง่าย ๆ เลยนะ"
"ก็คนอุตส่าห์เป็นห่วงนี่ ไม่อยากให้ตายคาสนาม" เธอกล่าวงอน ๆ
"ผมก็ขอบคุณที่เอ่อ..."
"ฉันชื่อข้าวปุ้น..เรียนอยู่ศิลป์แล้วนายหล่ะ "
"ผมเรียนจิตวิทยา ผมขอโทษนะที่ไม่สุภาพกับคุณ"
"ไม่ต้องมาคงมาคุณกับฉันหรอก.ผมไม่ได้ตั้งใจ เรียกแทนตัวเองซะโก้เชียว" ข้าวปุ้นอมยิ้มรู้สึกถูกชะตากับนายคนนี้เข้าแล้วซี
"จะให้เรียกอะไรล่ะคร๊าบบบบ...หนูข้าวปุ้น หนูนี่ตัวใหญ่ดีนะครับ"
" ไม่ใช่อยากจะเรียกหนูหรอกนะ แต่แม่น่ะให้เรียกแทนตัวเองแบบนี้ นายตั้งใจจะล้อเลียนฉันใช่ไหม "
"ปะปะเปล่านะ...ผมเอ่อ เราไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย แล้วเธอไม่ไปตามง้อพี่พายเหรอ ป่านนี้คงจะฆ่าตัวตายไปแล้วมั้ง"เขาหยุดคิด แล้วถามลอย ๆ "จะไปง้อรึเปล่า"
ข้าวปุ้นส่ายหัวเบา ๆ เหมือนจะรู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นยังไง ทั้งคู่เดินไปนั่งที่อัศจรรย์ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น
"ค่ะ...จะให้ทำยังล่ะค่ะ" น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างต่างเป็นคนละคน "รู้แล้วค่ะ...แม่ไม่ต้องสั่งหรอกค่ะ หนูรู้หน้าที่ของตัวเองดี "เสียงกระด้างไม่สุภาพทำให้อีกฝ่ายเริ่มงง
"นี่เธอคุยกับแม่เหรอ "เขาถาม
"ใช่..ทำไม" เธอตอบห้วน ๆ
"ไม่เพราะเลย คุยกับผู้ใหญ่ต้องอ่อนน้อม นี่อะไร รู้แล้วค่ะ น้ำเสียงใช้ไม่ได้"
"สอนฉันหรือ" เธอถามแล้วเชิดหน้า "นายจะรู้อะไร....รู้รึไงว่าแม่ฉันเป็นคนยังไง รู้รึว่าพี่พายเป็นยังไง แต่ช่างมันเถอะ"
"เราไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะเป็นยังไงรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นยังไงเท่านั้น"
"ขนาดรู้ว่าฉันเป็นยังไงนะ ยังไม่เข้าใจฉันเลย นี่นะหรือที่นายว่าเข้าใจ"
"ใช่ที่บอกว่าเข้าใจเพราะเธอกำลังมีทิฐิ ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ล่วงรู้อะไรในตัวเธอ ภายนอกทำตัวเข้มแข็งแต่ภายในอ่อนไหวสิ้นดี"
ข้าวปุ้นก้มหน้าไม่เถียงสักคำ เพียงแต่เอ่ยคำถามลอย ๆ
"ฉันผิดมากหรือที่เกิดมาแล้วก็ทำให้พ่อต้องตาย ผิดมากหรือที่เรียนหนังสือไม่เก่ง ฉันผิดมากใช่ไหม"
ณพัทธ์ลูบหัวข้าวปุ้นเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปลอบ เขาควรจะใช้หลักจิตวิทยาที่กำลังศึกษาอยู่รึเปล่า มันจะได้ผลสักแค่ไหน มันก็น่าลองดู
"คนเราเกิดมาก็ต้องตายกันทั้งนั้น พ่อแม่ของฉันมีฉันเป็นลูกเพียงคนเดียว สิ่งที่หวาดกลัวที่สุดคือการที่ฉันต้องจากไป " เขาเงียบจนอีกฝ่ายเริ่มเปิดใจพูดอะไรออกมาอีก
"ฉันไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลยสักครั้ง พอลืมตัวดูโลกก็เหมือนเป็นบาปเป็นกรรม"
เขาจ้องหน้าเธอเอาจริงเอาจัง เห็นสีหน้าไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนเรื่อง
"วันนี้เธอคงต้องเดินกลับบ้านแล้วล่ะ แฟนเธอทิ้งไปซะแล้ว เป็นเรานะจะไม่แค่ทิ้งอย่างเดียว" เขาทำหน้าอมยิ้ม
"ทำไมแล้วนายจะทำอาร่ายฉันฮะ ถามหน่อย.."ข้าวปุ้นทำหน้ากวนประสาท เขาจึงเงียบไป "เอะ..ฉันถามทำไมไม่ตอบ"
"ถามผมเหรอ..ขอโทษ" เขาทำหน้ากวนประสาทตอบ "ขอโทษ ๆ นึกว่าถามหน่อย"
"กวนโอ๊ยนักนะ..เพื่อนเล่นเหรอเนี้ย" ข้าวปุ้นทำท่าขลึงขลัง
"ผู้หญิงนี่อารมณ์แปรป่วนนะ โดยเฉพาะเธอ ทำไมถึงไม่คุยกับแม่ดี ๆ ผู้ใหญ่ถ้าเราพูดดี ๆ อธิบายเหตุผลท่านก็ต้องเข้าใจ"
ข้าวปุ้นเบ้ปากแล้วเดินหนีไปเสียดื้อ ๆ ณพัทธ์ทำท่างง ๆ แต่ก็เดินตามไป
"มีปัญหากับที่บ้านเหรอ ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่อง ปล่อยไว้อย่างนี้ยิ่งนานวันก็ยิ่งไม่เข้าท่า เปิดอกคุยกับท่านไปเลย "
"คุยแบบไหนให้รู้เรื่องล่ะ นี่ไงแล้วฉันจะให้นายคุย"
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมีสายเรียกเข้า
"ค่ะแม่ อยู่ค่ะ พี่พายก็อยู่นี่" เธอส่งโทรศัพท์ให้ กระซิบกระซาบกันอยู่นานจนสายหลุด
"นายไม่ต้องพูดอะไร เป็นพี่พายให้ฉันทีเท่านั้นแหละ ได้ไหม.." เธอขู่อย่างรีบเร่ง ก่อนเสียงโทรศัพท์จะดังอีกครั้ง
"ครับแม่....น้องอยู่กับผม" ข้าวปุ้นบอกให้เปิดเสียง เขากดโทรศัพท์แล้วเสียงนางปางทองผู้เป็นแม่จึงดังขึ้น
"ตาพาย..อยู่กับน้องก็ดีล่ะ แม่จัดการยายปุ้นให้แล้ว พายไม่ต้องเป็นห่วง คราวหลังมีอะไรพายโทรมาบอกแม่นะ แม่จะจัดการให้ ยายปุ้นก็เป็นอย่างนี้ชอบคบคนไม่รู้จักดูหัวนอนปลายเท้า พายได้ยินแม่ไหม พาย...."
"ครับแม่ ครับ "
"เป็นอะไรไป เสียงพายแปลก ๆ นะ"
"ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ"
ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้ายายปุ้นทำอะไรงี่เง่าอีก พายรีบโทรมารายงานแม่ด่วยเลยนะ ลูกคนนี้ไม่เคยรักดี มันไม่รักดีตั้งแต่เกิด งั้นแค่นี้ก่อนนะลุก"
ตู๊ดดดดดดด.......แล้วสายก็ตัดไป
ข้าวปุ้นจึงยักคิ้วถามณพัทธ์
"ไง..เมื่อกี้ทำปากดี ทีให้คุยจริง ๆ ไม่เห็นกล้า"
"เอ่อนะ เอ่อนะ คราวหลังก่อนเถอะ จะย้อนกลับให้"
"ไหนเมื่อกี้บอกว่าคุยกับผู้ใหญ่จะต้องมีเหตุผล อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพเรียบร้อย อะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไหนกลืนน้ำลายตัวเองเสียง่าย ๆ "
"มันก็ใช่ แต่แม่เธอจะให้คบคนแต่ภายนอกที่ร่ำรวย รูปหล่อ เป็นนักกีฬามหาลัยแค่นั้นน่ะเหรอ ไม่ถามหรือว่าลูกสาวตัวเองรักเขารึเปล่า......จริงสิแล้วเธอรักพี่พายรึเปล่า"
"รักเหรอ....สะกดยังไงก็ยังไม่รู้"
"ฉันเข้าใจก็ตอนนี้นี่เองที่เขาพูดกันว่าการศึกษาไม่สามารถช่วยให้คนฉลาดขึ้น"
"นี่นายกำลังว่าฉัน " เธอถามเสียงเข้ม "ว่าฉันโง่ใช่ไหม" ข้าวปุ้นเขย่าตัวณพัทธ์ เขาจับแขนเธอไว้เธอจึงหยุดนิ่งวเหมือนถูกสะกด ทั้งคู่สบตากันช้า ๆ จ้องมองความสัมพัทธ์ลึก ๆ ทางจิตใจ เธอต้องพยายามเข้าใจว่าเธอจะเผลอใจไปให้ใครไม่ได้อีกแล้วเพราะคนที่จะเป็นสามีในอนาคตต้องชื่อเพทายคนเดียวเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจับวางราวกับเกมส์หมากรุกที่ผู้เล่นคิดไว้แต่เบื้องหน้าว่าจะทำอย่างไรให้ตัวถึงเป้าหมาย โดยหมากบางตัวที่เดินไปอาจจะฝืนกับความจริง
"ตอนที่แม่เธอท้องคงชอบทานขนมจีนสินะ"
"เหน็บแนมนี่เก่งจริง ๆ ฉันว่านายน่าจะเลือกเข้าชมรมเหน็บแนมแห่งประเทศไทยนะ คงได้เป็นประธานชมรมแน่ ๆ เชื่อฉันสิ "
"เธอก็ว่าไปนั่น เข้าชมรมสิจะได้เจอกันทุกวัน"
" แม่ฉันไม่อนุญาตให้เล่นกีฬาเพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บ ตอนอยู่ม .ต้นฉันเคยแขนหักเพราะเล่นบาสนี่แหละ หลังจากนั้นแม่ก็เลยสั่งห้าม และแม่ก็เริ่มตั้งกฎเกณฑ์ให้ฉันตั้งแต่ตอนนั้นมา แต่ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง อยากเจอฉันหรือ "
"ใครบอก.....ฉันจะไปอยากเจอเธอทำไม หน้าตาก็งั้น ๆ แถมยังต๊องอีกต่างหาก แล้วเธอไม่มีเพื่อนเหรอ เห็นเธอมานั่งอยู่แบบนี้ตั้งแต่เปิดเทอมแล้วนี่หน่า "
"ไม่มีหรอก แม่ไม่ยอมให้คบใครนอกจากพี่พายเท่านั้น แม่กลัวจะเสียคนเพราะเพื่อน ฉันไม่เคยมีโลกส่วนตัว ไม่เคยสังสรรค์ และไม่เคยทำอะไรที่อยากทำเลยสักครั้ง"
"ถ้าเราจะเป็นคนพาเธอให้รู้จักกับอะไร ๆ ในโลกอันสวยงามนี่ล่ะ จะว่าไง "
"ฮึ..อยากออกจากชมรมแบบไม่มีเงื่อนไขรึไง กล้ามาก ๆ ระวังจะโดนไล่ออกนะจ๊ะ นี่คือคำเตือน พี่พาย..หวงฉันเข้าไส้ นายลองมายุ่งสิจะได้เจอเด้งออกจากทีมโดยไม่รู้ตัว"
"เอาเหตุผลอะไรมาไล่ผมออกล่ะ"
"เหตุผลที่นายชอบทำท่าทางเหมือนจะตายคาสนามนะสิ อย่ามายุ่งกับฉันเลย ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เพราะฉันคบใครไม่ได้อีกแล้ว"
"ทำไมล่ะ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เธอปิดกั้นความรู้สึกขนาดนั้น"
"ปิดกั้นความรู้สึก นายเอาอะไรมาพูด.....มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมีใครเข้าใจฉัน ไม่เลย..." น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาลงมากเหลือเกิน จนเขาเองก็แทบจะมีน้ำใส ๆ ออกมาเมื่อความรู้สึกเหมือนผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำไมนะทุกครั้งที่เธอสบตามันถึงเหมือนโลกทั้งโลกแทบจะหยุดหมุน
"เธอรักเขารึเปล่า....ปุ้น...เธอรักเขาไหม"
"รักหรือไม่..แล้วฉันจะทำอะไรได้ หากตอนนี้ไม่มีแม้แต่ความคิดที่เป็นของตัวเอง ทุกอย่างแม่ฉันได้จัดวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"
ณพัทธ์คว้าแขนข้าวปุ้นแล้วดึงวิ่งข้ามถนนขณะที่รถรอบเมืองจอดอยู่เบื้องหน้าพอดี
"จะไปไหนกัน"
"เห็นถนนที่ตรงไปข้างหน้าไหม รถคันนี้เราขึ้นประจำ สักพักจะถึงสี่แยก เธอเคยผ่านมารึเปล่า" ข้าวปุ้นส่ายหน้า เมื่อรถติดไฟแดงเขาจึงถามต่อไปอีก
"การที่ผู้ใหญ่บอกให้เราทำตามที่ท่านต้องการก็เพราะว่าหวังดี อยากให้เราเดินให้ถูกทางแต่ทางที่ท่านเลือกให้เราวันข้างหน้าท่านก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง เนี้ยถ้าเป็นเธอจะเลือกไปทางไหนถ้าเธอยังไม่ตั้งเป้าหมายในชีวิต"
"แล้วฉันควรทำยังไงล่ะ" น้ำเสียงเธออ่อนลงมาก
"เธอก็ควรคิดได้แล้วว่าเธอจะทำอะไร มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร ถ้าเธอไม่คิดแล้วจะมุ่งสู่ทางข้างหน้าได้ยังไง เธอเป็นมนุษย์ไม่สามารถจะทำตามใจคนอื่นให้ดีได้ทุกอย่าง แต่เราก็ไม่ได้อยากให้เธอไม่เชื่อฟังพ่อแม่หรอกนะ เพียงแต่อยากให้เธอรู้จักคิดเองเป็น " เสียงอ๊อดดังขึ้นแล้วรถก็จอดลง ทั้งคู่เดินลงมาจากรถ เขาบีบมือเธอไว้
"สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สิ อย่างนั้นแหละเอาให้เต็มปอดเลย สบายใจขึ้นรึยัง" ณพัทธ์สั่ง ข้าวปุ้นจึงทำตาม รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที
"ขอบใจมากนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยรู้ไหม ที่ฉันออกมาข้างนอกโดยไม่มีพี่พายมาด้วย"
"และมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย" เขาส่งยิ้มให้อย่างมีความสุข
รอบ ๆ บึงแห่งนี้มีต้นไม้สูงตะหง่าดให้ร่มเงา ยังได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง ตามคำบอกเล่า จู่ ๆ เขาก็หยุดเดินและถามเธอว่า
"ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า"
เธอส่ายหน้าเบา ๆ และเอี้ยหูฟังอย่างเงียบ ๆ จนแรงที่เขาบีบทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความมีมิตรไมตรีและความรู้สึกดีเล็ก ๆ ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นมา ข้าวปุ้นจ้องใบหน้าขาวซีด ๆ ของเขา เห็นริมฝีปากสีชมพุระเรื่อมันช่างเข้ารูป เธอเองยังอยากมีปากบาง ๆ แบบนั้น จมูกโด่งเป็นสันดูคล้ายจะเหมือนพวกฝรั่ง แต่ก็ไม่ใหญ่มากจนไม่เข้ากับหน้า เขามีลักยิ้มด้วยสิเธอสังเกตเห็นมันขึ้นเพียงข้างเดียวเท่านั้นเอง
เสียงตะโกนดังขึ้นจนเธอเองก็ต้องสะดุ้ง
"ผมชอบผู้หญิงคนนี้...ผมชอบข้าวปุ้น"
เธอหน้าแดงเหมือนเคอะเขินเสียเต็มที่ เสียงสะท้อนกลับมาให้ได้ยินเมื่อเขาตะโกนออกไป ตะวันกำลังลับขอบฟ้ามีเพียงแสงแดงสีส้มจาง ๆ ส่องให้เห็นคนทั้งคู่กำลังเดินรอบบึงอัตราวัตร เขาพาเธอเดินไปเรื่อย ๆ จนจะครบรอบที่สาม เมื่อเสียงมอเตอร์คันหนึ่งดับเครื่องลงใกล้ ๆ
"ไอ้หนุ่มเอ้ย คนนี้รึว่ะแฟนเอ็ง น่ารักไม่เบา"
ชายวัยกลางคน นามว่าเชิง ถามอย่างเรียบๆเคียงๆ
"ครับ" เขาตอบอย่างอาย ๆ
"แหมะ.....สายฟ้าแลบเชียวนะเอ็ง บทจะมีแฟนก็มีเอาซะดื้อ ๆ แม่หนูคนนี้รึเปล่าที่ทำให้หัวใจเอ็งบอบช่ำมานาน "
เขาทำท่าทางจุปากเหมือนเคยเอ่ยพร่ำเพรื่อถึงใครคนหนึ่งที่ตัวเองหลงรักซึ่งเจ้าตัวได้ยืนข้าง ๆ แล้ว
"บอกไปเถอะว่ะ ว่าหลงรักเขามานานแรมปี มีโอกาสดีก็วันนี้ เอาว่ะ..ข้าเห็นเอ็งเดินจะครบสามรอบแล้วนี่น่า " ลุงเชิงเอามือล้วงเข้าไปในย่าม หยิบสิ่งของบางอย่างพร้อมกับด้ายสีขาวที่พันกันป็นเกลียวขึ้นมา
"ลุงจะทำอะไรคะ" ข้าวปุ้นร้องทัก
"จะมัดแขนให้เอ็งสองคนไงจะได้รักกันไปนาน ๆ "
เมื่อมัดแขนของเขาเสร็จแต่ข้าวปุ้นยังไม่ยื่นมือไป ณพัทธ์จึงออกปากแทน
"ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณมากเดี๋ยวผมผูกให้เธอเอง"
คำกล่าวนั้นออกจะซื่อเสียจนอีกฝ่ายรู้ถึงความจริงใจ ข้าวปุ้นยื่นมือออกไป
"ลุงผูกให้หนูด้วยค่ะ ขอให้หนูได้เรียนรู้รักด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครต้องบงการ"
ณพัทธ์อึ้งไปครู่หนึ่งจนลุงเชิงมัดมือให้ข้าวปุ้นเสร็จ เขาจ้องหน้าเธอไว้อยากจะรู้เหตุผลบางอย่าง
"ที่พูดเมื่อตะกี๊ จริงรึเปล่า"
เธอเดินหนีไม่ตอบแต่แอบอมยิ้มเดินไปเรื่อย ๆ
"ตอบหน่อยสิว่าเมื่อตะกี๊พูดจริงรึเปล่า"
"ตอบหน่อยก็ได้" ข้าวปุ้นหยั่งเชิง
"จริงนะ .." แต่เธอยังไม่ยอมพูด "อ้าวแล้วทำไมไม่พูดล่ะ"
"ก็ยังไม่เห็นหน่อยนี่หน่า ถ้าหน่อยมาเมื่อไหร่จะตอบ"
"เป็นหมารอบกัดหรือเรา นี่แน๊ะอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ"
ทั้งคู่วิ่งไล่ไปจนเหนื่อย ข้าวปุ้นหยุดมองออกไปโดยรอบ ก่อนจะเป็นคนบีบมือณพัทธ์แล้วตะโกนกลับไปยังบึงว่า
"ลลนาชอบณพัทธ์ ลลนาชอบณพัทธ์คะ"
"ขอเป็นชื่อข้าวปุ้นได้ไหม"
"ข้าวปุ้นชอบพัทธ์" เสียงสะท้อนกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเธอตะโกนจนเหนื่อยหอบ
"รู้สึกโล่งอกยังไงบอกไม่ถูกเลยนะ เหมือนยกภูเขาออกจากอก"
"มีอยู่แค่นี้ยังจะ หนักอกหนักใจอีกหรือ" เขาทำท่าเหมือนมันเล็กมาก
"นี่กำลังหมายถึงอะไรย่ะ หน้าอกงั้นเร๊อะ ถึงจะมีแค่น้อยนิดแต่ก็พอตัวแหละหน่า ถามจริง...ชอบเรามานานแล้วจริงอ่ะ...."ข้าวปุ้นเดินไปจ้องหน้าเขาอย่างเอาจริงเอาจัง "ถามจริง ๆ ตอบมาดิ" เธอยังเซ้าซี้ต่อ
"เรื่องอะไรจะบอก...ถ้ารู้ก็ข่มตายสิจ๊ะ"
"ไม่บอกก็อย่าบอก คราวหลังถ้าอยากบอกจะไม่ฟังด้วยนะจะบอกให้"
ข้าวปุ้นก้มดูนาฬิกาเห็นเข็มชี้ไปที่เลขหกก็เริ่มใจไม่ดี ท่าทางของเธอทำให้เขาเดาออก
"อยากกลับแล้วใช่ไหม..."
"ยังหรอก..แต่ว่าต้องกลับแล้วสิ..แย่จังนะ" เธอเสียงเศร้า
"ไม่อยากให้กลับเลย รู้ไหมว่าเรามีความสุขมาก ที่ได้อยู่กับเธอ "
"รู้สิ ตัวเองมีความสุขคนเดียวซะเมื่อไหร่ เราก็มีความสุขเหมือนกัน "
"เห็นต้นไม้นั่นไหม มันเป็นสีชมพู " เขาชี้พร้อมบอกให้เธอหยุดเดิน
"หยุดทำไมล่ะ ไหนต้นไหน ไม่เห็นเลย....มีด้วยเหรอที่ต้นไม้เป็นสีชมพู"เธอทำหน้างง
"แสดงว่ายังไม่มีความรัก เพราะเขาบอกว่าคนที่มีความรักจะมองอะไรก็เป็นสีชมพู "
เธอเบ้ปาก เบื่อสำนวนน้ำเน่าเต็มทน " เชื่อไหมว่าที่นี่เขาเล่าขานกันว่าเป็นบึงย้อนกลับ เหมือนชื่อของมัน"
"ชื่อบึงอัตราวัฎแปลว่าย้อนกลับงั้นหรือ อะไรคือการย้อนกลับ"
"เขาว่าถ้าเราอธิฐานอะไรแล้วให้เดินวนซ้าย เช่นถ้าเราบอกว่ารักปุ้นแล้วเดินวนซ้ายจนครบสามรอบด้วยกัน ความรักของเราจะยั่งยืน แต่ถ้าเราจะเลิกกันให้มาถอนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่กันโดยการวนขวาและตะโกนบอกไปว่าเราสองคนหมดรักกันแล้ว"
"ถ้าเลิกกันแล้วไม่ได้บอกล่ะจะเกิดอะไร"
"จริงสิ..ลืมถามลุงเชิงเลย...คิดได้ยังไงนะ"
"ทำมาเป็นชม..เชอะ.."เธอเชิดหน้า พร้อมกับกอดอก"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ" ข้าวปุ้นจ้องเสื้อกันหนาวที่เขาใส่อยู่ แล้วนึกถึงความอุ่นของมัน
"อากาศเริ่มหนาวนะ ว่าไหม" เธอย้ำหลายครั้งแต่อีกฝ่าย ยังแกล้งไม่ได้ยิน "อากาศเริ่มหนาวแล้วเน๊อะ..." ข้าวปุ้นพูดเสียงดังอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้ยินก็ต้องได้ยิน
"ฮะ..หนาวหรือ แล้วไงอ่ะ อย่า...อย่าแม้แต่คิดว่าฉันจะยอมเสียสละเสื้อกันหนาวให้เธอนะ ฉันก็หนาวเหมือนกัน"
"ใครบอกว่าฉันอยากจะใส่ของนาย ฮู้......." เธอทำปากจู๋
"อ่ะ......เอาไป" เขาถอดเสื้อกันหนาวที่ใส่อยู่ส่งให้ ข้าวปุ้นกำลังจะรับมา แต่เขาชักมือกลับ
"แน ไหนว่าไม่เอา " ณพัทธ์ล้อ ข้าวปุ้นจึงชักมือกลับ
"กวนประสาทนักนะ จะให้ไม่ให้" ข้าวปุ้นเสียงแข็ง เขาจึงยื่นเสื้อให้อีกแต่ข้าวปุ้นไม่ยอมรับ
"เอาไป ล้อเล่นแค่เนี้ย ทำเป็นโกรธ เอา เอาไปเถอะน่า.....ไม่ล้อแล้ว นะจ๊ะ นะจ๊ะ" เขาขอร้องข้าวปุ้นอยู่นานจนเธอยอม ยื่นมือรับเสื้อแต่เขาจะดึงกลับข้าวปุ้นจึงมองตาแข็งขู่ แต่ยังฟอร์ม
"เห็นว่าขอร้องหรอกนะ เป็นโรคผิวหนังรึเปล่า กลิ่นก็แบบว่าพอทน" เธอทำท่าแขยง
"บ้าสิ.......เอาคืนมาเลย เราอาบน้ำทุกเดือนยะ"
ทั้งคู่หัวเราะชอบใจ
ข้าวปุ้นค่อย ๆ ย่องเข้าไปในบ้านสะดุ้งเมื่อไฟฟ้าสว่างขึ้น เสียงชายหนุ่มถามเสียงเข้ม
"ไปไหนมา...ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้"
"ก็พี่พายทิ้งปุ้นทำไมล่ะค่ะ....."
เพทายเงียบทำให้ข้าวปุ้นเป็นต่อ เพทายรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังปกปิดและทำลงไปเป็นสิ่งที่ผิด เขาจึงได้แต่เงียบไม่ตอบคำถาม เพราะเขาไม่เคยทิ้งเธอเลยแม้สักครั้ง
"เงียบทำไมจ๊ะ..มีอะไรแน่ ๆ ทำผิดมาใช่ไหมบอกมานะ"ข้าวปุ้นถามลอย แต่อีกฝ่ายกลับรนไปเอง
เพทายทำหน้าไม่ถูก กระวนกระวายรีบจะแก้ตัวแต่ข้าวปุ้นบอกซะก่อน
"ล้อเล่นน่ะ ทำเหมือนมีความผิดเลยนะเนี้ย" คิดอยู่ในใจว่าเธอก็ทำผิดมาเหมือนกัน "อย่าให้รู้ล่ะว่าไปทำอะไรไม่ดีมา ถ้ารู้เมื่อไหร่โดนแน่ ๆ เอ๊ะหรือว่าแฟนเก่ากลับมาหานะ เลยทำให้หน้าตาเป็นแบบนี้"ข้าวปุ้นล้อเลียน
"ปะ ปะเปล่านะ ไม่มีใครมาทั้งนั้นแหละ แฟนกงแฟนเก่าอะไร " เขาเฉไฉ "ปะ ไปกินข้าวกันดีกว่า อย่าซีเรียสเลยนะจ๊ะ"
"มีอะไรแน่ ๆ ใช่ไหม" ข้าวปุ้นเค้นเอาคำตอบ แกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพทายยึกยักกลัวความผิดบางอย่าง แต่เธอก็เปลี่ยนใจเพราะเธอเองก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้เขารู้มาเหมือนกัน ข้าวปุ้นวางโทรศัพท์ลง แล้วถอนหายใจ
"ไม่ดีกว่าค่ะ อยากได้ยินจากปากของพี่เองมากกว่า หนูไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจ ว่าแต่พี่มีอะไรจะบอกหนูไหม"
"พี่..พี่.."
เพทายไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"ใครโทรมาหรือค่ะ..ไม่รับโทรศัพท์ก่อนล่ะ.." เธอชักสงสัยเมื่อเห็นโทรศัพท์ดังอยู่หลายรอบ "มีอะไรปิดบังหนูอยู่ บอกได้ไหม"
ข้าวปุ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ได้ยินเสียงผ่านสายออกมาเป็นเสียงหญิงสาวคนหนึ่ง น้ำเสียงเอ่ยถามข้าวปุ้นเบา ๆ
"หวัดดีค่ะ น้องปุ้นรึเปล่าเอ่ย หายไปไหนมาค่ะ พี่ชายเราเป็นห่วงแทบแย่"
"ค่ะ..พี่คือ..."
"แหม..ไม่รู้จักพี่เหรอค่ะ พายเนี้ยไม่ไหวเลย น่าตีจัง เล่าแต่เรื่องน้องสาวให้ฟัง แต่ไม่ยักกะเล่าเรื่องของแฟนให้น้องฟังบ้าง พอดีพี่จะมาต่อโทที่นี้ ไม่ค่อยไว้ใจพี่พายขานี้เผลอทีไรเป็นขี้หลีทุกที"
ข้าวปุ้นจ้องหน้าเพทาย ก่อนดวงตาจะแดงกล่ำเพราะความผิดหวัง นี่หรือความเจ็บปวดไม่น่าเชื่อว่าวัน ๆเดียวจะทำให้เธอเรียนรู้อะไร ๆ ที่มากกว่า
"พี่จะคุยกับพี่พายไหมค่ะ" ข้าวปุ้นเสียงสั่น
"ไม่ล่ะจ๊ะ..เดี๋ยวพี่พายคงกลับบ้าน บอกว่าพี่รออยู่นะ ขอบใจจ๊ะ"
หลังวางสายข้าวปุ้นทรุดตัวลงนั่งช้า ๆ บนโซฟา นี่น้ำตามันเกิดมาจากความรู้สึกของอะไรกันนะ เธอไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือความรัก ความหึงหวง ความโกรธ หรือความน้อยใจ ที่ผู้ชายคนเดียวที่เธอคิดว่าเขารักเธอมากนักมากหนาจะทำร้ายเธอได้แบบนี้ อย่างเลือดเย็น
"พี่..ไม่ได้คิดอะไรกับณัฐนันแล้วนะ มันเป็นเรื่องในอดีตเท่านั้นเอง "
"ทำไมไม่เล่าให้ฟังบ้าง ว่าพี่มีคนที่พี่รักมากขนาดนั้น"
"พี่ไม่ได้รัก..ความใก้ลชิดมันทำให้พี่เผลอใจไปเท่านั้น "เพทายแก้ตัว
"แล้วพี่ก็จะบอกหนูว่าความห่างไกลระหว่างพี่และผู้หญิงคนนั้นทำให้พี่หมดรักเธออย่างนั้นหรือค่ะ แล้วถ้าเธอกลับมาแบบนี้ เธอจะทำยังไง พี่จะให้หนูรู้สึกยังไง ตอนนี้หนูอยู่ในฐานะน้องสาวพี่เท่านั้นใช่ไหมค่ะ " น้ำเสียงนั้นน้อยในเหลือเกิน "ตอบมาสิคะ"
"หนูเป็นคนรักของพี่ พี่รักหนูคนเดียว"เพทายเสียงสั่น
"อย่าบอกว่ารักหนูอีก..." ข้าวปุ้นเดินเข้ามาปิดปากเพทายไว้ "ไม่กี่เดือนผู้หญิงคนนั้นก็จะมาอยู่ที่นี่ ถ้าพี่เคลีย์มันไม่ได้ เราสองคนก็คงต้องจบกัน" เธอเงียบไปครู่หนึ่ง "นะคะ"
"ไม่นะ...คนดี" เพทายดึงมือออก "พี่รักหนู พี่รักหนู" เพทายเขาไปกอดข้าวปุ้นไว้
"คนที่เขารักกันเขาทำกันแบบนี้หรือคะ เขาโกหกกันแบบนี้หรือคะ"
เธอสะอื้นไห้เบา ๆ เกะมือชายหนุ่มออก
"ไปนะ..ไปหาเขาเถอะ หนูไม่อยากเสียใจ หนูไม่อยากผิดหวัง"
"หนูไม่อยากจะรักพี่เพราะว่าหนูกำลังเปิดใจรับไอ้เด็กนั่นใช่ไหม อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าหนูไปไหนมานะ เพียงแต่พี่ไม่อยากจะพูด"
"ค่ะ...หนูกำลังเปิดใจรับเขา ทำไมล่ะ...แล้วพี่พายจะทำไม" เสียงสั้น ๆ นั้นกระด้างขึ้นทุกที
"พี่ไม่ทำอะไรหนูหรอกนะ แต่ไอ้นั่นมันต้องเจอดีแน่" เพทายโมโหเปิดประตูแล้วปิดกระแทกเสียงดังข้าวปุ้นปล่อยโฮออกมาอย่างผิดหวัง
ข้าวปุ้นกลั้นใจเดินเข้าไปในโรงยิม เห็นณพัทธ์ถูกฝึกหนักอยู่คนเดียวกับเพทายหลังจากที่ทุกคนถูกปล่อยตัวกันหมด ความไม่พอใจทำให้ข้าวปุ้นต้องออกปาก
"นี่พี่พายกำลังทำอะไรอยู่คะ เขาจะไม่ไหวแล้วนะ" ข้าวปุ้นพยุงตัวณพัทธ์ขึ้น ยิ่งทำให้เพทายโมโห
"ไม่ไหวก็ดี งั้นการคัดเลือกตัวก็เป็นอันว่าจบ นายไม่ผ่าน"
ณัฐนันเดินเข้ามาทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้น
"พาย..คุณทำไมฝึกน้องเขาหนักอย่างนี้ล่ะคะ แฟนน้องปุ้นหรือ"
ทุกคนยิ่งเงียบกันไปใหญ่เมื่อคำถามถูกส่งเข้าโสตประสาทของทุกคน เพทายดึงแขนข้าวปุ้นมาใกล้
"แฟนปุ้น....ก็พายนี่ไง" เพทายพูดเสียงดัง
"อะไรกันค่ะ..." ณัฐนันเอะอะ "นี่มันอะไรกัน อธิบายหน่อยสิ ทำแบบนี้นันงงไปหมดแล้ว " ณัฐนันเข้าไปเกาะแขนเพทาย "อย่าล้อเล่นแบบนี้สิค่ะ ใจไม่ดีเลย"
"พายพูดจริง แฟนพายชื่อปุ้น" เพทายบีบมือและดึงตัวข้าวปุ้นมาใกล้ "ผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของพาย"
ข้าวปุ้นดีใจกึ่งหวั่นความรู้สึกอีกฝ่ายที่ถูกตัดเยื่อใยซึ่ง ๆ หน้า ไม่ใช่แค่ณัฐนันเท่านั้นเธอเผลอคิดไปว่าความรู้สึกของณพัทธ์จะเป็นอย่างไร ความเงียบทำให้ทุกสิ่งในโลกเหมือนไม่เคลื่อนไหว หัวใจหลายดวงกำลังทดท้อผิดหวัง ณัฐนันเรียกสติคืนมาก่อนคนอื่น รีบแก้ สถานการณ์ตรงหน้า
"พี่ขอตัวพี่พายก่อนนะค่ะ" เธอลากตัวเพทายออกจากที่นั่น ข้าวปุ้นตาแดง ๆ เหมือนน้ำในตาจะไหล ณพัทธ์จึงเอ่ยถาม
"ผิดหวังมากรึเปล่า อยากจะร้องก็ร้องเถอะ"น้ำเสียงแผ่ว ๆ เอ่ยถาม
"ร้องไห้หรือ..ร้องไห้ทำไมกันล่ะ ฉันกำลังเสียใจหรือไงนะ" เสียงสะอึกสะอื้นดังเครือ ๆ ปนกับเสียงพูดไม่เป็นคำ ณพัทธ์ปาดน้ำตาให้เธอแล้วแกล้งแซว
"ไม่ร้องไห้อะไรล่ะ ดูสิตาบวบเป่งขนาดนี้ ร้องไห้เดี๋ยวไม่สวยนะ งานคืนพรุ่งนี้เธอต้องเด่นที่สุดในงานแน่ อาจจะได้เป็นขวัญใจของชาวมหาลัยในเทอมหน้าก็ได้ เตรียมตัวให้ดี"
"เตรียมตัวทำอะไรล่ะ "
"เถอะน่า ...พรุ่งนี้ก็รู้เอง...เอาเป็นว่าหมาน้อยอย่าพึ่งร้องไห้นะจ๊ะ เดี๋ยวจะร้องเพลงให้ฟัง ร้องเพลงอะไรน๊า.. มาเถอะจะพาไปที่ที่หนึ่ง"
ณพัทธ์พาข้าวปุ้นเข้าในอาคารแห่งหนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ามีเครื่องดนตรีหลายชิ้นตั้งอยู่ เขาหยิบกีต้าร์ไฟฟ้าขึ้นมา แล้วถามเธอว่าร้องเพลงเป็นรึเปล่า หญิงสาวส่ายหน้า
"คนอะไรนะ ร้องเพลงไม่เป็น"
"ก็คนแบบฉันนี่แหละ..ทำไม..มีปัญหารึไง "
ณพัทธ์หัวเราะขำกับท่าทางของเธอ แล้วเปิดไมค์พูดออกไปว่า
"เพลง ๆ นี้ขอมอบให้กับหมาน้อยในดวงใจของผม เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก รัก และรักตลอดไปผมสัญญา "
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
หญิงสาวปรบมือเสียงดัง พร้อมกับรอยยิ้มในดวงตาอันแสนเศร้า
"เราไม่อยากมองตาปุ้นเลย มันเศร้ายังไงไม่รู้ เคยมีใครบอกบ้างไหมว่าตาเธอเหมือนร่ำร้องอะไรสักอย่าง อย่างน่าสงสาร คราวหลังเราจะดูแลเธอเองนะไม่ต้องห่วง"
"เชอะ..ดูแลตัวเองให้รอดก่อนเถอะย่ะ ฉันว่านายน่าจะไปหาหมอบ้างนะ ดูท่าทางนายไม่ค่อยปกติเลย เวลานายเหนื่อย ๆ ฉันเห็นนายเหมือนกับแน่นหน้าอกอยู่บ่อย ๆ "
"รู้สึกยังไงที่พี่ณัฐนันเขากลับมา"
"นายรู้จักเขาเหรอ"
"ใครจะไม่รู้จักล่ะ นักเรียนแลกเปลี่ยนของมหาลัย จบมาเป็นแพทย์ได้สบาย ๆ สอบนะได้เอทุกวิชา แถมพ่วงงานวิจัยยาที่กำลังทำอยู่อีก ไม่รู้หรือว่างานวันพรุ่งนี้เขาจัดให้พี่ณัฐนันเป็นพิเศษ เนื่องจากที่ทำชื่อเสียงให้มหาลัย ที่สำคัญใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นเด็กเก่าของพี่พายกันทั้งนั้น"
"นายรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหน"
"เห็นเพื่อนพี่ณัฐนันที่เป็นนักกีฬาบาสเขาพูดกันเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าทั้งคู่สนิทสนมถึงขั้นไหน ผิดหวังหรือที่ไม่ได้เป็นคนพิเศษอย่างทุกที"
"ก็มีบ้าง หลงตัวเองมากไปก็งี้แหละ คิดแต่ว่าเขาคงรักเราคนเดียว ไม่มีใคร เชื่อสิ...ให้ตายเถอะ ช่างอ่อนต่อโลกเหลือเกิน"
"แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวนะ พี่คนเนี้ย น้ำนิ่งไหลลึกเลยล่ะ"
.....................................
ขอบคุณนะค่ะที่เข้ามาอ่านยังไงช่วยติดตามและติชมได้เลยนะคะเพราะเป็นการเริ่มต้นครั้งแรก ช่วยคิดเพลงใส่ให้หน่อยเพราะเพลง ๆ นี้มีความหมายต่อคนทั้งสองคนมาก
.....................................
ขอบคุณนะค่ะที่เข้ามาอ่านยังไงช่วยติดตามและติชมได้เลยนะคะเพราะเป็นการเริ่มต้นครั้งแรก ช่วยคิดเพลงใส่ให้หน่อยเพราะเพลง ๆ นี้มีความหมายต่อคนทั้งสองคนมาก
ความคิดเห็น