คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 Runway
Runway
-_-; เซ็ง บอกได้เลยคำเดียวว่าว่าการรอคอยอะไรนี่มันเซ็งจับจิตจริงๆ -_-^ แถมยังต้องมาจับเจ่าอยู่ในบ้านคนเดียวอีกต่างหาก (ถ้าไม่นับคนรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่บ้านอะนะ -.,- ) รู้งี้ขอคุณพ่อกับคุณแม่ไปอืตาลีด้วยก็ดีอยู่หรอก อยู่บ้านคนเดียวนี่มันเซ็งจริงๆ
ตึกๆ~
“คุณหนูค่ะโทรศัพท์จากเพื่อนค่ะ” ฉันปรายตาไปมองปลาหวาน (ชื่อน่ากินชะมัด) อย่างเซ็งๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มา
“ฮัลโหล”
(ฮัลโหล~ ว่าไงจ๊ะแม่ทางด่วน~)
“พูดแค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้วาง -_-^”
(อ๊ะๆ เดี๋ยวซิเวย์ อย่าเพิ่งวางสายฉันน่ะย่ะ ไม่งั้นฉันงอนจริงๆ ด้วย -_-)
ฉันถอนหายใจออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน ฉันทำอะไรผิดหนักหนาวะ คนอื่นถึงได้เรียกฉันว่าทางด่วนๆ อยู่ได้ -_-^ ใช่แล้วละ.. นั่นมันชื่อของฉันเอง ไม่ใช่ทางด่วนนะ แต่เป็นรันเวย์ต่างหากละ ฉันไม่เห็นว่าชื่อของฉันมันจะเกี่ยวข้องทางญาติโกโหติกาตรงส่วนไหนกับคำว่าทางด่วน -_- คุณเองก็คิดเหมือนฉันใช่ไหมค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ตกวิชาภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเหมือนอย่างกับคนพวกนั้น (อ้าว)
“แล้วคึกอะไรขึ้นมาล่ะถึงได้โทรหาฉันได้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะโทรมา”
(แหม ทำเป็นพูดไป เพื่อนโทรมาหาเพื่อนบ้างไม่ได้รึไง หรือว่าเดี๋ยวนี้แกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วเนี่ย)
“...”
(เฮ้ยๆ อย่าเงียบดิยัยเวย์ เป็นอะไรขึ้นมาอีกละเนี่ย ฉันเดาอารมณ์แกไม่ถูกจริงๆ.. หรือว่าแกโดนนายฟอสซิลอะไรนั่นบอกเลิกมา)
“ฟอสเซรัสไม่ใช่ฟอสซิล”
(เออๆ จะอะไรก็ชั่ง.. สรุปว่าแกยังจี๋จ๋ากันหมอนั้นอยู่อีกรึเปล่าเนี่ย -_-^)
“ให้ตาย... แกจะเดาใจฉันได้ไปถึงเมื่อไหร่ฟะ” ฉันพูดออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
(ว่าไง มันเกิดเอะไรขึ้นระหว่างแกกับนายฟอสซิล.. ฉันพอจะช่วยอะไรแกได้มั้ย?)
“คงกู่ไม่กลับแล้วละเว.. ฉันกับหมอนั่นตัดขาดกันไปแล้ว”
(...)
“แกอยากฟังมั้ยละ?”
(...) เมื่อยัยเวเนเชียไม่ตอบ ฉันก็เลยตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ยัยนั่นฟังอย่างขมขื่น อยากรู้มั้ยละ? ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ฉันจะเล่าให้ฟัง ตั้งสติให้ดีด้วยละเดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่ว่า...
6 เดือนที่แล้ว
“นี่ๆ ทุกคน คืนนี้ไปเที่ยวผับกันมั้ย ไปแดนซ์ให้มันกระจายกันไปเลย.. แล้วถือโอกาสฉลองที่พวกเรามารวมตัวกันด้วยเป็นไง”
“ก็ดีนะ ฉันจะได้หาหนุ่มหล่อๆ มาเป็นที่รักสักหน่อย ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองขาดผู้ความอบอุ่นจากผู้ชายยังไงไม่รู้ ไปหามากินสักคนสองคนก็คงจะดีไม่น้อย ว่าไงเวย์จะไปด้วยกันรึเปล่า” ฉันหันไปมองยัยซีน่าทันทีที่ยัยนั่นเอ่ยชื่อของฉัน ความจริงยัยนั่นไม่น่าจะถามฉันให้เสียเวลาเลยน่ะ เพราะว่าคนอย่างฉันมีเหรอที่จะไม่ไปร่วมนะ
“ไปซิ ช่วงนี้ฉันกำลังเซ็งๆ อยู่พอดี ไปหาอะไรทำแก้เซ็งสักหน่อยก็น่าจะโอเค” ฉันเหยียดยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ความจริงที่อยากจะไปเพราะอยากหนีเที่ยวต่างหากเล่า คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่อยู่.. ทางสะดวก แต่ถึงจะอยู่ยังไง ท่านทั้งสองก็คงไม่แคร์ฉันหรอก สู้ไปเที่ยวหาความบันเทิงให้สำราญใจดีกว่า
“แน่ใจน่ะว่าแกไปได้นะยัยเวย์ อย่าลืมซิว่าแกเรียนตำรวจ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องขึ้นมาหรอก”
“ห้าแสนก็คงจะพอ.. แล้วคราวนี้ยังจะต้องกลัวอะไรอีก”
“ฮะๆ สมกับเป็นแกจริงๆ ยัยเวย์.. เอาเป็นว่าคืนนี้สามทุ่มเจอกันที่เดิมใครมาช้าเลี้ยง”
“โอเค” <- ซีน่า
“ไม่มีปัญหา” <- เพตรา
“...” <- ฉันเอง
“เป็นอันตกลงตามนี้” <- ยัยเวเนเชีย
หลังจบการสนทนา ฉันก็หันไปมองท้องฟ้าอย่างใช้ความคิด คืนนี้คงจะมีเรื่องสนุกๆ ให้ฉันทำแล้วละ
ผับ X-trazy
ตอนนี้ฉันกำลังเดินแทรกผู้คนอยู่ในผับ ให้ตาย.. ยัยพวกนั้นไปจองโต๊ะเอาไว้ตรงไหนนะ หายากฉิบ -_-
“ยัยเวย์ๆ ทางนี้ๆ” ฉันปรายตาไปมองตามเสียงเรียก ก็ทำให้เห็นยัยเพตรากำลังกวักมือกระโดดเหยกๆ เรียกฉัน ฉันกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปหายัยพวกนั้น แต่เมื่อไปถึงยัยพวกนั้นก็พูดสวนขึ้นมา ทำเอาฉันอยากจะเสยคางคนละหมัด -_-;
“มาช้าเลี้ยง”
“รู้แล้งละหน่า แล้วนี่สั่งอะไรกันบ้างรึยัง?”
“ยังเลย รอแกอยู่นั่นละ” ฉันมองหน้ายัยพวกนั้นอย่างปลงตก ก่อนจะเรียกบาร์เทนเนอร์มาสั่งเครื่องดื่ม เพียงไม่นานแอลกอฮอล์ทั้งหลายแหล่ที่สั่งไปก็ส่งมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
“รู้ใจฉันจริงนะแก เออนี่ไปแดนซ์มันส์ๆ กันสักเพลงเป็นไง” ฉันลุกไปก่อนอย่างไม่ต้องรอคำตอบจากใคร มาสถานที่แบบนี้ก็แดนซ์กันไปเลยซิ ฉันเดินไปหยุดข้างเวทีก่อนจะเริ่มเต้นไปพร้อมๆ กับเพลง Telephone ของ Lady Gaga
Hello hello baby you called
I can’t hear a thing
I have got no service
In the club, you say? Say?
Wha-wha-what did you say huh?
You’re breakin’up on me
Sorry I cannot hear you
I’m kinda busy
K-kinda busy
K-kinda busy
Sorry I cannot hear you I’m kinda busy
Just a second
It’s my favorite song they’re gonna play
And I cannot text you with a drink in my hand, eh?
You shoulda made some plans with me
You knew that I was free
And now you won’t stop calling me
I’m kinda busy
Stop callin’
Stop calln’
I don’t wanna thing anymore
I got my head and my heart on the dance floor
Stop callin’
Stop callin’
I don’t wanna talk anymore
I got my head and my heart on the dance floor
“แหม แม่สาวไฟแรงสูง โชว์สปิริตเต็มที่เลยนะแก” ฉันยิ้มให้ซีน่า ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“มันก็ต้องมีกันบ้างซิ.. วู้!!” ฉันตะโกนออกมา ก่อนจะเต้นตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน ให้ตายเหอะ.. นี่ฉันไม่ได้ปล่อยอารมณ์ตัวเองมานานแค่ไหนแล้วนะ คืนนี้ถ้าไม่เมาก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับ มาทั้งทีก็ต้องมาให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยซิ จะไปคิดถึงบ้านให้ได้อะไร
“วู่ววว์!!” ฉันยังคงโชว์ลีลาการเต้นเพลงของ Lady Gaga อย่างไม่อายสายตาใคร จวบจนเหนื่อยนั่นละ ฉันถึงกลับมานั่งพักเอาแรง และดื่มวิสกี้เพียวเพียว
“ดื่มเยอะเด๋ยวก็เมาหรอกยัยเวย์ -_-^” เวเนเชียที่ยืนแดนซือยู่ข้างโต๊ะ หันมาแหวใส่ฉัน เมื่อมองเห็นว่าฉันดื่มไปหลายแก้ว
“ถ้าฉันเมา พวกแกก็ลากฉันกลับไปด้วยก็แล้วกัน” ฉันไม่สนใจเสียงบ่นของยัยเวเนเชีย ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากไปอีกหลายต่อหลายแก้ว
“เออๆ จะทำอะไรก็ทำไป ฉันขอตัวไปหาเหยื่อก่อนก็แล้วกัน” ฉันเหยียดยิ้มออกมากับคำว่าเหยื่อของยัยเวเนเชีย ยัยนั่นเป็นคาสโนวีตัวฉกาจเชียวละ เผลอเป็นไม่ได้ เดี๋ยวไปงาบผู้ชายคนนู่นทีคนนี้ทีมากินจนจำไม่ได้แล้วว่ายัยนั้นมีผู้ชายอยู่ในสต็อกกี่คนกันแน่ แบบว่ามันนับไม่ถูกอะนะ
“ใจคอแกจะอยู่เป็นโสดรึไงวะเวย์ ไม่คิดจะหาผู้ชายสักคนรึไง”
“ถ้าใช่เดี๋ยวมันก็มาเองละ ไม่เห็นต้องเครียดเลยนี่นา” ฉันแบมือยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะตัดสินใจลุกไปแดนซ์ต่อสักเพลงให้หายเซ็ง
พลั่ก!
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินมาสวนชนฉันเข้าอย่างจัง โชคดีนะที่ฉันไม่ล้ม ไม่อย่างนั้นฉันเอาเรื่องหมอนั่นให้ถึงที่สุดแน่ -_-^
“ไม่เป็นไรค่ะ คราวหน้าก็หัดระมัดระวังบ้างก็แล้วกันนะค่ะ เผื่อว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -_-;” โดยไม่ทันมองหน้า ฉันก็ตอกกลับไปอย่างฉุนจัด
“ครับๆ คราวหน้าผมจะระวังให้มากกว่านี้” ฉันเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า กะว่าจะยิ้มเหยียดให้สักหน่อย แต่ก็ต้องชะงักกับหน้าตาของหมอนั่น.. ผู้ชายคนนั้นไม่ถึงขนาดว่าหล่อเว่อร์ แต่หน้าตาก็พอดูได้ถึงได้เชียวละ.. หน้าตาก็ออกไปทางตี๋ๆ ไว้ผมรากไทรย้อมสีน้ำตาล ( ที่โคตรเข้ากับหน้าตาอย่างแรง ) นัยน์ตาสีสนิมเหล็ก และที่สำคัญ หมอนั่นสูงกว่าฉันเยอะมากๆๆ -_-;
“อ๊ะ คุณนั่นเอง?” ฉันมองผู้ชายตรงหน้ายิ้มอย่างอารมณ์เสีย นี่ฉันไปรู้จักกับหมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันละเนี่ย -_-^
“เรา.. เคยรู้จักกันด้วยเหรอค่ะ?”
“ผมชื่อฟอสเซรัสครับ ^^”
“ฉันไม่ได้ถาม” ท่าทางหมอนั่นจะประสาทแฮะ -0-;
“ครับ ผมรู้.. เมื่อกี้ผมเห็นคุณไปโชว์ลีลาการเต้นอยู่ข้างเวที เห็นแล้วเนี่ย.. ใจมันหวิวๆ ยังไงชอบกลนะครับ”
=_= ฉันไม่ได้โง่นะหรืออ่อนต่อโลกนะ ถึงขนาดที่จะไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรจากฉัน แต่มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยรึไง จู่ๆ ก็เข้ามาทัก แล้วมาขอเป็นแฟน ปัญญาอ่อนเกินไปรึเปล่า -_-;
“พูดมาเถอะค่ะ อย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลาเลยดีกว่า... เพราะว่าฉันไม่ชอบ”
“ผมแค่อยากรู้จัก แล้วก็ทำความรู้จักกับคุณ.. ได้รึเปล่า?” ฉันเงยหน้ามองนายฟอสซิลอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาในที่สุด
“ฉันชื่อรันเวย์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ -_-“ทันทีที่ฉันพูดจบ หมอนั่นก็ยิ้มออกมาราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอย่างไรอย่างนั้นละ -_- ก่อนที่หมอนั่นจะถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะกับฉัน -_-^หมอนั่นเป็นผู้ชายใจร้อนชะมัด ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ทำความรู้จักกับหมอนั่นนะ -_-^
“ถ้าไมรังเกียจ ผมขอเรียกว่าเวย์ได้รึเปล่าครับ ^^”
“ถ้าไม่หนักหนาก็เรียกไปเถอะ ฉันไม่ถือ -_-;”
“โอเค งั้นผมเรียกว่าเวย์ก็แล้วกันนะครับ เออ.. แล้วนี่เวย์มาที่นี่บ่อยรึเปล่าครับ”
“แล้วแต่อารมณ์ค่ะ ถ้าอารมณ์ดีก็ไม่มา แต่ถ้าอารมณ์เสียก็ไม่แน่.. ถามทำไมค่ะ?”
“ผมก็แค่อยากรู้จักเวย์ให้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง” ฉันส่งยิ้มฝืดๆ ไปให้นายฟอสซิล ก่อนจะเสสายตาหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของหมอนั่น
“จะจีบฉันก็บอกมาตรงๆ เลยซิค่ะ ไม่เห็นจะต้องพูดมากเลย”
“แล้วถ้าผมพูดตรงๆ เวย์จะยอมรับผมรึเปล่าละครับ?”
“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับนาย ว่าทำให้ฉันพอใจมากแค่ไหน” ฉันส่งสายตาท้าทายไปให้เขา และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ทัน เลยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันแล้วพูดเบาๆ ว่า
“ขอได้มั้ย?” ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด ฉันก็เสหน้าหนีเขาทันที เกือบไปแล้วมั้ยละ นี่ถ้าฉันช้าไปกว่านี้ละก็ มีหวังได้เสียจูบแรกไปแน่ๆ อย่าเห็นว่าฉันเป็นแบบนี้แล้วจะต้องมีอะไรเกินเลยกับผู้ชายทุกคนหรอกนะ ไม่มีทางซะหรอก -_-;
“แล้วฉันจะรับนายไว้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน.. หวังว่านายคงไม่ปอดแหกไปซะก่อนนะ”
“ฮะๆ เวย์ก็ปากจัดเหมือนกันนะ แบบนี้ตรงสเป็คผมพอดี ^^” เชิญตรงสเป็คนายไปเถอะย่ะ ฉันไม่ขอมีส่วนรวมในสเป็คของนายหรอก -_-^
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนละกัน พอดีว่ามีธุระ -_-;” ฉันเดินหนีออกมาดื้อๆ ทำเอานายฟอสซิลอะไรนั่นอึ้งไปเหมือนกัน แต่ไม่นานต่อจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลังมา ให้ตายเถอะ... คำพูดของฉันมันน่าขำมากรึไงกันนะ -_-
2 วันผ่านไป
เชื่อมั้ย? ว่าฉันกับนายฟอสซิลอะไรนั่นคบกันเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้วละ -_- ใช่ว่าฉันอยากจะมีแฟนอะไรหรอกนะ ก็แค่... สนุกๆ ไปก็เท่านั้นเอง แต่เฮ้! อย่ามามองหน้าฉันด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนั้นนะ ฉันไม่ได้เลวถึงขนาดนั้นสักหน่อยนะ ก็แค่นิดเดียวเอง -.,-
“เฮ้ย! แม่ทางด่วน แกนึกยังไงของแกวะที่ไปคบกับนายฟอสซิลอพไรนั่นนะ -_- เห็นท่าทางแบบนั้นดูเอาก็รู้ว่าเป็นคาสโนว่าตัวฉกาจ แกจะคบกับผู้ชายคนนั้นไปทำไมวะ -_-^”
“แกก็ลองถามตัวแกเองดูซิ ว่าคบกับผู้ชายพวกนั้นไปทำไม มันคงจะได้คำตอบในสิ่งที่แกต้องการ เพราะว่าฉันก็คิดแบบเดียวกันกับแกยังไงละ” ฉันยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อยัยเวเนเชียหน้าบูดลงทันทีที่ฉันพูดจบ เป็นไงละ โดนตอกกลับเข้าหน่อยจ๋อยไปเลย
“ฉันก็ตัวก่อนนะ พอดีว่ามีนัดกับฟอส หมอนั่นจะพาฉันไปทานข้าว แล้วค่อยเจอกัน” พอฉันแยกตัวออกมาจากยัยพวกนั้น รถสปอร์ตสีแดงเพลิงก็วิ่งมาหยุดตรงหน้าของฉันพอดี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนขับ
หวืด~
“รอนานมั้ยครับเวย์ ^^” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมๆ กับรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัว
“ยังไม่ได้รอเลยด้วยซ้ำ” ฉันพูดก่อนจะเดินก้าวขึ้นไปบนรถคันหรู
“ฮะๆ เวย์นี่อารมณ์จริงๆ” -_-; ฉันนี่นะอารมณ์ขัน มีแต่เสียกัยเสียละซิไม่ว่า
“แล้วนี่นายจะพาฉันไปร้านไหนกันเนี่ย”
“ถึงแล้วเวย์จะรู้เองครับ ^^” ฟอสเซรัสยิ้มให้ฉันก่อนจะขับรถออกไปยังจุดหมายที่เขาจะพาฉันไป ฉันว่ามีแฟนก็ดีนะ ประหยัดน้ำมันรถที่บ้านไปได้เยอะเลย แถมยังประหยัดเงินอีกต่างหาก -0-;
ฟิ้ว~
“เวย์ชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” ฉันหันไปมองหน้าฟอส ( ขอเรียกแบบนี้ละกัน ) ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด ฉันชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำไมฉันต้องบอกหมอนั่นด้วยละ?
“ไม่มีนะ ฉันทานได้ทุกอย่าง ยกเว้นพวกอาหารที่มีรสเผ็ดนะ.. นายถามทำไมเหรอ?”
“ผมก็แค่อยากรู้ เผื่อว่าสั่งอาหารไปแล้วไม่ถูกใจเวย์ เดี๋ยวเวย์ก็โกรธผมอีก”
“ฉันไม่โกรธเรื่องแค่นั้นหรอกหน่า ว่าแต่จู่ๆ มาถามกันแบบนี้มีอะไรพิเศษรึเปล่าเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามฟอสเสียงใส หมอนั่นหันมามองหน้าฉันแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“บอกตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์ซิครับ ของดีต้องเอาไว้โชว์ตอนจบ.. จริงมั้ย?”
“ฮะๆ ทำเป็นพูดดีไป ถ้าเกิดว่าสิ่งนั้นไม่ถูกใจฉันขึ้นมาละก็ ฉันจะอาละวาดให้ดู”
“ผมรับรองว่าต้องถูกใจเวย์แน่ๆ” สิ้นเสียงของฟอส พวกราก็มาถึงภัตตาคารอาหารอิตาลีพอดี หมอนั่นเข้าใจเลือกสถานที่แฮะ -0-
“เชิญครับ” ฉันยิ้มออกมาเมื่อฟอสเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ ฮึ เข้าใจทำเหมือนกันนี่นา
“นี่ภัตตาคารของนายเหรอฟอส”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ร้านของผมหรอก ที่พามาที่นี่เพราะเห็นว่าอาหารที่นี่อร่อยคงจะถูกใจเวย์” อันที่จริงฉันก็ถามไปงั้นๆ ละว่าที่นี่เป็นของเขารึเปล่า เผื่อว่าเขาจะโมเมเป็นของตัวเอง ความจริงภัตตาคารแห่งนี้ เป็นของชาวต่างชาติที่มาแต่งงานกับคนไทย รู้สึกว่าตอนนี้เขาจะโอนไปเป็นของลูกชายแล้วนะ โปรดอย่าแปลกใจว่าทำไมฉันถึงรู้ดีจัง ก็เพราะว่าฉันมาทานอาหารร้านนี้บ่อย เรียกว่าเป็นขาประจำเลยละ -_-;
“เวย์สั่งได้ตามสบายเลยนะ มื่อนี้ผมเลี้ยง”
“แล้วถ้าฉัน.. สั่งเกินหลักหมื่นละ นายจะว่าไง?”
“ผมจะว่าอะไรเวย์ได้ละครับ เป็นแฟนเวย์ก็ต้องตามใจเวย์ซิจริงมั้ย?” ฟอสยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของฉันอย่างถือวิสาสะ นี่ถ้าหมอนี่ไม่คิดจะฉวยโอกาสกับฉันสักวันม้นจะเป็นอะไรไปรึเปล่าวะ
“มันก็ไม่แน่หรอกนะฟอส ถ้านายตามใจผู้หญิงมากเกินไป ตัวนายเองนั้นละที่จะเดือดร้อน”
“แต่ผมเชื่อว่าคนคนนั้นจะต้องไม่ใช่เวย์อย่างแน่นอน” ฉันเหยียดยิ้มออกมาเป็นการจบการสนทนาระหว่างเรา ก่อนที่อาหารจะถูกยกมาเสิร์ฟ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรจู่ๆ ไฟในภัตตาคารก็ดับลงซะดื้อๆ อะไรกันไฟดับเหรอเนี่ย ที่จริงในภัตตาคารต้องมีไฟสำรองซิ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี่ไปได้ละ
พรึ่บ!
แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ไฟก็ติดขึ้นมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดที่อยู่ในอ้อมแขนของฟอส -_- นี่หมอนั่นเล่นบ้าอะไรของเขาเนี่ย -_-^
“ดอกไม้สวยๆ สำหรับคนสวยแล้วก็น่ารักอย่างเวย์ครับ ^^” ฉันยื่นมือออกไปรับช่อกุหลาบจากฟอสอย่างเกร็งๆ ให้ตาย นี่ฉันไม่เคยบอกเขารึไงเนี่ยว่าฉันแพ้ดอกกุหลาบนะ -_-^^
“ขอบใจน่ะ แต่คราวหน้าไม่ต้องลำบากก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก ^^;” ฉันส่งยิ้มฝืดๆ ไปให้ฟอส สงสัยว่าวันพรุ่งนี้ฉันต้องติดเหง็กอยู่ที่บ้านแน่ๆ เลย
“ไม่ลำบากหรอกครับ แค่ดอกไม้ช่อเดียว ผมทำให้เวย์ได้หรือต่อให้มากกว่านี้ผมก็ทำใหเวย์ได้ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เวย์ต้องการและพอใจจนทำให้เวย์มีความสุข” =_=; เลี่ยนชะมัด
“^^:;”
“เวย์เป็นอะไรรึเปล่าครับเห็นหน้าซีดๆ หรือว่าไม่สบาย?”
“เปล่าหรอกฟอส ฉันว่าเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่า สงสัยคงจะเย็นหมดแล้วเนอะ” ฉันวางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ฉันอยากไปให้พ้นๆ ดอกกุหลาบนี่ใจจะขาดเหลือเกิน เพราะว่ามันกำลังจะทำให้ฉันตายอยู่ตรงนี้ T_T
วันรุ่งขึ้น
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันว่าจริงๆ วันนี้ฉันมีอาการแพ้ ร่างกายมีแต่ผื่นขึ้นเต็มไปหมด -_-; จะไปคบหน้าค่าตาใครเขาก็ไม่ได้ ฉันเกลียดไอ้ดอกกุหลาบเวรนั่นกับเจ้าของมันจริงๆ ที่ทำให้ฉันต้องมีสภาพแบบนี้ Y_Y
~ So I say a little prayer Hope my dreams will take me there
~
ใครโทรมาฟะ -_-^
~ Where the skies are blue To see you once again, my love ~
เออๆ รู้แล้วๆ ว่าโทรมานะ! จะรีบไปไหนก็ไม่รู้ -_-^ ฉันบ่นงึมงำในใจก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมากดรับ
“ฮัลโหล -_-^”
(ฮัลโหลเวย์ นี่ผมเองนะ ฟอส) นึกว่าใครโทรมา ที่แท้ก็ไอ้มารตัวสร้างผื่นคันให้ฉันนี่เอง -_- นี่เขายังมีหน้าโทรมาหาฉันอีกเรอะ (ได้ข่าวว่าเจ้าตัวเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำให้นางเอกเป็นผื่นขึ้นเต็มตัว -0- )
“อืม มีอะไรรึเปล่า -_-“
(วันนี้เวย์ว่างรึเปล่าครับ ผมกะว่าจะชวนเวย์ไปดูหนังกัน) เหอๆ ฉันคงมีหน้าจะไปอยู่หรอกนะ =_=
“ฉันคงไปไม่ได้หรอกฟอส”
(อ้าว ทำไมละครับหรือว่าเวย์ไม่สบาย ผมจะได้ไปเยี่ยม)
“ไม่ใช่หรอก พอดีว่าทางมหา’ลัยเขาเรียกตัวฉันไปพบนะ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันอีก” ฉันตอแหลออกไปอย่างหน้าด้านๆ
ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปรับนะ เวย์จะได้สะดวก) มารพจญก็ยังเป็นมารพจญอยู่วันยังค่ำ นี่ใจคอเขาจะตามติดฉันทุกฝีก้าวเลยรึไงกันเนี่ย -_-
“ไม่เป็นไรหรอกฟอส ฉันไม่รู้ว่าเสร็จเมื่อไหร่ด้วย ลำบากนายเปล่าๆ -_-^” หรืออีกนัยหนึ่งคือฉันรำคาญมากกว่า
(ไม่ลำบากหรอกครับ ขอแค่เวย์เอ่ยปาก ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟยังไง ผมก็ยินดีทำเพื่อเวย์)
“เอ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง -_-;”
(สรุปว่าเย็นนี้ผมไปรับนะครับ)
“ไม่ต้อง!”
(เวย์...) ให้ตาย หมอนั่นทำฉันฟิวส์ขาดเหรอเนี่ย =_=
“เอ่อ ขอโทษนะฟอส ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตวาดนาย”
(ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ.. สรุปว่าเย็นนี้ เวย์ไม่ต้องการให้ผมไปรับใข่มั้ย?) ทำไมเสียงหมอนั่นฟังดูหงอยๆ ยังไงชอบกล ฉันไปพูดอะไรกระแทกใจเขาเข้ารึเปล่าเนี่ย -0-
“ขอโทษนะ.. ฉันไม่อยากให้นายลำบาก”
(ครับ เอาเป็นว่าเราค่อยไปดูหนังกันวันอื่นละกันนะ)
“อืม”
(ผมรบกวนเวย์แค่นี้ละกันครับ... ตรู๊ดๆๆ)
ปุบ~
เมื่อวางหู ฉันก็โยนโทรศัพท์ลงอย่างไม่ใยดี หมอนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร ทำไมฉันต้องไปแคร์ด้วย เฮอะ -_- จะบอกอะไรให้น่ะ ฉันไมแคร์คนแบบนั้นหรอก แค่ของเล่นจะไปแคร์ทำไมกัน...
~ So I say a little prayer Hope my dreams will take me there
~
เฮ้อ โทรมาอีกละ!
ปิ๊บ!
“ฮัลโหล -_-;”
(ฮัลโหล~ ลูกเวย์ที่รัก! นี่แม่เองนะจ๊ะ ^^) -_-; คุณแม่เองเหรอเนี่ย
“ว่าไงค่ะ -_-“
(ทำไมทำเสียงแบบนั้นละจ๊ะ วันนี้ไม่ได้ไปเที่ยวรึไง)
“ค่ะ.. นี่หนูอยู่บ้านจนรากจะงอกแล้วเนี่ย เซ็งชะมัด -^-“
(ต๊าย~ ดูพูดออกมาซิ ไม่น่ารักเอาซะเลย -_-)
“หนูเคยน่ารักในสายตาของคุณแม่ด้วยเหรอค่ะ -_-“ขอโปรดอย่ามามองฉันด้วยสานตาแบบนั้นเพราะว่าฉันไม่ใช่เด็กมีปัญหา -_-;;
(ตายแล้ว ดูซิคุณลูกเราพูดอะไรออกมาน่ะ... ถึงว่าทำไมไม่โตสักที ก็เพราะมัวแต่พูดแบบนี้ไง)
=__=;; เกี่ยวกันมั้ยนะ
“ถ้าคุณแม่โทรมาเพราะเหตุนี้ละก็ หนูวางสายก็แล้วกันนะค่ะ”
(เดี๋ยยยว~ซิยัยเวย์ แกจะรีบวางสายฉันไปไหนเนี่ย -_-^)
“ก็คุณแม่ไม่มีอะไรจะพูดแล้วนี่ค่ะ หนูก็ต้องวางสายซิ โทรข้ามประเทศนาทีมันแพงคุณแม่ก็รู้นี่นา”
(ฉันมีปัญญาจ่ายก็แล้วกัน -_-; เออนี่ ช่วงนี้มีใครมาที่บ้านรึเปล่า)
“ทำไมค่ะ เจ้าหนี้เหรอ?”
(ยัยเวย์ -_-^) เล่นมุกหน่อยก็ไมได้ ตอกกลับมาซะเสียงเขียวเชียว -0-
“เอ้อ.. มีค่ะ”
(ใคร~ หนุ่มหล่อรึเปล่าจ๊ะ ^^)
“เด็กส่งพิชซ่า เมื่อเช้าหนูเพิ่งสั่งมากิน”
(ยัยเวย์~!!! แกอย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ นี่ฉันแม่ของแกนะโว้ย -_-^)
“ค้า~ รู้แล้วว่าแม่.. ช่วงนี้ไม่เห็นมีใครมาที่บ้านเราเลยนี่นา คุณแม่ถามทำไมเนี่ย.. หรือว่าแอบนอกใจคุณพ่อ -.,-“
(จะบ้าเหรอ~ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยน่า~) กล้ารับมุกแฮะ -0-;
“หนูจะฟ้องคุณพ่อว่าคุณแม่แอบมีกิ๊ก -_-“
(แกจะบ้าเรอะ! ...นี่ แม่ถามจริงๆ นะไม่มีใครมาที่บ้านเลยเหรอ)
“ไม่นี่ค่ะ หนูก็บอกคุณแม่ไปแล้วนี่นา -0-“ ฉันถามจบคุณแม่ก็เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า
(เออๆ ไม่มีก็ไม่มี.. งั้นแค่นี้ก่อนละกัน เปลืองตังค์ไปเยอะแล้ว... ตรู๊ดๆๆ) โดยที่ฉันยังไม่ทันพูดให้ซื้อของฝากกลับมาด้วย ท่านก็วางสายไปซะก่อนแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย จู่ๆ ก็มาถามแปลกๆ ว่าใครมาที่บ้านรึเปล่า แล้วไหนจะท่าทีการพูดจานั่นอีก นี่คุณแม่นัดกับใครเอาไว้อีกละเนี่ย งงจริงๆ เลย
2 สัปดาห์ผ่านไป
-_-; อุตส่าห์หลีกเลี่ยงดอกกุหลาบแล้ว แต่สุดท้ายฉันก็โดนมันทำผิดอีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองในรอบทศวรรษแล้วซินะ ที่ฉันเป็นผื่นคันเพราะดอกกุหลาบ -_-^ อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้นะ
“นี่คุณหนูเป็นผื่นคันอีกแล้วเหรอค่ะเนี่ย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าปลาหวานกับป้าโซเฟีย ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“ค่ะ ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะโดนอีกรึเปล่า -_-“
“โธ่ คุณหนูก็พยายามหลีกเลี่ยงดอดกุหลาบซิค่ะ จะได้ไม่ต้องทรมานเพราะผื่นคันอยู่แบบนี้”
“เวย์จะพยายมาค่ะป้าโซเฟีย แต่ว่าวันพรุ่งนี้เวย์ขอออกไปเที่ยวนะค่ะ” ฉันเอ่ยขอป้าโซเฟียเสียงใส พรุ่งนี้ฟอสจะพาฉันไปดูหนัง หลังจากที่ฉันผัดวันประกันพรุ่งมานานถึงสองสัปดาห์ พรุ่งก็จะได้ฤกษ์ที่ฉันจะไปดูหนังกับเขาสักที
“แต่ว่าคุณหนูค่ะ..” ป้าโซเฟียทำหน้ายุ่งยากใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านตั้งท่าจะห้ามฉัน แต่พอท่านสบสายตาอ้อนวอนของฉันเข้าไปเท่านั้นละก็หุบปากฉับ เอ่ยปากอนุญาตฉันทันที
“เอ้อ.. ถ้าคุณหนูหายดีแล้วก็ไปเถอะค่ะ”
“เย้! เวย์รักป้าโซเฟียที่สุดในโลกเล้ย!” ฉันกระโจนเข้ากอดคอป้าโซเฟียอย่างดีใจ ฮ้า! ในที่สุดฉันก็จะได้ออกไปเที่ยวอีกแล้ว ^^+
วันรุ่งขึ้น
“เวย์จะดูหนังอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” ฉันยิ้มให้ฟอส ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ นับวันหมอนี่ก็ยิ่งน่ารักขึ้นแฮะ หรือว่าฉันจะคิดไปเองกันแน่ =0=;
“ฉันไม่เรื่องมากหรอก ฟอสจะดูเรื่องอะไรก็เลือกเอาเถอะ”
“ถ้าผมเลือกเรื่องของเราสองคนล่ะ” ฟอสยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะรวบตัวฉันเข้าไปกอด เมื่อกี้ฉันพูดว่าหมอนี่น่ารักใช่มั้ย? ฉันขอให้ทุกคนช่วยกรุณาลบมันทิ้งไปซะ คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดแบบนั้นมาก่อน เพราะว่าไอ้หมอนั่นมันเจ้าเล่ห์ชัดๆ!
“มันคงจะมีเนอะ ^^;” ฉันสลัดมือของเขาออกไป แล้งถอยห่างออกมาประมาณสองก้าว (ยาวๆ)
“โอเคครับ ผมขอโทษที่ล่วงเกินเวย์... เอาเป็นว่า เราดูหนังรักโรแมนติกก็แล้วกันนะครับ ^^” ฉันแค่นยิ้มไปให้ฟอสแทนคำตอบ หมอนั่นเอื้อมมือมาจับมือของฉันเอาไว้ก่อนขะพาเข้าโรงภาพยนตร์ นี่เขาเห็นฉันเป็นเด็กรึไงน่ะ จับมือกันอยู่ได้ -_-a
4 ชั่วโมงผ่านไป
หลังจากที่เราดูหนังกันจบ ฟอสเซรัสก็พาฉันไปเลี้ยงข้าวต่อ ตลอดทางเขาก็มักชวนฉันพูดนู่นนี่อยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุด ราวกับว่าถ้าหากเขาไม่พูดกับฉันแล้วฉันจะสูญสลายไปกับอณูอากาศอย่างนั้นละ -_-^
“เวย์อยู่บ้านคนเดียวรึเปล่าครับ? หรือว่าอยู่กับคุณพ่อคุณแม่”
“ทั้งสองอย่าง.. ฉันอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่ส่วนใหญ่มักจะอยู่บ้านคนเดียว เพราะท่านทั้งสองต้องไปประชุมนู่นนี่นั่นอยู่ตลอดเวลา ฉันก็เลยได้รับหน้าที่เฝ้าบ้าน แต่ว่า.. ฉันชินกับมันไปแล้วละ อยู่แบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าไม่ชินก็คงจะแปลก.. แล้วฟอสละ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่รึเปล่า?” ในเมื่อเขาถามฉันได้ ทำไมฉันจะถามเขาบ้างไม่ได้ล่ะ
“เปล่าครับ... ผมอยู่ตัวคนเดียว”
“อ้าวทำไมละ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของนายไปไหนซะละ?”
“.. คุณแม่ท่านเสียไปนานแล้วครับ ส่วนคุณพ่อ ท่านก็อยู่ส่วนท่านผมก็อยู่ส่วนผม” แวบหนึ่งที่ฉันเหมือนจะเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเขา แต่ไม่นานก็หายไป กลับมาเป็นแววตาสดใสเหมือนเดิม บางทีเขาก็น่าสงสารเหมือนกันนะ
“เสียใจด้วยนะ ฉันขอโทษที่เอ่ยถึงท่าน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับเวย์ ผมไม่ถือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี่หรอกครับ เอาไว้ถือเรื่องใหญ่ๆระหว่างเราดีกว่า” ผู้ชายอะไรเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงๆ -_-;
“...”
“...”
“ฟอส.. ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนายน่ะ” ฟอสหันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี นี่หมอนั่นไม่คิดจะเครียดบ้างรึไงนะ สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเขาน่ะ มันดูโหดร้ายมากเลยสำหรับเขา..
“ผมกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้วใข่มั้ยครับเวย์” ไอ้... -_-^^^
“ทะลึ่ง! ก่อนที่นายจะได้เป็นพ่อคน นายได้ตายคาบาทาฉันก่อนนี่ละ -_-^”
พูดมาได้ว่าฉันจะท้อง ขนาดจูบหรือหอมแก้มฉันยังไม่อนุญาตเลย นับประสาอะไรกันเรื่องแบบนั้น -_-^
“ฮะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ ว่าแต่เวย์มีอะไรจะบอกผมหรือครับ”
“เราคง... ไม่ได้เจอกันสักพัก”
เอี๊ยดด~ กึก!
ทันทีที่ฉันพูดจบ ฟอสก็หยุดรถเอาซะดื้อๆ จนหน้าฉันแทบจะขมำกับโซลหน้ารถ นี่เขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกละเนี่ย คิดจะหยุดรถก็หยุดไปซะเฉยๆ ไม่สนใจฉันบ้างเลยว่าจะเป็นยังไง -_-^^
“หยุดรถทำไมนะฟอส -_-“
“เมื่อกี้เวย่าอะไรน่ะ.. เวย์บอกส่าเราจะไม่ได้เจอกันสักพักอย่างนั้นเหรอ?” ฟอสหันมาถามฉันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ฉันก็เข้าใจเขาอยู่หรอกนะ แต่จะให้ฉันพูดออกไปยังไงละ ที่มันฟังดูดีกว่านี้อ่ะ -0-
“ใข่”
“นี่เวย์กำลังจะบอกผมว่าเราเลิกกันอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่นะฟอส ฉันไม่ได้บอกเลิกนายสักหน่อย -0-;”
“แล้วมันหมายความว่ายังไงถ้าไม่ใช่คำว่าเลิก”
“คืออย่างนี้นะฟอส.. คณะที่ฉันเรียนนะ เขาต้องการให้ฉันไปช่วยงานเป็นเวลาสองเดือน ฉันก้เลยมาบอกนายนี่ไงว่าเราคงไม่ได้เจอกันสักพัก นายพอจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดรึเปล่า?”
“แล้วให้ผมไปรับไปส่งเวย์ไม่ได้รึไงครับ เวย์จะได้ไม่ต้องลำบาก แล้วที่สำคัญเราจะได้เจอกันด้วย ระยะเวลาสองเดือนถ้าผมไม่ได้เจอเวย์ ผมคงคิดถึงเวย์แย่เลย”
“ฉันต้องไปต่างจังหวัดนะฟอส ถ้าให้นายไปรับไปส่ง เปลืองน้ำมันแย่พอดี แล้วที่สำคัญ ฉันต้องนอนค้างที่นู่น คงให้นายไปรับไปส่งไม่ได้ทุกวันหรอก”
“เฮ้อ ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ เอาเป็นว่า ผมจะโทรไปคุยกันเวย์ก็แล้วกัน หวังว่าคงจะโทรหากันได้น่ะ.. ไม่อย่างนั้นผมคงจะบ้าตายจริงๆ -^-“
“โทรนะโทรได้ ถ้ามันไม่รบกวนใครเขาเข้าอะน่ะ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามโทรคุยกับนายให้ได้ก็แล้วกันนะ”
ฉันส่งยิ้มให้ฟอสเท่าที่จะทำได้ อันที่จริงฉันไม่ได้ไปต่างจังหวัดหรอก แต่ว่าโรงเรียนนายร้อยที่ฉันเรียน อ้อ.. พอดีว่าฉันเรียนตำรวจน่ะ แล้วช่วงนี้จะเป็นจุดสำคัญที่นักเรียนนายร้อยทุกคนจะถูกทดสอบด้วยการเข้าค่ายเป็นระยะเวลาสองเดือนเพื่อเตรียมตัวเข้าทดลองงานจริงหลังจากเรียนจบ ซึ่งระยะเวลามันยาวนานจริงๆ ใช้เวลาตั้งสองเดือนแน่ะ ฉันว่าฉันจะต้องเอียนตายแน่ๆ เลย
“หว้า อย่างนี้ผมคิดถึงเวย์ตายเลย แต่ไม่เป็นไร ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่เวย์กลับมา”
“ไอ้รอนะรอได้ แต่ถ้านอกใจฉันเมื่อไหร่ละ... น่าดู -_-” ฉันพูดขู่ออกมา เพื่อหวังว่าฟอสจะไม่นอกใจฉันระหว่างที่ฉันไม่อยู่จริงๆ
“ใครจะกล้านอกใจผู้หญิงสวยๆ อย่างเวย์ได้ละ ถ้าผมนอกใจเวย์ ผมก็โง่ตายชักอ่ะดิ”
“จ้า ทำเป็นพูดดีไป ขืนทำไม่ได้อย่างที่พูดนะ ขายหน้าตายเลย.. นายรับผิดชอบคำพูดของนายด้วยก็แล้วกัน พูดอะไรออกมาก็ต้องทำตามให้ได้ด้วยละ อย่าลืมนะ ว่าลูกผู้ชายรักษาคำพูดเท่าชีวิต”
“ครับผม! ผมจะทำตามข้อปฏิบัติที่ให้ไว้กับเวย์อย่างเคร่งครัดที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ เพราะว่าลูกผู้ชายรักษาคำพูดเท่าชีวิต” ฉันหัวเราะออกมากับคำพูดของฟอสอย่างขำๆ ให้ตายสิ.. ผู้ชายคนนี้จะทำอะไรก็ทำเล่นไปซะหมด แต่เท่าที่ฟังคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็บอกได้เลยว่าเจ้าตัวเอาจริงไม่น้อย ดีแล้วละฉันจะได้สบายใจว่าเขาจะไม่นอกใจฉัน...
2 เดือนผ่านไป
“กลับมาแล้วค่า” ฮ้า! ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาเหยียบที่สักที หลังจากช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่าน ฉันต้องฝึกหนักจนแทบเอาตัวไม่รอด แต่ก็ผ่านมาอย่างฉิวเฉียด เชื่อมั้ย? ว่ามันเป็นการฝึกที่ทรหดแล้วก็ทรมานมาก~ ฉันนี่แทบจะละลายไปกับอากาศอยู่รอมร่อ นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่เรียนตำรวจนะ T^T
“กลับมาแล้วเหรอค่ะคุณหนู... อุ๊ยตายแล้ว! ป้าไม่ได้เจอคุณหนูมาสองเดือน ทำไมโทรมไปเยอะละค่ะเนี่ย O_O”
“ก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่มาฝึกเป็นระยะเวลาสองเดือนนี่ค่ะ สภาพมันก็เลยโทรมอย่างที่ป้าโซเฟียเห็นนี่ละค่ะ T_T”
“มาค่ะมา คุณหนูขึ้นไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าเถอะค่ะ” ฉันเดินผ่านหน้าป้าโซเฟียขึ้นไปบนห้องอย่างโซเซ เฮ้อ.. สงสัยว่าฉันคงต้องอยู่กับหลายวันแน่ๆ เลย TT_TT
4 วันผ่านไป
“-_-“ <- จ้อง
เฮ้อ เมื่อไหร่หมอนั่นจะโทรมาสักทีน่ะ นี่ก็ปาไปสองสัปดาห์แล้วที่ฟอสไม่ยอมโทรหาฉัน จะว่าทะเลาะกันก็ไม่ใช่ ตอนที่เขาโทนมาครั้งสุดท้าย เราก็ยังคุยกันดีๆ อยู่เลย ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย หรือว่าเขาจะไม่สบายนะ ไม่ได้การละ ฉันต้องไปหาเขาที่คอนโดฯ สักหน่อย
ตึกๆ~
“อ้าว นั่นจะไปไหนแต่เช้านะเวย์ -0-” ฉันหันไปมองคุณแม่อย่างเอือมๆ สิบโมงเนี่ยนะเช้า ฉันล่ะเชื่อท่านเลย -0-
“ไปทำธุระนะค่ะ แล้วหนูจะรีบไปรีบกลับนะค่ะ” ฉันพูดดักคอคุณแม่ ก่อนจะคว้ากุญแจรถสปอร์ตแล้วรีบขับออกไป
คอนโด xxx
พอมาถึงคอนโดของฟอส ฉันก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปทันที ให้ตาย.. นี่หมอนั่นกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า -_- แต่ไม่ใช่ว่าฉันชอบเขาอะไรหรอกนะ โปรดอย่าเข้าใจผิด คนอย่างหมอนั่นคงไม่เข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันง่ายๆ หรอก
ติ๊ง! ตึกๆ~
ฉันรีบเดินไปที่ห้องของเขาอย่างเร่งรีบ ถ้าหมอนั่นไม่สบายจริง ป่านนี้ก็คงนอนซมอยู่ที่เตียงแล้ว
แกร็กๆ~
ประตูล็อค? ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ฉันเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องของฟอสสักพัก ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขาเคยให้คีย์การ์ดสำรองไว้กับฉัน โธ่.. ฉันน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกนะ
หวืด~ แอด~
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเขา แต่ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น ฉันก็ได้กลิ่นบรั่นดีลอยเข้ามากระทบจมูกทันที นี่หมอนั่นดื่มเหล้าเหรอเนี่ย ฉันว่าเขาคงสบายดีอยู่มั้ง เห็นดื่มเหล้าไปเป็นโหลแบบนี้ สงสัยว่าฉันคงจะต้องไปด่าหมอนั่นสักหน่อยแล้ว ฉันคิดอย่างฉุนๆ ก่อนจะเดินต่อไป แต่ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ หัวใจของฉันก็ยิ่งเต้นถี่ขึ้นจนน่าตกใจ อาจจะเป็นเพราะว่ายิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งได้ยินเสียงแปลกๆ แว่วออกมาจากห้องของฟอส บางทีก็ฟังคล้ายกับเสียงของผู้หญิง แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ในเมื่อเขาให้สัญญากับฉันเอาไว้แล้วนี่นา... ตึกๆๆ จากหัวใจที่เต้นถี่อยู่แล้วกลับเต้นถี่ขึ้นมาอีก ฉันหวังว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ มันคงไม่ใช่เสียง...
แอด~
ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของฟอสอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่แล้ว.. ภาพที่เห็นในห้องนอนของเขาก็ทำให้ฉันช็อคจนถึงที่สุด
“..ฟะ...ฟอส” ฉันเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น ไม่รู้ว่าเสียงมันหายไปไหนหมด ทั้งๆ ที่เตรียมตัวมาด่าเขาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้มันถึง.. ไม่มีเสียงน่ะ แม้แต่มือไม้ของฉันมันก็สั่นไปหมดทันทีที่ได้เห็นภาพนั่น.. นี่ เขากล้า.. หักหลังฉันอย่างนั้นเหรอ!
“ฟอสเซรัส”
ฉันเอ่ยชื่อของเขาออกมาอีกครั้ง แต่แตกต่างจากครั้งก่อนด้วยการเรียกชื่อเขาอย่างเต็มยศ และดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงเรียกของฉัน จึงหันมามองฉันที่ยืนอยู่อย่างช้าๆ และเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“วะ.. เวย์! เวย์มาที่นี่ได้ยังไง.. ทำไมไม่บอกผมก่อน” ผู้ชายสารเลวคนนั้นมองฉันอย่างลนลาน ก่อนจะผลักผู้หญิงในอ้อมกอดออกไป ฉันมองการกระทำของเขาอย่างสมเพช ถึงขนาดนี้แล้ว จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้แล้ว เขายังจะกล้าปัดความผิดอีกอย่างนั้นเหรอ เฮอะ... เลวจริงๆ!
“ถ้าฉันบอก ฉันก็คงโดนสวมเขาไปอีกนาน นายแน่มากนะฟอสเซรัสที่กล้าหักหลังฉันแบบนี้ ทั้งๆ ที่ตัวนายเองเคยสัญญาเอาไว้กับฉันว่าจะไม่นอกใจฉันไปมีผู้หญิงคนอื่น” ฉันหันไปพูดกับเขาด้วยสายตาว่างเปล่า เลือดเย็นที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็มีแต่เขานี่ละที่กล้าหักหลังฉัน ได้.. ในเมื่อเขาต้องการลองดีกับฉันนัก ฉันก็จะจัดให้เขาสมปรารถนา
“เดี๋ยวซิเวย์ ฟังผมอธิบายก่อน ผมอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้น่ะ.. ผู้หญิงคนนั้นตามผมมาเอง ผมก็แค่ให้เขาสมความตั้งใจก็เท่านั้นเอง ผมไม่ผิดนะเวย์ ผมไม่ผิด” เฮอะ.. ผู้ชาย ปัดความผิดให้ผู้หญิง อย่างนี้เขาเรียกว่าผู้ชายได้อย่างนั้นเหรอ
“เลว.. เลวที่สุด” ฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น ยังไงซะฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันไม่ยอมให้เขามาใส่ร้ายป้ายสีให้ผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ ถึงแม้ผลสุดท้ายเธอจะผิดก็ตาม
“ใช่เวย์ ผู้หญิงคนนั้นเลวมาก เลวมากที่ทำให้ผมกับเวย์ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้.. เวย์ใจเย็นๆ ก่อนน่ะ ฟังผมอธิบายความเลวของผู้หญิงคนนี้ก่อน”
“ฉันหมายถึงแกต่างหากที่เลว!! แกมันผู้ชายเลวทรามต่ำช้าที่สุด!!!”
ผัวะ!
ด้วยความโกรธจัด ฉันถึงกับถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออกมาตบหน้าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นไปทันที โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด ทั้งทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจฉัน ทำลายความหวังดีที่มีให้กันตลอดมาและที่สำคัญเขาทำลายเกียรติของความเป็นลูกผู้หญิงลงอย่างไม่มีชิ้นดี!
“เวย์...”
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อของฉัน จำเอาไว้นะว่าชื่อของฉันมีไว้ให้คนดีๆ เขาเรียก ไม่ใช่คนชั่วช้าแบบนาย!! นับจากนี้ต่อไป เราสองคนไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้ากัน ไม่เคยพูดคุยระหว่างกัน ความสัมพันธ์ของเราขาดลงตรงนี้ ไม่มีคำว่าแฟนสำหรับเราสองคนอีกต่อไป!!”
“เดี๋ยวซิเวย์..”
“นายท้าทายฉันเองนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกันฟอสเซรัส... เชิญนายเสพสุขความสำราญกามารมณ์ของนายให้เต็มอิ่มเถอะนะ ลาก่อน.. ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
ปัง!
ทันทีที่ออกมาจากห้องของเขาฉันก็วิ่งลงมาทันที ตลอดทางมีแต่คนมองหน้าฉันอยู่ตลอดเวลา บ้างก็หันไปซุบซิบแล้วหัวเราะออกมา ชั่งเถอะ.. คงไม่มีใครเคยเห็นคนมาวิ่งใส่รองเท้าส้นสูงข้างเดียวอยู่ในคอนโดฯ หรูๆ แบบนี้นอกจากฉัน -_-^ จะบอกอะไรให้.. ฉันไม่ได้เสียใจหรอกน่ะที่ต้องเลิกกับหมอนั้นน่ะ แต่ฉันเจ็บใจต่างหาก เจ็บใจที่โดนหักหลัง หมอนั่นเอาความไว้เนื้อเชื่อใจของฉันไประยำจนป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี ฉันอยากบอกว่าผู้ชายคนนั้นโง่มาก โง่ที่กล้าหักหลังฉัน โง่ที่นอกใจฉันไปมีผู้หญิงคนอื่น.. ก็ดี ในเมื่อเขาโง่แบบนี้ ฉันก็จะได้ตอบแทนความโง่ของเขาให้สาสม ให้มันสมกับกับราคาที่เขาทำไว้กับฉัน
กุกกักๆ
ฉันค้นหาบางสิ่งบางอย่างในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ ก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วติดต่อไปยังคนที่ฉันต้องการมากที่สุดในเวลานี้
“ฮัลโหล พี่พิพัชค่ะ
(ครับ ว่าไงครับคุณหนู) อย่าแปลกใจว่าฉันโทรมาหาใคร พี่พิพัชเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของคุณพ่อ แล้วเขาก็เป็นหมากตัวสำคัญที่ฉันจะใช้ทำลายฟอสเซรัส.. ให้สิ้นซาก
“เวย์อยากให้พี่พิพัชช่วยอะไรบางอย่าง.. ทำให้เวย์ได้รึเปล่าค่ะ?”
(เชิญว่ามาได้เลยครับ ถ้าสิ่งไหนที่ทำให้คุณหนูมีความสุข ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่าง) ฉันเหยียดยิ้มออกมา คราวนี้ละ.. หมอนั่นได้สิ้นซากจริงๆ
“ช่วยจัดการธุรกิจของครอบครัวหิรัญธนาให้สิ้นซาก อย่าให้มันเหลือสักอย่าง ให้ธุรกิจของมันหายไปจากโลกประเทศนี้ราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน”
(ได้ครับคุณหนู อีกหนึ่งสัปดาห์คุณหนูรอฟังข่าวดีได้เลยครับ)
“ขอบคุณค่ะพี่พิพัช” ฉันยิ้มออกมาอย่างสะใจ ก่อนจะวางสายพี่พิพัช คราวนี่ละ นายฟอสเซรัส นายจะได้กระอักเลือดของแท้ ช่วยไม่ได้นี่นาก็นายอยากมาหักหลังคนอย่างฉันเองนี่นา... ฮึ
‘พลิกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยปี 53
ปิดฉากลงด้วยความยับเยินสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันมั่งคั่งของครอบครัวหิรัญธนา หลังจากที่เกิดเหตุ- การณ์การยักยอกเงินบริหารภายในบริษัทเป็นจำนวนเงินมากกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ลูกค้ารายใหญ่บางท่านที่ซื้อห้องพักหรูออกมาชี้แจงว่าภายในตัวอาคารนั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างชุ่ยๆ ไม่มีความคงทนทานต่อการใช้สอยเป็นอย่างมาก และในที่สุดเมื่อวานราวๆ บ่ายสองโมง บริษัทแห่งนี้ก็ถูกปิดตัวลงอย่างถาวรพร้อมๆ กับปัญหาหนี้สินมากมาย นับว่าการปิดตัวลงของบริษัทแห่งนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับรูปลักษณ์ของประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว...”
ปุบ~
ฮะ.. ปิดตัวลงอย่างถาวรอย่างนั้นเหรอ พี่พิพัชนี่เก่งจริงๆ... สิ้นซากกันสักที ไอ้คนทรยศ
ณ ปัจจุบัน
“มันก็เป็นอย่างนี้ละ”
(โหย นี่แก.. ทำให้ครอบครัวนั้นล้มละลายจริงๆ เหรอเนี่ย) ยัยเวเนเชียถามฉันผ่านทางโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อ ก็ไม่แปลกนี่นาถ้าใครจะไม่เชื่อ นอกจากจะโดนเข้ากับตัวเอง
“ใช่ แกก็ได้ยินในสิ่งที่ฉันเล่านี่น่า -_-^”
(แกทำได้ยังไงวะยัยเวย์ สุดยอดว่ะ *O*) ทำให้ครอบครัวคนอื่นล้มละลายนี่น่ะสุดยอด? ตอนนั้นมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ใครใช่ให้หมอนั่นมาทำให้ฉันแค้นฝังลึกแบบนี้ละ -0-
“...”
(แต่ว่าตอนนี้.. แกไม่ได้เสีนใจใช่มั้ย?)
“ฉันจะเสียใจเรื่องอะไรล่ะ -_-“
( เอ้า ก็เรื่องของหมอนั่นไง.. แกไม่เสียใจใช่มั้ย?) ยัยนั่นเอาสมองส่วนไหนคิดคิดวะ ว่าฉันจะเสียใจเรื่องนั้น
“ฉันไม่ได้เสียใจแล้วก็ไม่เคยเสียใจ แต่ฉันเจ็บต่างหากที่โดนหมอนั่นหักหลัง ทั้งๆ ที่ฉันคบกับเขาอยู่ ยังจะแอบไปมีผู้หญิงอื่นอีก แบบนี้มันหยามหน้ากันชัดๆ นี่ถ้าเขาเลิกกับซะก่อนแล้วไปมีผู้หญิงคนอื่น ฉันจะไม่ว่าสักคำ”
(ฉันเข้าใจความรู้สึกของแกน่ะเวย์ เพราะฉันเองก็เคยโดนมาก่อน... แค่คิดถึงก็เจ็บใจแล้ว นับประสาอะไรที่ได้เจอผู้ชานคนนั้นอีก..)
“แกเคยโดนแบบฉันงั้นเหรอเว?”
(อืม แกฉันก็ไม่ได้แค้นฝังลึกแบบแกนะเว้ย ตอนนั้นที่ฉันรู้ความจริง ฉันก็แค่ตบหน้าผู้ชายสารเลวคนนั้นไปสองสามฉาดแล้วก็เดินหนีออกมา ไม่เหมือนแกที่ต้องเอารองเท้าส้นสูงตบหน้า -_-;)
“แกจะให้ฉันจัดการผู้ชายคนนั้นให้มั้ยละ แกก็รู้...ว่าฉันทำได้ทุกอย่าง”
(เฮ้ยๆ อย่านะเว้ย ฉันไม่อยากสร้างบาป.. วิธีนั้น เชิญแกจัดการกับผู้ชายของแกไปเถอะย่ะ ผู้ชายของฉัน ฉันมีวิธีจัดการของฉันก็แล้วกัน)
“เชอะ.. เพื่อนอุตส่าห์เสนอความคิดดีๆ ให้ ก็หาว่าเราสร้างบาปซะอีก มันน่าน้อยใจจริงๆ”
( อะโด่ คนอย่างแกเนี่ยนะน้อยใจเป็น ฉันล่ะอยากเห็นน้ำหน้าแกตอนน้อยใจจริงๆ ว่ามันเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขารึเปล่า -_- )
“ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะเว้ย ที่จะไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขานะ -_-^”
(เออ ฉันรู้ล่ะย่ะว่าแกไม่ใชสัตว์ประหลาด... เออ ยัยเวย์คืนนี้เราไปแดนซ์มันส์ๆ กันมั้ย)
“ก็ดีน่ะ ฉันขี้เกียจเฝ้าบ้านอยู่ด้วย ถ้าได้ไปเปิดหูเปิดตาคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว”
(อ่าฮะ สรุปว่าแกไปใช่มะ)
“อืม”
(โอเค งั้นคืนนี้เจอกันที่เดิม เวลาเดิม...)
“ใครมาช้าเลี้ยง -_-^” ฉันพูดดักคอยัยเวเนเชียเอาไว้ซะก่อน ก็ยัยนั่นเล่นพูดจนฉันจำได้แล้วนะซิ -_-
(ฮะๆ แกนี่รู้ใจของฉันเสียจิงๆ ^^ เอาไว้คืนนี้เจอกัน บ๊ะบ่าย... ตรู๊ดๆๆ) จบการสนทนาฉันก็วางโทรศัพท์ลงอย่างอารมณ์ดี คืนนี้ฉันจะได้ไปเที่ยวแล้ว น่าดีใจจริงๆ -_-;
ความคิดเห็น