คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 8 Freshy Camp! (60%)
8
Freshy Camp!
ตี 4 ของวันรุ่งขึ้น
อันที่จริงไม่น่าจะพูดว่าวันรุ่งขึ้นสักเท่าไหร่นะ น่าจะพูดว่าไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเลยดีกว่า T_T เมื่อคืนก็กว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้ว ไหนจะต้องรอการเลือกกลุ่ม ไหนจะมามีเรื่องกับไอ้พวกหน้าหม้อนั่นแล้วไหนจะมีเรื่องทะเลาะกับวิกเตอร์อีก ฮือๆ เวลานอนก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่า T^T แถมตอนเข้าก็ยังตื่นตั้งแต่ตีสี่อีกต่างหาก เมื่อคืนฉันได้นอนแค่สี่ชั่วโมงเองน้า TT^TT
“ฮ้าวววว~ -0- ยุ่งยากชะมัด ไม่รู้จะตื่นมาทำซากอะไรตั้งแต่ไก้ยังไม่โห่ -0-” วิกเตอร์บ่นไปหาวไปก่อนจะเอนหัวลงมาซบไหล่ฉัน ฉันเองตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากเขาหรอก จะกลายเป็นซอมบี้ก็คราวนี้ละ
“งึมๆ นั้นสิ..คนง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะปลุกขึ้นมาทำไม” ฉันบ่นออกมาอย่างหัวเสียอีกคนก่อนจะนั่งสัปหงกต่อไป พวกเราสี่คนก็คงจะมีแค่พาสเตอร์เท่านั้นมั้งที่ยังตื่นเต็มตาคอยดูแลบลูมที่กำลังหลับสนิทอยู่อ้อทกอดของตัวเองอยู่ ตื่นเช้ามาคู่นั้นก็สวีทกันเลยแฮะ -0-;
“บ่นอะไรกันตั้งแต่เช้า (มืด) จ๊ะ ^^” พวกเราต่างหันไปมองพี่ฝ้าย นางฟ้าใจดีกันเป็นแถว เออแฮะ ตื่นเช้ามาได้เห็นรอยยิ้มของนางฟ้าความง่วงที่มีหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย -0-;
“ก็เรื่องนี้นั้นละค่ะ พวกรุ่นพี่เขาจะให้เราตื่นขึ้นมาทำไมตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ค่ะ -0-;”
เรื่องตื่นแต่เช้านะไม่เท่าไหร่หรอกแต่อีกเรื่องหนึ่งเนี่ยสิ..ฉันจำได้นะว่าพวกเราอาบน้ำกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อวานตอนเช้า แล้วตั้งแต่เดินทางกันจนมาถึงกาญจนบุรีจนมาถึงวันรุ่งขึ้นของอีกวันพวกเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลยสักหยด -_- มันเป็นการเข้าค่ายที่ซกมกชะมัด..เท่าที่ฉันเคยพบเจอมาเลยทีเดียว -_-^
“อ้อ..เรื่องนี้นี่เอง คือพวกพี่ๆ เขากับทางคณะอาจารย์เนี่ยเขาตกลงกันว่าจะให้นิสิตปีหนึ่งแล้วก็ปีสองปีสามปีสี่บางส่วนตื่นขึ้นมาอาบน้ำในเช้าของวันนี้จ๊ะ”
“อาบน้ำ! เช้านี้เนี่ยนะค่ะ!! O_O” ฉันตะโกนถามพี่ฝ้ายด้วยความตกใจ นี่คณะอาจารย์บ้ากันไปแล้วเหรอเนี่ยจะให้พวกเราตื่นขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่เนี่นะ บ้ารึเปล่า -_-;
“ใช่จ๊ะ คือว่าวันนี้ทั้งวันจะมีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่รับรุ่นน้อง รุ่นน้องรับรุ่นพี่แล้วก็กิจกรรมสานความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่..กว่าจะเสร็จกิจกรรมพวกนั้นก็ดึกเอาการอยู่ ถ้าให้พวกนิสิตปีหนึ่งที่อาบน้ำกันตั้งแต่เช้าเมื่อวานมาอาบน้ำกันในคืนนี้หรือว่าอาจจะเป็นวันถัดไป กลิ่นตัวของแต่ละคนก็อาจจะทำให้รุ่นพี่หรือรุ่นเพื่อนเป็นลมกันไปบ้าง..ไม่มากก็น้อยล่ะจ๊ะ”
“แล้วจะเริ่มกิจกรรมกันเมื่อไหร่ค่ะ ฮ้าวว -0-” บลูมที่ตื่นขึ้นมา (เพราะเสียงตะโกนของฉัน) เอ่ยปากถามพี่นางฟ้าใจดีอย่างง่วงงุน ลแก็อีกเช่นเคยถึงแม้ว่ายัยนั่นจะตื่นมาแล้วก็ตามแต่ยัยนั่นยังคงซุกตัวอยู่กับอ้อมอกของพาสเตอร์อย่างสบายใจ -_-; นี่ฉันเริ่มงงแล้วนะเนี่ย ตกลงว่าหมอนั่นเป็นบอดี้การ์ดหรือเป็นอย่างอื่นกันเนี่ย หรือว่าเป็นทั้งสองอย่าง?
“ก็ประมาณแปดโมงเช้าจ๊ะ” ปะ..แปดโมงเช้า o_O โอ้โห งั้นพวกเราก็มีเวลาจะทำอะไรเหลือเฟือนะสิ
“พวกเราอาบน้ำไปถึงครึ่งชั่วโมงแล้วเวลาสามชั่วโมงที่เหลือคือเวลาพักของพวกเราอย่างนั้นเหรอครับ?”
พาสเตอร์หันไปถามพี่ฝ้าย ปากก็ถามไปแขนก็โอบร่างของบลูมให้แน่นขึ้นไปอีก =_= สงสัยจะกลัวว่ายัยนั่นจะหนาว
“จะเรียกว่าพักก็ไม่เชิงจะเรียกว่าเหนื่อยก็ไม่เชิงหรอกจ๊ะ” ทันทีที่พี่ฝ้ายพูดจบพวกเราสี่คนก็หันมามองหน้ากันอย่างงงๆ พี่นางฟ้าใจดีพูดหมายความว่าไงหว่า?
“หมายความว่าไงเหรอค่ะ บลูมไม่เข้าใจ”
“สถานที่ที่พวกเธอจะต้องไปอาบน้ำก็คือน้ำตกกับแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสองกิโล เดินไปเดินกลับก็ประมาณสี่กิโล เวลาสามหรือสี่ชั่วโมงก่อนเริ่มกิจกรรมก็คงจะหมดไปเพราะการเดินไปกลับระหว่างการอาบน้ำ” สะ..สองกิโล อาบน้ำ..สี่กิโล..ไปกลับ นี่มันคือการเข้าค่ายสร้างความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นเพื่อนหรือการเข้าค่ายวิบากกรรมกันแน่วะ U_U นี่ถ้าเป็นพี่ฝ้าย พี่นางฟ้าใจดีพูดฉันไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าพี่เขาอำเล่นซะอีก แต่นี่คนที่พูดกลับเป็นพี่ซาตานหน้าโหด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละวะ T^T
“สะ..สองกิโลเลยเหรอค่ะ O_O”
“ใช่ สองกิโล..เอาละ นี่ก็ได้เวลาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ซาตานหน้าโหดไม่รอช้ารีบเหาะ เอ๊ย! รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วตามด้วยพี่ฝ้ายที่เดินตามไปด้วยรอยยิ้ม พวกเราสี่คนหันมามองหน้ากันอย่างขอคำปรึกษาก่อนที่วิกเตอร์จะพูดขึ้น
“เอาไง -_-”
“ก็ต้องต้องไปหรือว่าแกไม่อยากอาบน้ำอาบท่าก็แล้วแต่” พาสเตอร์พูดจบก็พยุงบลูมตามพี่ซาตานกับพี่ฝ้ายไปวิกเตอร์หันมาทำหน้าระอาใส่ฉันก่อนจะลากฉันตามไปอีกคน แล้วนี่หมอนั่นมาทำหน้าระอาใส่ฉันทำไมเนี่ย ฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีกละ
สวบๆ
น่ากลัวชะมัด เดินย่างเท้าแต่ละทีเป็นต้องมีเสียง ‘สวบๆ’ ดังตามทุกที -_-; ฉันละอยากรู้ชะมัดว่าใครเป็นคนคิดเรื่องการเข้าค่ายทรหดนี่ขึ้นมา..มันก็คงจะหนีไม่พ้นอธิบดีการหัวหยองนั่นแน่ๆ ช่างคิดอะไรที่มันสร้างสรรค์เสียจริงๆ
“บ้าชะมัด -_- นี่มันการเข้าค่ายต้อนรับรุ่นน้องหรือทำงายรุ่นน้องกันแน่เนี่ย อย่าให้รู้นะว่าใครหน้าไหนมันเป็นคนคิด พ่อจะเอา M79 ไปถล่มซะให้ราบเลย -_-^”
วิกเตอร์บ่นออกมาอย่างหัวเสีย หมอนั่นเดินไปก็เตะกิ่งไม้ไป เจริญจริงๆ พ่อคุณ =_= ฉันว่านะ การเข้าค่ายฝึกนักเรียนนายร้อยตำรวจยังดีกว่านี้เยอะเลย ถึงการฝึกทรหดนั่นจะกินเวลาสองเดือนก็เถอะแต่มันก็น่าสนุกกว่านี้เยอะ -_-; อย่างน้อยๆ ถ้าฝึกเสร็จก็จะได้ผ่านการฝึกมาเป็นตำรวจ แต่การเข้าค่ายบ้านี่..เข้าค่ายจบแล้วได้อะไร..ได้เป็นนิสิตนักศึกษาเต็มตัวเหรอ อะโธ่..ฉันละอยากได้ชะมัด -_-^
“ก่อนจะพา M79ไปถล่มบ้านใครก็ขอให้ผ่านกิจกรรมการเข้าค่ายซะก่อนเถอะ ถ้าไม่ผ่านกิจกรรมการเข้าค่ายเนี่ยจะต้องมาสอบซ่อมใหม่ด้วยนะ..พี่ขอเตือนว่ามันยุ่งมากๆ -_-”
“ทำไมไม่บอกน้องเขาไปเลยล่ะว่านายเองนะก็เคยสอบซ่อมกิจกรรมเข้าค่าย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่ซาตานหน้าโหดอย่างไม่อยากจะเชื่อ พี่ท่านเรียนคณะแพทย์ฯ นะ เก่งขนาดนั้น..ทำไมถึงมาสอบซ่อมกิจกรรมเข้าค่าย =_=
“เงียบไปเลยนะยัยบ๊อง เธอพูดอย่างกับว่าตัวเองไม่สอบซ่อมกิจกรรมเข้าค่ายว่างั้นเถอะ -_-” อะ..อะไรนะ พี่นางฟ้าใจดีเองก็สอบซ่อมกิจกรรมเข้าค่ายด้วยเหรอเนี่ย =_= น่านับถือชะมัด
“ฮะๆ ฉันก็สอบซ่อมด้วยไงถึงได้พูดแบบนั้นออกมา..น้องๆ เขาจะได้ไม่เอาตัวอย่างพวกเราไง จริงมั้ยทุกคน”
“เอ่อ..ค่ะ =_=” คงจะมีแต่ฉันคนเดียวละมั้งที่ตอบ พาสเตอร์กับวิกเตอร์ต่างก็เงียบไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังคิดอะไรกันอยู่ แต่ก็แน่ละ..อย่างวิกเตอร์ก็คงจะคิดเรื่องพา M79 ไปถล่มบ้านอธิบดรการแน่ๆ สวนพาสเตอร์..คนนี้ฉันไม่รู้แฮะ -0- คงจะมีแต่ยัยบลูมเท่านั้นมั้งที่รู้
“พี่ขอถามอะไรพวกน้องหน่อยนะ..คือพี่สังเกตพวกน้องมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนเกิดเรื่องสลับกลุ่มนั้นแล้ว พวกน้องสี่คนเป็นแฟนกันเหรอ? คือพี่ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า..ตกลงว่าไงจ๊ะ”
กึก พลั่ก!
คำถามของพี่ฝ้ายทำเอาวิกเตอร์ที่เดินนำหน้าฉันอยู่ถึงกับหยุดเดินไป ฉันที่เดินตามหลังมาก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะหยุดเดินจึงชนเขาไปเต็มเปา -_-# นี่ถ้าเขาจะบอกสักคำว่าหยุดเดินมันจะตายรึไงกันเนี่ย..เจ็บชะมัด
“นายจะหยุดเดินทำไมเนี่ยวิกเตอร์ -_-”
“ขอโทษ” หมอนั่นพูดขอโทษฉันก่อนจะออกเดินอีกครั้ง..แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี่หมอนั่นขอโทษฉัน O_O เขาขอโทษฉันอย่างนั้นเหรอเนี่ย! โอ้! พระเจ้าช่วยกล้วยอบแดด มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากเลยทีเดียว
“ตกลงว่าไงจ๊ะ พวกน้องสี่คนเป็นแฟนกันรึเปล่า?”
“...” ฉันอ้าปากจะปฏิเสธออกไปนะว่าไม่ใช่แฟนของวิกเตอร์ แต่ไม่รู้ทำไมเสียงมันถึงไม่ยอมดังออกมาจากปากของฉันสักที หรือว่า..เพราะฉันเองก็ดีใจที่มีคนคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน?
“เงียบกันแบบนี้แสดงว่าเป็นแฟนกันจริงละสิเนี่ย” พี่ฝ้ายพูดไปยิ้มไปซึ่งฉันเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่..ฉํนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“รู้ดีอยู่แก่ก็ยังจะถามน้องเขาให้เขินอยู่อีกนะ ยัยบ๊อง -_-;”
“อ้าว..ก็คนมันไม่แน่ใจนี่นา หรือถ้าเป็นนายนายจะไม่ถ่มรึไง”
“หึๆ”
ให้ตายสิ -_-; ฉันกลับมานั่งพักได้ไม่ถึงสิบนาที ก็เริ่มมีกิจกรรมรุ่นพี่รัยรุ่นน้องเลยเหรอเนี่ย -_-^
“เอาละๆ นิสิตนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้เร็ว!”
สิ้นเสียงพี่กัมปนาทหัวหน้าปีสี่ พวกเราทุกคนก็วิ่งกันมารวมตัวกันตรงหน้าพี่ท่านอย่างรวดเร็ว ขืนชักช้าละก็..ไม่อยู่ดีแน่ =_= คืออย่างนี้..เมื่อคืนรุ่นพี่ที่ประกาศหมายเลขกลุ่มต่างๆ ก็คือพี่กัมปนาทนี่ละ อันที่จริงฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เขาเป็นใครถ้าไม่ได้พี่หนิงว่ากระซิบให้ฟัง.. พี่กัมปนาทเป็นรุ่นพี่ปีสี่คณะวิศวะฯ เป็นคนคุมปีสี่ทุกคณะ..คิดดูสิ ทุกคณะเชียวนะ =_= แถมพี่หนิงยังกระซิบบอกอีกว่าพี่กัมปาทเป็นคนที่ตรงต่อเวลามากแล้วก็ทำอะไรอย่างรวดเร็ว ว่องไว ดังนั้นพี่ท่านจึงไม่ชอบคนที่ทำอะไรชักช้าเป็นอย่างมาก..เมื่อคืนพวกที่ถูกเรียกหมายเลขกลุ่มแล้วชักช้ากว่าชะลุกมารวมตัวกัน พี่กัมปนาทก็สั่งทำโทษซะยกใหญ่ ทำเอาพวกที่นั่งหลับสัปหงกทั้งหลายแหล่ตื่นกันเป็นแถว เรียกว่านั่งตาค้างจนครบสองชั่วโมงครึ่งเลยละ ฮึๆ แล้วอบ่างนี้จะมีใครกล้าหือกับพี่กัมปนาทเหรอ
“ต่อจากนี้ไปจะเป็นการเริ่มต้นการเข้าค่ายอย่างแท้จริง พี่ขอให้ทุกคนตระหนักเอาไว้ว่าพวกเราอยู่กันเป็นส่วนรวมจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว” เสียงหนักแน่น กังวานของพี่กัมปนาทดังผ่านโทรโข่งออกมาเสียงดังสนั่น พวกนิสิตปีหนึ่งต่างนักฟังกันอย่างแข็งขันไม่กล้าแม้แต่จะวอกแวกหรือขยับตัวยุกยิก..จะเป็นเพราะอะไรละถ้าไม่ใช่เพราะกลัวพี่เขา =_=
“เอาละ เดี๋ยวพวกเราจะเริ่มกิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า..กิจกรรมแรกเนี่ยจะเป็นกิจกรรมรุ่นพี่รัยรุ่นน้อง ขอให้ทุกคนเตรียมตัวกันเอาไว้ให้ดี” สิ้นเสียงของพี่กัมปนาทฉันก็เริ่มรู้สึกว่าพี่สตาฟฟ์ของแต่ละกลุ่มกำลังขยับกันไปรวมตัวกันเป็นวงกลมล้อมพวกเราเอาไว้..ตาขวาฉันเริ่มกระตุกแล้วละ สงสัยว่ามันจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแน่ๆ เลยละ =_=^
“เราจะเลือกสุ่มแต่ละกลุ่มออกมารับน้อง.งกลุ่มที่โชคดีเป็นกลุ่มแรกคือหนึ่ง-สี่-ห้า”
=_= โชคดีนะที่เรียกสุ่มไม่อย่างนั้นกลุ่มฉันก็โดนเป็นอันดับที่สามสิบหกแน่ แต่เลือกสุ่มนี่มัน..เสียวกว่าเยอะเลยนะ กลุ่มแรกที่โดนถือว่าโชคดีชะมัดอย่างน้อยพวกนั้นก็ไม่ต้องมานั่งกังวลอยู่แบบพวกเราที่เหลือ =_= กลุ่มผู้โชคดีลุกเดินไปหาพวกรุ่นพี่อย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเดินไปถึงพวกนั้นก็โดนรุ่นพี่พาไปรับน้องทันที พวกนั้นถูกสั่งให้นั่งเป็นวงกลมโดยพี่พวกรุ่นพี่ยืนล้อมอยู่ด้านนอก พี่กัมปนาทพูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับพวกนั้น ฉันไม่รู้หนอกนะว่าพี่ท่านพูดอะไร รู้แต่ว่าสักพักพวกรุ่นพี่สองสามคนได้หิ้วถังน้ำเข้ามา
ซ่า~
-0-!! พวกเราเพิ่งจะอาบน้ำกันไปเมื่อกี้เองนะ ทำไมยังต้องมาโดนน้ำ (อีกรอบ) ในตอนรับน้องด้วยละ T_T ฉันมองพวกนั้นต่อไปก็ทำให้เห็นทั้งแป้งทั้งฝุ่น สีต่างๆ ร่วมกันละเลงลงบนหัวพวกนั้นอย่างเมามันส์ เออแฮะ -0- ยังไงมันก็เป็นแค่การรับน้องธรรมดาๆ แต่มันก็ไม่ธรรมดาเมื่อดุจสายฟ้าฟาดของพี่กัมปนาทดังขึ้น
“พวกน้องจะต้องวิ่งไปตามเส้นทางในแผนที่ที่พี่แจกให้แล้วไปหาปลอกแขนสัญลักษณ์ของมหา’ลัยที่พวกี่แอบซ่อนอยู่ พวกน้องจะมีเวลาเพียงแค่สามสิบนาทีในการหา เมื่อหาเจอแล้วก็ต้องรีบวิ่งไปที่จุดเส้นชัยทันที อย่าโอ้เอ้! ที่จุดเส้นชัยจะมีรุ่นพี่คอยเช็คพวกน้องอยู่ที่นั่น รุ่นพี่ที่ประจำอยู่ที่จุดเส้นชัยก็มีพี่บอยปีสองคณะสังคมฯ พี่ธันวาปีสองคณะแพทย์ฯ พี่แคนปีสามคณะทันตะฯ พี่เบียร์ปีสามคณะวิศวะฯ พี่สองคณะมนุษย์ฯ และพี่ข้าวปีสามคณะสถาปัตย์ฯ! ใครที่ผ่านจุดเส้นชัยจะมีสัญลักษณ์สีแดงที่ข้อมือ แต่ถ้าใครไม่มีแสดงว่าคนๆ นั้นไม่ได้ผ่านจุดเส้นชัย คนที่ไม่ผ่านจะต้องถูกลงโทษและไม่มีสิทธิ์รับรุ่นพี่! เอาละไปได้!!”
สิ้นเสียงพี่กัมปนาทพวกนั้นก็รีบวิ่งกุลีกุจรออกไปทันที ถึงว่าทำไมเมื่อเช้ามืดหลังจากที่กลับมาจากอาบน้ำฉันถึงไม่เห็นพี่ซาตานหน้าโหด ที่แท้ท่านก็คอยไปต้อนรับพวกเราอยู่ที่จุดเส้นชัยนี่เอง =_=; ฉันว่าจุดเส้นชัยนั่นจะต้องเป็นนรกขุมดีๆ แน่เลย..ซาตานหน้าโหดคุมทัพ แล้วอย่างนี้ไอ้พวกที่เหลือเรียกว่าอะไรดีวะ T_T
10.10 น.
“เอาละ กลุ่มสุดท้าย..ศูนย์-สาม-หกสินะ” ง่ะ U_U ทำไมพี่กัมปนาทจะต้องยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายแบบนั้นด้วยละ ใช่แล้วละ..กลุ่มฉันโชคดีมัดที่ได้เป็นกลุ่มสุดท้ายที่โดนรับน้อง ฮือๆ เขาว่ากันว่ากลุ่มสุดท้ายมักจะโดนหนักกว่ากลุ่มแรกๆ ไม่ใช่เหรอ T^T
“กลุ่มสุดท้ายนี่น่าสนใจดีนะ..วิศวะฯ สอง สังคมฯ สอง..ไม่เลว” ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่กัมปนาทต่างจากวิกเตอร์ที่ปรายตามองพี่กัมปนาทอย่างเฉยชา พาสเตอร์เองก็แค่ยิ้มบางๆ ออกมา ส่วนบลูมก็ทำหน้าเหลอหลา..มันก็ไม่แปลกนี่ พวกเขาสามคนอยู่คณะเดียวกันก็ต้องรู้จักกันเป็นธรรมดา
“ผู้ชายก็คงเป็นวิกเตอร์ ราเคซ อีกคนก็คงจะเป็นพาสเตอร์ หิรัญธนา” จู่ๆ พี่กัมปนาทก็พูดชื่อของวิกเตอร์กับพาสเตอร์ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างแปลกใจละว่าทำไมวิกเตอร์ถึงได้นามสกุลราเคซ ก็เพราะว่ามันเป็นนามสกุลที่ทางกองปราบกุขึ้นมา แต่ที่ฉันสงสัยเป็นพาสเตอร์ต่างหาก..หมอนั่นนามสกุลหิรัญธนาเหมือนฟอส พวกเขาเป็นญาติกัน?
“อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้นะวิกเตอร์ วันแรกของการเปิดมหา’ลัยนายไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้ พี่รู้ดี” ฉันได้ยินเข้าก็ถึงกับอ้าปากเหวอ นี่พี่กัมปนาทรู้เรื่องที่วิกเตอร์ไปมีเรื่องกับพี่บอยแล้วเหรอเนี่ย O_O ฉันหันไปมองวิกเตอร์อย่างขอความเห็นแต่หมอนั่นกลับกรุกยิ้มออกมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยียวนว่า
“เหรอครับ” หะ..หะให้ตาย นี่หมอนั่นกล้าต่อล้อต่อเถียงกับพี่กัมปนาทเหรอเนี่ย ไม้ได้ล่ะ..ฉันจะต้องเตือนหมอนั่นซะก่อน ก่อนที่เขาจะ (พยายาม) มีเรื่องกับพี่กัมปนาท ฉันเอื้อมมือไปจิกแขนของวิกเตอร์อย่างแรงแต่แทนที่เขาจะสำนึกกลับพูดออกมาว่า
“จะกลัวอะไรละยัยบ๊อง ไอ้หมอนั่นมันไม่ทำอะไรฉันหรอก -_-” ฉันส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้เขา ขนาดนี้แล้วหมอนั่นยังจะมาเล่นลิ้นอยู่อีก -_-^ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ประทุษร้ายหมอนั่นอีกครั้ง เสียงหัวเราะทุ้มๆ ของพี่กัมปนาทก็ดังขึ้นขัดซะก่อน
“ฮะๆ พูดได้ดีนี่วิกเตอร์..ว่าแต่แฟนนายเถอะแผลเป็นยังไงบ้าง” พี่กัมปนาทถามวิกเตอร์ แต่สายตาของพี่ท่านกลับหันมามองฉัน
“อะ..เอ่อ ก็ดีค่ะ แผลแค่โดนถากๆ สองสามวันก็คงจะหายเป็นปกติ”
“อืม..ชอบท่าเราดีนะ โดยเฉพาะตอนที่จับเพื่อนของบอยทุ่มลงพื้นนะ เห็นแล้วสะใจชะมัด..พี่เองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับไอ้หมอนั่นเท่าไหร่ ชอบมาวอนมือวอนทีนพี่อยู่เรื่อย ได้เห็นสภาพมันตอนนั้นแล้วสะใจเป็นบ้าเลยวะ”
“^^;” ฉันได้แต่ส่งยิ้มฝืดๆ ไปให้พี่กัมปนาท พี่แกก็ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นซะเหลือเกิน -_-;
“เอาละ ไหนๆ นี่ก็เป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วเรามาปิดฉากกิจกรรมรุ่นพี่รับรุ่นน้องกันดีกว่า แล้วเราค่อยไปเริ่มในกิจกรรมรุ่นน้องรับรุ่นพี่ พวกน้องทั้งสี่คนไปรวมตัวกันได้แล้ว” สิ้นเสียงพี่กัมปนาทพวกเราทั้งสี่คนก็หันมามองหน้ากันก่อนจะเดินไปนั่งรวมตัวกัน ฉันเลือกนั่งใกล้ๆ กับวิกเตอร์ บลูมเองก็เลือกนั่งใกล้ๆ พาสเตอร์เหมือนกัน ไม่นานพวกรุ่นพี่ก็ยกถังน้ำมาแล้วสาดใส่พวกเราทั้งสี่คนทันที
ซ่า~
ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำบนใบหน้าของตัวเอง วิกเตอร์เองก็ทำแบบเดียวกับฉันแต่ท่าทางว่าเขาจะหัวเสียไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่นานต่อจากนั้นถังแป้งฝุ่นก็ถูกยกมา หะ..ให้ตายสิ ฉันเกลียดแป้งฝุ่นที่สุดเลย ฮือๆ U_U ไม่นานแป้งฝุ่นก็ถูกโรยลงบนหัวของพวกเราทั้งสี่คน ฉันรีบยกมือขึ้นปิดจมูกเพื่อป้องกันแป้งฝุ่นเข้าจมูก วิกเตอร์หันมามองฉัน หมอนั่นขมวดคิ้วจนเป็นโบแล้วกระชากตัวฉันเข้าไปกอดเอาไว้ หมอนั่นกดหัวฉันลงกับแผ่นอกของเขาราวกับว่าจะปกป้องฉัน
ปุบๆ~
จากทีละนิดก็กลายมาเป็นทั้งถัง ถัดจากแป้งฝุ่นก็เป็นน้ำสีผสมอาหารที่ถูกละลาบแล้วก็ละเลงลงบนตัวพวกเราต่อ เรียกว่าเปียกชุ่มกันทั้งตัวเลยทีเดียว
“โว้ย! นี่มันรับน้องหรือว่าฆ่ารุ่นน้องกันแน่วะเนี่ย -_-+” หลังจากรับน้องเสร็จสิ้นวิกเตอร์ก็โวยวายออกมาตามประสาคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโหแต่ฉันก็เห็นด้วยกับเขานะ ทำแบบนี้มันฆ่ารุ่นน้องอย่างฉันทางอ้อมชัดๆ Y_Y
“อย่าเพิ่งโวยวายไปสิวิกเตอร์ กลุ่มของนายยังมีภารกิจหาปลอกแขนสัญลักษณ์ของมหา’ลัยอีกนะ..เวลาสามสิบนาทีมันนิดเดียวถ้าเทียบกับระยะทางที่พวกน้องจะต้องไป เอาละ พี่ว่าพวกน้องไปกันได้แล้วละ ชักช้าเดี๋ยวจะถูกลงโทษเอาไม่รู้ด้วยนะ”
“ชิ!” วิกเตอร์ทำเสียงชิใส่พี่กัมปนาทก่อนจะออกวิ่งไปทำภารกิจต่อไป ฉันส่งยิ้มแหยๆ ไปให้พี่กัมปนาทก่อนจะวิ่งตามวิกเตอร์ไปแล้วตามด้วยพาสเตอร์กับบลูมที่วิ่งตามมาติดๆ
ตึกๆ~
“แล้วนี่พวกเราจะวิ่งไปไหนกันละเนี่ย” บลูมที่วิ่งมาเคียงข้างฉันถามขึ้น ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะวิ่งไปที่ไหน แผนท่งแผนที่อะไรก็อยู่ที่วิกเตอร์ มีหมอนั่นคนเดียวที่รู้ว่าจุดหมายของพวกเราอยู่ที่ไหน ฉันหวังว่ามันคงไม่ไกลนะไม่อย่างนั้นคงไม่ทันเวลาแค่สามสิบนาทีหรอก
“ว่าไงวิกเตอร์ เราจะไปไหนกัน”
ตึกๆ~
“น้ำตก ในแผนที่มันบอกมาแบบนี้ สงสัยว่าไอ้ปลอกแขนสัญลักษณ์ของมหา’ลัยจะถูดซ่อนอยู่ที่นั่น..พวกเราจะต้องไปหามันมาให้ครบทั้งสี่ชิ้นก่อนที่จะไปที่จุดเส้นชัย”
“แล้วไอ้น้ำตกที่ว่าเนี่ยมันอีกไกลมั้ยวะ” พาสเตอร์ถามขึ้นมาอีกคน ตอนนี้พวกเราวิ่งออกมาจากจุดที่พี่กัมปนาทยืนอยู่ก็ประมาณสี่ร้อยเมตรได้แล้ว วิ่งแค่นี้ฉันก็หอบขึ้นคอแล้ว ถ้าขืนไกลอีกกว่านี้ฉันมีหวังต้องตายแน่ๆ -_-
“อีกประมาณสามร้อยเมตรได้มั้ง” วิกเตอร์ตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉยแต่ฉันเนี่ยสิ เกือบจะเป็นลม..อีกสามร้อยเมตร..ตาย ตายแน่ๆ เลยฉัน T_T
“อีกไกลใช้ได้แฮะ -0-;” พาสเตอร์บ่นอุบอิบพร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลลงตามแก้ม วิ่งตอนเที่ยงๆ ใช้ได้เหมือนกันแฮะ กว่าจะอาบน้ำอีกครั้งก็นู่นจนกว่าจะเสร็จกิจกรรมเล่นเกมซึ่งไม่รู่ว่ามันจะกินเวลาทั้งคืนเลยรึเปล่า
ตึกๆ~
“ผ่านมาห้านาทีแล้วนะ เหลือแค่อีกยี่สิบห้านาที มันจะทันรึเปล่าเนี่ย”
“มันต้องทันสิวะ!” วิกเตอร์พูดจบก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีก ทำให้พวกเราอีกสามคนต้องเพิ่มความเร็วในการวิ่งตามเขาไปด้วย ยี่สิบห้านาทีที่เหลือ..มันต้องทันสิ คนอย่างวิกเตอร์ไม่ยอมถูกทำโทษง่ายๆ แน่ เพราะฉะนั้นฉันเชื่อว่าหมอนั่นจะพาพวกเราไปถึงจุดเส้นชัยก่อนเวลาสามสิบนาทีแน่
อีกห้านาทีผ่านไป ซ่า~
เฮ้อ..และแล้วพวกเราก็มาถึงน้ำตกภายในเวลาสิบนาทีเหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น
“แฮ่กๆ แล้วไอ้ปลอกแขนที่ว่าเนี่ยมันอยู่ตรงจุดไหนกันละเนี่ย” ฉันหอบแฮ่กๆ ก่อนจะถามวิกเตอร์ หมอนั่นหันมาพูดกับฉันอย่างหัวเสียว่า
“มันบอกว่าอยู่ตรงซอกหินแล้วมันหินตรงไหนละวะ ขืนหากันสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้คงได้เจอกันพอดี -_-”
“เอาหน่า ลองหาๆ ไปก่อนละกัน มันอาจอยู่แถวๆ นี้ก็ได้ เออแล้วในแผนที่บอกเอาไว้รึเปล่าว่าปลอกนั่นสีอะไร”
“สีแดง -_-” พอวิกเตอร์พูดจบพวกเราก็ต่างกระโจนกันหาปลอกแขนทันที วิกเตอร์แยกไปทางขวา พาสเตอร์แยกไปทางซ้าย ส่วนฉันกับบลูมก็ช่วยหาอีกด้าน
ซ่า~
“บนก้อนหินมีตะไคร้น้ำ เดินระวังๆ กันด้วยละยัยทางด่วน”
วิกแตอร์ตะโกนเตือนฉันแข่งกับเสียงน้ำตกที่ดังกลบเสีบงของเขาไปหมด ความจริงฉันน่าจะไม่ได้ยินเสียงของเขาแต่ฉันกลับได้ยินมันเต็มสองหู ไม่รู้เพราะอะไรหรืออาจจะเป็นเพราะว่า..ความห่วงใยของเขามันส่งมาถึงฉันโดยตรงละมั้ง ฉันถึงได้ยินเสียงของเขาเหมือนว่ากระซิบอยู่ใกล้ๆ ฉันสะบัดหน้าลบเรื่องพรรค์นั้นออกจากหัวสมองก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาหาปลอกแขนนั่นต่อไป
“แหม วิกเตอร์เนี่ยห่วงเวย์เหลือเกินนะ บลูมชักจะอิจฉาซะแล้วสิ”
“เลิกแซวฉันไปได้เลยนะ เรารีบหาปลอกแขนบ้าๆ นั่นต่อไปดีกว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ”
“จ้าๆ” บลูมที่โดนฉันเอ็ดไปก็ตั้งหน้าตั้งตาหาปลอกแขนต่อไป จวบจนเวลาทั้งหมดในการหาปลอกแขนผ่านไปสิบห้านาที พาสเตอร์กับวิกเตอร์จึงหาปลอกแขนนั่นเจอ พวกเขาสองคนวิ่งมาหาฉันกับบลูมก่อนจะใส่ปลอกแขนที่มีสัญลักษณ์ของมหา’ลัยให้อย่างเร่งรีบ
“เหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีเท่านั้น..พวกเรารีบไปกันเถอะ”
“อืม”
หมับ ตึกๆ~
วิกเตอร์ยื่นมือออกมาจับมือของฉันเอาไว้ก่อนจะวิ่งตามพาสเตอร์กับบลูมไป ตอนนี้มันเป็นนาทีวิกฤตเหลือเกิน ถ้าไปไม่ทันพวกเราก็จะถูกลงโทษและอาจไม่ผ่านกิจกรรมรุ่นพี่รับรุ่นน้อง
ตึกๆ~
“เราต้องรีบวิ่งกว่านี้ เธอไหวรึเปล่ารันเวย์” วิกเตอร์หันมามองฉันอย่างห่วงใย ฉันก็ได้แต่ยิ้มแทนคำตอบก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเป็นเท่าตัว บ้าเอ๊ย..ทำไมหมอนั่นต้องมาพูดเป็นห่วงเป็นใยฉันด้วยนะ ฉันยิ่งอยากตัดความรู้สึกบ้าๆ นั่นออกไปจากใจอยู่ด้วย..ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าความรู้สึกที่ว่านั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานฉันจะรู้เองว่ามันคืออะไร ยิ่งได้อยู่ใกล้กับวิกเตอร์ด้วยแล้ว...มันก็จะยิ่งแน่ชัดขึ้นเอง...
ตึกๆ~
“วิกเตอร์เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ สามนาทีถึงมั้ยวะ” พาสเตอร์เอ่ยปากถามวิกเตอร์ทันทีที่รู้ว่าเราวิ่งมาเกินครึ่งทางแล้ว
“สองนาทีกว่าเว้ย! เวลานี่ก็เดินเร็วฉิบ!” เหลือเวลาอีกแค่สองนาที..จะทันมั้ยเนี่ย ฉันขบริมฝีปากอย่างขัดใจ นี่ถ้าหากว่ารุ่นพี่ซ่อนปลอกแขนนั่นในที่โล่งกว่านี้ป่านนี้พวกเราคงไปถึงจุดเส้นชัยนานแล้ว -_-;
“แล้วอย่างนี้พวกเราจะไปทันกันเหรอ..บลูมยังไม่อยากโดนทำโทษน้า T_T”
“ไม่ทันก็ต้องทันสิวะ -_-^” วิกเตอร์พูดจบก็หยุดวิ่งซะดื้อๆ พวกเราที่เหลืออีกสามคนเลยต้องหยุดวิ่งไปด้วย หมอนั่นเป็นอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่ทันก็ต้องทันอยู่เลย แล้วทำไมเขาถึงได้หยุดวิ่งไปซะอย่างนี้ล่ะ
“เป็นอะไรไปวิกเตอร์ พวกเราต้องรีบไปที่จุดเส้นชัยนะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันเวลาเอา”
“ไม่ต้องพูดมากหน่ายัยทางด่วน เธอรีบมาขี่หลังฉันเร็ว -_-”
“ทำไม?” พวกเราสามคนถามออกมาพร้อมกันทันที หมอนั่นคิดจะทำอะไรอีกละเนี่ย -_-
“แกก็ไม่ต้องถามมากไอ้พลาสเตอร์ยา รีบทำแบบฉันซะ..เร็วสิยัยทางด่วน เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
“เออ..อืม” ฉันเดินไปขี่หลังวิกเตอร์อย่างงงๆ บลูมกับพาสเตอร์เองก็ไม่ต่างกันแต่ก็ทำตามคำพูดของวิกเตอร์แต่โดยดี
“เกาะฉันแน่ๆ นะ เดี๋ยวหล่นจะหาว่าไม่เตือน”
ฉันรีบโอบรอบต้นคอวิกเตอร์เอาไว้ทันทีกลัวว่าจะหล่นไปตามคำพูดของวิกเตอร์ ไม่นานเขาก็ยืนขึ้น กระชับแขนที่โอบฉันเอาไว้จากด้านหลังให้แน่นขึ้นแล้วเริ่มออกวิ่งทันที..ฉันรู้แล้วละ ทำไมวิกเตอร์ถึงทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเขากลัวว่าฉันกับบลูมจะเป็นตัวถ่วงในการวิ่งจึงให้พวกเราขี่หลังเขาแทน..ถึงจะอดน้อยใจไม่ได้ที่เขาหาว่าฉันเป็นตัวถ่วง แต่อยู่บนหลังเขาแบบนี้..มันรู้สึกดีชะมัด ฉันซบหน้าลงบนไหล่ของวิกเตอร์อย่างเขินๆ ถ้าเวลาหยุดได้ก็คงดี ฉันจะได้หยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้..ไว้ที่เราสองคน..
ตึกๆ~
หลังจากที่เริ่มออกวิ่งมานานพอสมควร ฉันก็เริ่มมองเห็นจุดเส้นชัยอยู่รำไร ดีจัง..พวกเราจะถึงจุดเส้นชัยแล้ว!
“วิกเตอร์ พวกเรากำลังจะถึงจุดเส้นชัยแล้วละ >0<” ฉันพูดออกมาอย่างดีใจแต่เสียงของวิเตอร์ที่ตอบกลับมาทำลายความดีใจของฉันไปจนหมด..ไม่เหลือ
“ดีใจตอนนี้มันยังเร็วเกินไปสาวน้อย เรามีเวลาเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ”
“อ..อะไรนะ! เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเหรอ O_O”
“ก็เออนะสิ -_- เฮ้ย ไอ้พลาสเตอร์ยาเร่งฝีเท้าหน่อย เดี๋ยวไม่ทัน”
พาสเตอร์พยักหน้ารับก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ฝ่ายวิกเตอร์เองก็เหมือนกัน เขารีบวิ่งจนสุดแรงเลยละ..ฉันว่า การที่ฉันขี่หลังเขาแบบนี้ต่างหากละที่เป็นตัวถ่วงของเขา..ฉันรีบสะบัดความคิดบ้านั่นทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่..ที่วิกเตอร์ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขามั่นใจว่าฉันจะไม่เป็นตัวถ่วงของเขา เพราะฉะนั้นฉันจะต้องคิดเอาไว้สิว่าที่เขาทำแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่เป็นตัวถ่วงของเขา..เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันก็รีบเงยหน้ามองไปยังข้างหน้าทันที จุดเส้นชัยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม พวกเราจะต้องไปถึงอย่างแน่นอน!
ตึกๆ~
เมื่อเริ่มเข้ามาใกล้จุดเส้นชัยมากขึ้น สิ่งแรกที่ฉันเห็นมาแต่ไกลคือรอยยิ้มกว้างของพี่กัมปนาทและพี่บอย ตามด้วยสีหน้าทะมึงทึงของพี่ซาตานหน้าโหด แปลกแฮะ..ไม่ว่าไกลแค่ไหน แต่ฉันกลับจำใบหน้าของพวกรุ่นพี่สามคนนั้นได้..อาจจะเป็นเพราะว่าทึ้งในความสามารถของพี่กัมปนาท คุ้นเคยกับพี่บอยพี่คณะของตัวเองและขยาดในความเป็นซาตานหน้าโหดของพี่ธันวา..อาจเป็นเพราะเหตุนี้ละมั้ง ฉันถึงจำพวกเขาได้แม้ว่าอยู่ไกลแค่ไหน ฉันยิ้มให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะก้มลงมองดูนาฬิกา เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกแค่..สามสิบวินาทีเท่านั้น! วิกเตอร์เองก็คงจะรู้ว่าเหลือเวลาอีกแค่เท่าไหร่ เขาถึงได้เพิ่มฝีเท้าขึ้น แต่ฉันรู้..ว่าตอนนี้เขากำลัง..ฝืนความสามารถของตัวเอง ฉันจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก
“ปล่อยฉันลงเถอะวิกเตอร์ นายกำลังฝืนตัวเองอยู่นะ ถ้าปล่อยฉันลงนายจะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองไง”
“พูดบ้าอะไรของเธอนะ มันจะถึงอยู่แล้ว ฉันจะปล่อยเธอลงทำไม -_-”
“แต่นายกำลังฝืนตัวเองอยู่นะวิกเตอร์”
“เธอเป็นฉันรึไง ถึงได้รู้ว่าฉันกำลังฝืนตังเองอยู่นะ”
“...” ฉันเลียบลงทันทีที่วิกเตอร์พูดตอบกลับมาแบบนั้น หมอนั่นคิดรึไงว่าฉันจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ถึงฉันจะไม่ใช่เขาแต่ฉันก็รู้ว่าเขากำลังฝืนตัวเองอยู่..ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในหัวใจของฉันนี่มันคืออะไรกันนะ..
“เออ เงียบไปก็ดีแล้วอย่าพูดอีกนะว่าเธอเป็นตัวถ่วงของฉัน เพราะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”ทฉันยิ้มออกมากับความคิดของวิกเตอร์ จะพูดให้หวานกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ฮะๆ แต่พูดออกมาแบบนั้นละดีแล้ว มันจะได้สมกับที่เป็นวิกเตอร์ ฉันมัวแต่ยิ้มให้กับวิกเตอร์จนลืมสังเกตเวลา จวบจนเมื่อได้ยินเสียงรุ่นพี่ที่จุดเส้นชัยตะโกนขึ้นมา ฉันถึงได้สติ
“เก้า! แปด! เจ็ด!”
ตึกๆ~
“เอาไงดีละวิกเตอร์ เวลาจะหมดแล้วนะ” ฉันเอ่ยปากถามวิกเตอร์อย่างร้อนรน ฉันรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ควรเพิ่มความกดดันให้เขา แต่ว่า..เวลามันเหลือน้อยแล้วจริงๆ
“หก! ห้า! สี่!”
ตึกๆ~
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..รันเวย์ ถ้ามันจำเป็นจริงๆ เธออาจจะต้องเจ็บตัว” ฉันลงกับคำพูดของวิกเตอร์ แต่ทำไปก็เท่านั้นฉันต้องตั้งสติรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นสิ
“สาม! สอง!” เมื่อรุ่นพี่นับมาได้ถึงสองหัวใจของฉันก็เต้นระทึก แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าวิกเตอร์กำลังใช้มือเปลี่ยนร่างของฉันมาอุ้มไว้ด้านหน้า เขาไม่ได้ตอบคำถาม (ทางสายตา) ของฉันเพียงแต่ทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด
“หนึ่ง!”
ฟิ้ว~
“กรี๊ดดดดด!!!”
ตุ้บ!
ก่อนที่รุ่นพี่จะประกาศออกมาว่า ‘หมดเวลา’ ร่างของฉันที่ถูกวิกเตอร์โยนมาก็ลอยละลิ่วตกลงกระทบกับเส้นชัยพอดิบพอดี เรียกว่าฉิวเฉียดเลยละ แต่ว่า...ทำไมหมอนั่นถึงต้องโยนฉันมาด้วยละ ฮึกๆ T_T
ตึกๆ~
“แฮ่กๆ เป็นยังไงบ้างยัยทางด่วน” วิกเตอร์ถามออกมาทันทีที่ถึงตัวฉัน ฉันส่งค้อนวงโตไปให้เขาทันทีเหมือนกัน ก่อนจะพยุงตัวลุกโดยมีพี่บอยคอยช่วยพยุง
“จุกแล้วก็เจ็บนะสิถามได้ ใครใช้ให้นายโยนฉันมาละหา! T_T” ฉันอดไม่ได้ที่จะแหวใส่เขาถึงจะรู้ว่าที่เขาโยนฉันมาก็เพราะว่าทำเพื่อกลุ่มแต่มันก็อดใจไม่ได้นี่นา (. .)
“ขอโทษ ฉันจำเป็นจริงๆ” วิกเตอร์พูดจบก็คว้าร่างของฉันเข้าไปกอดเอาไว้เต็มอ้อมแขน สงสัยว่าเขาจะเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของฉัน ฮึก..ก็มันเจ็บนี่นา ลองมาโดนแบบฉันดูสิแล้วจะรู้ว่าเจ็บแค่ไหน T_T
“ฮึก ถึงจะจำเป็นแค่ไหนก็ไม่เห็นต้องโยนฉันมาเลยนี่นา” เมื่อเขามาอยู่ในอ้อมแขนในอ้อมกอดของเขาฉันก็สะอื้นออกมาทันที ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นแล้วก็ไม่เคยร้องไห้ในอ้อมกอดของผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่เพียงเขาคว้าฉันเข้าไปกอดเอาไว้ฉันก็ไม่อยากจะเสแสร้งทำตัวเข้มแข็งต่อไป ฉันอยากจะร้องไห้ดังๆ ในอ้อมกอดของเขานัก ฮึก
“ก็ฉันขอโทษเธอแล้วนี่ไง..สัญญาเลยอ่ะ ว่าครั้งต่อไปจะไม่ทำอีก” วิกเตอร์ดันฉันออกมาเบาๆ ก่อนจะชูนิ้วก้อยมาตรงหน้าฉัน ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตามองนิ้วก้อยของเขาอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจเกี่ยวก้อยกับเขา
“นายสัญญาแล้วนะ..ห้ามลืมสัญญาล่ะ”
วิกเตอร์คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะคว้าร่างของฉันเข้าไปกอดเอาไว้อีกครั้งจวบจนเสียงพี่กัมปนาทดังขึ้นมาขัดจังหวะ วิกเตอร์จึงปล่อยร่างของฉันให้เป็นอิสระ ฉันเหลือมองดูทุกคนปรากฏว่าทั้งรุ่นพี่และรุ่นเพื่อนต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้แต่พี่ธันวาพี่ซาตานหน้าโหดของเราก็ยังยืนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ฉัน..ยิ้มกันแบบนี้ฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย //
“ฮึๆ มากันทันเวลาแบบฉิวเฉียดเลยนะ” พี่กัมปนาทพูดพลางยิ้มล้อเลียนวิกเตอร์ไปพลาง หมอนั่นยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปมองพี่กัมปนาทด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ฮะๆ รุ่นน้องพี่ ปีนี้ใช้ได้ว่ะ”
“ไม่ต้องยอ ผมยังไม่คิดบัญชีกับพี่เลย..หาที่ซ่อนปลอกแขนนั่นได้เก่งจริงๆ -_-”
“งั้นเหรอ ฮะๆ พี่อุตส่าห์พาไปซ่อนในซอกหลืบแล้วแท้ๆ แต่ว่านายกับเพื่อนยังหามันเจอ..สมแล้วที่เป็นเด็กคณะวิศวะฯ”
“นึกว่าผมอยากเจอกับพี่นักรึไง เฮอะ..จ้างให้ก็ไม่อยากเจอ -_-” เอ๊ะ..สองคนนี้พูดเหมือนรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นละ ฉันนึกว่าพวกเขาสองคนรู้จักกันเพราะเป็นพี่น้องคณะวิศวะฯ ซะอีก..
“ในเมื่อไม่อยากเจอพี่แล้วมาเรียนที่นี่ทำไมละ..ตอบได้มั้ย?”
=_= ที่มาเรียนที่นี่เพราะความจำเป็นต่างหากละ ไม่ได้พิศวาสอะไรกับมหา’ลัยนี้หรอกนะ -_-^
“ไม่ใช่มาเจอพี่ก็แล้วกัน ผมไม่อยากเจอหน้าพี่ด้วยซ้ำ -_-;”
“ฮะๆ วิกเตอร์นายจำคำพูดของนายเอาไว้ละ เดี๋ยวพี่จะไปฟ้องคุณพ่อ”
“ตามสบาย ยังไงพี่ก็เป็นลูกที่คุณพ่อโอ๋อยู่แล้ว จะทำอะไรก็ถูกไปหมดอยู่ดีนั่นล่ะ -_-^”
ฉันมองวิกเตอร์สลับกับพี่กัมปนาท ทำไมสองคนนี้ยิ่งพูดกันก็ยิ่งเหมือนรู้จักกันมากขึ้น คำพูดคำจาก็เหมือนพี่ชายพูดกับน้องชาย.งสองคนนี้เป็นพี่น้องกันเหรอเนี่ย?
“พูดให้มันถูก คุณพ่อโอ๋ใครกันแน่..ไม่ใช่นายหรอกเหรอ” ฉันหันไปมองวิกเตอร์ก่อนจะกระซิบถามเขาเบาๆ ไม่ไหวล่ะ..ความอยากรู้มันพุ่งปรี๊ดแล้ว >0<
“นายกับพี่กัมปนาทเกี่ยวข้องกันยังไงกันแน่..ใช่ พี่น้องกัยรึเปล่า?”
“-_-” วิกเตอร์ไม่ตอบได้แต่มองฉันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อ๋า.งนี่แสดงว่าพวกเขาสองคนเป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอเนี่ย =_= ฉันว่าใบหน้าของพวกเขาสองคนไม่เห็นจะคล้ายกันเลยนะ..วิกเตอร์ออกไปทางฝรั่ง พี่กัมปนาทออกไปทางเอเชีย (ไทยนั่นล่ะ) -_-;
“แน่ใจนะวิกเตอร์ว่านายกับพี่กัมปนาทเป็นพี่น้องกันจริงๆ =_=”
ฉันถามย้ำวิกเตอร์อีกครั้ง เผื่อว่าหมอนั่นจะได้ยินคำถามของฉันผิดเพี้ยน แต่ผลที่ได้คือสีหน้าไร้อารมณ์ที่หนักกว่าเดิมของวิกเตอร์ ดูท่าว่าหมอนั่นจะไม่สบอารมณ์เอามากๆ เลยนะนั่น ช่างเป็นพี่น้องท่เหมือนกันเหลือเกิน =_=; เมื่อวิกเตอร์ไม่ตอบพี่กัมปนาทก็พูดขึ้นมาแทน ทำเอาพวกเราและรุ่นพี่ต่างอึ้งกันไปตามๆ กัน
“นาใจสิครับน้องเวย์ พี่กับวิกเตอร์เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็เถอะ” พี่กัมปนาทพูดอย่างยิ้มๆ ผิดกับวิกเตอร์หมอนั่นทำหน้าบูดทันทีที่พี่กัปนาทเอ่ยย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน แต่ก่อนที่ใครจะได้ทำอะไร เสียงของคนปากไวที่สุดในกลุ่มก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พี่ชายคุมปีสี่แล้วน้องชายจะคุมปีหนึ่งรึเปล่าเนี่ย?”
ทุกคน เน้นนะค่ะว่าทุกคน ต่างหันไปมองยัยนั่นเป็นตาเดียวรวมทั้งวิกเตอร์ หมอนั่นแยกเขี้ยวใส่บลูมทำท่าจะเข้าไปฝากมะเงกลงบนหัวยัยนั่น แต่ติดตรงที่พาสเตอร์เข้ามากระชากบลูมออกไปกอดเอาไว้ซะก่อน -_-
“รันเวย์ของแกก็มี จะมายุ่งกับบลูมของฉันทำไมเนี่ย” ทันทีที่พาสเตอร์พูดแสดงความเป็นเจ้าของบลูมออกมาพวกเราทุกคนก็ต่างอมยิ้มกันไป ยัยบลูมที่ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ในอ้อมกอดของพาสเตอร์เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่ได้จากรุ่นพี่
“เออ ปกป้องกันเข้าไป วันนี้ปกป้องได้ วันหน้าฉันจะคิดบัญชีให้หนักเลย -_- ไม่ใช่ผู้หญิงของแกแต่เป็นแกต่างหากละไอ้พลาสเตอร์ยา ฉันไม่มีรสนิยมรังแกผู้หญิงโว้ย -_-;”
“ก็ลองแกแตะต้องบลูมดูสิ ฉันยิงแกทิ้งแน่ -_-” ตกลงว่าพาสเตอร์เป็นองครักษ์พิทักษ์หัวใจบลูมใช่มั้ย?
“ถ้าแกสามารถทำแบบนั้นกับฉันได้อ่ะน่ะ -_-”
“-_-” พาสเตอร์กับวิกเตอร์ต่างหันมาจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่องต่างฝ่ายต่างเข้าข้างตัวเองเต็มที่ จงบจนเสียงของพี่ซาตานหน้าโหดดังขึ้นมานั่นล่ะ พวกเขาสองคนถึงได้สลายม็อบ -_-
“ปั๊บข้อมือได้แล้ว อย่าเสียเวลา” เมื่อเห็นว่าพี่แกเอาจริงพวกเราทุกคนเลยต่างยื่นข้อมือไปให้พี่ซาตานหน้าโหดปั้ม
“พวกนายสองคนไปเถียงกันต่อหลังรับรุ่นพี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเป็นกรรมการตัดสินเอง”
=_= ถ้าพี่ซาตานหน้าโหดเป็นกรรมการ พี่นางฟ้าใจดีก็เป็นกรรมการห้ามทัพละว่ะ -v- ฉันชักมือกลับเมื่อเห็นว่าปั้มเสร็จแล้ว..เอ่อ..ฉันไม่อยากจะพูดเลยว่าลายรูปที่อยู่บนข้อมือฉันมันเป็นรูปยมทูตกำ..นางฟ้ออยู่ในมือ =_= อย่างนี้รึเปล่าที่เขาเรียกว่าซาตานเหนือเทวานะ =__=;
“ไม่เป็นไรครับผมเกรงใจ เอาไว้ไปต่อยกันในมหา’ลัยดีกว่า เข้าท่ากว่ากันเยอะ” คำพูดของวิกเตอร์เรียกเสียงหัวเราะได้จากรุ่นพี่ทุกคนเป็นอย่างดี กฎฉันบอกไปแล้วไงว่าหมอนั่นชอบเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างนะ -0-
“เอางั้นเหรอ.. ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เรียกคณะอาจารย์กับอธิบดีการมาดูซะด้วยเลย ต่อยกันจบ ใครจะไปใครจะอยู่เดี๋ยวก็รู้กัน”
วิกเตอร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของพี่ซาตานหน้าโหด จวบจนพี่ธันวาปั๊มข้อมือพวกที่เหลืออีกสามคนเสร็จ พี่กัมปนาก็เดินนำพวกเราไปสมทบกับกลุ่มก่อนหน้า พอกลุ่มของฉันมาถึงพี่กัมปนาทก็สั่งรับรุ่นพี่ทันที ทำเอาพวกรุ่นพี่โห่ลั่นด้วยความดีใจ ไม่นานกิจกรรมรุ่นน้องรับรุ่นพี่ก็เริ่มต้นขึ้น คราวนี้ละวะโอกาสเอาคืนรุ่นพี่มาถึงแว้วววว~ >0<
ความคิดเห็น