คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 7 การเลือกกลุ่ม (วุ่นๆ)
การเลือกลุ่ม (วุ่นๆ)
“โอ๊ย! เบาๆ หน่อยสิ ฉันเจ็บนะวิกเตอร์!” ฉันสะบัดแขนของตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของวิกเตอร์ทันทีที่หมอนั่นลากฉันขึ้นมาบนคอนโดฯ ได้สำเร็จ เจ็บชะมัด..ป่านนี้แขนของฉันคงเป็นรอยช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย
“เข้าไปคุยกันในห้อง” วิกเตอร์ทั้งพูดทั้งมองฉันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวก่อนจะจับแขนฉันแล้วลากเข้าไปในห้องทันที
โครม
“โอ๊ย” ทันทีที่เข้ามาในห้องหมอนั่นก็เหวี่ยงฉันลงบนเตียงอย่างแรง นอกจากบาดแผลที่ถูกแทงแล้วเนี่ย ร่างกายของฉันยังมีอะไรบุบสลายอีกมั้ยเนี่ย T^T
“เป็นผู้หญิงแท้ๆ ใครใช้ให้เธอทำแบบนั้นฮะ! ชอบนักรึไงกับการให้คนอื่นเห็นขาอ่อนเนี่ย!!” ฉันทำหน้าแหยแกเพราะเจ็บบาดแผลก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวิกเตอร์ นี่ถ้าหมอนั่นยอมให้ฉันทำแผลก่อนมันจะตายรึไงกัน!
“ช่างฉันเถอะหน่า ชีวิตของฉันไม่ใช่ชีวิตของนายสักหน่อย -_-” ฉันบอกเสียงอ่อยพลางนวดแขนตรงรอยบีบของวิกเตอร์ไปพลาง มือของเขาทำด้วยเหล็กชัดๆ บีบแขนฉันครั้งใด ช้ำไปสามสี่วัน บ้าชะมัด -_-;
“เฮอะ! ชีวิตของฉันไม่ใช่ชีวิตของนาย..ถ้าเธอทำให้ชีวิตของเธอมันดี ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอก แต่นี่อะไร..ชอบนักหนากับการโชว์เนื้อหนังมังสาให้พวกผู้ชายหน้าหม้อทั้งหลายมันเห็น จะไม่ให้ฉันยุ่งเรื่องของเธอได้ยังไง!”
หมอนั่นตะคอกใส่หน้าฉันไม่เว้น ฉันเองก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกันนะโว้ย! ด่ากันแบบนี้ ฉันเองก็เดือดเป็นเหมือนกันนะ!
“ฉันจะโชว์อะไรให้ใครเห็นแล้วมันหนักส่วนไหนของนายกัน..นายไม่ใช่พ่อหรือพี่ฉัน อย่ามายุ่งเรื่องของฉันเลยดีกว่า”
“รันเวย์!!”
“อะไรอีกล่ะ!! จะด่าอะไรฉันอีกล่ะ แค่นี้มันยังไม่พอใช่มั้ย!!” อารมณ์ที่คิดว่าระงับลงได้กลับเดือดปุดๆ ขึ้นมา ฉันลุกขึ้นยืนบนเตียงก่อนจะเท้าสะเอวถามหมอนั่นอย่างเอาเรื่อง
“คนอุตส่าห์หวังดีไม่คิดจะรับเอาไว้หน่อยรึไง” จู่ๆ น้ำเสียงของวิกเตอร์ก็อ่อนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย..คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังเรอะ -_-
“ฉันไม่ต้องการ เข้าใจมั้ย..ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการความหวังดีของนาย!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!”
วิกเตอร์ตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนที่เขาจะถลาเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว ฉันที่ตั้งตัวไม่ทันจึงโดนแรงกระแทกของเขาล้มลงบนเตียงทันที หมอนั่นไม่รอช้าใช้จังหวะชุกละหุกตอนนี้รวบมือทั้งสองช้างของฉันเอาไว้ก่อนจะตรึงเอาไว้เหนือศีรษะให้หมดทางขัดขืน
“ปล่อยฉันนะวิกเตอร์..ฉันหนัก” ไม่ใช่แค่หนักอย่างเดียวนะ ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกแสบๆ แผลทีสีข้างแล้วล่ะ ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้แผลได้ติดเชื้อแน่ๆ
“อย่ามาสำออยให้ฉันเห็น มันเสนียดลูกตา” ฉันกัดฟันอย่างเจ็บใจ หมอนั่นชักจะด่าฉันแรงเกินไปแล้วนะ
“ฉันไม่ได้สำออย..ปล่อยฉันได้แล้ววิกเตอร์”
“เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว อย่าลืมสิ”
“ฉันจะยอมคุยกับนายก็ต่อเมื่อนายลุกไปจากตัวฉันแล้วฉันกับนายต่างก็ทำแผลกันเรียบร้อยแล้วเท่านั้น”
วิกเตอร์หรี่ตามองฉันจนเกือบจะเป็นเส้นตรง นี่หมอนั่นจะคิดอะไรนักหนาเนี่ย ไม่นานหมอนั่นก็พยักหน้าลงเบาๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจก่อนจะลุกจากตัวฉันแล้วเดินหายเข้าไปในครัว แล้วเดินกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล
“เอาไป รีบทำแผลซะ ฉันไม่อยากรอนาน -_-” ฉันรับกล่องปฐมพยาบาลมาจากวิกเตอร์อย่างว่าง่าย ก่อนจะถามเขาด้วยความห่วงใย หมอนั่นเองก็มีแผลเหมือนกันนี่นา..ถึงจะเล็กน้อยก็เถอะ
“นายเองก็มาทำแผลด้วยกันสิ”
“ก็นี่ไง ฉันรอเธออยู่เนี่ย..ที่ฉันเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้เธอก็เพราะฉันจะให้เธอทำแผลให้ฉัน -_-;”
ฉันอ้าปากเหวออย่างงงๆ นี่หมอนั่นไม่ได้เอามาให้ฉันทำแผลของตัวเองหรอกเหรอ?
“นี่นายไม่ได้เอามาให้ฉันหรอกเหรอ?”
“ก็เออ ฉันเอามาให้เธอ..ให้ทำแผลให้ฉัน จะเริ่มได้ยังเนี่ย แสบแล้วนะเว้ย -_-;” ค่ะ แสบ! แล้วฉันล่ะไม่แสบสักนิดเลยใช่มั้ย -_-* ฉันเปิดกล่องปฐมพยาบาลเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์อย่างกระแทกกระทั้น แต่ก่อนที่จะได้ใช้มันจิ้มหน้าหมอนั่นวิกเตอร์ก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“เบาๆ -_-”
“ชิ! -^-” ฉันทำปากยื่นให้หมอนั่นก่อนจะใช้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์เช็ดแผลที่มุมปากของเขาอย่างเบามือที่สุด หมอนี่ถึงจะโดนรุ่นพี่ทั้งสองรุมแต่เขาก็เจ็บไม่มากไม่เหมือนพี่บอยกับเพื่อน วิกเตอร์แค่หัวแตก (นิดหน่อย) คิ้วแตกและปากแตก..หมอนี่ชอบหาเรื่องชาวบ้านเขาจริงๆ เลย -_-^
“คราวหน้าก็เอาให้หนักกว่านี้สิ จะได้ถูหามเข้าโรงพยาบาลหยอดน้ำข้าวต้มไปเลย -_-”
“...” น่าแปลกที่คราวนี้วิกเตอร์ไม่ตอบโต้กลับมา แต่ว่าช่างมันเถอะ หมอนั่นอาจจะเจ็บปากก็เลยไม่อยากพูดก็ได้
“นายไปต่อยรุ่นพี่คณะฉันแบบนี้ พรุ่งนี้เข้าค่ายเฟรชชี่แล้วฉันจะมองหน้าเขาติดมั้ยเนี่ย” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ มือก็ทำแผลให้หมอนั่นไปพลาง จากล้างด้วยแอลกอฮอล์ก็กลายมาเป็นทาด้วยเบตาดีนแทน ปกติฉันไม่เคยทำแผลให้ใครหรอกนะ พี่ชายฉันก็ไม่มี พ่อก็ไม่บ้าจี้ไปหาเรื่องใครให้เป็นแผลหรอก จะมีก็แต่หมอนี่เป็นคนแรกนี่ล่ะ ก็ดีเหมือนกันหมอนี่จะได้เป็นหนูทดลองประสิทธิภาพของการปฐมพยาบาลของฉัน ฮะฮ่าๆ =_=;
“...”
“...” เมื่อเห็นว่าหมอนั่นยังเงียบฉันก็ขี้เกียจจะพูดอะไรต่อ มือเลื่อนไปหยิบพลาสเตอร์ยาขึ้นมาก่อนจะแปะลงที่ข้างขมับของเขาอย่างเบามือ จากนั้นก็เลื่อนมาเป็นที่หางคิ้วของเขาก็เป็นอันเสร็จ
“เรียบร้อยแล้วล่ะ!”
ฉันยิ้มออกมากับผลงานของตัวเองก่อนจะเลื่อนมือออกจากใบหน้าของวิกเตอร์อย่างเสียดาย..แล้วนี่ฉันไปเสียดายอะไรขึ้นมาอีกละนั้น -_-// ฉันเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเสร็จงานแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของหมอนั่นที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว ฉันจ้องหน้าวิกเตอร์อย่างงงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะจ้องหน้าฉันไปทำไม ไม่นานฉันก็เริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของเขาเลื่อนเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าขืนยังจ้องหน้ากันอยู่ต่อไปจะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ฉันก็เลยเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาแทน แต่วิกเตอร์ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ เขาเลื่อนมือมาจับใบหน้าของฉันเอาไว้แล้วใช้นิ้วเชยคางของฉันขึ้นก่อนจะก้มลงมากระซิบเบาๆ ข้างหูของฉันว่า
“ขอบใจนะ”
ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นกับดักของเขาก็สายไปแล้ว เมื่อวิกเตอร์บดเบียดริมฝีปากของเขาลงมาบนริมฝีปากของฉันอย่างรุนแรง นี่เขาคิดจะลงโทษฉันที่ทำให้เขาโกรธด้วยวิธีนี้นะเหรอ..เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะ เมื่อรู้ว่าตัวเองหมดทางขัดขืนเขาฉันก็ผ่อนลงหายใจออกมาแล้วจูบตอบเขากลับไป วิกเตอร์ครางออกมาอย่างพอใจในการกระทำของฉัน เขาใช้มือข้างที่เหลือรวบร่างของฉันไปกอดให้แน่นขึ้นราวกับว่าฉันจะหายไปถ้าปล่อยมือออกจากร่าของฉัน..
หมับ เฮือก!
ฉันสะดุ้งก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อจู่ๆ มือของวิกเตอร์แตะมาโดนแผลที่สีข้างของฉัน โดยไม่ต้องคิดมือของฉันก็ผลักเขาออกไปทันทีก่อนจะเลื่อนมากุมแผลของตัวเองเอาไว้
“เธอบาดเจ็บ”
“ก็เออนะสิ” ฉันตอบวิกเตอร์ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ นี่หมอนั่นไม่รู้รึไงเนี่ยว่าฉันโดนแทง -_-;
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน..ดูสิ เจ็บมากมั้ยนั้นนะ” วิกเตอร์ทำท่าจะยื่นมือเข้ามา แต่ฉันปัดมือเขาออกไป ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว หมอนั่นไม่รู้เลยสักนิด ฉันก็งอนเป็นเหมือนกันนะโว้ย
“ไม่ต้องเลยนะ คนอื่นเขารู้ทั้งมหา’ลัยมีแต่นายคนเดียวที่ไม่รู้ว่าฉันบาดเจ็บ..ช่างเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมาก”
“พูดมากแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บแผลอีกหรอก..มา ไหนดูซิ เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้เอง” ฉันขยับตัวหนีทันทีเมื่อวิกเตอร์จะเข้ามาทำแผลให้ฉันจริงๆ หมอนั่นจะบ้ารึไงเนี่ย..แผลที่ถูกแทงอยู่ห่างจากฐานอกไม่ถึงคืบ เขาคิดเหรอว่าฉันจะบ้าจี้ให้เขาทำแผลให้นะ..ไม่มีทาง T_T
“ฉันทำเองได้หน่า นายจะไปไหนก็ไปไป๊”
“ฉันจะทำให้เอง เธอจะดื้อไปทำไมเนี่ย -_-;” วิกเตอร์พูดออกมาอย่างมีน้ำโหก่อนจะจับแขนฉันเอาไว้ไม่ให้หนี
“ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย แผลของฉันฉันทำเองได้ ไม่ต้องพึ่งนายให้เสียเวลาหรอก” ฉันพยายามอธิบายให้หมอนั่นฟังด้วยเสียงอ่อยๆ แต่นอกจากเขาจะไม่ฟังฉันแล้วเนี่ยเขายังจะพูดให้ฉันช็อคอีกต่างหาก
“ถอดเสื้อ”
“หะ..หา O_O”
“ฉันบอกให้ถอดเสื้อ” แทนที่จะถอดฉันกลับกำคอเสื้อเอาไว้อย่างแน่นหนาพร้อมๆ กับมองวิกเตอร์อย่างระแวง หมอนั่นคิดจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ยหวังว่าไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายฉันหรอกนะ
“ถอดให้โง่อะดิ ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดอะไรอยู่นะ -_-;”
“จะถอดเองหรือให้ฉันถอด -_-” วิกเตอร์พร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหาฉัน ฉันมองเขาอย่างตกใจก่อนจะถอดกรูดไปชนกับหัวเตียง นี่หมอนั่นไม่คิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่มั้ย Y_Y
“นายก็บอกฉันมาสิว่าจะให้ฉันถอดทำไม T_T” แง้! ทำไมฉันต้องกลัวหน้าตาท่าทางของหมอนั่นด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ TT_TT วิกเตอร์มองฉันด้วยสายตาเอือมระอาก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งปลายเตียง
“เธอโง่หรือแกล้งโง่กันแน่รันเวย์ -_- ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ..ถอดเสื้อ!”
“แง้! TT^TT” ฉันเผลอกรีดร้องออกมาก็ใครใช้หมอนั่นทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นล่ะ ฮือๆ ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันยังไม่อยากถูกหมอนั่นจับถอดเสื้อน้า T^T
“-_-”
“เดี๋ยวเซ่! ให้ฉันไปเปลี่ยนในห้องน้ำก่อนสิ T^T” หมอนั่นยังคงมองฉันด้วยสายตาเอือมระอาเหมือนเดิมก่อนจะชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำ เท่านั้นล่ะฉันก็รีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องให้เขาชี้เป็นครั้งที่สอง พอฉันเข้ามาในห้องน้ำปุ๊บก็ล็อคห้องอย่างแน่นหนาปั๊บแต่แล้วเสียงมารๆ ของวิกเตอร์ก็ดังเข้ามา
“ห้านาที ฉันให้เวลาเธอห้านาที ถ้าเกินกว่านี้ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอรึเปล่า” แง้! ขนาดอยู่ในห้องน้ำหมอนั่นก็ยังตามมารังควานฉันอีก T^T
ห้านาทีผ่านไป
ในที่สุดฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ใช่ว่าฉันจะเดินออกมาแบบโป๊ๆ เปลือยหรอกนะ..ไม่มีทาง ฉันเลือกที่จะถอดเสื้ออย่างเดียวแล้วเอาผ้าขนหนูมาพันรอบอกเอาไว้โชว์เฉพาะส่วนที่เป็นบาดแผลลงไป หมอนั่นจะได้แอ้มฉันก็คราวนี้เท่านั้นล่ะ วันอื่นอย่างหวังไปเลย -_-;
“ออกมาแล้วเหรอ..ฉันใช้ให้เธอไปถอดเสื้อไม่ใช่ให้ไปผลิตเสื้อ นานฉิบ -_-” หมอนั่นบ่นออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะกวักมือเรียกฉันไปหาเขาที่เตียง
“ฉันก็ออกมาแล้วนี่ไง นายจะบ่นอะไรอีกล่ะ” ฉันบ่นอุบอิบแต่ไม่วายโดนหมอนั่นตอกกลับมาอีก
“ไม่ต้องมาบ่นเลย ไปนอนบนเตียงนู่นไป”
“หะ..หา?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองวิกเตอร์อย่างตกใจ มะ..เมื่อกี้หมอนั่นไม่ได้พูดใช่มั้ยว่าให้ฉันไปนอนที่เตียง ฉันหูฝาดไปเองใช่มั้ย T_T แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำลายความคิดแบบนั้นของฉันไปจนสิ้นซาก ฮือๆ ไม่รู้จะตอกย้ำไปทำไม T^T
“ก็บอกให้ไปนอนที่เตียง นอนตะแคงข้างนะ เข้าใจมั้ย หรือว่าต้องให้ฉันอุ้มไปส่งเธอถึงจะเข้าใจ”
“มะ..ไม่ต้อง ไอ้บ้า -_-//” ฉันตอบวิกเตอร์กลับไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำก่อนจะเดินขึ้นเตียงแล้วนอนตะแคงข้างอย่างที่เขาให้ทำ ไม่นานหมอนั่นก็เดินขึ้นมาพร้อมๆ กับกล่องปฐมพยาบาลแล้วก็เสียงบ่นงี่เง่าของหมอนั่น
“ถ้าคราวหน้าเธอทำแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันจะตีก้นเธอให้ลายเลยคอยดู” นะ..หน้ากลัว หมอนั่นจะมาตีก้นฉันได้ยังไงกันล่ะเนี่ย พอฉันจะอ้าปากถามก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาใช้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์เช็ดลงบนแผลของฉันอย่างแรง อ๊ากกก~ ซี้ดดด~ นี่เขาจะฆ่าฉันทางบาดแผลรึไงเนี่ย!
“โอ๊ย เบาๆ หน่อยสิวิกเตอร์ ขืนมือหนักแบบนั้นฉันได้ตายคามือนายพอดี”
“หุบปากไปเลยนะ ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอทำแผลให้ก็บุญแล้ว ยังจะมาบ่นอีก -0-” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรง ใจหนึ่งก็อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับหมอนั่นแต่อีกใจหนึ่งไม่อยากขัดขวางสมาธิของเขา..ฉันเหลือบตาดูวิกเตอร์ที่กำลังทำแผลให้ฉัน หมอนั่นดูมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เวลาหมอนั่นมีความตั้งใจทำอะไรก็น่าดูไปอีกแบบนะ
“...”
ฉันยังคงมองเขาต่อไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จาปล่อยให้เขาใช้สมาธิกับการทำแผลของฉันต่อไป ท่ามกลางความเงียบก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับฉันช้าๆ ฉันคิดผิดถนัดที่ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคน มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวบริเวณที่นิ้วของวิกเตอร์แตะลงไปบนผิวของฉัน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่แต่มันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นระรัวราวกับมีคนมาตีกลองอยู่ในใจของฉันยังไงยังงั้น.. ตึกตักๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นะ..มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันทั้งๆ ที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันมาก่อน ขนาดกับฟอสหรือพาสเตอร์ฉันก็ยังไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แต่ทำไมกับวิกเตอร์ฉันถึงรู้สึกแบบนี้..หัวใจของฉันมันเต้นระรัวทุกครั้งที่นิ้วร้อนๆ ของเขาสัมผัสลงบนผิวเนื้อของฉัน ร่างกายของฉันมันสั่นระริกด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็บอกไม่ถูก ความดีใจผุดขึ้นมาในหัวใจของฉันอย่างเงียบเชียบมันผสมผสานไปพร้อมๆ กับความหวงแหนความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ..นี่ฉันห่วงแหนอะไร? อยากเป็นเจ้าของใคร?..วิกเตอร์งั้นเหรอ..ทำไม ทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นกับฉันทั้งๆ ที่มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ฉันกับเขาร่วมงานกันได้ไม่นานเองนะและไม่แน่ว่าใครคนใดคนหนึ่งอาจจะอายุสั้นไปกับการทำภารกิจครั้งนี้ ไม่การล่ะ..ฉันจะต้อง..ต้องกำจัดความรู้สึกแบบนั้นออกไปให้พ้นๆ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา..
“จะจ้องฉันอีกนานมั้ยรันเวย์” จู่ๆ วิกเตอร์ก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันที่กำลังจ้องหน้าเขาถึงกับเสหลบสายตาของเขามาทัน
“อะ..อะไร ใครจ้องนายกัน คิดไปเองรึเปล่า -0-//” ฉันก้มหน้าลงบังคับสายตาให้จดจ้องอยู่ที่แผลไม่ให้เงยหน้าขึ้นชำเลืองมองวิกเตอร์
“คนทำผิดมักไม่ยอมรับสารภาพ” ฉันไม่รูว่าวิกเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ายังไงแต่ฉันรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของนิ้วของเขา หลังจากที่ใช้เบตาดีนฆ่าเชื้อแล้วเขาก็เอาผ้าก็อซมาปิดแผลให้ฉัน เมื่อเสร็จสิ้นการทำแผลแทนที่นิ้วเรียวยาวของเขาจะละออกไปมันกลับไต่ไปบนเอวของฉันเรื่อยๆ ความร้อนวูบวาบที่นิ้วของเขาสัมผัสมันมีอิทธิพลกับฉันอย่างมาก ฉันพยายามจะเปล่งเสียงร้องห้ามเขาแต่กลับไม่มีเสียงผ่านออกมาจากริมฝีปากของฉันเลยแม้แต่น้อย นิ้วของวิกเตอร์ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงขอบผ้าขนหนูและดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากหยุดเอาไว้แค่นั้น นิ้วเรียวของเขาพยายามจะแทรกซอนเข้ามาในผ้าขนหนูให้ได้
“อย่า..” ฉันร้องห้ามก่อนจะตะครุบมือของเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะได้ล่วงเกินฉัน
“แผลเสร็จแล้ว เข้าไปเช็ดตัวเถอะ อย่าอาบน้ำล่ะเดี๋ยวแผลจะติดเชื้อ”
วิกเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะลุกออกไปจากฉันอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อน เขาไม่หันมามองฉันเลยแม้แต่น้อยกลับมุ่งตรงไปที่ระเบียงห้องแทน..หมอนั่นเป็นอะไรขึ้นมานะ นึกจะดีก็ดีนึกจะร้ายก็ร้าย เป็นคนเข้าใจยากจริงๆ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป..เช็ดตัวเสร็จก็ต้องมาเก็บเสื้อผ้า เตรียมตัวไปเข้าค่ายสำหรับพรุ่งนี้ เฮ้อ..ชีวิตนี้ยุ่งยากจริงๆ
เช้านี้พอมาถึงมหา’ลัยปุ๊บฉันก็รีบตรงดิ่งมาที่คณะของตัวเองทันที ก่อนจะรีบขอโทษขอโพยพี่บอยกับเพื่อนๆ อีกสองคนทันที แถงยังใจดีขอโทษแทนวิกเตอร์ให้อีกต่างหาก -_- ขืนให้หมอนั่นมาขอโทษเองก็คงจะมีแต่หมัดกับเข่ามากกว่าคำว่าขอโทษเป็นแน่
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้องเวย์พี่เข้าใจ ผู้ชายก็มักจะหึงแฟนตัวเองแบบนี้ละ น้องเวย์ทั้งสวยทั้งน่ารักแบบนี้จะไม่ให้แฟนหึงก็คงจะแปลก ^^#”
“ขอบคุณค่ะพี่บอย” นี่โชคดีนะที่พี่บอยไม่เอาเรื่องหมอนั่น ไม่อย่างนั้นฉันคงมองหน้ารุ่นพี่เขาไม่ติดแน่ๆ
“เออว่าแต่น้องเวย์เป็นยังไงบ้างละ เมื่อวานโดนแทงไม่ใช่เหรอ O_O”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ เมื่อวานวิกเตอร์ช่วยทำแผลให้แล้ว โดนแค่ถากๆ สองสามวันก็หาย” ฉันพูดไปขณะเดินไปที่รถทัวร์แล่แล้วก็ต้องชะงักขาหันมามองพี่บอยกับพี่หนิงทันที อะไรกัน ทำไมเมื่อฉันพูดจบทุกคนถึงได้เงียบกันแบบนี้ล่ะ
“ทุกคนมีอะไรกันรึเปล่าค่ะ =_=”
“พะ..พวกพี่ไม่มีหรอก แต่คนที่อยู่ด้านหลังน้องเวย์น่าจะมี =_=” ฉันมองพี่บอยอย่างงงๆ ก่อนจะหันกลับมามองด้านหลังจองตัวเองแล้วสายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับมนุษย์สามคนที่ยืนเรียงกันอยู่..วิกเตอร์ยืนมองฉันด้วยสีหน้าทะมึงทึง พาสเตอร์กำลังยิ้มยียวนให้ฉัน ส่วนบลูมโชว์ยิ้มกว้างให้ฉันในขณะที่มือกำลังคล้องแขนพาสเตอร์อยู่ =_=;
“พวกนาย..”
หมับ
ฉันยังพูดไม่ทันจบวิกเตอร์ก็เดินเข้ามาคว้ามือแล้วลากขึ้นรถทัวร์ทันที ฉันหันไปมองพาสเตอร์กับบลูมอย่างงงๆ นี่หมอนั่นไปโมโหอะไรมาอีกล่ะเนี่ย พอขึ้นมารถทัวร์ปุ๊บทุดคนบนรถทัวร์ก็หันมามองเราสองคนทันที เอ่อ..ฉันอยากจะบอกว่าพวกเรากำลังจะออกเดินทางกันแล้วละ =_= วิกเตอร์มองหาที่นั่งว่างๆ ก่อนจะลากฉันเข้าไปนั่งโดนผลักฉันเข้าไปนั่งชิดริมหน้าต่างตัวหมอนั่นเลือกนั่งด้านนอกเอง ไม่นานพาสเตอร์กับบลูมก็ขึ้นมานั่งตรงข้ามกับที่นั่งเราสองคน บลูมเองก็โดนเหมือนฉัน ยัยนั่นถูกพาสเตอร์ผลักเข้ามานั่งด้านในก่อนที่พาสเตอร์จะนั่งด้านนอก พวกเขาอยู่คณะวิศวะฯ ทำไมถึงได้มานั่งรถคณะสังคมฯ ล่ะ รุ่นพี่คณะวิศวะฯ ไม่ว่าเอารึไง
“ทำไมพวกนายสองคนถึงได้มานั่งรถคณะฉันเนี่ย -_-;”
“รุ่นพี่คณะเธอยังไม่ว่าแล้วเธอจะมาบ่นทำไมเนี่ย -_-” วิกเตอร์พูดออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะดึงกระเป๋าสะพายของฉันไปรื้อค้นหาอะไรบางอย่าง
“นี่นายจะมาค้นกระเป๋าฉันทำไมเนี่ยวิกเตอร์” ฉันยื่นมือออกไปหมายจะแย่งกระเป๋าคืนแต่โดนหมอนั่นตีมือเอาไว้ก่อน นั้นมันกระเป๋าของฉันแล้วฉันไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เฉยเถอะหน่า” ไม่นานหลังจากคุ้ยกระเป๋าสะพายของฉัน หมอนั่นก็หยิบเอาไอพอดของฉันออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็โยนกระเป๋าสะพายมาให้ฉันอย่างหมดความหมาย เออแฮะ..พอได้สิ่งที่ต้องการกระเป๋าขอบฉันก็หมดความหมายไปในบัดดลสินะ -_-^
“ของนายเองก็มีทำไมไม่เอาขึ้นมาละ -_-”
“ขี้เกียจ” ค่ะ มันเป็นคำตอบที่ดีมาก =_= หมอนั่นพูดจบก็เสียบหูฟังเข้าหูตัวเองแต่ก็ยังไม่วายเอาหูฟังอีกข้างมาเสียบเข้าที่หูของฉันอย่างแรง เฮอะ..หมอนั่นช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน
“นายนี่น้า~” ฉันบ่นหมอนั่นออกมาเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอน เส้นทางยังอีกยาวไกล เฮ้อ..
“นอนฟังเพลงไปเงียบๆ เถอะหน่า ขืนบ่นอีกเดี๋ยวฉันก็จับปิดปากซะหรอก” วิกเตอร์บ่นออกมาก่อนจะเอนหัวมาพิงไหล่ฉันอย่างถือวิสาสะ ไม่นานรถก็เริ่มออกเดินทางออกจากมหา’ลัยสู่เส้นทางที่จะไปกาญจนบุรีสถานที่เข้าค่ายเฟรชชี่ครั้งนี้ หวังว่าการรับน้องคงจะไม่โหดหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องอธิบดีการจริงๆ ด้วย -_-^
กาญจนบุรี 21.45 น.
“น้องๆ คณะสังคมฯ ทุกคนครับ! ตอนนี้พวกเราถึงกาญจนบุรีกันแล้วนะครับ ตื่นกันได้แล้วละครับ..น้องๆ คณะสังคมฯ ตื่นกันได้แล้วครับ!!”
“อืม” ฉันครางออกมาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านล่าง แล้วก็ต้องลืมตาโพลงขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรร้อนๆ แตะลงบนริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบา
“นาย” สิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นมาคือใบหน้าหล่อเหลาของวิกเตอร์ที่อยู่ใกล้ใบหน้าของฉันมาก
“ตื่นแล้วเหรอยัยแมวเซา” วิกเตอร์กระเซ้าฉันด้วยใบหน้ายียวนก่อนจะพยุงฉันลุกขึ้น สายตาของฉันเหลือบไปเห็นพาสเตอร์ที่กำลังอุ้มบลูม หมอนั่นหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะอุ้มบลูมลงไป วิกเตอร์แตะข้อศอกฉันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้ลงไปจากรถ ในที่สุกพวกเราก็ถึงกาญจนบุรี เวลาในการเดินทางอันยาวนานนั่นเปรียบเหมือนขุมนรกที่กักขังฉันเอาไว้กับที่นั่งบนรถทัวร์ จะลุกไปไหนก็ไม่ได้ เมื่อยตัวชะมัด T^T
“รันเวย์ฉันฝากบลูมด้วยก็แล้วกันนะ อีกเดี๋ยวจะมีการจับฉลากเลือกกลุ่ม พวกฉันสองคนต้องกลับไปที่คณะก่อน ป่านนี้พวกรุ่นพี่คงจะเริ่มเช็คชื่อกันแล้วล่ะ” พาสเตอร์หันมาพูดกับฉันพร้อมๆ กับปล่อยร่างของบลูมลงให้ฉันพยุงแทน หมอนั่นทำหน้าที่บอดี้การได้ดีชะมัด
“อืม พวกนานรีบกลับไปที่คณะเถอะเดี๋ยวรุ่นพี่จะเทศน์เอา” หมอนั่นยิ้มบางๆ ให้ฉันก่อนจะหันไปตบไหล่วิกเตอร์เป็นเชิงให้รีบไปที่คณะ วิกเตอร์ยังจ้องฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมเดินจากไปพร้อมๆ กับที่พี่บอยที่ส่งเสียงเรียกนิสิตคณะสังคมฯ ให้ไปรวมตัวกัน ฉันยิ้มตามหลังวิกเตอร์ไปแล้วพยุงบลูมที่หลับปุ๋ยไปรวมตัวกับคนอื่นๆ
“เอาล่ะๆ นิสิตปีหนึ่งคณะสังคมฯ ทุกคน ตอนนี้พวกเราทุกคณะก็มาถึงกาญจนบุรีกันแล้วนะครับ อีกประเดี๋ยวจะมรกี่จับฉลากเลือกกลุ่มกัน แต่ตอนนี้พวกเราต้องรอให้พวกพี่ๆ เขาเตรียมความพร้อมกันสักครึ่งชั่วโมงก่อนนะ”
เมื่อพี่บอบพูดจบก็มีเสียงโห่ร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะเงียบหายไปในที่สุด เฮ้อ..ขืนให้รอกันอีกครึ่งชั่วโมงมีหวังพวกเราคงหลับกู่ไม่กลับแน่ๆ -_- สภาพนิสิตปีหนึ่งทุกคนตอนนี้ดูไม่ได้เลย -_- บางคนตาเยิ้มอยากจะหลับ บางคนก็หลับไปน้ำลายย้อยไป บางคนที่ตาแข็งหน่อยก็นั่งจดจ้องอยู่กับพี่บอยแต่สภาพมันเหมือนซอมบี้เต็มทน -_-;
“พี่เข้าใจนะว่าน้องๆ อยากจะนอนพักผ่อน พี่เองก็เหมือนกันอยากจะนอนกับเต็มทนแล้วแต่ก็ต้องอดทนเพราะภารกิจของคืนนี้ยังไม่เสร็จสิ้น ในระหว่างที่รอรุ่นพี่เขา พี่ก็จะอธิบายภารกิจของคืนนี้ให้น้องๆ ฟังกันอีกรอบก็แล้วกันนะ
“ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าต่อจากนี้จะมีการหยิบลากเลือกลุ่ม แต่ละกลุ่มเนี่ยก็จะมีกันสี่คนแล้วก็จะมีพี่สตาฟฟ์ที่คอยดูแลอีกกลุ่มละสองคนที่มาจากต่างคณะกัน ทุกคนในกลุ่มก็จะร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันจนกว่าจะเดินทางกลับมหา’ลัย เรียกได้ว่าอยู่กินกันตลอดสามวันก็ราวๆ เจ็บสิบสองชั่วโมงที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกัน คืนนี้หลังจากการวมกลุ่มกันแล้ว พี่สตาฟฟ์ของแต่ละกลุ่มก็จะแยกเต็นท์ให้กลุ่มละสองเต็นท์แล้วก็จะให้แต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็นคู่ๆ ทั้งหมดสองคู่เพื่อจะนอนร่วมเต็นท์กัน เมื่อผ่านคืนนี้ไป
“พรุ่งนี้ตีสี่ทุกคนจะต้องมาเจอกันที่สนามแห่งนี้เพื่อเริ่มทำภารกิจต่อไป..น้องๆ ก็คงจะทารบกันแล้วว่าตลอดระยะเวลาอีกสามวันที่พวกเราจะน้องอยู่ร่วมกันเนี่ยจะมีกิจกรรมอะไรกันบ้าง ใครยังไม่รู้ยังไม่ทราบก็ถามพี่ๆ สตาฟฟ์ของกลุ่มได้หรือจะดูรายละเอียดในเอกสารที่พวกพี่ๆ แจกให้เมื่อวานก็ได้นะครับ"
ฟู่ววว์~
“ถอนหายใจอะไรเหรอเวย์” ฉันหันไปมองหน้าบลูมทันทีที่ได้ยินเสียงยัยนั่น บลูมมองฉันด้วยสายตางงๆ ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆ
“เปล่าหรอก ว่าแต่เธอเถอะตื่นนานแล้วเหรอ”
“ก็ไม่นานหรอก เออว่าแต่พวกพี่ๆ เขาให้จับฉลากกันรึยังเนี่ย”
บลูมหันไปมองรอบๆ ตัวอย่างสนใจ ฉันว่ามันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา มีแต่พวกกำลังหลับแล้วก็พี่บอยที่กำลังแหกปากพูดปาวๆ อยู่ มันน่าสนใจตรงไหนนะ?
“ยังเลย กำลังรอให้พวกพี่ๆ ที่จัดฉลากเตรียมพร้อมกันก่อนนะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงให้หยิบกันแล้วละ” นั่นไง ฉันพูดยังไม่ทันขาดคำ พวกพี่ๆ เขาก็เอาฉลากมาให้หยิบกันแล้ว
“เอาละ ตอนนี้ลากก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ๆ เขาจะเดินไปให้พวกน้องๆ หยิบกันนะ..หยิบแล้วก็เปิดดูได้แต่อย่างเพิ่งไปไหนล่ะ เดี๋ยวคณะอื่นๆ ก็ตามมาสมทบกับพวกเราที่นี่แล้วทางพวกพี่ๆ ก็จะประกาศหมายเลขเอง ขอให้น้องๆ อยู่ในความสงบด้วยก็แล้วกันนะครับ” ทันทีที่พี่บอยพูดจบยัยบลูมก็หันมาเขย่าแขนฉันทันใด -_-^
“บลูมตื่นเต้นจังเลยเวย์ ไม่รู้ว่าเราสองคนจะได้อยู่กลุ่มเดียวกันรึเปล่า >_<”
“ฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันละหน่า เดี่ยวจับได้หมายเลขอะไรก็รู้เองละ” ฉันจับมือบลูมเอาไว้ก่อนยิ้มให้อย่างปลอบใจ ไม่นานพวกรุ่นพี่เขาก็เดินมาถึงแถวของฉัน เราสองคนหันมามองหน้ากันทันทีก่อนจะล้วงมือลงไปหยิบฉลากด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ฉันกับยัยนั่นจะได้อยู่กลุ่มด้วยกันมั้ยเนี่ย >_<
“เปิดดูพร้อมๆ กันเลยนะเวย์..หนึ่ง สอง สาม!”
พึ่บ!
ฉันมองหมายเลขในฉลากด้วยหัวใจที่สั้นระทึก ฉันได้หมายเลขศูนย์-สาม-หก ยัยนั่นจะได้เลขอะไรนะ
“ศูนย์-สาม-หก เหมือนกันมั้นเวย์”
งึกๆ
มือที่ถือกระดาษของฉันสั่นระริกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ หะ..ให้ตาย นี่ฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกับยัยนั่นเหรอเนี่ย!
“ศูนย์-สาม-หก เหมือนกัน! อ๊ายยย!!” ฉันโผเข้ากอดยัยบลูมด้วยความดีใจ กรี๊ดดด!! ฉันมีเพื่อนในกลุ่มหนึ่งคนแล้ว! จะเหลืออีกแค่สองคน อยากรู้จริงๆ ว่าสองคนนั้นจะเป็นใคร >0<
“ทีแรกฉันนึกว่าเราสองคนจะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันซะอีก แต่พอได้มารู้แบบนี้ฉันก็โล่งอกแล้วละ” ฉันพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้บลูม สองคนที่เหลือฉันอยากให้หนึ่งคนในนั้นเป็นวิกเตอร์ชะมัด..ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงอยากให้เป็นเขา แค่ถ้าเป็นหมอนั่นก็น่าจีดีอยู่หรอก //
“อืมๆ บลูมเองก็โล่งอกเหมือนกัน สองคนที่เหลืออยากให้เป็นพาสเตอร์กับวิกเตอร์จัง >_<” ฉันกับบลูมยังคงนั่งยิ้มแป้นอยู่อย่างนั้นจวบจนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา..ทุกคณะมารวมตัวกันนั่นเองละ ต่อจากนี้ฉันก็จะได้รู้แล้วสินะว่าสมาชิกอีกสองคนที่เหลือจะเป็นใคร >_<
“เอาละครับ ต่อจากนี้พวกพี่ก็จะเริ่มประกาศหมายเลขกลุ่มกันแล้วนะครับ”
2 ชั่งโมงกับอีก 30 นาทีต่อมา
T_T ฮือๆ สิ่งที่วาดฝันไว้พังหมด สมาชิกสองคนที่เหลือไม่ใช่พาสเตอร์กับวิกเตอร์แต่อย่างใด ไม่รู่ว่าไอ้หน้าหม้อที่ไหนได้หมายเลขเดียวกับฉัน ฮือๆ
“เอ่อ..พวกเธอชื่ออะไรกันเหรอ พวกเรายังไม่รู้จักกันเลยนะ ^^” ฮือๆ ฉันจำได้แล้ว ไอ้หน้าหม้อคนแรกมันคือไอ้หน้าหม้อเมื่อวานที่บังอาจมาสะกิดถามชื่อของฉัน อ๊ากกก! เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ยทำไมถึงต้องมาเจอกับหมอนั่นอีก กระซิกๆ T^T
“นั่นสิๆ พวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานเลย รู้จักชื่อกันเอาไว้ก่อนน่าจะดี ^^;” ฉันหันไปมองไอ้หน้าหม้อสองคนนั้นด้วยสายตาเขียวปั๊ด ใครก็ได้ช่วยส่งพาสเตอร์กับวิกเตอร์มาทีแล้วเอาไอ้สองตัวนี่ออกไป ฮึกๆ ฉันไม่ต้องการพวกมัน T^T
“เอาไงดี..” เสียงของบลูมขาดห้วงไปเพราะเสียงของพี่สตาฟฟ์ประจำกลุ่มเราดังขึ้นมาขัดซะก่อน
“ว่าไงจ๊ะพวกน้องสี่คน ทำไมยังไม่กางเต็นท์กันอีกละจ๊ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสี่”
พี่ฝ้าย..พี่สตาฟฟ์จากคณะสถาปัตย์ฯ มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับพี่ธันวาพี่สตาฟฟ์คณะแพทย์ฯ ที่มาพร้อมกับรังสีพิฆาต..ผู้หญิงเหมือนนางฟ้าใจดีแต่ผู้ชายเหมือนซาตาน โอ้..พี่สตาฟฟ์กลุ่มฉัน TT_TT
“อะ..เอ่อ..” ฉันกับบลูมหันหน้ามามองกันเพื่อขอความคิดเห็น จะให้ฉันบอกพี่ฝ้ายไปรึไงว่าฉันกับยัยบลูมไม่อยากอยู่ร่วมกลุ่มกับไอ้สองตัวหน้าหม้อนั่นนะ
“ว่าไงจ๊ะ?” พี่ฝ้ายยังคงถามด้วยรอยยิ้มสดใสที่ทำให้โลกสดชื่นขึ้น แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มนั่นมันสร้างความกดดันขึ้นมาวะ T_T
“เอ่อ..คือ..”
“ยัยทางด่วน -_-” ฉันที่กำลังมองหน้าพี่ฝ้ายกับพี่ธันวาอยู่นั้นก็หันหลังขวับไปมองตามเสียงเรียกทันที..น้ำตาเกือบจะไหลลงมาเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉัน..สวรรค์ส่งหมอนั่นมาช่วยฉันจริงๆ U_U
“พาส”
หมับ
บลูมเมื่อมองเห็นพาสเตอร์ก็ไม่รอช้า ยัยนั่นกระโดดเข้าไปกอดคอพาสเตอร์ทันที พาสเตอร์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกอดตอบบลูมแต่โดยดี ฉันเองก็ดีใจไม่ต่างไปจากยัยนั่นหรอก แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ขืนทำแบบบลูม หมอนั่นก็ได้ใจกันพอดี ฉันทำท่าจะเดินเข้าไปหาวิกเตอร์แต่เสียงมารๆ ก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
“เฮ้ย! พวกแกสองคนเป็นใครวะถึงได้กล้ามากอดผู้หญิงของพวกเราขนาดนี้” วิกเตอร์ก้มลงมามองฉันสลับกับมองหน้าไอ้พวกหน้าหม้อ ฉันกลัวว่าหมอนั่นจะเข้าใจผิดเลยได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ฉันไม่มีทางตาถั่วไปคว้าเอาไอ้หน้าหม้อพวกนั้นมาเป็นแฟนหรอก!
“ฮึ!” ไม่นานวิกเตอร์ก็ส่งเสียงฮึออกมาจากลำคอก่อนจะแสยะยิ้มออกมาแล้วเดินเข้ามาโอบไหล่ของฉันเอาไว้อย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“ยัยนี่มีแฟนอย่างฉันอยู่แล้วทั้งคน คงไม่ไปคว้าแกเป็นแฟนให้โง่หรอก” ไอ้หน้าหม้อสองตัวนั่นหน้าเจื่อนไปทันทีเมื่อวิกเตอร์พูดจบ ดี! ไอ้พวกนั้นมันจะได้รู้สำนึกซะบ้างถ้าแฟนของฉันพูดออกมาเต็มปาก (อ้าวเฮ้ย! ไปเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย O_O)
“มะ.งมันก็ไม่แน่หรอกโว้ย! บางทียัยนั่นอาจจะเบื่อแกแล้วก็ได้ถึงได้มาหาฉันนะ!” ไอ้หน้าหม้อสองตัวนั่นยังคงเถียงข้างๆ คูๆ เข้าข้างตัวเองไปเรื่อย แต่ทำไมยิ่งพูดฉันยิ่งเสียหายนะ
“ถ้าอย่างนั้นเนี่ยมาวัดกันด้วยหมัดกันมั้ยว่าใครแน่กว่ากัน ถ้าแกเอาชนะฉันได้ฉันจะไม่ขวางแกถ้าแกมาจีบยัยนั่น แค่ถ้าแกแพ้ฉันล่ะก็..อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” วิกเตอร์พูดจบก็ตั้งท่าจะเข้าไปอัดไอ้พวกนั้น ถ้าไม่ติดตรงที่ไอ้สองตัวนั่นคุกเข่าลงอ้อนวอนวิกเตอร์ซะก่อน อะโธ่..นึกว่าจะแน่ -_-
“ผมขอโทษครับพี่ พวกเราสองคนไม่อยากมีเรื่องกับพี่..พี่ปล่อยพวกเราสองคนไปเถอะครับ แล้วพวกเราสัญญาว่าจะไม่กลับมาให้พวกพี่เห็นหน้าอีก T_T”
“เออๆ จะไปไหนก็ไปไป๊แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกล่ะ”
“คร้าบๆ” ขนาดไอ้สองตัวนั้นยอมแพ้ หมอนั่นยังไม่วายหาเรื่องเตะพวกเขาอีก แต่ก่อนที่สองคนนั้นจะไปซะก่อน ฉันก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงตะโกนห้ามเจ้าสองตัวนั่นเอาไว้
“หยุดก่อนพวกนายนะ! ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกนาย” ไอ้สองตัวนั่นหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันอย่างกล้าๆ กลัว แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า
“พวกพี่มีอะไรจะพูดกับพวกผมอีกเหรอครับ T_T”
“กับแกนะไม่มี แต่กับเพื่อนของแก..” ฉันชี้นิ้วไปที่ไอ้หน้าหม้อที่บังอาจมาสะกิดไหล่ฉันเมื่อวาน วันนี้ละฉันจะได้เอาคืนหมอนั่น บังอาจมาสะกิดไหล่ฉันนัก
“ฉันมีแน่..จำได้มั้ยเมื่อวาน แกทำอะไรเอาไว้กับฉัน” ฉันพูดจบไอ้หน้าหม้อนั่นก็ส่ายหัวดิกๆ เออแฮะ..เรื่องเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน วันนี้ลืมไปซะแล้ว
“จำไม่ได้งั้นเหรอ..งั้นก็ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณครับลูกพี่ T^T” ไอ้หน้าหม้อนั่นยกมือไหว้ฉันปรก ๆ ทำท่าจะลุกออกไป แต่คิดเหรอว่าฉันจัยอมให้ไปง่ายๆ นะ คิดผิดไปมั้ง ฉันแสยะยิ้มออกมาก่อนจะวาดขาออกไปเตะเข้าที่ก้านคอของหมอนั่นเข้าอย่างจัง
พลั่ก!
และแล้วร่างของหมอนั่นก็ล้มลงก่อนจะสลบเหมือดคาที่ ไอ้หน้าหม้ออีกคนหันมามองฉันอย่างตกใจ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มหูของวิกเตอร์จะดังขึ้นข้างๆ หูของฉัน
“พาเพื่อนของแกไปซะแล้วไปหากลุ่มหมายเลขศูนย์-สาม-เจ็ด ที่นั่นจะเป็นกลุ่มของพวกแกสองคน” หมอนั่นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะลากเพื่อนของเขาออกไปอย่างลงลาน นี่ฉันจะสงสารหรือสมเพชดีนะ ฉันหันมาหมายจะยิ้มให้วิกเตอร์แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดทวนคำพูดของเขาเมื่อครู่..เมื่อกี้หมอนั่นพูดว่าหากลุ่มหมายเลขศูนย์-สาม-เจ็ด..แสดงว่า
“พวกนายได้หมายเลขศูนย์-สาม-เจ็ดงั้นเหรอ?” วิกเตอร์ก้มลงมามองฉัน เขาขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ แถมยังบ่นออกมาอีกชุดใหญ่
“กลุ่มเวรนั่นมีแต่กระเทย ฉันนี่จะบ้าตายอยู่แล้วถึงได้มาหาเธอแล้งไล่ไอ้พวกนั้นไปไง -_-;” ฉันพยักหน้าช้าๆ แต่ก้ต้องชะงักอีกรอบ เมื่อชุกคิดขึ้นมาได้ หมอนั่นจะย้ายมาอยู่กลุ่มฉันได้เอย่างนั้นเหรอ? พี่สตาฟฟ์จะยอมให้พวกเขาเข้ามา?
“พวกนานจะย้ายเข้ามาอยู่กลุ่มฉันได้ยังไงกัน เดี๋ยวพี่สตาฟฟ์ของพวกนายก็ว่ากันพอดี -_-;” วิกเตอร์ไม่ตอบแต่ทำหน้ามุ่ยแทน พาสเตอร์จึงพูดออกมาแทน
“พี่สตาฟฟ์ของพวกฉันนะไม่เป็นไรหรอก เหลือก็แต่ของพวกเธอเขาจะยอมรึเปล่า” พาสเตอร์พยัดเพยิดไปทางพี่ฝ้ายกับพี่ธันวา ถ้าให้ฉันเดาหมอนั่นคงเป็นกังวลกับพี่ธันว่ามากกว่าพี่ฝ้ายนะ..ซาตานหน้าโหดย่อมเป็นที่เกรงกลัวของคนทั่วไป =_=
“พี่ฝ้าย..ว่าไงค่ะ =_=” ฉันเอ่ยปากถามพี่ฝ้ายออกไป นานทีเดียวก่อนที่พี่เขาจะยิ้มออกมาแล้วก็ตอบออกมาว่า
“ตามสบายจ๊ะ ยังไงซะเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว โดนเฉพาะคู่รักอย่างพวกน้องๆ มักจะสลับคู่กันเองโดยที่พี่สตาฟฟ์ไม่รู้หรือรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้..พี่ก็เข้าใจนะว่าคนรักกันย่อมมีหึงหวงกันบ้างเป็นธรรมดา พวกน้องสองคนมีแฟนสวยๆ น่ารักอย่างน้องบลูมกับน้องเวย์ก็คงจะหึงกว่าคนทั่วไป..เอาละ ตามสบายกันนะจ๊ะ ^^” พี่ฝ้ายยิ้มให้พวกเราอย่างน่ารัก แต่พวกเราไม่ได้ติดจัดที่พี่เขาหรอก พี่ซาตานหน้าโหดต่างหากละ
“ละ..แล้ว..” บลูมบุ้ยปากไปทางพี่ธันวา ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ เมื่อซาตานหน้าโหดตวัดสายตามามองอย่างรู้ทัน
“ธันเขาคงไม่ว่าอะไรหนอก..จริงมั้ย?”
ท้ายประโยคพี่ฝ้ายหันไปถามพี่ธันวา ซาตานหน้าโหดไม่พูดอะไรแต่ใช้สายตามองพวกเราอย่างคมกริบก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากออกมา แล้ว..แล้วก็เดินออกไปซะเฉยๆ =_= สรุปว่าพี่ท่านไม่ว่าใช่มั้ยนั่นนะ =_=; แต่แทนที่พี่ฝ้ายจะพูดให้กระจ่างนางฟ้าใจดีกลับยิ้มออกมาแล้วเดินตามซาตานหน้าโหดไป =_=^
“สรุปว่พี่เขาอนุญาตแล้วใช่มั้ย?” ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปหยิบเต็นท์ขึ้นมาเตรียมกาง วิกเตอร์ทำเหมือนว่ารู่หน้าที่ หมอนั่นเดินเข้ามาหาฉันแล้วฉวยเอาเต็นท์ไปกางแทน..คราวจะเป็นสุภาพบุรุษก็เป็นซะจนน่านับถือแต่ถึงคราวเลวเมื่อไหร่..ก็เลวซะจนน่าถีบ -_-
“ยืนบ๊องอะไรอยู่ละ มาช่วยฉันกางหน่อยสิ เดี๋ยวก็ให้นอนตากยุงข้างนอกซะเลย -_-”
“ชิ!” ฉันสะบัดเสียงใส่หมอนั่นก่อนจะเดินเข้าไปช่วยเขากางเต็นท์อย่างแค้นๆ เมื่อกี้ฉันพูดว่าหมอนั่นเป็นสุภาพบุรุษใช่มั้ย? งั้นช่วยตัดทิ้งไปซะด้วย ยังไงซะหมอนั่นมันก็ซาตานชัดๆ!
(Special: Thanwa Talk)
“เด็กพวกนั้นก็น่าสนใจดีนะ..นายว่ามั้ย?” ฝ้ายที่เดินตามผมมาพูดขึ้น ก่อนจะนั่งลงเคียงข้างผม..จะมาไงดีล่ะจะว่าน่าสนใจก็ถูก แต่ของแบบนั้นมันจะมาพร้อมอันตรายเสมอ จะไว้ใจเลยทีเดียวก็ไม่ได้..ใช้ชีวิตแบบนี้ลำบากชะมัด -_-;
“มีอะไรบ้างละที่เธอไม่เคยสนใจ..ก็คงจะมีแต่ฉันละมั้งที่เธอไม่เคยหันมาเหลียวแล” ผมแอบพูดประชดประชันยัยนั่นออกไปด้วยความหมั่นไส้ อะโธ่..ผู้หญิงเนี่ยใจแข็งเหมือนกันหมดทุกคนรึเปล่านะ -.,-
“ฮะๆ ธัน นายพูดประชดประชันฉันเป็นตั้งแต่เมื่อไหรเนี่ย..หรือว่าหึงฉันขึ้นมาละ หืม?” ยัยนั่นหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเอนศีรษะลงมาซบไหล่ผมอย่างออดอ้อน เฮ้อ..ท่าทางว่าผมจะใจอ่อนกับยัยนั่นอีกแล้วสิหน่า
“ถ้าไม่หึงละสิแปลก ฉันไม่ใช่หัวหลักหัวตอนะเว้ยที่ทนมองเธอยิ้มโปรยเสน่ห์ให้คนอื่นได้นะ -_-;” พูดถึงตอนนี้ก็ฉุน ยัยนั่นชอบโปรยยิ้มให้คนอื่นเขาไปทั่ว บอกทีไรไม่รู้จักจำ..มันน่าจับมาตีก้นให้ลายเลยจริงๆ -_-
“เอาหน่า..ถึงฉันจะยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ใคร แต่ถึงยังไง..ฉันก็มีแต่นายนี่นา” ฝ้ายเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมด้วยสายตาหวายฉ่ำ ยั่งยวนกันถึงขนาดนี้ถ้าไม่จูบยัยนั่นสิแปลก
“พูดได้ดีนี่” ผมกระตุยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะก้มลงจูบยัยนั่นอย่างหนักหน่วงร้อนแรงเหมือนกับไฟปรารถนาที่ลุกโชนขึ้น อ๋า..โชคดะมัดที่ผมกางเต็นท์เอาไว้เรียบร้อยแล้วไม่อย่างนั้นคงขัดอารมณ์น่าดู ผมใช้จังหวะที่ยัยนั่นเผลอช้อนตัวเธอขึ้นเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเข้าไปในเต็นท์อย่างเร่งรีบ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางกางหาสิ่งที่ต้องการด้วยความร้อนรน โชคดีชะมัดที่ผมพาเจ้าสิ่งนั้นมาด้วย..วันนี้ดันแจ็คพอตแตกซะนี่...
(Special:End)
พาสเตอร์บ่นออกมาก่อนจะมองฉันกับวิกเตอร์ด้วยสายตาเอือมระอา ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ใครใช้ให้อีตาบ้านั้นหาเรื่องฉันก่อนละ..เรื่องของเรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกนะ ก็อย่างที่รู้กันว่าวิกเตอร์ให้ฉันไปช่วยเขากางเต้นท์ แต่หมอนั่นเองนะที่หาเรื่องฉันก่อน ฉันก็เลยเอากลับบ้าง..นิดหน่อย (นิดหน่อยที่ว่าเล่นเอาเต็นท์เกือบพังเนี่ยนะ -_-;) แต่เฮ้! จะมาโทษฉันไม่ได้นะ หมอนั่นเป็นฝ่ายผิดต่างหาก
“ถ้านายจะช่วยก็ไม่ต้องบ่นเลยนะ..กางไปสิ ยืนมองอยู่ได้”
“เออ ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะ อย่าให้ถึงคราวฉันบ้างละ” ถึงหมอนั่นจะบ่นออกมากระปอดกระแปดแต่เขาก็ยังมีน้ำใจช่วยฉันกับวิกเตอร์กางเต็นท์ ดูไปดูมา..หมอนั่นก็นิสัยดีเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยว่าฉันจะต้องเปลี่ยนทัศนคติกับเขาแล้วละ
“กางเต้นท์เสร็จเธอต้องนอนกับฉัน -_-” วิกเตอร์เดินมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าไม่ค่อยปกติ ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย เดาใจคนนี่มันลำบากชะมัด -0-
“พูดให้มันดีๆ นะวิกเตอร์ ใครนอนกับใคร พูดอย่าให้มันกำกวมนักสิ เดี่ยวคนอ่านเขาเข้าใจผิดกันพอดี -_-”
“พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย -_-”
“ไม่รู้ละ..ยังไงซะนายก็ต้องนอนกับพาสเตอร์ -_-;”
“พูดให้มันดีนะยัยทางด่วน ฉันไม่เกย์นะเว้ยที่เธอจะมาใช้คำพูดแบบนั้นนะ..ยังไงซะเธอจะต้องนอนกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะเผาเต็นท์มันให้หมดทั้งคณะนี่ละว่ะ” เฮ้อ..นี่ละ นิสัยอีกอย่างของวิกเตอร์ที่ฉันเพิ่งค้นพบมาได้ไม่นานนี่เอง..ถ้าไม่ได้ดั่งใจเมื่อไหร่ หมอนั่นก็จะดื้อไม่ใช่แค่ดื้ออย่างเดียวนะยังเอาแต่ใจอีกต่างหาก เรียกว่าถ้าขัดใจหมอนั่นขึ้นมา..คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยก็จะรับเคราะห์ซวยครั้งนี้ไปทันทีทันใด
“อย่ามาพาลนะวิกเตอร์ คนอื่นเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเราด้วย นายอย่ามาเหมารวมกันหมดสิ”
“ถ้าคืนนี้เธอไม่นอนกับฉัน งั้นก็อย่าหวังเลยว่าคนพวกนั้นจะรอด -0-” วิกเตอร์ใช้นิ้วชี้กราดไปทั่วบริเวณที่มีเต็นท์ตั้งเรียงรายกันอยู่..นี่ถ้าฉันปฏิเสธหมอนั่นไป เขาจะคึกตื่นขึ้นมาเผาเต็นท์รึเปล่าหว่า -0-;
“อะแฮ่มๆ นี่อย่าหาว่าฉันเสียมารยาทเลยนะแต่ฉันว่าพวกเธอน่าจะนอนด้วยกันนะ เพราะฉันยังไม่อยากตายตอนนี้และฉันก็เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็คงไม่อยากสังเวยชีวิตตัวเองที่นี่หรอก” ฉันหันไปมองพาสเตอร์ทันทีที่หมอนั่นโพล่งขึ้นมา..ใช่ว่าฉันจะไม่เห็นด้วยกับเขาหรอกนะ แต่ว่าฉัน..ไม่อยากจะนอนร่วมกับผู้ชายหื่นๆ อย่างหมอนั่นนี่นา T_T ถึงแม้ว่าเราจะต้องนอนร่วมห้องกันอีกนานก็เถอะ T^T
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ ยัยทางด่วนอย่างเธอนี่มันเรื่องมากชะมัด”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยว..” หมอนั่นไม่พูดร่ำทำเพลง ฉวยข้อมือฉันเอาไว้แล้วลากเข้าไปในเต็นท์ทันที บ้าเอ๊ย..อย่างนี้แล้วฉันไม่มีสิทธิ์ขัดขืนใช่มั้ยเนี่ย =_=;
“เธอนะเข้าไปนอนด้านในไป๊ แล้วอย่าคิดหนีไปจากเต็นท์ละ ไม่งั้นคืนนี้ไม่จบแน่” หมอนั่นพูดออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะผลักฉันนอนลง (บนท่อนแขนของเขา เนื่องจากว่าไม่มีหมอน ส่วนกระเป๋าก็อยู่ด้านนอก แฮ่ๆ -.,-) ฉันอ้าปากจะด่าเขาแต่ก็เปลี่ยนคำพูดแทน
“เอ้อ ไหนๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขืนแล้วนี่นา..ราตรีสวัสดิ์ก็แล้วกัน” ฉันพูดจบก็พลิกตัวไปอีกด้านแต่วิกเตอร์ก็ยังไม่วายตามมาจองล้างจองผลาญฉันอีก
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ”
คืนนี้ฉันนอนกับวิกเตอร์ บลูมนอนกับพาสเตอร์แล้วอย่างนี้พี่สตาฟฟ์ของฉัน... นางฟ้ากับซาตานนอนด้วยกันเหรอเนี่ย =__=
ความคิดเห็น