ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แว่วเสียงพิณ
ความรู้สึกแรกที่ฟงเหลยรู้สึกก็คือ มึน ปวดหัว เวียนหัว และก็ อยากอ๊วกกก ส่วนเป้าหมายนั้นเขาเลงไปที่กระโถนน้อยๆที่อยู่ข้างเตียง
" อ๊วกกก "
เขารู้สึกว่าอากาศภายนอกผ้าห่มมันช่างหนาวเสียกระไร ทั้งๆที่ปกติเขาอยู่บนเขามารซ่อนซึ่งมีหิมะตกตลอดปียังไม่เคยหนาง แหล่งความอบอุ่นที่อยู่ไม่ห่างกายช่วยเขาได้มากทีเดียว เขากอดร่างบางไว้แน่น ความรู้สึกอบอุ่นที่แล่นจากผิวหนังเข้าสู่หัวใจมันช่างลึกล้ำ
" เฮ้ยย "
พรึบบบบบ
ฟงเหลยสะดุ้งก่อนจะเลิกผ้าห่มออกจากเตียง สิ่งที่เขาพบคือ หยกหิมะสีขาวงดงามที่สลักเสลาเป็นรูปอิสตรีที่ดูดีมากๆคนหนึ่งในโลก ใบหน้าที่เปร่งความงามตลอดเวลา แม้เต่ยามที่คิ้วขมวดและห่อตัวด้วยความเย็นยังดูน่ารักสดใส เขาคงเมาแน่ๆเพราะตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้น
ฟุบ
เขาตัดสินใจนอนต่อไปทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ใช่ รอเขาสร่างเมาก่อนค่อยว่ากัน ยามเมื่อเราเมาไร้สติเรามักลืมตัวเสมอ เขารู้เช่นนั้นจึงตัดสินใจอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไร มันอาจช่วยได้บ้างนะ
เพียงแต่เมื่อหยกชิ้นใหญ่เอาแขนมาโอบเขาเสียแน่น ใบหน้าที่เนียนนุ่มมุดกับอกของเขาราวกะมันเป็นเพียงปุยนุ่น เนื้อหนังที่แนบกันสนิทช่างทำเอาใจของเขาเต้นระรัว วงแขนอ่อนนุ่มรัดแต่พอดี เนินเนื้อขาวสวยทั้งสองเบียดชิด อ่า นี้เขาพลาดที่กลับมานอนเป็นแน่
ในหัวของเขาสว่างโพล่งไปหมด ความคิดไม่เหลือหลอ จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถนึกออกได้ว่าตนเองเป็นใคร แผนดินนี้ช่างล้ำลึก แม้สำเร็จอภิมหาวิชาระดับสุดยอด ก็ยังไม่สามารถแม้แต่รีดเร้นลมปราณออกมาแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้ ใครจะน่าเวทนาเท่าข้าอีกเนี้ย แต่ก่อนที่ความคิดของเขาจะวุนวายไปกว่านั้น ร่างบางก็พึมพำอะไรออกมา
" ข ข้า ท่า. น อย่. ไป "
ถอยคำที่ร่างบางละเมอออกมาแฝงไปด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อยเสียใจ ฉับพลันดวงตาของฟงเหลยก็สว่าง สติที่เตลิดจากไปถึงเขาเหลียงซางกลับเข้าร่างสำเร็จ เขาแอบได้ยินเสียงสรรเสริญพุทธคุณขององค์ยูไล เขาลุกจากเตียง
ราวกับว่าร่างของชายหนุ่มกลายเป็นหมอกควัน เพียงพริบตาร่างของเขาก็หายไปจากเตียง จังหวะการย่างเท้าที่สมบูรณ์ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ประตูถูกเลื่อนออกมายังห้องจัดเลี้ยงของคืนที่ผ่านมา ห้องทั้งห้องถูกทำความสะอาดหมดสิ้น ตรงข้ามกับประตูที่เขาเปิดออกมาเป็นประตูอีกบาน เขาไม่ต้องเดาให้มากความก็รู้ว่าสหายของตนอยู่ในห้องนั้น
แท่นทางขวามือของเขาซึ่งเคยเป็นที่บรรเลงเพลงของหญิงสาวมากมาย ณ ตรงนั้นมีพิณตั้งอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะลูบสำรวจมันอย่างแผ่วเบา ด้วยพลังปราณเฉพาะตัวของเขาทำให้รู้ได้ว่าพิณหลังนี้เป็นของเก่าแก่ แม้ไม่ใช่พิณวิเศษ แต่ในฐานะเครื่องดนตรีแล้ว นับว่ามันทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
ฟงเหลยนั้งอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เบื้องหน้าเป็นพิณ ตั้งแต่มันลงเขามา นี้เป็นครั้งแรกที่มันได้จับเครื่องสายชนิดนี้ เขาหายใจเข้าออกเพื่อปรับร่างกาย จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงออกมา เสียงพิณดังก้องกังวาล แม้ยามวานอาจดังก้อง เพียงแต่ด้วยพลังระดับยอดยุทธไร้พ่าย ทำให้เสียงพิณนี้ดังกังวาลไปทั่วนครหลวง
ชายขอทานที่กำลังร้องโอดโอยเพราะอดอยาก จู่ๆก็หยุดร้อง เด็กทารกที่งอแงกลับสงบลงอย่างน่าฉงน ฮองเต้ที่กำลังปวดเศียรด้วยโอรสแอบหนีออกวังก็ทรงสว่างใจ แม้แต่ร่างบางที่หลับไหลยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลทั้งนิทรา คนที่กำลังฆ่าตัวตายกลับหยุดมือ เหล่ายอดยุทธต่างแตกตื่น ด้วยพลังปราณอันบริสุทธิยากจะประมาณ
" ท่านราชครู ท่านรู้สึกไหม "
เฉินกงกงกล่าวถามสหายอย่างตื่นเต้น ด้วยตัวของเขาเองก็เป็นยอดยุทธผู้หนึ่ง ยิ่งสัมผัสได้ถึงกำลังภายในอันไม่อาจประมาณยิ่งตื่นเต้น
" อื่ม บริสุทธิร้ายกาจ ไม่อาจประมาณได้ แต่ก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวดโดดเดี่ยว "
ราชครูกล่าวออกมาอย่างคลุ่นคิด หากนับตามอันดับยอดยทธที่ ฟางหวินเซียงจัดไว้ อันดับของมันเองคือ หก เหนือกว่ามันย่อมมีเพียง เฒ่าใบสน ฝ่ามือทะลายฟ้า บัณฑิตสังหารเทพ ไต้ซือสุโข มารอัคคี ดัชนีประหารเทพ แม้กระนั้นหากปะทะกับคนที่กล่าวมา มันย่อมมั่นใจว่าต้านรับได้ไม่ต่ำกว่า ครึ่งร้อยกระบวน เพียงแต่เจ้าของเสียงดนตรีนี้ล้ำลึกกว่ามาก มันไม่อาจประมาณได้ว่าจะรับได้เท่าใด เพราะเพียงแค่ปราณและความเชี่ยวชาญมันก็เชื่อว่าผู้บรรเลงย่อมเหนือกว่ามันไปหลายขั้น
" พลังที่ใช้นั้นต้องมหาศาลเป็นแน่แท้ ใยเล่าเจ้าของเพลงยังบรรเลงได้ยาวนาน "
กงกงลำพึงออกมาเบาๆ สายตามองไปทางต้นเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
" ร้ายกาจยิ่งนัก "
ชายชุดดำที่กำลังเคลื่อนร่างไปตามหลังคากล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว มันหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆอย่างขอความเห็น
" ข้าว่าไม่ไหวแน่ อย่าเข้าไปในเขตปราณนั้นเลย "
" แม้แต่เจ้ายังหวาดรึ "
" อ อื่ม ข้าก็แค่คน แต่นั้นไม่น่าใช่คน "
" หื่มม ส่งสัญญาณ ถอนตัว!! "
เงาร่าดำทะมึนอีกนับสิบต่างทะยอยกระโจนกลับไปทางเดิม ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ามองไปทางหอโคมแดงอย่างหวาดกลัว ด้วยความสามารถของมันย่อมทำให้ทราบขอบเขตรับรู้จากปราณของศัตรู เพียงแต่รัศมีสิบลี้นี้มันไม่เกินไปหน่อยรึ สำหรับคำว่าความสามารถของมนุษย์
นับเป็นเวลาหลายช่วงอึดใจ เมืองหลวงที่แสนวุ่นวายกลับเงียบ เสียงสายลมดังหวีดหวิวกล่าวเรียกสติคน เสียงผู้คนปรับมือดังไปทั่วหัวระแหง คำสรรเสริญต่างๆด้งออกมาเป็นระยะ แม้แต่ผู้มีความเย่อหยิ่งยังต้องกล่าวยอมรับว่าตนมิอาจเทียบ
เหล่าผู้ทีล้มลงได่กลับมาลุกยืน เมืองจิตใจที่คับข้องกลับกลายเป็นปลอดโปร่ง ปมปัญหาของหลายๆคนต่างถูกคลายลงด้วยเพียงเพียงบทเดียว
แปะ แปะ แปะ
" นับว่าท่านยอดเยี่ยมนัก "
ชายหนุ่มผู้เป็นสหายกล่าวออกมา ตัวมันเองเดินออกมาจากห้องได้สักพักแล้ว แต่ที่ไม่กล่าวอะไรออกมาเพราะย่อมทราบว่าจะเป็นการรบกวนสหายผู้นี้
" อื้ม ข้าก็ว่าเช่นนั้นล่ะ "
" ห๊ะ ท่าน.. แต่ก็จริงข้ายอมรับเลยว่าท่านสุดยอด แต่ถ้าไม่เห็นกับตาข้าไม่มีทางเชื่อว่าท่านจะมีปราณอันล้ำลึกถึงเพียงนี้ เพราะฉนั้น "
พรุบพรึบ ตึง
" ข้า เทียนหลง ขอกราบท่านเป็นอาจารย์ "
เทียนหลงกล่าวออกมาพร้อมกับโขกหัวกับพื้น แต่ขณะนั้นเอง
" ข้า ไซซี ขอกราบท่านเป็นสามี "
" เฮ้ยยย "
" เย้ยย "
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีมุขเด็ดๆ ขออภัย ทีแรกก็จะจัดหื่น แต่คิดว่าคงไม่เหมาะมั้ง ในเมื่อพระเอกเราเป็นพวกโหดๆออกแนวป่วนเมือง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น