ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #9 : แว่วเสียงพิณ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 55


     

     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
                          ความรู้สึกแรกที่ฟงเหลยรู้สึกก็คือ  มึน   ปวดหัว   เวียนหัว  และก็  อยากอ๊วกกก  ส่วนเป้าหมายนั้นเขาเลงไปที่กระโถนน้อยๆที่อยู่ข้างเตียง
     
     
                         " อ๊วกกก  "
     
     
                          เขารู้สึกว่าอากาศภายนอกผ้าห่มมันช่างหนาวเสียกระไร  ทั้งๆที่ปกติเขาอยู่บนเขามารซ่อนซึ่งมีหิมะตกตลอดปียังไม่เคยหนาง   แหล่งความอบอุ่นที่อยู่ไม่ห่างกายช่วยเขาได้มากทีเดียว  เขากอดร่างบางไว้แน่น  ความรู้สึกอบอุ่นที่แล่นจากผิวหนังเข้าสู่หัวใจมันช่างลึกล้ำ
     
     
     
     
     
                        " เฮ้ยย "
     
     
                          พรึบบบบบ
     
     
     
                       ฟงเหลยสะดุ้งก่อนจะเลิกผ้าห่มออกจากเตียง  สิ่งที่เขาพบคือ หยกหิมะสีขาวงดงามที่สลักเสลาเป็นรูปอิสตรีที่ดูดีมากๆคนหนึ่งในโลก  ใบหน้าที่เปร่งความงามตลอดเวลา แม้เต่ยามที่คิ้วขมวดและห่อตัวด้วยความเย็นยังดูน่ารักสดใส  เขาคงเมาแน่ๆเพราะตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้น
     
     
     
                         ฟุบ
     
     
     
                      เขาตัดสินใจนอนต่อไปทั้งๆที่เป็นแบบนั้น   ใช่  รอเขาสร่างเมาก่อนค่อยว่ากัน  ยามเมื่อเราเมาไร้สติเรามักลืมตัวเสมอ เขารู้เช่นนั้นจึงตัดสินใจอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไร  มันอาจช่วยได้บ้างนะ
     
     
     
                      เพียงแต่เมื่อหยกชิ้นใหญ่เอาแขนมาโอบเขาเสียแน่น  ใบหน้าที่เนียนนุ่มมุดกับอกของเขาราวกะมันเป็นเพียงปุยนุ่น  เนื้อหนังที่แนบกันสนิทช่างทำเอาใจของเขาเต้นระรัว  วงแขนอ่อนนุ่มรัดแต่พอดี  เนินเนื้อขาวสวยทั้งสองเบียดชิด อ่า  นี้เขาพลาดที่กลับมานอนเป็นแน่
     
     
     
     
                     ในหัวของเขาสว่างโพล่งไปหมด  ความคิดไม่เหลือหลอ  จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถนึกออกได้ว่าตนเองเป็นใคร    แผนดินนี้ช่างล้ำลึก แม้สำเร็จอภิมหาวิชาระดับสุดยอด ก็ยังไม่สามารถแม้แต่รีดเร้นลมปราณออกมาแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้    ใครจะน่าเวทนาเท่าข้าอีกเนี้ย  แต่ก่อนที่ความคิดของเขาจะวุนวายไปกว่านั้น ร่างบางก็พึมพำอะไรออกมา
     
     
     
     
     
                     " ข ข้า  ท่า. น อย่. ไป  "
     
     
                   ถอยคำที่ร่างบางละเมอออกมาแฝงไปด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อยเสียใจ   ฉับพลันดวงตาของฟงเหลยก็สว่าง  สติที่เตลิดจากไปถึงเขาเหลียงซางกลับเข้าร่างสำเร็จ  เขาแอบได้ยินเสียงสรรเสริญพุทธคุณขององค์ยูไล  เขาลุกจากเตียง
     
     
     
                  ราวกับว่าร่างของชายหนุ่มกลายเป็นหมอกควัน   เพียงพริบตาร่างของเขาก็หายไปจากเตียง   จังหวะการย่างเท้าที่สมบูรณ์ไร้ซึ่งเสียงใดๆ   ประตูถูกเลื่อนออกมายังห้องจัดเลี้ยงของคืนที่ผ่านมา   ห้องทั้งห้องถูกทำความสะอาดหมดสิ้น  ตรงข้ามกับประตูที่เขาเปิดออกมาเป็นประตูอีกบาน  เขาไม่ต้องเดาให้มากความก็รู้ว่าสหายของตนอยู่ในห้องนั้น
     
     
     
     
                    แท่นทางขวามือของเขาซึ่งเคยเป็นที่บรรเลงเพลงของหญิงสาวมากมาย   ณ ตรงนั้นมีพิณตั้งอยู่   เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะลูบสำรวจมันอย่างแผ่วเบา   ด้วยพลังปราณเฉพาะตัวของเขาทำให้รู้ได้ว่าพิณหลังนี้เป็นของเก่าแก่  แม้ไม่ใช่พิณวิเศษ แต่ในฐานะเครื่องดนตรีแล้ว  นับว่ามันทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
     
     
     
     
                ฟงเหลยนั้งอยู่ในท่าเตรียมพร้อม   เบื้องหน้าเป็นพิณ  ตั้งแต่มันลงเขามา นี้เป็นครั้งแรกที่มันได้จับเครื่องสายชนิดนี้   เขาหายใจเข้าออกเพื่อปรับร่างกาย  จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงออกมา   เสียงพิณดังก้องกังวาล  แม้ยามวานอาจดังก้อง เพียงแต่ด้วยพลังระดับยอดยุทธไร้พ่าย  ทำให้เสียงพิณนี้ดังกังวาลไปทั่วนครหลวง 
     
     
     
     
     
     
     
     
                ชายขอทานที่กำลังร้องโอดโอยเพราะอดอยาก จู่ๆก็หยุดร้อง  เด็กทารกที่งอแงกลับสงบลงอย่างน่าฉงน   ฮองเต้ที่กำลังปวดเศียรด้วยโอรสแอบหนีออกวังก็ทรงสว่างใจ   แม้แต่ร่างบางที่หลับไหลยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลทั้งนิทรา    คนที่กำลังฆ่าตัวตายกลับหยุดมือ  เหล่ายอดยุทธต่างแตกตื่น  ด้วยพลังปราณอันบริสุทธิยากจะประมาณ
     
     
     
     
                " ท่านราชครู ท่านรู้สึกไหม "
     
     
              เฉินกงกงกล่าวถามสหายอย่างตื่นเต้น   ด้วยตัวของเขาเองก็เป็นยอดยุทธผู้หนึ่ง  ยิ่งสัมผัสได้ถึงกำลังภายในอันไม่อาจประมาณยิ่งตื่นเต้น
     
     
     
                " อื่ม  บริสุทธิร้ายกาจ ไม่อาจประมาณได้  แต่ก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวดโดดเดี่ยว "
     
     
                 ราชครูกล่าวออกมาอย่างคลุ่นคิด   หากนับตามอันดับยอดยทธที่ ฟางหวินเซียงจัดไว้  อันดับของมันเองคือ หก เหนือกว่ามันย่อมมีเพียง  เฒ่าใบสน   ฝ่ามือทะลายฟ้า   บัณฑิตสังหารเทพ   ไต้ซือสุโข   มารอัคคี  ดัชนีประหารเทพ  แม้กระนั้นหากปะทะกับคนที่กล่าวมา  มันย่อมมั่นใจว่าต้านรับได้ไม่ต่ำกว่า ครึ่งร้อยกระบวน  เพียงแต่เจ้าของเสียงดนตรีนี้ล้ำลึกกว่ามาก  มันไม่อาจประมาณได้ว่าจะรับได้เท่าใด  เพราะเพียงแค่ปราณและความเชี่ยวชาญมันก็เชื่อว่าผู้บรรเลงย่อมเหนือกว่ามันไปหลายขั้น
     
     
                 " พลังที่ใช้นั้นต้องมหาศาลเป็นแน่แท้  ใยเล่าเจ้าของเพลงยังบรรเลงได้ยาวนาน "
     
     
              กงกงลำพึงออกมาเบาๆ   สายตามองไปทางต้นเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
     
     
     
     
     
     
     
                 " ร้ายกาจยิ่งนัก "
     
     
                 ชายชุดดำที่กำลังเคลื่อนร่างไปตามหลังคากล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว   มันหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆอย่างขอความเห็น  
     
     
                 " ข้าว่าไม่ไหวแน่  อย่าเข้าไปในเขตปราณนั้นเลย "
     
                " แม้แต่เจ้ายังหวาดรึ "
     
                " อ อื่ม  ข้าก็แค่คน  แต่นั้นไม่น่าใช่คน "
     
                "   หื่มม    ส่งสัญญาณ  ถอนตัว!! "  
     
     
                เงาร่าดำทะมึนอีกนับสิบต่างทะยอยกระโจนกลับไปทางเดิม  ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ามองไปทางหอโคมแดงอย่างหวาดกลัว   ด้วยความสามารถของมันย่อมทำให้ทราบขอบเขตรับรู้จากปราณของศัตรู  เพียงแต่รัศมีสิบลี้นี้มันไม่เกินไปหน่อยรึ  สำหรับคำว่าความสามารถของมนุษย์ 
     
     
     
     
     
                  นับเป็นเวลาหลายช่วงอึดใจ  เมืองหลวงที่แสนวุ่นวายกลับเงียบ  เสียงสายลมดังหวีดหวิวกล่าวเรียกสติคน   เสียงผู้คนปรับมือดังไปทั่วหัวระแหง   คำสรรเสริญต่างๆด้งออกมาเป็นระยะ  แม้แต่ผู้มีความเย่อหยิ่งยังต้องกล่าวยอมรับว่าตนมิอาจเทียบ  
     
     
     
                  เหล่าผู้ทีล้มลงได่กลับมาลุกยืน   เมืองจิตใจที่คับข้องกลับกลายเป็นปลอดโปร่ง   ปมปัญหาของหลายๆคนต่างถูกคลายลงด้วยเพียงเพียงบทเดียว
     
     
     
     
     
                  แปะ แปะ แปะ  
     
     
     
                  " นับว่าท่านยอดเยี่ยมนัก "
     
     
                  ชายหนุ่มผู้เป็นสหายกล่าวออกมา  ตัวมันเองเดินออกมาจากห้องได้สักพักแล้ว  แต่ที่ไม่กล่าวอะไรออกมาเพราะย่อมทราบว่าจะเป็นการรบกวนสหายผู้นี้
     
     
     
                   " อื้ม  ข้าก็ว่าเช่นนั้นล่ะ "
     
                   " ห๊ะ  ท่าน..  แต่ก็จริงข้ายอมรับเลยว่าท่านสุดยอด  แต่ถ้าไม่เห็นกับตาข้าไม่มีทางเชื่อว่าท่านจะมีปราณอันล้ำลึกถึงเพียงนี้ เพราะฉนั้น "
     
     
                   พรุบพรึบ  ตึง
     
     
                   "  ข้า  เทียนหลง  ขอกราบท่านเป็นอาจารย์  "
     
     
     
                 เทียนหลงกล่าวออกมาพร้อมกับโขกหัวกับพื้น  แต่ขณะนั้นเอง
     
     
                    " ข้า  ไซซี  ขอกราบท่านเป็นสามี "
     
     
                     " เฮ้ยยย "
     
                     " เย้ยย "
     
     
     
     
     
    ช่วงนี้ไม่ค่อยมีมุขเด็ดๆ ขออภัย  ทีแรกก็จะจัดหื่น แต่คิดว่าคงไม่เหมาะมั้ง  ในเมื่อพระเอกเราเป็นพวกโหดๆออกแนวป่วนเมือง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×