ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #8 : แต่ละฝ่าย

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 55


     






                       ทุกๆคนต่างมีสิ่งที่ปราถนา   และมีหลายครั้งที่ทุกคนปราถนาในสิ่งเดียวกัน  ถ้าสิ่งนั้นเป็นอุดมการณ์นั้นย่อมเป็นสิ่งดี เพราะจะได้ร่วมกันทำให้เป็นจริง  หากแต่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งของเล่า.....






                      " ป๊าดดดด ขาว  "   ชายหนุ่มในชุดคุณชายเอ่ยออกมาเบาๆ 

                      " หืมม  อกใหญ่  "  ชายที่นั่งอยู่ข้างๆลำพึงออกมา  ชุดของเขาเป็นชุดแบบธรรมดา  เพียงแต่สะอาดสอ้าน



                      ฟงเหลยแอบอยู่บนกำแพง  คอยส่องหญิงสาวอาบน้ำอย่างมีความสุข  ส่วนที่อยู่ข้างๆเป็นใครเขาก็ไม่รู้เพียงแต่เมื่อมีอุดมการณ์เดียวกันย่อมไปด้วยกันได้  เหล้าสูตรพิเศษของชายที่อยู่ข้างๆร้ายกาจจริงๆ  พอมากินแก้มกับเนื้อแดดเดียวของเขาแล้ว มันช่างได้อารมณ์


                       " แฮ่กก ๆ แฮ่~ พี่ท่านเอาไงดี  ตอนนี้สาวๆไปหมดแล้ว "  คุณชายเอ่ยถาม

                       " หืด หาดดดๆ   ไม่รู้สิ  มีที่แบบนี้อีกไหม "  ชายธรรมดาถามกลับ

                       " เอ๊  เกรงว่าจะไม่ทัน แต่มันอยู่แถวๆบ้านข้า ไกลจากที่นี้ไม่น้อย" 

                       " เซงชิบ  เจ้าเป็นบัณฑิตป่าว "

                       " ไม่นะ  แม้มีความรู้แต่ข้าไม่ได้เป็นบัณฑิต " 

                       " กำ  แล้วบัณฑิตเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน "










                       " ที่นี้ไงพี่่ท่าน  หอโคมแดงระดับ สิบดวงอาทิตย์ "

                       " ทำไมต้องสิบดวงอาทิตย์ "

                       " ดาวมันริบหรี่ไง  ดวงอาทิตย์มันร้อนแรงงงงง "



                       สองชายหนุ่มเดินเข้าไป ทีแรกคนเฝ้าก็ทำหน้าตกใจที่เด็กหนุ่มวัยเท่านี้ก็ริจะเที่ยวที่แบบนี้  เพียงแต่ถุงทองของคุณชายนั้นมันช่างอัดแน่นเสียเหลือเกินจึงจำใจปล่อยเข้าไปข้างใน   หลังจากนั้นด้วยอะไรก็ไม่ทราบเพียงไม่นานทั้งสองก็มาอยู่บนห้องชั้นสูงสุด  มีนางรำระดับสุดยอดมาปรนิบัต   เหล่าชั้นเลิศหญิงสาวที่สวยงามมากมาย



                        " ข้ารู้สึกรักชอบหยิงสาววคนหนึ่ง "  ชายที่แต่งตัวธรรมดาเอ่ยออกมาด้วยความเมามาย   แต่ด้วยท่าทีและการพูดของเขากลับหยุดทุกสิ่งในห้องแห่งนี้  แม้แต่หญิงสาวที่ปกติขายแต่เสียงดนตรีและท่าร่ายรำยังมานั่งรินสุราให้เพื่อฟังเรื่องราวอย่างชัดเจน  แม้แต่ชายหนุ่มที่มาด้วยกันยังปรือตาฟังอย่างตั้งใจ



                        " ข้าอยู่กับนางมาเกือบสองปี   เป็นสองปีที่แสนสุขของเราสอง   ข้ายกอำนาจกึ่งหนึ่งของข้าให้นาง  แม้นางจะรับไปไม่หมด แต่นางก็เก่งกาจ   เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้  บิดาของนางดันมั่นนางกับคุณชายตระกูลใหญ่  "




                        เขาเว้นช่วงเล็กน้อย  สุรากระดกเข้าปากไปอึกใหญ่   สตรีที่แสนสวยงามผู้เล่นพิณล้วงผ้ามาซับปากเขาอย่างอ่อนโยน  ส่วนนางรำอีกนางรินสุราให้ด้วยท่าทีเรียบร้อย   เขาพงักหัวขอบคุณพวกนางทีหนึ่งก่อนจะซดไปอีกจอก หัวของเขาแนบชิดกับสาวงามผู้เล่นพิณ  แม้ไม่มีใครบอกเขาก็ทราบได้ว่านางคือ  สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง



                      " ข้ารู้ดี  ว่าหากอยู่ต่อไปอีก  คนที่เจ็บช้ำย่อมเป็นเราสอง   ข้าจึงแยกตัวออกมา  แต่เห็นแบบนี้นะ เมื่อก่อนข้าก็เคยเป็นคุณชายตระกูลใหญ่มาก่อน   ข้าร่ำรวยมากมายแม้แต่ทุกวันนี้ข้าก็ยังร่ำรวย  อึก ฮือ อ อ  ข้า  อะ  ผิด  "






                    ใบหน้ายามหลับของชายหนุ่มสร้างรอยยอ้มแก่หญิงสาวไม่น้อย   เมื่อหันไปมองเพื่อนของชายในอ้อมแขนก็พบว่าหม่อยหลับไปแล้วเช่นกัน  



                   " เห้อ  เช่นนั้นจนกว่าพวกท่านจะตื่น  ข้าจะขับกล่อมพวกท่านเอง "


                     เสียงที่ผ่านออกมาจากปากของนางช่างล้ำลึก   แม้ไม่ได้มีลมปราณหรือวิชาทางด้านนี้  แต่เพียงเสียงธรรมชาติของนางก็ไพเราะไม่ต่างจากเครื่องดนตรีชั้นเลิศแล้ว  สมแล้วที่ได้ชื่อว่า  นารีเทพอัปสร   ความรู้สึกของชายหนุ่มในอ้อมแขนใยเล่านางจะไม่รู้   นางผ่านมาก่อนเพียงแต่เรื่องของนางจบไปแล้ว  












                    อีกฟากหนึ่งของยุทธภพ



                     สภาหารือร่วมฝ่ายธรรมะ  กำลังถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด   สาเหตุมากจากเมื่อไม่กี่วันก่อน จากเรื่องเล็กๆส่วนบุคคลตอนนี้ขยายใหญ่ไปทั่วยุทธภพ


                     " มารอันธพาลอันตรายยิ่งนัก   ตอนนี้ยังมีบุปผาคลั่งอีก  พวกท่านจะให้ข้าทำอย่างไร "   เจ้าสำนักมังกรทองกล่าวเสียงดัง


                    " ก็อะไรสักอย่างสิ  "   เจ้าสำนักดาบข้ามภพตอบ

                    " สำนักท่านสิ   ลองไปเจอกับพวกหน่วยมารลำดับต่ำๆสิ  แล้วท่านจะรู้ "

                    " ประสกกล่าวเช่นนั้น   ช่วยอธิบายให้อาตมาฟังหน่อย " ไต้ซือ ถั่วเขียวกล่าวออกมาอย่างสุขุม

                    " ได้   สำนักมาร  มีสาวกแบ่งเป็นรุ่น  เมื่อพวกจบจากโรงเรียนเตรียมมารของสำนัก  มันก็จะแยกย้ายกันไปอยู่หน่วยต่างๆ  จากนั้นก็พัฒนาฝีมือเพื่อย้ายไปอยู่หน่วยที่ต่ำลง  เพื่อเงินทองและสวัสดิภาพ  นอกจากนี้ยังมีวรยุทธที่ถ่ายทอดกันเฉพาะอีกด้วย "


                    "  พูดอย่างนี้แสดงว่าท่านส่งหน่วยสอดแนมเข้าไป "

                    " ใช่ " เจ้าสำนักตอบกลับไปแฝงด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

                    " แล้วเกิดอะไรขึ้น "  เจ้าสำนักกระบี่ขุนเขาถามด้วยน้ำเสียงหวาดวิตก

                    " ฮึ  ศิษย์ข้ากลับมา   จากนั้นมันก็ชักชวนพวกที่เหลือ  ไปหมด  ไม่มีเหลือ  ไม่เสียเลือด ไม่เสียเนื้อ  ไม่มีคนตาย   มีแต่ข้าที่สูญเสีย ฮืออออ "









                       ณ  สำนักมาร



                      " เรียนท่านเจ้าสำนัก  ข้าน้อยมีความเห็นว่าเราน่าจะเปรียนชื่อสำนัก "   ชายร่างสูงกล่าวออกมาระหว่างประชุมกันในห้องโถงใหญ่  ณ สาขาใหญ่ สำนักมาร


                      " อย่างไร "  มารอันธพาลกล่าว   จริงๆแล้วภายในสำนักตอนนี้มันแทบไม่ต้องทำอะไร  เพราะเด็กๆมันชอบสร้างผลงาน  อีกทั้งยังแข่งขันกันเอง  และคอยตรวจสอบกันและกัน  จนมันและอาจารย์หญิงไม่ต้องทำอะไร


                      " ข้าน้อยเห็นว่าเราน่าจะเปลี่ยนเป็นสำนัก  มารที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน  ด้วยเรามีมารที่สำเร็จการศึกษาเมื่อเดือนก่อนอีกพันคนซึ่งเมื่อร่วมกันตอนนี้เรามีมาร ระดับล่างถึง  ห้าพัน  มารระดับกลางอีกเกือบๆพัน   มารระดับสูงหนึ่งร้อยกว่า   มารระดับยอดยุทธอีกห้าสิบชีวิต  ข้าน้อยคิดคำว่า  ที่หนึ่งของแผ่นดินย่อมเหมาะสมแก่เรา " 


                      " พวกที่เหลือว่าไง "  มารอันธพาลขี่เกียจคิดจึงกล่าวถามมารรุ่รน้องๆ

                      " สำนัก  มารที่หนึ่งแห่งแผ่นดินจงเจริญ "




                     เสียงตะโกนก้องไปทั่ว  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันชอบกัน   เมื่อไม่มีอะไรแล้วเขาจึงขอตัวกลับไปฝึกวิชา โดยการบริหารภายในทั้งหมดตกแก่สภามารร้ายที่สุด(?)    แต่ละภารกิจหารือกันที่นี้ก่อนจะส่งเป็นกระดาษไปแปะไว้บนกระดานภารกิจของสำนัก




                      แม้จะพยายามทำชั่วกันแค่ไหนแต่มารร้ายมือใหม่ยังคงห่างไกลจากคำว่าชั่วร้ายนัก










                     " เราจะบุกโจมตีมัน  "  เจ้าสำนักกระบี่ขุนเขากล่าวอย่างมาดมั่น 

                     " เช่นนั้นเราจะชั่วด้วย "  เจ้าสำนักชีสะท้านฟ้าเอ่ย

                     " เพื่อยุทธภพ แม้จะปาณาติบาต อาตมาก็คงต้องทำ   ยาราไนก๊า  "  ไต้ซือถั่วเขียวสรรเสิญอาเบะ

                     " เราก็เอาด้วย " เจ้าสำนักหมัดคุณธรรมแสดงท่าที

                     " ข้าเอาด้วย " เจ้าสำนักดาบข้ามภพกล่าว  

                     " อึก ฮือ  แม้ไม่มีสำนักข้าก็เอาด้วย " อตีดเจ้าสำนักมังทองน้ำตาไหล  ในที่สุดก็ถึงเวลาล้างแค้นศิษย์ทรยศ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×